620121_รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ตอนที่ 35
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1Deqw0VY5oTYBzNkrNmvupwWErxXF3NZbu5cJ-VKDAZQ/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1utOpEzhSMonKetrrsbz9Rsv0tAk6CXgv
พ่อครูว่า…วันจันทร์ที่ 21 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก เดี๋ยวขอโอภาปราศรัยกับ SMS
_ปุญญา ธัมมา “คนเห็นแก่ตัวโกรธง่ายและโกรธเร็ว แล้วก็ลืมยาก เลิกโกรธยาก มันโกรธง่ายและโกรธเร็ว แล้วมันก็ลืมยาก คือหายโกรธยาก ความเห็นแก่ตัวยังมีอยู่เท่าไรมันก็โกรธอยู่เพียงนั้น โกรธอยู่เท่านั้น” #พุทธทาส
คำถามคือ ความเห็นแก่ตัว สัมพันธ์ กับ ความโกรธ อย่างไร
พ่อครูว่า…จะซอกแซกรู้ภาษา และสภาวะทุกคำเลยนะ ไม่คิดเองบ้างเลย ไม่พยายามทำความเข้าใจเองบ้างเหรอช่วยอาตมาหน่อย ให้อาตมาสบายทุกตัวทุกคู่เลย ละเอียดละเอียดอะไรอย่างนี้ พยายามรู้ช่วยตัวเองหน่อยนะ
ความเห็นแก่ตัวสัมพันธ์กับความโกรธอย่างไร คำตอบ ความโกรธก็เป็นจิต ความเห็นแก่ตัวก็เป็นจิตวิญญาณทั้งคู่ ความโง่มันก็มีทั้งความเห็นแก่ตัวและมีทั้งความโกรธ มันก็อยู่ในจิตวิญญาณต้องสัมพันธ์กันหมด บางทีมันอาจจะต้องมีอันนั้นอันนี้คั่น เช่น
ความเห็นแก่ตัว ความรัก ความโกรธ มาคั่น พอเห็นแก่ตัวไม่ได้ตามความรักมันก็โกรธ มันก็สัมพันธ์กัน ลักษณะความเห็นแก่ตัว เมื่อไม่ได้ ความรักอันนี้ถ้าไม่ได้สนใจตัวมันก็เลยโกรธอะไรอย่างนี้ ลีลา พฤติบทของจิตวิญญาณทั้งนั้น แต่ละอาการ มากมายก่ายกองต้องเรียนรู้มันให้ทันใช้พยัญชนะเป็นตัวสื่อ ทุกวันนี้อาตมาขยายความ พยัญชนะกับสภาวะธรรม โดยเฉพาะสภาวะจิตวิญญาณยากมากเลย เรียนรู้อันนี้ศาสนาพุทธ ตีแตกเทวะ คู่สภาวะกับพยัญชนะ จิตวิญญาณก็แตกไปเยอะ เป็นจิตเจตสิกรูปนิพพาน
ยิ่งใหญ่ที่สุดเลยคนถ้ารู้ความโกรธความรักความเห็นแก่ตัวและเราก็ไม่ให้มี เราอยู่เหนือมัน มันเป็นตัวมายาที่เราอาศัยทั้งนั้น อาศัยชั่วขณะที่เรายังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ถ้าคุณรู้อะไรที่สามารถตัดได้มันก็ดับได้มันก็ไม่มีที่เรา เมื่อดับได้ทุกตัวก็เป็นอรหันต์
เราย่นย่อที่โลภโกรธหลง หรือราคะโทสะโมหะ ลีลาสภาวะพวกนี้หมดไปจริงๆก็เป็นอรหันต์
อธิบายแค่นี้ก่อนละกัน ช่วยอาตมาทำความเข้าใจหน่อย มาถามอาตมามาก ก็ไม่โตสักที เป็นเด็กไม่เดียงสาอยู่เรื่อย ทีน้ำมนต์เขาก็ยังพอหยุดเลย
_น้ำมนต์…คนจะมีธรรมะได้อย่างไร
พ่อครูว่า…ก็เรียนจากหลวงปู่จากพี่น้องปู่ย่าตายายแล้วก็เอาไปปฏิบัติมันก็จะได้ธรรมะ เราจะแยกออก ธรรมะกับอธรรม เราก็เอาแต่ของดีไม่เอาของไม่ดีก็จะได้ธรรมะ เข้าใจไหม
_มีรายงานมา…ด้วยความห่วงใยในกระแสโลกโซเชียลในแวดวงอโศกขณะนี้ ผู้ที่ตามกระแสอยู่ก็มีการลุ้นเรื่องการจัดสรรพื้นที่ ของสันติอโศก มีอยู่ไม่ถึง 20 ไร่ดี มีสิบกว่าไร่ประมาณเอา ทั้งหมดรวมกันในกทม.ก็มีสันติอโศกเป็นหน่วยกลาง
การจัดสรรพื้นที่สันติอโศกที่กำลังมีย้ายหน่วยงานองค์กร มีการลดขนาดและการใช้สอยพื้นที่ร่วมกันมีการประชุมใหญ่ทุกหน่วยงาน ช่วยกันคิดและจัดสรรหาทางออกไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง ประชุมกันในหน่วยงานส่งตัวแทนประชุมกันระหว่างหน่วยงาน จนกระทั่งวันนี้วันจันทร์ที่ 21 มกราคม 2562 การจัดสรรก็ลงตัวพอสมควร ทุกคนได้ประโยชน์จากกระแสการเคลื่อนตัวขณะนี้ ความเป็นพี่น้องความสำนึกของการแบ่งปัน การใช้พื้นที่ร่วมกันการจัดสรรการใช้งาน (พ่อครูว่า…จิตใจเราได้ฝึกฝนการไม่ยึดถือตัวตน เราสูญก็ได้ ทำให้ง่าย)
อาคารส่วนหน้าของสันติอโศกทุกส่วนถูกนำมารวมกันเพื่อแบ่งสรรปันส่วนสำหรับพื้นที่ที่จะต้องถูกทุบอาคารทิ้ง (พ่อครูว่า..คือเรามีเรื่องที่คนหาเรื่องเขาตะกละจะเอาเงินมาก อาตมาก็ไม่อยากจะฟื้นฝอยหาตะเข็บ แล้วก็ไม่แล้วฟ้องร้องมาอีกเราก็ต้องสู้คดี)
จะมีการทุบอาคารส่วนหน้าทิ้งและมีการทำเป็นโครงการปฐพีพุทธ ทำให้ชาวสันติอโศกต้องรวมหัวกัน Brainstorm ชมร.ที่กิจการกำลังมีผลเจริญ ทั้งของที่ขายมาก จิตอาสาก็มีเข้ามาช่วยงานมากจึงต้องปรับกันมากหน่อย มีการจัดสรรแบ่งปันกันในหน่วยงาน สละออกตามที่พ่อครูสอน เมื่อได้คุยถึงเหตุผลการได้หรือไม่ได้พื้นที่กัน มีผู้ที่ต้องใช้งานมีหมวกหลายใบยิ่งต้องอธิบายมาก ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ และมีข้อกฏหมายด้วย
ที่สุดชมร.ที่เป็นองค์กรสำคัญ ถูกแบ่งออกเป็นครัวมาจัดที่ศาลา ทำให้รื้อฟื้นบรรยากาศเก่าที่ครัวก็อยู่ที่ศาลา ส่วนหน้าร้านก็จัดสรรอยู่ หลังจากนิมนต์ท่านสมณะเทศน์ถึงอนิจจังก็จิตใจดี แต่พอกลับมาวิเคราะห์ก็ถูกความคิดที่ต้องการความส่วนตัวและคิดถึงอนาคต ก็จะเกิดกังวล ต้องร้องหาคนช่วย บางทีก็คิดถึงให้พ่อครูมาตัดสิน
