611221_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ นักการเมืองแท้ต้องจริงใจรับใช้ประชาชน
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1VHhFudFsQWNf1IvomoTAW1MRYBHFYJZ4aO-RkMBkjTo/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1uXLBeA4bCx-BHKSSE47N5nDqFR-GVSE4
ส.ฟ้าไทว่า…วันนี้วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก ตอนนี้ที่ราชธานีอโศกก็มีการเข้าค่าย เด็กนักเรียนชั้นม. 3 เพื่อเตรียมงานเพื่อฟ้าดิน เด็กเข้าค่าย 5 วัน งานเพื่อฟ้าดินจะจัดสองช่วง ช่วงแรก 26-28 ธ.ค. จะมีการบำเพ็ญคุณบำเพ็ญธรรม และช่วง 29-1 ม.ค. 2562 เป็นช่วงงานเพื่อฟ้าดิน สอบคือไม่ได้อะไรได้แต่ปฏิบัติธรรม ใช้หนังสือคนจนที่มีแบบ เพื่อสอบ
ตอนนี้เราจะเห็นว่า ในสังคมกระแสที่รุนแรงคือเรื่องการเมือง การเมืองที่รุนแรงคือการเลี้ยงโต๊ะจีน โต๊ะละ 1 ล้านถึง 3 ล้าน เป็นปัญหาร้อนแรงในการเมืองขึ้นมาทันที ถูกวิจัยวิจารณ์ว่าเหมาะสมหรือไม่ ดีนะสังคมไทยเป็นประชาธิปไตย
การเมืองที่พ่อครูพาทำให้ทำแบบคนจน เป็นประชาธิปไตยที่มีนิยามคือ มีอิสรเสรีภาพ และเป็นคนไม่มีอัตตา ได้ลดละอัตตา และต้องมีปัญญา
การจะดูคนจะมาทำงานการเมืองต้องมี 1. เป็นผู้รับใช้ 2. เป็นผู้มีแต่ให้ไม่เป็นผู้เอา 3. ไม่มีอคติ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เลือกเราเราก็เลยไม่ดูแล ไม่ใช่อย่างนั้นเราก็ต้องดูแลเพราะเราอาสามารับใช้ประชาชน
พ่อครูว่า…ก่อนอื่นขอโอภาปราศรัยกับ sms ไลน์ที่ถามมา
SMS วันที่ 20 ธันวาคม 2561
สื่อธรรมะพ่อครู(สาธารณโภคี) ตอน สาธารณโภคีพาชีวียืนยาว
0851ถือศีล ค่าใช้จ่ายฟรี เหมือนปฐมอโศก หรือเปล่าครับ กราบนมัสการครับ
พ่อครูว่า…ฟังภาษาเหมือนว่า ถือศีลแล้วก็ไม่ต้องใช้เงิน ชุมชนชาวอโศกเป็นสาธารณโภคีทั้งนั้น ความเป็นเราความเป็นของเรานี้ ของเราก็หมายถึงว่าอันนี้มะละกอของเราอันนี้หัวปลีของเรา มันมีอีกสิ่งหนึ่ง ของเราคือสิ่งที่มีเรายึดถือมาเป็นตัวเรา จากสองสิ่งมาเป็นหนึ่ง แล้วคนที่ยึดถือสองมาเป็นหนึ่งคือเทวนิยม เทวนิยมแปลว่าสอง เทวนิยมเป็นศาสนาที่มีพระเจ้าดีพระเจ้าแตกไม่ได้ แยกความเป็นหนึ่งมาเป็น 2 ไม่ได้
สิ่งหนึ่งตั้งแต่อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม
ต้องมีจิตวิญญาณ จิตวิญญาณเป็นธาตุรู้จะอยู่เดียวไม่ได้ แม้พีชะก็มีธาตุรู้แค่ว่าเอาธาตุอะไรมาสังขารมาเป็นมะละกอแต่มันไม่ไปเบียดเบียนใครไม่ไปทำร้ายใคร มันเอาแต่สิ่งที่มันจะใช้มันได้เท่านี้มันใช้ได้ทั้งนี้ เพราะฉะนั้นมะละกอบางต้น ไม่เต็มเต็งได้ธาตุมาไม่ครบก็เอาเท่านั้น บางต้นเหี่ยวแห้ง บางต้นตายเลยแต่มันก็ยอมตายไม่ได้ไปเบียดเบียนใครเลย
พีชนิยามหรือพืชไม่เบียดเบียนใคร ศาสนาพระพุทธเจ้าสอนให้อรหันต์มีพลังงานจิตเป็นแบบพืช ไม่เบียดเบียนใครแต่มีพลังงานเหลือไปช่วยคนอื่น ด้วยการช่วยคนอื่นไม่เบียดเบียนใคร ก็ต้องรู้ว่าการไม่เบียดเบียนคืออะไรแค่ไหน เราเบียดเบียนเขาแค่ไหน ก็ต้องรู้อาการที่เบียดเบียน เมื่อไม่เบียดเบียนใครที่มีแต่ให้เกื้อกูลคนอื่น คนนั้นเป็นอรหันต์ แค่นั้นจบ
เพราะฉะนั้นคนที่เป็นอรหันต์ เป็นคนมีคุณค่าต่อมวลมนุษยชาติ พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก)
