620116_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ หยุดปฏิบัติการ IO โลกียะพาฉิบหาย
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1Bh4oq-w6W4KDYs1AldCOVSYV3aKPEf54rN1Wwh23NlQ/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1nRGTqhs8k9UEK709CUfzsJI5O4DxjVLc
สมณะเดินดินว่า…วันนี้วันพุธที่ 16 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก ตอนนี้ต้นปีมีข่าวที่โหดร้ายเกิดขึ้นในประเทศไทย เช่นข่าวฆาตกรฆ่าพ่อเลี้ยงแล้วข่มขืนแม่อีก หรือฆาตกรฆ่า 5 ศพยกครัว อย่างนี้เป็นต้น
ตอนนี้มีญาติธรรมเก่าแก่ชื่อรจนา ก็กำลังจูงจักรยานข้ามถนน รถก็มาชน แน่นิ่งไป สามวันแล้วไม่ฟื้น หมอบอกหากถอดสายออกก็เสียชีวิต หัวใจเต้นแต่ความรับรู้ไม่มีแล้ว ยากที่การแพทย์ทันสมัยมากทำให้ตัดสินใจไม่ได้
วันนี้ก็มีอุบัติเหตุเด็กนักเรียนม.1 ของสัมมาสิกขาราชธานีอโศกถูกไฟฟ้าช็อต ตอนนี้ก็ได้เสียชีวิตแล้ว ความตายอยู่กับเราในทุกฝีก้าว เราเองยังมีโอกาสจะได้ฟังธรรม ยังได้ปฏิบัติธรรมทำชีวิตเราให้มีคุณค่าประโยชน์
พ่อครูว่า…เจริญธรรมวันครู ที่จริงก็เป็นวันครูได้ทุกวันแหละถ้าเราเป็นนักเรียน เพราะว่าการเป็นนักเรียนที่ดีที่สุด อาตมายังเป็นนักเรียนเลย
อ่าน smsก่อน
SMS วันที่ 14 – 15 ม.ค. 2562
…เนื่องในโอกาส “วันครู” วันนี้ มีหลายท่านกราบพ่อครูมาทาง ไลน์ และเฟสบุ๊ค ด้วยครับ…
_4208กราบนมัสการพ่อครูค่ะ เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันครูที่โลกสมมุติ ลูกน้อมระลึกถึงพระคุณของพ่อครู ซึ่งเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณให้กับลูก ทำให้ลูกสามารถก้าวสู่โลกุตระได้ ถ้าลูกไม่ได้มาเจอพ่อครู ชีวิตก็คงอยู่กับโลกีย์ เวียนว่ายอยู่กับกิเลส หาความสงบ และเสียสละไม่เป็น เพราะไม่รู้จักคำว่าจน เดี๋ยวนี้ลูกรู้แล้วค่ะที่พ่อครูพาพวกเรามาจนอย่างสุขสำราญเบิกบานใจ มันดีจริงๆ สุดท้ายลูกขอน้อมกราบขอบพระคุณพ่อครูเป็นอย่างสูงที่ทำให้ลูกมีสัมมาทิฏฐิที่ถูกตรง และกล้าจนได้ จาก “ดาวพิมพ์ฟ้า”
พ่อครูว่า…อย่างน้อยก็ต้องรู้ว่าโลกุตระคืออะไร มีคนจำนวนมากที่ศึกษาศาสนาแต่ไม่รู้จักโลกุตระหรือโลกียะ คนศึกษาศาสนาจึงจะรู้ว่ามีความแตกต่าง 2 อย่างนี้ เข้าใจแล้วสามารถก้าวเข้าสู่โลกุตระได้ เข้าใจแล้วเชื่อว่าตัวเองทำให้จิตวิญญาณก้าวเข้าสู่โลกุตระได้ นี่ก็เป็นสิ่งที่อาตมาเข้าใจว่าเป็นผลสำเร็จของอาตมาอย่างหนึ่ง เพราะศาสนาพุทธเป็นศาสนาโลกุตระ ไม่ใช่ศาสนาอย่างที่กลุ่มใหญ่เขาทำกันตอนนี้ เป็นโลกียะและเป็นเดรัจฉานวิชาเป็นศาสนาไสยศาสตร์ออกนอกรีตเยอะมากมาย น่าเสียดาย
เป็นการตอบรับที่อาตมาเผยแพร่ธรรมะแล้วทำไมรายงานผลมาเช่นนี้ก็ใช้ได้ ไม่สูญเปล่า จะได้มากได้น้อยจะได้จริงแค่ไหนก็แล้วแต่ อย่างน้อยเขาก็ต้องมีความเข้าใจอยู่บ้างที่พูดมาขนาดนี้ ถ้าเป็นความเข้าใจที่ถูกตรงตามพยัญชนะที่พูดมาทุกอย่างแล้ว ถ้าเข้าใจเช่นนี้นิพพานเป็นที่หวังได้
