611019_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ พุทธคุณ 9 เป็นจริงได้ไหมในยุคนี้
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1lwxGJinPaxMk7oHNl75FycD-iz_BQlbiS15y3sU37ZQ/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1RKcYSll30JYdTBSS6DD1-fG9KqKW5XK4
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก เราเพิ่งพ้นจากเทศกาลกินเจมา ตอนนี้เตรียมงานมหาปวารณาที่ชุมชนราชธานีอโศก เตรียมงานตลาดเท่าทุนอีก ตอนนี้จะมีค่ายสัมมาอาริยมรรค เพื่อชีวิตที่ดีกว่า
ค่ายสัมมาอาริยมรรค เพื่อชีวิตที่ดีกว่าเก่า
“ปฏิบัติบูชา กล้าบำเพ็ญเพียร”
ครั้งที่ 33 ณ หมู่บ้านชุมชนราชธานีอโศก
ศุกร์ที่ 19 – อาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม 2561
รับสมัครผู้สนใจเข้าค่าย ฟรี! (จะอยู่กี่นาทีได้)
สมัครได้ที่ อุทยานบุญนิยม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี หรือ
โทรฯ คุณชญาดา 087-4437865
##### สมัครonline ได้ที่ inbox เฟซบุ๊ก กองทัพธรรมFP หรือสื่อธรรมะพ่อครู
พบกับกิจกรรมตามมรรคมีองค์ 8 พบกับหมู่มิตรดี สหายดี สังคมส่ิงแวดล้อมดีที่จะพาคุณสู่ “ทางเอกทางเดียว ไม่มีทางอื่น”(เอเสวมัคโค นัตถัญโญ) อันจะพาไปสู่ความบริสุทธิ์จนถึงสัมมาวิมุติ
ดูจากข่าววิเคราะห์การเมือง พ่อครูว่า ออกกฎหมายรัดกุมอย่างไรคนมันฉลาดขี้โกงจะฉลาดกว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญอีก ประชาธิปไตยจะต้องเป็นอย่างที่พ่อครูว่าจริงๆ เพราะว่าแต่ละคนมาเพื่อเอาชนะกันเพื่อโกงกิน แล้วประชาชนจะเป็นอย่างไร พวกนี้เข้ามาก็มีแต่จะมาดูดเลือดดูดทรัพย์สินดูดทรัพยากรของชาติให้แก่ตัวเอง คนที่มาสมัคร สส.ก็หน้าเดิมซ้ำๆ แต่ถ้าทำการเชิญตั้งน่าจะดีกว่าเลือกตั้ง
คนที่จะมาเป็นผู้แทนควรจะต้องเสียสละเพื่อประชาชนจนเห็นเป็นประจักษ์ไม่ใช่ว่ามาทำเอากันตอนเลือกตั้งเป็นการหาเสียง แต่จะต้องเสียสละมาตลอดจนประชาชนเห็นว่าควรจะเป็นตัวแทนของเขา
ถ้าบ้านราชฯมีคนมาอยู่เป็นพันคน ก็น่าจะช่วยประเทศชาติได้ เราจะต้องเติบโตมากยิ่งขึ้น ทางที่ดีพวกเราควรอยู่อายุยืนยาวไปกันกับพ่อครูด้วยกัน พยายามพากเพียรทำตัวเองให้ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ และอย่าเพิ่งรีบตาย
พ่อครูใช้โศลกว่า ยาวให้เป็น เย็นเรื่อยไป ไขความจริงออกมาให้มากๆหมดๆ
พ่อครูว่า…
SMS 17 ตุลาคม 2561 (สัมมะปี๋ ซี๋วิต)
_รักเอื้อ หลักเขต · กราบนมัสการพ่อครู..ผู้ให้ความพ้นทุกข์
_สุนงค์ อิทธิไพบูลย์ · กราบพ่อท่าน ดิฉันก็โดนเพื่อนถามว่า ข้างในอโศกเป็นยังไง เขาสอนกันอย่างไร สวดมนต์แบบไหน ทำไมพี่ถึงอยากไป คือเข้าใจอยู่ในใจตัวเอง แต่อธิบายไม่ถูกค่ะ เลยบอกไปว่า มีโอกาสไปดูซี.! เราเป็นญาติธรรมกับชาวอโศกนะ
พ่อครูว่า…อโศกเป็นอย่างไร เป็นคนจนสุขสำราญเบิกบานใจ เป็นคนมีวรรณะ 9 เอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาอธิบายทำให้คนได้เข้าใจ ปฏิบัติตามได้ จนกระทั่งเป็นสังคม มีพฤติกรรมสังคมอยู่กับโลกเขา เรานี้เป็นหมู่ชนเป็นมนุษย์ ที่มีชีวิตอยู่ในยุคนี้ แล้วประพฤติปฏิบัติมีทฤษฎีของพระพุทธเจ้าปฏิบัติได้ผลสำเร็จ ด้านรัฐศาสตร์ก็สบาย ด้านเศรษฐศาสตร์ก็สบาย ด้านสังคมศาสตร์ก็สบาย พวกเรานี้ครบหมดแล้ว
อาตมาก็ว่า ประเทศไทย ผู้บริหารน่าจะเข้าใจน่าจะมองออก เขาก็จบดอกเตอร์กันมาหลายดอกเตอร์ด้วย หลายปริญญาด้วยแต่ละคนก็น่าจะเข้าใจได้ แต่ทำไม เขาไม่รับซับซาบหรือไม่นำไปใช้ เพื่อสืบสานทำต่อไป อาตมาก็ว่าอโศกอาภัพนะ พูดโดยโวหาร แต่จริงๆแล้วเราไม่อาภัพอัปภาค เราไม่ได้เป็นคนตกต่ำไม่ได้เป็นคนด้อยไม่ได้เป็นคนขาดแคลนเป็นคนที่เกิดมามีชีวิตแล้ว อาตมาว่า ลึกๆพวกเราจะมีปัญญาเข้าใจ เราไม่มีลาภยศมากมาย โลกียธรรม เราไม่มีสรรเสริญเยินยอ ดีไม่ดีโดนว่าโดนดูถูกดูแคลนด้วยซ้ำ นินทาว่าร้ายด้วยซ้ำ แต่เราก็เข้าใจเขา เราก็อยู่สบายดี สิ่งเหล่านี้เป็นโลกุตรธรรม นี่คือสิ่งที่ยืนยัน ที่บ่งบอกว่าเราอยู่เหนือโลกธรรมเป็นโลกุตระ
เป็นเรื่องพิสูจน์ยืนยันได้เป็นของจริงอาตมาไม่ได้ทำได้คนเดียว แม้แต่ฆราวาสอย่างพวกเราก็ทำได้ดีเป็นกลุ่มเป็นก้อนหนาแน่นแข็งแรง เป็นปึกแผ่น ที่บอกว่าให้อยู่นานๆก็จะดูซิว่าพวกเราจะโรยรา จะหนีหายจนกระทั่งเหลืออาตมาคนเดียวกับท่านฟ้าไท นอกนั้นหมดหรือเปล่า?
