รายงานงานมหาปวารณา ครั้งที่ ๓๖
ฉลอง ๔๘ พรรษาแห่งโพธิกิจ ๘๔ ปีพ่อครูสมณะโพธิรักษ์
วันที่ ๖-๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ บวร ราชธานีอโศก
ปี ๒๕๖๑ เป็นปีที่พ่อครูทำงานกอบกู้ศาสนามาครบ ๔๘ พรรษา และเป็นปีที่พ่อครูอายุครบ ๘๔ ปี งานมหาปวารณาครั้งที่ ๓๖ จึงได้ถูกจัดขึ้นภายใต้รหัส ๓-๔-๗ ซึ่ง
๓ หมายถึง ๓ รอบนักษัตรการจัดงานมหาปวารณาเป็นครั้งที่ ๓๖
๔ หมายถึง ๔ รอบนักษัติโพธิกิจของพ่อครู
๗ หมายถึง ๗ รอบนักษัติ ๘๔ ปี ชีวิตพ่อครู
ลูกๆได้ลงความเห็นอย่างเป็นเอกีภาวะ เพื่อเป็นการถนอมสุขภาพพ่อผู้ให้กำเนิดทางจิตวิญญาณ ลูกๆทุกคนไม่อยากให้พ่อเดินทางไกลบ่อยนัก จึงมีข้อสรุปกันว่า ให้จัดงานที่บวรราชธานีอโศก อ.วารินชำราบ จ.อุบลฯ
โดยงานนี้มีคนมาร่วมลงทะเบียนทั้งหมด ๒,๐๖๘ คน แล้วมีสมณะมาร่วมพิธีมหาปวารณาทั้งหมด ๗๘ รูป มีสิกขมาตุมา ๒๐ รูป จากจำนวนนักบวชชาวอโศกในขณะนี้คือ สมณะ ๘๘ รูป สิกขมาตุ ๒๒ รูป
ก่อนงานมีค่ายนักเรียนสัมมาสิกขา ม.๔ และปวช.ปี ๑ ชื่อค่าย “สร้างคนจนสุขสำราญเบิกบานใจ” เตรียมงานมหาปวารณา ค่ายนี้จัดตั้งแต่วันที่ ๓๑ ตุลาคมถึง ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ มีนักเรียนสัมมาสิกขา ม.๔ และปวช.ปี ๑ จาก ๕ สัมมาสิกขา มี บ้านราชฯ ศีรษะฯ ปฐมฯ สันติฯ และ ภูผาฯ รวมจำนวน ๔๙ คน
-
วันจันทร์ที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
คณะเอาภาระสงฆ์(คภส.) ประชุมกันที่ โบสถ์ชั้น ๔ เฮือนศูนย์สูญ บวร ราชธานีอโศก
๑๕.๐๐ น. สมณะ ๕ รูป สิกขมาตุ ๑๙ รูป นำโดย สมณะเดินดิน ติกขวีโร ประชุมปวารณาสิกขมาตุ
-
อังคาร ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
มีการรวมตัวของสมณะชาวอโศกเพื่อปวารณาชี้ขุมทรัพย์ชื่นชมและประชุมวาระสำคัญต่างๆของสงฆ์จะจัดขึ้นทุกปีละหนึ่งครั้งหลังออกพรรษา พ่อครูเคยให้ความหมายและความสำคัญการปวารณาไว้ว่า คือ ยอมให้เปิดโอกาสให้อนุญาตให้ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ โดยให้ภิกษุว่ากล่าวตักเตือนกันได้ ด้วยเหตุ ๓ ประการ ได้แก่ ๑.โดยเห็น ๒.โดยได้ยิน ได้ฟัง ๓.โดยสงสัย
รายงานการประชุมมหาปวารณา ครั้งที่ ๓๖ วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
ณ โบสถ์ชั้น ๔ เฮือนศูนย์สูญ บวร ราชธานีอโศก
ประธานที่ประชุม สมณะรัก โพธิรักขิโต
ผู้ดำเนินการประชุม สมณะเดินดิน ติกขวีโร
ผู้ช่วยผู้ดำเนินการประชุม สมณะบินบน ถิรจิตโต
ผู้บันทึกการประชุม ทีมงานสมณะภูผาฟ้าน้ำ
เปิดประชุม ๐๔.๐๙ น. ปิดประชุม ๑๕.๐๐ น.
สมณะมีทั้งหมด ๘๘ รูป
สมณะเข้าร่วมประชุม ๗๘ รูป สมณะลาป่วย ๑๐ รูป (๑.ส.เด็ดขาด สันติจิตโต ๒.ส.น่านฟ้า สุขฌาโน ๓.ส.แสนจน สารณีโย ๔.ส.ฝุ่นฟ้า อัคคชโย ๕.ส.เบิกบาน ธัมมนิยโม ๖.ส.ร่มเมือง ยุทธวโร ๗.ส.คมลึก เมตตจิตโต ๘.ส.ดงเย็น สีติภูโต ๙ ส.ขยันยอม วิริยธโร ๑๐.ส.ธาตุบุญ ธาตุปุญโญ)
_กิจนิมนต์ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ประชุมมีนโยบายไม่รับกิจนิมนต์ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีปัญหาทางการเมือง ที่สมณะไม่อยู่ในฐานจะช่วยแก้ปัญหาได้ ถือว่าเกินกำลังของสมณะ เราไม่ควรเข้าไปเป็นเงื่อนไขในพื้นที่ที่มีปัญหาทางการเมือง ที่เราแก้ไขอะไรไม่ได้
วาระที่ ๗ ศาสนบุคคล
-
สมณะช่วยงาน บุญนิยมทีวี มี ๓ รูปคือสมณะลั่นผา สุชาติโก, สมณะหินมั่น สีลาปากโร, สมณะใต้ดาว เหฏฐานักขัตโต
-
ปัจฉาสมณะ
พ่อท่านฯ- สมณะเดินดิน ติกขวีโร และคณะ (สมณะสมณะพิสุทธิ์ พิสุทโธ สมณะดินไท ธานิโย สมณะหนักแน่น ขันติพโล และสมณะแสนดิน ภูมิพุทโธ) คณะปัจฉาของพ่อท่าน เรียกอีกชื่อหนึ่งว่ากองเลขาฯ
สมณะเดินดิน ติกขวีโร – สมณะขยันยอม วิริยธโร
สมณะบินบน ถิรจิตโต – สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ
สมณะผืนฟ้า อนุตตโร – สมณะนวกะภูผาฟ้าน้ำ
สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ – สมณะเลื่อนลิ่ว อรณชีโว
-
สมณะป่วยแห่งปี
๑.สมณะกรรมกร กุสโล ๒.สมณะเด็ดขาด จิตตสันโต ๓.สมณะน่านฟ้า สุขฌาโน ๔.สมณะคมลึก เมตตจิตโต ๕.สมณะเบิกบาน ธัมมนิยโม ๖.สมณะธาตุบุญ ธาตุปุญโญ
-
คณะเอาภาระสงฆ์ (คภส.)
๑.สมณะผืนฟ้า อนุตตโร ๒.สมณะถ่องแท้ วินยธโร ๓.สมณะขยะขยัน สรณีโย
๔.สมณะฟ้าไท สมชาติโก รวมทั้งอุปัชฌาย์อีก ๓ รูปด้วย
-
คณะอาจารย์โรงเรียนนวกะมี ๒ รูป ได้แก่อาจารย์ ๑ (สมณะบินบน ถิรจิตโต) อาจารย์ ๒ (สมณะผืนฟ้า อนุตตโร)
-
สมณะลงอาราม ปี ๒๕๕๙ (สมณะทั้งหมดมี ๘๙ รูป)
พุทธสถานสันติอโศก ๑๙ รูป
-
สมณะสมณะพิสุทธิ์ พิสุทโธ
-
สมณะกล้าดี เตชพหุชโน
-
สมณะเมืองแก้ว ติสสวโร
-
สมณะกอบชัย ธัมมาวุโธ
-
สมณะชนะผี ชิตมาโร
-
สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ
-
สมณะซาบซึ้ง สิริเตโช
-
สมณะเบิกบาน ธัมมนิยโม
-
สมณะกล้าจริง ตถภาโว
-
สมณะลานศิลป์ วชิโร
-
สมณะดงเย็น สีติภูโต
-
สมณะชัดแจ้ง วิจักขโณ
-
สมณะลั่นผา สุชาติโก
-
สมณะธรรมทาบฟ้า รวิวัณโณ
-
สมณะเมฆฟ้า นภมังคโล
-
สมณะแด่ธรรม ธัมมรักขิโต
-
สมณะแม่นใจมั่น จิตตถาวโร
-
สมณะธาตุบุญ ธาตุปุญโญ
-
สมณะถักร้อย ธัมมธโร
พุทธสถานปฐมอโศก ๑๓ รูป
-
สมณะกรรมกร กุสโล
-
สมณะเสียงศีล ชาตวโร
-
สมณะแน่วแน่ สีลวัณโณ
-
สมณะฝุ่นฟ้า อัคคชโย
-
สมณะแก่นผา สารุปโป
-
สมณะดาวดิน ปฐวัตโต
-
สมณะนาไท อิสสรชโน
-
สมณะบินก้าว อิทธิภาโว
-
สมณะวิเชียร วิชโย
-
สมณะเมฆฟ้า นภมังคโล
-
สมณะชุบดิน วิชชานันโต
-
สมณะขยันยอม วิริยธโร
-
สมณะดินทน ธีรภัทโธ
พุทธสถานศีรษะอโศก ๗ รูป
-
สมณะถ่องแท้ วินยธโร
-
สมณะดวงดี ฐิตปุญโญ
-
สมณะผองไท รตนปุญโญ
-
สมณะเทินธรรม จิรัสโส
-
สมณะแก่นหล้า วัฑฒโน
-
สมณะพอจริง สัจจาสโภ
-
สมณะสอน โสปาโก
พุทธสถานศาลีอโศก ๔ รูป
-
สมณะเด็ดขาด จิตตสันโต
-
สมณะลือคม ธัมมกิตติโก
-
สมณะเน้นแก่น พลานีโก
-
สมณะจนแจ้ง อัสสกจาโร
พุทธสถานสีมาอโศก ๖ รูป
-
สมณะน่านฟ้า สุขฌาโน
-
สมณะสร้างไท ปณีโต
-
สมณะฝนธรรม พุทธกุโล
-
สมณะดินทอง นครวโร
-
สมณะตรงมั่น อุชุจาโร
-
สมณะสยาม สัจจญาโณ
พุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ ๙ รูป
-
สมณะบินบน ถิรจิตโต
-
สมณะแสนจน สารณีโย
-
สมณะร่มเมือง ยุทธวโร
-
สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ
-
สมณะฟ้ารู้ นโภคโต
-
สมณะฮังดิน ภูมิคโต
-
สมณะค้ำดิน ภูมิปูรโณ
-
สมณะสู่บุญ ปุญญคโต
-
สมณะสันติ อาภัสสโร
พุทธสถานราชธานีอโศก ๒๖ รูป
-
พ่อครูสมณะโพธิรักษ์
-
สมณะเดินดิน ติกขวีโร
-
สมณะพอแล้ว สมาหิโต
-
สมณะคิดถูก ทิฏฐุชุกัมโม
-
สมณะฟ้าไท สมชาติโก
-
สมณะคมลึก เมตตจิตโต
-
สมณะเด่นตะวัน นรวีโร
-
สมณะสมชาย ตันติปาโล
-
สมณะคมคิด ทันตภาโว
-
สมณะคำจริง วจีคุตโต
-
สมณะแก่นเกล้า สารกโร
-
สมณะดินไท ธานิโย
-
สมณะหินกลั่น ปาสาณเลโข
-
สมณะมือมั่น ปูรณกโร
-
สมณะหนักแน่น ขันติพโล
-
สมณะข้าฟ้า ฐานรโต
-
สมณะหินมั่น สีลาปากาโร
-
สมณะพันเมือง ภทันโต
-
สมณะถักบุญ อาจิตปุญโญ
-
สมณะใต้ดาว เหฏฐานักขัตโต
-
สมณะขุนศึก อโยมโน
-
สมณะด่วนดี สุชโว
-
สมณะเพียงพอ สันตุฏฐิธัมโม
-
สมณะหินจริง วีรปาสาโณ
-
สมณะแสนดิน ภูมิพุทโธ
-
สมณะคมเย็น ถามวโร
สังฆสถานทะเลธรรม ๕ รูป
๑. สมณะผืนฟ้า อนุตตโร
๒. สมณะเลื่อนลิ่ว อรณชีโว
๓. สมณะเลื่อนฟ้า สัจจเปโม
๔. สมณะพ้นพิษ วิสมุตโต
๕. สมณะอุดม อุตตโม
ปิดประชุม ๑๔.๒๗ น.
