610827 อาริยสัจ 4 ปริวัติ 3 อาการ 12 คืออย่างไร
ส. ดินไท : กราบเรียนถามพ่อท่านที่ว่าการกำหนดรู้ทุกข์ในปริวัติ 32 กตญาณ กิจญาณ สัจจญาณ แล้วก็มีอะไร
พ่อครู : ก็แค่นั้น 3 กับ 4 เป็น 12 4 ทุกข์ สมุหทัย นิโรธ มรรค กำหนดรู้ทั้ง หนึ่ง สัจจะ สอง จิต สาม กต
ส. ดินไท : วิธีปฎิบัติ
พ่อครู : สัจจะ คือ ความจริง แต่อันที่หนึ่ง คือ รู้ทุกข์ ก็รู้ต้องรู้ความเป็นทุกข์อย่างจริง แล้วก็กิจ ก็ทำกิจ เมื่อรู้ทุกข์ก็จะทำยังไง ก็ต้องทำกิจ เอามันออก รู้ทุกข์ก็ต้องมีกิจเอามันออก แล้วก็กต ทำแล้ว นั่นคือสาม สามรอบสุดท้าย กว่าจะสามรอบสุดท้ายก็ต้องมี พลังวัตร พลวัตรก่อน ก็ต้องมีการ dynamic ต้องมีการทำงาน ต่อมาก็มารู้เหตุ รู้เหตุ ต้องพยายามเหตุคือนี่เป็นสัจจะหรือเปล่า เหตุเป็นสัจจะ เหตุต้องฆ่า เหตุต้องกำจัด โดยกิจโดยการกระทำ โดยกิจก็จะต้องฆ่า ถ้าฆ่าแล้วก็คือกต ก็ต้องมีพลวัตรเหมือนกัน สาม นิโรธ ตอนนี้ จะเสร็จละ ก็ต้องรู้ว่านี่คือนิโรธละนะ นี่เราดับได้ละนะ เริ่มดับได้ 1ครั้ง ดับได้ 2 ครั้ง ดับได้ 5 ครั้ง ดับได้ 36 ครั้ง ลดได้ 72 ครั้ง ลดได้ 108 ครั้ง 36 36 36 อะไรก็แล้วแต่
ส.แสนดิน : ทำทุกปัจจุบัน
ส.ดินไท : จะต้องรู้ลึกเข้าไปเรื่อยๆ เพราะว่า
พ่อครู : ใช่ นิโรธก็ต้องสี่ สี่เหมือนกัน ไม่ใช่นิโรธก็ต้องสาม สัจจะ ต้องเป็นสัจจะแล้วก็ต้องทำ
ส.ดินไท : กิจจะ
พ่อครู : ต้องรู้ว่ามันใช่นะ อย่างนี้นะนิโรธ สัจจะ นิโรธอย่างนี้นะ ใช่นะ ถูกนะ เป็นจริงนะ แล้วก็ทำต่อ ทำอนุรักขนา ได้แล้วก็อนุรักขนา จนกระทั่ง กต จนกระทั่งจบแน่นะ จบแน่นะ นิจจัง ธุวัง สัสสตัง อวิปริณามธัมมัง
ส.แสนดิน : อสังหิรัง อสังกุปปัง
พ่อครู : อีกเป็นอันสุดท้าย กต เพราะฉะนั้นเราก็ทวน รู้นะทุกข์ เนี่ยนะ จำได้นะ ตอนนี้ไม่มีแล้วนะ หมดแล้วนะ ทุกข์นะ ทวน หาเหตุ เหตุ จำได้นะ เหตุมัน ได้ลด ได้ละ ได้คลาย กำจัดแล้วนะ จนนิโรธ นิโรธตั้งแต่เริ่มนิโรธแรก นิโรธสุดท้ายนะ ต้องทวนตรวจสอบด้วยวิธีนี้นะ คามินีปฏิปทา ด้วยวิธีนี้นะ
ส.ดินไท : ต้องรู้รอบ
พ่อครู : รู้รอบหมดเลย วิธีนี้นะ ทวนอีกทั้ง 3 กิจ
ส.แสนดิน : 12
