วิถีบวร 1 ใน 1000 ตอน… เพิ่มสัมประสิทธิ์ Good Morning ริมมูน
วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2561
เช้ามืดฟังธรรมะรับอรุนที่พ่อปู่เทศน์เรื่อง 8 อ.พ่อครูบอกว่า 2 ตัวต้นของการรักษากายขันธุ์คืออิทธิบาทและอารมณ์ เป็น 2 สิ่งที่สำคัญ ถ้าทั้งสองอย่างนี้ทำได้ดี ตัวอื่นก็จะตามมาเอง
ฟังดังนั้น ยิ่งมีความพากเพียรออกจากความขี้เกียจ ไปเดินและวิ่งออกกำลังกายที่ริมแม่น้ำมูนจะดีกว่า ฟ้ายังไม่สว่างดีเดินออกจากที่ทำงานแวะแปลงฟักทองที่ปู่เถาดูแล ได้เห็นลูกฟักทองเติบโตขึ้นทุกครั้ง เจอปู่เถาพอดี ปู่บอกว่ารุ่นนี้ลูกไม่ใหญ่นักนะเพราะไม่ค่อยได้ให้อาหารเขาเท่าไหร่ แต่ก็เห็นถึงผลผลิตที่ชาวชุมชนเฟส 1อาจจะนำไปประกอบอาหารได้
เดินไปที่ริมแม่น้ำมูนต้องขอบอกว่าไม่ผิดหวังเลย วันนี้พระอาทิตย์ดวงโต๊โต!!แสงอรุณยามเช้าส่องผ่านต้น”ดวงใจรัก”ทำให้นึกถึงพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ที่เดิมชื่อรักรักพงษ์ซึ่งต้นดวงใจรัก หรือต้นสะตือ ต้นแฮนี้ เป็นต้นไม้ท้องถิ่นที่หาได้ยาก นักพฤกษศาสตร์ที่เคยมาสำรวจต้นไม้ท้องถิ่นที่บ้านราชเคยบอกว่า ต้นสะตือขนาดใหญ่เช่นนี้ยิ่งหาได้ยาก ยื่งต้นขนาดใหญืแบบนี้หายากเหมือนกัน เมื่อถึงริมแม่น้ำมูนดิฉันไม่รีรอที่จะเก็บภาพGood Morning ริมมูนกับพระอาทิตย์ดวงโตReflection แสงสะท้อน ฟรุ๊งๆๆๆแทบอยากจะไปนอนบนผืนน้ำ อาบแดดยามเช้าเลยค่ะ เมื่อประกอบกับเรือเอี๊ยมจุ๊นใหญ่ที่จอดในแม่น้ำมูน โอ๊ยๆๆๆ สุดยอดบรรยากาศสดชื่นแบบนี้หาซื้อไม่ได้ที่ไหน ต้องมาสัมผัสกันเอาเองนะจ๊ะ
เหลียวหันหลังกลับไปดูฝั่งตะวันตกเห็นพระจันทร์ดวงโตที่กำลังลาลับจากท้องฟ้าทำให้นึกถึงวัฏจักรการเกิดดับของกิเลสที่มีความไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ที่หมุนวนไม่รู้จักจบ เหมือนพระอาทิตย์ขึ้นพระจันทร์ลง พระจันทร์ลงพระอาทิตย์ขึ้นถ้าไม่ได้ศึกษาธรรมะรู้การจบก็จะอยู่ในวังวนเหมือนพระอาทิตย์และดวงจันทร์
มาถึงมุมโปรดก็ไม่รีรอที่จะสูดหายใจเต็มปอดเดินลมปราณและแกว่งแขนรับโอโซนแบบไม่ต้องซื้อหาแค่ออกจากภพมา Good Morning พระอาทิตย์ที่ริมแม่น้ำมูลก็สดชื่นได้แล้ว
มองเห็นต้นหญ้าขัดมอญนึกถึงที่พ่อครูเคยบอกว่า ต้นหญ้าขัดมอญสามารถทำเป็นไม้กวาดได้อย่างดี จึงนึกอยากทดลองเลยถอนมาทั้งต้น เพื่อนำไปตากแห้งและมัดรวมกันทำไม้กวาด อย่างที่พ่อครูบอกไว้ ได้ผลอย่างไรจะนำมาบอกเล่ากันอีกทีนะคะ..
