พ.ย.182018ศาสนา611118_วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ตีเทวะให้แตกแยกทักษิณกับพล.อ.ประยุทธ์ให้ออก อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1J6ByfJdFCLpbDkvpStPNbHpGv7ngUb5DSwEDJG0rTq0/edit?usp=sharing ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=18-Yo6WDYc3gC_OaBTE_KaHokw9b630JJ สฟ.ว่า…วันนี้วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน 2561 ที่บวรราชธานีอโศก ตอนนี้ข่าวของโลกก็จะมีอากาศวิปริตเพราะมีการทำลายสิ่งแวดล้อม มีน้ำท่วมกันในต่างประเทศ ที่ซาอุดิอารเบีย ทางการเมืองก็กำลังร้อนแรง ต้องไปเลือกผู้นำไปบริหารชาติ ต้องเป็นผู้นำที่รักประเทศชาติประชาชนเป็นผู้นำที่ไม่มีอัตตาตัวตนหรือไม่ พ่อครูว่า…ก็ขอวรรคโอภาอาศัยกับ SMS ก่อน SMS วันศุกร์ 16 พฤศจิกายน 2561 (พุทธศาสนาตามภูมิ) _2166 ชาวอโศกก็บ้ายอเหมือนกันนะ พอตินิดเดียวก็ขึ้นพรึบๆเลย ผมยังข้องใจในเรื่องพระธรรมมิกราชอยู่ ทำไมในหลวงคู่ของหลวงพ่อไม่เคยเห็นท่านมาพบหลวงพ่อเลยครับ?? ทำไมหลวงพ่อไม่จับคู่กับพลตรีจำลองหรืออาจารย์ ส.ศิวลักษ์ จะไม่คือกว่าหรือครับ??? พ่อครูว่า…ใครจะหาว่าเราบ้ายอ พอตินิดเดียวก็ขึ้นพรึบๆเลย ..เพราะเราแววไว แต่ก็เป็นเรื่องของเรา เรื่องพระยาธรรมิกราช โบราณจารย์ยืนยันไว้ ในครึ่งอายุศาสนาพุทธจะมีผู้มากอบกู้ศาสนาพุทธ อาตมาก็ยืนยันว่าอาตมาเป็นโพธิสัตว์ที่มากอบกู้ศาสนาพุทธคู่กับในหลวง บางคนฟังแล้วจะอ้วกแตกเพราะมาเทียบเคียงกับในหลวง ยกตนเสมอท่าน มันก็น่าอยู่หรอกนะอาตมามันดิน ในหลวงท่านเป็นฟ้า แต่เราพูดถึงสัจจะความจริง เรามองที่พฤติกรรมของคน กายกรรมวจีกรรมมโนกรรม พยายามให้ความหมายความรู้ว่าอย่างนี้คือโลกุตรธรรม ลดกิเลสแล้วจะหมดตัวหมดตน สร้างสรรค์มนุษยชาติรู้ความเป็นธรรมาธิปไตย รู้จักโลกาธิปไตยรู้จักอัตตาธิปไตย ไม่ติดยึดในโลกในอัตตา ทำให้ธรรมะเป็นพลังเป็นอธิปไตย มีบทบาทมีพลังให้คนเกิดคนเป็น อย่างนั้นจริงๆเลย เอาตรงนี้สิ มาเป็นเครื่องชี้วัด ว่าบุคคลที่เป็นตัวตนแบบนี้จะให้เรียกอะไรก็ได้ เป็นหมูเป็นหมาก็ได้ แต่พฤติกรรมอาตมาถูกต้องไหม ตอนนี้เรากำลังพูดถึงพยัญชนะกับสภาวะ คนไปติดแต่พยัญชนะบัญญัติภาษาเรียก แต่ตัวสภาวะจริง พฤตินัยต่างๆ กรรมต่างๆไม่เข้าถึง ไม่เข้าไปมีสัมผัสรู้อ่านรู้แล้วพิจารณา เผินๆไป อาตมาแม่นมั่นชัดเจนในสิ่งเหล่านี้ คุณจะมาพูดอย่างไรก็พูดไป ถ้ามาชมก็ดี ถ้าไม่ชอบก็แล้วไป ทั้งๆที่เราดีก็อยากจะหาเรื่องใส่ร้ายใส่ความก็เป็นเรื่องของเขา หรือเขาไม่รู้ เขาโง่เขาไม่รู้จริงๆว่าเราทำสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง ตัวเขาเองเขาก็โง่ และอาจจะถูกครอบงำด้วย ก็เป็นเรื่องที่น่าสงสารของมนุษยชาติ แต่ผู้ที่รู้ทั้งรู้แล้วมาตีเรานี่ไม่น่าสงสาร น่าจะถูกต่อต้าน อาตมาไม่ได้หลงงมงายไม่ได้หลงผิดว่าแต่มาเป็นจริง อาตมาทำมา 48 ปีแล้ว ในหลวงท่านทำมา 70 ปี อาตมาจะต้องทำไปให้ถึง 70 ปีอย่างน้อย เหลืออีก 22 ปีเท่านั้นเอง เราจะ อีกตั้ง 67 ปี เหลือกินเหลือใช้เลย อาตมาจะยืนยันต่อไป มันเป็นสิ่งที่ดี อาตมาไม่มาทำเอาเงินเอาทองไม่ได้แย่งลาภยศ อาตมาทำอย่างอิสระเสรี รับใช้มนุษยชาตินี่แหละ และก็ไม่ได้เอาอะไรกินน้อยใช้น้อยไม่ได้เก็บกักสะสมกักตุนอะไร มีแต่ทำงานทำงานและทำงาน คุณเอาสาระเนื้อหาอย่าไปติดแค่ตัวบัญญัติ ภาษา _3867ตอนพ่อครูอ่านประเด็นญตธ.ทางบ้าน!น่าจะขึ้นตัวอักษรให้ดูโหน่ย!มนุษย์หูเทียม ฟังไม่คุ้นภาษาธ.ที่มิใช่ภาษาโลกุตระธ.พ่อครูอะนะ!? _ถาวร ทิพย์โชติ · ใครจะเป็น รมต. มีตัววัด ทำงานเสียสละมากกว่า 20 ปี ประเทศชาติดีขึ้นแน่ คนในโลกโลกีย์ควรคิดออกได้แล้วครับ ไม่เอาพิษใส่ร่างกาย เอาพิษออกจากร่างกาย และไม่สปาร์คบ่อย :กรุณาขยายความคำว่า สปาร์คครับ ธรรมะสอง หมายถึง ต้องใช้ธรรมะทั้งสองที่กล่าวอ้าง จึงจะเป็นผล ;ผมเข้าใจผิดหรือไม่ครับ พ่อครูว่า…ธรรมะสอง สภาวะสองนี้ยิ่งใหญ่ ธรรมะ 2 ที่ตีไม่แตกอยู่ในเทวนิยม หรือพวกที่นับถือเทวนิยม ยังไม่เข้าใจเทวะที่แท้จริงยังตีแตกเทวไม่ได้ ทำให้แยกเป็นหนึ่งเป็นสอง จากสองทำให้เป็นหนึ่งและทำให้เป็น 0 เมื่อทำให้เป็น 0 ได้ ก็คือทุกสิ่งทุกอย่าง ศูนย์ก็คือทุกสิ่งทุกอย่าง และศาสนาที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้มีลำดับที่จะให้ตีแตกเป็นคู่ไป ยิ่งจะมีปฏิภาคทวีที่จะทำให้เกิดความเข้าใจรู้และขยาย ปฏิภาคทวีขยายผล 2 เป็น 4 4 เป็น 8 8 เป็น 16 เพิ่มขึ้นเป็นยกกำลังไปอีก แตกขยายผลได้สูงได้มาก เป็นโลกวิทูได้หมดเลย สปาร์คคือกระทบกันแล้วแตกเกิดความรู้ หากไม่รู้ก็จับตัวเป็นหนึ่งดีไม่ดีก็เป็นสอง ศาสนาเทวนิยมพวกที่เป็นศาสนิกของเทวนิยมทั้งหลาย มีแต่ชาวพุทธที่เป็นศาสนาอเทวนิยม ตีแตกเทวนิยม แล้วจัดการทำให้พลังงานจิตวิญญาณ เป็นผู้ที่ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้ อันนี้สูงสุดเลย ศาสนาพุทธคำด่า _แว๋ว อำนาจ · แถวบ้านลูกมีคนหลงนั่งหลับตา คิดว่าตัวเองเป็นอรหันต์เขาบอกว่าคุยกันทางจิตกับอาจารย์เขาบ่อยแต่ขอบวช อาจารย์ไม่ยอมให้บวช ชาวบ้านแถวนั้นเขาบอกว่าเป็นบ้าค่ะ พ่อครูว่า.. จบข่าว