ก็ขอเป็นกำลังใจให้เด้อ
ส่วนท่านสมณะชัดแจ้งที่ข่าวว่าท่านหายใจไม่สะดวกต้องไปรพ.ด้วยอาการหัวใจกำเริบก็ขอกราบนิมนต์ท่านงดให้บริการเรื่องนาฬิกา
จากการสอบถามท่านสมณะสิริเตโชก็มั่นใจว่า ชาวสันติอโศกจะสอบผ่าน
พ่อครูว่า…เราก็ทุกบรรยากาศคือการรายงานความจริง
_ขอให้พ่อท่านอนุญาตให้ใช้ธรรมะคีตะไปเปิดที่อาคารบวร ชาวแม่ค้าที่มาแจกจ่ายซื้อของจะได้ยินธรรมะบ้าง และให้แนวคิดกับเขา เพราะที่นั่นคนไม่น้อยแต่ละวัน
พ่อครูว่า…ก็เอาสิ ไม่ยากใครจะไปดูแล อย่าให้ดังมากนัก หรือบางทีก็เบาไป
_หลวงปู่ครับที่นกแสกมันร้อง แล้ววันรุ่งขึ้นจะมีคนตายเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับหลวงปู่
พ่อครูว่า…ไม่จริง นกแสกมันก็ร้องของมันทุกวัน
_หลวงปู่คะ หมอเขียวเป็นโพธิสัตว์ระดับ 5 จริงหรือเปล่าคะ ทำไมหมอเขียวต้องประกาศโพธิสัตว์ทั้งที่น่าจะเป็นพระสมณะหรือกษัตริย์
พ่อครูว่า…โพธิสัตว์อยู่ในร่างของฆราวาสหรือร่างของสมณะก็ได้ ไม่จำกัดตามวิบากบารมีที่เหมาะควร จริงหรือไม่ก็ติดตามศึกษา ถ้าจะให้แต่หลวงปู่บอกๆๆ ก็ไม่เก่งหรอก รู้แล้วก็ไม่เอาใจใส่ ถ้าหากไม่รู้ก็ต้องศึกษาเอาใจใส่ว่าระดับ 1 2 3 4 5 คืออะไร
โพธิสัตว์ 9 ระดับ 1.โสดาบันโพธิสัตว์ 2.สกิทาคามีโพธิสัตว์ 3.อนาคามีโพธิสัตว์ 4.อรหันต์โพธิสัตว์ 5.อนุโพธิสัตว์ 6.อนิยตโพธิสัตว์ 7.นิยตโพธิสัตว์ 8.มหาโพธิสัตว์ 9.พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อนิยตโพธิสัตว์นี้ยาวนาน จนกว่าจะเป็นระดับที่ 7 นิยตโพธิสัตว์จึงจะเที่ยงสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว แต่ก็รีไทร์ได้นะ ตนเองจะรีไทร์หรือไม่ก็อยู่ที่ตนเอง แต่ขนาดเป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธะก็ไม่เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งก็ได้
ถามว่าเป็นระดับ 5 จริงหรือเปล่าก็เป็นไปได้ ให้ศึกษาเอา
ทำไมหมอเขียวประกาศตน ทั้งที่ควรเป็นสมณะนักบวชหรือกษัตริย์ ก็ไม่ใช่ต้องเป็นนักบวชเท่านั้น ฆราวาสก็เป็นได้
_แก้วบุญ…เวลาหนูทำงานแล้วจะเบื่อ แล้วเมื่อไหร่จะหายเบื่อ
พ่อครูว่า…เบื่ออะไร?…เวลาทำงานเราต้องดูผลงาน ทำงานแล้วมันเกิดสิ่งที่ดีงามสิ่งที่ถูกต้องไหม ถ้ามันเกิดสิ่งที่ถูกต้องดีงามจะไปเบื่อมันทำไม ถ้าไปทำงานใดก็แล้วแต่เป็นงานที่เสียหายงานไม่ได้เรื่องไร้สาระ งานมันไม่ดีไม่เข้าท่าเราก็ควรเบื่อควรเลิก แต่ถ้างานใดเป็นคุณค่าเป็นงานดีทำให้เกิดสังคมมนุษยชาติที่ดีตัวเราก็เจริญดี ให้มีความขยันมีความเชี่ยวชาญชำนาญให้มีความรู้ทางธรรม ช่วยทำขึ้นไปอย่างนี้เป็นต้น ถ้างั้นอย่างนี้มันก็น่าทำ ก็เกิดเป็นคน จนเราเป็นอรหันต์สูงสุดสำหรับการเป็นคนแล้ว จะต่อไปอีกก็ยังได้ เราก็เจริญไปเรื่อยๆ ทำงานมันทำให้เราเจริญ หากไม่ทำงานไปนั่งหลับตาหนี คนนี้เสื่อมเน่าไม่นานก็ตาย ตายแล้วตกนรกไปอีก เพราะไม่ได้เพิ่มภูมิเจริญขึ้น
_หลวงปู่ครับ อานิสงส์ของการ
-
ถือศีล 5 มีอะไร? 2. ทำอย่างไรเราจะถือศีล 5 ได้ครับ
พ่อครูว่า…ถือศีล 5 มีอานิสงส์เป็นถึงพระอรหันต์ได้เลย ถ้าเข้าใจในความลึกละเอียดหมุนรอบเชิงซ้อน
หลวงปู่เคยเขียน ศีลข้อที่ 1 ทำให้จิตใจเราหลุดพ้นจากอาสวะได้เลย ศีลข้อที่ 2 ข้อที่ 3 ก็เหมือนกัน ในศีล 3 ข้อนี้สามารถปฏิบัติจนเป็นอรหันต์ได้เลย ศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับสัตว์เกี่ยวกับคน ศีลข้อที่ 2 เกี่ยวกับข้าวของทั้งวัตถุและพืช ข้อที่ 3 เกี่ยวกับการสัมผัส กามคุณ 5 เรื่องอัตตาเอามาให้แก่ตน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสเป็นกามคุณ 5
เรียนรู้ศีล 3 ข้อใหญ่ เป็นอรหันต์ได้ ก็ติดตามฟังให้ดีๆ
ศีล 5 ข้อ 1 ไม่ฆ่าสัตว์ 2 ไม่ลักทรัพย์ไม่เอาของที่ไม่ใช่ของของเรา 3 เรียนรู้ทางตาหูจมูกลิ้นกาย เกี่ยวกับกามคุณ 5
ข้อที่ 4 เกี่ยวกับวาจา ที่เกิดจาก 3 ข้อแรก ละเอียดก็อยู่ที่ในศีลข้อที่ 5 เป็นเรื่องของจิตของเราข้างใน เป็นเรื่องโง่เป็นเรื่องเมา เราโง่เราไม่รู้คือเรื่องเมาไม่เข้าใจมัวเมางมงายเลอะเทอะ ก็ต้องทำให้จิตมันสะอาดสว่างมีปัญญา แข็งแรง มันก็จะทำให้เกิดกายกรรมหรือวจีกรรมที่ไม่ผิดพลาดได้
-
ทำอย่างไรเราจะถือศีล 5 ได้ ก็อยู่ในนี้ไปในราชธานีอโศก พาปฏิบัติธรรมทำใจสบายๆอะไรก็สบายๆที่นี่พาไปดีทั้งนั้น อยู่ในมิตรสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดี อยู่ในนี้แหละทำศีล 5 ได้ อยู่ที่อื่นทำศีล 5 ไม่ได้หรอก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าศีล 5 ปฏิบัติอย่างไรให้เกิดมรรคผล
_พลเรือตรีมินท์…จะดำเนินชีวิตอย่างไรที่จะได้เป็นผู้ที่มีคุณธรรมและมีประโยชน์
