611111_วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ประชาธิปไตยครบสูตรสาธารณโภคี
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1zhVZh92bzjM4zwBbaPDqeYdC_Z-Ubj222R5WrEovYKA/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=15Z8ReEcUFHQoZOHmTd0sk_omAQVGpweV
สมณะฟ้าไทว่า..วันนี้วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน 2561 ที่บวรราชธานีอโศก เพิ่งจะผ่านงานมหาปวารณามา เรามีตลาดขายเท่าทุนถึงขาดทุนในงานนี้ด้วย มีการฉายประวัติพ่อครูในงาน คนนิยมมาดูกันเยอะ มีเซียมซีอโศกด้วย เป็นเซียมซีธรรมะไม่ใช่เซียมซีเสี่ยงรัก
พ่อครูว่า…ก่อนอื่น ขอโอภาปราศรัยกับที่ส่งมากัน
_ผัวเมียคู่หนึ่งเป็นเพื่อนของญาติที่ป่วยเข้าโรงพยาบาล ผัวเป็นมะเร็งตับปวดมาก ปวดอย่างแรงขึ้นๆ หมอก็มาเสนอแนะบอกสงสารมากจังเลย ทางรพ.มียาตัวหนึ่งฉีดแค่สองเข็ม คนไข้จะค่อยๆหายใจเบาลงและหมดชีวิตไปเอง แต่ต้องให้คนไข้เซ็นยินยอมรับ ไร้ญาติคนไข้ก็เซ็นยินยอมรับด้วย ก็ไม่สบายใจแก่ญาติ อยากทราบว่าบาปนี้ตกอยู่ที่ใคร ผู้เสนอแนะหรือว่าตัวคนไข้เองที่ฆ่าตัวตาย หรือญาติที่เห็นด้วย
พ่อครูว่า…อาตมาไม่รู้ข้อมูลละเอียดที่เกี่ยวข้องกันทั้งหมด สรุปแล้วเจ้าตัวยินดีจะตาย เมียก็เห็นว่าควรจะตาย ญาติที่มาด้วยก็สงสาร ก็น่าจะให้สมใจเป็นไป เพราะว่าก็ดูคำนวณแล้วประมาณแล้ว ว่าไม่มีทางจะหายมีแต่ตายกับทรมาน ก็ให้เลือกเอาทรมานกับตาย 2 ช้อยส์ เห็นแล้วว่าไม่มีทางหาย ก็เลือกเอา คนไข้ไม่ชอบทรมาน คนที่เห็นกับตาว่าทรมานก็ไม่ชอบก็ชัดๆว่าควรเลือกเอาตาย อย่างนี้เป็นเหตุผลที่สมกับเหตุผลชัดเจน แต่คนเราก็มีจิตยึดติดเข้าใจกันตามเคยว่า อย่าไปทำให้เขาตาย การตายการเกิดถ้าเข้าใจแล้วก็คือการเป็นสถานที่ เปลี่ยนร่างกายตัวตนกาละเวลา เปลี่ยนกรรมกิริยาไปแค่นั้นหากเข้าใจสัจธรรมพระพุทธเจ้าแล้วมันไม่มีอะไรมาก จิตคนไม่มีอคติจิตไม่ดีอยากให้เขาตายก็ไม่มี หรือชิงชังก็ไม่มีแต่นี่อยากให้เขาพ้นทุกข์ ไม่ใช่อยากให้เขาตายเพราะแดกดันผลักลงไปในที่ต่ำ ไม่มีอกุศลจิตผสมเลย สิ่งเหล่านี้ นัยะละเอียดของชาวพุทธพวกเราศึกษา สรุปแล้วเอาเถอะ อาตมาไปพูดมากก็ไม่ได้เป็นสมณะ ประเดี๋ยวจะอาบัติ ไปแนะนำให้เขาตายก็ไม่ได้ ก็ดูให้สมเหมาะสมควร
_การทำอาหารอร่อย วิจิตรมาก เป็นอบายภูมิหรือไม่? แล้วการแต่งเรืออย่างวิจิตร ละเมียดละมัยจะเป็นอบายภูมิไหม
พ่อครูว่า…เป็นสำหรับอาหาร
การแต่งที่จะกำหนดเข้าไป เราแต่งเรือนี่ยังไม่วิจิตรพิสดารมโหราฬพิลึกพิลั่นอะไร สู้แต่งเรือหงส์ ที่พายในแม่น้ำเจ้าพระยา สู้ไม่ได้หรอก แม้แต่แค่กับ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จินตนาการสู้เขาไม่ได้หรอก เราก็พยายามทำไปตามประสาเราแค่นี้ ก็โถ ไม่ได้อะไรกันนักกันหนาหรอก แค่นี้ก็กระหืดกระหอบแบกแทบตายอยู่แล้ว จริง ถ้าเผื่อว่าเราไม่ตกแต่งเลยหรือตกแต่งให้น้อยกว่านี้ก็ไม่เป็นไร ไม่ตกแต่งเสียเลย เราก็เป็นประชาชนเป็นคน เราก็รู้ว่าในโลกนี้จะต้องมีคนที่จะต้องมีอะไรแสดงถึง ความวิจิตร ความตกแต่งอะไรพวกนี้ ไม่ใช่ไปยึดมั่นถือมั่นจนสุดโต่งอะไรเกินไป เราก็มีอย่างพอเหมาะพอควรระหว่างกลาง มากไปเราก็ไม่เอา น้อยไปเราก็ไม่เอา คนจะมองโต่งไปทางไหนก็ได้แต่อยู่ที่คนตัดสิน ประมาณ
สมณะฟ้าไทว่า..อาหารอบายก็ใส่ผงชูรส แต่ของเราหากไม่ปรุงแต่งก็เอาถั่ววางไว้ผักวางไว้ แล้วคนจะกินหรือไม่
พ่อครูว่า..มีขอบเขตที่พอสมควรในพวกเรา หากเห็นว่าพอก็ควรจะมีการกำหนดประมาณ ปโหติ ก็จบกันได้
ตอนนี้ การเมืองหวือหวาฝุ่นคลุ้งเหลือเกิน เราก็ร่วมสมัยกับเขาบ้าง การเมืองเป็นเรื่องอะไรต่างๆนานา อาตมายืนหยัดยืนยันพูดว่า เรื่องประชาธิปไตยมันมีเนื้อหาสาระที่ลึกซึ้งจริงๆ แต่คนเขาไม่เข้าใจที่อาตมาพูด หรือเข้าใจแต่เขาไม่เชื่อว่าควรเป็นอย่างที่อาตมาพูด เขาก็ไม่เอา แต่ขอยืนยันว่าประชาธิปไตยที่อาตมาพูดมั่นใจว่าเป็น แก่นแกนของมนุษยชาติและสังคม ความรู้องค์รวมของอาตมาได้อย่างนี้
