611110_ทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 36 ครบรอบ 4 นักษัตร โพธิกิจ ตอน 4
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1mT4DujH1UidlQhad7-kLrHePr5yZFvJ4j9G2tE-zrdc/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1k8BA-A78HDZqmkXGdksByKZacvitxxxF
พ่อครูว่า…วันนี้วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2561 ที่บวรราชธานีอโศก
เราผ่านยุคต่างๆมา 2532 ก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นศาลก็ผ่านมา แล้วตั้งแต่พ.ศ. 2540 เราก็เป็นอิสระทำงานมาของเราไป มายุค 40-49 ก็เริ่มออกสู่สนามรบทางการเมือง ธรรมะกับการเมืองเป็นเรื่องอย่างเดียวกัน แต่เขาตีกันไว้ว่าธรรมะกับการเมืองต้องแยกกันเพราะนักการเมืองฉลาดแกมโกง เพราะเขาจะได้ใช้อธรรมเต็มที่ ไม่ให้ธรรมะไปยุ่งเกี่ยว เอาน่า เหมือนกับยุคที่พระจะกบฎจะทะเลาะจะตีกันพระพุทธเจ้าก็ไปห้าม พระก็ไล่พระพุทธเจ้าออกไปบอกว่าอย่ามายุ่งพระจะตีกัน แล้วเขาก็ทำสำเร็จด้วยนะ เพราะว่านักการเมืองมีอำนาจบาตรใหญ่ บาตรเป็นของพระนะไม่ใช่บาทา อำนาจบาตรใหญ่ ฟังดูเหมือนใช้เท้าไปกดข่ม แต่ไม่ใช่นะ อำนาจบาตรใหญ่นี้ใช้คำว่า บาตร เป็นสำนวน ตะกละตะกรามกิน บาตรใส่อาหารขี้โลภ ถ้าบาทแบบจะไปข่มขี่ไปตี เบียดเบียนคนอื่น แต่บาตร นี่แย่งขี้โลภ ส่วนบาทนี้เชิงโทสะ คนละฐานกัน เมื่อนักการเมืองไล่ธรรมะออกไปนักการเมืองจึงเลวร้ายตั้งแต่บัดนั้น จนถึงบัดนี้ เถรสมาคมก็ทำอะไรเขาไม่ได้กลายเป็นเหยื่อกลายเป็นคะแนนเสียง ลิ่วล้อให้กับหัวคะแนนเสียง นักการเมืองก็เอาเงิน หรือว่าเอา budget ต่างๆที่ได้จากรัฐไปใช้ เสร็จแล้วก็เกิดคดีเงินทอนวัดขึ้นมาเยอะเลย จากนักการเมืองก็ดี เงินทอนวัดตอนนี้ก็ยังไล่ตามเก็บเข้าคุก ซึ่งเป็นเรื่องคุณธรรมอันเลวร้ายทั้งสิ้น
ในความเป็นมนุษย์ สำคัญที่สุดก็คือคุณธรรม ถ้าไม่มีคุณธรรมเสียแล้ว เลิก เลิกเลย แล้วคุณธรรม ที่สูงสุดก็คือต้องคุณธรรมโลกุตระ มีแต่ในศาสนาพุทธเสียด้วย ซึ่งมีวิธีหลักการวิธีปฏิบัติและก็มีบัญญัติ ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ ซึ่งเกิดผล อัปปิจฉะ สันตุฏฐิ ปวิเวกะ อสังสัคคะ วิริยารัมภะ
ก็คือ จะเป็นคนมีใจพอ พอ หยุด ไม่รับ ไม่เสพ เอามาเป็นของตนก็ไม่เอา หากจิตใจเกิดชอบใจยินดี เมื่อกามได้เสพสมใจที่อยากที่ต้องการ ตั้งจิตเป็นเราสมใจกิเลสก็อ้วน ต้องการได้มาเป็นของเรา ก็อ้วน ต้องการได้มาเสพรส ได้รสนี้ๆๆ รสทางตา หู จมูก ลิ้น กายเสพสม ก็ กิเลสก็โต เอามาบำเรอความเป็นอัตตา ข้าต้องได้อย่างนี้ข้าต้องเป็นอย่างนี้ต้องมีอย่างนี้ ได้ดังใจ กิเลสก็โต
และโลกโลกีย์เขาไม่รู้รายละเอียดขนาดนี้เขารู้แต่ว่าดีกับชั่ว แค่สุจริตกับทุจริตเท่านั้น หากสิ่งใดไม่ทุจริตดี สิ่งใดสุจริตใช้ได้ แม้ที่สุด เขาเป็นนักการเมืองไปออกกฎหมาย กฎหมายนั้นเขาได้เปรียบ พวกเขาได้เปรียบ ก็สุจริตแล้วนะ แต่เขาถือว่าสุจริตเพราะว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่มันผิดวัฒนธรรมผิดคุณธรรม ผิดมนุษยชาติเรื่องอัตตา เรื่องเป็นตัวกูของกู เรื่องของกิเลสอันนี้ล่ะลึกซึ้ง เขาไม่รู้จักกิเลสกันหรอกในทางโลกีย์ เขาเอาโลกเป็นหลักและอยู่ที่สุจริตเป็นตัวตั้ง ถ้าสุจริตได้ เขาจะรวยเท่าไหร่ก็ยินดี เขาจะเอาอำนาจเงินมาใช้ให้รวยถึงดี
แต่ทางโลกุตระนั้นต้องมาจน สละจนหมดจนเหลือตัวเอง สุดท้าย มีแต่ความรู้และสมรรถภาพเท่านั้นเป็นทรัพย์สมบัตินั้นเราไม่ต้องมี แล้วก็เสียสละซ้อนซ้ำที่สมรรถนะกับความรู้ ลงแรง ทำสร้างช่วยเขาแล้วก็ไม่รับรายได้ไม่รับอะไรตอบแทนเลย มีแต่ให้ๆๆก็เป็นคนที่เสียสละสุดยอดจบ ชาวอโศกก็ได้พิสูจน์ศาสนาพระพุทธเจ้าและทำตามคำสอนพุทธเจ้าจนมีมรรคผล มีผลสำเร็จเป็นสังคมกลุ่มเป็นวัฒนธรรมสังคมเป็นสาธารณโภคี ที่สุขสำราญเบิกบานใจ ช่วยกันทำช่วยกันสร้างช่วยกันบริหาร ช่วยกันสะพัดช่วยเหลือเกื้อกูล เอื้อมเอื้อเกื้อกว้างเอาไปช่วยผู้อื่นได้
เดี๋ยวก่อนฉันจะได้เทศน์เรื่อง ทรัพยากรทางด้านกสิกรรม ตอนนี้ก็พูดถึงเรื่องรัฐศาสตร์สังคมศาสตร์กัน แม้แต่เศรษฐศาสตร์ก็ตาม
รัฐศาสตร์เรื่องการเมือง พวกเรานี้ ทำงานการเมืองมาเริ่มต้น 49 อาตมานำทัพออกไปสนามหลวง ยังจำได้ เต๊นท์นั้นอาตมาขึ้นนั่งบนโต๊ะตัวหนึ่ง เสร็จแล้วก็เทศน์ก็บรรยายตั้งแต่บัดนั้น เริ่มไปหาเครื่องทำไฟมาตัวหนึ่ง ใครจำได้ไหม มีไฟลุก ดับไฟกันเพราะเครื่องปั่นไฟ วิบาก ตั้งแต่บัดนั้น ออกสนามรบทางการเมืองเปิดตัวเต็มที่ ตั้งแต่พ.ศ 2549 ไปไล่ทักษิณ ไปดูกีฬาที่จีนแล้วหายไป เขามีคดี จากวันนั้นถึงวันนี้เขาก็รู้แล้วว่าเขาคิดผิด เพราะเขาเข้ามาไม่ได้อีกเลย เข้ามาได้ครั้งหนึ่งแล้วเขาก็คิดว่าจะเข้ามาได้อีก เขาเข้ามาได้แล้วก็มากราบแผ่นดิน เสร็จแล้วเราก็ไล่เขาไปอีกตอนนี้มากราบแผ่นดินไม่ได้แล้ว ใช้ psychology ตอนนี้ก็ยังมีคนอยู่ใต้ความนับถือเชื่อถือเขาอยู่ อยากให้เขามาทำเศรษฐกิจ เชื่อมือว่า ทักษิณเป็นมือเศรษฐกิจ ที่เยี่ยมยอด