โศลกธรรมงานมหาปวารณา : จนอย่างสุขสำราญเบิกบานใจ
ที่เฮือนบวร มีร้าน ปันกัน ร้านศิษย์เก่า ร้านพิสูจน์จิตอาสาขายของเท่าทุน การแสดงนิทรรศการมีชีวิต จุดเด่นของแต่ละบวรของชาวอโศก และกลุ่มแพทย์วิถีธรรม, บวร ภูผาฟ้าน้ำ นำเสนอ ร้าน ชมร.เชียงใหม่ ศูนย์บาทก็ทานได้ การศึกษาระบบแม่ไก่ลูกไก่ และวัฒนธรรมการแลกของ, บวรสันติอโศก จัดนิทรรศการ วิถีชีวิตของชุมชนเน้น สขจ., บวรปฐมอโศก จัดนิทรรศการ พาณิชย์บุญนิยม ผลิตภัณฑ์ชุมชน, บวรศีรษะอโศก จัดนิทรรศการ แพทย์แผนไทย วิถีชีวิตชุมชน ,บวรศาลีอโศก จัดนิทรรศการ วิถีชีวิตชุมชน
-
วันพุธที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
๐๓.๓๐ น. สมณะ + พระ ๕๗ รูป สิกขมาตุ ๑๔ รูป ฆราวาสฝ่ายชาย ๒๑๒ คน ฆาราวาสฝ่ายหญิง ๗๕๗ คน ปะหญิง ๔ คน รวม ๑,๐๔๔ คน
๐๔.๐๐ น พ่อครูแสดงธรรม …ครบรอบ ๔ นักษัตร โพธิกิจ ตอน ๑
๔๘ ๘๔ ๓ ๔ ๗ เลขดีๆทั้งนั้นเลข อย่าไปโถมแทงหมดนะ จะหมดเนื้อหมดตัวนะ หมุนไปหมุนมาหมดเนื้อหมดตัวอย่าไปทำ
พูดถึงเรื่องอบาย โสดาบันนี่จะจบอบายพ้นอบาย จะเลิกเรื่องอบายภูมิ นี่เป็นหลักใหญ่ คือมันหยุดขาดมันวางมันดับได้ คนที่รู้จักอบายภูมิ
อบายภูมิ คือพฤติกรรมชีวิตที่เป็นคลุกคลีเสพติดวุ่นวายกับเรื่องของโลกที่มันเป็นเรื่องต่ำๆ เรื่องทุจริต โสดาบันไม่ทุจริตใดๆแล้วทางกายกรรมวจีกรรมมโนกรรม โสดาบันไม่ผิดกฎหมาย
กฎหมายนี้ต่ำกว่าศีล ๕ กฎหมายไม่ได้ห้ามฆ่าสัตว์ กฎหมายห้ามแต่ลักทรัพย์ กฎหมาย จริงๆแล้วก็ผิด แต่เป็นเรื่องผิดผัวเขาเมียใครกฎหมายก็ไม่จับ กฎหมายไม่ได้ห้ามพูดปด แม้ที่สุดกฎหมายไม่ได้รู้เรื่องของอบายภูมิด้วยซ้ำ คนทำอบายมุขเต็ม ไม่ว่าจะในประเทศไหนแม้แต่ในประเทศไทยที่เป็นเมืองพุทธ อบายภูมิ เป็นเรื่องจัดจ้านที่ไม่ควรเป็นกิเลสหนัก
จริงๆแล้ว ในความคิดของอาตมา ทำอาหารให้รสอร่อยจัด ปรุงแต่งจัด แต่งตัวจัด แน่นอนเป็นอบายภูมิอยู่แล้ว รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสที่จัดจ้าน ปรุงแต่งจัดจ้าน อบายภูมิทั้งนั้น ถ้าเข้าใจความเป็นอบายภูมิแล้ว ประเทศหรือสังคม ชาวอโศกเราไม่มีอบาย ไม่ว่าจะเป็นรสจัด ในเรื่องความอร่อย ความสวย อะไรปรุงแต่งจัดจ้านอโศกเราไม่มีให้เห็น ชัดเจนที่สุด
เพราะสังคมอโศก ชุมชนอโศก เป็นอนาคามีขึ้นไปถึงอรหันต์ อนาคามีนี่ถึงขั้น ศีล ๑๐ เราทำได้ถึงขั้นดีมาก ขณะที่ทั้งโลกนี้เสื่อมไปจากศีล สมาธิ ปัญญา ของพระพุทธเจ้า นี่เอาแต่ขั้นศีล มาเปรียบเทียบตรวจสอบ เห็นชัดเจนว่าไปไม่รอด เป็นเรื่องไสยศาสตร์จารีตประเพณีต่างๆนอกรีตมาก พูดไปแล้วจะหาว่า อาตมาเพ่งโทสมาก ซึ่งมันไม่ใช่มันจริง จึงยากจริงๆ คนที่จะช่วยฟื้นฟูให้เกิดความสงบเรียบร้อยอบอุ่นจึงยาก
จริงๆประเทศไทยสงบอบอุ่นขนาดนี้ก็ถือว่าดีหนักหนา แต่ถ้าทำอย่างที่ชาวอโศกเป็นนี้ จะเป็นตัวอย่างของโลก อันยิ่งยอดสูงสุดเลย น่าเสียดายที่ว่า ศาสนานี้ ในยุคกาล คนก็เสื่อมไปตามธรรมชาติเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปค่อน ๒๕๖๑ ก็เสื่อมขนาดนี้
เมื่อถึงพ.ศ.๓๕๖๑ ไปอีก ๑,๐๐๐ ปี มันจะเสื่อมขนาดไหน ยิ่ง พ.ศ.๔๕๖๑ คงไม่เหลือซากอะไรของศาสนาพุทธ คงเป็นศาสนาอุจจาระแพะ
สิ่งที่เกิดในสังคมตอนนี้เป็น status quo สภาพจริงก็ได้วิจัยวิจารณ์ประเทศชาติสังคมไทยไป ใครจะถือสาหาว่าปากจัดก็แล้วแต่ อาตมาก็ต้องว่า เพราะอาตมาเกิดมาก็ต้องว่า เกิดมาชาตินี้อาตมาจำเป็นต้องทำงานนี้ ๑๒ ปีตั้งแต่พ.ศ. ๒๕๑๓ วันที่ ๗ พฤศจิกายน บวช วันนี้วันที่ ๗ พฤศจิกายน
๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๓ มาถึง ๗ พฤศจิกายน ๒๕๒๕ ก็เป็นหนึ่งนักษัตร ๑๓ ถึง ๒๕ พระจำได้ประมาณพ.ศ ๒๔-๒๕ มีคนๆหนึ่ง ชื่อพันตำรวจตรีอนันต์ เสนาขันธ์ ตีชาวอโศก เอาเรื่องของศาสนาตีหนัก ตีออกหนังสือว่า ศาสดามหาภัย ด่าแหลกเลย ทำตัวเป็นผู้รู้ทางศาสนาดี เข้าใจศาสนาดี นั่งหลับตา แล้วก็ปฏิบัติแบบที่ส่วนใหญ่ที่ความรู้องค์ความรู้ของศาสนาพุทธในประเทศไทยเข้าใจกัน อาตมาขอยืนยันว่าองค์ความรู้ของประเทศไทยในเรื่องศาสนาพุทธ ส่วนใหญ่ขณะนี้ ผิดเพี้ยนตกกระป๋องไปแล้วจากศาสนาพุทธ พูดตรงๆอย่างนี้
ศีล การปฏิบัติศีลเกิดเป็นสมาธิจึงจะเจริญได้ (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย) สมาธิจะเกิดได้ต้องมีศีลเป็นพันธกิจ ถ้าหากไม่มีศีลเป็นพันธกิจก็ไม่เรียกเป็นสมาธิของศาสนาพุทธ
“สมาธิจะเกิดได้ต้องมีศีลเป็นพันธกิจ”…พ่อครู ๗ พ.ย. ๒๕๖๑
เพราะสมาธิของพุทธมีหลักเกณฑ์ ศีลข้อ๑ หลักเกณฑ์ของพระพุทธเจ้าว่าอย่าฆ่าสัตว์ มีใจกรุณามีเมตตา วางอาวุธวางศาสตรา หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ นี่คือศีลข้อที่ ๑
ผู้ใดมีสำนึก มีการสังวรมีตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจร่วมในทวารทั้ง ๕ นี้ สัมผัสกับความเป็นสัตว์ เมื่อใดก็แล้วแต่สัตว์ใหญ่สัตว์เล็กสัตว์น้อยสัตว์ต่างๆ คุณก็ไม่ฆ่าสัตว์ วางศาสตรา วางอาวุธ มีใจเอ็นดูกรุณาหวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ คุณได้สังวรดังนี้ก็เท่ากับทำอธิจิต ให้จิตเจริญขึ้น ด้วยศีลเป็นหลักเป็นเหตุ มีพันธกิจ ทำให้จิตเป็นแบบนี้มีปัญญามีความรอบรู้มีความเข้าใจประกอบ เป็นยาดำร่วมอยู่ว่า เราถือศีลสังวรศีลแล้วเราสำรวมอินทรีย์ทั้ง ๕ ทั้ง ๖ กายวาจาใจ ให้จิตมันเจริญ ปัญญาก็เจริญ จึงเกิดอธิมุติ อธิวิมุติ มันจึงเกิดการเจริญของความหลุดพ้น ของความเสื่อม ที่คนไม่รู้ไปทำวิมุติไม่ได้
คนทำให้วิมุติหลุดพ้นจากโลก ด้วยความไม่รู้เรื่องเขาไม่อยู่ในหลักเกณฑ์อะไรที่จะทำได้ ทำเป็นอำนาจกิเลส แย่งชิงทำ
ศีลข้อที่ ๒ ไม่เอาของที่ไม่ใช่ของของเราของที่เขาไม่ได้ให้ เราจะเอาแต่ของที่เขาให้ นอกนั้นเราก็จะสร้างทำเอา ของที่เขาให้ นอกนั้นเราก็สร้างสรรเอาเองแม้แต่ของส่วนรวม หากจะถือวิสาสะ ก็จะรู้ว่าใครหนอดูแลอยู่ คือไม่ได้ถือวิสาสะเกินไป อยากจะได้ข่าสวยๆอันนี้อยากได้กล้วย อยากได้แตง ได้ไหม ผู้ดูแลอยู่บอกว่าให้ก็เอา ผู้ดูแลบอกว่ายังไม่ได้ไม่ให้ก็ไม่เอา ก็ไม่เกิดคดีเกิดกรณีเกิดเรื่องราวไม่ดีอะไรก็เกิดความสงบดี อย่างนี้เป็นต้น นี่แหละคือการมีชีวิตอยู่อย่างมีหลักเกณฑ์ ศีล สมาธิ ปัญญา มีการสำนึกตื่นรู้
อาตมาอธิบายธรรมะไปเรื่อยๆง่ายๆตามหลักศีล สมาธิ ปัญญา อาตมาอธิบายศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตินะ มีพฤติกรรมกาย วาจา ใจ อย่างมีศีล สมาธิ ปัญญา วิมุต ในชีวิตสามัญ ไม่ใช่เรื่องลึกลับว่ากว่าจะได้สมาธิต้องไปนั่งหลับตา เข้าไปในภพ มืด นี่เป็นสมาธิแล้ว ว่าง จิตว่างจากอะไรก็ไม่รู้
ที่จริงแล้วต้องว่างจากการสัมผัสแล้วไม่ผิดศีล โสดาบันก็ไม่ทำผิดศีล ๕ บริสุทธิ์ในศีล ๕ มีการตื่นรู้สัมผัสอะไรก็รู้ อย่างนี้ก็มีสมาธิ ไม่ใช่สมาธิคือหลับตาไม่รู้ไม่ชี้อยู่ในภพ นี่มันมืดไปหมดเลยศาสนาพุทธ แบบนั้นมันเป็นเดียรถีย์ พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาเขาก็นิยมกันแบบนั้นแหละแบบสมัยนี้แหละนิยมกันออกป่า แต่นี่ขนาด ๒๕๖๑ ก็เสื่อมไปมาก ทิฏฐิความเห็นเหมือนกับสมัยพระพุทธเจ้าที่อุบัติขึ้นมา ศาสนาเข้าใจกันว่าต้องออกป่า ตอนนี้ก็เอาสมัยเดียรถีย์มาเป็นแบบอย่างแค่นี้ก็เข้าใจกันไม่ได้ พระพุทธเจ้าท่านเอามาฟื้นคืนกลับของศาสนาพุทธ
“จิตว่างของศาสนาพุทธ คือจิตว่างจากการสัมผัสแล้วไม่ผิดศีล”...พ่อครู ๗ พ.ย. ๒๕๖๑
๐๖:๓๐ น. สมณะพระสิกขมาตุ ๘๔ รูปนำโดยพ่อครูนำบิณฑบาตตามพุทธประเพณี ที่เฮือนบวร หลังจบจากการทำวัตรเช้าก็มีการตักบาตรซึ่งถือเป็นประเพณีอย่างหนึ่งของชาวอโศก ที่มีการปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน บรรยากาศจะดีมากเป็นพิเศษคือเช้าวันที่ ๗ พฤษจิกายน เพราะเป็นเช้าที่ครบรอบ ๔ นักษัตรการบวชของพ่อครู มีลูกหลานและญาติธรรมชาวอโศกมาร่วมทำบุญตักบาตรอย่างเนืองแน่นเฮือนบวร ในการตักบาตรของชาวอโศกจะรับแต่อาหารมังสวิรัติ เช่นข้าว ขนม ผลไม้แม้แต่ผักสดก็ใส่ได้เช่นกัน