_นันทมนัส สิริจิตราภรณ์ · สมณะบรรยายมีAction ทำให้ไม่เบื่อ รอชมตั้งแต่ประมาณหกโมงเย็น เกือบครึ่งชั่วโมง ไม่ขึ้นเตือนหน้าFace สายเจโตต้องควรเพิ่มการซักถาม สอบถาม สภาวะ …คนชม online ณ บัดNow! 13 คน
_0938 พ่อท่านคิดว่าพวกเราควรจัดงานวันคริสมาสไหมคะ เห็นจัดที่สันติ
พ่อครูว่า…จัดก็ได้ไม่มีปัญหาอะไร ทุกศาสนาศาสดาพาให้เจริญทั้งนั้น ศาสนาเทวนิยมเข้าใจในวงกรอบโลกียะแต่ก็ทำให้ดีเท่าที่จะมีภูมิปัญญา พากเพียรประพฤติดี คงคุณความดีให้นานเท่านาน ซึ่งตรงนี้แหละ มันเป็นไปไม่ได้มันค้างอยู่ไม่ได้มันต้องเลื่อนไหลมาตกต่ำลง ไม่ชาตินี้ก็ชาติต่อไป เพราะมันดีแล้วก็จะชินชาแฉะแล้วลงต่ำลงไป กิเลสมันก็เตรียมตัวจากที่มันเคยชินชา มันก็ไปยินดีกับความเป็นกิเลสความเป็นรสชาติรสโลกียะ ได้ลาภยศสรรเสริญ จากโลกียะอีก
มันซ้อน คนดีมีความสามารถมีสมรรถนะมีความฉลาดเฉลียวแบบโลกียะ แม้มันจะเฉื่อยชามันก็ยังมีความชำนาญ มีสมรรถนะที่ดีในตัวเยอะ มันก็จะได้ ได้แล้วก็จะชะล่าใจ ก็มีการเสพติดแล้วตกต่ำไปหมุนเวียนกันอยู่อย่างนี้ เพราะไม่ได้รู้จักสัจจะที่เป็นกิเลส ว่าเราไปโลภยินดีกับไม่ยินดี ยินดีในโลกที่บำเรอความได้ความมีความเป็นของโลกีย์ ลาภยศสรรเสริญโลกียสุขไม่รู้จักโลกธรรม ก็เลยต้องวนเวียนเป็นสุขเป็นทุกข์คู่กันไม่มีจบ เป็นเทวนิยมเป็น 2 ต้องมีจิตต้องรู้โลกุตระ ต้องเรียนรู้ล้างกิเลสในเจตสิก มีปัญญาไม่ยึดมั่นถือมั่นในโลกที่วนเวียน จบที่โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ ไม่วนเวียนอีกเลย ไม่สูงต่ำไม่ดีไม่ชั่วกับเรา
อาตมาเป็นโพธิสัตว์ผ่านพระอรหันต์มา เข้าใจแล้วก็ช่วยเขา เจตนาเป็นคนที่ไม่ต้องขึ้นต้องลง จิตของเราไม่วนเวียน จิตเป็นอุเบกขาปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา มีแต่คุณสมบัติ 5 ประการที่เจริญขึ้นเป็นอเนญชาภิสังขาร เป็นโพธิสัตว์สูงขึ้นเท่าไหร่ก็เข้าใจตัวนี้ดีมากขึ้นเท่านั้น จะอยู่กับโลกที่หยาบและแรงจะอนุโลมปฏิโลม จะไปคลุกกับโลกต่ำแค่ไหนเราก็ไม่เสียท่า จิตของเราก็ไม่มีกระเทือนไม่มีแวบวาบหวั่นไหว จิตใจจะยิ่งแข็งแรงยิ่งจะสู้ได้ นี่คือสัจจะความจริงที่อาตมามีในตนแล้วเอามาอธิบายให้ฟัง
คณะใหญ่เขาผิดเพี้ยนไปกันมากแล้ว อาตมาทำอยู่คนเดียว ไม่ได้หรอก ถ้าจะมาทำงานมา 40 ปีมี 20 คนก็ไม่ไหว ทำไม่ออก มันไปไม่ได้หรอก แต่นี่มันก็ยังมีเป็นร้อยเป็นพันก็ยังพอเป็นไป นี่มันเป็นสัจจะ แม้จะอยู่อย่างนี้เราก็รู้ เหนื่อยหนักหนาแน่นอน พวกเราเป็นคนส่วนน้อยแล้วทวนกระแสใจกิเลสด้วย เราอยู่รอดถึงขนาดทุกวันนี้หนักหนา
ทีนี้ศาสนาเทวนิยมเขาก็มุ่งหมายดี ไม่ต้องเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน คุณจะส่งเสริมอะไรเล็กๆน้อยๆก็ได้ แต่ถ้าไปทำเสียเต็มที่เลย คนก็จะสงสัย คุณเป็นเทวนิยมหรือเป็นอเทวนิยมกันแน่เขาก็จะสงสัย เพราะจริงๆแล้วอเทวนิยม ไม่ได้ส่งเสริมสนับสนุนให้คนไปติดอยู่กับเทวนิยม เพราะคนติดยึดในเทวนิยมก็ไม่ออกนอกกรอบโลกีย์ก็วนใน cyclic order ไม่มีเจริญไปกว่านี้