พ่อครูว่า…ปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญา เรียนไตรสิกขา เรียนรู้ปฏิบัติจริงจะได้มรรคผลมรรคผลแท้ มันมีอานิสงส์เป็นสิ่งวิเศษอย่างไรประเสริฐเลิศยอดอย่างไร จะรู้จริงๆจะเห็นของจริงได้
_เวลาหนูไปงานศพแล้ว พอไปดูหน้าศพ บางครั้งก็ไม่ฝันร้ายบางครั้งก็ฝันร้าย แต่ฝันแค่คืนสองคืนก็หายแล้ว แต่มางานศพพี่เนตร พี่เขาตายไป 6 วันแล้ว หนูก็ฝันร้ายถึงพี่เนตรทุกคืนค่ะ หนูควรจะทำอย่างไรคะ
พ่อครูว่า…ก็นึกถึงความจริงพี่เนตรก็ตายไปแล้วไปตามวิบาก ในอนาคตจะมาเกี่ยวข้องมีประโยชน์ร่วมกันอีก มีอะไรที่จะรังสรรค์ร่วมกันอย่างไรก็มีอีก หรือเขาจะมีวิบากไม่มาเกิดที่นี่ก็ได้ แต่อาตมาว่า ภูมิธรรมอย่างเนตรมาเกิดในที่นี้แน่ เขาเกิดมาอีกก็มาเจอกันอีกไม่เป็นไรวางใจไม่ต้องไปอะไรกับเขา จะไปคิดในทางฝันร้ายทำไมคิดในทางไม่ดีทำไม คิดในทางที่ดีจะฝันดี คิดถึงพี่เนตรในทางที่ดี มีอะไรที่ดีเคยทำงานร่วมกันมีประโยชน์ร่วมกันก็ว่ากันไป อย่าไปคิดถึงสิ่งร้าย
_ใจแก้ว…ตอนที่ย่อยธรรมะเมื่อวานก่อน สิกขมาตุกล้าข้ามฝันว่า ให้ทุกคนฝึกพูดบ้างเผื่อจะช่วยพ่อท่าน แต่คนก็บอกว่ากลัว เห็นไมค์ก็สั่น ขอบคุณดินนากับอุ๊ เขาลากไปวิเคราะห์ข่าววิปัสสนา คนเรามีอสุรกาย ก็กลัวโลกธรรม กลัวพูดไม่ดี เสร็จแล้วเราก็อยากบอกว่าที่บ้านราชฯควรฝึกเหมือนกัน ถ้าทุกคนช่วยก็จะแบ่งเบาพ่อท่าน พ่อท่านจะได้รู้ภูมิธรรมของลูกด้วย ไม่ต้องยาวมากก็ได้ พอดีก็เดี๋ยวนี้ก็พอได้ เข่งเคยเป็นลูกศิษย์เจ้าแม่กวนอิม สวดมนต์เช้าเย็นแล้วก็หลงเสียงตัวเองแต่งตัวสวยได้ทำอาหารกินร้อน ใครมาก็ต้อนรับดีพูดจาดีแต่กิเลสมันไม่ออก เมื่อมีอายุมากขึ้นมาเจอสันติอโศก พ่อท่านสอนว่าไม่ใช่ตรงนั้นก็มาเปลี่ยนจิตตนเองที่นั่นสันติอโศกก็ยกย่อง เลยมีผัสสะเยอะ ตอนใหม่ๆก็รู้สึกว่าทำไมเขาว่า ว่ามอมเมาขาใหญ่เถ้าแก่เนี๊ยบ้าง ตัวเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเจอแบบนั้น …
พ่อครูว่า…อาตมาปางนี้ไม่ต้องไปถึงแบบนั้น อาตมาเอาเวลามาทำงาน ไม่ต้องไปเป็นคนรวยไม่ต้องไปมีโลกธรรมมาก ถ้าไปแล้วมันจะเสียเวลา ที่จริงอาตมาไม่เจตนามาทางนี้ ไปทางโลกก็ตั้งใจจะไป ทางบันเทิงธุรกิจ ก็จะตั้งบ.หัวใจสีชมพู รวบงานสื่อสารไว้หมดเลย ถ้ารวบมาหมด แกรมมี่ก็ไม่ได้เกิด RSก็ไม่เกิดหรอก เพราะอาตมาเริ่มต้นก่อน จะเริ่มแล้วตั้งบริษัทแล้ว ทำหนังโทนได้ทุนมา ทำลายสถิติด้วย แล้วมีที่ทางที่พี่ชายของท่านซาบซึ้ง สิริเตโช ฟอร์มกัน มีหนังที่พล็อตเรื่องเสร็จ พระเอกชื่อนายหิน ชื่อเต็มคือนายมหินทร์ เป็นนักอุดมคติ เป็นคนที่มีธรรมะ ชื่อเรื่องว่า “คน” หมายเลข 1 หมายเลข 2 หมายเลข 3 นายหินเป็นคนมีเชิงคิด เปิดตัวมาเป็นคนกวาดถนน นอนกลดนอนไปเรื่อยๆ เสร็จแล้วก็มาเจอแฟนที่ทิ้งโลกีย์มา สืบสาวราวเรื่อง แต่เขาเป็นคน shut in เป็นคนเขียนบทส่ง จบป.โทเมืองนอกมาแต่หน้าฉากเป็นคนกวาดถนน พล็อตไว้หมด แต่มาบวชเสียก่อน
ขนาดมาบวชแล้วคุณชวนก็พยายามเข็นจะให้ทำ แต่ไปไม่ออก คุณชวนก็เลยไม่ได้ทำ คุณเปี๊ยกก็ไปต่อไม่ไหวเรื่องนี้ เขาก็ไปดังของเขา คุณชวนก็เข้ากับเปี๊ยกไม่ได้อีก เป็นเรื่องเก่า มันจะมาทางนี้ก็ต้องมาทางนี้กัน
เป็นเรื่องที่อาตมาเองยิ่งเชื่อกรรมวิบาก หากอาตมาไม่มาธรรมะที่เป็นโลกุตรธรรมก็หายไปแน่นอน พวกนี้จะไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ไปอยู่ในนรก อันนี้เรื่องจริง แต่เพราะอาตมาขึ้นมาทำ แล้วก็เรียกให้พวกเราที่มีเชื้อมีบารมีวิบากเก่าก็สิ่งใดเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา ไม่ต้องเรียกร้องมากด้วย แต่ถึงจะมีจริงอย่างไรต้องมีจิตใจที่ขวนขวายพากเพียร จะไปปล่อยปละละเลยแล้วแต่มันจะเป็นไม่ได้ เราต้องมีความขวนขวายอุตสาหะพากเพียรละเอียดลออทำงาน จะปล่อยตามยถากรรมไม่ได้ ที่จะปล่อยแล้วเป็นได้คือเราต้องมีบารมีแล้วเป็นเองเป็นตถตา แต่เราต้องขวนขวายของเราเองว่าอันนี้มีความก้าวหน้ามีความพัฒนา ต้องเพิ่มเติมเข้าไป ไม่เช่นนั้นมันไม่เดิน เพราะฉะนั้นความขวนขวายพัฒนาพากเพียรต้องมีอยู่เสมอ เรียกว่าจะต้องพัฒนาก้าวหน้า พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าเราไม่สันโดษในกุศล ในเรื่องโลกีย์เรื่องโลกก็ตาม ก็ต้องเป็นเรื่องที่ดีที่เป็นกุศล
_เนตร..ถ้าเราไม่ได้โมโห แต่เขาคิดว่าเราโมโห จะอธิบายอย่างไร จะเป็นน้ำเสียงและสีหน้าที่เขามองตอนนั้นหนูเพิ่งจะตื่น เขาก็คิดว่าหนูโมโห หนูพูดหน้านิ่งๆ
พ่อครูว่า…เขามองจากอะไรที่เราโมโห เขาเรียกว่าอ่านตามอาการ เดาใจเลย คำนวณตามอาการข้างนอกกายกรรมวจีกรรม แล้วก็ตีความว่า เขาโกรธเขาโมโหเขาไม่ชอบใจ เหมือนอย่างหลวงปู่ เขาอ่านตามอาการเขาก็เดาผิด เพราะอาการแสดงออกหยาบ ทำไมถึงต้องทำก็อธิบายไปแล้ว เราก็รู้ว่าเราไม่มี อันนี้ต้องระมัดระวังว่าบางทีเราก็อาจจะมีได้ จริงๆแล้วเราโมโหหรือไม่ อาการโมโหเป็นอาการอยู่ในใจ ถ้ามันไม่มีเลยแสดงว่าเขาอ่านตามอาการ เราก็บอกความจริงว่าเราไม่ได้โมโห เขาไม่เชื่อก็แล้วแต่เขา
