วิถีบวร 1 ใน 1000 ตอน.. บ้านราช หม่องได๋ก็กินได้
วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
ช่วงนี้บวรราชธานีอโศก อากาศค่อนข้างเย็นสบายค่ะ อุณหภูมิอยู่ที่ 21-22 องศาฯในช่วงเช้า พอสายๆบ่ายๆก็ค่อนข้างแดดจ้าค่ะ
ริมมูนเวลานี้มีชีวิตชีวามากค่ะ นอกจากทุกเช้า ถ้าได้มา Good morning กับพระอาทิตย์ ที่ริมมูน อากาศแสนจะหวาน สูดลมหายใจได้เต็มปอด จะเห็นวิว ทิวทัศน์ระดับ 5 ดาวของบ้านราช เมืองเรือ มีเรือบักใญ่ จอดตะหง่านริมแม่น้ำมูน หลายลำ อดใจไม่ไหวที่จะเก็บภาพมาฝากค่ะ เผื่อจะได้หาเวลามาสัมผัสบรรยากาศริมมูนกันค่ะ
ชีวิตชีวา จิตวิญญานเห็นได้ชัดจากเริ่มมีแปลงกสิกรรมไร้สารพิษ มีเสียงประกาศจากชุมชนทุกวัน ให้ช่วยกันมาโฮมแฮงปลูกกระเทียม ปลูกหอม เพื่อให้ทัน อวดกินอวดใช้ ช่วงงานเพื่อฟ้าดิน ในเดือนหน้านี้ แต่พื้นที่ริมมูนฝั่งตะวันออก ยังมีการไถแปลงอยู่ค่ะ เห็นกองซากต้นทักษิน(ไมยราบยักษ์) กองอยู่ท่วมหัว ได้ข่าวว่าจะนำมาเป็นอินทรีย์วัตถุ ปุ๋ยในดินต่อไป
ริมมูนดูเริ่มสะอาดตามากแล้วค่ะ สะพานเหล็ก อันเดิม หลังจากถางป่าหญ้าออกก็สามารถสัญจรไป-มาได้แล้วค่ะ นึกถึงเมื่อ 10 ปีก่อน สะพานเหล็กนี้เป็นสะพานเดียวที่มาริมมูนได้สะดวก ใครมีความหลังกับสะพานนี้บ้างน๊อ…55
ฤดูกาลนี้ดอกหญ้ากำลังบาน ทุกสายพันธุ์เลยค่ะ มองไปที่ดอกหญ้า ปลิวไสวตามลม นึกถึงเพลง คือ..ดอกหญ้า …คือ ดอกหญ้าธรรมดาดอกหนึ่ง ไร้ซึ่งผู้คนเอาใจใส่ ลมพัดก็ระเนน เอนลู่ไป แดดจะไล้ หรือฉ่ำฝนก็ทน ทาน คืออิสระเสรี ของชีวิต ด้วยมีสิทธิ์อยากอยู่เพื่อชูก้าน คือวิถี เรียบง่าย เป็นสายธาร ไม่ทะยานอยากเด่นเช่นใคร ใคร
คือ สัจจะจะสื่อบอกจากดอกหญ้า ชีวิตใช่ปรารถนาจะเป็นใหญ่ แต่เล็กน้อยง่ายงาม มีน้ำใจ และสุขได้เพียงอยากอยู่คู่ศรัทธา…
ราชธานีอโศกปีนี้ทำนากันหลายพื้นที่ค่ะ แต่ผืนนาที่ต้องเรียกว่านา เกรด A ระดับพรีเมี่ยม ต้องยกให้แปลงนาที่สม.เป็นหญิงดูแลอยู่ เพราะท่านเอาใจใส่ทุกขั้นตอน เป็นการทำนาแบบประณีต ผลผลิตที่ได้ เป็นที่น่าพอได้มากค่ะ ข้าวเป็นทุ่งรวงทองพร้อมเกี่ยวแล้วค่ะ งานนี้ท่านสิกขมาตุเป็นหญิงบอกว่า ต้องให้คนเกี่ยวข้าว ไม่ใช้รถเกี่ยวข้าวค่ะ ถ้ามีเสียงประกาศช่วยกันโฮมแฮงเกี่ยวข้าว นาลากราบ มาช่วยกันแน๊เด้อค่ะ ..ส่วนพื้นที่ที่เหลือ ท่านสิกขมาตุก็ได้ปลูกกระเทียมแล้วค่ะเป็นพันธุ์จากลำปาง เปลือกบาง ริมคันนามีสวนครัวย่อมๆ ทั้งหมากหุ่ง หมากแข้ง หมากเขีย เป็นคันนากินได้ สังเกตเห็นรอบๆที่นาจะมีคลองชลประทานเล็กๆที่สูบน้ำมาจากบุ่ง เพื่อมาทำกสิกรรม เป็นการจัดสรรการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างลงตัวเลยทีเดียวค่ะ