ก่อนจะจบเรื่องการเมืองจะเข้าเศรษฐกิจ การเมืองเป็นเรื่องของมวลชน โดยเฉพาะระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เผด็จการคอมมิวนิสต์ประชาธิปไตย 3 ระบอบใหญ่
ระบอบเผด็จการไม่มีใครชอบแล้ว คอมมิวนิสต์คือรวมกันเป็นคณะแล้วกระจายอำนาจ มีคณะบริหารปกครอง จะเจือจานถึงขั้นสังคมนิยม เผื่อแผ่สู่สังคมให้มาก อำนาจจากคณะบริหาร ไม่ใช่แบบประชาธิปไตยขาเดียวที่มีพระมหากษัตริย์ เป็นรัฏฐาธิปัตย์ของประเทศ ระบอบของกษัตริย์เป็นระบอบที่สืบสันตติวงศ์
สันตติวงศ์คือผู้ที่สืบสานตามดีเอ็นเอตามเชื้อสาย การสืบสานตามเชื้อสายของกษัตริย์มีมาแต่โบราณตามเตรียมตัวที่จะเป็นกษัตริย์ทุกองค์ โดยเฉพาะองค์ที่อยู่ในขัตติยะ ในกษัตริย์ของอังกฤษจะมีระดับ 1 2 3 4 5 เป็นผู้ที่จะได้ครองราชย์มีระดับระบุไว้เลย ลำดับที่ 1 2 3 4 5 6 เรียงไว้เป็นลำดับ ผู้ที่สืบสันตติวงศ์เป็นกษัตริย์จะต้องฝึกฝนศึกษาจะต้องรักประชาชนเป็นลูก ทุกประเทศจะต้องสร้างแบบนี้ มีทฤษฎีที่จะสร้างจิตวิญญาณให้รักประชาชนเป็นลูก ของพุทธเรายอดเยี่ยม ที่ละลายความเป็นพ่อแม่ลูก เป็นความรัก 10 มิติที่อาตมาได้เขียนไว้ ละลายความรักที่แคบแค่สองเป็นมิติที่ 1 แค่ 3 คน ก็หมายถึงพ่อแม่ลูก หรือแค่ญาติ แค่มิตรออกไป แค่ถึงสังคมประเทศ ความรักจะกว้างขึ้นๆ จนกระทั่งถึงไม่กำหนดบุคคล เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งสิ้นไม่ยึดเป็นเราเป็นของเราอย่างนี้เป็นต้น
และมีทฤษฎีที่จะละลาย อัตตา อัตตนียา ตัวตนเป็นของตน ตัวตนคือยึดวิญญาณเป็นตัวกูของกู สมใจกู ส่วนของตนนี้อีกสิ่งหนึ่ง เอามาเป็นของเรา เอาบุคคลมาเป็นของเรามาเป็นบริวารเรา เอาสัตว์มาเป็นของเรา เอาพืชมาเป็นของเรา เอาวัตถุทรัพย์ต่างๆมาเป็นของเรา เอาแผ่นดินมาเป็นของเรา เอาอาณาจักรมาเป็นของเรา อำนาจบาตรใหญ่เป็นชาวโลกมาเป็นของเรา แล้วมีคนล่าอำนาจปัจจัยเป็นเจ้าโลกไหม สังคมทุกวันนี้ก็ยังคงมีคนที่มีความคิดแบบนี้และทำอย่างนี้อยู่ประพฤติแบบนี้อยู่ แต่มันทำได้ยากขึ้นทุกที ทำไม่สำเร็จได้ง่ายๆ เพราะแต่ละคนก็มีวรยุทธ์ประจำตัวประจำประเทศ ขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นเรื่องซับซ้อน
เพราะฉะนั้นการรบแย่งชิงที่จะใช้อาวุธร้าย เขารู้กันแล้วว่ามันเป็นความคิดต่ำ เป็นความคิดที่ไม่ดี ใช้การทำร้ายหรือการทำร้ายกันให้บาดเจ็บ มันก็ไม่ดี ต้องใช้คุณธรรม ให้คนยอมรับคุณธรรม นี่ถือว่า อาริยะ ถือว่า เป็นประชาชนประเสริฐ คนประเสริฐที่แท้จริงต้องใช้คุณธรรม คุณธรรมก็เป็นระดับโลกียะคือเป็นผู้ที่มีประโยชน์เกื้อกูลต่อผู้อื่นได้ เพราะฉะนั้นผู้ใดมีความรวย ก็จะมีสินทรัพย์ให้คนอื่นเขา คนอื่นจะยอมรับนับถือได้ เขาก็จะต้องรวยทรัพย์สินเงินทองข้าวของรวยอำนาจ หรือมีผู้ยอมรับนับถือ เขาก็จะต้องมีวิธีการให้คนมาอยู่ใต้อำนาจ โดยการใช้บังคับ เขาก็รู้ว่าไม่ดี ก็พยายามจะให้คนมายอมรับนับถือโดยไม่ต้องใช้อำนาจไม่ต้องเบ่งอำนาจ ทำด้วยคุณงามความดี มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ก็ค่อยๆรู้ในเรื่องธรรมะขึ้นมา
แต่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาแบบโลกียก็ยังไม่ใช่เนื้อแท้ เขาจะอธิบายเมตตาว่าคือต้องการให้คนพ้นทุกข์ กรุณาคือต้องการให้คนได้มีสุข มุทิตาคือเห็นคนที่มีสุขคนพ้นทุกข์ก็ยินดีด้วย บางทีไม่ได้ไปช่วยอะไรเขาหรอก เขามีสุขของเขาก็อนุโมทนา ไม่ใช่มุทิตา อนุโมทนาคือยินดีด้วยกับสิ่งนั้น ยินดีดีใจตามเขา
แต่มุทิตานี้เป็นจิตมุทุ จิตเร็ว เป็นคุณธรรมของจิตที่เร็ว เป็นสภาพซับซ้อนหมุนกลับไปกลับมาได้อย่างสูง คนที่ยิ่งมีจิต มุทุภูตธาตุ กลับไปกลับมาได้เร็วเป็นสิริมหามายาได้มาก ด้วยการเหมือนทำร้าย แต่ที่จริงช่วย ยกตัวอย่างยอดสุดก็คือ ช่วยฆ่า แต่ฆ่ากิเลส นั่นคือทำร้ายเหมือนช่วยทำร้ายฆ่า ฆ่ากิเลส นี่สุดยอด คำเดียวกันแต่มีธรรมะ 2
ธรรมะหนึ่งคือ ฆ่า แต่ที่จริงสูญ ช่วยฆ่ากิเลสเสร็จ จบ
โลกียะ มีเจ้าบุญเจ้าคุณ แต่โลกุตระนั้นหมดตัวตนจบ แต่บุคคลที่ได้รับการช่วยเหลือยิ่งไม่จบ ซับซ้อน คนหนึ่งจบ 0 แต่อีกคนหนึ่งมหาศาลไม่มีที่สิ้นสุด นับถือบุญคุณไม่มีที่สิ้นสุด
อย่างพระสารีบุตร เคยมีราธพราหมณ์ ใส่บาตรให้ทัพพีเดียวท่านก็จำได้ เมื่อราธมาบวชไม่มีใครหาเครื่องบริขารให้บวชเลย พระสารีบุตรจำได้ว่าเคยใส่บาตรให้ 1 ทัพพี พระสารีบุตรก็ไปขวนขวายหาชุดบวชให้แก่ราธพราหมณ์ อย่างนี้เป็นต้น เกื้อกูลช่วยเหลือ