_หลวงปู่คะ จิตวิปลาสจะต้องทำอย่างไรให้ดูออกคะ
พ่อครูว่า…ต้องเข้าใจคำว่าวิปลาสให้ดี วิปลาสคือจิตมันเพี้ยนมันผิดไปจากความจริง มันผิดไป มันเพี้ยนได้อะไรบ้าง
กิริยาที่ถือโดยอาการวิปริตผิดจากความเป็นจริง, ความเห็นหรือความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากสภาพที่เป็นจริง มีดังนี้ วิปลาส พตปฎ.เล่ม 31/526
ก. วิปลาสด้วยอำนาจจิต และเจตสิก 3 ประการ คือ
-
วิปลาสด้วยอำนาจสัญญาผิด เรียกว่า สัญญาวิปลาส
-
วิปลาสด้วยอำนาจคิดผิด เรียกว่า จิตตวิปลาส
-
วิปลาสด้วยอำนาจเห็นผิด เรียกว่า ทิฏฐิวิปลาส
สัญญาวิปลาสบ่อยก็ทำให้ทิฏฐิวิปลาสแล้วทำให้เกิดจิตวิปลาสต่อไปได้
หลวงปู่มีภาวะสิริมหามายา กลับไปกลับมาได้ มันเร็วมากเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างเร็ว จนคนตามไม่ทัน
ข. วิปลาสด้วยยึดเอาวัตถุเป็นที่ตั้ง 4 ประการ คือ
-
วิปลาสในของที่ไม่เที่ยง ว่าเที่ยง
-
วิปลาสในของที่เป็นทุกข์ ว่าเป็นสุข
-
วิปลาสในของที่ไม่ใช่ตน ว่าเป็นตน เห็นความไม่มีตัวตนว่ามีตัวตน
-
วิปลาสในของที่ไม่งาม ว่างาม (เขียนว่า พิปลาส ก็มี)
_เราจะเลิกกลัวความตายได้อย่างไร
พ่อครูว่า…เราก็ต้องเห็นความจริงของความตาย แล้วมีใครจะไม่ตายยกมือขึ้น แม้จะเป็นพระอรหันต์เป็นพระพุทธเจ้าก็ต้องตาย เกิดมาเป็นมนุษย์ได้เป็นพุทธเจ้าก็สูงสุดแล้วก็พอแล้ว ชีวิตคนจะมีแต่ดีแต่ดีแล้วจนเป็นพระพุทธเจ้า เป็นโพธิสัตว์ก็ดีไปเรื่อย ทำงานกับมนุษยชาติมาเป็นล้านปี นับเอาพฤติกรรมชีวิตไม่ถ้วนมันเมื่อยน่าเบื่อ ดูอย่างไรแล้วสังคมมนุษยชาติก็มีแค่นี้ คนก็หลงอยู่อย่างนี้ ก็ต้องช่วยเขาอีก ช่วยไปเท่าไหร่ก็ไม่จบมันนิรันดร เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ทุกองค์ก็จบได้ เป็นแต่เพียงเราจะให้สูงสุดเท่าที่มนุษยชาติเกิดเป็นจิตนิยามหน่วยหนึ่งอัตภาพหนึ่ง มันจะสูงสุดได้เท่าไหร่ก็ถือว่าเป็นพระพุทธเจ้าได้สุดยอดแล้ว แค่อยากจะเป็นก็เป็น ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ พากเพียรเอา ถ้าใครเห็นว่า เป็นโพธิสัตว์มาขนาดนี้ ถึงระดับ 7 น่าเบื่อจริงๆ แต่ก็พยายามเห็นใจและมีปณิธานจะช่วยพุทธเจ้าให้ต่ออายุศาสนาถึง 5,000 ปี มีเงื่อนไขอะไรบ้างก็พยายามไปให้ถึงที่สุด
หากไม่มีปณิธาน รับปากพระพุทธเจ้ามา 2 ตนเองก็ไม่คิดว่าจะต้องถึงความสูงสุดของคนไม่ได้ ตอนนี้ก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปแล้ว
จะเลิกกลัวความตายต้องเห็นความจริงว่าทุกอย่างวนเวียนเกิดและตาย จะทำความรู้ให้เลิกกลัวความตายได้ ก็ต้องมีปัญญาแจ้งชัด ว่าอ๋อ สุดท้ายตาย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกองค์ก็จบที่ตาย ไม่ได้หมายความว่าพระพุทธเจ้าจบที่เกิด แต่จบที่ตายแล้วก็เลิกสลายถ้าตัวเองออกไปเป็นอุตุนิยาม ไม่กลับมาเป็นจิตนิยามเป็นต้น เลิกเป็นจิตนิยาม สลายได้สลายเป็นจะมีส่วนเหลือพีชะบ้างก็ให้ดีที่สุด
พระพุทธเจ้าตรัสว่าท่านเหมือนพวงมะม่วงตกมาแตกกระจายแล้วไม่เป็นพวงมะม่วงอีกแล้ว บางลูกก็แตกไปเน่าเละ บางลูกก็จับอยู่ที่ขั้วแต่จะกลับไปเป็นพวงมะม่วงพวงเดิมไม่ได้แล้ว เหลืออุตุธาตุ ดินน้ำไฟลม แต่จะรวมตัวเป็นจิตนิยามอีกไม่ง่าย โดยธาตุธรรมชาติ หากไม่มีตัวช่วยให้เกิดศึกษา เอาธาตุมาส่งเสริมให้เป็นจิตนิยาม แม้ปุถุชนก็เอาสังเคราะห์ให้เป็นอาริยบุคคล เป็นจิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยามทรงไว้
สรุปความตายเป็นที่สุดแห่งที่สุดแม้แต่เป็นพระพุทธเจ้า แต่ถ้ายังไม่ถึงขั้นเป็นอรหันต์เป็นพระพุทธเจ้า ไม่มีที่สุดที่จะเลิกวนเวียน ต้องวนเวียนทุกข์สุขขึ้น สวรรค์ลงนรกอยู่อย่างนั้น
_พุทธบริษัทคืออะไร
พ่อครูว่า…พุทธบริษัทคือกลุ่มหมู่ของชาวพุทธ เป็นกลุ่มหมู่แท้ อาตมาแยกเป็นสาม
-
พุทธศาสนิกชน 2. พุทธมามกะ 3. พุทธบริษัท
พุทธศาสนิกชนคือคนที่เกิดมามีชื่อว่าเรานับถือศาสนาพุทธ จะเชื่อตามตระกูลเชื้อแถว บัญญัติสำมะโนครัวตามสมมุติบัญญัติ คนไทยก็ได้ชื่อพุทธศาสนิกชนเยอะ
ผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติพากเพียรในพุทธศาสนาให้เกิดมีผลประโยชน์ขึ้นมาก็ตั้งใจทำ ปฏิญาณตนเข้ามาตั้งใจ เรียกว่าพุทธมามกะ ตั้งใจปฏิญาณจะถือศีล 5 ศีล 8 แล้วปฏิบัติ จนกระทั่งปฏิบัติแล้วเกิดมีมรรคผล ได้มรรคผลจึงจะเป็นพุทธบริษัท ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสกอุบาสิกา เรียกว่าพุทธบริษัท 4
เพราะฉะนั้นพุทธบริษัท คืออาริยบุคคล