หรือมีเท่านี้หนักเข้าก็ทยอยตายจากไปหมด คนใหม่ก็ไม่มีมาใช่ไหม ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น เราไม่คาดเดาอนาคต
ข้างในอโศกเป็นอย่างไรก็มาดูเขาสอนกันอย่างไรสวดมนต์กันแบบไหน อาตมาภาคภูมิใจชาวอโศกสวดมนต์ไม่ต้องอาบัติ แต่ทางเถรสมาคมนั้นสวดมนต์ต้องอาบัติหมด
อาบัติคือหนึ่งไม่เป็นสรภัญญะ เพราะว่าลากเสียงยาว ภาษานั้นมันมี รัสสระ ทีฆสระ
เช่น นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต ก็จบในตัว แต่เมื่อลากเสียง นามัวตัสสสสะ ใส่ทำนองแถมลากเสียงยาวด้วย อาบัติตลอดเลย ไปท่องพร้อมกันสองรูป เอาธรรมบทของพระพุทธเจ้ามาท่องต่อหน้าอุปสัมบันผู้ที่ไม่ใช่นักบวชข้างนอก อาบัติปาจิตตีย์ทุกอาบัติ มีมากจะสวดกันเป็นล้านคนก็อาบัติตลอด ไม่รู้จะพูดอย่างไรให้รู้เรื่อง นี่ก็พูดตรงตามหลักธรรมพระพุทธเจ้าไม่ได้ใส่ความเลยนะ
และอาตมาว่า ศาสนาพุทธทุกวันนี้หากไม่มีสวดมนต์ก็อยู่ไม่ได้ พระเจ้าต่างๆอยู่ได้ด้วยการสวดมนต์ ถ้าไม่มีสวดมนต์ก็ ไร้ ลาภ ยศ สรรเสริญ หรือการยอมรับนับถือ อาตมาก็เห็นว่ามันผิดไปหมด อาตมากล่าวนี้เป็นรายละเอียด
-
สวดมนต์ไม่เป็นสรภัญญะ 2. ลากเสียงอันยาว 3. ใส่ทำนอง 4. เอาธรรมบทของพระพุทธเจ้ามาสวดพร้อมกันตั้งแต่ 2 องค์ต่อหน้าฆราวาส 5 เอามาสวดหากินกันทุกวิถีทาง ตั้งแต่เป็นฆราวาสจนถึงรัฐพิธี ศาสนาพุทธก็เลยมีแต่การสวดมนต์เป็นเครื่องอาศัย ถ้าไม่มีการสวดมนต์แล้วพระเจ้าไม่รู้จะทำอะไร
ถ้าไม่มีสวดมนต์ก็ไม่รู้จะทำอะไรเพราะเขาประเคนอาหารแล้วก็ให้เงินด้วย จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ไปบิณฑบาตเสร็จ เมื่อเขาใส่บาตรเสร็จก็ท่องยะถาสัพพีให้เลย คนไม่สวดก็เลยกลายเป็นผิดไปเลย เราเองก็สวดแบบไม่ใส่ทำนอง สวดสรภัญญะ เช่นสวดพาหุงฯมหากาฯเป็นต้น ก็สวดไม่ผิดสรภัญญะ สำเนียงอาจไม่เหมือนแขกแต่ก็เป็นสำเนียงไทย
ทำไมพี่ถึงอยากไปก็ต้องไปถามเขาดู
_สรายุทธ บุญญโก · วิธีสื่อสารของมนุษย์ก็มี ตัวเลข กับ อักขระ พ่อครูอธิบายเป็นสภาวะได้มาก
_หินไท ชาวหินฟ้า · คุณอู๊ตนี้ยากมากที่จะเข้าใจ ว่าตัวเองไม่ควรออกมาแสดงความคิดเห็น พ่อครูเตือนหลายครั้งแต่ไม่รู้ตัว ใครอยู่ใกล้ช่วยที
พ่อครูว่า…อาตมาว่า อย่านึกว่าได้แต้มนะที่แสดงออกมา
_วันชัย สหมโนธรรม · ครับผม คือฟังแล้วไม่มีเนื้อหามีแต่น้ำวนเสียเวลาของพ่อท่านครับ ขออภัยครับ
_กิตติ ธรรมสโรช · เป็นธรรมดา ที่ต้องสาธยายธรรมยาว ๆ ก็ต้องให้ละเอียดบ้าง ส่วนญาติธรรมที่ตั้งคำถาม ก็วกไปวนมาโชว์ภูมิรู้ให้คนทั้งหลายรับรู้กันไปในตัว
_คอยไท ไมตรีวงษ์ · ขอถามพ่อครู ผมทานอาหารมื้อเย็นมื้อเดียว เพราะตอนเช้าต้องไปทำงานขับรถขึ้นทางด่วน รถจะติดทุกวัน แล้วก็ขับรถตรวจงานตามที่ต่างๆทั้งวัน เย็นถึงกลับมากินข้าวที่บ้านมื้อเดียว ผมทำผิดไหมคับ เพราะที่ไม่กินข้าวเช้าเพราะกลัวไม่มีห้องน้ำเข้าระหว่างทาง และไม่อยากเสียเวลาแวะกินข้าว จึงทานมื้อเย็นให้อิ่มแล้วเช้าทำงานเลย แบบเติมน้ำมันรถเต็มถังแล้วเช้าสตารทรถลุยงานเลย ไม่ต้องหาแวะเติมน้ำมันต่อคิวให้วุ่นวายตอนเช้า เจริญธรรมคับ
พ่อครูว่า…ใครบอกว่าคุณผิดล่ะ คุณจะกินมื้อเดียวต่อวันหรือ 3 วันต่อมื้อก็ไม่ผิด หรือแม้แต่บางคนกินทุกอย่างที่ขวางหน้าก็ไม่ได้ผิดอะไรเป็นส่วนตัวของเขา คุณเองไม่ได้ทำผิดหรอก
_เขาบอกว่าชาวอโศกมีพระอริยะที่เป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ใช่ไหมครับ
พ่อครูว่า…อาตมาขอยืนยันไม่ได้พูดเพ้อเจ้อพูดพล่อย เพราะกรรมเป็นอันทำ พูดก็เป็นกรรม บาป ไม่ใช่ไม่บาป ที่อาตมาพูด ขอยืนยันว่าเป็นความจริงแต่ในสังคมคนไม่รู้ความ ไปยึดถือเอาสิ่งที่เก๊ สิ่งไม่ถูกต้องเป็นสิ่งที่ถูกไปยึดถือเอาอรหันต์เก๊ อาริยะเก๊
อาตมาขอยืนยันว่ามีอาริยะจริงในชาวอโศก อาริยะไม่ได้มีในเถรสมาคม พระเถระสมาคมทั้งยวงมิจฉาทิฐิ พระบ้านเองก็หลงผิดว่าต้องเป็นพระป่าถึงจะปฏิบัติแน่กว่า เพราะเขานั่งสมาธิหลับตา และเขาก็ออกปลีกเดี่ยวไม่ยุ่งเกี่ยวกับลาภ ยศ สรรเสริญ โลกจะสุขอย่างนี้ เขาเข้าใจว่าเป็นโลกุตระ ซึ่งศาสนาพุทธนั้นไม่ได้หนีไปจากลาภ ยศ สรรเสริญ สุขที่มีอยู่
โลกเขามีกันอย่างไรก็อยู่กับที่เขามีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แต่ต้องปฏิบัติตนตามลำดับศีล ศีลข้อที่ 1 2 3 4 ไป แล้วก็ลดกิเลสไป คุณก็จะอยู่เหนือโลก อยู่เหนือโลกียะที่เขามีกันได้ เพราะจิตใจของคุณยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้ เป็นวัสสวัตตี วัสสวัตตีโก เป็นผู้มีอำนาจจิตอยู่เหนือโลกียะได้