พ่อครู : สัจจะ กิจ กต ทวน ทั้ง ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ก็เป็น 12 ครบ
ส.ดินไท :ที่เขาไปอธิบายว่า เวลามีทุกข์เกิดขึ้น อย่าไปฟุ้งซ่าน อย่าไปอะไร
พ่อครู : ก็เป็นแต่เพียงบรรเทา
ส.ดินไท : กำหนดรู้ว่ามันทุกข์
พ่อครู : นั่นแหละวิธีปฏิบัติของเขา
ส.ดินไท : แล้วมันก็จะหายไปเอง
พ่อครู : เขาไม่มีศีล สมาธิ ปัญญา ไม่มีลำดับ เขาไม่มีลำดับ เป็นแต่เพียงว่าเอาความเป็นลำดับ เบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย เอาศีลข้อ 1 มาเป็นข้อกำหนด เหตุอันนี้คุณก็ลองทำแล้วจากเรื่องสัตว์ เหตุอันที่สองเรื่องของกับเรื่องพืช เป็นสิ่งของ เหตุของ ตา หู จมูก ลิ้น กาย คุณก็ไม่ได้รู้เรื่องเลย ไม่ได้เอาศีลมาเกี่ยวข้องเลยที่พูด ไม่ได้เป็นไตรสิกขาเลย ไม่ได้เป็นจรณะ15 เลย ไม่มีไตรสิกขา ไม่มีจรณะ 15 ไม่มีสำรวมอินทรีย์ ไม่มีโภชเนมัตตัญญุตา ไม่มีชาคริยานุโยคะ ไม่มีเลย สำรวมอินทรีย์
ส.แสนดิน : จะไปบอกให้จิตไม่ฟุ้งซ่านไม่มีทางทำได้หรอก
พ่อครู : ไม่มี เพราะนั้นเอาอปัณณกปฏิปทา 3 มาจับ คุณไม่มีสำรวมอินทรีย์ คุณไม่มีเลย ตาหูจมูกลิ้นกายใจ คุณไม่เคยสำรวม คุณไม่เคยสัมผัสเกี่ยวข้อง ไม่เคยรู้เรื่อง พอคุณไปสัมผัสกับอะไรในโภชนะ สิ่งที่กิน สิ่งที่ใช้ มีเครื่องบริโภค เครื่องอุปโภค คุณสัมผัสกับเครื่องอุปโภคก็ตาม คุณสัมผัสกับเครื่องบริโภคก็ตาม มันก็จะเกิดให้คุณได้เรียนรู้กิเลสในจิต ภาวะสองในจิตทั้งนั้นแหละ แต่คุณไม่ได้สำรวมระวัง จนกระทั่งคุณตื่น แต่ก่อนนี้จมอยู่กับมัน ตอนนี้ตื่นๆๆ ชาคริยา จนกระทั่งสมบูรณ์แบบเป็นพุทธะเลย จบ อปัณณกปฏิปทา 3 คุณไม่มี เพราะงั้นผลอื่นที่จะไล่เรียงเป็น สัทธรรม 7 คุณจะเกิดศรัทธา ศรัทอินทรีย์ ศรัทธาพละ ไปตามลำดับ ไม่มีเลย ไม่มีลำดับของ ศรัทธา ศรัทอินทรีย์ ศรัทธาพละ ไม่มี เพราะฉะนั้นคุณก็จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงจากหิริ โอตัปปะ ไม่มี เพราะฉะนั้นวิริยะในพหูสูจ ผลที่ได้ เป็นพหูสูจเป็นความจริง พหุสัจจะหรือ พาหุสัจจะ หรือพหูสูจ พาหุสัจจะ ความจริงที่คุณได้มากขึ้นๆๆ พาหุสัจจะ คุณไม่มีพาหุสัจจะเลย เพราะฉะนั้น วิริยะ สติ ปัญญา คุณก็เอาไปใช้เป็นโลกีย์หมด
