วิถีบวร 1 ใน 1000 ตอน…ร้านเจนี้อบอุ่นจัง..อิอิ
วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2561
เป็นอีก 1 วันที่มีเรื่องเล่าแบบอ่านสบายๆมาเล่าสู่กันอ่านค่ะ
พอเดินทางจากบ้านราชไปที่อุทยานบุญนิยม ก็เจอหลานน้อยกำลังป่วนพี่ๆอยู่ เลยอยากให้เธอสงบอารมณ์ลงหน่อย พาเธอเดินไปหาดินสอสีให้ระบายสีเพื่อให้อยู่นิ่งๆน่าจะดีกว่า พอเข้าไปร้านดินอุ้มดาว แม่ติ๋มรีบบอกเราว่ามีน้องพ่อครูมาเลือกสินค้าในร้านด้วยนะ ลองเข้าไปคุยด้วยซิ ดิฉันเลยเข้าไปเจริญธรรมทักทาย ทราบว่าชื่อคุณตาวิรัตน์ พรหมพิทักษ์ อายุ 79 ปีเป็นน้องพ่อครู 5 ปี คุณตาเป็นลูกของพี่ชายคุณยายบุญโฮม(คุณแม่พ่อครู)เป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกัน คุณตาแข็งแรงมากค่ะ ยังฝากบอกพ่อครูว่าขอให้สุขภาพพ่อครูแข็งแรงเพื่อทำงานช่วยเหลือสังคมได้นานๆ
ได้ดินสอสี จากดินอุ้มดาวมาให้หลาน 3-4 แท่งก็พาเธอกลับมาที่หน้าเวที ดิฉันก็รีบไปหาข้าวมารับประทานเพราะนัดทีมหุงข้าวเพื่อจะไปสัมภาษณ์ แต่ยังมีเวลาไปตำซั่วรสเด็ดที่ไม่ได้กินมานาน แต่ที่อดขำแกมเอ็นดูไม่ได้ที่พอวางชามใส่ส้มตำปุ๊ป น้องนานาเห็น ก็เข้ามาขอกินส้มตำด้วย ดิฉันบอกว่าเผ็ดมากนะ เธอบอกว่าเผ็ดหนูกินได้ ดิฉันเลยให้ไปนำจานมาใส่ คำแรกที่เห็นน้องนานาเอาเส้นบักหุ่งเข้าปาก อดยิ้มไม่ได้ ภาษาอิสานต้องเรียกว่า คักอีหลี เธอกินได้แซ่บจริงๆ ตอนนั่งกินข้าวอยู่ ก็แอบกดภาพนศ.อาชีวะ น้องเขียวกำลังมาช่วยอากษิต ติดพัดลม เพราะปกติเธอชอบหนีกล้องประจำ
กินข้าวไปด้วยชะเง้อดูหลานน้อย น้องข้าวหอมไปด้วย เธอได้ชิมหมั่นโถวจากพี่รุณ เลยอยากกินขึ้นมา ดิฉันเลยให้พี่นานาไปขอท่านสิกขมาตุที่โรงขนมปัง ไม่นานน้องนานาก็มาพร้อมหมั่นโถวคนละ 1 ชิ้น คนที่ถูกใจใช่เลยน่าจะเป็นเจ้าข้าวหอม ที่กินหมั่นโถวไป ร้องเพลงไป เต้นไป มีน้องอัพเดทเป็นมือกลอง ดูแล้วไปคนละทิศละทาง แต่ก็น่าเอ็นดู้ น่าเอ็นดูค่ะ
ได้เวลาปฏิบัติภาระกิจ งานสื่อสารแล้วค่ะ ไปหลังร้านสะดุดตากับ เปลือกฟักทองกองโต ที่รายล้อมจิตอาสาหลายท่านที่กำลังตั้งใจ ก้มหน้าก้มตาปอกกันแทบไม่ได้พักกันเลยค่ะ ดิฉันเรียกว่า”กองทอง” ฟักทองเป็นทรัพย์ของแม่ครัวเพราะฟักทองนำไปใส่อะไรก็จะเพิ่มความหวาน มัน แต่คนปอกก็หวาน มันไม่แพ้กันเลยนะคะ ได้สัมภาษณ์พ่อสะพานบุญที่มีความเบิกบานกับงานอย่างหน้าทึ่งเลยค่ะ แม้ว่าเหนื่อยแต่พ่อสะพานบุญก็มีความสุขค่ะ ดิฉันไปสัมภาษณ์จิตอาสาที่นั่งปอกฟักทองใกล้ๆพ่อสะพาน พูดคุยสัมภาษณ์ทราบว่า เป็นผู้ใหญ่บ้าน ที่อ.สำโรงได้พาลูกบ้านมาอบรมเกษตรกรเมื่อเดือนที่แล้ว เกิดความประทับใจ ทราบว่ามีงานเจเลยตั้งใจมาช่วยงาน มีความประทับใจกับชุมชนที่ไม่มีที่ไหนเลยในประเทศนี้ มาช่วยงานถือว่าเป็นบุญและจะนำไปพัฒนาหมู่บ้านได้หลายเรื่องมากๆ โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาของเยาวชน ฟังธรรมพ่อครูเหมือนขวางคนอื่นเขา แต่พ่อครูพูดเรื่องจริง หลังจากฟังธรรมช่วงไปอบม หลังจากนั้นก็ติดตามฟังรายการภาคเย็นมาตลอด มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจนแม่บ้านที่บ้านบอกให้ไปบวชไป๊..สุดท้ายดิฉันได้อนุโมทนากับผู้ใหญ่บ้านด้วยค่ะ