พวกเราไม่ได้หนีโลก ก็อยู่กับโลกเขา ได้โดยไม่ยากได้โดยไม่ลำบาก ซึ่งฌานทั้ง 4 อาตมาพาทำ ประสบผลสำเร็จพวกเราปฏิบัติธรรมได้ตามคำสอนพระพุทธเจ้ามีวรรณะ 9 พ้นมิจฉาอาชีวะ 5
กุหนา ขี้โกง ไม่มี ลปนา หลอกลวงไม่มี เนมิตกตา ก็เป็นไปตามลำดับแล้วก็มีชีวิตอยู่เป็นผู้ที่หลุดพ้น และไม่มอบตนในทางที่ผิด สุดท้ายทำงานฟรี พ้นการใช้ลาภแลกลาภ เป็นการพ้นมิจฉาชีพ 5 อย่างบริบูรณ์ นอกนั้นพ้นจากมิจฉากัมมันตะ 3 ก็ทำได้
พ้นจากมิจฉา 4 ของวาจา วาจาเราอาจจะมีบกพร่องบ้างบางที หลายคนก็เข้าข่ายเพ้อเจ้อ ไม่ขยายความแล้วว่าเพ้อเจ้อคืออย่างไร บางคนก็อาจไม่มีส่อเสียดหรือกระทบบ้าง จะปดก็ไม่ รู้สังวรอยู่
โดยเฉพาะสังกัปปะ 3 ก็รู้วิธีปฏิบัติออกจากกามออกจากพยาบาท เป็นต้น หรือออกจากวิหิงสา การปฏิบัติสังกัปปะ 7 เป็นการเรียนรู้จิตใจของเรามันมี ตักกะ วิตักกะ เราก็รู้จักอ่านจิตจับเวทนาที่มันมีตัณหาตามปฏิจจสมุปบาท เราก็อ่านกิเลสตัณหาได้ มีวิธีทำให้มันจางคลายได้ จึงประสบผลสำเร็จ เป็นการปฏิบัติถูกต้องตามธรรมวินัยของพุทธเจ้าอย่างแท้จริง
ชาวอโศกทำให้ศาสนาพุทธมีเนื้อหาสาระของโลกุตรธรรมขึ้นมาได้อย่างจริงๆสำเร็จผล เป็นหมวดเป็นหมู่ มีพฤติกรรมสังคมอยู่อย่างดี แต่คนยังไม่เข้าใจ อาตมาพูดสัจธรรมที่ถูกต้อง คนที่ไม่รู้ก็ฟังไม่เข้าใจ คนที่พอรู้มีปัญญาก็จะพอรู้
อาตมาเคยได้ยิน ผู้รู้ทางเถรสมาคมพูดว่า อันนี้ได้ยินมานะไม่ได้ยืนยันว่าใครที่ไหน เพราะอาตมาเห็นว่า คนยังมีดวงตา เขาพูดว่า เดี๋ยวนี้พุทธศาสนาก็มีอยู่แต่ในอโศกเท่านั้นแหละ คนพูดนี้ไม่รู้ว่าเป็นใครเมื่อไหร่แต่ได้ยินผ่านหูมา ใครสามารถรู้ได้หรือมีคลิปตัวอย่างได้ก็ยิ่งดี เขาบอกว่าศาสนาพุทธเดี๋ยวนี้มีแต่ของอโศกเท่านั้นที่เป็นแบบพระพุทธเจ้า อาจจะไม่เป็นคำต่อคำ แต่เนื้อหาความหมายอย่างนี้ อย่างนี้เป็นต้น
อาตมาว่าอาตมาไม่สงสัย เขาพูดถูก อาตมาไม่ได้หลงตัวเองแต่อาตมาว่าจริง อาตมายืนยันตัวเองว่าอาตมาเป็นผู้มาสืบสานพุทธศาสนาเป็นโพธิสัตว์ ในยุคนี้จะมี 2 องค์ก็พูดไปหมดแล้ว องค์หนึ่งเป็นสายเจโตองค์หนึ่งเป็นสายปัญญา อาตมาเป็นสายปัญญา อีกองค์หนึ่งสายเจโต ท่านก็ทำหน้าที่ของท่านจนครบสมบูรณ์แบบแล้ว จนหมดอายุขัยไปแล้ว อาตมาก็มาทำต่อ ก็ขอยืนยันว่าที่เขามีพยากรณ์ไว้เรื่องธรรมิกราช 2 องค์ มาสืบสานพุทธศาสนาเอาไว้ได้ ไม่ได้เป็นเรื่องเพ้อเจ้อ หรือมุขขึ้นมา เป็นเรื่องจริง อาตมาขอยืนยัน
ผู้ที่สามารถเข้าใจได้อย่างพวกคุณแล้วมาเชื่อถือ ได้ประโยชน์กันไหม ได้ ในชีวิตนี้คุณเองยังเคยหาลาภ เคยแย่งยศกันไหม? เคยแย่งสรรเสริญไหม เคยแย่งสุขด้วยรูป รส กลิ่นเสียง สัมผัสกันไหม ก็หลงกันมา มาทุกวันนี้เข้าใจ ลดได้มากพอสมควร …กล้าหาญมาก ตอบได้ว่าลดได้มากเสียด้วย อยากจะทำให้ได้หมดไหม..กลัวจะตอบว่า หมดก็เป็นอรหันต์สิ
อาจมีคนคะนองว่า เป็นอรหันต์ได้ จะถือว่าคะนองหรือมั่นใจตัวเองก็ได้ อ่านจิตตัวเอง เข้าใจธรรมะแล้วปฏิบัติธรรมะได้จริง
สม.รินฟ้า..
ส.เดินดิน
ส.ฟ้าไท
พ่อครูว่า..พวกเราปฏิบัติโลกุตรธรรมได้จริง แต่โดยคนข้างนอกแล้วเขามีจิตใจริษยาด้วยไม่อยากให้ใครได้ดี มักขะ ปลาสะ มีอุปกิเลสอยู่ โดยไม่รู้ตัวมันก็ไม่อยากจะรับมา เพราะรับแล้วมันข่มเขา โดยเฉพาะมหาเถรสมาคมถ้ายอมรับอโศกก็เท่ากับข่มเขา เขาก็อยู่ไม่ได้ อาตมาก็เข้าใจเขา แม้ว่าทุกวันนี้เขาไม่มีอะไรจะออกมา ก็ขอบคุณเขาอย่างยิ่งแล้ว เขาไม่โต้ตอบไม่ย้อนแย้งอะไรมาก็ดีแล้ว เราก็ใส่เขาน่าดู อันนี้เป็นธรรมฤทธิ์ เท่านี้อาตมาก็ว่ายิ่งใหญ่แล้วนะ มันเป็นเรื่องดีแล้ว อาตมาก็ยังดูคะนองอยู่พูดกระทบอยู่บ่อย ก็ต้องขออภัย พูดแรงด้วย แต่เขาก็เงียบ
มาถึงวันนี้ อาตมาสำนึกเยอะ ว่าเราไม่ค่อยยั้งทุบเขาได้ตีเขาได้ รู้สึกอย่างนี้จริงๆ ก็อาตมาก็ต้องทำหน้าที่เพราะอาตมา เป็นคนที่มีหน้าที่นี้จริงๆ ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนพวกคุณมาเชื่อก็ตัวคุณเองใครบังคับคุณมาเชื่อ
-
บังคับ 2. ปอกลอก 3. จ้าง อาตมาได้ทำสักอย่างหนึ่งไหม ก็ไม่ได้ทำ ประเล้าประโลมหว่านล้อมให้เชื่อมีไหม มีแต่ผ่าเปรี้ยงๆ อาตมาทำตามสัจจะ ก็ทำต่อ
มาอ่าน เตวิชชสูตรกันต่อ…อาตมาอธิบายอย่างมีธรรมรสนะ
-
เตวิชชสูตร
——————
[365] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปในโกศลชนบทพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ 500 รูป เสด็จถึงพราหมณคามของชาวโกศลชื่อว่ามนสากตะ ได้ยินว่า ในเวลานั้นพระผู้มีพระภาคประทับ ณ อัมพวันใกล้ฝั่งแม่น้ำอจิรวดี ทิศเหนือแห่งมนสากตคาม เขตพราหมณคามชื่อว่ามนสากตะ.