นัยยะยิ่งแรง ยิ่งเบา ยิ่งต่ำยิ่งสูง สภาพพวกนี้ อัจฉริยะคือสุดโง่ อย่างนี้เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้เป็นสัจธรรมที่ ในตัวคนที่เป็นจริง ที่มีคุณธรรมธรรมะ2ดังกล่าวนี้ จึงรู้จักใช้และใช้ในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นนักฆ่า แล้วนักฆ่ามันดีตรงไหน นักฆ่าคือมันเลว แต่ฆ่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือกิเลส ถ้าเรามีอะไรที่อยู่ในตัวเองจะต้องเลือดออกบาดเจ็บ แต่ถ้าคนยึดถือกิเลสนี้จะเจ็บใจ มาฆ่ากิเลสฉันมาแย่งกิเลสฉัน เจ็บใจมาก
อาตมามีติดที่ปากคือ ฆ่าผัวมันเสียเอาเมียมันมา คนเรามีความรักมิติที่ 1 เป็นคู่ สุดยอดแห่งโลกโลกียะแล้ว อยู่ตรงนี้ คู่ผัวตัวเมียสองคน เป็นมิติที่ต่ำที่สุด ฆ่าผัวมันเสียเอาเมียมันมานี่สุดยอดเด็ดขั้วหัวใจมันแล้ว นิยายรักตั้งแต่ดึกดำบรรพ์จนถึงบัดนี้ก็คือแย่งผู้หญิงกัน แย่งกันจน ทุกวันนี้ก็ยังเป็นนิยายท็อปฮิตกันอยู่ อาตมาหากไม่มาทางนี้ก็จะเป็นนักเขียนนวนิยายชั้นหนึ่งเพราะว่าเข้าใจความซับซ้อนพวกนี้เยอะ ในเรื่องจิตนิยามของคน หลงในโลกีย์ รักชังไม่รู้เรื่อง เรารู้เรื่อง ความซับซ้อนของความรักความพยาบาท หนังจีน Hollywood เกาหลีสู้ไม่ได้หรอก หนังแขก
ขนาดศิลปินแห่งชาติยังบอกว่าศิลปะมีโลกุตระด้วยหรือ ขออภัย จะหาคนมาให้รางวัลโพธิรักษ์นั้น จะมีศิลปินแห่งชาติที่ไหนเป็นกรรมการกี่คนที่จะรู้เรื่องโลกุตระ แล้วจะมาให้คะแนนอาตมา มันไม่มีทาง นอกจากจะเกิดความยอมรับของมวลชน แม้แต่กรรมการก็ต้องใช้มวลชนเป็นหลัก เขาก็จะฉงนว่าทำไมคนนิยม กรรมการตาถั่วจะใช้ที่มวลชนนิยมมากๆนี่แหละ คนมีกิเลสก็จะนิยมลักษณะกิเลส สังคมตอนนี้คนมีกิเลสมาก แล้วเอาคะแนนประชาชนนิยมมาเป็นเครื่องตัดสิน เป็นหลักชี้วัด มันก็ได้แต่กิเลส ยกให้รางวัลที่1 เพราะคนนิยมมาก แต่คนนั้นเป็นคนมีกิเลสนิยมก็ขายได้ดี เศรษฐกิจแบบหมุนเวียนใช้ได้ โลกียะก็ใช้ แต่คนโลกุตระนั้นไม่ได้แคร์เงินทองก็ซ้อนย้อนรอยลดลงๆ สุดท้ายชาวโลกุตระไม่ได้อยากแย่งเงินทองลาภยศอะไรเลยมี แต่มาเสียสละอีกต่างหากชาวโลกุตระ อำนาจลาภยศสรรเสริญโลกียสุข ก็แหยงเลยไม่ได้เรื่องเอามาเป็นอำนาจไม่ได้
อย่างพวกเรามีการช่วยตัวเองที่จะสร้างสรรค์ทุกคนมีสมรรถนะความรู้มีความขยันและมีปัญญารู้ว่า อะไรที่ไม่ควรสร้าง ก็เลิกมาเป็นลำดับ อย่างมวลชาวอโศกไม่ทำสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ สิ่งเป็นโทษเราไม่ทำ ไม่เป็นเครื่องไม้เครื่องมือสนับสนุน เราก็ทำสิ่งที่มันเป็นสาระ ที่เป็นปัจจัยชีวิต เป็นปัจจัยที่ไร้สารพิษ
เรื่องอาหารเป็นหนึ่งในโลก เรากำลังอยู่ในฐานเศรษฐกิจที่เกี่ยวกับอาหารนี่แหละจะเป็นหลัก
เมืองไทยเราตอนนี้ดีขึ้นมีตัวประชากรคือพวกเราเป็นความรู้คะแนนเสียงในสังคมและก็เป็นปากกระบอกเสียงอีกด้วย แสดงตัวเองอยู่ในสังคม ซ้อนๆๆ ตั้งแต่อาตมาจนกระทั่งถึงสมณะ สิกขมาตุ กระทั่งถึงญาติธรรมที่มีความรู้ความสามารถก็ได้กระจายความรู้นี่ออกไปๆๆ ความรู้อย่างที่เรารู้กันนี่แหละแบบโลกุตระแบบอโศก ไม่ใช่โลกุตระแค่ของท่านพุทธทาส ไม่ใช่โลกุตระของคณะอื่นๆใดๆ ที่เขาอาจจะพูดโลกุตระบ้าง แต่เป็นโลกุตระของชาวอโศก ซึ่งมีนัยะที่ต่างกันซ้อนๆอยู่อย่างแท้จริง
ลึกซึ้งถึงขั้นธรรมะ 2 ลึกซึ้งถึงขั้นจัดการธรรมะ 2 ให้เป็นธรรมะ 1 ได้เสมอ ที่สุดถึง 0 ที่สุดถึงขั้นตัวเราไม่มีตัวเราตัวเราไม่ยึดถือไว้ อาศัยเท่านั้น ยึดไว้อาศัยเท่านั้น อาศัยอยู่ทำงานเพื่อผู้อื่น ไม่มีตัวตนไม่มีของตัวของตนเลย อาศัยกินใช้ยังชีพอยู่อย่างพอเหมาะพอดี มีตัวอย่างชัดเจนที่จะขยายผลต่อไปเพราะมีจิตที่จริง จิตที่ลงตัวบรรลุธรรมสูงสุดเที่ยงแท้
นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) “นิจจัง-ธุวัง-สัสสตัง-อวิปริณามธัมมัง-อสังหิรัง-อสังกุปปัง”
เป็นอย่างนี้ถาวรนิรันดร เป็นอย่างนี้นิรันดร นิรันดรมี 2 อย่าง นิรันดรอย่างมีอัตตา กับนิรันดรอย่างสูญนิรันดร จึงเป็นสุดยั่งยืนมั่นคง นัยะนิรันดรมี 2 อย่าง ของโลกียะอยู่ในกามกับโลกธรรม แต่ของโลกุตระหมดกามหมดโลกธรรม หมดรูปราคา อรูปราคะ สังโยชน์ 10 หมด ก็ยังซ้อนในอนุสัยอาสวะอีก แต่วันนี้ยังไม่อธิบาย มันจะมีความซับซ้อนกันเรียงลำดับไม่เหมือนกัน อาสวะกับอนุสัย ลงท้ายภวานุสัยกับอวิชชานุสัยเป็นตัวท้าย เป็นรูปานุสัย อรูปานุสัย มันละเอียดกว่า รูปราคะอรูปราคะอีก คือรูปานุสัย อรูปานุสัย
เพราะฉะนั้นเรื่องการเมืองตอนนี้เมืองไทยเรามีการบริหารมีรูปร่างของประชาธิปไตยแบบไทยๆ ประชาธิปไตยแบบไทยๆนั้นมีรากฐานของคุณธรรมพุทธ เพราะเมืองไทยเป็นเมืองพุทธมาตลอดตั้งแต่ตั้งประเทศมา 800-900 ปีมา เป็นพุทธมาแต่อ้อนแต่ออก แต่ก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปหายไปจนกระทั่งบัดนี้เอามาฟื้นมาอีก มีแต่ละสัตบุรุษที่ได้ช่วยกันฟื้นคืนมาเป็นลำดับ เพราะอยู่ในสายของพระพุทธเจ้าโคตมะ พระพุทธศาสนา 5000 ปีนี้จึงช่วยกันพยุงพุทธศาสนา โพธิสัตว์แต่ละองค์ก็ช่วยสืบสาน ผู้ที่ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปก็แล้วไป