๙.๐๐ น. สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ แสดงธรรมที่เฮือนศูนย์ เรื่อง เก่าสมัย ใหม่เสมอ ๓ ๔ ๗ …งานมหาปวารณา ๓ ๔ ๗ ขอบคุณ ที่ให้เราเทศน์ เป็นการฝึกฝนขัดเกลาตนเอง รู้สึกเย็น เป็นเกียรติอย่างยิ่ง รู้สึกเป็นโอกาส รู้สึกดีกับมีชีวิต สิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดคือมนุษย์
การตั้งตนสร้างความยินดีจะเป็นพุทธ การทำใจให้ยินดีก็ได้สิ่งแวดล้อมที่ดี ความเบิกบานเป็นที่สุดแห่ง อริยมรรค ทำที่เบิกบานเดี๋ยวก็เบิกบานเอง
๓ คือ อปัณณกปฏิปทา สั่งสมความเป็นไตรลักษณ์ กินให้รู้ อยู่ให้สังวร นอนหลับอย่างมีสติ ไอติม เป็นน้องๆอบายมุข ใครไม่กินก๋วยเตี๋ยวที่สุดจะไม่มีปัญหา
ไตรสิกขา คือ มรรคมีองค์ ๘ ตถาคต เป็นเพียงผู้ชี้ทางการเดินทางเป็นเรื่องของเรา พระอเสขะ ไม่ต้องศึกษาโลกุตระ พระอรหันต์เหมือนคนธรรมดาแต่ไม่มีกิเลส พระอรหันต์ทำผิดนิดหน่อยได้ แต่ทำบาปไม่ได้ โลกุตระลึกซึ้ง ลึกล้ำ ไม่แบกหามความเห็นของตัวเอง เคยสอบได้ที่ ๑ ได้ที่ ๒ เสียใจเป็นอัตตามานะ คนไม่เห็นด้วย อาจกลายเป็นตัวช่วยที่ดีของเรา
๑๒.๐๐ น. การแสดงบนเวทีเฮือนบวร
การแสดงของศาลีอโศก เพลงเรือ
การแสดงของสีมาอโศก สีมาสัปปายะ
การแสดงของสังฆสถานทะเลธรรม อโศกแดนใต้สู่ยุคปฏิรูป
การแสดงของอาวาสสถานเมฆาอโศก กันตรึมเมฆา
การแสดงของบวรชุมชนปฐมอโศก เพลงเล่าขานตำนานชุมชนปฐมอโศก
คุณเทียนดินร้องเพลง ๘๔ พรรษาบูชาพ่อครู ต่อด้วยดนตรีไทยลูกอโศก
๑๔.๐๐น. – ๑๖.๐๐น. ประชุมตลาดอาริยะพิสูจน์จิตอาสาพาณิชย์บุญนิยม สมณะ ๕ รูป สิกขมาตุ ๓ รูป นำโดย สมณะเดินดิน ติกขวีโร
๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น.รายการแฟนพันธุ์แท้หนังสือพ่อครู ที่เฮือนศูนย์สูญ ดำเนินรายการโดย สมณะฟ้าไท สมชาติโก ผู้ร่วมรายการมี สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน อโศกตระกูล คุณพรเพ็ญ รัศมีวิเชียรทอง
…ถ้าไม่พบสัตบุรุษไม่มีทางจะบรรลุธรรมได้ คุณพรเพ็ญทำหน้าที่หลักในการทำกายภาพบำบัด อ่านจากไอแพดเพราะขยายตัวอักษรได้ อ่านทุกหน้าทุกตัวอักษรภาษาเหมือนคุยกันทุกคนจะเจอสภาวะของตัวเองในนั้นใช้เวลา ๑๐ วันจบ ๕๑๒ หน้า เล่มนี้ (คนจนที่มีแบบฉบับแก้แล้วไขอีก)อินมาก เหมือนพ่อกำลังสอนเราโดยตรง ปี ๒๔ เจอหนังสือคนคืออะไร ที่สวนลุม อ่านคำนำหน้าก็รู้ว่าพระองค์นี้ไม่ธรรมดา อธิบายเห็นภาพ อ่านอย่างมีชีวิตชีวา เหมือนอ่านนิยายกำลังภายใน
สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน อ่านเดินตรงสู่ความเป็นอาริยะ กินด้วยญาณ ๑๖ ผ่าตัดพุทธศาสนา สมัยก่อนไม่มีทีวี คิดถึงชาวอโศกก็อ่านหนังสือชาวอโศก อ่านด้วยความศรัทธา ความเคารพ ที่ชอบมากๆอ่านหลายเที่ยว เช่น คนจะมีธรรมะได้อย่างไร
สมณะเพาะพุทธ ชอบอ่านหนังสือตั้งแต่เด็ก จนครูให้เป็นบรรณารักษ์ เจอหนังสือแสงสูญ เล่ม ๑ ฝันร้ายเมื่อเที่ยงคืน ในห้องสมุด น้ำตาไหลพราก หนังสือของพ่อครู คือ ไอ้ใบ้เสียงดัง หนังสือสัจจะชีวิตของสมณะโพธิรักษ์อ่านง่ายเมื่อท่านทุ่มเทเราก็ต้องทุ่มใจไม่ต้องลุยอ่านตั้งแต่หน้าแรกตามลำดับก็ได้ตั้งจิตดีๆเปิดเจอหน้าไหนก็อ่านหน้านั้น ไฟโซล่าเซลล์ ถนอมสายตากว่าไฟทั่วไป ไฟจากที่สูงเหมาะสำหรับอ่านหนังสือโลกุตระ
-
วันพฤหัสบดีที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
๓.๓๐ น สมณะเดินดิน ติกขวีโร นำสวดมนต์
๔.๑๕ น. พ่อครูแสดงธรรมเรื่อง ๔ นักกษัตร “โพธิกิจ” ตอน ๒…_การใช้ธรรมะกับกิเลสโลภโกรธหลงที่เกิดขึ้นทางทวารตา เกิดความพอใจควรใช้ธรรมะข้อใดดับกิเลส
พ่อครูว่า…ถามมายากมากเลย คนไม่รู้ก็ยาก คนไม่รู้ก็ว่า มีธรรมะจุดสำคัญจุดเดียว เมื่อสัมผัสด้วยตาแล้ว หรือด้วยหูก็ตาม ทางทวาร ๕ คุณก็ต้องพิจารณาว่า มันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ มันไม่ใช่ตัวตน เรื่องนี้เรื่องเดียวนี่แหละ ศาสนาพุทธ คนจะกระทบสัมผัสจะไปอะไรที่ไหนคุณก็พิจารณาในความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความเป็นอนัตตาทั้งนั้น สุดยอดถ้าคุณมีปัญญา คำว่าปัญญา คือธาตุจิต ธาตุวิญญาณที่ฉลาดแบบโลกุตระ คำว่าปัญญาไม่ใช่ความฉลาดแบบที่เคยมีมาก่อน คนปุถุชนไม่ได้ศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้า ความฉลาดทางโลกุตระยังไม่เกิด แม้แต่เป็นชาวพุทธแล้วยังไม่มีความฉลาดแบบโลกุตระ ก็ได้
เพราะฉะนั้นคำว่าปัญญาจึงเป็นคำพิเศษของศาสนาพุทธ เดี๋ยวนี้เอาไปใช้กันเละเทะแล้ว ไปใช้ปัญญากันแหลกเลย แต่ที่จริงปัญญาเป็นธาตุที่ซื่อสัตย์บริสุทธิ์ฉลาดสุดยอด ฉลาดที่ไปสู่วิมุติ สู่โลกุตระ
อันนี้เป็นนัยยะลึกซึ้งหากอาตมาไม่เกิด ความรู้นี้จะสูญไปแล้วไม่กลับคืนมา พวกเราได้ยินได้ฟังหรือใครได้ยินได้ฟังก็แล้วแต่ ก็จะกลับคืนมา กู้กลับคืนมา
ในพระไตรปิฎก บางทีคนแปล ไปเห็นคำว่าเฉกะเฉโก หรือปัญญา ก็เลยแปลกันอย่างนั้นว่าฉลาดหมดเลย เลยเลอะเทะ ที่จริงไม่ใช่อย่างเดียวกัน
ฉลาด ในภาษาไทย นี้แปลมาจากปัญญา เพี้ยนมาจาก ฉฬายตนะ คืออายตะ ๖ ตา หูจมูก ลิ้น กาย ใจ ก็เกิดความรู้ขึ้นมา ฉลาดนี้ภาษาไทยกร่อนมาจากคำว่าปัญญา ปัญญาจัดฉลาดทางรอบรู้ตาหูจมูกลิ้นกายใจแยกแยะพิจารณา พิจารณา เวทนาเก๊กับเวทนาจริง ก็แยกธรรมะ ๒ ได้ ยืนอยู่ในหลักธรรมะ ๒ เอาที่ตัวจริง เอาตัวเก๊ออก
เช่นเราสัมผัสแตงกวา เกิดความชอบ อร่อยกัดกินมัน ก็อ่านเวทนา ของปลอมคือความอร่อย ของจริงคือรสแท้ของแตง ที่เราไปหลงเวทนาเก๊คือความอร่อย นี่คือ เวทนา ๒ แตกเทวะได้
ถ้ามีแต่ของแท้รสแท้ อร่อยกับไม่อร่อยไม่มี มีแต่รสแท้ๆ ก็ตีเทวะแตก แต่เทวนิยมตีเทวะไม่แตกมีแต่พระเจ้านิรันดร ของพุทธทำให้จิตเป็นอุเบกขา สัมผัสแล้วจิตก็เป็นกลางไม่มีกิเลสประกอบรู้ความจริงตามความเป็นจริงนี่คืออุเบกขา
ทีนี้ ๐ วาง สัจจะนั้น ซ้อน ไม่ยึดเป็นเราเป็นของเรา คือ สำนวนความสูงสุดในศาสนาพุทธ สักแต่ว่ารู้รู้ความจริงตามความเป็นจริง
เช่น วันนี้ เรามีรายได้แสน เมื่อวานเห็นว่า ร้านพิสูจน์จิตอาสาขายได้สองแสน เราก็รู้ความจริงตามความเป็นจริงได้ ๒๐๐,๐๐๐ ดีใจหรือเสียใจ นี่คือจิตผู้ที่นิ่งแล้วไม่ได้ดีใจเสียใจ แล้วก็เห็นว่า ๒๐๐,๐๐๐ แสน- ๒๐๐,๐๐๐ ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เรา ที่นี่มันเป็นอย่างนี้สาธารณโภคี แต่บางคนธรรมดาเคยขายได้๑๕๐,๐๐๐ ตอนนี้ได้ ๒๐๐,๐๐๐ อยากได้ก็จะยักไว้ ๕๐๐๐๐ เขียนบัญชีว่าได้๑๕๐,๐๐๐ มันก็ชั่วได้พวกเราถ้าเป็นอย่างนี้ กรรมเป็นอันทำ กรรมชั่วนี้แม้ไม่มีใครรู้ใครเห็นใครจับได้ แต่กรรมก็เป็นของจริง
ใช้ธรรมะดับกิเลส ก็ใช้อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็ต้องใช้ตัวเรานั่นแหละ วันนี้เรากำลังชั่วนะ ก็ต้องรู้อกุศลกุศลก่อน เราคิดชั่วเพราะเหตุใดเพราะกิเลส แต่สิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่เรามันไม่เป็นของเรา เราเห็นเหตุดับที่เหตุ กิเลสที่เกิดขึ้นทางทวารหู เกิดความพอใจหรือไม่พอใจก็จะใช้ธรรมะข้อใดดับกิเลส ก็เหมือนกันหมดในทุกทวารทั้ง ๖
พิจารณาจุดสำคัญคือหมดสุขหมดทุกข์พิจารณาในไตรลักษณ์ หรือกุศลอกุศล รู้ตัวแล้วก็จัดการให้ได้ จนไปถึงไม่ใช่เราไม่ใช่ของเราก็สุดจบอนัตตาไม่มีตัวตน ถ้าเป็นถึงขั้นไตรลักษณ์ได้ก็จะเป็นอรหันต์ ถ้าถึงขั้นกุศลอกุศลก็ทุกศาสนาในโลกทำแบบนี้ ทุกศาสนาอย่าทำชั่วประพฤติตัวดี แต่ต้องทำให้ได้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เราเข้าไม่ถึงอย่างนี้เป็นต้น นี่คือศาสนาพุทธ มีนัยยะสูงสุดอย่างนี้ แล้วปฏิบัติได้จริง ตีเทวะธรรมะ ๒ ให้แตก
อาตมาจบความรู้เรื่องในโลกนี้มีแต่เทวะ ใครตีเทวะไม่ออกก็เป็นเทวนิยม ใครตีเทวะแตก และทำได้ก็หมดตัวตน อนัตตา ก็เป็นศาสนาพุทธ ทำให้ธรรมะ ๒ เป็น๑ได้ก็จบ
๖.๓๐ น เช้านี้การบิณฑบาต แบ่งเป็น ๒ สาย มีสายเฮือนบวรด้านซ้าย กับเฮือนบวรด้านขวา ส่วนที่ศาลา ๐๐ ชั้นล่างมีการอบรมเรื่องสื่อออนไลน์
๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. เทศน์ก่อนฉัน โดย สมณะเดินดิน ติกขวีโร สมณะแสนดิน ภูมิพุทโธ มหาปวารณาปีนี้เรียบร้อยง่ายงามไม่มีแย่งโลกธรรม ไม่มีอะไรต้องลุ้น ๓ จังหวัดชายแดนใต้ หมู่เห็นว่าไม่ควรไป งานอื่นที่มีงานหมั้นงานแต่งรวมอยู่ด้วยไม่ควรไป โบสถ์ชั้น ๔ เหมือนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีลิฟท์ขึ้น งาน ๓๔๗ คือ ๓๖ ๔๘ ๘๔
ปวารณา คือ สุดยอดวิชาของพุทธ เพราะมีแต่การรู้ข้อบกพร่อง ข้อไม่ดีของตนเท่านั้น ที่จะนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น
ธรรมะ ของพ่อครู คือธรรมะ ๒ เราจะรักษาขันของพ่อครูให้ยาวนานได้อย่างไร อยู่ที่พวกเราจัดรายการที่เฮือน๐๐ เป็นเถรวาทเฮือนบวรป็นมหายานพ่อครูเป็นคนเหนือดวงปีที่แล้วสนามรบอยู่สนามหลวง ปีนี้สนามรบอยู่สนามรัก (พิสูจน์จิตอาสา)ญาติติธรรมแต่ละคนคือผลของ ๔๘ พรรษาพ่อครู เป็นหมู่บ้านโสดาบัน หมู่บ้านสกิทาคามี หมู่บ้านอนาคามี ใครมาถึงตรงนี้ ถึงไม่เชื่อก็ไม่กล้าลบหลู่ ไม่มีเวลาให้กับธรรมะ ก็ไม่ได้เดินตามรอยพระโพธิสัตว์
แพ้เป็นพระชนะอาจสึกไปแล้ว ยิ้มได้ทุกทิศ เพราะจิตไม่ยึดมั่นถือมั่น ยิ่งเล็ก ยิ่งใหญ่
๑๒.๐๐ น มีการแสดงที่เวทีเฮือนบวร
การแสดงของ หินผาฟ้าน้ำ “สำมะปี๋ ๔๘ ปิตุบูชา”
การแสดงของอาวาสสถานแก่นอโศก “สารพันบูชาพ่อ”
การแสดงของสันติอโศก “ขอก้าวตามพ่อ”
การแสดงของอาวาสสถานจันทร์พฤกษา “ต้นไม้แห่งความเปลี่ยนแปลง”
การแสดงของแพทย์วิถีธรรม “อริยสัจ ๔ กับวิถีอปริหานิยธรรม”
๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. รายการภาค เกี่ยวกับสุขภาพโดย ดำเนินรายการโดย นพ.วีรพงษ์ ชัยภักดิ์ สัมภาษณ์ นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดแดงแข็ง
-
บุหรี่ – ไขมัน – ความดัน – เบาหวาน – การไม่ออกกำลังกาย
-
การอักเสบในร่างกาย – การคั่งของสารพิษ ( homocysteine)
มังสวิรัติไม่ขาดโปรตีน แต่ขาด B๑๒ ปุ๋ยขี้วัวเพิ่ม บี ๑๒ ในผัก คำแนะนำรัฐบาลสหรัฐ เรื่องแบบแผนอาหารที่ทำให้สุขภาพดี ๑,๒, ๓ อาหารมังสวิรัติ
วิตามินซี นำพาธาตุเหล็ก ชา,กาแฟ บล็อกธาตุเหล็ก
กล้ามเนื้อหัวใจวายเฉียบพลัน ทำให้เป็นโรคไหลตาย
แคลเซียมที่เป็นเม็ด ป้องกันกระดูกหักไม่ได้ ป้องกันได้โดยการออกกำลังกายแบบเล่นกล้ามและเสริมการทรงตัว
อะไรที่มีบักเตรีก็มี B๑๒ หมด บักเตรีเป็นพืช
โรคเครียดทำให้กระดูกบาง
การรักษาหัวใจล้มเหลวมีทางเดียวคือออกกำลังกายทุกวันและกินจืด
เกลือโซเดียมทำให้น้ำท่วมปอด
อาหารธรรมชาติดีที่สุด ควรหลีกเลี่ยงอาหารสกัด ไม่ใช้น้ำมัน ไม่ใช้น้ำตาล ใช้เกลือแต่น้อย
ความจำเสื่อมเกิดจากหลายสาเหตุ แก้ให้ถูกเหตุ
ข้อมูลในห้องแล็บ กับข้อมูลในร่างกายไม่เหมือนกัน
วงการแพทย์แนะนำเครื่องดื่ม ๓ ชนิด ๑. น้ำเปล่า ๒. ชาที่ไม่มีน้ำตาล ๓. กาแฟดำ
ร่างกายไม่ฟิตออกกำลังกายแบบจ้ำอ้าว
ควรกินอาหารให้หลากหลายทั้งสีรสและกลิ่น
เบาหวานเป็นโรคที่หายได้ด้วยอาหารธรรมชาติ
ปัจจัยการมีสุขภาพดีเน้นการพึ่งตนเองของหมู่กลุ่มด้วยโฉมหน้า ๔ ข้อ
๑. อาหารมังสวิรัติธรรมชาติ ๒. ออกกำลังกายที่เหมาะสม
๓. อารมณ์ดี ๔. มีมิตรดี
ภายในงานที่เฮือนบวร มีการจัดโรงบุญแจกอาหารมังสวิรัติ รวมแล้วทั้งหมดประมาณ ๓๕ …..โรงบุญ จากบวรต่างๆในโรงบุญมีอาหารที่น่าสนใจอยู่หลายอย่างมากมาย เช่นก๋วยจั๋บญวน ก๋วยเตี๋ยว ลาบเต้าหู้ ข้าวเหนียว ส้มตำ ซุปหน่อไม้ ข้าวซอย และ นำ้หวาน ซึ่งจุดเด่นของการจัดโรงบุญในปีนี้คือ การจัดโรงบุญทุกบวร เพราะทุกบวรมีการจัดนิทรรศการมีชีวิต ดังนั้นโรงบุญจึงกระจายอยู่ทั่วเฮือนบวร ทำให้กลายเป็นองค์รวมที่ยิ่งใหญ่และอบอุ่นกายใจยิ่งนัก
และยังมีการเปิดร้านพิสูจน์จิตอาสาในวันพุธ ที่ ๗ พฤศจิกายน ถึง ๓ ร้าน ได้แก่ ๑.ร้านปันกัน ขายสินค้าชุมชนและจิปาถะเหมาะสำหรับประชาชนในท้องถิ่น ๒.ร้านนี้มีชื่อนะขายสินค้าการเกษตร ๓.ร้านสินค้าโดนใจขายเครื่องครัว เครื่องใช้ภายในบ้าน ถือว่าได้ผลตอบรับดีมากเป็นผลมาจากราคาสินค้าในร้านถูกเพราะทางเราขายสินค้าราคาเท่าทุน แล้วยังเป็นสินค้าคุณภาพดี
อีกทั้งทางเราขายทั้งปลีกเเละส่งไม่จำกัดจำนวนสินค้า ทำให้บางเวลาลูกค้าเข้าร้านมาก จนแผนกคิดเงินคิดไม่ทัน ส่วนสินค้ายอดนิยม ก็จะเป็น เสื่อปูพื้นพลาสติก ถ้วยชามเซรามิคจากลำปาง เเก้วนำ้ จักรยาน หม้อ และอีกหลายๆอย่างล้วนเป็นสินค้าโดนใจ เป็นสินค้าการเกษตรและสินค้าชุมชน ที่มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวันของลูกค้าจริงๆ ไม่เพียงเท่านั้น ร้านพิสูจน์จิตอาสาทั้ง ๓ ร้านยังจะเปิดต่อเนื่องไปเรื่อยๆ โดยมีการจัดแบ่งเวรรับผิดชอบ บวรละ ๑ สัปดาห์ กำหนดเปิดร้านในแต่ละวันคือ ๑๒.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ตั้งแต่วันอังคารถึงวันอาทิตย์ หยุดทุกวันจันทร์ แม้ว่าจบงานนี้แล้วร้านนี้ก็จะยังเปิดต่อไปเรื่อยๆ จึงเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่สนใจจะซื้อข้าวของเครื่องใช้คุณภาพดี ราคาเท่าทุนและเป็นการพิสูจน์จิตอาสาในระยาวจริงๆ
ในเวลายามบ่ายก็จะมีรายการที่น่าสนใจคือการแสดงของชาวชุมชนต่างๆของชาวอโศก ที่ถ่ายทอดมาจากวิถีชีวิตบุญนิยม มีทั้งความอุดมสมบูรณ์ ความจนที่เรียบง่ายและพอเพียง ซึ่งแต่ละชุมแสดงอย่างเจนถึงความสามัคคี
ส่วนในตัวอาคารบวรก็จะมีการจัดนิทรรศการประวัติความเป็นมาของพ่อครู ตั้งแต่สมัยเป็นฆราวาสจนสู่สมณะเพศ แล้วมีผลงานบุญนิยมด้านต่างๆมากมาย ทั้งด้านการศึกษาบุญนิยมและด้านการเมืองบุญนิยม เป็นต้น ผลงานอีกด้านหนึ่งที่สำคัญของพ่อครู คือการสร้างชุมชนบุญนิยม เห็นได้จากนิทรรศการมีชีวิตของชุมชนต่างๆ ที่สื่อถึงความเป็นสาธารณะโภคีภายในชุมชนซึ่งระบบสาธารณะโภคีนั้น เป็นระบบเศรษฐกิจที่แก้ปัญหาสังคมได้ดีที่สุดในขณะนี้ เป็นชุมชนที่พึ่งตนได้ ทั้งปัจจัย ๔ ข้าว ผ้า ยา บ้าน และโดยเฉพาะการพัฒนาจิตวิญญาณ ด้วยธรรมะของพ่อครูและท่านสมณะท่านสิกขมาตุ
-
วันศุกร์ที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
๓.๔๓น. สมณะเดินดิน นำสวดมนต์ มีสมณะ+พระ ๕๕ รูป สิกขมาตุ ๑๖ รูป กรัก ๒ คน ปะ ๓ คนญาติติธรรมชาย ๒๓๑คน ญาติธรรมหญิง ๕๔๐คน รวม ๘๔๗ คน
๔.๑๐น. พ่อครูแสดงธรรม ครบรอบ ๔ นักษัตร โพธิกิจ ตอน ๓
_๖๖๐๑น้อมกราบนมัสการบูชาพ่อครูค่ะ ลูกเริ่มดูจิตของตัวเองพอปฏิบัติตามรู้ความคิดลูกก็พบว่าบางสิ่งที่ลูกติดอยู่มันจางคลายได้เองเช่นความหงุดหงิด
พ่อครูว่า…ธรรมะพระพุทธเจ้าให้มีสติรู้ตัวเสมออันที่กระทบและมีอะไรเกิดในใจ กายกรรมมาจากจิตที่เป็นประธาน วจีกรรมมาจากจิตที่เป็นประธาน ๓ รู้จิตที่ไปบงการกายวาจา ว่าใจนึกคิดอย่างไรก็ดูกันที่จิต เราทำใจตนเองเป็นโดยระมัดระวังถึงกายกรรมวจีกรรม ก็ทำใจเป็นตัวอำนาจ อาตมาเห็นว่าธรรมะพระพุทธเจ้าอันนี้ก็คือการทำใจเป็น มนสิการ
สำนวนนี้อาตมาว่าเป็นสำนวนของอาตมานะ คำว่า ทำใจในใจเป็น แล้วคุณก็พยายามทำใจให้มีอำนาจดูแลกายกรรมวจีกรรมเป็นไปในอำนาจใจเราเป็นผู้ที่ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้ เป็นอยู่เมื่อเราสามารถมีสติปัญญารู้จักสังคม รู้จักบุคคลมีสัปปุริสธรรม ๗ มีกายวาจาใจร่วมกัน สำเร็จแล้วและก็อยู่กันด้วย กาย วาจา ใจที่ดี อยู่กันอย่างสงบมาก
อาตมาแยกแยะ วิธีทำใจในใจออกไปตั้ง ๕ อย่าง
๑.อ่านใจตน ด้วยสติปัฏฐาน มีสติระลึกได้และมีสติสัมปชัญญะรู้ตัว สติสัมปชานะ
๒.ทำใจเป็น โยนิโสมนสิการ สัมปัชติ ทำให้เกิดขึ้นมา กลายเป็น สัมปชลติ คือฌาน เป็นไฟลุกไหม้กิเลส สลายอกุศลพฤติกรรมที่ไม่ดี ละลายพฤติกรรมกายวาจา ที่มีใจเป็นประธาน จนสัมปติ คือบรรลุ
๓. ใจแสนสงบด้วยสัมมาวิมุติ นี่คือการทำสมาธิ มันก็วิมุติสงบไปด้วยสัมปันนะ สัมปปัตตะเป็นมรรค สัมปันนะเป็นผล
๔.ใจจบแสนรู้ ด้วยสัมมาญาณ เป็นโลกวิทู
๕.ใจสุขแสนสบาย ที่เราบอกว่า พวกเราเป็นคนจนสุขสำราญเบิกบานใจ แต่ก็แสนสบายด้วยสัมมาสมาธิ อันมีคุณสมบัติสะอาด สว่าง สงบ สร้างสรร สมรรถนะ สามัคคี ๖ ส.