พ่อครูว่า..อ่านตอนนี้ก็รู้สึกว่ามีบรรยากาศยิ่งใหญ่น้ำภิกษุ 500 รูปแล้วออกไปเผยแพร่ ได้มรรคผลได้บุคคล
เมื่อเทียบกับเราแล้วยังกับฟ้ากับเหว เราเองดีไม่ดียังถูกด่าว่า แต่ก็ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกยังมีพวกเรารับฟังรับได้ อาตมาว่าทุกวันนี้อาตมาอธิบาย 6 โมงเย็นก็มานั่งกันพอได้นะ จริงๆขนาดนี้อาตมาพอใจแล้ว ที่อื่นเขาอธิบายธรรมะประเล้าประโลม คนมากกว่านี้ด้วย แต่อาตมาอธิบายธรรมะอันเข้มข้นพวกคุณก็นั่งฟังก็ได้ ไม่ค่อยเห็น โงกง่วงนะ ธรรมะสายอื่นๆเขานั่งโงกง่วงมากนะ เดี๋ยวนี้พวกเราไม่ค่อยมี ไม่ต้องเอาอะไรมาก สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน หลับจังแต่ก่อนนี้ อาตมาก็ว่าจะไปรอดไหมนี่ มาถึงทุกวันนี้แม้แต่ฆราวาสก็ตั้งใจฟัง อาตมาแสดงธรรมะอันลึกซึ้งที่เป็นโลกุตระ
คำว่าพราหมณ์มหาศาล สมัยนี้คือพระมหาศาล
วาเสฏฐะและภารทวาชมาณพเข้าเฝ้า
[366] สมัยนั้น พราหมณ์มหาศาลผู้มีชื่อเสียงอาศัยอยู่ในมนสากตคามมากด้วยกันคือ วังกีพราหมณ์ ตารุกขพราหมณ์ โปกขรสาติพราหมณ์ ชาณุโสณีพราหมณ์ โตเทยยพราหมณ์และพราหมณ์มหาศาลผู้มีชื่อเสียงอื่นๆอีก.
ครั้งนั้น วาเสฏฐมาณพกับภารทวาชมาณพเดินเที่ยวเล่นตามกันไป ได้พูดกันขึ้นถึงเรื่องทางและมิใช่ทาง วาเสฏฐมาณพพูดอย่างนี้ว่า ทางที่ท่านโปกขรสาติพราหมณ์บอกไว้นี้เท่านั้น เป็นมรรคาตรง เป็นทางตรง เป็นทางนำออก นำผู้ดำเนินไปตามทางนั้นให้เป็นสหายแห่งพรหมได้. (สมัยนี้ก็คือทางที่พาไปนิพพาน)
ฝ่ายภารทวาชมาณพพูดอย่างนี้ว่า ทางที่ท่านตารุกขพราหมณ์บอกไว้นี้เท่านั้น เป็นมรรคาตรง เป็นทางตรง เป็นทางนำออก นำผู้ดำเนินไปตามทางนั้นให้เป็นสหายแห่งพรหมได้. วาเสฏฐมาณพไม่อาจให้ภารทวาชมาณพยินยอมได้ ฝ่ายภารทวาชมาณพก็ไม่อาจให้วาเสฏฐมาณพยินยอมได้.
ยุคนั้นพระพุทธเจ้าประกาศศาสนา ส่วนใหญ่ยอมรับพระพุทธเจ้ามีบางสำนักที่ไม่ยอมรับยังถือดี มีบางสำนักบอกว่าท่านเป็นเจ้าสำนักใหญ่พระพุทธเจ้าควรจะมาหาท่านต่างหากมีอย่างนี้ด้วย
มาอธิบาย พุทธคุณ 9 กัน
-
เป็นพระอรหันต์ผู้ไกลจากกิเลส ท่านแปลอย่างพยัญชนะ แต่คือผู้ไม่ลึกลับ อรหะ คือไม่ลึกลับ ไม่ลึกลับอะไร ไม่ลึกลับในธรรมะไม่ลึกลับในสัจธรรมทั้งหลายไม่ลึกลับในโลกีย์ไม่ลึกลับในโลกุตระเป็นผู้แทงทะลุแล้วจึงเรียกว่า อรหันต์ คือผู้ไกลจากกิเลส นอกจากไม่ลึกลับแล้วยังทำกิเลสตนหมดด้วย
อันตะ แปลว่าไม่สิ้นสุด หรือที่สิ้นสุดก็ตาม สูงสุดแล้วอันตะ บางทีก็ว่าไม่มีที่สิ้นสุด อันตะ เพราะว่าไม่ทำอะไรอีกแล้ว มันสุดไปหาที่สุดแล้ว เรียก อรหะ อรหัง อรโห อรหันต์
ขออภัยที่ต้องยกตัวอย่างตัวเองอาตมาไม่ลึกลับ อาตมากำลังอธิบายธรรมะของโลก ธรรมะของโลกนั้นอยู่ที่คำว่า เทฺวะ หรือเป็นบาลีอ่าน เด-วะ แปลว่า 2
ในโลกนี้มีเรื่องเทวะเท่านั้นใครแทงทะลุเทวะอย่างไม่ลึกลับแล้วก็เป็นอรหันต์
-
สัมมาสัมพุทโธ แปลว่าตรัสรู้เองโดยชอบ ไม่ได้รับคำสอนความรู้จากใคร มาปางนี้เป็นพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ของท่านเอง ท่านเอาความรู้ที่ท่านรู้จบแล้วมาประกาศเป็นของท่านเอง แต่แน่นอน ก่อนที่ท่านจะมาเป็นพระพุทธเจ้าก็รับมาจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ก่อนเป็นพระโพธิสัตว์ จนกระทั่งท่านประกาศว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้าแล้วเท่ากับพระพุทธเจ้าทุกพระองค์แล้ว มีความรู้ทุกอย่างเท่ากับสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เพราะฉะนั้นท่านก็เป็นธรรมะสามีเป็นเจ้าของธรรมะ ก็มาประกาศในยุคนี้ ท่านก็ประกาศว่าเราเป็นพระพุทธเจ้า เราเป็นเจ้าของธรรมะเพราะว่าธรรมะของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็เหมือนกับของท่านเท่ากันหมด เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ศาสนาพุทธมีเท่านี้ มีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่ตรัสรู้ได้ครบแล้ว เรียกว่าสัมมาสัมพุทโธ เป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ เป็นเจ้าของครบแล้วบริบูรณ์แล้วเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง มาประกาศว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง หมายความว่าพระพุทธเจ้าแต่ละองค์แต่ละองค์ท่านก็เป็นองค์ใดองค์หนึ่งในพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เท่ากันหมดทุกองค์ ประกาศไม่ว่ากี่ยุคสมัยก็แล้วแต่ พระพุทธเจ้ามีจำนวนมากเท่ากับเมล็ดกรวดทรายในมหานที