ใช่ อย่างนั้นล่ะ อรหันต์หมายถึงผู้บรรลุธรรมสูงสุด พระพุทธเจ้าสอนมนุษย์แค่ใบไม้กำมือเดียว แต่เขาสอนว่าพระพุทธเจ้าสอนนิติ นิดเดียวแค่ไหน ใบไม้กำมือเดียวนี่หรือขั้นต้นเป็นพระอรหันต์แต่เลยพระอรหันต์ท่านไม่ได้สอน พระพุทธเจ้าสมณโคดมท่านสอนอรหันต์เท่านั้น หมายถึงว่าคำสอนทั้งหมดทั้งพระสูตรทั้งพระวินัยทั้งพระอภิธรรม ขยายผลขยายความ เยอะแยะมากมายหลากหลาย นานาสูตร นานาทฤษฎี เลยจากอรหันต์แล้วไม่ต้องสอน ท่านบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ของท่านสมณโคดม พระสมณโคดมไม่ได้สอนความเป็นพระโพธิสัตว์ แต่ท่านสอนเน้นที่ความเป็นพระอรหันต์ จึงเหลือเถรวาท แต่โพธิสัตว์นั้นท่านรู้ ท่านรู้ทั้งอรหันต์ โพธิสัตว์ อย่างพระสารีบุตรเป็นพระโพธิสัตว์เกิดในยุคพระสมณโคดมท่านก็ไม่มีปัญหา พระพุทธเจ้าจะสอนท่านหรือไม่สอนท่านก็ไม่มีปัญหา ท่านนั่งตีนภูเขาสิเนรุ พระพุทธเจ้าจะสอนพระมารดา พระสารีบุตรก็เก็บเอาๆ มันมีนัยยะลึกว่า คนที่รู้จักสาระเป็นสารีบุตโตแท้ๆจะรู้จักว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนอภิธรรมตรงไหน เก็บเอาๆ คนไม่รู้จักสาระโลกุตรธรรม ก็ไม่ได้เรื่องอะไร เทศน์ไปก็ไม่รู้เรื่องอะไร ธรรมะพระพุทธเจ้าเป็นธรรมะอภิธรรม เขาก็ไม่รู้เรื่องรู้ราว เพราะฉะนั้นอรหันต์มาถึงยุคนี้แล้วครึ่งพุทธกาล ศาสนาพระสมณโคดมจะมีอายุ 5000 ปีตอนนี้ก็ครึ่งหนึ่งแล้ว ความเป็นอรหันต์เขาเข้าใจไม่ได้แล้ว อาตมาจึงต้องประกาศว่าอรหันต์เป็นอย่างนี้ เขารู้กันแต่อรหันต์เดา อรหันต์เก๊ นับถืออรหันต์อย่างประหลาดประหลาด มันน่าสงสารน่าเวทนาจึงต้องจำเป็นบอกว่าอาตมาคือพระอรหันต์บอกตรงๆ บอกจริงๆอย่างจริงใจ อย่าไปงมงายอยู่กับอรหันต์เก๊พวกนั้นนักหนา โดยเฉพาะพวกนั่งหลับตาออกนอกรีตนอกราวเข้าป่าเขาถ้ำ หนีไปนั่งบำเพ็ญหยุดไม่รู้เรื่อง ธรรมะพุทธเจ้านั้นขยายความ รู้โลกโลกีย์เขามีอะไรต่างๆนานา ท่านไม่ได้ไปรู้กับโลก ของพระพุทธเจ้าท่านโลกวิทู ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องโลกอะไรเลยแล้วอย่าไปยุ่งกับพวกเขาด้วย พูดโก้ๆด้วยนะ ทำให้เรียนรู้โลกอยู่กับโลกแล้วก็อยู่เหนือโลกให้ได้แล้วก็ช่วยเหลือโลก อีกทีหนึ่ง โลกุตระ โลกวิทู โลกานุกัมปายะ อรหันต์ทุกวันนี้อาตมาจึงจำเป็นต้องยืนยันบอกอย่าไปหลงงมงายอรหันต์เดา แต่นี่อรหันต์อย่างเปิดเผย ยืนยันตัวจริง ไม่ได้มาบอกเพื่ออยากได้ลาภยศอะไรด้วย บอกความจริงเท่านั้น ให้มาศึกษาสิไม่ได้เอาลาภยศจากคุณ คุณจะยกย่องก็ไม่ว่าแต่ให้มาเอาสาระสัจจะ อันนี้ต่างหาก อรหันต์ คือ ผู้พ้นทุกข์ อาตมาก็บอกว่าอาตมารู้จักทุกข์ สุข โสมนัส อุเบกขา ฐานกลาง ทำจิตของเราให้เป็นแบบนั้นจริงๆก็ชอบสัมผัสแล้วจิตของคุณก็กลาง รู้สึกอย่างไม่บวกไม่ลบไม่ผลักไม่ดูดไม่รักไม่ชั่งไม่ทุกข์ไม่สุข จิตมันเป็นอาการอย่างนั้นทำได้จริงๆ มันเป็นอย่างถาวรด้วย บริสุทธิ์อยู่อย่างนั้น ไม่มีบวกไม่มีลบ ไม่มีเลยกลาง บริสุทธิ์อยู่ด้วยความมี 0 กับกลาง ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา ๑. ปริสุทธา (บริสุทธิ์ปราศจากกิเลสนิวรณ์ ๕) . ๒. ปริโยทาตา (ผุดผ่องขาวรอบแข็งแรงแม้ผัสสะกระแทก) ๓. มุทุ (รู้แววไว อ่อน-ง่ายต่อการดัดปรับปรุงให้เจริญ) . ๔. กัมมัญญา (สละสลวยควรแก่การงาน ไร้อคติ) . ๕. ปภัสสรา (จิตผ่องแผ้วแจ่มใสถาวรอยู่ แม้มีผัสสะ) (ธาตุวิภังคสูตร พตปฎ. เล่ม ๑๔ ข้อ ๖๙๐) อาตมาถูกด่าถูกว่าใส่ร้ายมาก จิตอาตมาก็ไม่มีการเศร้าหมอง จิตอาตมาไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากความเบิกบานแจ่มใส ขออภัยที่ต้องพูดอวดอุตตริมนุสสธรรม ไม่ได้อยากอวดนะ พูดความจริงให้รู้เท่านั้นเอง จิตอยากอวดคืออย่างไร คือสาเฐยจิต อาตมารู้ว่าอาการจิตอย่างนั้นมันไม่มีนี่พูดภาษาคนนะ มีจิตที่เปลี่ยนแปลงไปจากความบริสุทธิ์ผ่องใสสะอาดร่าเริงเปลี่ยนแปลงไหม อาตมานี้อโศกตัวพ่อ ไม่มีแล้วความโศกเศร้าหม่นหมองไม่มี อโศกตัวพ่อ อรหันต์เปิดเผยไม่เดาไม่ปกปิด จะเรียกว่าเปิดโปงก็ได้ ภาษาเขาว่า พยัญชนะอาตมาเข้าใจ สภาวะอาตมาเข้าใจ พยายามอธิบายให้เป็นสภาวะที่เป็นเรื่องสามัญไม่ใช่เรื่องลึกลับ ที่จะต้องซุกซ่อน พูดชัดเจนหมดเลยขยายความหมดเลย อยากจะรับฟังก็มาศึกษาให้ดีไม่เอาก็แล้วไป ขายไม่ออกก็ไม่มีปัญหาอาตมาไม่หยุด _อำภา รื่นใจดี · ศาสนาพุทธเป็นศาสนาสังคม ดังนั้น ทุกศาสตร์จึงรวมอยู่ในพุทธศาสตร์ เมื่อเข้าใจแล้วและเห็นกิเลสตนเอง จึงค่อยลด ละ ล้าง กิเลสนั้น จาก …เสียงน้ำไหล ในสายธาร _กราบนมัสการ เรียนถามพ่อครูค่ะ คุณมะนาว ชอบจัดข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน ให้เป็นระเบียบ วางแบบเป๊ะๆ ใครมาใช้แล้วไม่วางที่เดิมจะโวยวายใส่ แบบมีอารมณ์เสีย.. โดยบอกว่า นักปฏิบัติธรรมต้อง มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย… คุณแตงโม ผู้ร่วมใช้ของเหล่านั้นด้วย เวลาใช้เสร็จก็วาง คืนแต่ไม่เป๊ะที่เดิม…โดยบอกว่า นักปฏิบัติธรรมไม่ควรยึดมั่นถือมั่น…เดี๋ยวโรคประสาทมาหา … ทั้ง 2 คนนี้ ควรปรับตัวอย่างไร เพื่อให้อยู่ร่วมกันแบบอยู่เย็นเป็นสุขคะ : คุณลำใย ปล่อยให้บ้านมีหยากไย่ย้อยเต็มบ้าน บอกว่าไม่กล้าเขี่ยทิ้ง