ระหว่างกำลังสนทนากันนั้นเห็นทีมนักเรียนสัมมาสิกขาศีรษะอโศกพาคณะนักเรียนแลกเปลี่ยนจากเกาหลีมาศึกษาดูงานพร้อมนำมะขามเปียกถุงใหญ่พร้อมกับขาอีก 1 ถุงมาบริจาคช่วยงานบุญนี้ด้วย
เข้าไปพูดคุยสัมภาษณ์กับทีมงานซาลาเปา ซึ่งปีนี้มีผู้คนสนใจในรูปแบบที่มีสีสัน ออกแนวหวานแหวว ท่านสิกขมาตุรินฟ้าท่านสิกขมาตุผาแก้ว คุณประไพพร น้องดาวรวมถึงทีมงานจิตอาสา นักเรียนสัมมาสิกขาช่วยกันทำซาลาเปา จนดิฉันมองจากภาพที่เห็นแล้ว นี่คือบ้าน วัด โรงเรียนที่สมบูรณ์ พอได้สัมภาษณ์พูดคุยกับท่านสิกขมาตุรินฟ้าทราบถึงความตั้งใจความประณีตในการพิถีพิถัน วัตถุดิบและการเอาใจใส่ในเรื่องของสุขภาพลูกค้า ในการใช้สีทำแป้งขนมปัง อย่างเช่นสีเหลืองของแป้งซาลาเปาทำจากฟักทอง สีเขียวหวานน่ารับประทานทำมาจากผักรวมทั้งใบเตยอ่อมแซบ ตำลึงและอีกหลายๆใบ ทำให้เกิดซาลาเปาสีเขียวชวนกิน ส่วนสีฟ้าได้มาจากดอกอัญชัน สีออกชมพูได้มาจากโกโก้และล่าสุดสีออกส้มได้มาจากมันญี่ปุ่นบดละเอียด จึงเป็นแป้งซาลาเปาที่มีรสชาติตามวัตถุดิบที่ได้ แล้วนำมาปั่นลงไปผสมกับแป้งซาลาเปาด้วย จึงได้ไส้ซาลาเปาก็มีตั้งแต่ไส้เค็ม ซึ่งสังเกตได้ถ้าซาลาเปามีจีบ คือไส้เค็ม ซาลาเปาลูกกลมจะเป็นไส้หวานมีทั้งไส้ถั่วทอง ไส้เผือกและไส้งาดำ ลูกค้าท่านใดมาซื้อ แนะนำให้รับประทานทุกสี ทุกไส้ จะได้รสชาติซาลาเปาที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ดิฉันตั้งชื่อว่าเป็นซาลาเปาบวร เพราะถือว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ครบบ้านวัดโรงเรียน
วันนี้เด็กนักเรียนสัมมาสิกขาได้ปั้นแป้งหน้าตาพิเศษไว้สำหรับเป็นเหมือนเค้กวันเกิดให้พี่เจนนักศึกษาปวชปี 3 ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ของน้องๆเด็กๆทำไปก็อารมณ์ดีแม้ว่าโรงขนมปังหรือโรงซาลาเปานี้ไม่สามารถจะมีพัดลมได้เพราะจะทำให้แป้งแข็งทุกคนที่อยู่โรงซาลาเปาจึงเหมือนอยู่ในเตาอบถึงอบอ้าวแต่ก็ดูอบอุ่นซึ่งดูภาพแล้วเป็นอย่างนั้นจริงๆค่ะ
ดิฉันเดินออกมาที่แผนกลวกผักซึ่งได้มีความเจริญพัฒนา ถึงขนาดว่าเป็นแผนกบรรจุน้ำพริกผักเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งวัสดุที่นำมาใส่น้ำพริกผักก็ไม่ใช่กล่องโฟมนะคะ แต่เป็นกล่องเยื่อกระดาษขึ้นรูปที่มีฝาปิดเป็นพลาสติก Pet รีไซเคิลได้ โดยมีคุณหลินพี่ปลากระพงและน้องโอเล่ กำลังจัดวางผักให้ดูสวยงาม มีสีสันน่ารับประทาน คุณหลินบอกดิฉันว่าพยายามจะให้ครบทั้ง 5 สีและมีน้ำพริกของแม่น้อยไว้บริการเป็นชุดอย่างเรียบร้อย ดิฉันมองแล้วตั้งชื่อให้อีกแล้วค่ะว่า “น้ำพริกผักเบญจรงค์รสแซ่บ” ซึ่งถือว่าเป็นอาหารประณีตอีกเมนูหนึ่งค่ะ
