วิถีบวร 1 ใน 1000 ตอน….บ่อึ๊ด บ่อยาก อุดมสมบูรณ์ด้วยสาธารณโภคี
วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
เช้านี้เป็นวันบวร มีกิจกรรมที่ทำให้พวกเราได้ออกจากภพ มาพบกัน สลายภพงานตัวเอง วางงานประจำมาช่วยงานของส่วนรวมที่นิสิต วนบ.ได้ประชุมเตรียมงาน แบ่งสรรร่วมกับฐานงานต่างๆที่ต้องการความช่วยเหลือแล้ว
การรวมกลุ่มใหญ่ที่สุด เป็นการรวมตัวของ 3 กลุ่มใหญ่คือ กลุ่ม 3,4,7 ที่รวมเป็นหนึ่ง โฮมแฮง ลงแขกเกี่ยวข้าวกันที่นาบ้านค้อหวาง เป็นนาที่ญาติธรรมมาปลูกไว้แบบเทวดาเลี้ยง คือให้ดิน ฟ้า อากาศช่วยดูตั้งหว่านเสร็จ จนมาเก็บเกี่ยว และแบ่งบางส่วนถวายวัด พอไปถึงค่อนข้างสายแล้วก็รีบลงนา เกี่ยวข้าวพันธุ์หอมมะลิ ที่มีหญ้าขึ้นแซมอยู่อย่างหนาแน่น ทั้งข้าวกับหญ้าผสมปนเปกันไปหมด แต่ไม่นานนัก ด้วยคนจำนวนมากเกือบ 50 คนข้าวแปลงแรกก็เกี่ยวเสร็จ
ยังมีนาอีกแปลง ที่ผู้ดูแลบอกว่า เป็นนาที่ปลูกข้าวพันธุ์พระราชทานจากสมเด็จพระเทพฯ ที่ตู๊หล่างได้เก็บรักษาพันธุ์ข้าวไว้ ก็ได้พันธุ์จากป่าติ้ว มาขยายที่นาแปลงนี้และจะเกี่ยวนำไปเป็นพันธุ์ต่อไปอีก ตอนแรกเห็นข้าวตั้งตัวสวย น่าเกี่ยวมาก พอเกี่ยวไปซักพักเปิดนาเต็มแปลง เจอข้าวล้มแบบสลับทิศทาง จนคนอย่างเราไม่ใช่ชาวนามืออาชีพ ถึงกับออกอาการงง ว่าจะเริ่มทิศไหนดี เพราะปกติจะเกี่ยวตามทิศทางที่ต้นข้าวล้มก็เกี่ยวแบบมีทิศทางสบายหน่อยค่ะ แต่นี่ แต่ละกอล้มคนละทาง เล่นเอางงเลยค่ะ..55..
ผู้ดูแลยังบอกว่า ข้าวพันธุ์นี้หายาก ถ้าเกี่ยวอย่างจริงจังเก็บเมล็ดพันธุ์ต้องเกี่ยวเลือกทีละช่อเลย เพราะแต่ละช่อ แต่ละรวงซื้อขายกันแพง เพราะหายาก พวกเราได้ฟังดังนั้น หลายคนก็ตามมาเก็บรายละเอียดข้าวที่ตกหล่นในนาได้อีกหลายกอเลยค่ะ มีป้าติ๋มมาจากกรุงเทพฯ ป้าอารมณ์ดีมาก แม้แดดจะร้อน ข้าวจะเกี่ยวยากแต่ป้า นั่งกับพื้นเกี่ยวอย่างเบิกบานใจ ป้าติ๋มบอกว่านีเป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสรวงข้าว ได้เกี่ยวข้าว แล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข ท่ามกลางแดดร้อนมากค่ะ
สายหน่อยเริ่มร้อนมากแล้ว ในนาเลยเหลือแต่คุรุชายกับนักเรียนชาย ที่ช่วยกันอย่างขยันขันแข็งกันมากเพราะสาวน้อยหลายคน ขอหลบไปเกี่ยวร่มๆก่อน ให้ฝ่ายชายบำเพ็ญหนักหน่อย กลางแดดเปรี้ยงเลยค่ะ สุดท้ายพวกเราก็ได้ทั้งข้าวหอมมะลิมาเข้าโรงสีบุญคุณข้าว ได้ข้าวพันธุ์ดี ข้าวเวสสันตระ มาไว้ทำพันธุ์ต่อยอดได้อีกค่ะ