เพราะไปทำลายบ้านของแมงมุม กลัววิบาก… แต่เพื่อนก็มองว่า ทำไมมาปฏิบัติธรรมแล้ว ปล่อยให้บ้านรกเลอะอย่างนี้ ไม่น่าเลื่อมใส คุณลำใยควรทำอย่างไรคะ พ่อครูว่า…หากว่าเสียสละส่วนหนึ่ง อาตมาเองจะตัดสินใจเอาใยแมงมุมออก ถ้ามันเป็นวิบากก็ปฏิเสธไม่ได้ แต่ว่าอาตมาจำเป็นจะต้องทำงานที่เป็นกุศลยิ่งใหญ่กว่านี้ เรื่องกุศลอกุศลเป็นเรื่องอจินไตยที่ยิ่งใหญ่อีกเยอะ พระพุทธเจ้าถึงบอกว่า ผู้ที่เป็นโพธิสัตว์ จะยอมเสียทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ จะยอมเสียสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต จะยอมเสียสละชีวิตเพื่อรักษาธรรม _ผู้ต้องการหายสับสน เวลาเรานั่งหลับตาสมาธิแล้วรู้สึกน้ำตาไหลโปร่งโล่งสบายจิตใจเบิกบาน ออกจากนั่งสมาธิแล้วมาทำงานเมื่อกระทบผัสสะ ก็ไม่มีอาการของกิเลสเกิดขึ้น กลับรู้สึกเมตตาเขา รู้สึกเฉย โดยที่ไม่ต้องใช้ปัญญาพิจารณา ลักษณะอาการเช่นนี้ จะเป็นเหมือนกับเวลาที่เรานั่งฟังพ่อครู อาการเช่นนี้เรียกเคหสิตอุเบกขายังเป็นสมถะอยู่ใช่ไหมคะ แต่เมื่อเวลากระทบสัมผัสแล้วไม่เกิดกิเลสเพราะมีกำลังของสมถะคุ้มครองอยู่หนูเข้าใจเช่นนี้ถูกต้องไหม แล้วหนูควรจะทำอย่างไรต่อจึงจะเจริญขึ้นในเมื่อเกิดอาการอย่างนี้แล้วมันก็ไม่มีอาการโกรธโลภหลง ขอให้พ่อครูอธิบายและยกตัวอย่าง อธิบายสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย พ่อครูว่า…หันมาปฏิบัติเพื่อสัมผัสและเกิดโลภโกรธหลงแล้วจัดการ การนั่งสมาธิแล้วเกิดปิตินั่งหลับตาน้ำตาไหลนี้เสียเวลาพลังงาน ให้เลิกเสีย เอาเวลามาปฏิบัติธรรมแบบพุทธ การนั่งหลับตาสมาธินั้นมันไม่ใช่แบบพุทธมันเสียเวลาเสียพลังงานเสียสถานที่งานการก็ไม่ได้ทำ เหมือนพระได้หวี ขาดทุน หรือปานไก่ได้พลอย เขาก็ว่าสู้ข้าวเปลือกไม่ได้ ต้องเข้าใจวิโมกข์ 8 4 ข้อหลัก สัญญาเวทยิตนิโรธข้อสุดท้ายขึ้นมา 5 ข้อ ขอวรรคไว้ก่อน ต้องรู้ตั้งแต่วิโมกข์ 3 ข้อต้น จะละรูปตั้งแต่กาม ไปจนถึงรูปอรูปภายใน ใน 3 ข้อแรก ๑. ผู้มีรูป ย่อมเห็นรูปทั้งหลาย (รูปี รูปานิ ปัสสติ) หากไม่มีรูปอะไรเลยเวิ้งว้างก็ไม่สามารถรู้จักรูปได้ คุณจะเรียนรูปได้ต้องมีผัสสะ ต้องผัสสะแล้วจะเห็น ปัสสะคือต้องผัสสะแล้วจะเห็นนี่คือต้องมีวิโมกข์ 8 สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย ก็จะต้องมีธรรมะ 2 คือรูปกับนาม รูปคือสิ่งที่ถูกรู้ นามคือจิตวิญญาณของคุณเอง คุณต้องใช้จิตวิญญาณที่เป็น ธรรมะสองเป็นกาย เป็นเทวะ นี่แหละ สัมผัสรูป โดยนามคุณไปสัมผัสกับรูปแล้วก็เกิดรูป2 ผลของมันคือเห็น หากเป็นรูป ผัสสะด้วยเสียงก็ได้ยิน ผัสสะด้วยจมูกได้กลิ่น ผัสสะด้วยลิ้นก็รส สัมผัสภายนอกภายในก็จะรู้เป็นขั้นๆ ๒. *ผู้ไม่มีความสำคัญในรูปภายใน (๑๐/๖๖) ย่อมเห็น รูปทั้งหลายในภายนอก (อัชฌัตตัง อรูปสัญญี . เอโก พหิทธา รูปานิ ปัสสติ) . (*พ่อท.แปลว่ามีสัญญาใส่ใจในอรูป) ๓. ผู้ที่น้อมใจเห็นว่าเป็นของงาม (สุภันเตวะ อธิมุตโต . โหติ, หรือ อธิโมกโข โหติ (พ่อครูแปลว่า เป็นโชคอันดีงามที่ผู้นั้นโน้มไปเจริญ สู่การบรรลุหลุดพ้นได้ยิ่งขึ้น) พตปฎ. ล.๑๐ ข.๖๖ / ล.๒๓ ข.๑๖๓ ข้อที่ 3 ทำแล้วจิตจะมี อธิมุตโต อธิโมกโข จิตโน้มไปสู่ความเจริญความสำเร็จ ไปสู่ทางที่ดี สุภะ ทางที่เจริญในจิตที่คุณได้ อันนั้นๆ ไปเรื่อยๆ สุภะ อันตะ คือสูงสุด เอวะ อันใดอันนั้น เจริญไปแต่ต้น โน้มไปหาที่สุด จบได้ นี่คือสามข้อวิโมกข์ที่คุณจะต้องเข้าใจ หนึ่งมีสัมผัส 2 ต้องมีคู่ กายต้องมี 2 มีรูปกับนามต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย คุณปฏิบัติให้ถูกเลย เข้าใจแล้วนะขยายความขยายพยัญชนะ มาเรียนรู้รูปนาม เป็นธรรมะ 2 และคุณจะเข้าใจ เริ่มต้นจากธรรมะคู่หรือเทว หรือกาย หรือธรรมะสอง คำว่าเทวะหรือคำว่ากายหรือคำว่าธรรมะ 2 จึงเป็นสิ่งสูงสุด คนตีเทวะไม่แตก แยกกายแยกจิตไม่ออก จมกับเทวะ เป็นเทวนิยม แม้ในศาสนาพุทธ ที่พระพุทธเจ้าท่านสอนสิ่งเหล่านี้อย่างละเอียดลออชัดเจนและทำได้สำเร็จ ตามความประสงค์ คุณจะอยู่ที่ 2 อย่างไรก็เป็น ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ ) ล.10 ข.60 คุณจะสามารถมีจิตที่ยั่งยืนให้เป็นไปในอำนาจ วัสสวัตตีจิต คุณจะทำเป็นหนึ่งหรือทำเป็นศูนย์ก็ได้ ขณะที่คุณยังเป็นอยู่นี้คุณก็สูญได้ ตายแล้วคุณจะสูญเลยเลิกเลย ปรินิพพานเป็นปริโยสานเลย สุดท้ายปรินิพพานไม่เหลืออะไรเลยได้ นี่คือศาสนาพุทธที่สุดยอดตรัสรู้ จะอยู่อย่างมีเทวะก็ได้ หรือจะอยู่เป็นคน เลิกจากความเป็นคน เลิกจากความเป็นมนุษย์สลายเป็นอุตุนิยามได้เลย ไม่ได้ค้างอยู่ที่ พีชนิยามด้วย ไม่ได้ตกแค่พืช เป็นเศษดินน้ำไฟลมได้เลย ไม่ปะติดปะต่ออีกเลย อาตมาพูดตามสภาวะที่ตนเองเป็นตนเองมีได้ ไม่ได้อวดตัวอวดตนนะ ไม่ได้อวดเก่งแต่เป็นแล้ว เอาของจริงมาบอก จะเห็นดีเห็นงามเข้าใจหรือไม่เอาก็แล้วไป เพราะอาตมามีหน้าที่ทำอย่างนี้ก็ขอตั้งปณิธานเป็นคนที่จะมาขยายความของพระพุทธเจ้า ใครจะเอาไม่เอาก็ศีรษะใส่ศีรษะมันไม่มีปัญหาอะไร _การมีการเชิญชวนสวดมนต์ฟังธรรมปฏิบัติธรรมข้ามคืน ตักบาตร ศิลปะคือภาวนา เพลินธรรม นำชม เอาหมอดูมาช่วยได้ไหม อานาปานสติภาวนา