แม้แต่สายเจโต อย่างธิเบต ไม่ได้เข้าใจอย่างที่เราพูด ยึดแต่ว่า มีโพธิสัตว์องค์นี้แหละมาเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์นี้ก็จะไม่เคลื่อนไม่เปลี่ยนองค์นี้องค์เดียว เมื่อตายแล้วก็ไปตามองค์นี้มาอีก อยู่อย่างนี้เท่านี้ ตีไม่แตก ตีเทวะไม่แตก ก็จะอย่างนี้ แต่รักษาความรู้รักษาคุณธรรมตามที่รู้มันก็กลายเป็นโลกียะ แต่เป็นโลกียะที่มีคุณธรรมสูงสุดมักน้อยสันโดษมีเมตตามีการช่วยเหลือเกื้อกูล แต่ อยู่ในป่า อยู่ในสังคมที่ไม่กว้าง ไม่รู้จักวิทยาศาสตร์ ไม่รู้จักการสัมพันธ์กับสังคมรอบกว้าง มันก็ได้มวลหนึ่ง
ธิเบตกับภูฏาน อยู่ในภูเขาเหมือนกัน แต่ภูฏานลงมาจากภูเขามากกว่าทิเบต เอื้อมเอื้อเกื้อกว้างมากกว่าธิเบต ภูฏานมีวิสัยทัศน์มากกว่าธิเบต ทิเบตยังเป็นกระจุกตีไม่แตกมาก ส่วนภูฏานนั้นขยายผลตีแตก ออกมาเพิ่มขึ้นกว่ากัน โดยเฉพาะมีกษัตริย์ ท่านจิกมี มีวิสัยทัศน์ มีมโนทัศน์กว้าง เข้าใจพุทธศาสนา เข้าใจประเทศไทยเข้าใจในหลวงรัชกาลที่ 9 พระจริยวัตรของในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านจิกมีท่านรับเต็มที่เลย เป็นโลกุตระเป็นธรรมะ 2 ในหลวงกับอาตมาทำกันคนละขั้ว ท่านทางเจโต อาตมาทางปัญญา มันก็จะเป็นหนึ่งเดียวกันคนละขั้ว ก็ค่อยๆมีผลของความจริงความรู้ ความรู้ความจริง เป็นธรรมะ 2 เกิดขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่หยั่งลงแล้ว อาตมาประมวลผลตามภูมิของอาตมา เมืองไทยเรา แม้แต่ความเป็นการเมืองโลกุตระ มีพอสมควร หยั่งลงพอสมควร เรียกว่า โอฆทา สู่บุคคล
ถ้าหยั่งลงในตัวเองเรียก สโมสรณา ในจิตของแต่ละคนทำเอา รวมกันในจิตเราเอง ส่วนโอฆทานั้นหยั่งลงเป็นมวล
อย่างอมตบุคคล เป็นพระอรหันต์ จิตของท่านหยั่งลงเป็นโอฆทา หมดตัวหมดตน แต่คือทุกคน หมดตัวหมดตนแต่คือทุกคน ส่วนสโมสรณาหยั่งลงในจิตแต่ละคนทำธรรมะ2 ให้เป็น1 ไปเรื่อยๆ
ในธรรมะของพุทธเจ้าที่ใช้พยัญชนะไปสู่สภาวะ อธิบาย อธิบายให้พวกเราก็เข้าใจและเอาไปปฏิบัติก็จะเกิดจริง เมื่อเรามีความรู้นำแล้วก็มีการปฏิบัติตาม สั่งสมเอา เราเข้าใจผิดทางโลกุตระทางเดียวไม่ไปทางโลกียะ เราไม่เอาแล้วโลกียะ จะมีคนมาให้พวกคุณไปทำงานทางโลกจะเอาให้ 5 แสนล้านจะเอาไหม ให้คุณไปจัดการเป็นผู้บริหารเลย ห้าแสนล้านเลย ..ไม่เอา..ทำไมไม่เก่งหรือ บางคนมีเล่นเล่ห์บอกว่าจะเอามาทำกับกูแต่ละ เอาของเขามาทำไม ตั้งห้าแสนล้านก็เป็นหนี้เปล่าๆ แล้วคนที่ให้มาจะเป็นมวลโลกุตระหรือเปล่า ถ้าเขามาทั้งตัวและหัวใจ มาเอา ทั้งของและตัวกับหัวใจ แต่ถ้าเอาแต่ของมาส่วนตัวกับหัวใจไม่มานั้นไม่เอา แบบนั้นมันโลกียะ ทำแล้วทีหลังก็มาทวงคืนคิดดอกเบี้ยด้วย เรื่องอะไรเราจะเอา มันจองเวรจองภัยนะของๆกูๆๆ ไม่เชื่อไปถามนกเขานะ มันร้อง กู กู กู แต่มันนกเขานะ มันร้องตัวกูๆ นี่คือธรรมะ 2
สรุปลงตรงนี้ก่อน ก็ การเมืองของไทยตอนนี้ กำลังอยู่ในระหว่างจะมีเรื่องราว เลือกตั้งนี้เป็นตัวnuisance ของการเมืองประชาธิปไตย เพราะเป็นเรื่องของพวกยุ่งวุ่นชิบหาย จะให้ตัวเองเป็นคนที่ประชาชนยอมรับ ก็หาเล่ห์กล วิธีการต่างๆใช้เงินทองเพื่อจะให้คนมาลงคะแนนตัวเองให้ได้ด้วยอำนาจโลกียะ เพราะฉะนั้นคุณอย่างเป็นจิตโลกีย์ คุณทำประชาธิปไตย ที่เป็นน้ำใจจิตใจปัญญาของประชาชนเขายอมยกให้เองจริง อย่างในหลวงร.9 เป็นยอดนักประชาธิปไตย แล้วท่านไปหาเสียงกับคุณที่ไหนท่านไปบังคับคุณที่ไหน ท่าน และเล็มเลียบเคียงให้คนมารักที่ไหน แต่การทำเพื่อประชาชนทั้งหมด พระองค์รักประชาชนทุกคน มีพระเจ้าแผ่นดินที่ไหนเดินไปทั่วชนบท ในหลวงตะลอนไปชนบททั่วประเทศ แล้วไปทำงานไม่ได้ไปเที่ยวเลยเหน็ดเหนื่อย พระเสโทไหลย้อย เป็นเรื่องจริงใจเพราะท่านเป็นคนจริงท่านเป็นโพธิสัตว์จริง จิตของท่านเป็นจริงไม่ได้เสแสร้ง พูดไปเหมือนอาตมาไม่ได้เสแสร้ง แต่คนเข้าใจไม่ได้ เพราะอาตมามีวิธีการแสดงออกแบบอื่น แต่ในหลวงท่านทำและท่านมีความรู้ทางเทคนิคเยอะกว่าอาตมามาก ท่านทำเมฆให้เป็นน้ำได้ ท่านรักษาน้ำไว้ใช้ได้ น้ำไม่สะอาดท่านทำให้สะอาด ดินน้ำไฟลม ดินไม่ดีท่านก็แกล้งดิน ดินน้ำไฟลมท่านรู้จัก ท่านเป็นผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน แต่อาตมาไม่ใช่คนหยั่งรู้ฟ้าดิน แต่อาตมาเป็นผู้หยั่งรู้หัวใจเธอ