วงวนโลกียะไม่จบไม่เลิกแต่โลกุตระนั้นจบเลิกลดความวนไปจนสูญได้ รู้จักอัตภาพรู้จักความเป็นจิตนิยามที่สมบูรณ์ จนกระทั่งรู้ความปรุงแต่งของจิตนิยาม ปรุงแต่งเป็นธรรมะ 2 ทำให้เป็น 1 รักษาสภาพ 1 ให้แข็งแรง หรือทำให้เป็น 0 ทำให้ไม่เหลือสภาพปรุงแต่งก็ได้ ก็เป็นพระอรหันต์ อยู่ไปก็มีแต่ความบริสุทธิ์สูญเฉยกลาง แล้วจิตใจของเราจะยิ่งแข็งแรงและเก่งควบคุม static ได้ดี กลุ่มพลังงานบวกลบในนิวเคลียสในจิตของเราได้ดีให้เร็วหมุนได้เร็ว เปลี่ยนแปลงได้เร็วแข็งแรงเป็นแก่นแกนได้ดี เหมือนลูกข่างหมุนเร็วกินน้ำจั้น นิ่ง มันแข็งแรงเป็นมุทุภูตธาตุ โลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็รับมือได้ไวความรู้เร็วทั้ง เจโตและปัญญา ไม่ได้เปลี่ยนแปลงโดยเสียหาย มีปฏิภาณปัญญามีความหวังดีปรารถนาดีเร็ว ช่วยคนอื่นได้เร็วขึ้น ควบคุมไม่ให้ผิดพลาดมาให้เสียหายได้ดียิ่งขึ้น จิตก็จะยิ่งประภัสสรแจ่มใสไปเรื่อยๆนี่คือองค์ธรรม 5 ข้อของอุเบกขา
เป็นแต่เพียงว่าคุณจะจัดอะไร อย่างงานวันวิสาขบูชา เราไม่ได้จัดอะไรมาก หากเราจัดวิสาขบูชาเราก็จะไปเสริมโลกุตระให้ดีขึ้น แต่ถ้าไปจัดงานคริสมาสคุณจะไปเสริมโลกียะจะทำอย่างไร อาตมาก็แปลความว่าคุณจะจัดรื่นเริงบันเทิงอย่างนั้นไม่เข้าท่า วันคริสต์มาสคุณจะบันเทิงเริงรมย์มันไม่ใช่แบบนั้นของเขา งานจริงๆของเทวนิยมเขาก็ระลึกถึงพระเจ้า สายของอิสลามเขาก็ทำพิธีกรรม ทางศาสนาคริสต์ก็มีพิธีมิสซา นั่นก็คืองาน แต่การร่าเริงเล่นหัวมันเป็นการหาเรื่องของคน เป็นการฉุดให้เสื่อมต่ำลง
ที่สันติฯจัดคริสมาสต์ทำไม นี่พูดไม่ให้มันแรงแล้วนะ สรุปแล้วจะไปจัดทำไม
_อำภา รื่นใจดี · ความเมตตามีได้โดยไม่ประมาณ แต่กรุณาต้องมีขอบเขตมีประมาณเพราะคนเรามีกิเลส มีศีล มีธรรม ต่างกัน คนโบราณจึงสอนเราด้วยสุภาษิตชาวนากับงูเห่า เพื่อให้เราระวังตัวจะได้ไม่เดือดร้อนภายหลัง ที่ผ่านมาชาวอโศกก็เดือดร้อนกับพวกเขามาแล้วใช่ไหมคะเจ็บแล้วต้องจำ แต่ไม่ใช่อาฆาต ค่ะ
พ่อครูว่า…ถูกต้องแล้วก็ประมาณก็รู้แล้วทำไป ยกตัวอย่างชาวนากับงูเห่าก็ดี
_จากลูกศีรษะอโศก กราบนมัสการพ่อท่านที่เคารพบูชายิ่ง
กราบขอโอกาสอีกครั้งค่ะ ขออนุญาตกราบเรียนถามเรื่อง กามราคะ ผิดถูกอย่างไรขอความเมตตาพ่อท่านช่วยชี้แนะด้วยค่ะ
-
ผู้หญิงคนแก่ และ ผู้ชายคนแก่ อายุ 80-90 ปี มองเห็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ที่อ่อนวัยกว่า แล้วพูดออกมาเป็นวจีกรรมว่า
สวยหรือหล่อ อย่างนี้ เรียกว่ายังมีกามภพในวัยแก่ ถูกต้องหรือไม่คะ
พ่อครูว่า..จริงๆแล้วคนสวยหรือหล่อเป็นคนซวยเพราะเป็นเหตุให้คนมาปองรักก็คือปองร้าย เขาอยากได้ไปเป็นของเขา เราก็ควรเป็นเรา เขาเอาเราไปเป็นเขาได้อย่างไร มันลึกซึ้งอย่างนี้ธรรมะ เพราะฉะนั้นคนที่รู้ดีแล้วก็จะไม่พูดสวยหล่อออกมามากมาย แต่จะพูดตามสังคมศาสตร์บางครั้งบางคราวที่ประนีประนอมไปกับสังคมบ้าง อันนี้ก็อย่าไปตีความที่คลุม ว่าคนนี้จะต้องมีกิเลสเสียทีเดียว ยังไม่น่าจะไปยึดมั่นถือมั่นอย่างนั้นเสียทีเดียว