มองไปทางเข้าร้าน เห็นคุณแอ๊ด ปลุกดินกำลังนำขยะเปียกเพื่อนำไปหมักเป็นปุ๋ยที่บ้านราช ซึ่งขยะเปียกในที่นี้คือเศษเปลือกผัก ผลไม้ที่เด็ดออกและเศษอาหารจากลูกค้า..ก่อนหน้านั้นได้สนทนากับคุณแอ๊ดซึ่งมีความตั้งใจในการลดปริมาณขยะที่เป็นเศษอาหารหรือ Food Wasteแม้ว่าเศษอาหารจะนำไปทำปุ๋ยได้แต่ผู้ผลิตพืชผักผลไม้ก็คงไม่อยากให้มีเศษอาหารหลงเหลือ เลยฝากมาให้ช่วยรณรงค์ให้ทุกท่านรับประทานอาหารกันแบบไม่ต้องเหลือทิ้ง ก็จะช่วยโลกใบนี้ได้เจ้าค่ะ
พอดิฉันปฏิบัติภารกิจงานสื่อสารเสร็จ ก็มาประจำที่จุดลงลดรับ ลดให้ ลดใช้ถุงพลาสติกของสถาบันขยะวิทยาด้วยหัวใจนั่งไม่นานอาเปีย ศิลปินแถวอโศกได้นำสติ๊กเกอร์มาให้ดิฉัน ที่ได้ไหว้วานให้อาหม่องพลังกาย ช่วยเขียนให้ จึงได้ฤกษ์นำมาติดไว้ที่กล่องรับสินค้าบริจาค ในงานนี้จะตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าเลยค่ะ ท่านใดมีสิ่งของเหลือใช้ ทั้งถุงพลาสติก ถุงกระดาษถุงผ้าและล่าสุดภาชนะใส่อาหารสะอาดมือสอง ก็สามารถนำมาหย่อนเพื่อลดการใช้ถุงพลาสติก และแบบบทเรียนสำหรับนักปฏิบัติธรรมได้ดีอีกด้วยค่ะ
ก่อน 5 โมงเย็นเล็กน้อย อาแดงและอาวิเชียร ก็พร้อมที่จะเริ่มโชว์เชฟกระทะเหล็กไฟแดงกันแล้ว วันนี้ได้ผักพิเศษมา คือถั่วงอกวิเชียร เชฟชื่อดังของจังหวัดนครสวรรค์ ได้โชว์ผัดถั่วงอกไฟแดง ไฟลุกโชนมีคนเย้าอาวิเชียร ว่าผัดผักบุ้ง ผัดถั่วงอกไฟแดง ใส่หมูแดง คุณแดงก็เป็นคนปรุงด้วย อะไรจะบังเอิญอะไรก็แดงได้ขนาดนั้น..55..ถ่ายภาพน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นที่ได้นำมาเป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารทุกฐานการผลิต ทำให้ลูกค้ามั่นใจในเรื่องการใช้น้ำมันมะพร้าวที่ดีต่อสุขภาพลูกค้าด้วยค่ะมีผู้คนสนใจกันอยู่เป็นจำนวนมากเช่นเคยค่ะ
เวลาประมาณ 6 โมงครึ่ง (เย็น) ทีมผู้รับใช้ในงานเจก็ได้มาประชุมปรึกษาหารือถึงเรื่องปัญหาและการแก้ไขในหลายเรื่องมีเรื่องสำคัญที่ออกมาเป็นมติในที่ประชุมแล้วคือการจัดงานวันที่ 13 ตุลาคม 2561 ซึ่งเป็นวันสำคัญของปวงชนชาวไทยที่จะรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ของในหลวงการที่ 9 ซึ่งได้กำหนดเป็นนโยบายของร้านอุทยานบุญนิยมว่า ในวันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม 2561 อุทยานบุญนิยมจะเปิดบริการอาหารเจ ที่รับประทานภายในร้าน ฟรี!!! ทุกแผนก หรือจนกว่าของจะหมด เพื่อเป็นการทำบุญ สร้างกุศลถวายเป็นพระราชกุศล แด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พ่อของแผ่นดิน ซึ่งทุกคนก็ตั้งใจจะสวมเสื้อสีเหลืองกันทั้งร้าน เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 อย่างหาที่สุดมิได้ ..