พ่อครูว่า…เร่ิมตั้งแต่สวดมนต์ฟังธรรมปฏิบัติธรรมข้ามคืน สวดมนต์นี้ ทุกวันนี้ทุกการสวดมนต์ได้อาบัติกันทุกคน เพราะว่าสวดมนต์ผิดคำสอนพระพุทธเจ้าผิดพระธรรมวินัยหมด เอาบทมนต์ของพระพุทธเจ้ามาสวดตั้งแต่ 2 คนต่อหน้าธารกำนัลต่อหน้าอนุปสัมบัน อาบัติ ปาจิตตีย์ทุกคำสวด ไปตลอด ทำไปเถอะพูดเท่าไหร่ไม่ฟัง มาบวชเอาอาบัติ ทำไมมันถึงได้ไม่มีฉลาดเสียเลย ไม่มีเลย ฉลาดสักนิดก็ไม่มี ไม่ได้ว่าเขาโง่นะ สรุปแล้ว สวดมนต์ในศาสนาพุทธนี้ มีเพียง 1 สวดสังคีติ 2 สวดสังคายนา สังคีติคืออะไร สมัยพระพุทธเจ้าสังคีติเป็นสิ่งสำคัญ เพราะไม่มีการบันทึกเป็นตัวอักษรตัวหนังสืออะไรต้องใช้ความจำอย่างเดียว จึงต้องสวดพร้อมกัน แล้วจำให้ได้ สวดเป็นหมู่ สวดอยู่ในภิกษุ ต้องรักษาธรรมบทของพระพุทธเจ้า เหมือนท่องสูตรคูณ อย่าไปสวดต่อหน้าคนอื่น ไปสวดต่อหน้าคนอื่นเป็นอาบัติเป็นบาป สวดเพื่อรักษาไว้ แต่ทุกวันนี้มีบันทึกเป็นเทคโนโลยีไปแล้วไม่ต้องสวดก็ได้ กดเอาเมื่อไหร่ก็ได้จะเอากี่บท กู เอาไว้หมดเลย กดก็มาเลย เลิกการสวดไปได้เลย เพราะสวดแล้วได้อาบัติอีก 2 หากเอาไปสวดหากินก็เป็นบาป 3 เอาไปสวดเพื่อนนึกว่าเป็นสิริมงคลเป็นMagical เป็นสวรรค์วิมานวิเศษลึกลับโง่ไม่เสร็จ ขออภัยที่พูดแรง ไปทำงมงายเหมือนศาสนาอื่นเพราะเขาไม่รู้จักสัจธรรมลึกซึ้งเหมือนพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้ามาสอนให้เลิกสิ่งที่งมงายไม่ต้องไปทำ จะสวดเป็นล้านคนสวดที่สนามหลวง บ้าไปเถอะ เสียเวลาเสียแรงงานมันไม่ได้อะไรไม่มีอะไร ต้องสวดเพื่อรักษาคำสอน คุณจะสวดรักษาคำสอนก็สวดไป จะต้องไปอวดอ้างทำพิธีหรูหรางมงายหลอกคนอีก ให้ลองเป็นเรื่องด้วยครับเรื่องวิเศษวิเสโสอะไร รักษาคำสอนพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งวิเศษ ก็เลยหาวิธีรักษาเดี๋ยวนี้มีวิธีอะไรเยอะแยะ เพราะฉะนั้นสวดมนต์นี้เลิกได้ 2 สวดสังคายนาสวดเพื่อตรวจสอบ ผู้ที่ดูบทมนต์พระพุทธเจ้าก็มานั่งฟังคนหนึ่งสวด คนอื่นก็จำตามช่องได้ตาม ผิดเมื่อไหร่ก็ทักท้วงได้ จะได้รักษาเอาไว้ไม่ให้ผิดพลาด ไม่ให้ผิดเพี้ยนไป นี่คือสวดสังคีติกับสังคายนา เสร็จแล้วไปเรียกสรภัญญะ ที่แปลว่าการกล่าวคำ นะก็คือนะ โมก็คือโม ไม่ใช่ นาาาาามัวววววว ไม่ใช่ นะก็มีสระสั้น โม ก็สระออกเสียงยาว แต่เขาไปใส่เสียงลากยาว ดีไม่ดีใส่ทำนองอีก เลิกเสียได้ไหมเรื่องโง่ๆบาปๆ ไม่ได้ทำให้เจริญเลย ทุกวันนี้บาปกับบาป เอาสวดมนต์มาทำมาหากินอดอ้างเป็นพิธีการ ไปพิธีการไหนก็มีแต่การสวดมนต์กับสวดมนต์ศาสนาก็เหลือแต่การสวดมนต์เท่านั้น เพราะฉะนั้นศาสนาที่มันเสื่อมก็เลยแต่สวดมนต์ ตกลงมีแต่สวดมนต์ เหลือแค่นั้นแหละ จริงมันมีเนื้อดีก็คือรักษาบทมนต์พระพุทธเจ้าไว้ แต่เสร็จแล้วก็หลงความขลัง หลงความมีอิทธิปาฏิหาริย์ หลงความมีอาเทสนาปาฏิหาริย์ มันต้องเอาคำสอนพระพุทธเจ้ามาทำความเข้าใจและประพฤติไปตามเบื้องต้นท่ามกลางบั้นปลายให้บรรลุผล นี่คือเป้าหมายของการรักษาบทมนต์และเอาบทมนต์มาปฏิบัติประพฤติใช้ เดี๋ยวนี้ก็ยังทันสมัย สวดมนต์ข้ามคืนนั้นเป็นเรื่องโง่แล้ว ฟังธรรมะข้ามคืนก็ยังมากไปแต่ก็ยังน่าอนุโมทนา ปฏิบัติธรรมะก็ยิ่งยอด ตักบาตร ใส่บาตร ศาสนาพุทธให้พระภิกษุมีบาตรสำหรับใส่อาหารเพื่อเลี้ยงชีพเท่านั้น ไปเดินแต่เช้าให้เขาใส่บาตรเพราะอาศัยพอกินพอใช้เท่านั้นใน 1 มื้อ ได้มาแล้วก็มากินแล้วก็ล้างบาตรเสร็จ อย่าให้เก็บกักรักษาสะสมไม่ว่าจะเป็นข้าวสารอาหารแห้งไม่ได้ มันเป็นบาป ดูว่ามันจะรื้อศาสนาเขาให้หมด ก็มันปิดหมด แต่พวกเราทำได้ ไม่ให้ผิดเพี้ยนจากพระพุทธเจ้าบอกไว้เลยแต่เขาก็บอกว่าในยุคนี้ทำไม่ได้แล้ว เราก็เกิดอยู่ในยุคเดียวกันทำไมทำได้ ไม่สะสมเลยได้ เป็นหน้าที่ของฆราวาสที่จะสะสม เขาจะมาเลี้ยงเราหรือไม่เลี้ยงเราก็เป็นเรื่องของเขาอีก อาตมาขอพูดตรงๆ ไม่ได้ง้องอนให้เขาเลี้ยงด้วยแต่เขาอยากเลี้ยง พูดอย่างไรห้ามอย่างไรเขาก็จะเลี้ยง เลี้ยงจนกินไม่ไหวเลย เต็มโต๊ะ นี่มันคือคุณค่าคุณงามความดีของเรา เขาอยากให้เราอยู่เองเราไม่ต้องเรียกร้องหรอก ถ้าอยู่แล้วมีคุณค่ามีประโยชน์ นี่คือสัจธรรมไม่ได้พูดเรื่องลึกลับอะไร อาตมาทุกวันนี้แทบไม่ต้องไปบิณฑบาต เพราะว่าผู้ดูแลเกื้อกูลอุปถัมภ์ เหลือประเพณีไว้ได้ อาตมาไม่ต้องบิณฑบาตเลย อาตมาก็ทำงานแล้วเขาก็เอาอาหารมาให้กิน กินน้อยเขาก็ว่าอีก เราก็กินจนอิ่มเท่านั้น เขาก็มาว่า ว่าเราไม่กินอีก เราก็ว่ากินจนท้องจะแตกแล้ว ทีนี้คำว่าศิลปะ ศีล ภาวนา มีความหมายอย่างไร สิปปังหรือศิลปะ เป็นมงคลอันอุดม พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่าศิลปะเป็นมงคล มงคลแปลว่าสิ่งที่พานำไป งานที่เป็นศิลปะคือสิ่งที่จะนำพาไปสู่ที่สูง มงคลอันอุดมอันไปสู่ที่สูง อันอุตมะหรืออุตระที่เจริญเป็นโลกุตระ นั่นคือศิลปะ สิ่งที่ไม่เข้าข่ายพาไปโลกุตระไม่ใช่ศิลปะ แต่เป็นศิลเปรอะ ศิลปะคืออะไร ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ทั่วโลกเขาไม่รู้เรื่อง ทุกวันนี้แม้แต่ โมเมชั่นเอาอะไรมาก็ไม่รู้ มีทั้งสีสันวัตถุ เอาอะไรมาเป็นเทคนิค แล้วมายืนยันว่าเป็นศิลปะ แต่เนื้อแท้นั้นเป็นคนที่บริโภคงานคุณแล้ว เสพงานคุณแล้ว เขาเกิดมงคลอันอุดม