-
ถ้าเห็น แต่ไม่พูดออกมาเป็นคำพูด แต่มีความรู้สึกอยู่ข้างในใจ ว่า สวย หล่อ ไม่แสดงอะไรออกมาให้เห็น แม้แต่แววตา
เก็บอารมณ์ได้ดีมาก อย่างนี้เรียกว่า ยังมีรูปภพ ในวัยแก่ ใช่หรือไม่คะ
-
กามภพ รูปภพ เรื่องผู้หญิงผู้ชายไม่เอาแล้ว แต่เสพสุขอยู่กับงานที่เราชอบ และเสพสุขอยู่กับความเป็นส่วนตัว
อย่างนี้เรียกว่า อรูปภพ ใช่หรือไม่คะ
-
อาสวะ เป็นกิเลสละเอียด แต่สามารถแตกตัวให้โตขึ้น ถ้าประมาท ลูกสงสัยคำว่า อนุสัย เป็นสัญญาที่ไม่มีกิเลสปน
หรือว่า เป็นสัญญา ที่มีกิเลส ที่เป็นละอองธุลี ที่เห็นได้ยาก และล้างสัญญาในเรื่อง กามผู้หญิงผู้ชายได้อย่างไร
ขอพ่อท่านยกตัวอย่าง เป็นรูปธรรมด้วยค่ะ ลูกอยากจะให้กิเลสตัวนี้ เป็นสูญ
กราบขอความเมตตาชี้แนะด้วยค่ะ กราบขอบพระคุณอย่างสูงยิ่ง
พ่อครูว่า…รูปภพคือส่วนเหลือของกาม ถ้าอรูปภพไม่มีกามแล้วมีแต่มานะ อุทธัจจะ อวิชชา เป็นกิเลสของอัตตาตัวท้าย
ถามว่า อนุสัยเป็นสัญญา ที่มีกิเลส ที่เป็นละอองธุลี ที่เห็นได้ยาก และล้างสัญญาในเรื่อง กามผู้หญิงผู้ชายได้อย่างไร
ที่ถามมา ถามเรื่องความละเอียดในบัญญัติ ผู้ที่มีสภาวะแล้วจะไม่เขียนมาให้ยากจะอ่านกิเลสในตัวเองแล้วแยกแยะออกได้ อันนี้ไม่ใช่กามกับอัตตา สองฝั่งใหญ่ ถ้าละเอียดเข้าไปหากาม รูปราคะ อรูปราคะ หากเลยไป มานะ อุทธัจจะ อวิชชา คนที่มีสภาวะจะไม่ถามละเอียดไปถึงตรงนี้ นี่ถามรายละเอียดอย่างนี้มาแปลว่าไม่มีสภาวะอย่าถามมากเลยคุณจะงงในบัญญัติมาก คุณจะไปละเอียดอยู่ที่ภาษาแล้วนึกว่ามันมีความลึกซึ้ง ไปกับภาษามากเกินไป เอาพยัญชนะที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในสังโยชน์ก็เพียงพอแล้ว
หรือเมถุนสังโยค ก็บอกไว้ มีอะไรต่างๆที่จะต้องการแตะต้องสัมผัสนวดฝั้น หรือไม่ก็มีสายตากระทบด้วยสายตาก็ยินดี หรือว่าได้ยินเสียงกระซิกกระซี้ก็ยินดี ไปจนไม่มีแล้วก็มีมะลังมะเลือง จนถึงเมถุนสังโยค ไม่มีอะไรแล้วก็ยังกรุ่น ท่านใช้พยัญชนะว่าเทวะ คือกามเทพ เพราะเทวะก็ไปทางกาม ถ้าอัตตาจะไปทางตัวตน
การจะยกตัวอย่างเป็นรูปธรรมมันไม่มีหรอก มันเป็นอรูปธรรม แล้วไปยกตัวอย่างให้เป็นรูปธรรม คุณเล่นแต่ในพยัญชนะคุณไม่มีสภาวะ รูปราคะก็ไปข้างในแล้วจะให้เป็นรูปธรรม
คล้ายๆบอกว่าจะขี้นะ อย่าให้อะไรออกมาจากตูด ตดก็ไม่ได้นะ อย่ามีอะไรออกมาจากตูดแม้แต่ตดก็ไม่ได้ แล้วจะขี้อย่างไร คนเล่นแต่พยัญชนะแต่สภาวะมันไปอย่างที่พูดมันไม่ได้ อย่าไปติดในพยัญชนะมากเกินไป
อาตมาอธิบายละเอียดเกินไปทำให้คุณเป็นคนติดยึดเกินไป ต่อไปคงไม่เอาอย่างละเอียดเอาอย่างหยาบไปก่อนนะ
ขออ่าน คอลัมน์กวนน้ำให้ใสของสารส้มเขาก่อน เรื่อง
Good Monday IO ของทักษิณ
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ผู้ต้องคำพิพากษาคดีที่ดินรัชดา และหลบหนีหมายจับคดีทุจริตประพฤติมิชอบของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีกหลายคดี
(พ่อครูว่า…คนเราหากรู้ข้อด้อยหรือความชั่วของตนเองนิดนึงก็คือเราจะได้พัฒนาขี้นนึดนึง แต่คนเราหากไม่รู้ว่าตนมีความชั่วอะไรบ้างนี่ก็เป็นคนแย่ที่สุด ทั้งที่ความชั่วของเขาก้อนเบ้อเร่อก็ยังไม่รู้ อาตมาเองทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองมีความด้อยอยู่ คุณรู้ความด้อย 1 ก็จะได้แก้หนึ่ง อันนี้คุณมีหนึ่งก็ไม่รู้หนึ่ง คุณมีร้อยก็ไม่รู้ว่ามีร้อย แต่คุณก็นึกว่าคุณไม่มีความด้อยเลยด้วยซ้ำ จบเห่
อาตมาเข้าใจเรื่องของเศรษฐกิจไม่เหมือนที่เขารู้กัน อาตมารู้ตามพระพุทธเจ้า อาตมาพาพวกเราทำ เราจบเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของชาวอโศก อาตมา จบสบายแล้วเป็นสาธารณโภคี พวกเราอยู่ในนี้เป็นแกนของสาธารณโภคีเป็นสนามแม่เหล็กของเศรษฐกิจสาธารณโภคี ใครเข้ามาที่นี่ไม่ต้องพูดมาก จะถูกดัดถูกปรับถูกพลังงานสนามแม่เหล็กเศรษฐกิจสาธารณโภคี คุณเป็นเหมือนโมเลกุลหนึ่งโยนเข้ามาในสนามแม่เหล็ก มันก็จะต้องถูกจัดเรียงตามสนามแม่เหล็ก
สนามแม่เหล็กของเศรษฐกิจสาธารณโภคีชาวอโศก มีพลังงาน ใครเข้ามาที่นี่ไม่พูดมากอยู่ไปก็จะรู้เอง คนที่มีปฏิภาณจะรู้ว่าที่นี่น่าอยู่ ที่นี่เป็นแดนที่น่าอยู่ ทั้งเศรษฐกิจบุญนิยม สังคมบุญนิยมการเมืองบุญนิยม คือ บุญนิยมแปลว่ากำจัดกิเลส ทางเศรษฐกิจก็กำจัดกิเลสทางการเมืองก็กำจัดกิเลสทั้งสังคมก็กำจัดกิเลส จึงเป็นสังคมบุญนิยม
ใครมาอยู่ที่นี่แล้วจะรู้ว่าที่นี่เขาขัดเกลา สัลเลขะ กายกรรม วจีกรรม ที่มีกิเลสเป็นตัวการ โดยเฉพาะใจที่มีกิเลสเป็นตัวการจบในตัวเลย เมื่อได้รับฟังอธิบายคนยินดีจะล้างกิเลสก็จะมาเอา ส่วนคนที่มาฟังที่พูดอย่างนี้แล้วเขาบอกว่าดีแต่ไม่เอา เขาก็ไป เพราะฉะนั้นจึงเป็นการคัดเลือกคนอยู่ในนี้ โดยสัจจะของมัน ที่จะได้ลงตัวอย่างดี
จะเป็นคำว่าเศรษฐกิจสังคมรัฐศาสตร์การเมืองก็ตาม อาตมาได้ทำในสังคมชาวอโศกให้ลงตัวเป็นสนามแม่เหล็ก อาตมาจึงไม่ต้องพูดอะไรมาก ท่านทั้งหลายช่วยกันบรรยายช่วยกันรับผิดชอบบริหาร อาตมาก็ปลดเกษียณ สบาย แต่ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมอีกถึง 151 ปี
(โยมว่า อย่างไรก็นิมนต์อยู่ สมณะว่าพวกเรายังไม่ดีพอ)
เรื่องที่คุณทักษิณพูดเขาพูดเท่พูดเก๋พูดโก้
ความจริงแล้วปัญหาเศรษฐกิจสังคมมันเรื่องปฏิสัมพันธ์กัน ไม่ได้แยกกัน เศรษฐกิจดีแล้วสังคมจะไม่ดีไม่ได้ เศรษฐกิจดีสังคมก็จะดีการเมืองก็จะดี มันไม่ขัดแย้งกันหรอก มันจะช่วยกันให้เจริญมันเนื่องกัน การจะแยกให้เด็ดขาดเป็นอันใดอันหนึ่งไม่ได้ เป็นแต่เพียงว่าดูในแง่มุมย่อย จริงๆแล้วเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้คนเป็นอยู่สุขมีความสงบ มีอยู่ไม่มีตัวตนไม่เห็นแก่ตัว นี่คือการสรุปง่ายๆ มีอิสระเสรีภาพมีความสงบสันติภาพดี เป็นคนไม่เห็นแก่ตัวช่วยเหลือกันอย่างมีอิสระ ช่วยกันทำให้ภาษาอย่างนี้อย่างเป็นจริง อาตมาว่าพวกเราเป็นได้
เป็นได้โดยอัตโนมัติแล้ว แต่ละคนรู้แล้วทำตนให้เหมาะสม