-
วิชชาจรณสัมปันโน เป็นผู้เข้าถึงหรือเป็นผู้บรรลุ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ คือวิชชา 8 จรณะ 15 เป็นผู้เข้าถึงเป็นผู้บรรลุเป็นผู้มีธรรมะนั้น ไม่ใช่เอาแต่คำพูด พระพุทธเจ้าเป็นเจ้าของหมดเลย อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 อาตมาก็มีจรณะ 15 อาตมาก็มีวิชชา 8 ประกาศกัน อาตมาก็มีตามฐานะของอาตมา มีวิชชา 8 จรณะ 15 เท่าที่อาตมามี เต็มตามบารมีของอาตมา ไม่ได้พิสดารมากอย่างพระพุทธเจ้าหรอก อธิบายได้มากกว่าผู้อื่นอยู่
-
สุคโต คตะแปลว่าไป สุ แปลว่าดี คือเสด็จไปดีแล้ว คนธรรมดาเรียกดำเนินไปดีแล้ว
สำนวนลึกซึ้ง หมายความว่าคนนี้จะเดินทางชีวิตไปในทุกๆก้าว ของกรรมของพฤติกรรมคนๆนี้มีแต่ดี ๆๆๆ เรียกว่าไปดีได้ ไม่มีการสะดุดไปทำชั่วทำเลว ไม่มี มีแต่ดี ๆๆไปตลอด อธิบายด้วยภาษาง่ายๆเป็นจริงตามสภาวะธรรมอย่างนี้
อาตมาก็มีสุคโตดำเนินไปดีแล้ว ก้าวหน้าไปพัฒนาไปด้วยพฤติกรรมกายกรรมวจีกรรมมโนกรรม
-
โลกวิทู ทรงรู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง โลกียะคือโลก โลกุตระก็คือโลก อยังโลโก โลกนี้ ปโรโลโก โลกหน้า
โลกคือความวน ผู้ยังไม่ดับโลก ยังมีนิโรธไม่ได้ ไม่ดับสูญก็คือผู้ยังวนอยู่ แม้แต่จะเป็นโพธิสัตว์ ของอาตมาก็ยังวนอยู่ในโลกที่มีการเกิดยังไม่ได้แยกธาตุ สูญไปไม่เกิดอีก คนที่จะไม่เกิดอีกมีอยู่ 2 สภาพ
หนึ่งคนที่ไม่เกิดอีกแต่ยังเกิดตามชาตินั้นชาตินี้อีกวนเวียนไปเรื่อยๆ อีกอย่างหนึ่งก็คือผู้ที่เป็นอรหันต์ขึ้นไปจนเป็นโพธิสัตว์จะไม่เกิดอีก ตายแล้วสูญเลย แยกธาตุไปเลยเป็นตัวอย่าง ธาตุที่เป็นจิตนิยามของผู้ที่ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้แล้ว ก็จะเป็นคนแยกธาตุตัวเองที่เป็นธรรมะ 2 ไม่จับตัวกันอีกเลยเหมือนนักวิทยาศาสตร์แยกไฮโดรเจน ออกซิเจน ออกจากน้ำ น้ำก็หายไป มีอุตุนิยามที่แตกตัวออกไป เป็นไฮโดรเจนออกซิเจน อันนั้นเป็นอุตุนิยาม
แต่นี่แยกธาตุ จิตนิยาม แม้พีชนิยามก็ไม่ค้างอยู่
พวกที่เข้าใจจิตนิยามนั่งหลับตาสะกดจิต ตัวเองก็ไปเป็นชีวอยู่ในอนุสัย คนๆนี้ตายแล้วไม่เน่า เพราะยังมีเชื้อชีวะอยู่ เป็นคนยึดมั่นถือมั่นตนเองมาก มานั่งหลับตาสะกดจิตตายแล้วไม่เน่าคนก็ไปกราบเคารพ ในคนที่ยึดมั่นถือมั่นไม่ใช่คนเก่งอะไรในทางศาสนาพุทธ แต่เป็นคนที่เข้าใจผิดในศาสนาพุทธตายแล้วไม่รู้จักตาย เหมือนกับคนที่เป็นมนุษย์พืชอยู่ในห้อง ICU ต้องให้อาหารอยู่ก็อยู่ไปได้อีกนานเท่านาน เพราะยังยึดอยู่ไม่ยอมตาย
แต่คนที่ยึดมั่นถือมั่น ตายแล้วก็ไม่มีใครให้อาหารก็จะแห้งลงแห้งลง เพราะประกอบด้วยเชื้อชีวะที่ยึดมั่นถือมั่นอยู่ มันก็เลยค่อยๆเลี้ยงขันธ์ไปตามระยะเวลาดึงเอามาใช้
อธิบายสภาวะคือ คนนี้ไม่รู้จักธาตุ จิตนิยาม พีชนิยาม แม้พลังงานจิตตน ปรุงแต่งไม่ถึงขั้นจิตนิยามได้อีกแล้ว หมายความว่าตาหูจมูกลิ้นกายจะตื่นมารับรู้ภายนอกไม่ได้แล้วเหลือแต่พลังงานภายในจิตเท่านั้น ในอนุสัยของจิตยังเป็นชีวะอยู่ เพียงเท่านั้น เพราะฉะนั้นยังมีความเป็นชีวะเหลือค้างอยู่
ผู้ที่เข้าใจก็ไม่เอานะที่นั่งหลับตานั่งสะกดจิตตัวเองนั่งตายแล้วก็ไม่เน่า แล้วไปยกย่องกันจริงๆเลยทั้งที่ไม่ได้อยู่ในศาสนาพุทธเลย ที่ให้รู้จักวางรู้จักตายรู้จักเป็น ไปแล้วถ้าจิตวิญญาณก็ไม่อยู่แล้ว ก็ยังสงวนความเป็นชีวะของคุณอยู่ แย่กว่าคนธรรมดาโง่ปฏิบัติผิดทาง
นี่คือความเข้าใจผิดของศาสนาพุทธ พวกมหายานมีพวกอาจารย์ที่นั่งแล้วตายไปเลยก็มี ด้วยสัจจะของธรรมะแล้วศาสนาพุทธเป็นศาสนาปล่อยวาง รู้จักจิตนิยาม พีชนิยาม อุตุนิยาม ถ้ายังยึดมั่นถือมั่นอยู่ก็ไม่ใช่แบบศาสนาพุทธ แต่กลับไปถือบูชากันในสิ่งที่ไม่ใช่ศาสนาพุทธเลยนี่คือความสับสนเป็นอวิชชาเป็นความกลับไปกลับมาสับสนไม่รู้เรื่อง ว่าพุทธคืออะไรแค่ไหน? ไปนับถือสิ่งที่ยึดมั่นถือมั่น พระพุทธเจ้าให้นับถือสิ่งที่ปล่อยวาง เขายึดถือได้ก็ไม่เน่า มันเกินธรรมชาติมันเกินความเป็นจริงด้วย เกินธรรมชาติไปในทางยึดมั่นถือมั่น ไปทางเหนือธรรมชาติที่ไม่ใช่โลกุตระ มันโง่ดักดานเข้าไปอีก ยึดมั่นถือมั่นสิ่งที่ผิดมาเป็นสิ่งที่ถูก