ของท่านพุทธทาสว่า สว่าง สะอาด สงบ ของอาตมา สร้างสรร สมรรถนะ สามัคคี อีก เป็น ๖ ส.ได้อานิสงส์ พ้นทุกข์ ชีวิตมีสุข มีชีวิตที่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่เป็นสุขแต่งอมืองอเท้า แต่ว่าทำการงานสร้างสรรร่วมกันจนเจริญสูงสุด อาตมาว่าเราทำได้สำเร็จ
_minty so…กราบนมัสการพ่อครูค่ะ
ได้ฟังความเห็นมาว่า ชาวอโศก”หลายคน” ที่พยายามทำความดี แต่ไม่มีมารยาททางสังคม
มักติเตียนผู้อื่น โดยไม่รู้จักประมาณตนว่ามีศิลปะในการติเตียนโดยไม่ใส่อารมณ์มั้ย และไม่รู้จักประเมิณคนฟังว่าเขาจะรับได้มั้ย
เสมือนว่าได้ถูกปลูกฝังมาให้เป็นคนกระด้าง เข้ากับคนอื่นยาก
ซึ่งหลังจากฟัง พิจารณาเองแล้วว่ามีความจริงอยู่บ้าง
พ่อครูมีความคิดเห็นกับเรื่องนี้อย่างไรคะ
พ่อครูว่า…ติเตียนนี้มันดี เป็นการท้วงให้เรารู้ตัว ระมัดระวัง หากเขาติเตียนมาแล้วเราเป็นจริงอย่างที่เขาว่ามันดีที่สุดแล้ว แม้ว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาว่าเลย มันก็เป็นความโง่ของเขา เป็นความไม่รู้ของเขา เราไม่ได้เป็นอย่างที่คุณว่าเลย ก็เป็นความผิดของเขามันไม่ได้เสียหายเลยกับเรา คนถูกตำหนิไม่ได้เสียหายเลย คนที่ได้รับการตำหนิติเตียนนั้นอย่าไปกลัว ใครติเตียนมาก็ฟังดีๆ คนนี้ติเตียนหยาบคายดีเนาะ คนนี้ติเตียนฟังได้ดี แล้วก็ไม่ต้องไปชอบติเตียน ดีไม่ดีเหมือนฟังเพลงอย่าไปติดอย่างนั้นละกัน
คนเขาใส่อารมณ์มานี่ก็จริงใจนะจะได้รู้ว่าคนนี้อารมณ์ไม่ดีมากนะ เช่นแม่ดุลูกดุไม่ไว้หน้าเลยนะ แม้เป็นคนจริงใจคิดให้ดีพิจารณาให้ดี
หนึ่ง คนติเตียนนั้นดี ไม่ว่าจะแรงอย่างไรก็ตามฟังเนื้อหาสาระเอาก็แล้วกัน ถ้าเขาตำหนิถูกก็ว่าดีนะ แต่อย่าลำเอียงละกันว่าฉันไม่เป็น อย่างนี้ใครก็ช่วยไม่ได้อย่างนั้น
สรุปแล้ว ไม่อยากให้คนติไม่ได้ อาตมาส่งเสริมให้คนติ แต่อย่าเลอะเทอะมากไป
ติกันเถอะ แล้วเราจะรู้จักมารยาทการตำหนิทำให้เจริญอย่างเดียว ส่วนการชมนี้ เขาทำแล้วไม่เสียหาย แต่คนทำไม่ดี มันเสียหายคนเขาไม่รู้ เราก็ตำหนิ แต่เพียงว่าอย่าทำอย่างเกิน มาก เป็นลูกช่างติ ก็มากไป จะได้ฉายา ไอ้…
ศาสนาพุทธ ปฏิบัติแล้วจะเกิดปัญญา ๗
ผู้ที่เกิดเป็นอาริยะ เจริญทางพุทธธรรมคือผู้มีปัญญา ๗ โสดาบัน ถึงจะเป็นผู้ที่เข้าถึงเข้ากระแสของการเป็นชาวพุทธ ที่แท้จริง มีญาณ ๗ พระโสดาบัน
๑. รู้แล้วละ (ญาณที่ ๑)
คือกำลังเรียนรู้กิเลสกลาง (ปริยุฏฐาน -กิเลส)ได้แก่นิวรณ์ ๕ เพื่อละกิเลสนั้น แต่ยังมีทะเลาะ วิวาทกัน ด้วยหอกปาก (มุขสัตติ) อยู่
คือเราหลุดพ้นจากกิเลสตัวแรกของเรา เรากำลังทำกิเลสตัวต่อไป ไม่ได้หนีสังคม แต่กระทบสัมผัสอยู่รวมกับสังคม เราพ้นอบายแล้วก็อยู่กับสังคมได้ นี่ต่างหากคือปัญญาเป็นความหลุดพ้น นั่งหลับตาไม่มีทางหลุดพ้นจากศาสนาพุทธ
แม้ละ ปริยุฏฐานกิเลส ยังไม่ได้ ก็รู้ ไม่มีที่จะไม่รู้ และมีทิฐิ ตั้งปณิธานจิตไว้ เพื่อไปสู่การตรัสรู้ สัจจะทั้งหลาย
๒. ทำให้มาก (ญาณที่ ๒) คือเสพคุ้น (อาเสวนา) ทำให้เกิดผลเจริญ (ภาวนา) ทำให้มาก (พหุลีกัมมัง) กระทั่ง ระงับดับกิเลสตนได้
๓. เชื่อมั่นธรรมวินัยนี้ (ญาณที่ ๓) คือชัดเจนว่า การปฏิบัติอื่น นอกธรรมวินัยนี้ ไม่สามารถ ดับกิเลส สิ้นเกลี้ยง ไม่เป็นโลกุตระ
๔. ผิดรีบแก้ (ญาณที่ ๔) คือรีบแก้ไขความผิดของตน เหมือนเด็กอ่อน นอนหงาย มือเท้า ถูกถ่านไฟเข้าแล้ว ก็รีบชักหนีเร็วพลัน เช่นคุณไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ และสังวร ทวาร ๕ หากเราทำผิดไปจะรู้ตัวและรีบแก้ไข เป็นสำนึก
๕. ทำกิจตน – กิจท่าน (ญาณที่ ๕) คือทั้งศึกษา ในอธิศีล-อธิจิต-อธิปัญญา ทั้งขวนขวาย กิจใหญ่น้อย ของเพื่อนพรหมจรรย์ เหมือนวัวแม่ลูกอ่อน เล็มหญ้ากินด้วย ชำเลืองดูลูกด้วย อยู่กับหมู่กลุ่มทำงานเพื่อสังคมไป
๖. มีกำลัง (ญาณที่ ๖) คือมีอำนาจในตน มีพลังทำประโยชน์ ทำไว้ในใจ กำหนดด้วยจิต ทั้งปวง เงี่ยโสต ฟังธรรมวินัย ของตถาคต อันบัณฑิตแสดงอยู่
มีกำลังจิต แยกแยะถูกผิดได้ชัด รู้ตนว่ามีผล ได้บรรลุแล้ว
๗. ปลื้มใจในผล (ญาณที่ ๗) คือได้รู้ธรรม รู้แก่น (อรรถ) รู้จริงครบถ้วนธรรม ปลื้มใจในผล ที่ตนได้ เห็นผลสุข ที่จะมียิ่งขึ้น ยิ่งเข้าใจชัด สมบูรณ์ ข้อ ๗ เป็นพลังงานเสริม ผลที่ได้คือสงบเย็น เป็นประโยชน์สูงขึ้น เป็นโทษภัยต่อสังคมน้อยลง เป็นความเจริญครบพร้อมให้ตรวจสอบ ของปัญญาของธาตุรู้
ที่ไปปฏิบัติธรรมตามกระแสหลักของศาสนาพุทธทุกวันนี้ มันเสื่อมจนไม่รู้จะพูดอย่างไร พูดดูถูก ข่มจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว
ฟังแล้ว มีคนพุทธศาสนิกชน อย่างพวกคุณ หรือที่อยู่ข้างนอก แต่จะมาบอกเลยว่ามาทางอโศกก็ไม่ทำ เพราะยังอยู่กับสังคมที่เขาไม่ยอมรับอโศก แต่ก็รู้ว่าตนควรปฏิบัติอย่างไร
อาตมาเกิดมาหลงโลก ๓๖ ปี ก็เสียดายอยู่นะ นี่มาทำอีก ๔๘ ปีก็ยังดีใจว่าไม่ได้หลงโลก ๓๖ ปีแต่มาอยู่ทางธรรมไม่ถึง ๓๖ ปีแล้วก็ตาย แต่นี่ทำมาเลย ได้ ๔๘ ปี ก็จะทำต่ออีก ๓๖ ทำเพิ่มอีก ๓๖
๓๖x๓ = ๑๐๘ ถือว่าใช้หนี้สมบูรณ์ แล้วทำกำไรอีก กำไรต้องเอาหลายทบหน่อย
กำไรอีก ๓ นักษัตร เป็น ๑๔๔ ปี ใครจะอยู่กับอาตมาบ้าง..อาตมาพูดเหมือนพูดเล่นแต่เอาจริงนะ ชีวิตอาตมามีสาระหากอาตมามีชีวิตไปแย่ง ลาภยศสรรเสริญ หาอะไรมาบำเรอกาม อัตตา นั้นโง่ตายเลย อาตมาเลิกแล้วชีวิตเก่าอย่างนั้น ควรให้คนมารู้ตัวว่าโลกธรรมนั้นเป็นเรื่องเสียเวลาไร้สาระ ไม่มีประโยชน์อะไรต่อชีวิตนี้ เพิ่มกิเลสใส่ตัวเอง กิเลสโลกธรรม กาม อัตตาก็มีแต่ทำให้จม
ให้มาสังวรระวังเรียนรู้ออกจากความเป็นโลกโลกีย์
ควรจะเห็นว่าชีวิตเรานั้นไม่ควรเอาแบบนั้นแล้ว อนาคามีก็จะมาอยู่กับชาวอโศก อยู่กับโลกเขาที่แย่งลาภ ยศ สรรเสริญ สุข หากอยู่ข้างนอกมาเสพสุขก็คงไม่มี คือจริงๆใจจะมีปัญญามีธาตุรู้จริง คนที่มาอยู่กับชาวอโศกเป็นแดนอนาคามี ไม่วุ่นวายกาม โลกธรรม ลาภยศสรรเสริญ หรือแม้แต่สุขทางกาม
เข้ามาในนี้บำเรออัตตาได้ แต่คุณก็อย่าโง่บำเรออัตตาตัวเองเลย ที่นี่ไม่มีกามมากมาย รูป รส กลิ่น เสียงสัมผัสอะไรไม่มาก จะเสพกามก็ไปข้างนอกแต่ในนี้มีคนมีอัตตาเยอะ ไม่ต้องห่วงหรอกมีเพื่อนเยอะ เดี๋ยวก็มาเจอกันเอง แบกมาเถอะ เราก็ขัดเกลากันไงมีผัสสะเป็นปัจจัย อัตตากระทบอัตตา แต่ถึงอย่างไรอัตตาก็ไม่รุนแรงไม่เกิดคดีด่าทอกัน ไม่มี
แสดงว่าอัตตาพวกเรา อาตมาพูดว่าพวกเราแบกอัตตามาก็ไม่ได้ใหญ่โตมากมาย จึงเป็นแดนอนาคามี ที่โลกธรรม กามคุณแบบเขาพวกเราลดได้ คนมาอยู่ในนี้โดยปริยายจึงถือว่าฐานอนาคามี ทำงานฟรีเป็นต้น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสก็ไม่เห็นน่ารื่นรมย์อะไรเลย
พวกเราสมานอัตตากันดีแล้ว แม้อัตตาก็มีเหลือ แต่ไม่ทะเลาะเบาะแว้งอะไรกันมากมาย อยู่กันอย่างสบาย เปลี่ยนสังคมที่อยู่กันอย่างเจริญมากเป็นสังคมอาริยะ แท้ๆจริงๆ ที่เขาบอกว่าศิวิไลซ์ สังคมมนุษย์ศรีวิไลเป็นอย่างนี้ โลกเขาต้องการแต่เขาไม่รู้ และเขาก็ไม่บ้าเหมือนชาวไทย ที่บอกว่า คนเจริญเป็นอาริยะต้องไปนั่งหลับตาอยู่ในป่า มันหลงทางมากไม่รู้จะพูดอย่างไร มันหลงผิดจนไม่น่าเป็นไปได้