นี่คือนิยาม 3 ประการของคำว่าประชาธิปไตยหรืออธิปไตยที่ยิ่งใหญ่ในโลก ทั้งโลกาธิปไตย อัตตาธิปไตยและธรรมาธิปไตย นี่คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ถ้าเข้าใจรายละเอียดพวกนี้ ให้ตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้าให้รู้เนื้อหาแท้จริงทำหน้าที่แท้ แล้วเป็นได้จริงลงตัว นั่นแหละคือผู้จบ ผู้เป็นอรหันต์ก็มีประโยชน์ต่อมนุษย์ เป็นผู้ที่มี พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) ตลอดกาลนาน แล้วพระอรหันต์จะปรินิพพานเป็นปริโยสาน หรือจะทำงานเป็นโพธิสัตว์สืบทอด ตัวเองเป็นประโยชน์ต่อโลกจนกระทั่งกลายเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง ในมหาจักรวาล พระพุทธเจ้าปรินิพพานเป็นปริโยสานสูญไปเลย พระเจ้าทุกองค์เป็นพระพุทธเจ้าสมัยเดียวทุกองค์ จะเป็นพระพุทธเจ้า 2 สมัยไม่มี
อรหันต์รู้ความดีความชั่วอันที่เป็นประโยชน์อันที่เป็นโทษ ไม่ทำสิ่งที่เป็นโทษ ทำแต่เป็นสิ่งที่ดี แม้แต่ความดีก็ไม่ยึดถือว่าเป็นเราเป็นของเรา เราไม่ทำชั่ว ในโอวาทปาติโมกข์ 3 สัพพปาปัสสอกรณัง กุสลสูปสัมปทา สจิตตปริโยทปนัง
ผู้เป็นอรหันต์แล้วทำแต่ดีไม่ทำชั่วแล้ว แม้แต่ความดีก็ไม่ได้ยึดถือว่าเป็นเราเป็นของเรา คำว่าไม่ยึดเป็นเราเป็นของเราเป็นคุณธรรมที่แท้จริง คุณวิเศษที่แท้จริงของผู้ที่มีภูมิปัญญา และเป็นจริง ตามความหมายนั้นได้สูงสุด จึงสูงสุดในความเป็นมนุษยชาติเรียกว่า อันตะ อรหันต์ อรหะคือผู้ไม่ลึกลับ อันตะ คือปลายสุด คือสุดแล้ว อะไรลึกลับที่สุดรู้หมดแล้วเป็นหมดแล้วได้หมดแล้ว
สมณะฟ้าไทว่า..เขาสงสัยว่า นิยาม 5
เพราะรู้จักรู้แจ้งรู้จริงในอุตุธาตุในธาตุจิต เขาสงสัยว่าอุตุในธาตุจิตเป็นอย่างไร
พ่อครูว่า…อุตุธาตุ ทุกอย่างต้องมีสอง ต้องมีสิ่งหนึ่งที่ถูกรู้เรียกว่ารูป ส่วนธาตุรู้อีกอันคือนามธรรมของเรา หากนามธรรมเราหมดไปสลายไป ปรินิพพานเป็นปริโยสานก็ไม่มี ตราบใดที่ยังมีธาตุรู้ ก็ต้องมีการกระทบ ต้องมีสติ ดูว่าอะไรกระทบในปัจจุบัน เป็นภาวะที่สมบูรณ์แบบไม่ใช่ภาวะที่สะกดจิตไว้ให้นิ่งเฉย จะเห็นความต่างกันระหว่างการสะกดจิตตัวเองไว้กับการปล่อยให้ธาตุรู้ทำหน้าที่รู้เต็มๆ
ธาตุรู้เต็มๆนี้รู้จัก กลางคืนกลางวัน รู้จักการนอนพักกับการตื่น แล้วก็ทำให้มันสมดุล ไม่ได้ไปแปลกประหลาดในความเป็นสองอะไรเลย แล้วทำให้ถูกต้องตามที่ควร เพราะฉะนั้นผู้ที่รู้ความลงตัวหมดทุกอย่าง คนนั้นก็ทำถูกต้องลงตัวทุกอย่างทุกอย่างก็ยืนยาว
คนที่สามารถทำให้ชีวะชีวิตยืนยาวได้ก็เพราะว่า เป็นพลังงานที่สามารถสร้างพลังงานที่เรียกว่าสัมประสิทธิ์ ตัวแปรที่มีอัตราการก้าวหน้าเสมอ เรียกว่าสัมประสิทธิ์ ทางวัตถุก็เอาไปใช้เขาก็เอาไปทำอยู่สัมประสิทธิ์ Coefficient ทางนามธรรมก็สามารถเอาไปใช้ได้ แล้วแต่มักจะมีชีวิตยืนยาวเพื่อพาพิสูจน์ว่า อาตมาจะยืดชีพยาวยืนให้ยิ่งกว่าสามัญ จะลากสังขารให้ยาวเกิน 151 ปีถึงจะยอมสูญจากร่างกาย ชาตินี้ เป็นนายรักษ์ รักพงษ์ เป็นสมณะโพธิรักษ์ตายไปจะยังไม่จบแต่ยังมาต่ออีก
สามารถสร้างพลังงานจิตวิญญาณได้เองด้วย ต่ออายุไขได้ อาตมาบอกใครๆว่าอาตมาอายุขัยชาตินี้ 72 แต่ปีนี้อาตมาเต็ม 84 ขึ้น 85 แล้ว อาตมาก็จะไปต่อเรื่อยๆ ต่อมาได้อีก 1 นักษัตรแล้วเป็นนักษัตรที่ 7 ฝืนตายไปได้ 12 ปี เลยไปเป็น 96 ก็ฝืนไปอีก จนเป็น 108 ปี ถ้าอาตมาทำไปได้ถึง 108 แล้วก็ยังแข็งแรงอยู่อย่างนี้ ดีไม่ดีแข็งแรงกว่านี้ได้ คนต้องยอมรับสูตรนี้ E=C(mc2+A) นี่คือสูตรทางพีชคณิต
เรื่องสาธารณโภคีง่ายๆ คนที่อยู่ในนี้ไม่ต้องใช้เงิน สะดวกสบาย นอกจากคุณจะใช้สิ่งฟุ่มเฟือยเขาก็ไม่ให้ แต่ถ้าพอสมควรคุณเอาไปใช้ได้เป็นประโยชน์ ไม่ได้ไปสำเริงสำราญฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่ายอะไร เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมสิ่งที่ควรจะทำเขาก็ให้ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งเป็นรายละเอียดที่เอาความจริงเข้าว่า มันเป็นเรื่องลึกซึ้งต้องพิสูจน์กันอีกนานกว่าจะยอมรับกันในโลก