ทุกวันนี้การนั่งหลับตาเป็นสมาธิ แค่ สัมมัปปธาน 4 ก็ผิดแล้ว มีตั้งแต่สังวรอินทรีย์ทั้ง 6 แต่คุณเป็นนั่งหลับตา มันก็ไม่เป็นตามสัมมัปปธาน 4 แล้วไม่มีโลกุตระข้อสำคัญ ในมูลสูตรทั้ง 10 พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า
-
มีฉันทะ เป็นมูล-รากเหง้า (มูลกา) ปฏิบัติธรรมไม่มีฉันทะไม่มีทางได้ผล เหมือนอย่างไอน์สไตน์มีจิตยินดีทรัพย์ถ้าในศาสนาพุทธ ถ้าหากไอน์สไตน์มาศึกษาศาสนาพุทธก็จะไปลิ่วเลย ไอสไตน์มีฉันทะเป็นมูล
-
มีมนสิการ เป็นแดนเกิด (สัมภวะ) เขาจะทำการโยนิโสมนสิการเป็นจะทำใจในใจเป็น ทำให้กิเลสในใจออกได้
-
มีผัสสะ เป็นเหตุเกิด (สมุทัย) .ต้องมีผัสสะเพื่อเป็นเหตุให้เรียนรู้กิเลสได้แล้วจึงจะทำการมนสิการได้ ถ้าไม่มีเหตุอันนี้ก็ปฏิบัติไม่ได้ไม่มีสัมผัส ศาสนาพุทธไม่มีการสัมผัสเป็นปัจจัยไม่มีการสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 ก็ไม่ได้ผล
สมุทัยข้อนี้ไม่ใช่สมุทัยอริยสัจแต่เป็นสมุทัยในภาคปฏิบัติ คุณต้องมีสัมผัส หากไม่มีสัมผัสให้เป็นเหตุให้การปฏิบัติไม่ใช่ศาสนาพุทธ ไม่ใช่มูลของศาสนาพุทธ
-
มีเวทนา เป็นที่ประชุมลง (สโมสรณา) ทำให้ ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ ) ล.10 ข.60 นี่คือหัวใจของเทวะ รู้จักความเป็น 2
เมื่อทำเวทนา 2 ให้เป็นเวทนา 1 ได้สำเร็จจิตใจก็สะอาดอุเบกขาเป็น ปริสุทธา ปริโยธาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา ทำให้ทั้งสองเป็นหนึ่งและเป็นศูนย์ และนี่คือศาสนาที่ตีเทวะแตก ศาสนาที่เป็นเทวนิยมตีเทวะไม่แตกจึงจมอยู่กับเทวะอย่างงมงายนิรันดร ไม่มีนิพพานเพราะเขาทำหนึ่งไม่ได้ทำศูนย์ไม่ได้ ศาสนาเทวนิยมจึงไม่มีนิพพานเพราะไม่รู้จักเทวะ
เทวะนี้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกทั้งอเทวนิยมเทวนิยม มีศาสนาพุทธเป็นอเทวนิยมรู้จักเทวะทำให้เวทนา 2 ให้เป็นหนึ่งและเป็นศูนย์ได้ที่ได้รู้ทั้งหมด รู้ 0 แล้วเท่ากับรู้อินฟินิตี้
0 กับหาที่สุดไม่ได้อันเดียวกัน อย่างนี้เป็นต้น
-
มีสมาธิ เป็นประมุข (ปมุขะ) สมาธิเป็นหัวหน้าจิตทั้งหลายผู้สามารถทำจิตให้เป็นสมาธิเพราะมีสติเป็นอธิปไตย มีปัญญาเป็นอุตระ.
-
มีสติ เป็นใหญ่ (อธิปไตย = พลังอำนาจ) คือเจโต สติ แปลว่าธาตุรู้ที่จะครบ 3 คือ ISH มีตัวตนเป็นประธานแล้ว มีพลังงานบวกกับลบเป็นอิตถีภาวะกับปุริสภาวะ แล้วจัดการกับพลังงาน 3 นี้โดยมีประธานเป็นประมุข ผู้ทำได้อย่างนี้แหละมีสติมีปัญญา จึงสามารถทำแก่นของธรรมะได้เรียกว่า สาระ
-
มีปัญญา เป็นยิ่ง (อุตระ = เหนือ) . กัปตันรู้ยิ่งยอด คือปัญญา
มีสติกับปัญญาเป็นหวังเฉาหม่าฮั่น เป็นพระสารีบุตรเป็นโมคคัลลานะ
-
มีวิมุติ เป็นแก่น (สาระ) . หลุดพ้นสุดยอดที่จะรู้ยิ่ง มีความหลุดพ้นจากโลกโลกียะแม้แต่โลกโลกุตระก็ไม่ยึดมั่นถือมั่น เป็นผู้หลุดพ้นทั้งโลกียทั้งโลกุตระ
ไม่เป็นทาสในลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข แม้จะเป็นโลกุตระก็ไม่ยึดมั่นถือมั่นเป็นของเรา อาศัยทำงานสอนผู้อื่นต่อ ช่วยคนอื่นให้พ้นทุกข์ต่อไป เพราะเราออกจากทุกข์แล้ว
ผู้ที่พ้นทุกข์แล้วจะเห็นจุดยอดของความเป็นผู้พ้นทุกข์จะไม่หนีจากโลกง่ายๆ จะเอาอันนี้แหละสมบัติที่วิเศษสุดสอนคนอื่นให้คนอื่นได้ เพราะฉะนั้นพระอรหันต์ทุกพระองค์เป็นโพธิสัตว์ทุกพระองค์ มีเหมือนกันพระอรหันต์ที่เห็นแก่ตัว จบแล้วก็ไม่สอนใคร แต่ก็สอนมาตลอดจนกว่าจะตายเช่น พระอรหันต์ที่จบอรหันต์ตอนนี้แต่ยังไม่ตาย ท่านก็มีอีก 40 ปีที่สอนจนกว่าจะตาย มีแต่อรหันต์ สมสีสี ก็ตายพร้อมกับบรรลุอรหันต์ก็ไม่ได้สอนใคร แต่ถ้าท่านไม่ใช่ท่านอยู่วันหนึ่งก็สอนวันหนึ่งอยู่ 5 วันก็สอน 5 วัน ท่านบรรลุแล้วก็จะสอนคนอื่นไม่มีอรหันต์องค์ไหนไม่สอนคนหรอก เพราะว่าท่านบำเพ็ญมากว่าจะเป็นอรหันต์ โสดาบันก็เห็นคุณค่าแล้วเรากว่าจะได้ มันจะโง่อย่างไรเป็นอรหันต์มันเป็นสุดยอดแล้ว ขนาดไม่ได้เป็นยังสอนเลย ฟังดีๆนะ คนอย่าเดาว่าท่านไม่สอนใคร ทำไมเห็นแก่ตัวนัก ได้แล้วก็สอนคนอื่นบ้าง ไม่สอนไม่เก่ง แต่ไม่ขี้เกียจด้วยก็ต้องสอนคนอื่น
-
มีอมตะ เป็นที่หยั่งลง (โอคธา). = สอุปาทิเสสนิพพาน
คนคนนี้สามารถทำเกิดทำตายให้กับตัวเองได้ ท่านจะปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ท่านก็เลิก แต่ถ้ายังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสานยังจะเกิดอีก อย่างอาตมาตายไปแล้วก็มาสืบทอดหรือตั้งจิตจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง หรือท่านที่ไม่ปรารถนาเป็นพุทธเจ้าก็อยู่ทดแทนศาสนาพุทธไปตามควรก็ได้แล้วแต่