๐๖.๓๐ น. สมณะ+พระ ๓๘ รูป สิกขมาตุ ๑๑ รูป นำโดย สมณะเดินดินติกขวีโร บิณฑบาต สายเฮือนบวร
๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. รายการก่อนฉันวันที่ ๙ พ.ย. ๒๕๖๑ เรื่องชะลอความชรา ด้วยบ้านพีระมิด ดำเนินรายการโดย ส. เดินดิน ติกฺขวีโร สัมภาษณ์ พระอารีย์ (มาสเตอร์ ไทเซ็น)
๑๒.๐๐ น. การแสดงบนเวทีเฮือนบวร มีการแสดงของบวรราชธานีอโศก ฤาจะรอให้พ่อเสียก่อน
การแสดงของ บวรศีรษะอโศก ๔๒ ปี แตกต่างแต่สามัคคี
การแสดงของ อาวาสสถานดอยรายปลายฟ้า
การแสดงของ บวรภูผาฟ้าน้ำ นำเสนอ วิถีบุญนิยมของชุมชน
การแสดงของ ชุมชนเลไลย์อโศก
๑๓.๐๐ น. ประชุม กรัก ปะ ที่ชั้นสองเฮือนบวร
มีสมณะ ๒ รูป สิกขมาตุ ๔ รูป กรัก ๒ คน
ปะ หญิง ๖ คน โดย อ.๑ (สมณะบินบน ถิรจิตโต) นำประชุม
๑๔.๐๐ น. สมณะ ๓ รูป สิกขมาตุ ๔ รูป ประชุมสถาบันบุญนิยม + งาน พฟด. สมณะ เดินดิน ติกขวีโร นำประชุม
๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น.รายการภาคค่ำ วันที่ ๙ พ.ย. แฟนพันธุ์แท้ ฟังธรรมพ่อครูดำเนินรายการโดย ส.แสนดิน ภูมิพุทโธ แบ่งปฏิบัติกรเป็น ๓ ชุด ชุดเล็ก ชุดกลาง ชุดใกล้จะปล่อยวาง
นายเพียวพันธ์ ศรีภักดี สสธ. ม.๕ ฐานไฟฟ้า สนใจจิตวิทยา ชอบฟังธรรมพ่อครู สมณะ สิกขมาตุ ฟังยูทูปด้วย ดูแลรุ่นน้อง เห็นทุกข์ อาการหนักมาก ฟังธรรมแล้ว ทำใจได้ ไม่เครียด
ด.ญ. แก้วบุญ คชช นร.สมุนพระราม บวร ราชธานีอโศก ชอบถามในรายการสำมะปี๋ คิดเอง ตั้งคำถามเอง อายุ ๘ ขวบ รู้จักกิเลสว่าคือความอยาก
นายไม้เมืองพุทธ กรุณา สส.ฐ ม.๔ เคยถามพ่อครูตอนอยู่ ม.๑ ด้วยคำถามลึกซึ้ง ต่อมารู้ว่าเป็นโลกธรรม จึงพยายามปฏิบัติตนเพื่อลดโลกธรรม ให้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
นายสมัชชา พลเขต (โอเล่) แพทย์วิถีธรรม จ. หนองคายปีนี้ตั้งใจฟังธรรมเต็มๆ ฟังย้อนหลังด้วย ปฏิบัตินั่งหลับตามาก่อน นั่งแล้วเกิดคำถาม มรรค๘ หายไปไหน ปี ๔๕ ฟังธรรมพ่อครู เป็นภาษาอีสาน เริ่มเข้าใจ อดีตเป็นคนใจร้อน มันน้อยลงมาก น้ำหนัก ๙๐ ลดเหลือ ๖๗ กก. ฝึกกินมื้อเดียว
น.ส.พลังเพ็ญ คำด้วง (ต้อย) สันติอโศก พลังบุญ ฟังธรรมเข้าใจ เอาไปปฏิบัติได้ ช่วงไหนไม่ได้ฟังธรรม จะปล่อยตัวไหลตามกิเลสได้ง่าย ฟังธรรมแล้ว ทำใจได้เร็วขึ้น
น.ส.โสน ใจหาญ ศาลีอโศก ฟังธรรมที่โรงครัว ทำงานไม่มีวันจบ ฟังธรรมนำไปสู่ความจบกว่า
นายวิเชียร เรืองศรี จาก บวร ปฐมอโศก ฟังธรรมประจำ ทำให้รู้จักกิเลสได้ชัดขึ้น เห็นกิเลสค่อยๆหายไป ฟังธรรมให้เกิดอรรถรส ต้องปฏิบัติด้วย ปฎิบัติตามลำดับ หยาบ กลาง ละเอียด
นายทิวเมฆ นาวาบุญนิยม จาก บวร ปฐมอโศก มีงานที่ต้องรับผิดชอบเยอะ อาศัยฟังธรรมจากแฟลตไดร้ MP๓ ติดตัวตลอด ของใหม่ๆ มาโหลดไว้ ฟังในที่ทำงาน ฟังในรถได้ ฟังธรรมจนธรรมอยู่ในหัว ติดตามเราไปทุกที่ นำธรรมมาสอนตัวเองได้ บอกสอนคนอื่นได้ด้วย
น.ส.ฝากฝัง หมายยอดกลาง มุ่งมั่นมาตั้งแต่ปี ๒๔ มาถึงศาลาก่อนใคร มาเตรียมสถานที่ จัดเก้าอี้ที่นั่งเหมือนหัวหน้าห้อง
นางดวงธรรม อุดมรักษ์ จาก บวร ศีรษะอโศก ขยันฟังธรรมที่ศาลา ไม่มีโทรศัพท์เลยต้องมาฟังส่วนกลาง เปิดทีวีแล้วมีเพื่อนๆมาฟังด้วย มาศาลาได้รีบมา แก่ชราไม่แน่ สักวันหนึ่งจะมาไม่ได้ สังขารไม่เที่ยง รีบขวนขวายมา
-
วันเสาร์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
๐๓.๓๐ น. สมณะเดินดิน ติกขวีโร นำสวดมนต์มี สมณะ + พระ ๔๒ รูป สิกขมาตุ ๑๒ รูป กรัก ๒ คน ปะ หญิง ๔ คน ญาติธรรม ชาย ๑๔๐ คน ญาติธรรมหญิง ๔๒๗ คน รวม ๖๒๗ คน
๐๔.๑๕ น. พ่อครูแสดงธรรม…ครบรอบ ๔ นักษัตร โพธิกิจ ตอน ๔
…เพราะฉะนั้นการรบแย่งชิงที่จะใช้อาวุธร้าย เขารู้กันแล้วว่ามันเป็นความคิดต่ำ เป็นความคิดที่ไม่ดี ใช้การทำร้ายหรือการทำร้ายกันให้บาดเจ็บ มันก็ไม่ดี ต้องใช้คุณธรรม ให้คนยอมรับคุณธรรม นี่ถือว่า อาริยะ ถือว่า เป็นประชาชนประเสริฐ คนประเสริฐที่แท้จริงต้องใช้คุณธรรม คุณธรรมก็เป็นระดับโลกียะคือเป็นผู้ที่มีประโยชน์เกื้อกูลต่อผู้อื่นได้ เพราะฉะนั้นผู้ใดมีความรวย ก็จะมีสินทรัพย์ให้คนอื่นเขา คนอื่นจะยอมรับนับถือได้ เขาก็จะต้องรวยทรัพย์สินเงินทองข้าวของรวยอำนาจ หรือมีผู้ยอมรับนับถือ เขาก็จะต้องมีวิธีการให้คนมาอยู่ใต้อำนาจ โดยการใช้บังคับ เขาก็รู้ว่าไม่ดี ก็พยายามจะให้คนมายอมรับนับถือโดยไม่ต้องใช้อำนาจไม่ต้องเบ่งอำนาจ ทำด้วยคุณงามความดี มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ก็ค่อยๆรู้ในเรื่องธรรมะขึ้นมา
แต่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาแบบโลกียก็ยังไม่ใช่เนื้อแท้ เขาจะอธิบายเมตตาว่าคือต้องการให้คนพ้นทุกข์ กรุณาคือต้องการให้คนได้มีสุข มุทิตาคือเห็นคนที่มีสุขคนพ้นทุกข์ก็ยินดีด้วย บางทีไม่ได้ไปช่วยอะไรเขาหรอก เขามีสุขของเขาก็อนุโมทนา ไม่ใช่มุทิตา อนุโมทนาคือยินดีด้วยกับสิ่งนั้น ยินดีดีใจตามเขา
แต่มุทิตานี้เป็นจิตมุทุ จิตเร็ว เป็นคุณธรรมของจิตที่เร็ว เป็นสภาพซับซ้อนหมุนกลับไปกลับมาได้อย่างสูง คนที่ยิ่งมีจิต มุทุภูตธาตุ กลับไปกลับมาได้เร็วเป็นสิริมหามายาได้มาก ด้วยการเหมือนทำร้าย แต่ที่จริงช่วย ยกตัวอย่างยอดสุดก็คือ ช่วยฆ่า แต่ฆ่ากิเลส นั่นคือทำร้ายเหมือนช่วยทำร้ายฆ่า ฆ่ากิเลส นี่สุดยอด คำเดียวกันแต่มีธรรมะ ๒
ธรรมะหนึ่งคือ ฆ่า แต่ที่จริงสูญ ช่วยฆ่ากิเลสเสร็จ จบ
โลกียะ มีเจ้าบุญเจ้าคุณ แต่โลกุตระนั้นหมดตัวตนจบ แต่บุคคลที่ได้รับการช่วยเหลือยิ่งไม่จบ ซับซ้อน คนหนึ่งจบ ๐ แต่อีกคนหนึ่งมหาศาลไม่มีที่สิ้นสุด นับถือบุญคุณไม่มีที่สิ้นสุด
อย่างพระสารีบุตร เคยมีราธพราหมณ์ ใส่บาตรให้ทัพพีเดียวท่านก็จำได้ เมื่อราธมาบวชไม่มีใครหาเครื่องบริขารให้บวชเลย พระสารีบุตรจำได้ว่าเคยใส่บาตรให้ ๑ ทัพพี พระสารีบุตรก็ไปขวนขวายหาชุดบวชให้แก่ราธพราหมณ์ อย่างนี้เป็นต้น เกื้อกูลช่วยเหลือ
นัยยะยิ่งแรง ยิ่งเบา ยิ่งต่ำยิ่งสูง สภาพพวกนี้ อัจฉริยะคือสุดโง่ อย่างนี้เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้เป็นสัจธรรมที่ ในตัวคนที่เป็นจริง ที่มีคุณธรรมธรรมะ๒ดังกล่าวนี้ จึงรู้จักใช้และใช้ในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นนักฆ่า แล้วนักฆ่ามันดีตรงไหน นักฆ่าคือมันเลว แต่ฆ่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือกิเลส ถ้าเรามีอะไรที่อยู่ในตัวเองจะต้องเลือดออกบาดเจ็บ แต่ถ้าคนยึดถือกิเลสนี้จะเจ็บใจ มาฆ่ากิเลสฉันมาแย่งกิเลสฉัน เจ็บใจมาก