อาตมาถึงได้สบายใจที่ทำงานมา เกือบ 50 ปีนี้ ทำงานได้ผลสำเร็จแล้ว ยังทำงานได้มากกว่านี้อีก จะมีอัตราการก้าวหน้าในตัวของมัน มีคนรู้เพิ่มขยายเพิ่มอีก แต่มันไม่เร็วแล้ว มันช้ามันเต็มแล้ว หาเพิ่มอีกได้ยากแล้ว เพราะคนอื่นๆ ฐานเขายาก เราคัดหัวกะทิเข้ามาได้ขนาดนี้ นอกนั้นก็เข้าไม่ได้เลย ไม่เอาเลย กับอยู่ชายเฟือย ก็เข้าไม่ได้ มันเหมือนเป็นชั้นๆๆๆ)
ล่าสุด คิกออฟการเคลื่อนไหวครั้งใหม่ ด้วยการจัดรายการ Good Monday
น่าจะเรียก IO ของทักษิณ
-
ทักษิณโฆษณาผ่านเฟซบุ๊ค Thaksin Shinawatra
อ้างว่า “Good Monday รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกกับดร.ทักษิณ ชินวัตร เกิดขึ้น เพราะผมเสียดายเวลา 12 ปีที่อยู่ในต่างประเทศ ได้เห็นความเจริญและความล้าหลังของหลายประเทศในโลก ได้พูดคุยกับผู้นำประเทศทั้งปัจจุบันและอดีตผู้นำทางธุรกิจ นักวิชาการ นักเทคโนโลยีทั่วโลก จึงอยากจะมาเล่าสู่พี่น้องคนไทยทุกคน ที่ทุกวันจันทร์เราตื่นมาทำงานเราอยากจะรู้ว่าสิ่งที่เราทำมาหากินทุกวันนี้ มันยังดีอยู่ไหม ต้องปรับเปลี่ยนอะไร เพราะโลกเปลี่ยนแปลงเร็วเหลือเกิน… ผมจะพยายามมาพบกับท่านให้ได้ในทุกวันจันทร์ที่ Good Monday”
พูดง่ายๆ ว่า เป็นรายการทอล์ก เดี่ยวไมโครโฟน เหมือนสมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรีนั่นแหละ
โดยครั้งแรก ทักษิณได้พูด (คลิปเสียง) เรื่อง “รู้ให้ทันเพื่อรับมือกับโลก 2020” เศรษฐกิจโลกในปี 2019 และ 2020 ที่จะกระทบกับรายย่อย เรื่องวิกฤติเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ก็มีเรื่องระบบการเงินโลก เทคโนโลยีหุ่นยนต์ เทคโนโลยีด้านสุขภาพ เรื่องว่ามนุษย์จะมีอายุยืนยาวขึ้น สังคมไทยต้องเตรียมสังคมของคนสูงอายุไว้ ฯลฯ
ทักษิณบอกว่า “…วันหลัง ถ้าวันจันทร์ไหนผมว่าง ผมจะมาพูดกับพี่น้องสักครั้งนึง อาจจะเป็นจันทร์เว้นจันทร์ หรือว่าบางจันทร์ก็อาจจะติดกันแล้วแต่นะครับจะพยายามเล่าอะไรให้ฟังให้เป็นความรู้ดีกว่านะครับ เรื่องที่ไม่สร้างสรรค์ก็ไม่ค่อยอยากเสียเวลาพูด เราพูดกันแต่เรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตพวกเราดีกว่า….”
-
เนื้อหาสาระที่ทักษิณนำมาพูด ไม่ใช่เรื่องลึกซึ้ง หรือใหม่สดอะไรเลย
เป็นเรื่องที่มีคนพูดกันมาเยอะแยะ หลายคนให้ข้อมูลที่ลึกซึ้ง และสะท้อนความรู้เท่าทันจริงๆ มากกว่า
แต่ที่น่าสนใจ และ “รู้ทันทักษิณ” คือ อะไร?
วาระแอบแฝงที่เลือกเคลื่อนไหวในช่วงนี้ (ช่วงก่อนงานพระราชพิธีและการเลือกตั้ง) คืออะไร?
การเลือกแสดงบทบาทผู้รู้เท่าทันโลก เสมือนปราศรัยสร้างภาพลักษณ์ฝ่ายเดียว แสดงวิสัยทัศน์ สวยๆ หล่อๆ อาบน้ำแต่งตัวเท่ๆ แต่ความเป็นจริงที่ผ่านมาเป็นอย่างไร? “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ทิ้งปัญหาผลกระทบทางเศรษฐกิจไว้แค่ไหน? สร้างภาระหนี้สินจากโครงการทุจริตจำนำข้าวมโหฬารขนาดไหน? แล้วจริงๆ เจ้าตัว บงการใช้นักเคลื่อนไหว นักเลือกตั้ง ประเภทที่ไม่ได้ห่วงใยประเทศชาติส่วนรวมจริงๆ เลยอย่างไร?