อาตมาชื่อรัก ไม่ได้ชื่อภูมิพล อาตมาชื่อรัก คนละศาสตร์ไม่ได้แย่งกันแต่ก็เป็นธรรมะ 2 มีทั้งแผ่นดินและมีความรัก และรักอย่างโลกุตระไม่ได้รักอย่างโลกียะ จึงเป็นคนเขียนความรัก 10 มิติ ไม่มีใครเขียนหรอก อีกหน่อยจะมีคนแปลเป็นภาษาต่างประเทศเรื่องความรัก 10 มิติ เขาก็ยังเข้าใจไม่ได้ว่าความรักมีขั้นตอนมีระดับด้วยเหรอ แต่พวกเราเข้าใจใช่ไหม แต่คนข้างนอกเขาจะนึกว่าความรักอะไรหรือ เขายัง innocent อยู่กับพวกนี้
จนกว่าเขาจะรู้ว่าความรักมีขั้นตอนมีลำดับมีนัยยะสำคัญ มีองค์ประกอบต่างกันด้วย มีแคบมีกว้างมีมากมีน้อยมีเกี่ยวพันกันทั้งบุคคลทั้งวัตถุทั้งข้าวของ โดยเฉพาะจิต มีลักษณะต่างๆ เห็นแก่ตัวไม่เห็นแก่ตัว เห็นแก่แวดวงแคบเห็นแก่แวดวงกว้าง จนกระทั่งไม่มีตัวไม่มีตน อ๋อ..มีอย่างนี้ด้วยเหรอ เขาจะค่อยๆเข้าใจแล้วค่อยๆรู้ ที่อาตมาพูดนี้พวกเราฟังเข้าใจแต่คนข้างนอกเขาจะบอกว่าโพธิรักษ์พูดอะไรหรือไม่เห็นรู้ เราก็ได้แต่เห็นใจและสงสารเขาไม่รู้ฟังไม่รู้เรื่อง อาตมาใช้ภาษาสื่อออกไป อาตมาไม่ได้เก่งภาษาอื่นด้วย พูดความจริง ภาษาอื่นก็ไม่มีภาษาที่มีความหมายตรงกับธรรมนิยามที่เป็นโลกุตระนี้อีก มีภาษาไทยที่พยายามเอาบาลีสันสกฤตมาประกอบ เป็นภาษาเค้าเงื่อนของศาสนาพุทธเป็นศาสตร์ต้นรากของศาสนาพุทธ อาตมาเอาพยัญชนะ กขคฆง นี้มาใช้อธิบายพยัญชนะสื่อสภาวะต่างๆ
อาตมาบอก บาลีเป็นต้นรากของสันสกฤต แต่พวกสันสกฤตบอกว่าเขาใหญ่กว่าบาลี อาตมาก็ทำ
เรื่องการเมืองก็จะยังขยายผล สิ่งเหล่านี้จะชำระแม้แต่การเลือกตั้งก็จะเกิดเหตุการณ์ เกิดภาวการณ์ ที่จะมีปรากฏการณ์ขึ้นมาไปเรื่อยๆ การเลือกตั้งก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ คราวนี้นี่ คนตั้งใจจะโกงให้ลึก หากโกงไม่ลึก ติดคุก หากโกงหยาบทื่อๆติดคุก คนจะโกงต้องโกงลึกซึ้ง จนคนไม่เท่าทันได้(โยมว่ามีเสื้อแบบหนึ่งที่เขียนว่า ลดอำนาจรัฐเพิ่มอำนาจประชาชน) ภาษาโก้ ภาษานั้นถูกต้องภาษาสวย (เสื้อแบบนี้อยู่ที่จังหวัดอำนาจเจริญ) ที่จังหวัดนั้นเจริญด้วยอำนาจ ที่นี่ ราชธานีอโศกไร้อำนาจไม่ใช้อำนาจ เป็นที่เจริญด้วยการไม่มีอำนาจ อาจจะไม่ค่อยตรงกับอำนาจเจริญ ที่นี่เป็นวารินชำราบ เย็นด้วยน้ำ เป็นเมืองดอกบัว ก็จะต่างกัน นี่เป็นอจินไตยอย่างหนึ่ง เป็นเรื่องคิดไม่ออก ต้องมีภูมิประเทศเกิดอย่างนี้ บางอย่างอาตมาก็เข้าใจยังไม่ได้ บางอย่างก็เข้าใจ ก็ยังไม่เก่งก็ยังไม่ฉลาดเพียงพอ มีความฉลาดแค่นี้ก็ทำไป
บ้านราชฯเริ่มรวมตัวเกิดปีพ.ศ 2537 อาตมาอายุ 60 ปี ตัวเลขเหล่านี้อจินไตย ก็มาฉลองสมาธิสมโภชน์ ศีลสมโภชน์ฉลองที่สวนลุมฯ เกิดบ้านราชฯ ปี 2537 ประชากรรวมตัวกันจนเกิดเป็นหมู่บ้านชุมชนราชธานีอโศก เป็นหมู่ที่ 10 ตามนิตินัยของมหาดไทย ของประเทศ ของตำบลบุ่งไหม อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี มีผู้ใหญ่บ้านมาตามลำดับ อาตมาจำไม่ได้ผู้ใหญ่บ้านคนแรก คือ ใคร ..ดาวเย็น
คนที่ 2ใคร…(มีนกพิราบหลงมาตัวหนึ่ง)
การเมืองตอนนี้มันทำการสังเคราะห์ตัวมันเอง พวกเราเองมีมวลไม่พอ เราเคยตั้งพรรคเพื่อฟ้าดิน จนกระทั่งคนงงว่า ก็คณะจีนมาตั้งหรืออย่างไร ชื่ออย่างกับในหนังจีน เราตั้งพรรคเพื่อฟ้าดินก็จะต้องมีคนไปทำงานในสภาเป็นส.ส คนเราก็มีไม่มาก ทุนรอนเราก็อาจจะไม่กังวลเท่าไหร่ เพราะเราใช้คุณธรรมความจริง ซึ่งมวลของชาวอโศกก็ไม่พอ ตั้งขึ้นมาแล้วก็ไม่ค่อยได้ทำอะไร พรรคเพื่อฟ้าดินยังไม่เคยมีสส.ไปนั่งในสภาเลยแม้แต่คนเดียว เคยส่งการเลือกตั้ง 1 ครั้ง แล้วส่งคนเดียวคือ คุณแก่นฟ้า
นอกนั้นตั้งแต่คุณจำลองไปทำพรรคพลังธรรม แล้วคนเหล่านั้นก็มาเป็นมวลชาวอโศกตั้งเยอะ ใครเป็นส.ส. สอบตกในยุคนั้นบ้างยกมือขึ้นซิ เสร็จแล้วก็ลาออกจากงานมาเป็นสมาชิกชาวอโศกจากนั้นไม่กลับอีกแล้ว บัดนั้นจนถึงบัดนี้ แล้วเราก็มาอยู่ทางโลกุตระ สังคมโลกุตระก็ค่อยๆเกิดขึ้นมาสร้างธรรมะพระพุทธเจ้าดีกว่า เพราะว่าพระพุทธเจ้าเป็นนักประชาธิปไตยที่สุดยอดแล้ว
ประชาธิปไตยมีหัวใจที่
-
อิสระเสรีภาพ
-
ไม่มี อัตตาตัวตน
-
มีความรู้ทางจิตวิญญาณขั้นปัญญาขั้นโลกุตระข้ามเหนือโลก ไม่ใช่ความฉลาดแบบโลกๆโลกีย์ เก่งอัจฉริยะทางโลกีย์ แต่ตอนนี้มันย้อนกลับแล้ว จะเป็นอัจฉริยะโลกีย์อย่างไรก็คือภาวะแทรกซ้อนที่ยังมาเพื่อตัวกูของกูอยู่ เพราะฉะนั้นคนอย่างนี้จะรวยจะมีเงินมากอำนาจมากให้คนมาอยู่ใต้เงินมากอำนาจมาก อยู่ใต้อำนาจลาภ ยศ สรรเสริญ สุข สุขด้วยเงินด้วยรูป บางคนติดรูปเสพรูปก็เอารูปให้มัน มันจะได้มาเป็นลูกน้อง คนนี้ติดรส ติดกลิ่น ติดเสียงก็เอามาเป็นบริวารด้วยการล่อ แต่ของเราไม่มี ทุกคนหลุดพ้น ไม่มีใครติดอะไรตามมา มาเอาสัจธรรมอย่างเดียวเราเอาสัจธรรมที่เป็นที่ยอมรับ
ประเทศไทยเป็นชมพูทวีปอาตมาประทับตราแล้ว ย้ายมาจากประเทศอินเดียหมดสิ้นแล้วย้ายมาจากเนปาลหมดแล้ว มาอยู่กับประเทศไทยเป็นชมพูทวีป เป็นประเทศที่มีความรู้ของพระพุทธเจ้า เต็มรูป เต็มกว่าใครๆแม้ไม่เต็มทีเดียวแต่ค่อยๆเจริญโลกุตรธรรมแต่ไม่มีใครมีเนื้อแท้โลกุตรธรรมเท่า ไม่ได้ยกตนข่มท่านนะ