ประเด็นที่ 1 ประชาธิปไตยเลือกตั้งนี้ มันไม่เป็นประชาธิปไตย เลือกตั้งนี้ ไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่ประชาธิปไตยที่ประชาชนเชิญให้ตั้ง ประชาชนเชิญตั้งผู้นั้นๆขึ้นมา ไม่ใช่ไปเลือกตั้งแต่ประชาชนมีกระแสมีเหตุปัจจัยอะไรของสังคม อย่างที่พลเอกประยุทธ์เป็นอยู่ขนาดนี้ พลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีของประชาธิปไตยของไทยเกิดจากประชาชนจริงๆ มวลประชาชนจริง อาตมามีส่วนร่วมในมวลประชาชนนี้ ถึงกล้าพูดอย่างเต็มความมั่นใจเลยว่า มันเป็นเรื่องของประชาธิปไตยของมวลประชาชน อาตมาร่วมด้วยไปไล่รัฐบาลไม่รู้กี่รัฐบาลออก มีฤทธิ์มีอำนาจมีอิทธิพลนะ รัฐบาลออกไปจริงๆ โดยพฤติการณ์ของการขับไล่นี้มันเป็น Neo protest เป็นการขับไล่ประท้วงชนิดที่แบบใหม่ ที่จริงมันแบบเก่าวนเวียนมา มันทำไม่ได้แล้วแต่เราทำขึ้นมาได้จึงเรียกว่าใหม่มาก Neo protest ซึ่งเป็นการขับไล่ด้วยความสงบความเรียบร้อยความสุภาพความจริง เอาออกมาย้ำยืนยันทั้งหลักฐานตัวจริงเหตุการณ์อะไรต่างๆนานาเลย เพื่อให้เขาจำนนและเขาต้องจำนน เป็นสัจจะของสัจจะมาสู้กันโดยตรง ไม่ได้เอาอาวุธเอาเขี้ยวงามาสู้กัน แต่เอาสัจจะความจริง เสร็จแล้วเขาก็ต้องพ่ายแพ้ไป จนชนะอย่าง Absolute Ultimate สุดยอดแล้ว
เสร็จแล้วพลเอกประยุทธ์ต้องมาสวมมาสอดพร้อมให้ต่อเนื่อง เพราะเขาอยู่ในฐานะตำแหน่งผู้ดูแลความสงบของชาติ ทั้งตำแหน่งฐานะโอกาสถูกต้องหมดเลย ต่อเนื่องไป ด้วยเหตุปัจจัย เป็นไปโดยธรรม ตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2557 แล้วก็ปฏิบัติตัวเองในหน้าที่นั้นจนประชาชนคิดว่าเป็นนายกฯของประชาชน จนบัดนี้ก็ยังมีกระแสว่านายกฯตู่นี่แหละเชื่อมือแล้ว คนอื่นหากดูเบื้องหลังเบื้องหน้าดูพฤติกรรมแล้วยังไม่เชื่อมือ แต่คนที่ไม่ยอมแพ้เขาก็จะสู้จะแย้งเป็นธรรมชาติของประชาธิปไตยเป็นธรรมดาสามัญ
ฉะนั้นเมืองไทยจึงเป็นเมืองตัวอย่างของประชาธิปไตยที่มีฝ่ายค้าน ประชาธิปไตยไม่ใช่ว่าไม่มีฝ่ายค้าน ประชาธิปไตยต้องมีฝ่ายค้านเสมอถ่วงดุลไว้และมีเหตุมีผล ใช้ความรู้ความสามารถอย่างผู้ดี ท้วงกัน เอาเหตุผลหลักฐานความจริงทุกอย่าง เพราะฉะนั้นในความเป็นประชาธิปไตยนี้ มันมีภาษาอยู่ 2 คำคือ มหาอำนาจ กับมหาภิบาล
มหา คือใหญ่ อำนาจใหญ่กับอภิบาลใหญ่
การอภิบาล คือการดูแลอย่างไม่ต้องการเอาชนะ ไม่ต้องการเป็นใหญ่ ดูแลอย่างดีด้วยความช่วยเหลือ แต่อำนาจนั้นมันใช้ฤทธิ์แรง ใช้พลัง จะกดข่ม บังคับก็แล้วแต่ นั่นไม่ใช่ประชาธิปไตย ประชาธิปไตยต้องเอาสาระอยู่ที่การอภิบาล เพราะฉะนั้นผู้ใดแสดงสัจจะสาระที่ตรงกับพยัญชนะว่าอภิบาลนี้ จึงเป็นประชาธิปไตยกว่า ถ้าพฤติกรรม การกระทำการดูแลปกครองบริหาร เป็นการใช้อำนาจ มันไม่ใช่ประชาธิปไตย อาตมาว่า ประเทศไทยทำได้สวยทำได้ดีมากเลย ตอนนี้ก็มีการเรียกว่าแย่งชิงก็แย่งชิงต่อสู้กัน ต่างก็อยากได้อำนาจ ตำแหน่งหน้าที่ฝ่ายบริหารปกครอง มันเป็นธรรมดาธรรมชาติคนเราไม่รู้ตัวหรอก เราจะสู้เขาไม่ได้หรือได้นึกว่าตัวเองแน่กว่า หาเรื่องมาโกหกมดเท็จ เช่นบอกว่า เศรษฐกิจแย่ แต่คุณมีความรู้เศรษฐกิจแค่ไหน อาตมาไม่ได้จบป.ตรี แต่คิดว่าคุยกับนักเศรษฐศาสตร์ได้ พูดกับปริญญาเอกทางเศรษฐศาสตร์ได้
คำว่าเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจ มันหมายความกับประชาชนมนุษยชาติอย่างไร เสฏฐะแปลว่าเจริญ มนุษยชาติอยู่เย็นเป็นสุขเจริญ เจริญด้วยอะไรบ้าง