ส.แสนดิน : เพียรมากเหมือนกัน
พ่อครู : คุณก็เพียร บอกวิระยะไม่มี สติมีไหม มี ปัญญามีไหม มี
ส.ดินไท : เขาบอกปัญญามันเกิดเอง วิธีปฏิบิตก็คือ ดูที่จิตอย่างเดียว
พ่อครู : พวกเกิดเองยิ่งพูดไปเถอะ เอาเถอะ นั่นแหละพวกนั้นไปอยู่กับอาจารย์บูรพาเลย
ส.แสนดิน : ฟุ้งซ่าน
ส.ดินไท : คือมันเป็นอย่างนี้นะคล้ายๆกัน ก็ดูจิตอย่างเดียว มันจะมาจากเหตุอะไรก็แล้วแต่
พ่อครู : นั่นแหละๆ อาจารย์บูรพา ผดุงไทย
ส.แสนดิน : มันดูไม่ได้หรอก จิตมันทำไม่ได้
ส.ดินไท : บอกว่าตากระทบรูปแล้วก็ เขาก็ดูเวทนาอย่างเดียว
พ่อครู : เพราะงั้นการศึกษาถึงบอกว่ามันชัดเจน ยืนยันชัดเจนว่า มันไม่ได้เป็นไปตามอนุสาสนีย์ ไม่ได้เป็นมีการศึกษา 3 ไม่ได้มีจรณะ15 ไม่ได้มีโพธิปักขิยธรรม 37 รวมแล้วโพธิปักขิยธรรม 37 ครบ ทั้งหลักมรรคองค์ 8 ทั้งโพชฌงค์ 7 อธิบายไม่ได้เลย
ส.ดินไท : พอรู้ว่าอารมณ์เนี่ย น้อยใจ ก็ให้ดูว่าน้อยใจ แล้วเดี๋ยวมันก็หายไป
พ่อครู : มันเป็นสมถะทั้งนั้น สมถะลืมตา
ส.แสนดิน : เหตุจากไหนก็ไม่รู้น้อยใจ
พ่อครู : ได้ สมถะลืมตา ผมก็บรรยายไว้หมดแล้วพวกนี้ อธิบายไว้หมดแล้ว
ส.ดินไท : ให้มีเมตตา
พ่อครู : ทวนไปสิ เก่าๆ อธิบายไว้หมด บอกว่ามันเป็นสมถะลืมตา อันนี้สมถะลืมตา ตั้งแต่บอกว่า อะไร รู้ ว่าง เฉย รู้ ว่าง เฉย หลวงอรรถ รู้ ว่าง เฉย รู้ วางๆ เฉย รู้ ว่าง เฉย รู้ วาง เฉย หลวงอรรถ แกก็บ่นของแกอยู่เต็ม
ส.แสนดิน : ใช้ภาษา
พ่อครู : แกก็รู้ของแกอยู่ แต่ก่อนนี้อยู่วัดมหาธาตุ ตักศิลา รู้ ว่าง เฉย
ส.แสนดิน : คนฟังก็พยายามทำตามนะ
พ่อครู : มันก็เป็นพื้นฐาน
ส.แสนดิน : แต่ถ้าเจอปัญหาจริงๆ มันก็ไม่รู้วางเฉยหรอก สู้ปัญหาไม่ได้หรอก
พ่อครู : พลังงานจิตที่จะเป็น ปริสุทธา ปริโยธาตา มุทะ กัมมัญญา ปภัสสรา ถึงจะเป็นแกนของอุเบกขา ไม่มีๆ ของเราเนี่ยครบ เอาคำของพระพุทธเจ้า พวกนี้เราไม่ได้เอาคำของเรามาพูดใส่ ของพระพุทธเจ้าสอนไว้ทั้งนั้นแหละ เขาทิ้งหมด