_งามศิลป์ เอี่ยมนอก · ขอนุโมทนาสาธุกับชาวอโศก ท่านทำกุศลผลบุญเต็มพร้อมทุกด้าน บำเพ็ญบารมี 10 ทัศน์เกือบ 100% เพราะท่านประกอบการงานต่างๆ แล้วอาหารที่สร้างเหล่านี้นำไปบำรุงเหล่าสมณะ สิกขมาตุ และนักปฏิบัติธรรมผู้มีศีล แล้วยังเผื่อแผ่บุคคลภายนอกที่สนใจ
_พรชัย จันทรศร · ฟังแม่เณรกล้าข้ามฝันเทศน์แล้วอยากมาอยู่บวรราชธานีอโศกให้เร็วที่สุดเลย
_จันทรพนา สิทธิพันธุ์ · ทั้งสามองค์ (ส.ฟ้าไท,ส.ถักบุญ,สม.กล้าข้ามฝัน)…ถ่ายทอดธรรม…เป็นเยี่ยม…ชัดเจน..จริงใจ…เป็นธรรมชาติ..เข้าใจง่าย
พ่อครูว่า…ที่จริงแล้ววันนี้อาตมาเตรียมเรื่องธรรมะลึกๆธรรมะตื้นๆ อาตมาจะเอาธรรมะตื้นๆมาแสดงให้ลึก แต่เสร็จแล้วนักการเมืองมานั่งหน้าสลอนอยู่นี่ จะเทศน์เรื่องศีลลึกๆตื้นๆนี้จะไหวหรือ ขออภัยไม่ได้ดูถูกดูแคลนนะ
ธรรมะพุทธเจ้าศีลเป็นข้อต้นศีลเป็นใหญ่ศีลเป็นสิ่งสูงสุด ถ้าเรียกว่าต่ำ คำว่าต่ำ คำนี้เป็นปัญหามากที่สุด เขาแปลจากบาลีว่า โอรัมภะ ส่วนอุทธัมแปลว่าสูง ส่วน โอรัมภะแปลว่าต่ำ มันเหมือนกันแยกวรรณะ มีที่ต่ำที่สูง
โอรัมภาคียะ มันเป็นส่วนแห่งภาคต้นภาคแรกเริ่ม ไม่ได้หมายความว่าต่ำจมดิ่งกับสูงบนฟ้า จึงยากมากเลยที่จะขยายความ แปลในพหรมชาลสูตรท่านว่า
ผู้ที่จะชมเรา
จะเป็นคนได้ต้องชมว่ามีศีล ไม่มีศีลแม้สักข้อนั้นยังไม่ใช่คน คนละเมิดการฆ่าสัตว์นั้นยังไม่ใช่คนยังไม่ใช่มนุสโส ยังไม่ใช่คนจริง ยังไม่ใช่สัตว์ที่ใจสูงจริงยังเป็นสัตว์ที่ต่ำอยู่
เพราะฉะนั้นศีลข้อ 1 จึงเป็นศีลที่ยิ่งใหญ่มาก ไม่ฆ่าสัตว์ไม่เบียดเบียน ไม่ฆ่าสัตว์ไม่ใช่อาชญาไม่ใช้อาวุธ มีแต่ความเอ็นดู มีแต่ความกรุณา หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่
ไม่ฆ่าสัตว์ไม่ทำร้าย ไม่ใช่อาวุธวางอาวุธหมด วางทัณฑะวางศาสตรา มีใจเอ็นดูกรุณา
1.เมตตา (ปรารถนาดีอยากให้เขามีความสุข) .
2.กรุณา (ลงมือสร้าง-ช่วยให้เขาพ้นทุกข์)
3.มุทิตา (ยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี-พ้นทุกข์)
4.อุเบกขา (เป็นฐานอาศัย วางใจเป็นกลาง ไม่ติดยึดว่าเป็นความดีของเรา หรือผลสำเร็จนั้นเกิดจากเรา) (พตปฎ. เล่ม 35 ข้อ 741) .
เราช่วยเขาแล้วก็ไม่ยึดดียึดชั่ว เขาจะกตัญญูก็เป็นกรรมของเขา เขาจะไม่กตัญญูก็เป็นกรรมของเขา
ตอนนี้มีการหาเสียงเลือกตั้งอาตมาก็เป็นประชาชนก็มีสิทธิ์ออกเสียง
เอาคำว่า ศาสตร์ ผู้ที่จะมีความรู้
ความรู้ คือ ศาสตร์ หรือศาสตรา ก็ได้ คืออาวุธก็ได้ ความรู้ก็ได้ เพราะฉะนั้นก็เอาตรงนี้เลย เป็นกวีที่คุณสไมย์ จำปาแพงเขียน ประจำเราคิดอะไรมาอ่าน
“ศาสตร์คืออาวุธหรือความรู้”
(1) ภาษาว่า“ศาสตร์”นี้ แสนยาก
คนโง่ใช้ผิดมาก จึ่งร้าย
เป็นทุกข์โทษหลายหลาก ในโลก
ชั่วลึกซ่อนย้อนย้าย ยากย้ำมายา
(2) นานาหมายมุ่งชี้ ต่างนัย
ล้วนศาสตร์ต่างแตกไป เพื่อ“รู้”
“รู้”อะไรต่ออะไร ก็ศาสตร์ ตะพึดเฮย
ศาสตร์จึ่งเลอะเละผู้ เลิศล้วนวิชา
(3) “ปัญญา”คือ“ศาสตร์”ล้ำ โลกุตระ
แต่ปุถุก็“เฉกะ” เท่านั้น
คือหลงยึด“เทฺวะ” หนึ่งอยู่ นิรันดร์แฮ
บ่อาจ“ฉลาด”แบ่งขั้น แยกแม้เป็นสอง
(4) ผองพาลใช้“ศาสตร์”สร้าง อาวุธ
หมายมั่นฆ่ามนุษย์ โหดแท้
หรือศาสตร์ฉลาดสุด เอาเปรียบ บ่หยุดเลย
ศาสตร์ชั่วเช่นนี้แล้ ยากแก้โลกีย์
(5) เพราะมีกันแค่รู้ ว่า“ศาสตร์”
แต่บ่รู้ว่า“ฉลาด” แยกชั้น
“ฉลาด”โลกร้ายกาจ ด้วยกิเลส เลวเอย
ส่วน“ฉลาด”โลกุตร์นั้น หมดร้ายภัยผอง
(6) สอง“ฉลาด”นี้แยกให้ ธีรเทอญ
พุทธพิเศษ“ศาสตร์”เกิน กล่าวอ้าง
ชาวอโศกใคร่ชวนเชิญ มาพิสูจน์ เราแล
ว่าเท็จจริงสิ่งสร้าง มนุษย์ให้เป็นไฉน
(7) ทำไม“จน”สุขได้ มีใน โลกฤา
ไร้ทรัพย์แต่เจริญใจ หลอกมั้ง
ที่มนุษย์สุดแปลกใด วิมุติสุข ฉะนี้รา
แถมวิศิษฏ์วิสุทธิ์ทั้ง วิเศษฟ้า..เชิญมาดู
“สไมย์ จำปาแพง”
22 พ.ย. 2561
[นัยปก “เราคิดอะไร” ฉบับ 341 ประจำเดือนธันวาคม 2561]