เจริญด้วยปัจจัย 4 เจริญด้วยจิตวิญญาณที่มีวรรณะ 9 พุทธพจน์ 7 เป็นคนไม่ต้องสะสมกอบโกยแย่งชิง แม้ที่สุดยินดีในการไม่ต้องมีทรัพย์สินเลย แต่อยู่กับหมู่กลุ่มสังคมมีวัฒนธรรมมีพฤติกรรมสังคมอย่างที่เราทำสำเร็จแล้วชาวอโศก เป็นสาธารณโภคี เป็นของพระพุทธเจ้า เอามายืนยันในยุคนี้เลย ในยุคพระพุทธเจ้าก็ทำแต่มีข้อจำกัด ทั่วโลกก็เป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์เขาไม่เข้าใจหรอกแบบพระพุทธเจ้า เป็นยุคที่มนุษย์เป็นทาส ไม่รู้จักสิทธิมนุษยชนอะไร สิทธิในข้าวของ ในตนเอง นายทาสเป็นเจ้าของหมด ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน จะให้ตายก็ได้ ฆ่าไม่ผิดกฏหมาย ประชาธิปไตยในยุคนี้จึงเห็นชัดเจนกว่ายิ่งกว่าในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ หากเข้าใจสัจธรรมพวกนี้
ความเป็นประชาธิปไตยอาตมาสรุปว่า
-
คนต้องมีอิสระ
-
ในตัวเองของคุณต้องรู้จิตวิญญาณคุณอย่าเห็นแก่ตัว ไม่มี อัตตาตัวตนได้
นี่เป็นเงื่อนไขหลักเลย
-
มีปัญญา ที่รู้จักเหตุการณ์สิ่งแวดล้อม แล้วจัดสรรความเหมาะสมขององค์ประกอบ พวกนี้อย่างนี้ให้พอเหมาะพอดียังมีสัปปุริสธรรม 7 มหาปเทส 4 ไม่มีอคติใดๆ ไม่เห็นแก่ใคร ลงตัวสมดุลพอเหมาะที่สุดอย่างนี้ เป็นประชาธิปไตยจริงๆ
อาตมาว่า เมืองไทยมีความรู้มีทฤษฎีวิชาการพระพุทธเจ้าไว้หมดแล้ว พระพุทธเจ้าเป็นนักประชาธิปไตยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่อาตมาเข้าใจว่าประชาธิปไตยคืออะไร
อาตมาจึงเห็นว่าโลกจะต้องไปอีกกว่ามันจะบรรลัยจักร กว่าจะถึงกลียุค ฆ่ากันอย่างไม่ไว้หน้า อาตมาเคยอธิบายรูปธรรม คนเก่ง 2 คนสุดท้ายมันจะฆ่ากัน มันทั้งเร็วทั้งไว แม่น เอาปืนใส่มือคนละกระบอก ปืนประสิทธิภาพเท่ากัน ทั้งยิงเร็วไวแม่นเท่ากัน กรรมการเป่าปรี๊ด มันเก่งทั้งคู่ เร็วทั้งคู่ แม่นทั้งคู่ ตายพร้อมกัน โดนหัวใจทั้งคู่(สมณะฟ้าไทว่า..ยกเว้นลูกปืนมาชนกันกลางอากาศก็รอด)
อาตมามั่นใจว่าอาตมาเข้าใจเรื่องประชาธิปไตย แม้จะไม่มีเครดิตทั้งโลก ก็จะพยายามอายุยืนยาวแล้วจะพูดเรื่องประชาธิปไตยอย่างที่เข้าใจนี้ เพื่อให้นักรู้นักการเมืองนักรัฐศาสตร์นักวิชาการ ที่มีความรู้เรื่องประชาธิปไตย ฟังแล้วเข้าใจ อาตมาว่าประชาธิปไตยที่อาตมามั่นใจ ว่าเอามาจากพระพุทธเจ้า มันดีกว่าที่พวกคุณเข้าใจ คอนเซ็ปประชาธิปไตยของพวกคุณกับของอาตมามันต่างกัน อาตมาว่าอาตมาอย่างนี้แหละดีกว่า สรุปแล้วคนเดียวมันแสดงไม่ได้ต้องมีรูปธรรมอย่างชาวอโศก เป็นนักประชาธิปไตยที่เข้าใจแนวที่อาตมาเอามาให้พวกเราปฏิบัติประพฤติ พวกเราเป็นนักประชาธิปไตย เป็นหมวดหมู่องค์รวม ที่จะยืนยันไปเรื่อยๆ
การเป็นอยู่ชีวิตของเรามีเศรษฐศาสตร์สาธารณโภคี มีการบริหารปกครองกันเป็นหมู่คณะมาร่วมกันพูดตกลงหรือบรรยายก็ไม่มีอะไรถกเถียง ตีรันฟันแทงขัดแย้งรุนแรงอะไรเรียบร้อย ราบรื่น ง่ายงาม
“ระบอบการปกครอง”ของมนุษย์
(๑) การปกครองมนุษย์นั้น แสนยาก
เพราะมนุษย์หลายจิตหลาก กิเลสล้น
แต่ละชาติต่างต้องพาก- เพียรสุด กำลังเฮย
ทั้งพูดทำคิดค้น เพื่อได้ทางเจริญ
(๒) ไม่เกินกว่ามนุษย์รู้ ศึกษา
ทุกประเทศล้วนเสาะหา ทิศก้าว
ตามภูมิแห่งเฉกา ที่ฉลาด สุดแล
ใครไป่ปรารถนาน้าว ชาติให้เลวเลย
(๓) แต่เคยสะดุดบ้าง มีไหม
ว่า“ระบอบ”ดีสุดใด นั่นแท้
มี“ทิฏฐิวิเศษ”ไหน สร้างโลกุตร์
ตรา“กฎธรรมนูญ”แล้ เลิศพร้อมเพ็ญพูน
(๔) “ธรรมนูญ”พุทธพิสุทธิ์แท้ รู้เถิด
สามหมวด“ศีล”สุดประเสริฐ ยิ่งล้ำ
“จุลศีล”หมวดหนึ่งเกิด อาริยะ- ชนเอย
“มัชฌิมศีล”สองย้ำ ขยายซ้ำละเอียดเสริม
(๕) เติม“มหาศีล”เข้าครบ หมวดสาม
ข้อกำหนดห้ามปราม วิเศษนี้
หากใครปฏิบัติตาม พุทธสุด สะอาดแฮ
ไร้“ดิรัจฉานวิช”ชี้ ศาสน์แผ้ววิสุทธิ์ธรรม
(๖) กำหนดได้ระบอบนี้ ดีวิศิษฏ์
หลักพุทธแสนสุจริต ประสิทธิ์แท้
ปกครองมนุษย์ชนิด “ธรรมาธิ- ปัตย์”เลย
ชัด“อัตตา-โลก”แก้ ปรับได้โดย“ธรรม”
(๗) สัมฤทธิ์“อธิปัตย์”ล้วน พิเศษผล
“ระบอบพุทธ”สัมมาชน สำเร็จได้
มี“ศีล”กำกับคน ตัดกิเลส
“สมาธิ-ปัญญา”ไซร้ ชี้มนุษย์เจริญจริง.