-
ในความเป็นจริง ความสำเร็จทางธุรกิจของทักษิณ ล้วนแต่ได้มาจากสัมปทานผูกขาด
อาศัยอำนาจรัฐเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจของตนเอง เอารัดเอาเปรียบคู่แข่งขัน
คนละเรื่อง คนละโลก คนละวิธีการกับที่พยายามพูดจาให้ตัวเองดูดีอยู่ในวันนี้ทั้งสิ้น
ตอนมีอำนาจรัฐ ผ่องถ่ายเงินออกไปไว้ต่างประเทศจริงๆ เท่าไหร่?
พอพ้นจากอำนาจรัฐไปแล้ว ก็ไปทำธุรกิจอะไรประสบความสำเร็จบนเวทีโลกบ้าง?
ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน เคยเขียนบทความกะเทาะเปลือกของทักษิณไว้อย่างถึงแก่น กระชากหน้ากากที่พยายามสร้างภาพว่าตนเองเป็นนักประชาธิปไตย เป็นนักธุรกิจโลกเสรีอย่างหมดเปลือก
บางประเด็น ที่ ดร.สมเกียรติตีแผ่ไว้ เช่น
3.1 “ตัวผมเองรู้จักคุณทักษิณมาตั้งแต่แรกเริ่ม ครั้งที่ผมเป็นนักข่าวโทรทัศน์ในวัยหนุ่ม และคุณทักษิณก็กำลังเป็นนักธุรกิจที่กำลังไต่เต้าขึ้นสู่ความมั่นคงทางธุรกิจ ขยายอำนาจเข้าสู่การเมือง ตอนนั้นคุณทักษิณร่ำรวยมากขึ้นจนสังคมเห็นผิดสังเกต ผมยกมือลุกขึ้นถามในที่ประชุมตอนที่ฟังคุณทักษิณบรรยาย โดยถามว่า “คุณทักษิณ คุณร่ำรวยมากแล้ว ทำไมจึงไม่จัดระบบ และงบประมาณของบริษัท เอไอเอส และบริษัท ชินคอร์ป แบ่งเงินเพื่อการวิจัยและพัฒนาไว้บ้างสัก 2–3 เปอร์เซ็นต์ของยอดเงินรายได้ของบริษัท อย่างเช่น บริษัทสำคัญในโลกเช่น บริษัท ซัมซุง ในเกาหลีใต้ ที่ตอนนั้นเริ่มโดดเด่น”
คุณทักษิณ ตอบผมว่า “อาจารย์ เอาเงินไปวิจัยเพื่อให้นวัตกรรมได้เทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นของตัวเองมันสิ้นเปลืองมาก ไม่คุ้มกัน” นั่นคือคำตอบของคุณทักษิณ
(พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
ส.เดินดินว่า..คนไทยลืมง่าย ตอนเลือกตั้งก็หลงคารมเขาไปหมด พอเลือกเสร็จก็มาไล่เขาอีก เจอคนพูดอย่างทักษิณนี้คนไทยก็ตายหลงหมด
คำตอบนี้ทำให้ผมไม่คิดว่าคุณทักษิณจะสร้างอาณาจักรธุรกิจอุตสาหกรรมอะไรให้เป็นอนาคตทางนวัตกรรมระบบเศรษฐกิจของไทย ผมจึงไม่เห็นว่าคุณทักษิณจะมีคุณค่าอะไรมากไปกว่าคนมีเงินมากธรรมดาๆ เท่านั้น”
3.2 “..ตอนที่คุณทักษิณพยายามจะเอาสัมปทานไอบีซี เคเบิลทีวี จาก อสมท. ตอนนั้นผมทำงานร่วมอยู่กับ อสมท แต่จนแล้วจนรอดคุณทักษิณก็ยังไม่ได้สัมปทานแถมเทคโนโลยีตัวเองก็ไม่มี ต้องไปให้บริษัทเคลียร์วิว จากฮาวาย มาร่วมทุนด้วย มาวันหนึ่งคุณทักษิณก็เชิญผมไปนั่งคุยด้วย กินข้าวขาหมูราชวัตรที่สำนักงานใหญ่ของไอบีซี อาคารหลังเล็กๆ ย่านราชวัตร คุณทักษิณ ถามผมตัวต่อตัวว่า “ผมคิดอย่างไร ถ้าตัวเองอยากจะเข้าไปเป็นผู้อำนวยการ อสมท. เสียเอง”
คุณทักษิณต้องการเข้าไปจัดการเอาสัมปทาน ไอบีซี จาก อสมท. ให้เป็นตัวของตัวเองอย่างง่ายๆ ตอนนั้นผมเป็นผู้สื่อข่าว และผู้ประกาศข่าว ในฐานะบริษัทเอกชนเล็กๆเข้าร่วมงานกับช่อง 9 อสมท. ซึ่งผมเดาว่าคุณทักษิณต้องการให้ผมร่วมเป็นพวกด้วย
ผมตอบคุณทักษิณไปว่า “คุณทักษิณ คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้ คุณจะเอาสัมปทานจาก อสมท และจะเข้าไปเป็นผู้อำนวยการ อสมท เสียเองอย่างนี้ ไม่ได้”
