วิถีบวร 1 ใน 1000 ตอน..2 คนในร่างเดียว ย.ยักษ์ ไม่มีเขี้ยวใหญ่ มีแต่หัวใจศาสตร์พระราชา
วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2561
บวรราชธานีอโศก มีโอกาสได้รับใช้งานของส่วนราชการ ในการเป็นเจ้าภาพด้านสถานที่จัดงาน”โครงการรวมพลังเกษตรกรรมยั่งยืน ราชธานี-อุบล”ในวันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2561 เป็นงานที่เกษตรกรมาประกาศจุดยืนที่ชัดเจน ในการต่อต้านไม่ใช้สารเคมีใดๆในการผลิตพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะสารเคมี 3 ชนิด ที่กำลังมีการพิจารณาในขณะนี้ ทั้งพาราคอต คลอไพริฟอส และไกลโฟเสท
เจ้าภาพหลักคือทางจังหวัดอุบลราชธานี มีท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี คุณเธียรชัย พุทธรังสี ได้ให้เกียรติมาเป็นเจ้าภาพ ต้อนรับ ส่วนประธานเปิดงาน คือ ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร ในงานนี้มีชาวเกษตรกรอินทรีย์ ที่เป็นตัวแทนจากหมู่บ้านต่างๆรวมถึงภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ของจังหวัดอุบลราชธานี ได้มาลงนามปฏิญญาว่าด้วยการหยุดยั้งการใช้สารเคมี ในการทำการเกษตรและได้กล่าวปฏิญญาพร้อมกัน เป็นสัญญาต่อกันว่า จะผลิตอาหารโดยไม่ใช้สารเคมี
ท่านรัฐมนตรีช่วยฯ ได้มอบธง Stop Chemical เพื่อเป็นการประกาศยืนยันว่าหมู่บ้าน ชุมชนนี้ ไม่ใช้สารเคมีในการทำการเกษตร
หลังจากนั้นท่านรมช.เกษตรและคณะได้ตอบข้อซักถามของผู้แทนเกษตรกร พร้อมกับเยี่ยมชมนิทรรศการการจำหน่ายสินค้าเกษตรกรรมยั่งยืน
จากการที่มีโอกาสเป็นสื่อมวลชน ติดตามท่านเยี่ยมชมตามบูธต่างๆ ท่านให้ความสนใจกับพี่น้องเกษตรกร ที่สามารถกล้าฝ่าฟัน กระแสการใช้สารเคมี จนสามารถผลิตพืชผักได้อย่างอุดมสมบูรณ์ ท่านถึงกับบอกว่าเกษตรกรทุกคนคือพระเอกนางเอกของงานนี้
รวมถึงท่านยังได้ประชาสัมพันธ์ การจัดงานวันดินโลก 5 ธันวาคม 2561 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ท่านได้นำศาสตร์พระราชา ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เป็นหลักเศรษฐกิจที่ เหมาะสมกับประชาชนคนไทย และคนทั่วโลกได้อย่างดีที่สุด
โดยเฉพาะ พระองค์ท่านมีพระนามว่า”ภูมิพล” หมายถึงแผ่นดิน เพราะฉะนั้นวันที่ 5 ธันวาคมที่จะถึงนี้ ทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศไทย จะมีการเฉลิมฉลองกันเป็นงานใหญ่อีกครั้งหนึ่ งรวมถึงบวรราชธานีอโศกแห่งนี้ด้วย
พอมีเวลาเหลือท่านรมช.ก็ถึงกับเอ่ยว่าอยากไปดูนาที่ท่านและคณะเคยมาทำนาโยนไว้ ช่วงงานอโศกรำลึกวันที่ 6 มิถุนายน 2561
ด้วยความคุ้นเคยของทีมงานจากกรมการข้าวและเกษตรจังหวัดอุบลราชธานี คุณอานันท์ ปรีชาวุฒิวงศ์ ที่ได้มาเยี่ยมราชธานีอโศกบ่อยๆ แม้ว่าจะเป็นดำริอย่างกระทันหันของท่านรมช.แต่ก็ไม่ได้กังวลอะไร เพราะทางเกษตรจังหวัดเดินทางมาประจำและคุ้นเคยในพื้นที่เป็นอย่างดี จึงพาท่านรมช.ไปบริเวณที่นาลานกราบ