“สไมย์ จำปาแพง”๑๒ ก.ค. ๒๕๖๐
[นัยปก “เราคิดอะไร” ฉบับ ๓๒๕ ประจำเดือนสิงหาคม ๒๕๖๐]
ประชาธิปไตยสามเส้า
(๑) ทุกชาติต่างเลือกเฟ้น ครรลอง
เป็นระบอบการปกครอง ประเทศไว้
การเมืองเศรษฐกิจสนอง ชนรัฐ ตนแฮ
โชค-เคราะห์ชาติใดได้ ต่างชั้นกันไฉน
(๒) “อธิปไตย”อำนาจนี้ คือพลัง
ปุถุชนหลงกันดัง พระเจ้า
ต่างสร้าง“ใส่ตน”หวัง เป็นใหญ่
ลาภยศยกย่องเย้า ยั่วให้แรงคึก
(๓) เชิญศึกษาเถิดถ้วน ตำรา
“ไทยนิยม”อย่างราชา รัชชเก้า
“อภิบาล”สุดวิเศษหา ใดเปรียบ ได้เลย
คือ“อธิปไตย”สามเส้า เทิดเกล้าคนสยาม
(๔) ตรงตามสัจจะทั้ง ศาสตรา
หนึ่ง“กษัตริย์”-สอง“ประชา” ผนึกเข้า
ผนวกสามอีก“วิญญาณ์” “อำนาจร่วม” กันเฮย
ยอด“อธิปไตย”สามเส้า จิตไซร้เป็นประธาน
(๕) ใช่พาล“รวบอำนาจ”ไว้ ใน“ตน”
สิทธิ์ประชาแต่ละคน มอบให้
แก่เราที่เขายล เขาชื่น ชมเอง
มิใช่เราอยากได้ แย่งยื้อมาครอง
(๖) ตามสัจต้อง“รับใช้.. ปวงชน”
แล้วประชาแต่ละคน จักให้
ลาภยศยกย่องขน มาข่ม ได้ฤา
หาก“อภิบาล”วิสุทธิ์ไซร้ วิศิษฏ์แท้จึงจริง
(๗) ยิ่งใครได้สัมผัสซึ้ง ตรึงใจ
ศาสตร์พระราชาไทย ที่เก้า
หา“ประชาธิปไตย”ใด ไป่เปรียบ ได้เลย
คือ“อธิปไตยสามเส้า” วิเศษไท้ไทสยาม
“สไมย์ จำปาแพง” ๑๖ เม.ย. ๒๕๖๑
[นัยปก “เราคิดอะไร” ฉบับ ๓๓๔ ประจำเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑]
ประชาธิปไตยครบสูตร
(๑) “การปกครอง”รัฐต้อง ครบสาม
หนึ่ง“มนุษย์”ผู้มีกาม ทุกข์แท้
สอง“กษัตริย์”ซึ่งทรงความ- ประสริฐสุด
สาม“จิตวิญญาณ”แพ้- “โลก”..แพ้“อัตตา”
(๒) ต้องศึกษา“จิต”ให้ อุตตระ
“เหนือ”นี้ใช่ว่าจะ ง่ายรู้
จบเปรียญก็ใช่ชนะ “เหนือจิต” ได้เลย
ต้องศึกษาฝึกสู้ กิเลสด้วยวิชชา
(๓) ซึ่งหาได้จากผู้ เข้าถึง
“สัตบุรุษ”ที่พึง สัมผัสได้
สอนรู้“จิต”จริงจึึง จักกำจัด กิเลสแล
ตรวจสอบพุทธพจน์ให้้ ถูกพร้อมบริบูรณ์
(๔) ไม่พูนกิเลสเพิ่มซ้ำ “จิต”มนุษย์
ต้องพินิจให้พิสุทธิ์ ยากรู้้
กว่าจะสะอาดผุด ผ่องสุด เป็นสัจจ์
“อธิปไตย”จึ่งจักกู้ “โลก”ด้วย“ปัญญา”
(๕) คือ“วิชชา”พุทธแท้ “โลกุตระ”
ไม่่ใช่ฉลาด“เฉกะ” แค่นั้น
นั่นฉลาดแบบ“โลกียะ” “เหนือจิต” มิได้เลย
“โลก-อัตตา”นี้หลากชั้น หลอกผู้ปุถุชน
(๖) คนจักสำเร็จแท้ ด้วย“จิต”
“อุตตระ”จะพิชิต “โลก”ได้
“ธรรมะ”ชนะชนิด ยอดยิ่ง จริงจบ
ถ้ากำจัด“อัตตา”ให้ หมดเกลี้ยงก่อนใด
(๗) “อธิปไตย”ครบสูตรนั้น ใช่ใด
ตัว“อัตตา”ที่อยู่ใน “ดนุ”นี้
“มนุษย์-กษัตริย์”ไม่กระไร กันหรอก
“จิต”ไม่มี“อัตตา”ชี้ “โลก”แจ้ง“อุตตระ”
(๘) ประชาธิปัตย์นั้น คือระบบ
ยิ่งใหญ่สูตรครันครบ พรักพร้อม
“วิญญาณ”จักบรรจบ จุดสำเร็จ
“ไร้อัตตา-อิสรา”ล้อม ถักร้อย“อธิปไตย”
“สไมย์ จำปาแพง” ๖ ก.ค. ๒๕๖๑
[นัยปก “เราคิดอะไร” ฉบับ ๓๓๗ ประจำเดือนสิงหาคม ๒๕๖๑]
อาตมาพูดไปยืนยันไปนี้ครบถูกต้อง แต่คนจะรู้ได้เมื่อไหร่เท่านั้น อาตมาไม่ยอมแพ้และไม่ตายง่ายๆด้วย มันดี ไม่ใช่แค่ว่าอาตมาอยู่ แต่มันดีที่ทฤษฎีด้วย อยู่ยาวๆอย่างไม่ใช่เป็นคนชั่ว แต่เป็นคนดีด้วยทำประโยชน์ให้คนอื่นด้วย อย่างนี้น่าจะอยู่ แต่ถ้าอยู่อย่างหาเรื่องหาราว ทำความวุ่นวายยุ่งยาก มันควรจะลงเหว
ประชาธิปไตยไทยแบบพุทธ
(๑) “ประชาธิปไตย”โลกร้อง เรียกหา
ล้วนแต่หลง“มายา” อยู่แท้
หาใช่ยอด“สัจจา- ธิปัตย์”ไม่
แค่แข่ง“อำนาจ”แพ้- ชนะสู้กันไป
(๒) ใครแย่งอำนาจได้ ใหญ่ครอง
ข่มคนอื่นเก่งผยอง เบ่งบ้า
เอาเปรียบโลกทั้งผอง ด้วยกิเลส แท้เทียว
เห็นแก่ตัวกลั้วกล้า ไม่รู้“ตัวตน(อัตตา)”
(๓) คนผู้นำไป่รู้ “อำนาจ”
มีแค่“เฉกะ”ฉลาด ยึดไว้
หลงเต็มสิทธิ์ผูกขาด เบ่งใส่ “โลก”เลย
ถือว่า“ตน”ใหญ่ ใช้ อำนาจชี้บงการ
(๔) เป็นพาลใหญ่เบ่งกล้าม นักเลง
ใช้“อธิปไตย(อำนาจ)”ข่มเหง บ่รู้
ไม่หัดฝึกตนเอง มี“สติ” ตื่นเต็ม
“ความฉลาด”จึ่งไป่กู้ วิกฤติได้ใดใด
(๕) ไม่เคยเรียนพุทธแท้ “โลกุตระ”
มีแต่ฉลาด“เฉกะ” แค่นั้น
นั่นฉลาดแบบ“โลกียะ” พ้นกิเลส มิได้ดอก
“โลก-อัตตา”นี้หลากชั้น หลอกใช้ปุถุชน
(๖) คนผู้“เป็นใหญ่”แท้ ที่“จิต”
ตน“ใหญ่”เพราะพิชิต “ตน(อัตตา)”ได้
ไทยชนะชนิดวิศิษฏ์ เอาสงบ สยบอริ