พุทธมามกะ คือผู้ตั้งใจศึกษาให้บรรลุอริยะ
ส่วนพุทธศาสนิกชน มีแต่ชื่อว่าเราเป็นพุทธ ดีไม่ดี ศาสนาพุทธใครแตะไม่ได้ด้วย ไม่เข้าท่า แต่ยึดถือพุทธเท่านั้นอย่างสีลัพพตุปาทาน ยึดถือตามจารีตประเพณีเท่านั้น จนกว่าจะปฏิบัติพ้นสีลพพตปรามาส พ้นสักกายทิฏฐิ พ้นวิจิกิจฉา แต่ไม่เอาจริง พวกนี้หางช้างติดพวยกา เอาตัวช้างออกจากพวยกาแล้วแต่เหลือหางนิดเดียวติดที่พวยกา ได้ แค่นี้ทิ้งไม่ได้อยู่อย่างนั้นไม่ทำให้สะเด็ดคือสีลัพพตปรามาส ไม่เอาจริงล้างกิเลสออกไป
_พระพุทธเจ้าเคยเกิดเป็นรุกขเทวดาด้วยหรือไม่
พ่อครูว่า..คนไม่รู้ อาตมายืนยันว่า พระพุทธเจ้าไม่เคยไปเป็นรุกขเทวดา เพราะท่านเป็นสายปัญญา แต่คนที่อวิชชาเทวนิยม ไปติดยึดว่าต้นไม้ของฉัน บ้านของฉันเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์เป็นตุ๊กแกเฝ้าบ้าน ตามตำนาน ในพระไตรปิฎกมีพระที่ตายไปแล้วก็ติดยึดในจีวรของฉันเกิดไปเป็นเล็นในจีวร นี่คือพวกอวิชชาพาเกิด แต่ผู้ที่ไม่มีอวิชชา อาตมานี่ปัญญาธิกะ ไม่ไปเป็นรุกขเทวดา แต่คนที่เขายึดถือก็ไปเป็นรุกขเทวดา แต่ไม่มีผลอะไรกับคนทีมีปัญญารู้แล้ว ว่ามันไม่จริงหรอก คนจะไปยึดเป็นต้นไม้ของตนได้ แต่อาตมาสมัยเล่นไสยศาสตร์ก็ตัดต้นไม้ใหญ่ที่เขาไม่กล้าตัดมามากแล้ว คือมันรู้หมดแล้วเข้าใจแล้ว
สรุปคือผู้อุปาทานว่ามีก็มี แต่ผู้หมดอุปาทานก็ไม่มีแล้ว
มันเป็นได้นะอุปาทาน มันเป็นดินน้ำไฟลมจับตัวเป็นก้อนก็ได้แล้วแต่อุปาทานแรงไหม คนที่บอกว่ามีฤทธิ์เดชเสกเป่าอะไรได้ก็ยัง คนที่จิตตกเป็นทาสถูกสะกดจิตก็มี
_อรรถกถาแปลหมายความว่า
พ่อครูว่า..อรรถกถาหมายถึงอาจารย์รุ่นหลังที่ไม่ใช่เถระ
อาจาริยวาทกับอรรถกถาจารย์นี้อันเดียวกัน และเถรวาทะกับอาจาริยวาท คนละอย่าง
อาจารย์คือผู้ศึกษารุ่นหลังจากพระพุทธเจ้า หากพระในสมัยพระพุทธเจ้าเราเรียกเถรวาท
เถระที่มาพูดเรียกเถรวาทะ รุ่นที่ได้อยู่กับพระพุทธเจ้า ส่วนรุ่นไม่ได้เกิดกับพระพุทธเจ้าเอาคำสอนอาจารย์รุ่นหลังขยายความเรียก อรรถกถาจารย์
เถรวาทคือรุ่นติดกับพระพุทธเจ้ารับวาทะมาต่อ ที่มีคณะพุทธวจนะเอาแต่คำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างเดียว ของพระเถระไม่เอา พวกนี้ทำวงแคบให้แก่ตัวเอง โดยเฉพาะซวย เพราะพระสมณโคดมไม่อธิบายธรรมะมาก พระสมณโคดมอธิบายใบไม้กำมือเดียวแล้วท่านปรินิพพานไปแล้ว เพราะท่านเบื่อมาก ท่านเป็นพระสมณะที่สอนมานานมากกว่า บางพระพุทธเจ้าสอนคนทีละ 80000 คนบรรลุได้ พระสมณโคดมท่านสอนมามากแล้ว พระอานนท์ไม่อาราธนานิมิตที่พระพุทธเจ้าให้ ท่านก็ไปแล้ว อาตมาเข้าใจจิตวิญญาณพระพุทธเจ้า อาตมาก็เบื่อเหมือนกัน ปัญญาธิกะ
สรุป อรรถกถาจารย์คืออาจาริยวาท
_หนูอยากรู้ว่าคนตายแล้วไปไหน
พ่อครูว่า…จิตวิญญาณของคนที่ไม่เป็นอรหันต์ก็จะไปตามวิบาก แม้แต่เป็นพระอรหันต์ตายแล้วเกิดมาอีกก็มีวิบากอยู่ แต่เป็นวิบากที่ดี วิบากที่ไม่ดีทำโทษภัยกับท่านไม่ได้ มีบ้างแต่น้อยแต่เบา แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ยังมีวิบาก พระเทวทัตมากลิ้งหินทับพระบาทให้ห้อพระโลหิต หรือนางจิญจมาณวิกามากล่าวร้ายเป็นต้น หนักที่สุดก็คือหินทับพระบาท อาตมาอาจถูกแรงกว่าก็ได้ชาตินี้ถือว่าแก๊สน้ำตานี้แรงสุด ชาตินี้เจอนะ ก็ไม่ท้าทาย เราเลือกไม่ได้ ต้องอยู่ที่กรรมเป็นอันทำ ทำแล้วไม่เอาไม่ได้ ถึงเวลาก็จะออกบทบาทมา
_เอื้องนิ่ม..การที่คนอื่นตัดสินว่าเราเป็นอย่างโน้นอย่างนี้โดยที่เราไม่ได้เป็น แล้วเราควรจะอธิบายเขาหรือไม่หรือปล่อยเลยตามเลย
พ่อครูว่า…เราก็ตรวจตัวเองว่าเราไม่ได้เป็น ตรวจความจริงว่าเราเป็นอย่างที่เขาว่าไหม ถ้าเราไม่เป็นทั้งกายกรรมวจีกรรมโดยเฉพาะมโนกรรมไม่ได้เป็น เราก็บอกเขาดีๆว่าเราไม่ได้เป็นอย่างนั้น เขาจะเชื่อหรือไม่เชื่อเราก็บังคับเขาไม่ได้ หลวงปู่ก็บอกอย่างที่ว่า แต่เขาจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ จบที่ความจริง
_หลวงปู่ครับ..ความตายมีกี่ชนิดครับ
พ่อครูว่า..คู่หนึ่ง มีสองตายห่ากับตายโหง ตายห่าคือตายจากโรค ตายโหงคือตายจากอุปัทวเหตุ
อีกคู่คือ ตายจากกิเลสกับตายทางร่างกาย ตายทางร่างกายใครก็ต้องตาย พระพุทธเจ้าก็ต้องตาย และปรินิพพานเป็นปริโยสานไป แต่อรหันต์ที่ตั้งจิตต่อหรือคนไม่เป็นอรหันต์ก็ต้องมาเกิดต่ออีก ไปตามกรรม บิดพริ้วกรรมไม่ได้
การตายการเกิดทางจิตวิญญาณกับการตายทางร่างกาย การตายทางจิตวิญญาณต้องดับเหตุ รู้เหตุแห่งความชั่ว เราดับได้
พระอรหันต์ท่านดับเหตุเป็นแล้ว แต่ท่านไม่ดับเหตุของท่าน ท่านก็เกิดต่อ เกิดต่อแล้ววิบากของท่านก็ท่านไม่ทำวิบากชั่วอีก แต่ที่ของเก่าท่านก็มาเล่นงานได้อย่างพระพุทธเจ้าก็มีพระเทวทัต นางจิณจมาณวิกา ช้างนาฬาคิรีเป็นต้น ก็มาทำร้ายแต่มันเบาลงๆๆไปเรื่อยๆ