อาตมามีติดที่ปากคือ ฆ่าผัวมันเสียเอาเมียมันมา คนเรามีความรักมิติที่ ๑ เป็นคู่ สุดยอดแห่งโลกโลกียะแล้ว อยู่ตรงนี้ คู่ผัวตัวเมียสองคน เป็นมิติที่ต่ำที่สุด ฆ่าผัวมันเสียเอาเมียมันมานี่สุดยอดเด็ดขั้วหัวใจมันแล้ว นิยายรักตั้งแต่ดึกดำบรรพ์จนถึงบัดนี้ก็คือแย่งผู้หญิงกัน แย่งกันจน ทุกวันนี้ก็ยังเป็นนิยายท็อปฮิตกันอยู่ อาตมาหากไม่มาทางนี้ก็จะเป็นนักเขียนนวนิยายชั้นหนึ่งเพราะว่าเข้าใจความซับซ้อนพวกนี้เยอะ ในเรื่องจิตนิยามของคน หลงในโลกีย์ รักชังไม่รู้เรื่อง เรารู้เรื่อง ความซับซ้อนของความรักความพยาบาท หนังจีน Hollywood เกาหลีสู้ไม่ได้หรอก หนังแขก
การเกิดมี ๕ อย่าง ชาติ สัญชาติ โอกกันตะ นิพพัตติ อภินิพพัตติ
ชาติ เป็นการเกิดต้น สัญชาติ สั่งสมเป็นในสัญญา เป็นคลังจะเป็นโลกุตระหรือเป็นโลกียะก็แล้วแต่ คนเกิดมาด้วยสัญชาติญาณ ที่มีเท่าไหร่ก็เท่าที่มี เสร็จแล้วก็มาเพิ่ม
ถ้าโง่โอกกันติเป็นโลกียะได้ แต่ถ้าฉลาดมาหยั่งแต่โอฆทา เสร็จแล้วก็สั่งสมเป็นนิพพัตติ เป็นชาติโลกุตระสั่งสมเชื้อ DNA โลกุตระ จนเต็ม เป็นอภินิพพัตติ เป็นการเกิดเป็นอรหัตตผล จนเป็นอรหันต์ เป็นอรหันต์ในโพธิสัตว์ ๕.อนุโพธิสัตว์ ๖.อนิยตโพธิสัตว์ ๗.นิยตโพธิสัตว์ ๘.มหาโพธิสัตว์ ๙.พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
๐๖.๓๐ น. สมณะ + พระ ๓๑ รูป สิกขมาตุ ๖ รูป นำโดย สมณะเดินดิน ติกขวีโร นำบิณฑบาตสายเฮือนบวร
๐๙.๐๐ – ๑๐.๐๐ น. รวมพลังเกษตรกรไทย หยุดการใช้สารเคมี จ.อุบลฯ คุณสุชัย เจริญมุขะนันท์ สัมภาษณ์เกษตรกร เรื่อง วิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียงเลี้ยงตนได้อย่างไร?
๑๐.๐๐ – ๑๑.๐๐ น. พ่อครูแสดงธรรม เรื่อง ไทยจะเรืองอำนาจเพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม…พ่อครูเทศน์ เนื่องจาก โครงการรวมพลังเกษตกรรมยั่งยืน ราชธานี-อุบลฯ ที่ อาคาร บวร ราชธานีอโศก
ฤกษ์กำลังงามยามกำลังดี ๑๐.๑๒ นาที ให้อาตมาว่าไปได้ถึง ๑๑.๐๐ น. อาตมาถูกกินเวลาไป ๑๒ นาที ไม่เป็นไรเท่านี้ก็ได้ เท่าไหร่ก็ได้ เรื่องที่จะให้พูดคือ ไทยจะเรืองอำนาจเพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม อาตมาย้ำไม่รู้กี่ทีแล้วว่า เมืองไทยเป็นเมืองกสิกรรม อยู่ในพิกัดของโลกเส้นศูนย์สูตรนี้ อบอุ่น มีน้ำมีแดด มีดิน มาก มีทะเลมหาสมุทรน้อย จึงสามารถที่จะทำกสิกรรม พืชพรรณธัญญาหาร เลี้ยงตน เลี้ยงโลกได้อย่างแท้จริง
เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อว่าคนไทยนี้ หันมาใส่ใจ เอาความรู้ เอาความสามารถ มาทำกสิกรรมกันจริงๆเลย ทำกสิกรรมแล้วให้เข้าใจให้เห็นจริงเลยว่างานกสิกรรมนี้เป็นงานสูงส่ง เป็นงานของคนเจริญ เป็นงานของคนสูงศักดิ์ เพราะเป็นคนที่สร้างสิ่งที่มนุษย์จะต้องกินต้องใช้ ต้องอาศัย G5 G10 ก็ยังไม่สำคัญเท่าเม็ดข้าว จริง
ต่อให้อุตสาหกรรมดิจิตอล หรือจะเป็นนาโน เลยดิจิตอลไปอีกเท่าไหร่ก็ดี ในเชิงของการก้าวหน้า ที่จะใช้ประโยชน์ในชีวิตมนุษย์ แต่มันก็ไม่ได้ยังชีพได้ กินเข้าไปไม่ได้ ชีวิตจะตายชักแหง่กๆ เอา G50 มาให้ จะอยู่รอดหรือ คนเราถ้าเผื่อว่ามีปัญญาจริงๆ รู้ชัดเจนว่า งานนี้เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ในความเป็นมนุษย์โลก คนอย่างวัวหรือควายนี่ มันเห็นหญ้าเป็นสิ่งยอดเลยนะ โอ้โห เป็นสิ่งสุดยอดกว่า คนไม่เชื่อเอาเพชรเอาทองไปให้วัวควายสิ จ้างมันก็ไม่สนใจ เอาธนบัตรแบงค์พันไปกองต่อหน้ามันก็ไม่สนใจ มันก็เห็นหญ้านี่แหละสำคัญกว่าเพราะมันมีปัญญา มันรู้ความสำคัญของชีวิตของมัน คนนี่โง่เท่าควายยังไม่ได้เลย อย่าว่าแต่ฉลาดเลย ไปหาว่าควายมันโง่ แต่ที่จริงควายมันฉลาดรู้ว่าอาหารมันคืออะไร แต่คนดันไม่รู้ ไม่เห็นสำคัญ
นอกจากไม่เห็นว่าสำคัญแล้วยังดูถูกข้าวแต่ไปให้ความสำคัญกับเพชรกับทอง เปิดกระป๋องกินเข้าไปตายนะ แต่ข้าวนี้กินเข้าไปมีชีวิตรอดนะ ตั้งความตั้งใจตั้งจิตให้ดีให้คิดให้ดีๆ ข้อความสำคัญ อาหารเป็นหนึ่งในโลก หมายถึงทั้งข้าวและพืชพรรณธัญญาหาร เป็นหนึ่งเป็นเอกของมนุษยชาติในโลก ข้าวเปลือกเป็นสมบัติอย่างยิ่ง นี่คือคำตรัสคำสอนของคนมีปัญญาคือพระพุทธเจ้า ข้าวเปลือกเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง อาหารเป็นหนึ่งในโลก ไม่ใช่ทองคำไม่ใช่เพชรนิลจินดา ยิ่งกระดาษปั๊มขึ้นมาเป็นธนบัตรเป็นใบแทนราคา ต่างๆนานา ยิ่งเป็นเศษกระดาษ เป็นตั๋วจดราคาหนี้สินเอาไว้ แล้วบอกว่าธนบัตรคือสิ่งที่ใช้หนี้สินได้ตามกฎหมาย
เพราะฉะนั้นถ้าใครมีปัญญารู้ว่า เสร็จแล้วในชีวิตของเรามีข้าวอยู่เต็มแล้วมีพืชพันธุ์ธัญญาหารเยอะแยะ มีกินมีใช้ทุกวันเหลือ แบ่งแจกไม่ต้องขายไม่ต้องแลกเปลี่ยนอะไรมาเลย เลี้ยงเพื่อนฝูงแบ่งแจกไปเลยนี่แหละคือผู้ที่มีปัญญาสูง มีปัญญาสูงส่ง
ฟังดีๆนะ อาตมาพยายามให้คนได้ยินได้ฟังคำพูดที่อาตมาเตือนสติ ให้ฉุกคิด พิจารณาให้เห็นจริงๆเลยว่าชีวิตของคนเรามันจะตั้งอยู่ได้มันจะดำเนินชีวิตมีลมหายใจ ยืดยาวต่อไป มันอะไรไม่สำคัญเท่ากับ อาหาร อาหารเป็นหนึ่งในโลก เป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้า ท่านแปลภาษาบาลีว่า อาหารคือหนึ่งในโลกมันจริงที่สุด ข้าวเปลือกเป็นสมบัติ ข้าวเปลือกเป็นสมบัติอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นความจริงที่เถียงไม่ได้เลยในคนมีปัญญา แต่มันก็คนโง่ลงๆไปเห็นความสำคัญของเพชรพลอย จริงอยู่มันหายากในโลกเป็นสิ่งที่สังเคราะห์มาอย่างยาวนานกว่าจะได้คาร์บอนที่เป็นเพชร กว่าจะเป็นโลหะถึงขั้นที่เป็นทองคำ มันใช้เวลายาวนาน และก็หายากในโลก ก็เลยไปหลงกับของหายากนี้ เป็นสิ่งที่มีค่า มีราคาในโลก ก็จะไปหามันทำไมหายาก ไปหามันมาทำไม เอาเวลาเอาแรงงานมาทำสิ่งที่มันจำเป็นปลูกข้าวปลูกผักปลูกพืชปลูกอาหารการกินให้กินใช้กัน
วันนี้มีพลเมือง มีประชากรจากที่ต่างๆเข้ามาที่นี่บ้าง ก็ขอพูดให้ได้ยินได้ฟัง ว่าโรงเรือนนี้ อาคารบวรอาคารนี้ ในเนื้อที่ 11 ไร่ สร้างขึ้นมา เพื่อที่จะให้พวกเรา คนไทย ถ้าอยู่ในย่านนี้ ก็มาอาศัยเลย จะปลูกพืชผักผลไม้ได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เอามาขายที่นี่ มาเลยขายฟรี มีที่ตรงนี้ให้ขาย ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อตลาดที่จะให้เสียเงินค่าตลาด มาใช้ขายได้ อยากจะให้ประชาชนรู้ว่าที่นี่เป็นตลาด ที่นี่มีประชากรมีคนไทย สร้างปลูกผักพืชผลไม้ต่างๆอันเป็นอาหาร สร้างแล้วก็เอามาแบ่งแจกเอามาขายราคาถูก เอามาแจกกันกิน ให้เป็นพืชพรรณธัญญาหารที่ไร้สารพิษ เป็นพืชพันธุ์ธัญญาหารที่ดี มีสารอาหารที่ดีๆเจริญๆกัน แล้วก็เอามาเป็นที่แจกจ่ายเผยแพร่เกื้อกูลกัน มารับมาแจกมาเอาไปกินใช้ยังชีพกันให้ดีๆ เป็นสถานที่กลาง ที่ให้มาเป็นที่สำหรับตั้งแจกจ่ายค้าขายแบ่งกันขึ้นมากินมาใช้ ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อที่จะหาเงินอย่างที่เขาทำกันทั่วโลก สร้างอาคารขึ้นมาให้มาใช้ฟรี ให้มาใช้ฟรี ไม่ใช่สร้างขึ้นมาเพื่อเก็บเงินเลย ช่วยกันดูแลรักษากัน สิ่งที่จะเปื้อนเปรอะเลอะเทอะสกปรกจะแตกหักจะพังง่ายก็ช่วยกันดูแลกันเท่านั้นเอง นอกนั้นแล้วก็มาเลยมาใช้ เป็นอาคารที่เป็นประโยชน์ ที่จะค้าขายได้ นี่บอกประกาศไปให้ทุกๆคนรู้ แม้แต่ข้าราชการผู้ที่ทำงานหน้าที่ที่จะจัดสรรประชาชน ให้ดีๆ ที่ท่านบอกว่ารัฐบาลบอกจะมีตลาดประชารัฐ จะมีโรงเรือนตลาดประชารัฐ นี่แหละตัวแท้ที่สร้างขึ้นก่อนดำริของรัฐบาลแล้ว อาคารนี้สร้างขึ้นมาด้วยเอกชน พวกเราเป็นเอกชนไม่ใช่รัฐบาล สร้างขึ้นมาด้วยจุดหมายเดียวกับรัฐบาลที่คิดกันตรงกัน จะคิดก่อนคิดหลังก็ไม่รู้ แต่อาตมาพาทำวันนี้ขึ้นมา ก็ขอบอกไปให้ทั่ว ไปข้างหน้าก็บอกไว้บอกว่าเป็นอาคารที่จะให้เป็นตลาดมาค้ามาขายที่นี่ ไม่ได้มาทำเพื่อหาเงินหาทองอะไรเลย เขียนเอาไว้ เป็นคำพูดจริงไม่มีเล่ห์เหลี่ยมไม่มีตลบหลัง วันหลังจะขึ้นค่าเช่าไม่มี ไม่มีเลย