ชนจึ่งมอบ“อำนาจ”ให้ รับใช้ประชาจริง
(๗) ทุกสิ่งไทยเลิศพร้อม ครบหมด
มี“อิสระ”สุดใสสด วิเศษฟ้า
“อัตตา”ก็หมดจด ดับสนิท สามมิติ
ฝึก“จิต”จนกาจ”กล้า แกร่งแกล้วคุณธรรม
(๘) ไทยสำเร็จหกถ้วน เป็นระบบ
พุทธยิ่งใหญ่ครันครบ พรักพร้อม
“วิญญาณ”ฆ่ากิเลสจบ บรรลุจุด สุดเฮย
“กษัตริย์-ประชา”ล้อม ถักร้อย“อธิปไตย”
“สไมย์ จำปาแพง” ๑๐ ส.ค. ๒๕๖๑
[นัยปก “เราคิดอะไร” ฉบับ ๓๓๘ ประจำเดือนกันยายน ๒๕๖๑]
เถรสมาคมทำตั้งเท่าไหร่ทำมากกว่าอาตมาเท่าไหร่ แต่ทำสังคมที่มีศีลอย่างชาวอโศกไหม มีสมาธิอย่างชาวอโศกไหม มีปัญญาที่ต่างจากเฉโกไหม แม้แต่ความควบแน่นของชุมชน ชาวอโศกมีความควบแน่นสังคมชุมชนสู้กับทางเถรสมาคมไม่ได้ ชุมชนของเถรสมาคมแต่ละชุมชน อำเภอ เสียดายเรายังรวมเป็นตำบล อำเภอไม่ได้ เช่นจะรวมเป็นตำบลโลกุตระ เช่นมี 8 – 10 หมู่บ้าน เป็นสาธารณโภคีหมด พฤติกรรมเป็นโลกุตระได้หมด แต่นี่มันยังไม่ได้ เราจะทำยังไงให้ กุดระงุมเป็นโลกุตระ ท่ากกเสียวเป็นโลกุตระ แต่คำกลางเป็นคริสต์ ยากหน่อย ทั้งหลายรอบๆนี้เอามาเป็นสาธารณโภคีให้ได้ รูปธรรมพฤติกรรมสังคมจะยืนยันให้เห็นจริง ผู้ศึกษาหาความรู้ก็เอามาตรวจสอบดูสิอยู่กันอย่างไร มีพฤติกรรมกับสังคมอย่างไร ซึ่งมันพูดได้อธิบายได้ พูดทีไรก็โก้ แล้วเขาก็หมั่นไส้มันพูดแค่ความโก้ ทำไมไม่พูดความเลวของมันบ้าง …ความเลวหายาก แล้วเราจะไปอวดความเลวให้คนเอาอย่างตามทำไม เราต้องพยายามหยุดความเลวอย่าไปพูดถึงและต้องทำให้มันหมดไปจากชีวิต จะเอามาพูดมายืนยันโฆษณาหาเสียงทำไม เอาความดีออกมาโฆษณาหาเสียง ชักชวนให้คนพากเพียรปฏิบัติประพฤติให้เป็นสิ่งนี้ เราเอาความดีมาเป็นสินค้า เอาความดีมาประกาศเอาความดีมาเผยแพร่เอาความดีมาชักชวน เอาความดีมาให้เป็นกัน เหตุอย่างนี้ทำอย่างนี้แล้วจะดีอย่างนี้ๆ เราผิดตรงไหน ไม่ชวนให้คนทำชั่ว ไม่เอาความชั่วมาโฆษณาผิดอย่างไร ใช่ไหม
นี่มันต้องตั้งหลักตั้งใจฟังให้ดี แล้วเราไม่ได้หมายความว่า พูดโก้ แต่ ไม่ได้ทำจริงอย่างนี้ ให้มาตรวจสอบสิ ยถาวาทีตถาการี ยถาการีตถาวาที พูดอย่างไรทำได้อย่างนั้นไหมตลบตะแลงตอแหลหรือเปล่า ที่พูดนี้ไม่ได้หยาบคายอะไร พูดชัดๆ พูดให้เห็น อาตมามั่นใจว่าเป็นสัจจะที่ดีที่งาม พูดเมื่อไหร่ก็ดี แม้จะพูดเน้นหนักแรงก็เพราะว่าไม่ค่อยจะฟังเลยก็ต้องแรงๆหน่อย ถ้าไม่แรงไม่กระตุกเขาให้หยุดมันผ่านหูไปไม่ฟัง ต้องพูดให้กระตุก มันดื้อ
สรุปประชาธิปไตย ตอนนี้อยู่ในโหมดประชาธิปไตยเฟื่องฟู แล้วมีประชาธิปไตยขี้โกหกเยอะ เราก็ต้องมายืนยันประชาธิปไตยแท้ จะได้ให้คนไปตรวจสอบประชาธิปไตยขี้หลอก ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวเละเทะ เพราะฉะนั้น มาเอาประชาธิปไตยแบบนี้
ขอยืนยันประกาศว่าชาวอโศกเป็นนักประชาธิปไตยเบอร์ 1 ของโลกขณะนี้ ทำเป็นมวลเป็นหมู่พรักพร้อมสอดคล้อง เอาหลักเกณฑ์มายืนยันอีกว่า ประชาธิปไตยพวกนี้มี
-
อิสระเสรีภาพ
-
ล้างอัตตาตัวตน
-
มีจิตวิญญาณเป็นประธาน
-
ยอมรับว่าประชาธิปไตยต้องมีกษัตริย์ ประชาธิปไตยที่ไม่มีกษัตริย์ถือว่าเป็นประชาธิปไตยขาเดียว ขาเก ไม่เต็มเต็ง
-
ต้องมีประชาชน
-
มีจิตวิญญาณที่ต้องเป็นตัวควบคุมตัวฝึกฝนสร้างให้เป็นจิตวิญญาณแสนบริสุทธิ์ เป็นจิตวิญญาณอันสุดประเสริฐเลิศยอดเป็นนิพพานสูงสุด
สมณะฟ้าไทว่า..จิตวิญญาณตัวที่ 3 กับตัวที่ 6 ต่างกันอย่างไร
พ่อครูว่า…จะเอาตัวไหนเป็นความรู้ก็ได้ ขาดจิตวิญญาณไม่ได้ในตัวคน คนนี้มีจิตวิญญาณเป็นใหญ่ เทวนิยมบอกว่าจิตวิญญาณเป็นใหญ่แล้วอยู่ที่ไหน บอกอยู่โน่นเป็นใหญ่ บนฟ้าหรือ? ตัวตนเป็นอย่างไรไม่รู้สัมผัสไม่ได้ ทำตามคำสั่งสอนก็พอ อย่าไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงเป็นอันขาด ไม่เป็นองค์ประกอบร่วมกับ กาละ ยุคสมัย ใหญ่ตายตัว มันไม่เหมาะสมกับกาละยุคสมัย ดีสุดกับคนอ่อนแอสุดเขาก็ทำไม่ได้ ต้องเอาฐานะแค่นี้ก่อนนะ เด็กไม่เดียงสาก็เอาแค่นี้ก่อนค่อยให้ทำต่อไป จะให้ดีสุดเลิศยอดไม่ได้ ไม่เป็นองค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบ พระเจ้านั้นไม่มีองค์ประกอบยุคสมัยกาละ ที่เป็นลำดับอย่างน่าอัศจรรย์