คำว่าปัญญาคือความรู้ทางธรรมะ ต่างจากความรู้ทางโลกที่เรียกว่า เฉกะหรือเฉโก ผู้เป็นโสดาบันก็มีปัญญาเพิ่มขึ้น มีความเป็นเฉโกลดลงไป
ดูคลิปmv เพลง ฟากฟ้าฝั่งฝัน March version
เพลง ฟากฟ้าฝั่งฝัน March version
ผู้แต่งเนื้อร้องคือสมณะโพธิรักษ์ มีคุณมณีนุช เสมรสุตเป็นผู้ขับร้อง
แม้ไกลปานไปฟากฟ้า
ข้ามสุริยาอีกดวง
เลยจักรวาลทั้งปวง
อยู่สรวงฤาห้วงแดนใด
ยากแค้นไกลแสนกรากกรำ
คร่ำทรมานปานไหน
เจอมารพาลโหดโฉดภัย
ร้อนร้ายกว่าไฟก็ทน
แน่วจริงแล้วใจไม่หน่าย
เกิดตายแล้วตายกี่หน
มุ่งเพียรขอเพียงให้คน
เมตตาผองชนจริงใจ
นั้นคือแดนดังฝั่งฝัน
ช่วยกันและกันดีไหม
หวงโลภหลงโกรธอยู่ไย
บุญไซร้ใครสร้างต่างเป็นของตน.
พ่อครูว่า…ก็ไม่ได้รู้ว่า ท่านกำนันจะมา ไม่ได้ตกลงไว้ก่อนนะ เป็นความจริงใจเป็นเรื่องจริง ถ้ามีอยู่แล้วก็ทำไป ตามจริง ทุกสิ่งทุกอย่างในขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นบางคณะที่อยู่ในการเมืองขณะนี้ บางทีบางพรรคก็รวมกันช่วยกัน อย่าแย่งกัน ผลัดเปลี่ยนกันก็ได้ ก็ว่ากันไปทำกันไป แต่ว่าอาตมาขอยืนยันว่าอาตมาเป็นนักการเมืองเต็มตัว แต่ไหนแต่ไรมาทำงานศาสนา การเมืองกับธรรมะแยกกันไม่ได้หรอกเป็นหนึ่งเดียว แยกกันไม่ได้ เพราะการเมืองก็ทำเพื่อประชาชน เป็นสิ่งที่เป็นเนื้อแท้ ทำงานเพื่อประชาชนช่วยเหลือประชาชน ธรรมะก่อนทำงานเพื่อประชาชนช่วยเหลือประชาชน ให้มีประโยชน์ พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก)
ผู้ที่สามารถรู้ความจริงและหมดตัวตน และรับใช้ผู้อื่นได้ อาตมาถึงสรุปได้ 3 ข้อ
ขยันรับใช้ มีแต่ให้ ไม่มีอคติ นี่คือ 3 ข้อ ก่อนจะถึง 3 ข้อนี้มี
ประชาธิปไตยสุดยอดมี 1. มีอิสระเสรีภาพ 2. ไม่มีอัตตาตัวตน 3. มีภูมิปัญญาที่จะทำงานรู้ รู้เรารู้เขา มีสัปปุริสธรรม 7 มหาปเทส 4 ผู้ใช้ความรู้ในความจริงตามที่ความหมายที่พุทธเจ้าบัญญัติไว้
ความรู้ของศาสนาพุทธทำจาก 2 ให้เป็นหนึ่งได้ ความรู้ของเทวนิยม มีแต่ 1 เผด็จการหนึ่งเดียว ผิดไปจาก 1 ไม่ได้เลย เทวนิยม ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้ อาตมาใช้คำว่าประชาธิปไตยขาเดียว ไม่ใช่ประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ เป็นประชาธิปไตยขาพิการ
ประชาธิปไตยต้องมี 2 ขา ต้องมีกษัตริย์กับประชาชน อาตมาพยายามกำหนดว่า ประชาธิปไตยต้องมีกษัตริย์ ต้องมีประชาชน แล้วต้องมีจิตวิญญาณ นี่คือสามเส้าแรก
เพราะฉะนั้นคนที่ไม่มีความรู้ทางจิตวิญญาณ และ ไม่มีระบอบกษัตริย์ มีแต่ประชาชน เลือกเอาประชาชน ใครมาเป็นประธานาธิบดีได้ประชาชนคนนั้นใหญ่สุด ไม่มีกฎมณเฑียรบาล ไม่มีการสืบต่อสันตติวงศ์ ไม่มีการศึกษาถ่ายทอดข้ามชาติ กษัตริย์นี้ถ่ายทอดข้ามชาติ มีธรรมะ มี rebirth มีการเกิด ชาติแล้วชาติเล่า สั่งสมกรรมวิบาก เทวนิยมไม่มี rebirth ตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้า พระเจ้าสั่งให้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรก แต่ศาสนาพุทธมี rebirth ตายแล้วเกิดสั่งสมเป็นล้านชาติ เป็นพลังงานจิตที่มีกรรมที่เป็นอันทำ ดีก็เป็นของคนนั้นชั่วก็เป็นของคนนั้น คนอื่นไม่มีผลกับใครเลย ชั่วดีก็เป็นของใครคนนั้นเลย
-
กัมมัสสโกมหิ (มีกรรมเป็นสมบัติแท้ของตน)
-
กัมมทายาโท (มีกรรมเป็นทายาทรับมรดกของตน)
-
กัมมโยนิ (มีกรรมเป็นแดนเกิด-หรือพากำเนิด)
-
กัมมพันธุ (มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์, พันธุ์เทพ,พันธุ์มาร)
-
กัมมปฏิสรโณ (มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัยแท้ๆ)
(พตปฎ. เล่ม 14 ข้อ 581)
การเมืองที่มี 2 มีกษัตริย์กับประชาชนและมีจิตวิญญาณเป็นตัวร่วม ภาษาไทยใช้คำว่าราชประชาสมาสัย มีพระราชากับประชาชนอาศัยกัน หรือสมะ อาศัยกันและกัน
