วิถีบวร 1 ใน 1000 ตอน..สัมมาสิกขา รักษ์วิถีพอเพียง
วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
และแล้วงานทุกอย่าง ก็ผ่านไปกับกรรมและกาละที่ทุกคนได้ประกอบกุศลกรรมร่วมกันในงานมหาปวารณาครั้งที่ 36 หรือมากกว่านั้นคืองาน 3 4 7ซึ่ งยังคงมีต่อเนื่องจนถึงปีหน้า..ขออนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ
เช้านี้ มีโอกาสได้เดินไปทักทายอรุณสวัสดิ์ ยามเช้าที่ริมแม่น้ำมูล พื้นที่กสิกรรมริมมูนคืนชีพกลับมาแล้วววค่ะ… ชาวกสิกรรมริมมูน เริ่มไถแปลง มองเห็นแสงอรุณยามเช้า แสงสาดส่องขับกับพื้นดินริมมูน ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยอินทรีย์วัตถุ ที่มาช่วงน้ำท่วม พืชพันธุ์ธัญญาหารหลายต้น หลายอย่างไม่รอคนปลูกแล้วค่ะ เริ่มแทงยอดออกมาให้เห็นกันหลายชนิดแล้ว เห็นธรรมะ 2 ของริมแม่น้ำมูนเวลานี้ นอกจากมีพืชผักที่ขึ้นเองตามธรรมชาติแล้ว ยังมีวัตถุที่เกิดจากมนุษย์ ทั้งเศษขยะและตาข่ายแหดักปลา จมอยู่ในดินซึ่งไม่ได้เอื้อประโยชน์อะไรเลยให้กับดินและน้ำซึ่งตรงกันข้ามกับพีชนิยาม(ผักบุ้งที่แทงยอดออกมาเอง)ที่เป็นผู้ให้ เป็นผู้สร้างโลกยิ่งเด็ด ยิ่งตัด ยิ่งเกิด ยิ่งขยาย ส่วนขวดพลาสติกหรือตาข่ายแหล้วนเป็นสิ่งทำลายสิ่งแวดล้อม ทำลายโลก..เห็นแล้วก็มองย้อนดูตัวเองว่า เราเป็นหนึ่งที่เป็นผู้ทำลายสิ่งแวดล้อมด้วยหรือไม่
น้ำค้างบนยอดหญ้า กลมใส ปิ๊งๆๆๆ ดูแล้วอยากเป็นแมลงตัวเล็กๆเข้าไปเล่นน้ำในน้ำค้างจังเลยค่ะ ดูใสและสดชื่นมาก ไม่ได้มานานดอกหญ้า เริ่มปลิวไสว อวดพระอาทิตย์กันแล้วค่ะ
ผ่านทุ่งนาที่สิกขมาตุเป็นหญิงดูแลอยู่ รวงข้าวเริ่มตั้งท้องอีกแปลงหนึ่ง มีทรัพย์ของชาวกสิกรรมคือฟาง ที่จำเป็นสำหรับการดูแลผลิตผลทางการเกษต รถนนแห่งนี้ชื่อถนนตรงหมู่ ถ้ามาช่วงนี้สามารถไปหาหมู่ที่เป็นชาวกสิกรรมริมมูนช่วยกันปลูกช่วยกันสร้างพืชผักได้เลยนะคะ..
ที่คันนาของสิกขมาตุเป็นหญิงดูแลอยู่ มีต้นมะละกอออกลูกดก เป็นทิวแถว อย่างนี้นี่เองที่ปราชญ์ผู้รู้ กสิกรรมทั้งหลายบอกว่า อย่าปล่อยคันนาให้ว่างเปล่า หาพืชผักสวนครัวมาปลูกไว้ด้วย ดิฉันอดใจไม่ไหวที่จะไปถ่ายรูปกับมะละกอลูกใหญ่ลูกดกตั้งแต่โคนต้นถึงยอดกว่า 2 เมตร
ระหว่างเดินออกกำลังกายเห็นเถาว์ต้นถั่ว เลื้อยขึ้นยอดไม้ออกฝักเต็มต้น
ที่บริเวณลานเบิ่งฟ้า มีทางเดินทะลุไปจนถึงปากทางออกแม่น้ำมูนที่เชื่อมระหว่างบุ่งภายในชุมชน น้ำลดลงไปมากตามปกติแล้ว เห็นวิถีชีวิตชาวเรือที่อยู่อย่างสมถะอย่างเช่นลุงว่างเปล่ากับเรือ 1 ลำ พักบนเรือ ขึ้นบก ก็ขี่จักรยาน แนวอันปลั๊กประหยัดพลังงาน ช่างสุขสำราญเบิกบานใจจริงๆค่ะ
ชาวบ้านราชเมืองเรือ ก็จะ มีน้ำ มีเรือ มีแปลงผัก มีทุ่งนา เป็นอัตลักษณ์ และเป็นพฤติบทที่เป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านราช
เดินกลับมาถ.ตรงแก่ง บริเวณตรงข้ามน้ำตกหินน้ำไหล เห็นจักรยานหลายคันจอดซุ่มอยู่พุ่มไม้ จึงเดินเข้าไปดูโอ้โห!!!.…เห็นนักเรียนสมุนพระราม(นร.ชั้นประถม)จับจอบ จับเสียมเต็มแปลงผัก สอบถามคุรุยิ่งดาว ทราบว่าแปลงผักนี้เป็นของนักเรียนสมุนพระรามดูแลอยู่ ถามน้องเพชรว่าปลูกอะไรบ้าง เธอตอบมายาวเหยียด เกือบ 10 ชนิด ทั้งกะหล่ำปลี คะน้า ผักชี แครอท บีทรูท เผือก ฯลฯ แถมแต่ละคนอยู่ชั้นป 4 ถึงป 6 สามารถที่จะปลูกผักส่งเข้าครัวกลางได้แล้ว พี่ๆสสธ.ก็มานำฟางไปที่สวนของลุงสุดขีดเช่นกัน เป็นการศึกษาของโรงเรียนสัมมาสิกขา ที่มีจุดมุ่งหมายให้พื้นฐานของนักเรียนทุกคน ได้เรียนรู้ในเรื่องการทำกสิกรรมไร้สารพิษ ที่เป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิต บูรณาการควบคู่ไปกับการอ่านเวทนา อารมณ์ขณะที่ทำงาน ปฏิบัติถือจอบ ถือเสียม อยู่ว่ามีอารมณ์ที่เป็นกุศล อกุศลอะไรบ้าง แล้วกำจัดจิตอกุศลออก เหลือจิตที่เป็นกุศล นักเรียนจะได้เรียนรู้ธรรมะที่ได้จากการปฏิบัติงาน ได้สังวรณ์ระวังในศีล เพื่อทุกความคิด คำพูด การกระทำก็จะเป็นไปแต่กุศลกรรม ซึ่งต้องมีการฝึกฝน มีมรรคผลได้ตามลำดับ นี้คือการศึกษาศีลเด่น เป็นงาน ชาญวิชาของชาวสัมมาสิกขาทุกบวรของชาวอโศก