คุณทักษิณตอบว่า “ถ้างั้น ผมให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ไปเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ แล้วก็จะได้ตั้งคนที่ไว้ใจได้เป็นผู้อำนวยการ อสมท จะได้จัดการเอาสัมปทานมาให้ ไอบีซี ของชินคอร์ป และคุณทักษิณ ให้ได้ แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ผมนี่ทึ่งในขีดความสามารถในการทุจริตแบบไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายของคุณทักษิณจริงๆ”
3.3 “…คุณทักษิณ โดยบริษัท ชินคอร์ป ก็เข้าไปซื้อหุ้นสถานีโทรทัศน์ไอทีวี จาก 10 เปอร์เซ็นต์ พยายามให้มากถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ทั้งๆ ที่กฎเดิมห้ามไม่ให้ใครถือหุ้นเกิน 10 เปอร์เซ็นต์ แต่คุณทักษิณก็แก้ไขกฎเกณฑ์จนทำได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ มันเหลือติดอยู่ที่ว่าค่าสัมปทานไอทีวีนั้น จะต้องจ่ายให้กับรัฐแพงมากถึง 2.5 หมื่นล้านบาท ในช่วง 30 ปี คุณนิวัฒน์ บุญทรง ซึ่งปัจจุบันชื่อ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล
รมว.พาณิชย์ และเป็นเพื่อนนักเรียนทุนอเมริกัน รุ่นเดียวกับผม ถือว่าเป็นเพื่อนนักเรียนสมัยเป็นวัยรุ่นไปต่างประเทศรุ่นเดียวกัน
ตอนนั้นคุณนิวัฒน์ เป็นผู้บริหารบริษัท ชินคอร์ป ของคุณทักษิณ คุณนิวัฒน์ก็ชวนผมเข้าไปทำงานที่ ไอทีวี ผมก็รับงานเพราะอยากบริหารสถานีข่าว เพราะในชีวิตนี้ก็ไม่มีโอกาสเลย ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ทำ แต่ว่าผมก็ตื่นเต้นดีใจ รับงานที่เพื่อนเสนอให้ เป็นรองผู้อำนวยการ ไอทีวี สายงานข่าว ถือว่ามีอำนาจมากถ้าได้ทำงาน เพราะคุมข่าวเกือบทุกเวลานาทีทาง ไอทีวี ผมได้เงินเดือนจากคุณทักษิณ 200,000 บาท รถยนต์ประจำตำแหน่ง 1 คัน ราคา 2 ล้านกว่าบาท
แต่ได้รับคำสั่งว่าผมจะต้องทำข่าวไอทีวี คุมข่าวไอทีวี ช่วยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ให้ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ให้ชนะคุณสมัคร สุนทรเวชให้ได้ ผมในฐานะผู้บริหาร ไอทีวี จะต้องกันไม่ให้ข่าวคุณสมัคร ออกใน ไอทีวี มากกว่าข่าวของคุณหญิงสุดารัตน์ ซึ่งสังกัดพรรคไทยรักไทย
ในวันใดที่ผมทำข่าวคุณสมัครมากกว่าคุณหญิงสุดารัตน์ ผมจะถูกเรียกไปเตือนให้ตรวจสอบเทป แล้วก็บ่นว่า ทำไมผมจึงทำอย่างนั้น แล้วผมก็ถูกขอว่า ผมต้องช่วยพรรคไทยรักไทย ต้องช่วยคุณทักษิณ ซึ่งกำลังไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไอทีวีจะต้องทำข่าวช่วยคุณทักษิณให้ขึ้นครองอำนาจทางการเมืองให้ได้ อันนี้คือคำสั่งจากคณะกรรมการบริหารบริษัท ชินคอร์ป และ ไอทีวี บอกกับผม ต้องการให้นายเขา ไม่ใช่นายผม นายเขา เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ เขาบอกว่า ผมไม่ต้องห่วงเรื่องธุรกิจของไอทีวี ไม่ต้องกลัวว่าไอทีวีจะขาดทุน เพราะจะแบ่งงบโฆษณา 50 เปอร์เซ็นต์จากบริษัท ชินคอร์ป มาส่ง ไอทีวี เป็นประจำ แต่ทำอะไรก็แล้วแต่ช่วยคุณทักษิณ เดี๋ยวเอาเงินชินคอร์ป มาใส่โฆษณา 50 เปอร์เซ็นต์ทั้งระบบ ที่เหลืองบชินคอร์ป งบโฆษณาอีก 50 เปอร์เซ็นต์ จะกระจายไปใช้กับสื่อมวลชนทั้งประเทศ เพื่อสร้างเครือข่ายเพื่อนฝูงสื่อมวลชนทั้งหมดให้ดูแลคุณทักษิณให้ดี
นี่คือความจริงของระบอบทักษิณยุคเริ่มแรก…”
-
นั่นแค่บางส่วนบางตอน ใครสนใจใคร่รู้ โปรดไปหาอ่านฉบับเต็มได้