ในยุคนี้เป็นยุคที่ประชาธิปไตยเป็นใหญ่ในโลก อาตมาทำงานมาตั้งแต่พศ.2549 กระทงด้วยความสงบด้วยธรรมะด้วยความไม่รุนแรงไม่มีอาวุธ แล้วเอาความจริงออกมาเสนอ พูดกันให้จำนน แล้วประเทศไทยก็เป็นประเทศที่แสนดี คนไม่ดีเลยออกไปนอกประเทศเลยค่อยยังชั่ว ส่งพลังงานมาก็เลยไม่ค่อยพอ คนในนี้ก็เลยทำงานได้ดีกว่า
สรุปแล้วการเมืองไทยจะเกิดความเจริญ ประชาธิปไตยไทยจึงเจริญ ตั้งแต่ประชาชนปฏิวัติ อาตมาอธิบายว่า นี่คือการปฏิวัติโดยประชาชน ทหารไม่ได้ทำ ทหารไม่ได้มาปฏิวัติไม่ได้ใช้มีดใช้ปืน ไม่ได้ใช้อำนาจทางกำลังทหารเลย เมืองไทยปฏิวัติครั้งนี้ พลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 แล้ว รัฐบาลตอนนี้เป็นรัฐบาลประชาชนปฏิวัติ ประชาชนรัฐประหาร ประหารมาตั้งแต่รัฐบาลทักษิณรัฐบาลสมัครรัฐบาลสมชาย รัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะว่าไปจริงๆแล้ว รัฐบาลอภิสิทธิ์ร่วมด้วย อยู่ในนั้น
ประชาชนทั้งนั้นเลย ปฏิวัติหรือรัฐประหารด้วยธรรมะ ธรรมาธิปไตย มันสวยงามที่สุดไม่มีประเทศไหนในโลกเป็นตัวอย่างแห่งรัฐศาสตร์ สวยงามเท่านี้ ตั้งแต่ตำนานประวัติศาสตร์การเมืองมา หมดเลยประวัติศาสตร์การเมือง ไปค้นในตำราได้ ไม่มีอะไรงดงามเท่าประเทศไทยทำประชาชนปฏิวัติ ถึงบอกว่าเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ แต่คนไปหลงกันแค่ว่า นี่เขาเป็นทหาร เขามาเอาอำนาจ อำนาจอะไร ประชาชนให้ต่างหาก ประชาชนให้พลเอกประยุทธ์แต่อยู่ในตำแหน่งทหาร อันนี้แหละมันถึงแยกยาก จะว่าไปแล้ว แม้แต่อเมริกาเอง จอร์จ วอชิงตัน เขาก็ทำหน้าที่ทหาร ปฏิวัติเสร็จเขาก็ยังไม่ขึ้น จอร์จ วอชิงตัน แต่คนไม่ยอม ต้องให้เขาต้องเป็นประธานาธิบดี เขาก็จะไม่เอา ตามประวัติศาสตร์รู้มา
เรื่องสัจธรรมตอนนี้เป็นเรื่องสุดยอด ถ้าไม่เข้าใจแล้วจะไม่รู้ว่าทำไมมันเป็นเช่นนั้น มันเป็นไปตามเหตุปัจจัย ประเทศไทย ทำไมต้องมีในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านอยู่เป็นยอดประชาธิปไตยและท่านก็ทรงงาน อาตมาบอกได้ว่าเป็นประชาธิปไตยที่สวยงามที่สุด ในหลวงรับใช้ประชาชน ซึ่งมีศักดินา มีในหลวงประเทศไหน มาทรงงานเหมือนในหลวงรัชกาลที่ 9 รับใช้ประชาชนติดดิน ประเทศของท่านไปหมด ตลอดพระชนม์ชีพ 70 พรรษา อาตมาถือว่าในหลวงทรงงานมา 70 เลข 7 นี้สมบูรณ์แบบแล้วเป็น 7 ทศวรรษ 70 นี้สุดยอด อาตมายังพยายามอยู่ว่า อาตมาจะถึง 90 ไหม ในหลวงสิ้นพระชนอายุ 89 เป็นตัวเลขที่อาตมาขยายไม่ไหว 8 9 นี้เป็นตัวจบ หาก 9 0 นี้สามเส้าเลย เป็น 9 ทศวรรษที่ลงตัวที่สุด แหมในหลวงสิ้นพระชนม์ 89 อาตมาก็จะดูตัวเองว่าอายุถึง 90 ไหม ถ้าถึงแล้วอาตมาจะมีความชัดในอจินไตยอันนี้ ขึ้นมิถุนายนนี้ก็จะอายุ 86 ขึ้นแล้ว อีก 10 ปีก็น่าจะ 90 แล้วยังฟิตเนสอยู่อย่างนี้ ใช้ได้ อาตมาจะมั่นใจ
เพราะฉะนั้นความฉลาด เฉโก กับฉลาดโลกุตระ ฉลาดอาริยะ หรือโลกียะกับโลกุตระ
ชาวอโศกใคร่ชวนเชิญ มาพิสูจน์ เราแล
ว่าเท็จจริงสิ่งสร้าง มนุษย์ให้เป็นไฉน
(7) ทำไม“จน”สุขได้ มีใน โลกฤา
ไร้ทรัพย์แต่เจริญใจ หลอกมั้ง
ที่มนุษย์สุดแปลกใด วิมุติสุข ฉะนี้รา
แถมวิศิษฏ์วิสุทธิ์ทั้ง วิเศษฟ้า..เชิญมาดู