แม้แต่เถรสมาคมก็เป็นส่วนหนึ่งของโลกุตระไม่ใช่ว่าเป็นปฏิปักษ์ทีเดียว เถรสมาคมไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อเราแล้ว ทุกวันนี้อโศกกับเถรสมาคมนั้นถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ที่เคยห้ำหั่นกันมาแล้ว คนเหล่านั้น ขออภัยไม่อยากบอกว่าไปลงนรกกันหมดแล้ว เพราะเขามาทำร้ายโลกุตรธรรมแล้วจะไม่ไปนรกได้อย่างไร คนเหล่านั้นก็สิ้นชีวิตไป แล้วก็ไปรับวิบากกรรม ก็เหลือคนทุกวันนี้ที่มีปัญญา ชักรู้ชักเข้าใจ มาช่วยร่วมมือกันเสริมสร้างไปเรื่อยๆก็ดีขึ้น เริ่มร่วมมือมากขึ้น จะเห็นได้ว่า พฤติกรรมสังคมที่ต่อต้านไม่มีแล้ว ที่ต่อต้านอโศกจะต้องมาอย่างโน้นอย่างนี้อะไรต่างๆนานา น้อยๆลงๆๆ พวกเราก็ทำงานเต็มที่พัฒนาตัวเองพัฒนาสังคมพัฒนาสิ่งแวดล้อมกันไป ตามที่เรามีภาวะซับซ้อน มันจะมีภาวะหมุนรอบเชิงซ้อนซับซ้อนอย่างนี้อยู่ ที่สูงขึ้นๆไป สัมโพธิปรายนะ ซึ่งพูดละเอียดไม่หมดใช้ภาษาสื่อสภาวะที่ซับซ้อนเรานี้ไม่หมด สภาพหมุนรอบเชิงซ้อนนี้เป็นสภาพลึกซึ้ง
แต่มันเกิดพฤติบท คืออาการเสริมสานสร้างบทบาทซ้อนในตนเกิดอยู่ตลอดเวลา พวกเราช่วยกันพูด ช่วยกันทำ มันก็เกิดสภาวะจริง เข้ามาเป็นผลได้ เข้ามาเป็นส่วนได้ตกผลึกจับเป็นกลุ่มก้อน ปฏิฆ คือภาวะสอง Action Reaction สัมผัสแล้วเกิดสภาวะ ปฏิฆะ
คำว่าปฏิฆะ เป็นสภาวะที่ลึกซึ้งละเอียดเป็นปฏิกิริยาของจิต ถ้ายังไม่มีชื่อ ท่านก็เรียกว่าปฏิฆ ผู้ใดสามารถรู้จักวจีสังขาร การปรุงแต่งสภาวะภายในขึ้นมายังไม่มีชื่อเรียก เป็นวจีสังขาร คำว่าวจีนี้ยังไม่ใช่ชื่อยังไม่ใช่วจีกรรม
ว คือ พฤติกรรม ใน ย ร ล ว เป็นทำงานตัวที่ 4 เป็น Coefficient เริ่มต้น ออกจากสามเส้า ย ร ล ตัว ว ออกมาแล้ว
แล้ว จ ฉ ช ฌ ย นี้รู้ รู้ในสระอีก วจ วฉ วช วจี ก็เป็นสภาพสภาวะธรรมที่มีความรู้ จ เป็นตัวรู้แล้วก็มีพลังงานเสริมมีธรรมะ 2 คือ ว
วะ คือตัวก้าวหน้าจากสามเส้า ย ร ล แล้ว ว ออกมาสมทบกับ จ ก็ก้าวหน้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พวกเราจะค่อยๆมีความรู้พยัญชนะเหล่านี้ ภาษาไทยก็มาจากรากภาษาบาลี จะไม่เหมือนภาษาจีน ภาษาจีนไม่รู้เลยว่าเอา แง่งไหนจุดไหนมา หรือภาษาอาหรับจะเป็นสายยาวแต่ภาษาจีนมีก้อนๆมาใส่ให้อ้วนไปเรื่อยๆ อาหรับเอาสายมาใส่ยาวไป แต่ภาษาไทยเอามาจากบาลี
อาตมาก็มาจาก 0 คือ ออ อ.อ่างคือห้อง ครรภ แล้วเริ่มมีจุดก็หัวตัว อ.
พอม้วนเข้าไปหนักเข้าเป็นหัวตัว ว. เป็นพลังงานตัวที่ 4 ของเศษวรรค
มันเยอะละเอียด อาตมาไม่มั่นใจตัวเองว่ารู้หมดนะในพยัญชนะ อาตมามั่นใจว่ารู้พอสมควร จึงค่อยๆอธิบาย อธิบายมากๆเดี๋ยวจะพลาดหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ แล้วมันผิดบาปเป็นอันทำ อาตมาเชื่อกรรมวิบาก อาตมาจะไม่ทำกรรมผิดบาป เอายางลบลบไม่ได้ กรรมเป็นอันทำ แบ่งใครไม่ได้
อาตมาระมัดระวังในกรรมที่สุด คนที่รู้สึกว่าอาตมาทำหยาบขอยืนยันว่าอาตมาทำอย่างประมาณแล้ว อาตมาทำอย่างเสียสละ แม้จะได้วิบากย้อนกลับอาตมาบ้าง อาตมาก็ยินดีรับ พูดไปแล้วเหมือนเอาดีเข้าตัวนะ ถ้าเป็นสัจจะเป็นสภาวะเป็นความรู้ อาตมาจึงยอมเสียสละส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่ นี่เป็น motto ของพระโพธิสัตว์ แม้เราจะเสียส่วนหนึ่งของร่างกาย
เช่นบอกว่า 1.เสียทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ ถ้าไม่ไหวแล้วเสียสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต จะเสียสละอวัยวะไปจนกระทั่งหมด ที่สุดแม้แต่อวัยวะขั้นหัวใจเขาก็เอาไปตายก็ให้เพื่อรักษาธรรม เสียสละชีวิตเพื่อรักษาธรรมก็เอา อย่างนี้เป็นต้น นี่เป็นคติของพระโพธิสัตว์ ซึ่งเป็นธรรมดา อาตมาปฏิบัติตามธรรมะพุทธเจ้าที่สอนไว้
คนปฏิบัติธรรมะพุทธเจ้าทำจริงเอาจริงจะมีผลจริง มันไม่ง่ายเลยยุคนี้ที่จะเอาคนมาปฏิบัติเป็นโลกุตระบุคคล เป็นอาริยบุคคลแล้วมารวมตัวเป็นคนทำงานฟรี พ้นมิจฉาชีพ 5 พ้นจากมิจฉากัมมันตะ 3 พ้นจากมิจฉาวาจา 4 พ้นมิจฉาสังกัปปะ 3 ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ใครทำได้ก็เอาสิ ก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ยังมีโพธิสัตว์อื่นอีกที่ทำด้วยกัน นี่ก็ยังไม่รู้เลยว่ามีพระโพธิสัตว์อื่นที่ทำ ที่ติดคุกอยู่นี้ พุทธะอิสระ จะแจ้งสว่างชัดเจนอะไรหรือเปล่า ไม่ศรัทธาอาตมาเท่าไหร่แต่ปฏิเสธไม่ได้ แสวงหาโพธิสัตว์ อย่างหมอเขียวนี้ไม่มีปัญหาเลยเข้าใจช่วยกันทำ คนอื่นๆก็ทำไปต่างคนต่างทำ ก็จะมารวมกันสัจจะเป็นอันเดียวกัน เป็นสัจธรรม เป็นธรรมสัจจะ หยั่งลงในนี้ โอฆทาในประเทศไทยหรือโอกกันตะ
โอกกันติหยั่งลงในแต่ละคน มวลมารวมกันมาก โอกกันตะ จะหมายถึงโลกียะก็ได้ แต่โอฆทามีแต่สัจธรรมที่เป็นโลกุตระอย่างเดียว แต่โอกกันตินี้รวมเละเลย
การเกิดมี 5 อย่าง ชาติ สัญชาติ โอกกันตะ นิพพัตติ อภินิพพัตติ
ชาติ เป็นการเกิดต้น สัญชาติ สั่งสมเป็นในสัญญา เป็นคลังจะเป็นโลกุตระหรือเป็นโลกียะก็แล้วแต่ คนเกิดมาด้วยสัญชาติญาณ ที่มีเท่าไหร่ก็เท่าที่มี เสร็จแล้วก็มาเพิ่ม
ถ้าโง่โอกกันติเป็นโลกียะได้ แต่ถ้าฉลาดมาหยั่งแต่โอฆทา เสร็จแล้วก็สั่งสมเป็นนิพพัตติ เป็นชาติโลกุตระสั่งสมเชื้อ DNA โลกุตระ จนเต็ม เป็นอภินิพพัตติ เป็นการเกิดเป็นอรหัตตผล จนเป็นอรหันต์ เป็นอรหันต์ในโพธิสัตว์ 5.อนุโพธิสัตว์ 6.อนิยตโพธิสัตว์ 7.นิยตโพธิสัตว์ 8.มหาโพธิสัตว์ 9.พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
การเกิดเรานี้เกิดจากกรรมเกิดจากการกระทำของตนเองตนเองเรียนรู้ตนเองกระทำ มนุษย์พิสูจน์ได้ด้วยตัวเองทำ สูงสุดได้เท่าพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง เท่ากันหมด มันห่างไกลเกินกว่าคนจะตามติดได้ พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า พระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นมาองค์ใดองค์หนึ่งในโลก เสร็จแล้วจะมีองค์ใดองค์อื่นที่อุบัติขึ้นในเวลาใกล้เคียงกันนั้นไม่เป็นฐานะที่จะมีได้เป็นไปไม่ได้จะทิ้งช่วงกันนาน ดีไม่ดี ทิ้งช่วงแบบที่ว่ามีช่วงหนึ่งที่ไม่มีศาสนาพุทธเลยด้วย
ช่วงที่ไม่มีศาสนาพุทธมีบัญญัติว่าพุทธันดร ธัมมชโยเอาคำนี้ไปใช้ว่ามีศาสนาพุทธประกาศว่านี่เป็นยุคพุทธันดร แล้วเขาเป็นผู้นำศาสนาพุทธมาตั้งลงเป็นต้นธาตุต้นธรรม เห็นไหมมันกลับขั้วกันเลย เอาตีนมาเดินเป็นหัวเอาหัวมาเป็นเดินเป็นตีน
พุทธันดรคือช่วงที่ไม่มีศาสนาพุทธ อันตระ พุทธ ภาษามันมีแต่สภาวะมันไม่มี ภาษาคือระหว่างพุทธ คือช่องว่างระหว่างพุทธ พุทธจะตายแล้วเกิดมาใหม่ นี่คือ อันตระ ระหว่างพุทธ
นี่เป็นสภาวะที่เราต้องเรียนรู้การกลับไปกลับมาในเทวะที่เป็นธรรมะ 2
ในโลกนี้ ความเป็นสัตว์โลกมนุษยชาติไม่มีอะไรเลยเทวตัวเดียว ตีแตก แล้วมาเป็นอเทวนิยมมีความรู้แบบพุทธจบเลย เทวนิยมเขายังตีไม่แตก เป็นศาสนาเทวนิยมีหลายลัทธิ มีเยอะนะ นับถือพระเจ้าต่างๆกัน ขนาดศาสนาเดียวกันยังไม่รู้มีกี่นิกาย แต่ก็ยังขัดแย้งกันอยู่ เทวนิยมทั้งนั้นแต่อเทวนิยม มีหนึ่งเดียวไม่ได้ขัดแย้งกัน ยากมาก
เพราะฉะนั้นก่อเกิดของจริงเท่านั้น จึงจะมารวมกัน หากไม่ใช่พุทธจริง คนเข้ามาเขาไม่ไล่คุณหรอก แต่คุณจะอยู่ไม่ได้เองที่นี่เขาไม่ไล่หรอก จะเห็นได้ว่าบางคน มีบาปในชาวอโศก เขาไม่รู้ตัวเขาเอง เขาไม่ร้ายทีเดียวแต่เขาแรง เขาไม่รู้ก็เลยกลายเป็นคนที่ไม่เต็มไม่ครบชาวอโศก เพราะฉะนั้นเข้ามาแล้วอยู่ไม่ได้มีหลายคนน่าสงสาร ก็เป็นวิบากของเขา พูดอย่างนี้นึกออกบ้างไหม มีพวกเราชาวอโศกเข้ามาไม่ได้ ไม่ได้รุนแรงกับเขาแต่เขาอยู่ไม่ได้ เขาต้องออกไปด้วยอะไรก็แล้วแต่ นี่มันซับซ้อนเรื่องกรรมวิบาก
อาตมาถึงขอเตือนว่าอย่าประมาทในโทษภัยอันมีประมาณน้อยกรรมเป็นอันทำ ละเว้นสิ่งที่ชั่ว ทำสิ่งที่ดีที่มั่นใจ สิ่งที่ไม่ดีไม่ต้องทำเลยอยู่กับหมู่กลุ่มนี้สบายแล้ว สิ่งที่ไม่ดีจะทำทำไม ไม่ต้องบอกว่าเสียสละ คุณมีอะไรจะคุ้มหัวตัวเองจะได้เสียสละ หากไปกระทบเป็นวิบากคุณเองต้องรับ แล้วไหวไหมล่ะ คุณมี ครน. หรม. หนักเท่าไหร่ที่จะรักษาตัวเองได้อย่างสูง หากคุณยังไม่มี หรม.ครน. ให้แก่ตัวเอง
คุณมีประโยชน์สูงประหยัดสุด เสียสละน้อยแต่ได้ประโยชน์มาก เพราะฉะนั้นมันคุ้มตัวเป็นกุศล เป็นอกุศล สิ่งที่เป็นประโยชน์เป็นกุศลที่จะพึ่งพาอาศัยนั้นเป็นส่วนดี ส่วนที่กิเลสนั้นมันเกิดแล้วก็หมดไป เป็นพระอรหันต์แล้วก็ไม่มีแล้ว เรื่องกิเลสไม่มีอะไรอีกแล้วไม่มีบาปไม่มีอกุศลอีก จบ บุญ ก็ไม่มีไม่ต้องล้างกิเลส มีแต่ทำประโยชน์กับผู้อื่นไปเรื่อยๆ อันนี้สิพวกเราเข้าใจดีมากเข้าใจได้ ว่า บุญนี้ คือนักฆ่ากิเลสอย่างเดียวไม่ทำอะไรอย่างอื่นฆ่ากิเลสเสร็จแล้วหายวับไปกับตา ฆ่ากิเลสเกลี้ยงแน่นอนแล้วหมดไปเลย
เพราะเข้าใจเรื่องบุญไม่ง่าย ปุญญาคิยา ได้ส่วนบุญแล้วจะกลายเป็นสมบัตินั้นไม่ใช่ ส่วนบุญที่ได้นั้นเป็นวิบัติทั้งนั้น มีแต่สิ่งที่หายไปหมดไปไม่ใช่สิ่งที่ได้มาเลย บุญนั้นทำลายกิเลสออกไป กิเลสวิบัติออกไปไม่ได้อะไรกลับมา บุญไม่ได้ทำอะไรเพื่อเอา บุญไม่มีอะไรตอบแทน ตอบแทนมาบุญก็ไม่เอา หากยังเอาตอบแทนอยู่ไม่ใช่บุญ ใครจะชื่อบุญต่อบ้าง ไม่มีหรอก บุญไม่มีตอบแทนบุญฆ่ากิเลส One way ถ่ายเดียว ฆ่าเสร็จแล้วเลิก ตัวเองสบายตัว เหมือนระเบิดปรมาณูทิ้งตูมไปแล้วมันจะมีระเบิดอีกที่ไหน ทิ้งระเบิดจบ ระเบิดก็หายไป ไปเก็บได้แต่เศษ จะรวมเป็นระเบิดไม่ได้อีก จะทำอีกต้องทำใหม่