เมื่ออรหันต์ พระพุทธเจ้าปรินิพพานเป็นปริโยสานสูญไปแล้วกรรมที่ติดตาม ไม่มีตัวอัตภาพที่จะไปเล่นงานแล้วก็ฟาวล์ไป ยกเลิกไปเพราะไม่มีคู่กรณี คู่กรณีสลายอัตภาพทิ้งก็เลยยกเลิกกรรม
ถ้าเป็นพระพุทธเจ้าก็มีแต่กรรมดี ส่วนกรรมชั่วตามไม่ทันแน่นอน มันไม่หายนะ กรรมชั่วเรายังอยู่แต่วิ่งไล่ตามไม่ทัน มันตามมาเราก็ตายไปแล้ว แต่ไม่หายไปอยู่ในคลังความจำ แต่วิบากชั่วจะตามเหมือนหมาไล่เนื้อแต่มันตามไม่ทันเพราะอรหันต์หยุดชั่วทำแต่ดี หมาไล่เนื้อเลยตามไม่ทัน สุดท้ายอรหันต์พระพุทธเจ้าปรินิพพานเป็นปริโยสานทิ้งกรรมพวกนี้ไว้เด๋อไปเลย
กรรมไม่มีสูญ แต่เลิกกรรมปัจจุบันที่ไม่ดี ทำแต่ดีก็กุศลเป็นกำแพงกั้นหมาไล่เนื้อหรือวิบากไม่ดีไม่ให้มาถึงได้ง่ายเท่านั้นเอง วิธีของพระพุทธเจ้าถึงลึกซึ้งที่สุดเลย
สรุปตายร่างกายกับตายทางจิตวิญญาณ จะตายทางร่างกายกับจิตวิญญาณด้วยก็มีแต่อรหันต์กับพระพุทธเจ้าทำได้ แต่คนอื่นก็ตายได้แต่ร่างกาย แต่จิตวิญญาณไม่สามารถตายได้
_ผมไปที่วัดป่าแห่งหนึ่งผมสังเกตคนเอาผักผลไม้สดไม่ผ่านไฟ อะไรที่ลงดินแล้วงอกได้ ก็ทำกัปปิยะ พระจะถามว่า กัปปิยังกโรหิ ทำให้สมควรแล้วหรือยัง คือทำลายเชื้อไม่ให้งอกได้ โยมก็จะบอกว่า กัปปิยังภันเต ก็คือทำแล้ว ถ้าพระไม่ทำก็ถือว่าอาบัติพรากของเขียว ผมรู้สึกว่าธรรมวินัยข้อนี้ฟั่นเฝือจะกินอะไรก็ยาก
พ่อครูว่า..พืชที่จะทำลายเปลือกแล้วมันจะงอกไม่ได้ก็ว่าไป แต่พืชที่ทำลายเปลือกแล้วมันก็ยังออกได้ต้องให้ทำลายต่อ แต่ต้องให้ฆราวาสเป็นผู้ทำลายนะ ไม่ใช่สมณะไปทำลาย เดี๋ยวนี้บางคนเอาใบโกสนมาเพาะให้งอกได้ มันจะเกิดจากอะไรก็แล้วแต่ มันเกิดได้ทางใบ ทางราก ทางหัว ก็ต้องทำลายตรงนั้น จริงๆแล้วมันไม่เข้าใจก็มักง่ายไม่ครบหรอกก็ว่ากันไป ก็เอาเถอะ แม้ว่าจะอาบัติเพราะไปพรากพืชต่างๆ
พืชเองมันก็ไม่มีพยาบาท แต่อย่าประมาท พระพุทธเจ้าให้รู้จักชีวะ เตือนตน ผู้เป็นสมณะอย่าประมาทแม้ชีวะของพืชที่มันงอก มันอาจงอก และพัฒนามาจนเป็นจิตนิยามได้ท่านแถมให้ เราก็ต้องรู้ว่าอย่ากังวลเรื่องพืชมาก ไม่งั้นต้องไปกินดิน เป็นไส้เดือนไป มันก็เกินไป ก็เอาแต่พอควร
_เกิดมาได้ไม่นานก็ตายมีบุญหรือไม่เพราะไม่ได้สร้างวิบากเพิ่ม
พ่อครูว่า…เกิดมาไม่นานแล้วตาย แต่ว่าวิบากของเราในชาตินี้ คนที่จะตายเร็ว เกิดมามีวิบาก เช่นมีโรคภัยตายห่าแล้วก็ทรมานกับโรคภัยแต่คนบางคนอายุไม่ยาวแต่ไม่ตายด้วยโรคห่าแต่ตายด้วยอุปัทวเหตุ ที่มีเหตุปัจจัยของมัน เป็นปัจจัยปัจจุบันหรือวิบากก็ได้ที่เราเป็นไป ก็ต้องตาย ส่วนผู้ที่ถือว่าธรรมชาติคนก็ไม่ควรตายโหง ควรตายโดยโรคหรือไม่มีโรคแต่ตายด้วยสงบก็สูงสุด
อย่างพระพุทธเจ้านี้ท่านไม่ได้ตายด้วยโรค ท่านไม่ได้ตายด้วยอุปัทวเหตุแต่ท่านสร้างเหตุให้ตาย ท่านก็กินเห็ดพิษสุกรมัทวะเพื่อให้รู้ว่าทุกอย่างมาแต่เหตุ ถ้าจะว่าไปท่านฆ่าตัวตาย แต่ท่านจะตายโดยไม่มีเหตุไม่ได้ เพราะพระพุทธเจ้าองค์นี้เองอันนี้เป็นหลักคืออาริยสัจ 4 มีเหตุ ท่านจะตายเองก็ได้แต่ท่านต้องการทำให้มีเหตุ อาตมาจึงซาบซึ้งเหตุมาก อธิบายเหตุมากมายซับซ้อนลึกซึ้ง
_พวกเราทุกคนเคยตายมาก่อนใช่ไหม ตายแล้วไปไหน
พ่อครูว่า…ไม่ต้องถามเลย เคยตายมาไม่รู้กี่ล้านๆชาติ แต่ไม่เข็ด หากมันรู้ก็จะเข็ด มันจะตายซ้ำๆๆ
สรุปแล้วเคยตายมาแล้วทั้งนั้น ตายแล้วไปตามวิบากกรรมของตน
_ถ้าหนูดื้อจะทำอย่างไร
พ่อครูว่า…หนึ่ง ถูกตีด้วยเมตตา หากเขาไม่เมตตาก็วิบาก แต่ถ้าแม่หรือผู้ปกครองตีด้วยเมตตาก็โชคดี ของเรามีกติกาเลยว่า ไม่ให้คุรุที่เป็นคู่กรณีเป็นผู้ตีเด็ก เพื่อไม่ให้เกิดจิตพยาบาทต่อกันซับซ้อน ให้กรรมการกลางตี
_ยายพลังพร…ครั้งก่อนไปที่หินผาฟ้าน้ำก็ได้คติธรรมมา มีสติคืนมาเต็มร้อย…สิ่งที่ย้อนไม่ได้คือเวลา สิ่งที่หนีไม่ได้คือความตาย สิ่งที่เชื่อไม่ได้คือสุขภาพชีวิต สิ่งที่มองไม่เห็นคือใจคน สิ่งที่ตนอดทนที่สุดคือใจตนเอง อนาคตเป็นเรื่องที่ต้องคิด ชีวิตเป็นเรื่องที่ต้องศึกษา ปัญหาเป็นเรื่องต้องแก้ไข จิตใจเป็นเรื่องที่ต้องระวัง
_หายโง่…งานรับรางวัลเพชรแห่งเอเชีย เมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา หมอเขียวได้กล่าวสุนทรพจน์ตอนหนึ่งความว่า ตามหลักแพทย์วิถีธรรมที่นำมาจากพระพุทธเจ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ เราได้ศึกษาบุคคลทั้ง 3 เป็นหลัก อนึ่งที่หอประชุมมีภาพพ่อครู เป็นภาพเขียนขนาดใหญ่ในอิริยาบถต่างๆ ทำให้รู้ว่าหมอเขียวเคารพพ่อครูเป็นครูบาอาจารย์
พ่อครูว่า..มารายงานก็รับซับซาบ
_ขอได้โปรดอธิบายแสงอรุณ 7 ข้อที่ 5 ความเป็นธรรมด้วยตน อัตตสัมปทา
พ่อครูว่า…แสงอรุณสุริยเปยยาล 7
[129] มิตรดี เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค . . ดูรายละเอียดมิตรดี -> .