ศาสนาพุทธมีเหตุปัจจัยมีองค์ประกอบมีลำดับอย่างน่าอัศจรรย์ อยู่กับกาละยุคสมัย รายละเอียดของพุทธครบครัน
พูดถึงประชาธิปไตยขณะนี้ ผู้ที่เป็นคนไทย พุทธศาสนิกชนศึกษาให้ดี ศึกษาให้บรรลุธรรมไม่อย่างนั้นเป็นนักประชาธิปไตยที่บาป จะเห็นแก่พรรคพวก เห็นแก่อำนาจ เห็นแก่ตัวเองก็ยิ่งซวย บาป พยายามใหม่ พยายามดีๆ แล้วจะกลายเป็นประชาธิปไตยที่ดีที่ประเสริฐเลิศยอด
ผู้ที่มีภูมิปัญญา ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตย เศรษฐกิจ สังคม มันขาดจากกันไม่ได้ ต้องอิงสาศัยกัน ฉีกทิ้งอันใดอันหนี่งไม่ได้ มันต้องมีครบสามเส้าจึงเกิด cyclic order ความสมบูรณ์อยู่รวมกันเป็นหน่วย สังเคราะห์สังขารกันอย่างเต็มบริบูรณ์ไม่อย่างนั้นมันแหว่ง ไม่ครบครัน
ที่อาตมานำเสนอนี้เป็นสุดยอดประชาธิปไตยควรจะต้องหันมารับเอาระบบนี้ อาตมาใช้ภาษาใหม่ว่าบุญนิยม เพื่อให้ไปเทียบเคียงเป็นธรรมะ 2 กับทุนนิยม ให้เปรียบเทียบทีละขั้นทีละคู่ บุญนิยม บุญเป็นไปเพื่อละกิเลสหมดความเห็นแก่ตัว แต่ทุนนิยมเป็นไปเพื่อกิเลสเห็นแก่ได้เห็นแก่ตัวมากขึ้น ที่พูดให้รู้สภาวะจริงอย่างที่จะมาพูด ก็ต้องมาศึกษา
อาตมาต้องขอบคุณพวกเราแต่ละคน มาเรียนรู้ธรรมะพุทธเจ้าแล้วก็ได้มรรคผล จนกลายเป็นมวลสังคมกลุ่ม มีพฤติกรรมสังคมประพฤติปฏิบัติอยู่ในโลก ให้เห็น แม้ได้เท่านี้ เพราะว่ารัฐบาลก็ไม่ได้ส่งเสริม เถรสมาคมก็จะเอาให้ตาย แต่เราเป็นแมว 9 ชีวิต สุดท้ายเขาก็จำนน ไม่ยอมระรานแล้ว เกิดปัญญาเกิดความเห็นจริงว่า เออ ให้มันดิ้น อโศกให้มันดิ้นเถอะแต่เขาไม่เคยมาร่วมมือสนับสนุนส่งเสริมอะไรหรอก ก็ไม่เป็นไร อย่ามาต้านอย่ามาทำร้ายทำลายก็ดีแล้ว
มั่นใจว่าคนจะมาเอาบุญนิยมทั้งโลก ไม่ใช่แค่ประเทศไทย อาตมาไม่ใช่ติดว่าต้องไทยไม่เอาประเทศอื่น เดี๋ยวจีนจะมาเอา ไม่นานอินเดียก็มาอีก ทีนี้ล่ะ (พ่อครูไอตัดออกด้วย)หรืออื่นๆไม่ว่าจะยุโรป ตะวันตกจะมาเอา เพราะ สัจธรรมที่ดีกว่า
-
ความทุกข์มันมากขึ้นมันหนักหนาสาหัสมากขึ้น เอารัดเอาเปรียบกันหนัก มันไม่อบอุ่น ไร้ความไว้วางใจกันหวาดระแวงกันมากขึ้น ทำร้ายกันทั้งหยาบคายซ่อนแฝงสารพัด ทุจริตทั้งหยาบทั้งอำพรางปิดบังไปไม่รอดหรอก
-
ทรัพยากรของโลกก็ร่อยหรอลงไม่พอกินพอใช้
-
ไม่มีทางเลือกอื่นดีกว่านี้แล้ว
-
มีตัวอย่างของสังคมที่ไปรอดในยุคนี้เป็นการยืนยันได้แล้วเป็นอยู่จริง ใครจะออกจากอโศก
-
ระบบบุญนิยมเป็นระบบที่ยั่งยืนจริง พิสูจน์ได้ด้วยกาละ จนคนต้องเชื่อในที่สุด
อาตมาว่า มันตรงกับธรรมะพุทธเจ้าเป็นระบบที่ยั่งยืน “นิจจัง-ธุวัง-สัสสตัง-อวิปริณามธัมมัง-อสังหิรัง-อสังกุปปัง” พิสูจน์ด้วยกาละเวลา เขาว่า ระยะทางพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์คน สุดท้ายก็ต้องเชื่อ มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอื่นแล้ว อะไรทำขนาดนี้แล้วมันก็ยังไม่เปลี่ยน งั้นเราตายก่อนเถอะ เขาจะตายจากไป เขาพิสูจน์อยู่ไม่ไหวแล้ว เราตายไปแล้วมันยังไม่เปลี่ยนแปลง เกิดมาอีกอโศกมันยังอยู่ เขาจะเจอจริงๆจริงไหม พวกเราจะอยู่ข้ามชาติไปเลย ก็ตอนเป็นๆนี้เราจะอยู่ ตอนนี้คนจะมาต่ออายุให้อาตมาถึง 200 ปีแล้ว เขาตายหลายรอบแล้วเกิดมาต้องเจออีกเขาก็ต้องจำนนจนได้
อยู่ในหนังสือสรรค่าสร้างคน อัพเดทใหม่มี 8 ข้อ
อาตมาพูดและเสนอไม่ใช่เรื่องมุขขึ้นหรือหลอกลวง อาตมาเสนออย่างที่อาตมาเป็นใครมีสัจจะแค่ไหนไม่ได้เทกระบะใส่ แต่ให้เป็นลำดับไม่ได้ทำอะไรเกินการ เกินควร ทำอย่างเกรงใจก็ทำไป ยืนยันพิสูจน์ความจริงจนกว่าคุณจะเชื่อว่า อ๋อ อาตมานำธรรมะพุทธเจ้ามาด้วยและเอาตัวเองตัวจริงมายืนยันด้วยว่า อาตมานี้เป็นคนที่ได้สั่งสมความรู้ สังคมความจริง สั่งสมความดีงาม มาจริงๆ แล้วก็เป็นตัวบุคคลจริงอย่างนั้นจนมาเกิดในยุคในสมัยนี้ มายืนยันแล้วมาขยายอธิบายทฤษฎีต่างๆ จนมีคนมีปัญญาอย่างพวกชาวอโศกรู้แล้วมาปฏิบัติตัว แล้วก็มากันจนกระทั่งเกิดขนาดนี้ แล้วก็รวมตัวกันมีพฤติกรรมซ้อน พอเราได้แล้วพวกเราก็แสดงออก พฤติกรรมเป็นคนมักน้อยสันโดษ ไม่สะสม ไม่เอาเปรียบ เป็นคนมีความเสียสละสร้างสรร เป็นคนมีน้ำใจเกื้อกูลผู้อื่น ก็แสดงความจริงกันจริงในสังคมขณะนี้