จิตของเขาเกิดกิเลสมันไม่ใช่ศิลปะแล้วเอาอันนั้นอันนี้มาผสมผสานกันแล้วถูกยกย่องว่าเป็นศิลปินของโลกอีก ศิลปินแห่งชาติอีกก็ว่ากันไป อาตมาเห็นแล้วก็สงสาร อาตมานี่แหละศิลปินใหญ่ เอางานศิลปะของพระพุทธเจ้ามาสร้างมาถ่ายทอดมาสืบทอด เพื่อให้เป็นเรื่อง อุตมะ อุตระ ให้เกิดคนโลกุตระเกิดสิ่งที่เจริญ นี่แหละคือตัวศิลปินรู้ไว้เสียด้วย พูดเหมือนอหังการ์มันน่าอ้วกแตก ไม้ร่มว่า มีศิลปินที่ใหญ่กว่าพ่อท่านก็คือพระพุทธเจ้า พ่อครูว่า…โลกทั้งโลกเรียนดอกเตอร์ทางศิลปะแต่ไม่รู้ว่าศิลปะคืออะไร ปริญญาเอก ถวัลย์ดัชนีเป็นศิลปินดัง เอาสีสาดไปในกระดาษเขี่ยปั๊บๆ คนก็โง่ไปซื้อนึกว่างานศิลปินใหญ่ของโลก แวนก๊อก เขียนรูปดอกทานตะวันเหี่ยวๆรูปหนึ่ง ขายกันไปไม่รู้กี่ร้อยล้าน เขียนเก้าอี้ตัวหนึ่งตั้งอยู่ในห้องซื้อกันเป็นร้อยล้าน ส่วนมากเอาไปสะสมเพื่อประมูลเอาไว้ขาย คนโง่หลอกคนโง่ด้วยกัน คนที่รวยด้วยกันเป็นคนโง่ อาตมาสะดุดใจที่ทำไมอาตมาต้องไปเรียนศิลปะ ตอนนี้เข้าใจแล้วเพื่อจะเอามาเช็คหน้าศิลปินอาตมาเข้าใจแล้วว่าศิลปะคืออะไรยิ่งมาเจอคำสอนพระพุทธเจ้าอาตมายิ่งทะลุเลยชัดเจน จึงขอยืนยันว่า อาตมาคือยอดศิลปินมาด่าผู้ที่เป็นศิลปินที่ทำศิลปะพระพุทธเจ้าเลอะเทอะ ศีลคือหลักเกณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ตามลำดับพระพุทธเจ้าตรัสไว้ความเป็นลำดับ ศีลข้อที่ 1 ต้องรู้จักสัตว์แล้วอยู่ด้วยกันอย่างหวังประโยชน์ต่อสัตว์ทั้งปวงอยู่แล้วทำให้ได้จริง โลกนี้จะสงบราบรื่น สัตว์ตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียว มันมาแทรกอยู่ในตัวคนกินตัวคนฆ่าตัวคนด้วย จึงต้องเรียนรู้เรื่องสัตว์ เรื่องเพศมันไม่เบียดเบียนใครไม่มีอะไรมากพี่จะนิยาม ดินน้ำไฟลมเป็นอุตุนิยามยิ่งไม่มีอะไรมาก นี่คือความรู้ของพระพุทธเจ้ารู้จักตั้งแต่สิ่งเล็กจนถึงสิ่งใหญ่รู้จักทั่วจักรวาลเลย ในนิยามชีวิต 5 นี้ ศีลข้อที่ 2 คือของของนั้นคือดินน้ำไฟลมกับพืช พวกไม่มีวิญญาณ แม้แต่พีชะก็ยังไม่มีวิญญาณไม่ถือเป็นวิบาก ไม่มีใครอธิบายละเอียดอย่างอาตมาหรอก ศีลข้อ 1 คือสัตว์ ศีลข้อ 2 คือพืชกับของ สิงคโปร์ 3 คือรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสที่คนไปโง่ ที่ไปรู้สึกมีอาการที่ 2 แต่ตีเทวะไม่ออกอยากจะได้ชอบ ไม่ได้ก็ฆ่าผัวมันเสียเอาเมียมันมา ศีล 3 ข้อนี้จบเลยหมดโลก อธิบายหมดแล้ว แต่ว่ามันจบไม่ได้ตรงที่มันมีคนโง่อยู่ คำว่าภาวนา เขาแปลไปผิดเพี้ยนจนแปลไปว่าเป็นการท่องสวดมนต์ภาวนา พุทโธพุทโธ พุทโธภาวนา ไม่ใช่หรอก ภาวนาแปลว่าการเกิดผลจากการปฏิบัติ 1 ไปเข้าใจผิดว่าเป็นคำท่องบ่น 2 เข้าใจผิดว่าเป็นกรรมกิริยาไปนั่งสวดมนต์ก็เป็นภาวนา ภาวนาแปลว่าการเกิดผล ภาวนามัย มัยคือเกิดผลสำเร็จ สีลมัยคือมีหลักเกณฑ์ไปตามลำดับ ทานมัยคือทำเพื่อให้เกิดการเอาออกการให้ ให้ให้หมดให้หมดตัวหมดตนเหลือตัวเองเป็น 0 หมดเนื้อหมดตัวไม่มีตัวมีตน ก็เกิดผลภาวนามัย พูดว่าหมดเนื้อหมดตัวแล้วนุ่งห่มทำไม ก็เพื่อไม่ให้อุจาด ถ้ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งจบแล้วก็ยังมีสิ่งที่ต้องอาศัย ไม่ได้หนักไม่ได้มาก น้อยก็พอ แต่มีพลังงานสร้างสรรมีความรู้เพื่อจัดทำเพื่อผู้อื่น คนเรียนรู้ธรรมะพุทธเจ้าแล้วกลายเป็นคนไม่สะสมไม่กักตุนไม่กอบโกยแต่มีความขยันสร้างให้มากจึงเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชั้นสูง เป็นผู้ที่สร้างให้แก่โลก ตนเองอาศัยกินอาศัยใช้น้อย เมื่อมารวมตัวกันเข้าก็เป็นพวกนักเศรษฐกิจชั้นสูง ชาวอโศก สร้างสรรได้มากแล้วก็สะพัดออกตัวเองกินน้อยใช้น้อย ก็เป็นคนช่วยโลกไป นี่คือนักเศรษฐกิจมีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ที่เยี่ยมยอด สำเร็จแล้วประสบผลสำเร็จจบแล้วเรื่องเศรษฐศาสตร์ เพราะฉะนั้นชาวอโศกเรานี้มีเศรษฐกิจในระดับขั้นสาธารณโภคีสูงสุดแล้ว ประเทศไหนก็ทำไม่ได้เหมือนชาวอโศก เศรษฐกิจแบบนี้ สาธารณโภคี ถ้าสมมุติว่าชาวอโศกนี้ เป็นรัฐรัฐหนึ่งประเทศหนึ่ง คนในรัฐนี้ทำงานเสียภาษีให้รัฐ 100% จะมีรัฐไหนประเทศไหนทำได้ นี่รัฐอโศกทำได้ ประเทศอโศกทำได้แต่ไม่ได้คิดจะแยกเป็นประเทศเป็นรัฐนะ อย่างทักษิณสามารถไปซื้อ อะไรได้เขามีเงิน อาตมาไม่ได้สะสมเงินทอง ไปก็ไม่มีที่อยู่เหมือนโรฮิงญา ถ้าขืนออกไป สรุปแล้วภาวนาคือการเกิดผล เกิดผล ในการปฏิบัติเป็นโลกุตระ โลกุตระคือจิตที่จะเกิดผลสูงสุด จิตที่เป็นโลกุตรธรรม จิตที่เป็นโลกุตรจิต เป็นภาษาบัญญัติคำว่าโลกุตระคือ อยู่กับโลกเขาแต่ลอยตัวเหนือโลกได้โดยที่กระทบสัมผัสกับโลกเขาแล้วไม่ไปเบียดเบียนกับโลก ไม่เป็นโทษเป็นภัยกับเรา มีแต่ช่วยโลกได้ นี่คือความรับผิดชอบของพระพุทธเจ้า สอนให้คนเป็นแบบนี้ เมื่อมีคนแบบนี้มากๆขึ้นสังคมก็เจริญมีแต่คนไม่เบียดเบียนไม่เป็นโทษเป็นภัยกับใคร มีแต่คุณค่าประโยชน์ สรุปรวมภาษาเรียกว่าสัพพะปาปัสสะอะกะระณัง ไม่ทำอะไรที่เป็นบาปเวรภัยเลย กุสลัสสูปสัมปทา กรรมการกระทำที่มีอยู่เป็นกุศล เพราะฆ่าตัวบาปอกุศลตายไปจนไม่เกิดในจิตเรา ทำให้จิตเราสะอาดได้ สจิตตะปริโยทะปะนัง จึงมีแต่กรรมกับกาละที่เป็นประโยชน์เป็นกุศลตลอด หากตายแล้วจะตาย 0 