-
มีนิพพาน เป็นที่สุด (ปริโยสาน) = อนุปาทิเสสนิพพาน (พตปฎ. เล่ม 24 ข้อ 58)
มูลสูตรครบเลย ในความเป็นศาสนาพุทธ อาตมาใช้คำว่ามนสิการเป็น บรรดาอาจารย์ท่านทั้งหลายที่สอนกันไม่ได้แปลอย่างนี้
คำว่า การะ แปลว่าการกระทำไม่ได้แปลว่าพิจารณา
โยนิโสฯมีนัยยะว่าต้องทำความรู้ให้ลงไปถึงที่เกิด ต้นทาง เป็นมนสิการ เป็นแดนเกิดหรือกิเลสมันเกิดตรงนี้ ที่หทยรูป ตรงนี้แหละ ตรงนี้อยู่ตรงไหนอยู่ในกายยาววา หนาคืบ กว้างศอก จับอาการ ลิงค นิมิต ก็จัดการมันได้ รู้จัก ชีวิตรูป ลดอาหารรูปของกิเลส ตามปริเฉทรูปให้สำเร็จคือจับคู่ทำธรรมะ 2 สรุปแล้วต้องทำที่เทวะคือธรรมะ 2 หากทำให้ธรรมะ 2 เป็นหนึ่งไม่ได้คุณก็จะกลายเป็นคนที่ไม่ได้รู้จักจิตวิญญาณ
คนไม่รู้จักจิตวิญญาณเป็นคนไม่รู้จักธรรมะ 2 คุณจะต้องกลายเป็นคนจมอยู่กับธรรมะ 2 โดยไม่รู้จักตัวเองคือธรรมะ 2 นั่นคือเทวนิยมคือศาสนาที่เป็นพระเจ้า แล้วก็ไม่รู้ว่าเทวที่เป็นธรรมะ 2 ที่สูงสุดคืออะไร คือพระเจ้าสร้างมา พระเจ้าสั่งมาให้ทำก็แล้วกัน พอดีภูมิตัวเองบอกว่าดีแล้วก็ทำ แล้วก็บอกว่าเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า แล้วเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าให้เราทำชั่วเราก็เลยได้บาปและนรกอีก ผิดไม่ผิดก็โทษพระเจ้า เมื่อตัวเองได้รับทุกข์ก็ยังให้เกียรติพระเจ้าบอกว่าซาตานทำให้เราทุกข์ แล้วบอกว่าเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าทั้งที่ซาตานทำให้เราทำชั่วนะ ก็ยังอุตส่าห์ไปบอกว่าเป็นประสงค์พระเจ้าอีก ก็เลยไม่รู้จะแก้ที่ไหน แล้วทำไมไม่รู้จักตัวซาตาน อาตมาเคยถามว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างทุกอย่าง แล้วว่าพระเจ้าเป็นผู้ที่สร้างนรกทำไมไม่สั่งให้ซาตานลงนรก ทำไมปล่อยให้ซาตานเป็นอิสระ ทำไมไม่จับซาตานให้เข้านรกปล่อยให้ซาตานเพ่นพ่านอยู่ได้ ดีไม่ดีมายั่วพระเจ้าด้วย แข่งกับพระเจ้าด้วย พระเจ้าต้องการให้คนนี้ไปสวรรค์ทั้งนั้น แต่คนก็มีทุกข์ แล้วก็บอกว่าพระเจ้าช่วยด้วยก็คือหมายความว่าซาตานเข้า ทำไมพระเจ้าไม่รีบช่วย ประจักษ์กรณีคำสอนว่าต้องช่วยตัวเองก่อนแล้วพระเจ้าจะช่วยทีหลัง แล้วตกลงพระเจ้ามีเล่ห์เหลี่ยมหรือฉลาดจริงกันแน่
เพราะฉะนั้นไม่รู้ว่าตนเองนั้นเป็นงูกินหางวนไปไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีการ 0 ทำ 1 ไม่ได้ ทำ 0 ไม่ได้ มีแต่ธรรมะ 2 คุณจึงจมอยู่กับเทวที่เป็นพระเจ้าอยู่ ตีเทวะไม่แตก ศาสนาพุทธตีเทวะแตก ศาสนาที่ตีเทวะไม่แตกจึงอยู่กับที่ บอกว่าต้องช่วยตัวเองก่อน แล้วพระเจ้าจะช่วย
ศาสนาพุทธอยู่ที่อัตตาหิอัตโนนาโถ จบแล้วไม่ต้องพึ่งพระเจ้าพึ่งตัวเอง อัตตาหิอัตโนนาโถ เลิกแล้วทำอัตตาตัวเองสอนธรรมะสองให้รู้จักตัวตนตีแตกให้ได้ เราทำลายซาตานทำลายกิเลสได้ ศาสนาเทวนิยมพูดถึงแต่พระเจ้าอ้อนวอนพระเจ้า แต่ไม่พูดถึงซาตานไม่จัดการกับซาตาน ทำไมไม่จัดการกับซาตานเสียจะได้ไม่มีนรก มันวนเวียนอยู่เห็นไหม
ไม่จบธรรมะ 2 ไม่รู้จักตัวเองทำให้เป็น 0 ทำให้เป็น 1 ไม่ได้ มีศาสนาพุทธทำให้เป็น1 ได้ทำให้เป็น 0 ได้รู้จักเทวะจริง จบเทวะ หมดแม้แต่เทวะก็ไม่เหลืออัตตาตัวตนไม่มีปรมาตมันใดๆ เหลือแต่กรรมกับกาละนี่คือศาสนาพุทธ จึงเป็นผู้ที่ควบคุมกรรม สามารถรู้จักกรรมการกระทำของตน ไม่ทำชั่วเลยทำแต่ดี กิเลสก็หมด เพราะฉะนั้นไม่ต้องมีบุญไม่ต้องมีบาป เป็นคนหมดบุญหมดบาป ปุญญปาปริขีโณ กรรมทุกกรรมจึงมีแต่กุศล จึงมีแต่กุสะลัสสูปะสัมปะทา สัพพะปาปัสสะอะกะระณัง ไม่มีแล้วบาปไม่ทำเลย ถ้ามีกรรมก็มีแต่กุศล เพราะว่าสจิตตปริโยทปนัง ได้จัดการกับกิเลสหมดจดสะอาดแล้ว นี่คือโอวาทปาติโมกข์ 3 ที่สมบูรณ์แบบ
อรหันต์ทุกองค์ สัพพปาปสอกรณัง(ไม่ทำบาปทั้งปวง) กุสลสูปสัมปทา(ทำกุศลให้ถึงพร้อม) สจิตตปริโยทปนัง(ชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้วจากกิเลส)
ยังมีกาละอยู่เมื่อใดเราเป็นจิตนิยามสะอาดบริสุทธิ์แล้ว จึงเหลือแต่กรรมกาละที่เป็นกุศลแบบไม่มีเลย ก็สอนให้คนอื่นเป็นอย่างนี้บ้าง อาตมาก็รู้ว่าอาตมาเป็นอย่างนี้ พูดได้ละเอียดยืนยันอธิบาย อธิบายด้วยใจด้วยสภาวะที่มันมีขยายความไป