คนที่มีความจริงของตนเองจริง มันก็เป็นจริงที่แสดงออก มันไม่มีปัญหาอะไร คุณจะมีมากมีน้อยมันก็ออกมาทำความสำนึกของคุณ คุณมีน้อยแต่เสแสร้งบอกคนอื่นเหมือนกับทำมากเป็นพฤติกรรมหลอก อาตมาว่าพฤติกรรมของคุณแสดงออกมาดี แต่ใจจริงคุณยังเป็นไม่ได้ถือว่ายังหลอก มันก็เป็นผลต่อผู้อื่น อาตมาก็ว่ายังดีนะ คุณยังมีอะไรแฝงว่าอันนี้ทำดีหลอกข้างนอก แต่ข้างในมีกลเม็ดมีวิธีการหลอกล้วงตับกินไส้ หรือว่าจะดึงให้มาเป็นพวกเป็นพรรคมาอยู่ใต้อำนาจอันนั้นสิมันเลว แต่คนที่ไม่ได้มีอันนี้แฝง รู้ว่าข้างในเรายังดีไม่บริบูรณ์แต่ข้างนอกมันดีคืออย่างนี้คุณทำไปเลย ใช่ไหม มันไม่ได้เสียหายอะไรนี่ จะบอกว่าไม่จริงใจ ก็ใจมันยังเป็นไม่ได้แต่ข้างนอกมันดีแล้ว มันดีแต่ข้างนอกก็จะเป็นไรไป ก็เอาก่อนสิ แต่ก็พยายามล้างให้มันเป็นจริงตรงกับข้างนอก เพราะจริงๆแล้วอาตมาสรุปแล้วว่าความจริงต้องให้คนอื่นรับรอง ความจริงไม่ใช่ไปยัดเยียดให้คนอื่นรับรองเรา ความจริงต้องให้คนอื่นรับรองว่าอันนี้จริงอันนี้ถูกต้อง มันก็จะจบในตัว เราก็ยืนยันว่าจริงคนอื่นก็รับรองจริง แต่คุณบอกว่าคุณจริงแต่คนอื่นไม่รับรอง แล้วมันจะได้เรื่องไหมนี่ คนอื่นบอกว่าไม่ใช่ไม่เอา อย่างไรล่ะ ก็ต้องทะเลาะกันตีกันแหละไปจนตาย เพราะฉะนั้น คนอื่นรับรองนี่คือจริง ไม่ใช่เราไปยัดเยียด ไปบังคับ ไปประจบประแจงเอาลาภล่อ จริงครับนายใช่ครับท่าน ไม่ใช่ คุณต้องจริงใจเลยว่าอันนี้แหละใช่ ไม่ใช่เอาเงินเอาทองมาฟาดหัว ไม่ใช่ ภูมิปัญญาคุณมีเท่าไหร่จึงยอมรับ ไม่มีอำนาจอื่นมาแฝง นี่สุดยอดแห่งมนุษยชาติ
อาตมาพูดไปคร่าวๆนะ ยังไม่ได้ละเอียดหมดนะ อาตมาว่าจะต้องอยู่พิสูจน์ยืนยันสิ่งเหล่านี้ต่อไปอีก เพราะฉะนั้นอาตมาจึงต้องอยู่ต่อ ก็มีคนอยากให้อยู่ไป มาช่วยดูแลสุขภาพร่างกาย เขาก็มีสูตรต่างๆ มาช่วยระดมมา จะมาช่วยกดจุด จะมาช่วยนวดจะมาช่วยดูแลจะมาช่วยจัดการอันนั้นอันนี้บกพร่อง ก็ขอบคุณ อาตมาก็ต้องใช้วิจารณญาณของตัวเอง จะว่าไม่รับก็ไม่ได้นะ บางทีมันมากไปถ้ารับไปตายก่อนเลยมันจะเยอะเกินไป ใช้อาตมาเป็นสนามรบตีกัน มีสิบทัพรบในร่างอาตมาก็ตายก่อน เอาแต่พอเหมาะอย่าให้มารบกันนักในร่างกายอาตมา
ก็สรุปลงมาง่ายๆนิดหนึ่งว่า คุณต้องเข้าใจสาม อะ
-
อธิปไตย 2. อภิบาล 3. อภิปัญญา
อธิปไตยเป็นพลังงานคนก็อยากให้มีเยอะ แต่ต้องมีเงื่อนไขว่าพลังแรงนี้เป็นพลังงานอะไร ต้องเป็นพลังงานที่มีคุณภาพดี ผู้มีปัญญารู้ว่าพลังนี้เป็นพลังงานที่มีคุณภาพดี ไม่เห็นแก่ตัวไม่เพื่อตัวตน ไม่เพื่อพรรคพวก ไม่เพิ่มหมู่ฝูงของตนเท่านั้น เพื่อคนอื่นอย่างสุจริต ไม่มีอคติเพื่อมวลมนุษยชาติ ต้องมีปัญญารู้ความจริงและเป็นให้จริง ด้วยการประพฤติปฏิบัติเป็นอภิบาล
อธิปไตย อภิบาล อภิปัญญานี้จริง 3 อย่างนี้
ส่วนอภิปโมทยังเป็นจิตยินดี อย่างไม่โลกีย์หลงระเริงนะ แต่เป็นจิตยินดีที่เป็นโลกุตระ อย่างคนจนสุขสำราญเบิกบานใจนี่แหละ เป็นภาษาใหญ่และหยาบหน่อย แต่ที่จริงก็ อภิปโมทยังจิตตัง แต่ความจนสุขสำราญเบิกบานใจนี้ไม่เป็นโทษเป็นภัยต่อคนอื่นมีแต่ประโยชน์ พฤติกรรมมีแต่สิ่งที่ดีงามสิ่งที่เจริญเป็นสุดยอดวิเศษ
เพราะฉะนั้นไม่ว่าในทางสังคม เกี่ยวข้องกันระหว่างมนุษยศาสตร์ เราจะมีปัญญา เราจะมีสิ่งที่เจริญวิเศษ เอาสูตรสำเร็จของพระพุทธเจ้าไม่รู้กี่สูตรมาขยายความก็ได้ ตั้งแต่ จรณะ 15 วิชชา 8 ศีล สมาธิ ปัญญา จนถึง โพธิปักขิยธรรม 37 ไล่เรียงมาเลย สอดร้อยถึงปฏิจจสมุปบาท หากเข้าใจสภาวะธรรมในพยัญชนะเหล่านั้นแล้ว เอามาเป็นต้นเค้าของสูตรหลัก มูลสูตร 10 อย่างนี้เป็นต้น
-
มีฉันทะ เป็นมูล-รากเหง้า (มูลกา) คือความยินดีความต้องการความประสงค์ความปรารถนาว่าอันนี้ดีนะ นำจิตใจเรา ไม่มีใครบังคับคุณหรอก หากไม่มีฉันทะมันก็เฉย แต่หากมีฉันทะก็ อ๋อ อย่างนี้ดี กลุ่มหมู่นี้ มิตรสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดี มีใครพอคุยรู้เรื่องเข้ามาในนี้อย่างฉันทะแล้วมีมนสิการ