ส.แสนดิน : ก็ฝรั่งที่มาเนี่ยฮะ เดวิท ออกจากบ้าน เดินเท้า 5 ปีไปอยู่กับธิเบตไปอะไรเนี่ย บอกว่าให้นั่งสมาธิ เพราะคนก็มานั่งกันเยอะ บอกว่าพอออกจากสมาธิ พอกลับบ้านไปเจอปัญหาเก่าก็เหมือนเดิม เขาก็เลยสงสัยว่า มันถูกหรือเปล่า เขาก็เลยบอกว่า เออ มันน่าจะมีสมาธิที่อยู่กับตัวเองตลอดเวลาคือมันไม่แก้ปัญหาไอ้สมาธิแบบนั้น
พ่อครู : ก็ถ้าเผื่อว่าเขาเอง ดูๆเป็นซัมเหมา แต่มันมีปัญญา แสดงว่าเขาเองเป็นผู้แสวงหาคนหนึ่ง เป็นผู้แสวงหาเดวิทเนี่ย
ส.ดินไท : ไป เดินเท้า ไปหา
พ่อครู : มี มีความอุตสาหะ มีความเพียร
ส.ดินไท : ยังหนุ่ม
พ่อครู : ได้ ใช้ได้ ไม่แน่หรอก อาจจะเป็นฝรั่งคนแรกที่
ส.แสนดิน : เป็นธรรมทูต
พ่อครู : เป็นธรรมทูตเลยก็ได้ เป็นชาวอังกฤษด้วย
ส.แสนดิน : เขามาเขาขยันทำงานเหมือนกันนะฮะ ให้ไปทำงานอะไรเขาก็ทำ ใช้ได้อยู่ ก็พวกเราก็ช่วยกันแปล
พ่อครู : ผมสังเกตแต่ก่อนเขาไม่เอาถ่าน เขาไม่มีศาสนา เออ แต่เวลาเราพาสวดมนต์ เขาก็สวดมนต์ตามได้ เขาก็สวด เราดูริมฝีปากเขา
ส.ดินไท : นะโมตัสสะ คำนี้สากล ทั่วโลกรู้ คำว่านะโมตัสสะ
พ่อครู : มันทั้งหมดเมื่อไหร่เล่า
ส.แสนดิน : เรามีสวดเยอะ
พ่อครู : เรามี พุทธัง สรณัง คัจฉามิ อันนี้มันได้หมด ก็แสดงว่าเขาเองมีพื้นฐาน
คุณอี๊ด : นอบน้อมด้วยนะคะ เขาไหว้พวกเราก่อน สำรวม คุยด้วยเขาก็ยิ้ม ถามเขาว่า ตอนนี้เขาไปนั่งกินข้าวด้วย ถามเขาว่า” กินข้าวยัง” เขาไม่รู้เรื่อง เขาก็ยิ้ม
ส.แสนดิน : เขาบอกเลยนะว่า เขาไปมาหลายที่ แล้วก็แสวงหา เขาบอกว่าที่นี่ ใช่ ใช่แบบที่เขากำลังหานี่แหละ สมาธิ แบบที่ว่า อยู่กับตัว
ส.ดินไท : ไปเจอที่อื่นมารู้สึกว่ามันไม่ใช่ แสดงว่าเขามีของเก่า
พ่อครู : มี มีของเก่า ไม่มีของเก่ามาไม่รู้เรื่องทันทีหรอก กว่าจะรู้เรื่องอย่างนี้มันไม่ใช่ธรรมดาหรอก รู้เรื่องอย่างนี้แสดงว่าเขามีภูมิเก่า
ส.แสนดิน : เขาบอกว่าสมาธิไม่มีศีลไม่ได้
พ่อครู : ไม่ได้ นี่ยิ่งชัดเลย ยิ่งชัดเลย
ส.แสนดิน : เขาฟัง เขาก็พอได้นะเนี่ย
พ่อครู : ยิ่งพูดงี้ ยิ่งใช่เลย ยิ่งชัดกว่าอาจารย์มั่นอีก
ส.แสนดิน : เมื่อวานนี้หายโง่มาช่วยแปล พอดีเขามาร่วมค่าย แล้วก็มาสรุป มาพูดแล้วสิริมาก็มาช่วยแปล เออ เขาก็ดีนะพูดจา ใช้ได้
ในสวนดาว ถอดความ
[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=urgxcwDcRoo[/embedyt]