มาเล่าถึงเรื่อง ช่วงพ่อครูหลังฉันภัตตาหารเสร็จ พ่อครูบอกว่ามาเดินย่อยอาหาร ยืดเส้นยืดสายหน่อย แต่วันนี้อากาศร้อนจริงๆค่ะ มีข่าวว่าฝนจะตกในหลายพื้นที่ อาจเป็นสาเหตุทำให้บ่ายนี้ร้อนมากๆค่ะ พ่อครูเดินออกมาทางน้ำตกผาแหงน ลานสะโพ แวะไปที่อาคารบวร ขึ้นรถสัญญาตะวัน ดูงานส่วนต่างๆ ที่ลานหน้าเวทีภายในอาคารบวร ได้เปลี่ยนเป็นลานตากข้าวไปแล้ว ข้าวที่ตากเวลานี้เป็นข้าวที่นาโม ทางไปบ้านคำกลาง และมีข้าวที่เพิ่งเกี่ยวเสร็จจากบ้านค้อหวางมากองไว้ รอตากเช่นกัน พ่อครุแวะดูงานก่อสร้างถนน กุดระงุม- บ้านราช ที่เทคอนกรีตเลยหมู่บ้านรีสอร์ทมาแล้ว ถ้าดูตามหน้างาน 2-3 วันน่าจะเทคอนกรีตเสร็จ
รถสัญญาตะวัน ผ่านมาทางน้ำตกหินน้ำไหล มีเรือ 2 ลำที่เพิ่งยกจากบุ่ง เพื่อมาทำเรือนเรือ ไม่ลอยน้ำแล้ว เพราะรั่วเยอะเกินเยียวยาแล้วค่ะ พ่อครูแวะไปเดิ่นเบิ่งฟ้า ดูเรือที่กำลังเตรียมซ่อมแซมอีกหลายลำ ไปที่เฮือนสุดชีวิต เรือที่มาซ่อมจอดอยู่ข้างๆกัน ก่อสร้างเสร็จพร้อมใช้งานได้แล้วพ่อครูตั้งชื่อเรือว่า”เรือพักชีพ”
ออกจากลานเบิ่งฟ้า แวะลงไปที่ถนนล่างติดริมมูน ที่เริ่มปรับ เป็นถนนติดริมมูนแล้ว บางแปลงเริ่มไถ ตีแปลงเตรียมปลูกแล้ว
อีกไม่นานก็จะได้ยินเสียงคุณปะตรงเตือน ประกาศให้ไปช่วยโฮมแฮง ปลูกนั่นนี่ วันต่อวันกันเลยทีเดียว แว่วมาจากฐานกสิกรรม บอกว่า ปีนี้จะปลูกมันฝรั่งเป็นไร่ๆเลย เพื่อถวายพ่อครูและให้ญาติธรรมไว้ปรุงอาหารที่โรงครัว ปลายปีนี้ บ้านราชจะจัดงานใหญ่อีกครั้งช่วงปีใหม่ แว่วมาอีกแล้วว่า ปีนี้พืชผัก ข้าวของเราอุดมสมบูรณ์มากกก บ่อึ๊ดบ่อยาก อีหลีเด้อ..
มีโอกาสแวะไปหาแม่เพ็ญศรีที่ยังเจ็บแขน มีอาการฟกช้ำอยู่ นำขันสังฆทาน ที่ได้รับบริจาคมาจากท่านสิกขมาตุแดงอีกที เติมของกิน ของใช้บางอย่างนำมามอบให้แม่เพ็ญศรี แม่กำลังอยากเขียน จดธรรมะเวลาพ่อครูเทศน์ ได้สมุดเล่มใหม่ หยิบมาดูแล้วยิ้มว่า มีสมุดแล้วไว้จดธรรมะพ่อครูแล้ว แต่ที่ประทับใจแม่ คือแม่บอกว่าพ่อครูเขียนหนังสือดีๆทั้งนั้น อยากอ่านหนังสือท่านมาก แต่สายตาไม่ดีเท่าไหร่ ได้ยินดังนั้นไม่รีรอค่ะ สนับสนุนการอ่านหนังสือพ่อครูเต็มที่ บอกแม่ว่าพฤหัสฯนี้จะพาไปตัดแว่นใส่อ่านหนังสือพ่อครู แม่ตกลงทันทีเลยค่ะ
ธรรมะที่พ่อครูกลั่น เรียงร้อยถ้อยคำเป็นตัวหนังสือ หนังสือทุกเล่ม ทุกบรรทัดจึงเป็นหนังสือที่ผู้เขียน(พ่อครู) ตั้งใจมาก เป็นโพธิกิจหลัก ที่เรียบเรียงธรรมะโลกุตระฝากไว้บนแผ่นดิน เป็นลายแทงสู่ความหมดตัว หมดตน เป็นลายแทงสู่นิพพาน…ไม่เชื่อลองอ่านดูได้ค่ะ..55