ก็ได้หรือจะตายไม่สูญก็ได้ อาตมาไม่ยอมตายสูญ แต่ไปแล้วจะเกิดมาเพื่อทำงานรับใช้ปวงชน เกิดมาเพื่อให้เก่งให้รู้ให้ดีงามให้ประเสริฐสูงสุดขึ้นไปอีกเท่าที่ควรจะเป็นได้ มีตัวอย่างแล้วพระพุทธเจ้าเป็นได้ เกิดมาเป็นอัตภาพที่ดี แล้วจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน หากยังไม่ถึงก็ยังไม่ยอม เราไม่ได้ทำโทษภัยเบียดเบียนข่มขี่ใคร อาตมาพูดนี้แล้วฟังแล้วเหมือนลงโทษ แต่ไม่อยากให้เขาทำชั่วทำบาปต่ออาตมาคิดผิดหรือ ถ้าอาตมาไม่ได้พูดแต่อาตมาทำด้วยทั้งพูดและพาทำ พยายามปิดกั้นไม่ให้คนทำบาปต่อ แต่ไปบังคับใครไม่ได้ใครจะมาทำก็ทำด้วยความสมัครใจเอง ใครไม่มาก็ศีรษะใครศีรษะมัน เขาไม่มาก็ไม่ได้ไปบังคับ ให้อิสระเสรีภาพทุกคน ใครจะมาก็มาเราก็เต็มใจให้ ดีไม่ดีพูดไปแรงโดนด่าก็ไม่ว่า สรุปแล้วภาวนาคือการเกิดผลจากการเรียนรู้ ศีล ด้วยการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของศีลและให้เกิดผลของจิตใจ เกิดความละกิเลสได้ไปเรื่อยๆก็เป็นภาวนามัย เช่น ทาน ศีล ภาวนา คุณทำทานเป็นแต่เปลือก แต่ภายนอกแต่ใจทำไม่เป็น ผลของส่วนที่ใจไม่เกิด กายคุณให้แต่ใจคุณไม่ให้ นอกจากกายให้แล้วแต่ใจไม่ให้ ยังตั้งใจเอากลับมามากกว่าเดิม กูจะขอคืนล้านหนึ่งแสนล้าน ใจก็เป็นอันทำ จึงเป็นความพยาบาทจองเวรที่จะเอาคืน จิตของคุณก็เป็นอย่างนี้ เทพเจ้าถึงสอนว่าทานแล้วอย่าไปตั้งจิตอะไรต่อ มันจะเป็นภพชาติ สาเปกโข สอนกันว่าทานแล้วจะมีสวรรค์ แต่มันเป็นสวรรค์เก๊ สอนให้ถึงโลกุตระบ้างสิ สอนแต่งในโลกียมันก็วนอยู่อย่างนั้น เขาบอกว่าไม่มีทางจะรู้โลกุตระหรอก อาตมาก็ต้องมาสอนโลกุตตระอย่างนี้ ใครจะว่าจะมาพูดแรง ขนาดพูดแรงก็ยังไม่ร่วงเลย ยังไม่เกิดรอยระแหงเลย ทุกอย่างในโลกนี้อยู่ที่เทวอยู่ที่ธรรมะ 2 ถ้าหากจับธรรมะ 2 ได้แล้ว จับเนื้อจับตัวได้ตั้งแต่หยาบกลางละเอียด ตั้งแต่ภายนอกเป็นสิ่งที่ควรหรือไม่ควร เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี ในภายนอกรู้ได้ง่ายกว่าภายใน ในจิตนั้นเป็นกุศลอกุศล อกุศลเอาออกก่อน ดีล่ะ แม้แต่กุศลก็ไม่เอา ศาสนาพระพุทธเจ้าคุณจะยังมีกรรมกิริยา หรือภาวะ ยังมีผลจากกรรมกิริยาคุณก็เอาแต่สิ่งที่ดีไว้ จนจิตคุณเป็นประธานสิ่งทั้งปวง สัมผัสดูแล้วอะไรดีหรือไม่ดีควรหรือไม่ควรก็เอาแต่สิ่งที่ดีสิ่งที่ควร พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เป็นพระอรหันต์อย่างนี้ อาตมาได้อรหันต์มาไม่น้อย ในพวกเราอาตมาไม่อยากบอกว่าใครเป็นอรหันต์บ้าง อรหันต์ในพวกเรามีไม่น้อย แต่เขาเข้าใจไม่ได้เพราะไปเข้าใจอรหันต์เดาอรหันต์เก๊ อาตมาตีแรงบอกอย่าไปงมงายกับอรหันต์เก๊ อรหันต์เดา บอกว่าเป็นอรหันต์เขาก็ว่าบอกไม่ได้ แล้วอรหันต์เป็นอย่างไรเขาก็เดาเอาทั้งนั้น ไม่รู้จะโง่ไปถึงไหน นี่มาให้ฉลาดให้รู้ว่าอรหันต์จริงเป็นอย่างนี้ ปฏิบัติแล้วจะเบากายเบาใจทุกอย่าง เลิกทุจริตทุกอย่างได้ แล้วเราจะมีประโยชน์คุณค่าต่อมนุษย์โลกด้วยไม่บาป นี่ยังไม่ได้เข้าสู่การเมืองเลย การเมืองเป็นธรรมะ 2 มีทักษิณกับพลเอกประยุทธ์ ทักษิณกับพลเอกประยุทธ์ใครเป็นตัวเผด็จการตัวจริง กับ ใครเป็นตัวประชาธิปไตยตัวจริงกว่ากันให้เลือก เอาความฉลาดที่มีให้เลือก ทักษิณใช้วาทกรรมว่าเป็นการเลือกตั้งๆๆ เลือกตั้งนะ นายกต้องมาจากการเลือกตั้งนะ แต่เสร็จแล้วเขาตั้งสมัครมาตั้งสมชายมา ตั้งยิ่งลักษณ์มาอีก มันโกหก เห็นไหม โกหกมายืดยาดเลย ตั้งไม่รู้กี่รัฐบาล เขาโกงเอาๆ จนรวยไม่เสร็จ ทุกวันนี้ทักษิณใช้แต่ดอกเบี้ย เงินต้นเขาไม่พร่องเลยมีแต่ อู้ฟู่ไปเรื่อยๆ เพราะว่าโกงไว้เยอะ ลูกหลานตอนนี้อู้ฟู่อีก เขาทำได้ ไม่เสียหลายที่ไปเรียนอาชญวิทยาถึงขั้นด๊อกเตอร์เอามาโกงประเทศได้ เอาไปใช้ทางชั่วทางเลวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ขออภัยอาศัยบุคคลจริงปรากฏการณ์จริงมาแสดงสัจธรรมของโลก อาตมาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเสี่ยงหัวแตกนะ เสี่ยงถูกลูกปืน ของเขานั้นเผด็จการ เพราะตั้ง normani มาถึง 4 รัฐบาล ตั้งแต่ตัวเองไป นั่นหรือคือประชาธิปไตยแล้วมาหลอกมนุษย์ว่าถ้าไม่มีการเลือกตั้งไม่มีประชาธิปไตย เขาก่อสร้างค่ายกลการเลือกตั้งไว้หมดซื้อข้าราชการ หัวคะแนนไว ซื้อหมดเอาเงินหว่านไว้หมด ตั้งค่ายกลแห่งการเลือกตั้งไว้สำเร็จเลือกตั้งทีไรเขาก็ชนะ ประชาธิปไตยไม่ได้หมายความว่าการเลือกตั้ง ประชาธิปไตยคือให้อำนาจประชาชนไปรับใช้ประชาชนทำงานเพื่อประชาชนจริง พลเอกประยุทธ์ทำประชาธิปไตยตอนนี้ได้ 1 สมัยแล้ว 4 ปีเห็นผลงาน ผลงานของพลเอกประยุทธ์กับผลงานของทักษิณไหนบ้านเมืองฉิบหายไปมากกว่ากัน …ทักษิณบ้านเมืองฉิบหายกว่า ส่วนพลเอกประยุทธ์นั้นบ้านเมืองเจริญออกดอกผลขึ้นมาเรื่อยๆ นี่แค่สมัยเดียว เอาอีกสัก 5 สมัย อย่าเพิ่งแก่ อีก 20 ปี 5 สมัย ตอนนี้แค่ 60 กว่า ทำอีก 20 ปีก็เท่ากับอาตมาตอนนี้ ถ้ามีภูมิปัญญาเข้าใจ โดยพยัญชนะกับสภาวะเรียกว่าประชาธิปไตยเหมือนกัน แต่พฤติกรรมใครเป็นประชาธิปไตยมากกว่ากัน เอาแค่นี้เป็นเครื่องตัดสินก็รู้แล้ว เห็นชัดๆ ยิ่งทำแล้วตนยิ่งพร่องยิ่งสูญยิ่งทำก็จนลงๆ ไม่มีทรัพย์ศฤงคารส่วนตัว ผู้ที่เป็นนายกรัฐมนตรีทำงานเพื่อประเทศชาติ ไม่ใช่เอาแค่ระเบียบแบบแผนกฎหมายของรัฐบาลอย่างเดียว เขาก็เลี้ยงไว้หมดแล้ว นายกเขามีการอุปถัมภ์มีการ support ไว้หมดแล้ว จะไปจะอยู่จะกินจะนอนมีคนบริการหมดเราทำงานเพื่อประชาชนอย่างเดียว ถ้าหากทำเพื่อประชาชนจริง มันไม่สิ้นไร้ไม้ตอกหรอก ไม่เป็นเรื่องที่อาตมาเห็นว่ามันเป็นเรื่องสุดยอดเลย ในขณะนี้เขามีแต่วาทกรรมพยัญชนะที่บอกว่าเป็นประชาธิปไตย เป็นแค่เปลือก คนนั้นก็บอกว่าเป็นประชาธิปไตย เอาเป็นพวกประชาธิปไตยเพราะว่ามีการเลือกตั้ง คนโง่เท่านั้นที่บอกว่าเลือกตั้งจึงจะเป็นประชาธิปไตย ถ้าไม่มีการเลือกตั้งไม่เป็นประชาธิปไตย พวกนี้มีความรู้แค่ผงธุลีละอองของขี้แมงง่องแง่ง ไม่เหมือนกับระบบที่มีพระมหากษัตริย์เป็นระบบที่มีการสืบสันตติวงศ์มีกฎมณเฑียรบาลเพื่อจะคัดเลือกอบรมฝึกฝนผู้ที่จะมาเป็นพระมหากษัตริย์ มีหลักเกณฑ์จึงมีตัวบุคคลจริงกระทำจริงอย่างนี้มีอยู่ในสังคมโลก แต่ว่าประชาธิปไตยขาเดียวนั้น จะเอาแพะมาชนแกะ จับได้คนนี้มาเป็นผู้ใหญ่เป็นประธานาธิบดีเลย ขี้หมูขี้หมาอะไรก็เอามา พวกนี้เป็นนักวางแผนด้วย เอาเงินจ้างไว้ สุดท้ายคนก็ต้องไปเลือกเขา ไม่รู้ที่ไปที่มาเลยอะไรก็ไม่รู้ ไม่มีความสืบต่อไม่มีที่ไปที่มา ไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่เป็นประชาธิปไตยสุดยอดล้างความเห็นแก่ตัวจนกระทั่งไม่มีตัวตน เป็นผู้ที่มีอิสระเสรีภาพและให้อิสระเสรีภาพแก่กันและกันสุดยอด แล้วก็มีปัญญา รู้ว่าอ๋ออย่างนี้ มาอยู่ที่นี่ ไม่ต้องมีของต้นเลยทำงานฟรี อยู่ที่นี่อย่าขี้เกียจขี้คร้าน คนขยันหมั่นเพียร คนที่มีความรู้ความสามารถก็ทำไปอยู่ไป พึ่งพากันเกิดแก่เจ็บตายกันได้จริงๆไม่ใช่พูดด้วยภาษา 30 บาทรักษาทุกโรค ที่นี่ เป็นล้านก็ช่วยกันรักษา บางคนเสียเป็นล้าน ไม่เห็นจะว่าอะไรเลย ลูกเต้าเหล่าหลานก็ได้ ถ้าเป็นสมาชิกที่นี่ดูแลกันเกิดแก่เจ็บตาย ไม่ใช่แค่ 30 บาทรักษาทุกโรคไม่ใช่ ที่นี่เป็นแสนเป็นล้านก็ช่วยกัน หากเป็นสมาชิกที่นี่ เหนือกว่า 30 บาทรักษาทุกโรค หรือแม้แต่ประชาธิปไตย เอาเงินเข้ากองกลางที่นี่ก็เสียภาษี 100% พูดเหมือนโม้คุยใหญ่คุยโตแต่เป็นเรื่องจริง ทำไมพวกคุณก็เป็นคนอยู่ในประเทศไทยเหมือนกันพิสูจน์ได้เลย มาทำวิจัยได้ด้วย ก็เชิญมาทำ จะเป็นจริงเท็จอย่างไรก็มาทำ วิจัยดูได้ คนที่สอนได้ปฏิบัติได้ ประพฤติได้จนกระทั่งมีทางปัญญามีทั้งสมรรถนะมีทั้งความประพฤติเป็นอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านมีทฤษฎีไว้สุดยอด จนเป็นพระอรหันต์ได้ คุณอยู่ที่นี่ได้นี้อาตมามีเงื่อนไขง่ายๆ คุณมาอยู่อย่างสบายในสังคมนี้ไม่ต้องเดือดร้อน ไม่อยากจะหาทางไปที่อื่น ไม่อยากจะมีบ้านเช่ามีทรัพย์สินอะไรส่วนตัว ไม่อยากได้ลาภยศสรรเสริญโลกียสุขอะไรที่โลกเขาแย่ง คุณอยู่ที่นี่สบายๆ นั่นแหละคุณเป็นอรหันต์แล้ว เพราะสังคมชาวอโศกเป็นสังคมอรหันต์เป็นสังคมเมืองอริยะเป็นชมพูทวีป ถึงขั้นชมพูทวีปด้วย ใครอยู่ที่นี่ โอ้โห ข้าวมีกิน ดินมีเดิน ….พี่น้องมีเสร็จ เห็ดมีเก็บ ป่วยเจ็บมีคนรักษา ขี้หมามีคนช่วยกวาด ผ้าขาดมีคนช่วยชุน บุญต่างคนต่างทำ บุญนี้เป็นรากเหง้าที่คนในโลกนี้โง่ คำว่าบุญได้ผิดเพี้ยนไปมากแล้ว หากไม่มีอาตมาเกิดมาคำว่าบุญจะผิดเพี้ยนไปไกลเอาไปทำเป็นกุศลเอาไปทำมาค้าขายเอาไปทำให้เสียสภาพความเป็นบุญไปเลย กลายเป็นกุศลเนื้อหาเป็นกุศลไปหมดเลย แม้จะมีพยัญชนะคำว่าบุญ เขาถือว่าบุญนี้สูงกว่ากุศลนะ บุญเป็นวิบัติไม่ใช่สมบัติ กุศลเป็นสมบัติ ศาสนาก็ดีคนก็ดีภูมิปัญญาก็ดีเขาตีคำว่าเทวะไม่แตก distinguish ตีไม่แตกแยกไม่ออก มันจะกลายเป็นสังคม ประชาธิปไตยขาเดียว เทวนิยม ไม่มีรายละเอียดตีเทวไม่ออก ศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนาเดียวในโลก ที่สามารถตีคำว่าเทวะออกยังมีภูมิปัญญาเข้าใจ ว่าคืออะไร จนกระทั่งทุกอย่างเป็นอนัตตาหากเราเป็นโง่มันก็เป็นเหตุแห่งทุกข์ และมันไม่อยู่กับร่องกับรอยเป็นอนิจจัง ไปยึดมั่นถือมั่นเอาอะไรไม่ได้เลย เราเข้าใจชัดเจนและเราก็ทำตามที่เราเข้าใจ แค่ไตรลักษณ์นี้สุดยอดแล้ว อนิจจังทุกขังอนัตตาไม่ใช่แค่ภาษาเท่านั้นแต่เป็นสภาวะที่แท้จริง แล้วคุณก็เป็นคนที่จบแล้ว จะอยู่ใน กาละ กับกรรมก็เชิญ แต่ถ้าจะทำกาละแล้ว แม้กาละจะมี แต่ตัวเราจะจบกาละ คือ คุณทำลายอัตภาพของคุณไปจากกาละ จากโลกนี้จากจักรวาลนี้ที่มันจะมี กาละ จะหมุนต่อไปอย่างไรก็ช่าง อัตภาพที่เป็นชีวะของคุณไม่เหลือแล้ว ทำลายกรรมของตนสำเร็จ ในกาละก็ไม่มีอัตภาพของเราเหลืออีกเลยละลายไปแล้วไม่มีกรรมในกาละ คือการทำกาละ หลังจากทำกาละแล้วสูญสลายไปเลย กายัสสเภทา ปรัมมรณา สุญญตาจ้อย กายัสสเภทาคือตีธรรมะ 2 ให้แตกแล้วสลายไปได้ หลังจากตาย ปรัมมรณา หลังจากทำลายกายแตกแล้ว ไม่เหลืออะไรเลย สูญ สมณะฟ้าไทว่า…อธิบายได้องค์เดียว พ่อครูว่า…ทำได้หรือยัง ทำได้บ้างก็ดีแล้วไม่เป็นหมัน ทำให้ได้ จนกระทั่งเราไม่มีอะไรข้องใจอีกแล้ว มันอยู่กับ 2 นี่แหละเทวเป็น 2 แล้วเราก็จัดการ 2 ให้เป็น 1 คุณก็จะอยู่กับทุกสิ่งทุกอย่าง 0 นี่คือทุกสิ่งทุกอย่าง อย่างน้อยคุณก็ทำเป็น1ก็ไม่ทุกข์ ถ้าหากทำเป็น 0 แล้วก็ลอยตัว ศาสนาพุทธถือ 1 