กำนันสุเทพ..กราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพอย่างยิ่ง จริงๆผมกำลังอยู่ในช่วงระยะด้านคารวะแผ่นดิน คารวะประชาชน แล้วก็มีกำหนดว่าจะต้องมาเดินที่อุบลราชธานี 2 วันนี้ อยากทราบว่าวันนี้พ่อท่านเทศน์ ก็เลยถือเป็นมงคลมาฟังเทศน์ด้วย แต่ผมอยากกราบเรียนว่า ช่างเป็นบุญของผมที่ได้ทำวันนี้ เพราะว่าสิ่งที่พ่อท่านเทศน์พอดีกับสิ่งที่ผมทำอยู่พอดี (พ่อครูว่า..คุณชื่อว่าสุเทพคือเทวดาดี ) อยากกลับเรียนว่าที่เดินอยู่ทุกวันนี้ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเลยเดินเพื่อจะสร้างพรรคการเมืองของประชาชนที่แท้จริง ภาวะเมื่อปี 2556-2557 เรามีปาฏิหาริย์ร่วมกันว่าจะต้องปฏิรูปประเทศ ปรากฏว่าสิ่งที่พลเอกประยุทธ์ทำมานี้ยังไม่ครบถ้วนยังไม่สมบูรณ์ มันจะต้องทำต่อ ทำได้แค่เขียนกฎหมายเป็นรัฐธรรมนูญเป็นแนวทางไว้ แต่ว่าตัวปฏิบัติจริง ต่อไปข้างหน้าก็จะมีขวากหนามเยอะแยะไปหมด พวกที่ไม่เห็นด้วยกับการปฏิรูปอีกก็จะเริ่มอาละวาดกัน จึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะทำต่อ ไม่มีทางที่จะปฏิรูปประเทศนี้ได้นอกจากอาศัยพลังของประชาชน จึงได้คิดพรรคการเมืองที่ชื่อว่ารวมพลังประชาชาติไทย
ผมไม่ได้เป็นอะไรเลยในพรรคการเมืองนี้ไม่ได้เป็นกรรมการไม่ได้เป็นเลขาไม่เป็นหัวหน้า ไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งด้วย เมื่อว่าจะเป็นแบบเขตเลือกตั้งหรือแบบปาร์ตี้ลิสต์
สิ่งที่กำหนด เป็นอุดมการณ์ของพรรคเลย คือพระมหากษัตริย์ต้องจงรักภักดีเทิดทูน เห็นที่พ่อท่านคิดว่าประเทศไทยต้องมีพระมหากษัตริย์กับประชาชน นี่เป็นอุดมการณ์ข้อที่ 1 เลยเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ แตกต่างกับพวกที่ไม่เอาสถาบัน
ประการที่สองคือธรรมาธิปไตย ต้องประกอบด้วยธรรมะ ถ้าหากไม่ชอบทำแล้วการเมืองก็จะเลวร้ายเหมือนที่เราเห็น
ประการที่สามคือรับใช้ประชาชน ต้องเคารพประชาชน เพราะว่าผมเองเป็นนักการเมืองมา 37 ปี ในสภา เห็นนักการเมืองอวดดีอวดรู้มากกว่าประชาชนประชาชนโง่ทั้งนั้น แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่หรอก ประชาชนไม่ได้จบปริญญาตรีโทเอกอะไร แต่ประชาชนรู้ว่าอะไรชั่วอะไรดี อะไรคือสิ่งที่เหมาะสมกับประเทศ
ประกันต่อไปก็คือว่า พรรคนี้ ถ้าจะมาอยู่ก็ต้องตั้งใจต่อสู้เพื่อปฏิรูปประเทศ
ประการที่ห้า ต้องน้อมนำเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติจริง เพื่อแก้ปัญหาของประเทศให้ได้
ประกันที่ 6 ต้องรักชาติ ต้องภาคภูมิใจในชาติ ขนบธรรมเนียมจารีตวัฒนธรรมประเพณีของเรา เพราะเดี๋ยวนี้มีคนเห่อชาวต่างประเทศ แล้วดูถูกความเป็นไทยดูถูกประเทศไทย
ประกันที่ 7 ต้องแบบที่พ่อท่านทำ ต้องทำสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ชีวิตชาวไทยปลอดภัย
อุดมการณ์ของเรามี 7 ข้อเท่านี้ ผมก็พยายามเดินพูดสิ่งเหล่านี้ไปเรื่อยๆมีแรงเท่าไหร่ก็เท่านั้น คนบอกว่าลุงโง่ขนภูเขา ผมก็บอกว่ายอมโง่ทุกวัน ตอนนี้ก็จะเดินต่อไปก็กราบนมัสการครับ
พ่อครูว่า…ดีมาก อาตมาก็ขอสรุปว่า คุณเป็นคนดีคนหนึ่ง สุเทพ เทือกสุบรรณ สุเทพ คือเทวดาดี ส่วน สุบรรณะคือดีเลิศ ไป ทำความเข้าใจกับคำว่า ดีเลิศให้ดี
คุณก็ทำหน้าที่ของคุณ อาตมาเองก็ดูทุกอย่างในสังคมมนุษยชาติ เพราะอาตมาเป็นโพธิสัตว์ อาตมาบอกว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้ศึกษาอะไรนอกจากศึกษาความเป็นคน กับความเป็นสังคม เท่านั้น แล้วท่านก็รู้จบในความเป็นคนกับความเป็นสังคม และเอาความรู้ในความเป็นคนกับสังคม
คนควรจะดีอย่างไรสังคมควรจะดีอย่างไร ทำสิ่งที่รู้อย่างที่มีความรู้ รู้ว่าคนที่ดีที่สุดคือคนอย่างไรคนที่วิเศษที่สุด พิสิษฐ์ วิเศษ วิสุทธิ์ คืออย่างไร เท่านั้นเอง แล้วก็ทำตัวเองให้เป็นคนที่วิสุทธิ์ พิเศษ วิศิษฏ์ให้ได้ นี่คือคน คนที่ดีแล้วจะรู้เรารู้เขารู้สังคมรู้ตัวเรา เมื่อตัวเราไม่มีแล้วก็ทำเพื่อสังคมเพื่อส่วนรวม แรงงานที่จะให้แรงงานเป็นผลประโยชน์เกื้อกูลกับสังคมก็เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นแรงงานของเราทำออกไปด้วยความซื่อสัตย์ด้วยความรู้ด้วยความสามารถที่เรามี จริงใจที่สุดเราก็ทำไปให้แก่ประชาชนได้ จบในตัวมันเอง โดยไม่ไปยึดถือว่าเราทำแล้วเราเป็นเจ้าหนี้เจ้าบุญเจ้าคุณเจ้าของความดี ไม่มี ให้สิทธิอิสระเสรีภาพของคน เขาจะเห็นเราดี อยู่ที่เขา เราดีแต่เขาไม่ให้ความดีก็ไม่เป็นไรไม่ต้องไปทวง เราก็เสียสละแล้ว ก็จบในตัวมันเองแล้ว เพราะฉะนั้นมันหมดความสงสัยมันชัดเจนทุกอย่างเลย เราถึงสบายทำงานสบายๆ