[131] สีลสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค .
[132] ฉันทสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค .
[133] อัตตสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค .
[134] ทิฐิสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค . .
[135] อัปปมาทสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค
[136] โยนิโสมนสิการสัมปทา เป็นนิมิตแห่งอริยมรรค .
ถ้ายังไม่สามารถเข้าใจในความรู้ 7 ข้อนี้ดีพอสมควร ถ้าไม่เข้าใจเลยใน 7 ข้อนี้ มาปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ก็สูญเปล่า
อย่างข้อ 1 คุณก็ไม่รู้ว่าควรจะมีมิตรดีสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดียกตัวอย่างพระพุทธเจ้าบอกว่าเราเป็นมิตรดีของเธอภิกษุทั้งหลาย ถ้าหากบอกว่าไม่เชื่อคุณก็ไม่มีมิตรดีสหายดี โพธิรักษ์บอกว่า เป็นสยังอภิญญาเป็นมิตรดีนะ คนไม่เชื่อก็ไม่มาเอา แต่ถ้าคุณเชื่อคุณก็มาเอา ยิ่งคุณมีจิตยินดีตามข้อ 2 ก็ยิ่งดีแล้วอาตมาก็สอนศีล ไม่เหมือนที่เขาอธิบายกันด้วยนะ คุณก็ศึกษาตาม ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ ทุกวันนี้ไม่มีศีลก็โมฆะบุรุษเยอะเลย เขาก็เรียนศีลเป็นที่ต้นแต่เขาทิ้ง มันเผินไม่เชื่อเพราะไม่ฟังสัตบุรุษ
ข้ออัตตา ต้องเรียนรู้อัตตา ความเป็นตัวตนมีอยู่ 3 อย่าง
-
การยึดครองหรือได้ตัวตนวัตถุภายนอก (โอฬาริกอัตตา ฯ)
-
การยึดครองหรือได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ ปั้นรูปสัญญา ไม่อาศัยวัตถุภายนอกหยาบๆ แล้ว (มโนมยอัตตา ฯ)
-
การยึดครองหรือได้อัตตาที่หารูปมิได้ หรือรูปละเอียดที่ปั้นสำเร็จขึ้นด้วยสัญญา (อรูปอัตตา ปฏิลาโภ) .
(โปฏฐปาทสูตร พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 302)
แล้วก็ไม่ชัดเจนในอัตตาและกามก็ล้มเหลวเลย จึงจะต้องมาเรียนรู้อัตตาอย่างสำคัญ
คนจะอธิบายกามและอัตตาได้ โลกความวนของอัตตาและกามได้ก็ต้องมีสยังอภิญญา แม้ไม่สยังอภิญญาแต่เป็นสัตบุรุษแท้เป็นโพธิสัตว์ระดับรองลงไป ก็ยังดี แต่ถ้ามีสยังอภิญญาก็ดีใหญ่ ในยุคนี้ ท่านมีของท่านมากพอไม่ต้องพึ่งใคร ท่านพึ่งตนได้ เป็นปัจเจก สยังอภิญญา แล้วก็จนกลายเป็นสยัมภู สูงสุด ก็มีที่ไปที่มา
สรุปแล้ว ค่อยๆเรียนรู้ปฏิบัติตั้งแต่อัตตาแรกคือ
โอฬาริกอัตตาเกี่ยวกับข้างนอก ตื้นสุดคืออบาย ต่อมาคือกามคุณโลกกาม ลาภ ยศสรรเสริญ โลกียสุข หรือขั้นรูป รสกลิ่นเสียงสัมผัสจัดจ้านก็ลดลงมาตามลำดับ ก็จะเข้าใจโอฬาริกอัตตา จนลาภยศสรรเสริญภายนอกเราก็ไม่ติดใจ
รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ก็ไม่ติดใจ อย่างไรก็พอได้ รูปสวย กลิ่นหอม สัมผัสเสียดสีจนถึงรากราคะ
รากราคะ เป็นเรื่องการเกิดการตายสืบต่อเผ่าพันธุ์ เรื่องเมถุนเป็นเรื่องหยาบ พระพุทธเจ้าสอนเมถุนถึง 7 ชั้น
-
ยินดีการขัดสี ลูบไล้ ให้อาบน้ำ และนวดฝั้นจากมาตุคาม รู้สึกปลื้มใจ
-
กระซิกกระซี้เล่นหัว สัพยอกกับมาตุคาม แล้วปลื้มใจ
-
เพ่งจ้องดูตา(ฟาดเนตร)กับมาตุคาม แล้วปลื้มใจ
-
ได้ฟังเสียงมาตุคามหัวเราะ ขับร้อง ร้องไห้อยู่ข้างนอกฝา-นอกกำแพง แล้วปลื้มใจ
-
ตามนึกถึงการหัวเราะ พูดเล่นหัวกับมาตุคามในกาลก่อน แล้วปลื้ม-สุขใจ
-
ได้เห็นคฤหบดี หรือบุตรแห่งคฤหบดี ผู้เอิบอิ่มพรั่ง- พร้อมด้วยกามคุณ 5 บำเรอตนอยู่ แล้วปลื้ม-สุขใจ
-
ประพฤติพรหมจรรย์โดยตั้งปรารถนาเพื่อเป็นเทพเจ้า หรือเทพองค์ใดองค์หนึ่งไว้ แล้วปลื้ม-สุขใจ
(พตปฎ. เล่ม 23 ข้อ 47)
โอฬาริกอัตตาคือกามภายนอก รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสเสียดสีภายนอกเราก็ไม่ติดใจ ไม่ต้องแตะต้องสัมผัส นวดฝั้น หากจะนวดรักษาก็ตามความจริงไม่เกิดติดใจอะไรก็ต้องมีภูมิปัญญารู้ละเลิก สรุปแล้วสัมผัสจะต้องไปนอกอย่างไรก็ไม่เกิดจิตที่มีอะไรอยู่ภายในเป็นราคะ รูปราคะ คุณก็ต้องอ่าน ถ้าระริกระรี้แรง แสดงว่าภายนอกเผลอไม่ได้นะ ถ้าไม่แล้วมีนิดหน่อยก็จะรู้ว่า ราคะ รูปราคะ เบาบาง เหลือน้อย อรูปราคะก็จะน่าไว้ใจกว่ารูปราคะ หมดอรูปราคะ โน้นก็ยังมี มานะ ถือดี เรื่องรสจะเป็นเชิงเมถุน สัมผัสเสียดสีเกิดไคลแมกซ์เฉยๆแล้วไม่ยินดีแล้ว แต่มีไคลแมกซ์ในความดี บางคนชื่นใจมากน้ำตาไหลกระโดดโลดเต้น
ก็ต้องลด มานะ อติมานะ แต่ไม่ใช่เมถุนแล้ว หรือจะเรียกว่าเสพเมถุนกับความดี เราเป็นสิริมหามายาภาษากับสภาวะ แต่คุณยังมีความชื่นใจมีความยินดีมีรสติดยึด ความดี ก็รู้ว่า ในความดีมีมุทิตาจิต ก็รู้แล้วว่าเราได้ทำสิ่งดี เรื่องดีก็สำเร็จจบแล้ว ก็รู้ความดีแล้วเลิกจบ ไม่ได้มีรสก็เลิกวาง