อาตมาจึงอธิบายได้ตลอดเวลาเพราะมีสภาวะ วันนี้ขยายอย่างนี้ วันพรุ่งนี้ต่อไปขยายอย่างนี้มันได้ละเอียดมากขึ้น มุมที่อาตมาขยายนี้ วงกลมนี้มีเหลี่ยมหลายเหลี่ยมได้ เก่งกว่าล้านเหลี่ยมมาอธิบายให้พวกคุณฟังได้ ไม่ได้เล่นลิ้น พูดจริง
พุทธคุณ 9 ต่อ
-
โลกวิทู ในอันตคาหิกทิฏฐิ 10 ท่านรู้ทั้งหมด เป็นที่สุดแห่งที่สุด
-
อนุตตโร ปุริสธัมมสารถิ คือ ฝึกบุรุษที่ควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า ฝึกคน ที่มีอิตถีภาวะ มาทำให้เป็นบุรุษที่ควรฝึกได้ เป็นเอกบุรุษ ฝึกคนสอนคนได้ ไม่มีใครยิ่งกว่า
พูดตรงนี้แล้วอยากชมตัวเอง ใครหมั่นไส้ก็ขออภัย
อาตมามาปางนี้ยุคนี้ไม่มีใครยิ่งกว่าอาตมาที่ เอาพวกเรามาฝึกฝนโลกุตระได้แล้วเกิดเป็นสังคมของชมพูทวีป สังคมของพระศรีอริยเมตไตรย อาตมาทำได้แล้วเป็นของจริง สามารถฝึกบุรุษได้อย่างนี้ไม่มีใครยิ่งกว่าอาตมาหรอก ขออภัยที่พูดความจริงไม่ได้อยากอวด แต่พูดสาระสัจธรรม ใครทำได้แข่งก็เอาสิ ไม่ได้ริษยานะ อยากให้ทำได้เก่งกว่าอาตมาเลย มีชุมชนหมู่กลุ่มมนุษย์ที่ปฏิบัติธรรมเป็นอริยบุคคลได้อย่างที่นำมาทำก็ทำสิ ในประเทศไทยทำขึ้นมา อาตมาไม่แข่ง อนุโมทนาสาธุ จะไปร่วมด้วยถ้าคุณทำได้จริง แต่อาตมายังไม่เห็นมี ก็มีแต่อาตมาพาทำ นอกนั้นก็ไม่เห็นมี มีแต่พวกทำลายศาสนาพุทธด้วย
ในยุคนี้อาตมาก็เป็นผู้ที่ฝึกบุรุษได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า จริงอยู่ไม่เท่าพระพุทธเจ้าหรอก แต่ว่าอาตมาทำอย่างจริงมีได้จริง เห็นไหม เห็นพวกเราจะเข้าใจและชัดเจน ก็พอสมควรสมฐานะ
-
สัตถาเทวะมะนุสสานัง เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เทวะหรือเทวตา
อาตมากำลังอธิบายธรรมะสอนธรรมะ 2 อยู่เทวตา เอาคำว่าตาใส่เป็นปัจจัย เป็นคำนาม เป็นศาสดาของเทวดา คือคนที่อยู่ในภูมิเจริญ มนุสโสคือผู้ที่จะพัฒนาให้เจริญได้ อาตมาสอนให้คนเป็นเทวดาระดับอุบัติเทพ วิสุทธิเทพ อาตมาเป็นศาสดาสอนมนุษย์ผู้ที่ใฝ่ดีใฝ่สูงเป็นเทวดาให้เป็นอุบัติเทพ วิสุทธิเทพได้ อาตมาทำได้เท่าที่มีภูมิไม่มีใครยิ่งกว่าในยุคนี้ อาตมาทำได้ตามฐานะของอาตมา ไม่มีใครมาให้ตำแหน่งศาสดาแก่อาตมา แม้แต่ศาสตราจารย์ เกียรติคุณ ไม่มีใครมาให้อาตมาหรอก แต่ว่าอาตมาได้ทำเป็นได้จริงสอนเทวดา อาตมารู้จักเทวดา เทวดาสมมุติเทพคือเทวดาโลกีย์ หมุนเวียนในลาภยศ สรรเสริญ โลกียสุข
อุปัติเทพคือ มีสัมมาทิฏฐิสัมมาปฏิบัติ ปฏิบัติตนลดกิเลสได้ตามลำดับ อย่างพวกคุณปฏิบัติถอนอนุสัยอาสวะได้ก็เป็นวิสุทธิเทพ ก็เป็นจริงแต่ละคนมีกิเลสขนาดไหนสามารถดับอาสวะได้ก็เป็นอุปัติเทพ ถ้าได้หมดก็เป็นอรหันต์
อาตมาขอยืนยันว่าอาตมารู้เทวดา มาร พรหม ไม่ใช่แค่พยัญชนะแต่มีสภาวะในจิต อาตมาได้ล้างมาร ล้างผี แม้แต่ไปยึดติดในความเป็นเทวดาก็ไม่มีเทวดาเป็นมนุษย์โส เป็นผู้ที่มีจิตเจริญทรงอยู่ในนี้ ไม่สงสัยที่จะต้องไปเป็นมาร ผีนรกอะไรไม่เอา
สรุปว่าอาตมาเป็นผู้มีพุทธคุณ9 เหมือนกัน เป็นแต่เพียงยังไม่เท่าพระพุทธเจ้าแต่อยู่ในร่องรอยเดียวกัน เพราะเป็นผู้ที่บำเพ็ญจะไปเป็นพระพุทธเจ้าแม้แต่เป็นระดับ 7 ยังไม่ถึง 8 9 ก็มีคุณธรรมนั้นพอตัว สมตัว ซึ่งก็ไม่น้อย อาตมาว่าอาตมามีธรรมะก็ไม่น้อยสามารถแบ่งแจกอธิบายเอาให้มาปฏิบัติ ได้มรรคผล ได้ความจริง
คนที่ไม่เพ่งโทษอาตมา ฟังธรรมด้วยดี ก็จะได้ปัญญารู้ว่า อ๋อ พระรูปนี้พูดธรรมะ ไม่ได้พูดเลอะเทอะ พูดธรรมะ แต่อาตมาไม่ได้คุยอวดตัว แต่ยืนยันความเป็นตัวเองว่า อาตมาเป็นผู้ที่มีภูมิธรรมเป็นผู้มีธรรมะพุทธเจ้าเป็นผู้มีความรู้มีความจริง ที่เอามาสาธยายมาบอกกล่าว มาอธิบายให้พวกเราได้เรียนรู้เข้าใจและปฏิบัติตามได้ก็เป็นตาม เป็นอย่างนั้นไม่ได้มาค้าขายธรรมะ อาตมาไม่เอาธรรมะไปขายหาเงินแม้แต่จะเอาไปสวดเพื่อหากินก็ไม่ใช่
นอกนั้นคนจะไปบรรยายก็ได้เงินอีกแต่อาตมาบรรยายฟรี อาตมาเคยไปเทศน์ที่ช่อง 9 ก็คือช่อง 4 บางขุนพรหมเก่า อาตมาเคยไปเทศน์ตั้งแต่ตอนโน้นเถรสมาคมยังไม่ต้าน เมื่อเทศนาเสร็จเขาก็เอาเงินมาให้ 1,000 อาตมาบอกว่าอะไร บอกว่าค่าออกอากาศ อาตมาก็บอกว่าอาตมาไม่ได้รับเงินรับทองหรอก ก็คืนเขาไป เขาก็บอกว่าไม่ได้ จ่ายออกมาแล้วให้เซ็นรับเงิน อาตมาก็ว่าเซ็นไม่ได้หรอก อาตมาจะรับเงินไปทำไม ตอนนั้น เขาก็เลยแก้ปัญหาให้ผู้ที่มาด้วยที่เป็นฆราวาสเซ็นรับ ส่วนจะเอาไปให้ใครก็เรื่องของเขา เขาก็แก้ปัญหาอย่างนั้น นี่ก็เคยมีเหตุการณ์เล่ากันฟัง เล่าไปเล่ามาเวลาจะหมด
สมณะฟ้าไท..สรุป