ได้รับสัญญาณออนไลน์เข้ามาทางโทรศัพท์ เห็นภาพพ่อครูกำลังโยคะออกกำลังกายที่ท่านปัจฉาสมณะแชร์มาในกลุ่มลูกหลานชาวอโศกให้รู้ถึงกิจวัตรในการออกกำลังกายที่พ่อครูปฏิบัติสม่ำเสมอต่อเนื่อง ประกอบกับตนเองกำลังฟังเพลงบินตามพ่ออยู่ด้วย เห็นภาพพ่อครูออกกำลังกายทำให้มีแรงวิ่งสปีดขึ้นมาได้อีกหน่อย ระลึกถึงพ่อครูในวัยย่าง 85 ยังมีความเพียรมากมายมหาศาลในการดูแลรรักษาสุขภาพขนาดนี้ ตัวลูกแร้งปีกอ่อนแบบดิฉัน ยิ่งต้องมีความพากเพียรมากยิ่งขึ้น จะอ่อนแอให้กับกิเลส อัตตามานะของตนเองซ้ำแล้วซ้ำอีกได้อย่างไร
เดินไปถึงป่าต้นยางเขตอนุรักษ์ของชุมชน เกิดอาการตะลึงตึงตึงๆ!!!กับภาพที่เห็น..ซึ่งเป็นปกติถึงของคนชอบเก็บภาพ อดไม่ได้ที่จะนำมาฝาก เป็นภาพแสงพระอาทิตย์ส่องผ่านแมกไม้เป็นช่องแสงประกอบกับมีหมอกจางๆ โอ๊ย!!!..ขอบอกว่าไม่มาสัมผัสเองจะไม่รู้ถึงความงามตามธรรมชาตินี้เลย
เดินเดินวิ่งๆมาถึงเฮือนสุดชีวิตที่ไม่สุดชีวิตก็มาได้ บรรยากาศช่างเงียบจริงๆถ้าใครมากลางคืน ถ้ากลัวผีคงวิ่งป่าราบแน่นอน แต่ชาวอโศกพ่อครูสอนไว้ว่าผีตัวยาว ตาโบ๋ แลบลิ้นปลิ้นตานั้นไม่มี มีแต่ผีในตนที่ยังเป็นผีเปรต ผีปอบที่มีทั้งผีโทสะ(ขี้โกรธ) ผีโลภะ(ขี้โลภ)ผีโมหะ(ผีติดอบายมุข) เป็นผีอยู่ในตัวเองเป็นผีหลอกหลอนจิตใจ ถ้ายังมีผีเหล่านี้อยู่น่ากลัวกว่าผีในหนังเสียอีกค่ะ.. บริเวณนี้จะเห็นต้นยางและต้นไม้ท้องถิ่นอยู่เป็นจำนวนมากเพราะเป็นเขตป่าอนุรักษ์ของชาวชุมชน
ก่อนขึ้นเฮือนสุดชีวิตจะมีหลักศิลาที่มีคำคมเป็นหลักเขต ทำไว้เตือนใจสำหรับผู้ที่ยังไม่มรณา ให้ระลึกถึงว่าเวลาที่เรายังเหลืออยู่เราใช้เวลาทำอะไรกันอยู่??
แวะไปเรือใหญ่ ข้างเฮือนสุดชีวิตมองไปที่เมรุเผาศพ ช่างมีความสงบจริงๆ ได้มองเห็นความไม่เที่ยงของคน สักวันหนึ่งเราก็ต้องเป็นผู้มาใช้บริการที่เฮือนสุดชีวิตนี้ มองขึ้นไปเห็นหลังคาดูดูไปก็คล้ายทรงปิรามิดที่กำลังฮิตในขณะนี้ เฮือนข้างกันมีหน้าบันเป็นงานศิลปะของเมืองนรก(ในจิตใจคนที่ร้อนรุ่มเหมือนอยู่ในกระทะทองแดง ถ้าเราไม่กำจัดผีอบายต่างๆออกจากจิตใจ)เป็นงานศิลปะของ อาแสงศิลป์ เดือนหงาย(ศิลปินชาวอโศก)ที่ได้ทำงานศิลปะนี้ไว้เมื่อปี 2553 มาหยุดนั่งพักบนเรือใหญ่ข้างเฮือนสุดชีวิตที่กำลังปรับปรุง เป็นศาลาเอนกประสงค์
ก่อนกลับขอแวะถ่ายรูปกับเชิงตะกอนโดยที่ยังมีลมหายใจอยู่น่าจะดี เพราะถ้าไม่มีลมหายใจแล้ว ก็คงได้แต่นอนหลับตาและโดนเผาไปอย่างเดียว
เช้านี้ได้ออกจากภพ มาเพิ่มสัมประสิทธิ์นิดหน่อยให้กับร่างกายขันธุ์ของตัวเองแถมได้หญ้าขัดมอญ 1 กอเป็นงานทดลองสำหรับทำไม้กวาดตามที่พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ได้บอกไว้ ตลอดเส้นทางออกกำลังกายก็ฟังเพลงชาวอโศกไปด้วย โดยเฉพาะเพลง “บินตามพ่อ”ทำให้นึกถึงตนเองที่เป็นลูกและยังเป็นลูกผู้อ่อนแอก็จะขอมีความเพียร บินตามพ่อไปตลอดเท่าที่ยังมีลมหายใจอยู่ ขอเป็นดอกหญ้าธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่ไม่กอบโกย ไขว่คว้าสิ่งใดเกินตัว ทำเป็นธรรมเท่าที่ได้ เท่าที่มีในตน