มีแรงงานอะไรก็ทำไป เป็นแต่เพียงว่าสังขารร่างกายชีวิตของเรานั้นสมบูรณ์ ให้แข็งแรงทำงานให้เต็มที่ แต่ความจริงใจ คุณรู้เท่าไหร่ก็ทำความจริงได้เท่านั้น คุณมีความจริงเท่าไหร่ก็ทำตามความรู้ของคุณเอง มันก็จบความรู้ด้วยความจริงเท่านั้นเองในสังคมมนุษยชาติ
อาตมาก็ยังมั่นใจว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ปักหลัก สร้างฐานของความเป็นประชาธิปไตยไว้ให้แก่โลก ซึ่งจะเป็นประชาธิปไตยที่ยิ่งใหญ่ เริ่มมาเรื่อยๆตั้งแต่ประเทศไทยมีประชาธิปไตยมา 70 กว่าปีแล้ว เหตุการณ์ที่เสริมขึ้นมา แต่ยังไม่บริสุทธิ์ดีคือ
เหตุการณ์ 13 หมูป่า ต่างประเทศตื่นตัว ว่าอันนี้คนจะต้องช่วยเหลือกัน เลข 13 เป็นเลขที่รู้กันดีแม้แต่ในเทวนิยมหรือชาวพุทธ ชาวคริสต์ก็รู้ พระเยซูเป็นคนที่ 13 ไม่มีปัญหาอะไร จุดที่มีจิตวิญญาณร่วมกันใน 13 หมูป่า ก็อันเดียวกับที่ในหลวง พระองค์เดียวกับมวลมนุษย์ทั้งโลก
มนุษย์ทั้งโลกมาเห็นหนึ่งเดียว ที่คนมาร่วมแสดงสปิริตใน 13 หมูป่า ก็เท่ากับในหลวงองค์เดียว ทำกับคนทั้งโลก ใครเข้าใจอันนี้ได้ ในหลวงองค์เดียวทำเพื่อมวลมนุษย์ ก็เท่ากับมวลมนุษย์รวมเป็นหนึ่งเดียวที่ 13 หมูป่า มีความบริสุทธิ์ใจมีความเสียสละมีความจริงใจต้องช่วยเหลือกันๆๆๆ ก็ช่วย ช่วยคนอื่น ไม่มีอื่นเลย ใครสามารถที่จะช่วยคนอื่นได้ คนนั้นมีคุณค่าจริงใจไม่ต้องการสิ่งตอบแทน คุณจะให้หรือไม่ให้ก็ไม่มีปัญหา แต่คนยังไม่สิ้นไร้ไม้ตอก คนจะมีภูมิปัญญามีกตัญญูกตเวที เราเป็นคนกินน้อยใช้น้อย แม้ที่สุดเราเองก็ทำกินทำใช้ได้ ไม่มีใครปลุกให้อาตมากินอาตมาก็ปลูกได้ แต่อาตมาว่าคนปลูกมะละกอดีกว่าอาตมาด้วย แต่เขาทำสิ่งที่อาตมาทำไม่ได้ เขาจึงปลูกมะละกอให้อาตมากินก็ทดแทนกันไป อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งมันเป็นสัจจะที่ลึกซึ้งซับซ้อนไม่ต้องกลัวตาย ขอให้ทำดีอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่ว่าคุณทำดีในชาตินี้ยังทำดีไม่มากพอ คุณตายไป กรรมวิบากก็จะ ทด มีปฏิภาคทวี ทดเพิ่มทวี
ขอให้มีความจริงเถอะว่าคุณเป็นคนทำความดีจริงเพื่อผู้อื่นที่จริง ไม่ใช่เพื่อตัวเอง เพื่อคนอื่นให้จริง ไม่ใช่เพื่อตัวเองให้จริง ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนขบถต่อความจริง พระเจ้าก็จะเห็นความจริงแม้แต่พระเจ้าไม่เห็น ความจริงก็คือความจริงอยู่แล้ว ซึ่งมันเป็นสัจจะ
เพราะฉะนั้นอาตมายังมั่นใจที่อาตมาได้พยายามไม่ให้ตายง่ายๆ ว่ามันเป็นความจริงแล้วในประเทศไทย มาร่วมกัน
กำนันสุเทพ..กราบพ่อท่าน ขอไปก่อนครับ
พ่อครูว่า…เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มาโดยไม่ได้นัดหมาย ใครยังไม่ได้หนังสือนะหาเอาไปอ่านบ้าง
พ่อครูมอบของที่ระลึกให้กำนันสุเทพ และคณะ
นี่คือทุกบรรยากาศเพื่อการรายงานความจริง ไม่ได้มีการเขียนสคริปต์ไว้ก่อนไม่รู้ล่วงหน้า
(6) สอง“ฉลาด”นี้แยกให้ ธีรเทอญ
พุทธพิเศษ“ศาสตร์”เกิน กล่าวอ้าง
ชาวอโศกใคร่ชวนเชิญ มาพิสูจน์ เราแล
ว่าเท็จจริงสิ่งสร้าง มนุษย์ให้เป็นไฉน
(7) ทำไม“จน”สุขได้ มีใน โลกฤา
ไร้ทรัพย์แต่เจริญใจ หลอกมั้ง
ที่มนุษย์สุดแปลกใด วิมุติสุข ฉะนี้รา
แถมวิศิษฏ์วิสุทธิ์ทั้ง วิเศษฟ้า..เชิญมาดู
อีก 30 นาทีอาตมาจะเข้าสู่ธรรมะ
ศีลเป็นหลักสำคัญเลย