เป็นความสิ้นทุกข์ 2 มี 0 เป็นความจบสมบูรณ์ 0 คืออะไรก็คือทุกสิ่งทุกอย่างอยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง มีวสวีตตี มีจิตอยู่เหนืออำนาจกิเลส ทำจิตให้เป็นไปในอำนาจได้ คำนี้แปลว่าพระเจ้านะ โดยไม่ต้องให้พระเจ้ามาเป็นอำนาจของเราแต่เราเป็นอำนาจเองเป็นพระเจ้าเอง คือตัวพระเจ้าแท้ โดยไม่เกี่ยวกับพระเจ้าใดๆเลย ผู้ที่ตีไม่แตกแยกธรรมะ 2 ไม่ออกซึ่งจมอยู่กับพระเจ้า จะมีจะเป็นอะไรก็แล้วแต่พระเจ้าจะสั่งการ เป็นทาสผู้ปล่อยไม่ไป เราคิดว่าแบบนั้นมันทุกร้อน ถ้าหากเราจะทำอะไรต้องโทษตัวเองไม่ใช่โทษพระเจ้า รับผิดชอบตัวเองสิ หากว่าไปโทษนอกตัวโทษพระเจ้าก็ไม่เป็นแมนซิ หากว่าตีเทวแตกตีธรรมะ 2 แตกให้เป็น1เป็น0จะเรียกว่าศาสนาอะไรก็ช่างแต่เนื้อแท้เป็นศาสนาพุทธจบ ลัทธินอกศาสนาพุทธ ๑. ปุพเพกตเหตุวาท (ลัทธิเชื่อว่า..กรรมเก่าเที่ยงแท้) ๒. อิสสรนิมมานเหตุวาท (ลัทธิเชื่อว่าพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่หรือเทพเจ้าเป็นผู้เนรมิตสร้างบันดาลให้) ๓. อเหตุอปัจจัยวาท (ลัทธิเชื่อในสิ่งเหนือเหตุปัจจัย) (พตปฎ. เล่ม ๒๐ ข้อ ๕๐๑) ลัทธิพุทธ รู้จักเหตุปัจจัยแล้วอยู่เหนือเหตุปัจจัยได้ จะมาเป็นชาวพุทธได้รับผลจากศาสนาพุทธ ได้อย่างเต็มรูปแบบ ได้อย่างที่ได้เป็นอรหัตผล แล้วเอามาเผยแพร่สืบทอดต่อ จากพระพุทธเจ้ามาแล้ว รับช่วงรับผิดชอบ มีความซื่อสัตย์มีความจริงใจ ดูแลอย่างไม่ให้ผิดเพี้ยน อรหันต์ไม่ทำให้ธรรมะพระพุทธเจ้าผิดเพียงเพราะว่าเป็นผู้ไม่ลึกลับแล้ว อรหันตะ คือ ไม่ลึกลับอย่างมีที่จบแล้ว รู้ครบจบ แม้จะมีภาษาใหม่ของในยุคนี้ก็มาเรียกเอาภาษามาใส่กับสภาวะ เข้าใจภาษานี้เรียกแล้วคนเข้าใจก็เอามาเรียก คนอื่นเขาจะไม่เรียกก็ช่าง อาตมาทำอย่างนี้และเอามาเผยแพร่อย่างนี้ตลอดเดี๋ยวนี้ก็มีคนที่มีความรู้ ความรู้ของอาริยชนคนเจริญมีภูมิเป็นอาริยะ มีความเฉลียวฉลาดที่จะรู้ มีน้อย ส่วนมากถูกครอบงำไปกับโลกเยอะ ไม่สิ้นหวังหรอกอย่างน้อยมีพวกเรารับได้ไม่มากไม่น้อย แต่ละวันมีนักเรียนเต็มห้อง แต่พวกเรานี้ตรงเวลา ยังไม่หกโมงก็ยังไม่มา อาตมาก็ยังสนุก เกิดมาเป็นคนได้รู้ธรรมะอันนี้แหละที่เรียกว่าเทวะ ศาสนาที่ตีเทวไม่แตกนะน่าสงสาร หากเราตีเทวแตกแล้วมาช่วยกัน พวกศาสนาเทวนิยมควรจะได้ฟังอาตมาจะได้รู้ว่า ไปจมกับเทวะนั้น ก็อยู่แค่นั้น อยู่ในอาณัติ จะไปต่อว่าพระเจ้าก็ไม่ได้ ไม่รู้พระเจ้าอยู่ที่ไหน แต่นี่มีจะต่อว่าก็ได้ไม่รับก็ได้ ดีไม่ดีด่าด้วย แต่ถ้ารับก็รับเห็นว่าดีก็เอา เป็นสัจจะที่พิเศษ อาตมารู้สึกสดอยู่เสมอ เรียกว่า มี protoplasm คือหมายความว่ามียางสด ในพืชพรรณธัญญาหาร เมื่อเอามาขูดดูแห้ง ไม่มี protoplasm ก็กินไม่ดี หากมียางสดอยู่นี่กินดี อาตมาขออ่าน …มีคนเรียบเรียงไว้ ทักษิณมาจากการเลือกตั้ง เลือกตั้งที่ซื้อเสียงประชานิยมเล่นพวกใครไม่ใช่พวกไม่ช่วยพื้นที่ไหนไม่เลือกทักษิณไม่เลือกพรรคทักษิณไม่ช่วย ไม่ให้งบประมาณไม่แยแสทิ้งไปเลย ย้อนอดีตทักษิณยังเดินหน้าทำการเมืองแบบครอบครัวเอาญาติสายโลหิตเป็นผู้นำตลอดมา เพื่อประโยชน์ให้ตนและพวกพ้องอย่างเปิดเผยไม่สนใจว่าโลกสังคมจะมองอย่างไร เช่นกำหนดให้วันที่ 31 ธันวาคมเป็นวันทำการเพื่อให้การเซ็นชื่ออนุมัติของตนเมื่อครั้งนั้นเป็นผู้นำมีผลบังคับใช้ จนในที่สุดถูกเปิดเผยต่อสังคมอย่างที่รับรู้กัน ปัจจุบันลิ่วล้อเดินตามรอยนายใหญ่ด้วยเอาลูกหลานมาลงสมัครรับเลือกตั้งกระจายไปอยู่หลายพรรคเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งทางการเมืองในทุกพื้นที่ทั่วประเทศและโฆษณาขายคนรุ่นใหม่ที่แท้ก็คือเหล้าเก่าในขวดใหม่เท่านั้น เพราะคนเหล่านั้นตระกูลนี้เข้าใจว่าการเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์ที่สามารถเอามาเสวยสุขให้ตนและบริวารได้อย่างแท้จริง นายกประยุทธ์ลุงตู่เป็นทหาร ถูกเลือกมาโดยเชิญตั้ง จากพฤติกรรมอย่างน้อย 4 ปีที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นคนมีวินัยซื่อสัตย์ขยันสม่ำเสมอตอบคำถามสื่อตรงไปตรงมา มีการขับเคลื่อนพัฒนาภาครัฐทั้งประเทศข้าราชการตื่นตัว นายกเยี่ยมทุกภาคทุกส่วนงาน เดินหน้าคดีทุจริตเปิดเผยให้ข้อมูลกับประชาชนทุกวันทางสื่อด้วยตัวเองและคณะร่วมรัฐนาวา เจอ fake news จะมีภาคประชาสังคมหลายกลุ่มออกมาช่วยขุดคุ้ยจนผลที่ออกมาพิสูจน์ตนได้เช่น ต่างประเทศไม่ยอมรับรัฐบาลที่มาจากเผด็จการ ปรากฏว่าภายหลังมีข้อมูลการศึกษาติดตามผลงานของรัฐบาลชุดนี้กลับตรงกันข้ามทำให้ผู้นำประเทศต่างๆจำนวนให้การยอมรับและชื่นชมกับพัฒนาการด้านต่างๆของประเทศไทย ในรัฐบาลที่นำโดยพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา ลุงตู่ทำเพื่อสังคมประเทศชาติอย่างแท้จริง ส.ฟ้าไทสรุปจบ Category: ศาสนาBy Samanasandin18 พฤศจิกายน 2018Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรมสมณะโพธิรักษ์ Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post::::ข่าวสั้นๆ:::: วันสุดสัปดาห์NextNext post:611119_รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 25Related Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024