มีคันนากินได้แล้ว ราชธานีอโศกก็ยังมีริมถนนกินได้ด้วยนะคะ เช่นริมถนนตรงแก่งมาถึงลานเบิ่งฟ้า จะเป็นถนนสายอิ่มค่ะ เพราะมีพืชผักกินได้ริมทางหลายต้นเลยค่ะ ทั้งต้นขุนศึก ขุนเหล็ก(ขี้เหล็ก) ต้นแค อ้อย มะละกอ สวนตะกร้า คุถังฮ้าง(พัง) ก็มีค่ะ พวกเราชาวบ้านราชสายปลูกอยู่แล้วค่ะ ขยันปลูกแต่ไม่ค่อยขยันเก็บ..55..เพราะคนน้อยค่ะ บางครั้งมีชาวบ้านมาถามว่าจะเก็บขี้เหล็กได้มั้ย ก็บอกชาวบ้านว่า มาเก็บกันได้เลย ขี้เหล็กที่บ้านราชมีหลายจุด เห็นแล้วเอาไปแกงใส่ย่านางโลด..55
ที่ลานสะโพยามเช้า แวะมาทักทายเจ้าช้างเล่นฟุตบอลกับมด ที่หางยังติดพวยกา เป็นงานศิลปะทางธรรมที่ พ่อครูบอกว่า กีฬาเป็นอบายมุข คนเขาไม่เล่นกันหรอกมีแต่ …..เท่านั้นที่เล่นกัน เช่นช้างเอาฟุตบอลมาเล่นกับมด ที่หางช้างก็ยังติดพวยกา ปฏิบัติธรรมแล้ว ทิ้งทั้งตัวช้าง(สละเรือนชาน หน้าที่การงาน)ออกจากกาได้แล้ว เหลือเพียงกิเลสบางตัวติดในพวยกา อย่างอบายมุขที่ติดเสพบางตัว ทำไมไม่เอาออกมาเหมือนช้างทั้งตัวออกมาได้แล้วเหลือแต่หางนิดเดียว..
ที่ลานเกาะแก้วมีป้ายหินตั้งใหม่มาตั้งด้วยค่ะ มีโศลกธรรมที่พ่อครูสมณะโพธิรักษ์สอนให้พวกเราเป็นบุคคลที่มีความเบิกบานเสมอ เป็นคนจนมหัศจรรย์
เห็นหลายคนสนใจต้นโพธิ์ที่มีใบใหญ่ วันนี้เลยพามาดูอีกต้นทีใบใหญ่เหมือนกันค่ะ อยู่ที่ด้านหลังองค์พระพุทธโต ติดกับโมโนลิธน้อย เป็นต้นโพธิ์อินเดีย ใบสวยมากค่ะ ใกล้ๆกันจะเป็นน้ำตกผาแหงน ที่มีป้ายบอกเรื่องขอความร่วมมือในการปฏิบัติตนเมื่อเข้ามาในสถานปฏิบัติธรรมของชาวอโศก ไม่มีอะไรมากค่ะ ห้ามแค่ไม่นำบุหรี่ สุรา อาหารเนื้อสัตว์ เข้ามากิน สุข ดื่ม เสพย์ ในบริเวณนี้ กรุณาแต่งกายสภาพ ไม่โป๊ นะจ๊ะ เท่านั้นเองค่ะ
ภาพสุดท้ายเป็นดอกผักบุ้ง ที่เห็นแล้วนึกถึงพ่อครูที่เห็นดอกผักบุ้งทีไร ท่านก็จะบอกว่าเมื่อก่อนที่ท่านถ่ายรูป พยายามหาดอกผักบุ้งมาทำเป็นปกหนังสือ หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ มาวันนี้มีดอกผักบุ้งเต็มไปหมด ต้นหญ้ากับผักบุ้งขึ้นแข่งกันเต็มไปหมด…พ่อครูไม่อยู่ บ้านราชดูเงียบเหงาเหมือนกันค่ะ..