-
มีมนสิการ เป็นแดนเกิด (สัมภวะ) เป็นตัวต้นทางแห่งการเกิดทุกอย่าง จะเรียกว่าพระเจ้าจะเรียกว่าแดนสุขาวดี จะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่ มันเป็นต้นทางแห่งที่เกิดเลย คืออะไร คือมาทำใจของเรา ใจของเราจะเป็นทั้งสถานที่จะเป็นทั้งวิญญาณจะเป็นทั้งอะไรทุกอย่างเลย จะเป็นทั้งตัวบุคคลจะเป็นทั้งทฤษฎีต่างๆ คือใจนี่แหละมาทำที่ใจนี่ มนสิการ ทุกวันนี้โยนิโสมนสิการ ไปแปลว่าพิจารณาให้จริงเข้าใจ ไม่เน้นที่การทำที่ใจ นี่คือความผิดเพี้ยน โยนิโสมนสิการก็ไปปรับที่ ความนึกคิด ความเข้าใจ ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่ ต้องทำที่ใจของเราให้เปลี่ยนแปลงอย่างถ่องแท้ ตามที่เรารู้ว่าจะทำอย่างไรแล้วทำให้ใจมันเปลี่ยนแปลง จึงเรียกว่ามนสิการเป็นแดนเกิด แล้วมีสัมผัสเป็นสมุทัย
-
มีผัสสะ เป็นเหตุเกิด (สมุทัย) การปฏิบัติต้องมีสัมผัส ต้องมีผัสสะ เป็นเหตุให้เกิดการปฏิบัติ ถ้าไม่มีการสัมผัสเป็นเหตุ ต้นเหตุแห่งการปฏิบัติ การประพฤติการทำจนกระทั่งเกิดรู้เหตุที่จิตใจมันตกต่ำ เรียกว่าสมุทัยอริยสัจ แล้วฆ่า เปลี่ยนแปลงตัวกิเลสตัณหานั้นอีกทีหนึ่ง สมุทัยภาคมรรค ต้องมีผัสสะ หากไม่มีผัสสะเป็นปัจจัยในการปฏิบัติ ไปนั่งหลับตาปฏิบัตินั้นโยนทิ้งนอกเขตเทศบาลศาสนาพุทธ ไม่ใช่ เข้าใจให้ดีเช่นในมูลสูตรพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ไปหลับหูหลับตา ถ้าทำอย่างนั้นถูกก็ต้องทำให้คนตาบอดหูหนวก ในอินทริยภาวนาสูตร
-
มีเวทนา เป็นที่ประชุมลง (สโมสรณา) การปฏิบัติต้องปฏิบัติที่เวทนา 108 ความสุขความทุกข์ก็อยู่ที่นี่แหละ ต้องทำให้เป็นเนกขัมมะ เป็นการออกจากกิเลส จนกระทั่งมีฐานอุเบกขาเป็นฐานเวทนาที่เป็นฐานนิพพาน เป็นฐานความบริสุทธิ์ สภาวะจิตสภาวะธรรมต่างๆ คุณถึงขั้นไหม คุณทำได้ไหมรู้จักอาการของเวทนาไหม อาการของกิเลสที่มันร่วมปรุงแต่งอยู่กับเวทนา อาการนั้นไม่มีแล้ว คุณได้ละเอียดละออตรวจสอบอาการต่างๆเป็นไหม อาการของการเคลื่อนไหวในจิตของคุณนั้นมันมี จนมันเอาออกได้หมด เวทนาไม่มีอาการของโลกียะของกิเลสต่างๆ สะอาดบริสุทธิ์เป็นอาการที่รู้ความจริงตามความเป็นจริง แล้วเอาออกมาข้างนอกได้ หรืออาการอยู่ข้างในจิต คุณก็ตรวจสอบเวทนาที่เข้าไปถึงฐานจิตทำได้แข็งแรง ทำได้บริสุทธิ์สะอาด เป็นเวทนาบริสุทธิ์ ก็ได้สั่งสมตกผลึก ผนึกเป็นแก่นแกน เป็นจิตตั้งมั่น เป็นสมาธิ
-
มีสมาธิ เป็นประมุข (ปมุขะ) สมาธิของพระพุทธเจ้าจึงไม่ใช่สมาธิหลับตา เป็นสมาธิที่มีผัสสะ สมาธิรู้จักจิตแล้วทำจิตมนสิการ มันจึงจะเกิดสมาธิแบบพุทธ มีสติ เป็นอำนาจพลังช่วยมีปัญญาเป็นคู่ช่วย
-
มีสติ เป็นใหญ่ (อธิปไตย = พลังอำนาจ)
-
มีปัญญา เป็นยิ่ง (อุตระ = เหนือ) . กัปตันรู้ยิ่งยอด
สติกับปัญญาเป็นคู่ช่วยทำให้เกิดความบริสุทธิ์ไปเรื่อย หยั่งลงตั้งลงรวมลงเป็นสมาธิอันบริสุทธิ์สะอาดหมดจดแข็งแรงตั้งมั่นเป็นอุภโตภาควิมุติ เป็นวิมุติสองส่วนเป็นแก่นสารสาระสมบูรณ์แบบธรรมะ 2 มีทั้งเจโตและปัญญาครบทั้งหมด มีอุภโตภาควิมุติ บริบูรณ์หมดอาสวะ อนุสัย ไม่ใช่แค่อาสวะบางอย่างสิ้น แต่นี่อนุสัยก็ยังหมด เป็นบุคคลที่ไม่เกิดไม่ตาย เป็นอมตะ
-
มีวิมุติ เป็นแก่น (สาระ) . หลุดพ้นสุดยอดที่จะรู้ยิ่ง
-
มีอมตะ เป็นที่หยั่งลง (โอคธา). = สอุปาทิเสสนิพพาน เป็นการทำความเกิดความตายทางจิต ในที่สุดทำความเกิดความตายทางร่างกาย เราจะตายอายุเท่านี้ เราจะเกิดอายุอายุเท่านี้ได้ หรือเราไม่แล้ว เราจะอายุยาวกว่ากัปป์ก็ได้แต่เราอายุแค่ 80 ทำสัญญาณให้เธออาราธนาตั้งหลายครั้งแล้ว 16 ครั้ง ตอนนี้มาขอก็ไม่อยู่ จนกระทั่งตัดสินจะปรินิพพานเป็นปริโยสานแล้วยังจะอาราธนาให้อยู่ต่ออีก สายไปแล้ว
คำว่าอมตะจึงไม่ใช่เรื่องพูดเล่น มันเป็นจริงเป็นเรื่องอจินไตยเป็นเรื่องเป็นไปได้ จะเกิดก็ได้จะตายก็ได้ อาตมาจะอยู่ไปถึง 151 ปี อย่างปราดเปรียวแข็งแรงด้วย
-
มีนิพพาน เป็นที่สุด (ปริโยสาน) = อนุปาทิเสสนิพพาน