ชาวอโศกเรามีไม่กี่คน มีคนน้อยอาคารตั้งเยอะ ข้าวของก็ดีคนจะขายก็ดี มาก็มาอยู่ในที่นี้เห็นมีที่ว่างเยอะอาคารใหญ่ มันยังว่างอีกเยอะเลย คนอโศกก็บอกให้มาประมาณนี้ นานแล้วเป็นปีแล้ว ยังมีมาแค่นี้ ก็ป่าวประกาศไปประชาชนใครอยากจะมาใช้ที่นี่ก็เชิญ บอกให้ทราบกัน อาตมาพูดไปนี้คงจะยากที่จะเข้าใจอาตมาว่ามีใจเกื้อกว้างเผื่อแผ่ประชาชน
มาเข้าสู่เรื่องว่า ไทยจะเรืองอำนาจเพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม อาตมามั่นใจถ้าทางการทางผู้บริหารประเทศไม่ไปกังวลมาก เมืองไทยเราจะไม่ไปเป็นเมืองที่ไปแข่งด้านเทคโนโลยีความรู้อุตสาหกรรม อาจจะกลัวขายหน้า ก็เลยไปเสียเวลากับเรื่องเหล่านั้น ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านตรัสไว้ชัดเลยว่า เมืองไทยไม่ต้องการก้าวหน้าอย่างยุโรป ไม่ต้องการก้าวหน้าอย่างเขา ขอให้พวกเรานี้สร้างกสิกรรมพออยู่พอกิน ท่านได้ตรัสไว้ชัด ก้าวหน้าอย่างยุโรปนั้นเป็นการก้าวหน้าอย่างถอยหลัง เป็นการก้าวหน้า แต่ในหลวงเราบอกว่าเป็นการถอยหลัง และถอยหลังอย่างน่ากลัว เราทำอย่างเราที่ทำกสิกรรม ส่งอาหารออกไปขายอย่างถูกหรือแจกเลย จะเป็นประเทศมหาอำนาจ ไทยจะเรืองอำนาจเพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม ถ้าเห็นความสำคัญของความสำคัญที่เหมาะสมกับฐานะของเราประเทศของเรา และความรู้ของคนไทยก็เป็นความรู้ที่ทำกสิกรรมได้ไม่ได้เลวเลย ไม่อยากพูดว่าดี แต่ดีจริงๆด้วย ขอให้มาสนใจใส่ใจ อย่าไปมีความคิดวอบแวบเลย
๑๑.๐๐-๑๓.๔๕ น. การแสดง รำกสิกร คนของแผ่นดิน บวรสันติอโศก
สัมภาษณ์ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรอินทรีย์ ดำเนินรายการโดยคุณสุชัย เจริญมุขนันท์
มี คุณ บุญจัน ตันสิน, คุณ ปิยทัศน ทัศนิยม, คุณ ประชัน คุ้มหินราช, คุณ ธีระชาติ ปลาทอง, คุณ นาค ภารพัฒน์
การแสดงวงโปงลาง จากนักเรียนศีรษะอโศก ฉายวีดีทัศน์ การขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ อุบลราชธานี การแสดงของ ศีรษะอโศก โปงลาง ชุด อัปสรา จากนักเรียนสัมมาสิกขาศีรษะอโศก
๑๓.๔๕ น. รองผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวรายงานต่อ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร รมช. เกษตร มีผู้มาร่วมงาน ๓๐๐ คน
ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร กล่าวเปิดงาน รวมพลังเกษตรกรยั่งยืน ราชธานี – อุบลฯ ปฏิญญา ว่าด้วยการหยุด การใช้สารเคมี สมัยพระเจ้าขุนเม็งราย ใครไม่มาช่วยจัดการน้ำ มาเอาน้ำไปใช้ให้ตีหัวมันให้แตก การเก็บน้ำควรขุดร่องหัวคันนาเพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ จากนั้น ปาฐกถา พิเศษ เรื่อง “ผลการใช้สารเคมีอันตรายต่อคนไทย ”
๑๔.๓๐ น. ตัวแทนเครือข่ายเกษตรกรและภาคีเครือข่าย กล่าว ปฏิญญา การงดใช้สารเคมี การหยุดยั้งการใช้สารเคมีในการทำการเกษตร
๑๘.๐๐ น. รายการ ภาคค่ำแฟนพันธุ์แท้ เพลง พ่อครู ดำเนินรายการโดยคุณทองแก้ว นาวาบุญนิยม สัมภาษณ์ ส.ถักบุญ อาจิตปุญโญ สม. รินฟ้า นิยมพุทธ คุณ สู่แดนธรรม นาวาบุญนิยม คุณ ในน้ำคำ มาจน อาจารย์ ปานปั้น ศรันยกุล
เพลง อีกฟากฟ้าหนึ่ง
ขับร้อง คุณไหม ตะวันเดือน
คุณในน้ำคำ ฟังเพลงนี้ คิดถึง กองทัพธรรม
คุณสู่แดนธรรม นึกถึงธรรมะ ๒
อาจารย์ปานปั้น รู้สึกอยากเข้ามาอยู่ในอโศก
สม. รินฟ้า โลกนี้มี ๒ แคว้นแดน แดนไหนสุขจริง
ส.ถักบุญ เพลง –เพลิง- พลัง เพื่อโลกุตระ
เพลง ตะวันทอฟ้า
อ.ปานปั้น ช่วยเตือนภัยจากอวิชชา ให้กำลังใจพากเพียร
คุณแป้ง คำสละสลวยสวยงาม ห้าดาว บอกปัญหาพร้อมทางแก้
คุณอี๊ด คนไม่พากเพียร คือคนประมาท
สม.รินฟ้า โลกทุกวันนี้เดือดร้อนจริงๆ แสงที่ดีที่สุดคือ แสงแห่งธรรม
ส.ถักบุญ อวิชชาเท่านั้นพาต่ำ พุทธลอย เทวะจม
เพลง เมื่อไหร่จะรู้สึกทีนะ
คุณอี๊ด ดิฉันมาจากการชุมนุม คนรวยไม่เห็นมีความสุข
คุณแป้ง อะไรควรลดควรเลิก อะไรควรเสริมควรสร้าง
อ.ปานปั้น พ่อท่านมีมุมมองมิติไม่เหมือนใครเลย
สม.รินฟ้า น่าคิดมาก น่าสะดุดใจ ชัดเจนมากเลย
ส.ถักบุญ รวย = ระวังจะยับเยิน จน= ฉลาด
เพลง ฟากฟ้าฝั่งฝัน
ขับร้อง ซึ้งบุญ บูรณกิติ
อ.ปานปั้น ซึ้ง ซาบซึ้ง พระพุทธเจ้า โพธิสัตว์ อรหันต์
คุณแป้ง การบำเพ็ญเป็นของยาก ช่วยกันละกันดีไหม
คุณอี๊ด ฟังแล้วร้องไห้ สายการตลาด ทำงานไม่ได้
สม.รินฟ้า ฟังแล้วเกิดพากเพียรพยายามถึงแดนนิพพาน
ส.ถักบุญ ข้ามสุริยาอีกดวง เจอตองัดตอ เจอทะเลถามทะเล ได้เวลาฟิวชั่น
เพลง ป่ากาม
ขับร้อง โอ๋ ฆราวาส
คุณอี๊ด เพลงนี้ก็โดน เราหลงเป็นป่า ไม่ใช่แค่สวน
คุณแป้ง พ่อท่านพาทวนกระแสโลก
อ.ปานปั้น ไม่ชอบแต่งตัวมาแต่ไหนแต่ไร
คุณแป้ง การบำเพ็ญเป็นของยาก ช่วยกันละกันดีไหม
สม.รินฟ้า การแต่งหน้าทาปาก คือสิ่งเสพติดของผู้หญิง
ส.ถักบุญ กามคู่กับอัตตา อัตตาปกป้องกาม
เพลง โถ…ข่าวลือ
อ.ปานปั้น สะใจ ชอบมาก มันยุติธรรมแล้วฤา เพียงข่าวลือแล้วเชื่อ แล้วชวนกันใส่ไฟ
คุณแป้ง ทุกท่านจะเจอข่าวลือ ข่าวลวงทุกวัน มันเป็นการคัดกรองคน
คุณอี๊ด การรายงานพูดตามจริง นินทามีอารมณ์
สม.รินฟ้า นินทากาเลเหมือนเทน้ำ หรือชังจึงช่วยเฉ่ง เรื่องบาปกรรมเป็นเรื่องจริง
ส.ถักบุญ การสื่อสารที่ดีที่สุด ไม่มีอคติ
เพลง ฝ่าฟ้าสังคมฝัน
คุณอี๊ด ธุรกิจมีแต่แข่งขัน คำตอบคือหนึ่งในพัน
คุณแป้ง โปรดเผยตน ตรวจค้นตัว อย่ามัวแต่ฝัน
อ.ปานปั้น ผู้บังคับบัญชา ไม่ให้แสดงตัวมาก
สม.รินฟ้า เอาใจจริง เรื่องเกษตรก่อนก็ได้
ส.ถักบุญ ความฝันไม่ใช่ความจริง ตรวจสอบความปล่อยวาง ว่าว่างจริง ส + ว่าง = สว่าง (รวมความว่าง)
เพลง สมรรถภาพ
ขับร้อง โอ๋ ฆราวาส
อ.ปานปั้น เอาตัวกับหัวใจมาก่อน แล้วขยันสร้างสรร
คุณแป้ง ทำไมต้องเป็นเรา มันเป็นบารมีของเรา
คุณอี๊ด จังหวะเร็ว หูผึ่ง
สม.รินฟ้า ไร้สารพิษ เพื่อทุกคน
ส.ถักบุญ ยิ่งเหนื่อย ยิ่งมีพลัง แรงต้านคือ การส่ง เชื้อโรค คือ ภูมิต้านทาน
ผู้มาร่วมฟังธรรม งาน มหาปวารณา ครั้งที่ ๓๖
ว ด ป |
ท ว ช |
ก่อนฉัน |
ภาคบ่าย |
ภาคค่ำ |
|
พ. ๗ พ.ย. ๖๑ |
๑,๐๔๔ |
||||
พฤ. ๘ พ.ย. ๖๑ |
๑,๐๓๖ |
||||
ศ. ๙ พ.ย. ๖๑ |
๘๔๗ |
||||
ส.๑๐ พ.ย. ๖๑ |
๖๒๗ |