ท่านรมช.หลังจากลงรถ ก็ตรงดิ่งไปบริเวณนาที่ได้ทดลองทำนาโยน โดยนำข้าวทนต่อน้ำท่วม พันธุ์อยุธยา ซึ่ง ณ เวลานี้ ภาพที่ดิฉันเห็น เสียงที่ได้ยิน ท่านได้ปลดความเป็นรัฐมนตรีช่วยออก ดิฉันเห็นเป็น”คุณครูยักษ์” ที่สอนเรื่องข้าว ให้กับพวกเรา พอเห็นนาที่เคยโยน ท่านก็สอนว่าเป็นนาที่ทนน้ำได้ สังเกตุว่าข้าวจะกระเดือกเสือกสน แทงยอดขึ้นมาหนีน้ำ อย่างเช่นในภาพ บริเวณนี้ที่ข้าวล้มเพราะเป็นร่องลมเดี๋ยวก็ฟื้น ดิฉันได้ฟังท่านบรรยายพร้อมกับเห็นภาพข้าวในนา อ.ยักษ์ท่านเป็นคุณครูผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้าว ที่อธิบายได้ชัดเจนจริงๆค่ะ
พอมาอีกที่นา บริเวณใกล้เคียงกัน ท่านก็ให้ป้าดาวเพ็ญของเรา ถอนต้นข้าวมา 1 ต้น และได้บรรยายให้ฟังอีกว่า ข้าวนานี้กำลังตั้งท้อง รู้ได้อย่างไรนั้น ท่านก็ฉีกที่กลางลำต้นข้าวออกมาดู แล้วพวกเราโดยเฉพาะดิฉัน ไม่เคยเห็นภายในลำต้นข้าวอย่างนี้มาก่อนถึงกับตะลึง ที่เห็นข้าวอ่อนๆอยู่ในลำต้นเหมือนเด็กที่อยู่ในท้องแม่ คุณครูยักษ์บอกว่านี่คือข้าวกำลังตั้งท้อง เมล็ดข้าวที่อยู่ในท้อง(ลำต้น)ตอนนี้จะกินได้เลย มีรสหวาน ท่านก็ชิมให้ดูเป็นตัวอย่าง ดิฉันก็ไม่รอช้า ลองชิมตามทันทีได้รสชาติแปลกไปอีกอย่าง เหมือนกินผักที่มีรสหอม หวานติดลิ้น จากนั้นท่านก็ให้ป้าดาวเพ็ญ นำเข้าไปปักไว้เหมือนเดิมและอธิบายว่า เดี๋ยวเขาก็ขึ้นมาอีกไม่ตายหรอก แตกกอให้เรากินได้อีก ดิฉันมองเห็นความมหัศจรรย์ของต้นข้าว 1 ต้นที่คุณครูยักษ์ของเราอธิบายและทำให้ดูเป็นตัวอย่างได้ชัดเจนมาก
ยังไม่หยุดห้องเรียนท้องนาแค่นี้ค่ะ ท่านยังดำริจะไปโคก หนองนา โมเดล 48 ไร่ 84 พรรษา เป็นโมเดลที่ท่านดำริให้ชาวบ้านราชลองทำดู มาถึงที่นี่ท่านก็เป็นคุณครูยักษ์อีกครั้ง เด็ดต้นกัญชานา มาให้พวกเราดูบอกว่าผักที่ขึ้นตามคันนา ที่ไม่ใช้สารเคมีจะกินได้เกือบทุกอย่าง ต้นกัญชานานี้ ลวก จิ้มแจ่ว กินสด ทำแกงอ่อมอร่อยอย่าบอกใครเชียว..
ท่านเดินชมทุ่งนา ท่ามกลางคณะของส่วนราชการ ที่เดินตามมา ดิฉันมองเห็นภาพจากฟ้า สู่ดิน มองเห็นตัวแทนของในหลวงร.9 ที่พระองค์ไม่ได้จากไปไหน ยังมีผู้ที่สืบสานงานศาสตร์พระราชา ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่านอยู่ และจะสืบสานต่อไป
พวกเราขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก บนคูน้ำกลางท้องนา ในโคก หนองนา โมเดลที่คุณครูยักษ์ของเรา ได้นำพาบอกสอนให้พวกเรา ได้ใช้ประโยชน์บนผืนดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีดิน น้ำ ฟ้าหรืออากาศ เป็นสามเส้าที่สร้างสมดุลเกิดขึ้นสำหรับผลิตพืชพรรณธัญญาหารที่อุดมสมบูรณ์หล่อเลี้ยงทุกคนบนโลกใบนี้
พวกเราไม่มีช่อดอกไม้ให้ท่าน มีช่อรวงข้าวสีทอง มอบให้ ท่านยิ้มรับด้วยความเบิกบาน ก่อนที่จะเดินทางกลับในเวลา 16:00 น.
ภาพสุดท้ายเป็นภาพสามเส้า ของการรวมตัว ผนึกกำลังของ”บวร”ระดับประเทศ มีหน่วยราชการคือท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.วิวัฒน์ศัลยกำธร หน่วยงานภาคประชาชนคือชาวอโศกเพื่อมวลมนุษยชาติ โดยมีคุณธรรมเป็นแก่นแกนมีท่านสมณะถักบุญ อาจิตตปุญโญ นักบวชชาวอโศกเป็นตัวแทนของคุณธรรม และที่สำคัญมีแสงเงิน แสงทอง ส่องให้เห็นอย่างผ่องอำไพในการเริ่มก้าวย่าง สู่เส้นทางศาสตร์พระราชา ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่เป็นแสงสว่าง ส่องให้กับทุกมวลมนุษยชาติบนโลกนี้…