เมตตาคือต้องการให้เขาได้ดี กรุณาก็ช่วยเขาให้พ้นทุกข์สุข ตามชั้นไหนก็สำเร็จผลมุทิตารู้ว่าดีแล้ว และจิตไม่ติดยึดก็อุเบกขา
เราก็จะมีสภาวะว่าเรามีฐานนี้แล้วไม่ติดยึดในเรื่องเหล่านี้แล้วก็จะรู้อาการต่างๆสัมผัสสัมพันธ์กรรมกิริยากับมนุษย์โลก
ถ้าเรารู้อัตตาดีแล้วก็อย่าทำให้ผิดเพี้ยนไปจากสัมมาทิฏฐิ 10 หรือทิฏฐิ 2 ทิฏฐิ 6 เป็นต้น โดยเฉพาะสัมมาทิฏฐิ 10 หรือทิฏฐิ 6 ของปัญญา
แล้วปฏิบัติ ยังมีกรรมกิริยาอาการงานเปิดลืมตา สัมมาสังกัปปะสัมมาวาจาสัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ ก็จะต้องมี ทิฏฐิ 6 ปัญญาปัญญินทรีย์ปัญญาพละ ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ องค์แห่งมรรค สัมมาทิฏฐิ เกิดธาตุรู้ที่รู้เป็นผลปัญญาเป็นปัญญินทรีย์จบเป็นปัญญาพละ
_บุญรุ่ง…เคยข้องใจมานานแล้ว นานมาแล้วฝันว่า เห็นคนเดินฉับๆเข้ามาพร้อมตะกร้ากับเสียม เขาว่าอยากฟังสวดอีก ดิฉันก็ว่าจะสวดให้ฟัง เขาบอกว่า ถ้าวันเสาร์มาเจอกันได้ไหม เมื่อวันเสาร์ไม่ได้ไปตามนัด ไปหาหมอเข้าทรง ตอนนั้นรักษาข้อเท้า เขาบอกว่าเขาชื่อ พรหมจรรย์ สีหราช อยากจะฝากอะไรดีๆไว้กับดิฉัน เขาบอกว่าอะไรหายไปก็ให้เรียกเขา ต่อมาดิชั้นอะไรหายก็เรียกหาเขาก็ได้คืน ครั้งสุดท้ายแหวนของพ่อบ้านหลุดลงไปในน้ำ หมอดูบอกว่าอยู่ตรงนี้แหละ เขาไปงมก็ไม่เห็น เมื่อดิฉันเรียกหาเขา บอกว่าแม่พรหมจรรย์เอ๋ยมาช่วยหน่อย แหวนตกในสระน้ำนี้ขอให้ได้เถอะ พวกนั้นหาหมดแล้วไม่เจอ แต่ตอนหลังมีคนหนึ่ง งมหอยมา บอกว่าเอาหอยไปเผากินแต่เด็กก็เห็นว่าหอยคาบแหวนทองไว้
เคยถามสมณะ ท่านว่าเป็นอุปาทานเป็นจิตของเราเอง แต่เห็นเขาเดินฉับๆมามาจากถ้ำเฝ้าไหเงินไหทองให้อยู่ ท่านก็ว่าเป็นจิตเราอุปาทานเรา ดิฉันก็ยังติดใจว่าอะไรกันแน่
พ่อครูว่า..สรุปว่ามีความพยายามตามหา ถ้าคุณไม่ตามหามันจะได้ไหมแหวน หอยจะคาบมาได้อย่างไร แล้วใครโยนขึ้นมา ก็คือเขางมได้ก็โยนมาเป็นธรรมดาแล้วพอดีกับติดอยู่กับหอย อาตมาว่าหอยไม่กินแหวนหรอก แล้วก็ไม่เคยเจอเขาเลย
อาตมาว่า เรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้โยนทิ้งดีกว่าอย่าเอามาเป็นภาระเป็นเรื่องวุ่นวายเลย ถามอาตมาก็ตามอธิบายไม่ทัน
พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้เอานิยายอะไรกับเรื่องฝัน ไม่ปรับอาบัติด้วย แต่คุณก็ไปเอาเรื่องฝันมาเป็นเรื่องราวอีก
_ปหาน 5 ให้ถึงตถตา จิตที่เป็นเทวดา สมาธิที่ลึกกว้าง
พ่อครูว่า…ขอต๊ะไว้เหลืออีก 2 นาที
_แม่หนูฝากถาม … 1 การนั่งสมาธิหลับตาไม่ใช่ศาสนาพุทธเพราะอะไรคะ
พ่อครูว่า…เพราะหลับตาเป็นเรื่องอยู่ในภพอย่างเดียวมีแต่สัญญาไม่ครบความเป็นภายนอกภายในที่เป็นมนุษย์สามัญธรรมดา ที่จะมีธรรมะ 2 ที่เรียกว่ากายคำว่ารูปนามก็ดี ไปนั่งหลับตาเป็นการฝันเพ้อไปได้สร้างรูปเรื่องอะไรขึ้นมาเองได้ไม่มีใครรับรอง ถ้าลืมตาปฏิบัติมีคนอื่นเป็นเครื่องยืนยัน เป็นหลักฐานเรียกว่ากายสักขี มีรูปนามคือกาย หลักฐานพยานยืนยัน แล้วพระพุทธเจ้าย้ำยืนยันว่าต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย กายสักขีหากไม่สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกายก็ไม่ชัดเจน ไม่สมบูรณ์พระพุทธเจ้าก็ไม่รับรองว่าเป็นอรหันต์ได้
ทวาร 5 ตัดไปเลย การนั่งหลับตา คนเราต้องครบ 6 ทวารจึงเต็มแต่ไปตัดทวารนอก คุณก็รู้ของคุณภายในคนเดียวคนอื่นไม่รับรองด้วยได้ แต่ก็สามารถไปสร้างอุปาทานหมู่ครอบงำคนอื่นได้อีก พระพุทธเจ้าบอกว่าให้มายืนยันกันด้วยลืมตาเปิดเป็นรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสทางทวารทั้ง 5 ใครมาสัมผัสด้วยตาหูจมูกลิ้นกายภายนอกก็รู้ด้วยกันไม่ต้องพูดกันยาว นี่คือรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสภายนอก
การนั่งหลับตาสมาธิเป็นเรื่องที่คนติดหนักจริงๆ เป็นเรื่องยากมากที่จะพูดกันรู้เรื่องเพราะมันติด แล้วก็เพ้อเจ้อไปตามเรื่อง ผู้ที่ชัดเจนแล้วไม่สับสนไม่ยากเย็นอะไรก็เข้าใจเรื่องนี้เข้าใจได้ มาลืมตาปฏิบัติเสีย ถ้าหลับตาแล้วมันง่ายขึ้น จะตรวจสอบเป็นเตวิชโชก็ไม่ยาก แต่คุณไม่ลืมตา พูดให้ตายคุณก็ไม่เข้าใจสมบูรณ์แบบ หลับตาปั้นคิดเอาเองของตนไปได้หมดในภพ แต่เรื่องยืนยันภายนอกนี้ชัดเจนไปตามลำดับ
-
ทำตัวอย่างไรถึงจะเป็นหนุ่มตลอดเวลา