ความเป็นสัตว์ในโลกที่เป็นชีวะขั้นจิตนิยาม ตั้งแต่เกิดเป็นสัตว์เซลล์เดียวขึ้นมาจนถึงเป็นล้านเซลล์ จนเป็นสุดยอดปราชญ์ สุดยอด เป็นพระพุทธเจ้าได้ ก็จะต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ของศีลเหมือนกันหมด ขึ้นต้นด้วยศีล
ศีลแล้วก็จะมาที่ กาย วาจา ใจ จิตต้องเป็นหลักกำหนดวัตถุ นี่คือศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธไม่ใช่วัตถุกำหนดจิต แต่ศาสนาพุทธจิตกำหนดวัตถุ เพราะวัตถุนั้นมันไม่มีความเจ็บปวด วัตถุไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะฉะนั้นเราจะทำอะไรก็ได้ อย่าว่าแต่วัตถุเลย แม้แต่พืชพันธุ์ธัญญาหารผลหมากรากไม้ ที่เป็นอาหารของคน ก็ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ ไม่มีบาปไม่มีบุญ
จิตวิญญาณเท่านั้นที่มีบาปมีบุญมีสุขมีทุกข์ ขึ้นไป จิตวิญญาณแม้แต่เป็นเซลล์เดียว ชื่อว่าสัตว์เรียกว่าจิตนิยามแล้ว ถึงจะสะสมบาปบุญ สะสมความชอบความชัง สะสมความสุขความทุกข์ แต่แน่นอน สัตว์เซลล์เดียวสัตว์เดรัจฉานอเวไนยสัตว์ ที่ยังสอนไม่ได้ ข้ามเขตโลกียะออกมาเป็นโลกุตระไม่ได้ก็คืออเวไนยสัตว์
เวไนยสัตว์ต้องมีธาตุจิตที่เป็นโลกุตระ สามารถเข้าใจรับรู้มีความรู้ชนิดอื่นชนิดใหม่ ชนิดที่ไม่ใช่วนอยู่ในกรอบของโลกียะเท่านั้น โลกียะ=เอา แต่ที่ให้ต้องจำนนถึงให้หากไม่จำนนไม่ให้ แต่โลกุตระให้ด้วยความสมัครใจไม่ใช่ถูกบังคับไม่ใช่ถูกหลอก และเห็นว่าการให้นี้ดีกว่าเอา ให้นี้ประเสริฐกว่าเอา จบที่การให้ ไม่จบที่การเอา เขาให้มาหนึ่งเราต้องให้เขาเป็นล้าน
สมณะฟ้าไทว่า..เขาให้เรากินข้าว 1 มื้อเราให้เขาทั้งวัน
พ่อครูว่า..เหมือนคุณสมัคร สุนทรเวชบอกว่า ให้กล้วยกิน 1 หวีทำงานให้ทั้งวัน
ใครจะชมพระพุทธเจ้านั้น ชมว่ามีศีลนั้นยังต่ำนัก
คำว่าต่ำในภาษาไทยเทียบกับคำว่าสูงก็เลยเป็นศักดินาขึ้นมา อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจว่ามันไม่ใช่เป็นเช่นนั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้เป็นคนต่ำเลย พระพุทธเจ้าเป็นคนสูงตลอด แต่เป็นขั้นต้นขั้นแรกแล้วต่อไปเป็นขั้นกลางขั้นปลาย การบอกว่าสูงต่ำ ก็อธิบายระนาบเดียว มันก็เหมือนกับขั้นสูงนี้ ข่มขั้นต่ำ แต่ถ้าอธิบายระนาบ ขั้นต้น กลาง ปลาย ก็เข้าใจได้ดีว่าไม่มีอะไร ข่มกัน แต่เดินหน้าจากที่ต้นไปหาที่ปลายสูงสุด อย่างนี้ก็เข้าใจได้ว่า
ศาสนาพุทธไม่ได้ข่มกัน แต่มันมากกว่ากัน ทุกอย่างก็หมุนวนอยู่ในโลก จะหมุนวนทิศตะวันออกตะวันตกทิศเหนือทิศใต้ ก็เหมือนกับยืดเส้นโค้งนี้ให้เป็นเส้นตรงอันเดียวกัน มันไม่มีต่างกันตรงไหน แต่คนเข้าใจว่า คนก็วนกันไปสูงต่ำต่ำสูง แต่คนที่ไม่คิดไม่ติดที่แปลว่า อานิสงส์ให้นี้ต่ำ มีความแตกต่างกัน 2
-
มีความแตกต่างกัน 2. สูงกับต่ำมีจริง และจิตใจผู้นี้ไม่ได้คิดไปยึดมั่นถือมั่นว่า สูงจะต้องเหนือกว่าต่ำ ข่มต่ำได้เหนือกว่าต่ำ กลับกัน ว่า สูงต่างหาก สละให้คนต่ำ จึงจะถือว่าถูก ถ้าคุณจริงคุณมีมากกว่าคุณสูงกว่าคุณเหนือกว่า ก็ต้องเอามาแถมให้คนอื่นเขา มันก็จะได้ดูเสมอกัน ถ้าคุณสูงแล้วมีแต่สูงขึ้นไปมันก็ไม่เอามาให้ต่ำก็จะเกิดช่องว่างเกิดความแตกต่าง ยิ่งจะเกิดความทับถม ถ้าจะอย่างนี้คนที่รู้ยิ่งแล้วก็ไม่ให้เกิดสภาพนี้ จึงเกิดความเสมอภาคกัน
ศาสนาพุทธไม่ใช้คำว่าเสมอภาค อาตมาแยกของเทวนิยมเขามี
-
อิสระเสรีภาพ 2. เสมอภาพ 3. ภราดรภาพ
แต่ของเรามี
-
อิสรเสรีภาพ (Independent) มีอิสรภาพพ้นอำนาจกิเลส .
-
ภราดรภาพ (Fraternity) มีภาวะแห่งรักกว้างออกไปดุจดั่งญาติ
-
สันติภาพ (Peace) มีภาวะสงบแท้ ไม่มีตัวเหตุเบียดเบียน
-
สมรรถภาพ (Efficiency) มีความสามารถสรรสร้างประโยชน์สุข
-
บูรณภาพ (Integrity) ปรับปรุงพัฒนาให้เจริญ ให้เต็มบริบูรณ์
-
สูญภาพ
-
สวยภาพหรือสุนทรียภาพ