กว่าอาตมาจะขยายเรื่องบุญได้ ต้องรอเวลา จนทุกวันนี้ ถามอย่างนี้ ใครพอจะเข้าใจเรื่องบุญบ้างยกมือขึ้น ใครเข้าใจได้ดีมากยกมือ
แม้แต่คำว่ากาย คำว่าสมาธิ คำอื่นๆก็มีอีก คำว่ากายก็ดี เทวะก็ดีหรือแปลจากเทวะว่าธรรมะ 2 แล้วก็ขยายธรรมะ 2 ถ้าหากทำธรรมะ0 ได้ คือมีทุกอย่างแต่ไม่ ธรรมะ ไม่สั่งสม ไม่ตั้งอยู่ไม่ทรงไว้ อธรรมะ ก็มีอยู่แล้วกระจายไปทั่วไปอาศัยแล้วก็จบในตัวมันเอง ไม่มีอะไรเหลือเศษ ทุกอย่างมีแต่ประโยชน์ จบประโยชน์แล้วไม่เหลืออะไร
จบ
ป ย ช น จบประโยชน์
ป คือตัวตั้งของพยัญชนะแรกในวรรคต่าง ก จ ต ฏ ต ป
ย เป็นพลังงานเศษวรรคตัวแรก ตัวนี้ตัวตั้งตัวนี้ตัวแรง หากตัวหนึ่งเป็น Static ตัวหนึ่งเป็น Dynamic
สามเส้านี้ ปยช สุดท้ายก็จะไม่มีอะไรก็จบด้วย น คือ ป ย ช น อาศัยทำงานเท่านั้นไม่ได้เป็นตัวตนอะไรเลย 4 ตัวนี้คือตัวงานสุดท้ายมีเท่านี้ ใส่สระโอก็เป็น ปโยชนะ โยชนะก็เต็มที่แล้ว ป คือตัวตั้งของโยชนะ ก็เป็น สิ่งที่มาเป็นมามีมาอาศัย ก็อยู่ที่ประโยชน์สูงประหยัดสุด
การเมืองคือเรื่องเศรษฐกิจกับสังคม คนรู้เรื่องเศรษฐกิจดี และเป็นเศรษฐกิจโลกุตระ จึงจะทำให้สังคมนั้นอยู่กันอย่างสุขสงบอุดมสมบูรณ์ไม่ไปเบียดเบียนมีแต่ประโยชน์ต่อผู้อื่นทั้งนั้นเลย อาตมากำลังอธิบายตอนนี้ว่า ต้องมาเรียนรู้เศรษฐกิจโลกุตระ คุณสมคิดอย่าไปสอนให้คนแย่งกันรวย ฟังในหลวงบ้าง ท่านบอกว่าให้มาเอาแบบคนจน ฟังแล้วศึกษาให้ดี อย่าไปเอาอย่างโลกเขาที่เขาจะไปแย่งกันรวย แล้วแย่งชิงกันไม่จบเราไม่แย่งเราพอ แล้วเราอุดมสมบูรณ์พอแล้วกินใช้เหลือใช้แค่นี้ มาละกิเลสสิ
เพราะฉะนั้นอย่าไปกลัวความจนมาเป็น คนจนนั้นเป็นคนประเสริฐ เป็นคนจนมีภูมิธรรมเป็นคนจนที่ร่ำรวย เป็นคนจนที่มีอุดมสมบูรณ์เหลือกินเหลือใช้ พอเรากินน้อยใช้น้อยนอกนั้นเหลือก็เอาไปจุนเจือสังคมเกื้อกูลสังคมมนุษยชาติ ไม่ใช่พูดปากเปล่าไม่ใช่พูดโม้ มันเป็นของจริงทำได้จริง เพราะฉะนั้นเราไม่สะสม จนคืออะไร นี่ ไปอ่านหนังสือ คนจนที่มีแบบเล่ม 1 ฉบับแก้แล้วไขอีก จาก 192 หน้าเขียนตอนแรก แก้ไขแล้วเป็น 512 กว่าหน้า แก้แล้วไขอีก มากกว่าที่เขียนเดิม ยังมีเล่ม 2 ให้อ่านนะ อยากจะจบเหมือนกัน มันไปได้เรื่อยๆ ยังมีที่ยังออกมาไม่หมด ถ้าอย่างนั้นไม่จบเสียที ไม่มีปัญหาหากจะเขียนต่อก็เขียนเล่ม 3 ได้อีก
การเมืองตอนนี้อยากจะช่วยประเทศชาติ อยากจะมาทำงานเอาเงินทองมาแจกจ่ายคน ต้องสั่งสอนให้คนเป็นคนพึ่งพาตัวเองรอด มักน้อยสันโดษกินน้อยแต่แข็งแรง ทำตัวเองพึ่งตัวเองรอด จนตัวเองเป็นที่พึ่งของคนอื่นได้อย่างนี้ขึ้นไปเรื่อย พูดสั้นๆแต่ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายที่จะทำได้แต่พวกเราทำได้
การเมืองใหม่ที่เป็น ประชาธิปไตยแท้ๆ
-
งานการเมืองต้องมีคุณธรรมและเป็นกุศล
-
นักการเมืองต้อง “รู้จัก” ประชาธิปไตยที่แท้
-
นักการเมืองต้อง “สอน” หรือเผยแพร่ประชาธิปไตยให้กับประชาชน (ประชาชนก็ใส่ใจขวนขวายเรียนรู้ ไม่ใช่รู้แค่ว่าไปเลือกตั้งเท่านั้น) หากรู้คนเดียวนั้นไม่ใช่ประชาธิปไตยต้องให้ประชาชนรู้ด้วยเพราะประชาธิปไตยก็คือประชาชน ไม่ใช่ว่าให้ประชาชนรู้แค่ว่าเอาแต่เลือกตั้งทั้งนั้นจะไปไหนรอด
-
นักการเมืองต้องเป็นผู้พึ่งตัวเองได้แล้ว
-
นักการเมืองต้องเป็นผู้มักน้อยสันโดษ ใจพอ เป็นตัวตั้งต้นของประชาธิปไตย คนมี 1000 ล้านแล้วก็พอก็ยังดี คุณมี100 ล้านแล้วก็ควรพอ ไม่น้อยแล้วนะ 100 ล้าน คุณทำตัวเองให้กินน้อยใช้น้อยมีแค่ 10 ล้านก็พอ แค่นี้มันก็เกิดการไม่แย่งชิง ยิ่งบอก มีล้านเดียวก็พอ สุดท้ายเหลือแต่หัวล้านก็พอไม่ต้องไปมีสมบัติอะไร เห็นไหม
-
นักการเมืองต้องไม่ทำงานการเมืองเป็นอาชีพหากิน แรงนะตัวนี้ ใครที่อาศัยงานการเมืองเป็นอาชีพหากินนั้นบาป
-
งานการเมืองต้องเป็นงานอาสาเสียสละ จิตอาสา ให้คนอื่นเขาเลี้ยงไว้ ปรปฏิพัทธาเมชีวิกา นักการเมืองที่ทำเพื่อประชาชนจริงก็ต้องพิสูจน์คุณเป็นจริงเขาก็จะหาให้หมดรองรับให้หมด จะไปจะมาสะดวกทั้งนั้น คุณจะทำอะไรเพื่อประชาชนให้จริง คนจะอุปถัมภ์ค้ำชูช่วยเหลือขอให้จริง อย่านึกว่าคนนั้นโง่ คนเขาไม่โง่หรอกคนเขารู้ว่าทำเพื่อผู้อื่นจริงๆเขาจะช่วย คนมันไม่โง่หรอก แต่ก็ไม่ฉลาดที่หลอกว่าฉันช่วยเธอนะ อาตมาจึงมีโศลกอันหนึ่งว่า เลวที่สุดในแผ่นดิน คือหากินบนคำว่าช่วยเขา ลึกซึ้งนะ
-
นักการเมืองจะต้องไม่มีอคติ (ต้องพ้น อคติ 4)
-
นักการเมือง คือ ผู้มีอิสระแท้จริง ไม่เป็นทาสโลกธรรม
-
งานการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่งานเพื่อตัวเรา เพื่อครอบครัว เพื่อหมู่พวก เพื่อพรรค แต่เป็นงานเพื่อบ้านเมือง เพื่อประชาชนทั้งมวล เพื่อผู้อื่นที่พ้นไปจากตัวเอง พ้นไปจากครอบครัว พ้นไปจากหมู่พวก แม้แต่พ้นไปจาก “พรรค” ของตน