620125_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมะกับการเมืองคือเรื่องทำเพื่อเศรษฐกิจดี
อ่านต่อหรือดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1H2CgY-2b5otSzHdAsruEfxbfu6P8qi4fOJWaSIb9gUQ/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่…https://drive.google.com/open?id=1611TJBvtpDJhV-qjD5qRRgRDLBDhNhEh
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 25 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก ชีวิตคนเราไม่ว่าจะเป็นคนโลกียะหรือคนโลกุตระก็อยู่กับความสัมพันธ์ แม้ว่ามาฟังธรรมก็เป็นเรื่องซ้ำซาก พ่อครูได้เขียนบทเพลงแห่งความซ้ำซากไว้ถึง 10 หมายเลข
ความซ้ำซาก หมายเลข ๑
ความซ้ำซาก ไม่ใช่ความน่าเบื่อหน่าย (เซ็ง) หรอก!
แต่แท้จริงเป็นการสร้าง “ความปกติ”
และความถาวร มั่นคง สถิตเสถียร
ให้เกิด ให้เป็นขึ้นมา ต่างหาก
ดังนั้น . . . . .
ผู้ไม่พยายามเพียรกระทำความซ้ำซาก
ในสิ่งในเรื่องที่ควรกระทำอย่างยิ่ง
จึงคือ . . . . .
ผู้จะไม่ถึงความสำเร็จกิจนั้นๆ ได้เลย
แล้ว “ความยากลำบาก” ใดๆ
ก็จะเป็น “ความง่าย” สบายเบา
ไม่ได้เป็นอันขาด.
๑๐ ก.ค. ๒๕๒๓
(“แสงสูญ” ฉบับที่ ๑๑/๒๕๒๕ : กีฬาเอ๋ย)
และมีที่พ่อครูได้เขียนไว้เมื่อ 29 ส.ค. 2520
รู้จัก “จิตของตน” ที่มันมีลักษณะได้ปลดปล่อยแล้วว่า เบา เบิกบานแจ่มใส เพราะได้ปลดได้วางอารมณ์ที่เป็นอกุศลนี้ได้ และเราจะเป็นอยู่ให้มี “ฐานจิต” เช่นนี้ให้ได้เสมอๆ ดังนั้น เมื่อไม่มีอกุศลจิตใดๆเลยเราก็จะสบายผ่องใส มีปัญญาดีเสมอ และถ้ามีผัสสะที่ก่อให้เกิดอกุศลจิตใดๆไม่ว่ามากหรือเล็กน้อย ก็จะต้องให้จางคลายหรือปละปล่อยสลัดออก ให้มาอยู่ในฐานจิตที่สบายผ่องใสนั้นให้ได้ ..สมณะโพธิรักษ์ 29 ส.ค. 2520
เอาไว้ให้เราตรวจสอบ ถ้าเราเป็นอย่างที่พ่อครูพูดนี้ได้ก็จะดี
พ่อครูว่า…เริ่มต้น เอาเรื่องที่อาตมาจะต่อคำสัมภาษณ์ของคุณใหม่เสมอ วณิชวิทย์ เขาสัมภาษณ์อาตมาในคอลัมน์ สีสันชีวิต เรื่อง การเมืองเรื่องธรรมะ ในหนังสือเราคิดอะไร อาตมาเอามาอ่านให้ฟังก่อนที่จะหนังสือออก อ่านไปได้ส่วนหนึ่งเดี๋ยวจะต่อ แต่ก่อนจะอ่านก็ขอเอาข่าวเรื่องนี้มาอ่านก่อน
แม้ว-ปู” พี่น้องฝ่ายประชาธิปไตยอ่วม อียูสกัดเส้นทาง-เสี่ยงถูกจีนอายัดทรัพย์!! 25 ม.ค. 2562 03:46 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เมืองไทย 360 องศา
เรียกว่าเปิดศักราชใหม่ไม่ค่อยโสภานัก สำหรับสองพี่น้องที่ถูกบรรดาผู้สนับสนุนเชิดชูสถาปนาให้เป็นต้นแบบ หรือ “ผู้นำ” ฝ่ายประชาธิปไตย ทั้งที่ตลอดชีวิตการทำธุรกิจและการเมือง มีแต่เรื่องถูกกล่าวหา หรือข้อหาทำธุรกิจผูกขาดสัมปทาน และทุจริตซื้อเสียง ใช่แล้วกำลังพูดถึง ทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เวลานี้ทั้งคู่ต่างหลบหนีคดีทุจริตอยู่ในต่างประเทศ
จากรายงานข่าวของสื่อต่างประเทศที่มีการนำเสนอรายงานประจำปีของสหภาพยุโรป หรือ อียู ที่แจ้งเตือนให้ประเทศสมาชิกเพิ่มความเข้มงวดในการออกใบอนุญาต “วีซ่าทอง” (Goldden Visa) โดยเตือนให้ทุกประเทศได้รับรู้กันทั่ว ว่า มันถูกนำไปฉกฉวยประโยชน์โดยบุคคล หรือพวกองค์กรอาชญากรรมต่างๆสำหรับการฟอกเงิน คอร์รัปชัน และ เลี่ยงภาษี ที่สำคัญ ในรายงานดังกล่าวมีการอ้างอิงตัวอย่างกรณีของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ได้รับสิทธิ์ดังกล่าวนี้จากประเทศมอนเตเนโกร จากการใช้จ่ายเงินจำนวนหนึ่งเพื่อแลกกับการได้ถิ่นพำนักและสิทธิพิเศษบางอย่าง
ในรายงานยังยกตัวอย่างกรณีของอดีตนายกรัฐมนตรีปาเลสไตน์คนหนึ่ง ที่ถูกกล่าวหาฉ้อโกงเงินหลวงและได้วีซ่าทองจากประเทศเดียวกันด้วย
ขณะที่ “น้องสาว” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เริ่มมีชะตากรรมที่ไม่ค่อยโสภามากขึ้น หลังจากก่อนหน้าเมื่อวันก่อน เพิ่งมีรายงานจากสื่อจีน ว่า ถูกถอดถอนพ้นตำแหน่งประธานบริษัทท่าเรือแห่งหนึ่งในเมืองซัวเถาประเทศจีน ทั้งที่เพิ่งซื้อกิจการได้ไม่ถึง 1 เดือน และตามมาด้วยการที่ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาได้ประกาศยกเลิกการถือหนังสือเดินทางของชาวต่างชาติทั้งหมด โดยมีการเชื่อมโยงกันว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้หนังสือเดินทางที่ว่าอ้างสิทธิ์พลเมืองของกัมพูชาใช้เป็นเอกสารในการซื้อหุ้นและจัดตั้งบริษัทท่าเรือดังกล่าว โดยล่าสุด ชื่อของประธานบริษัทถูกเปลี่ยนเป็นคนจีนแล้ว
อย่างไรก็ดี เรื่องราวยังไม่จบลงเพียงเท่านั้น เพราะเมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมานี้เอง มีสื่อของฮ่องกงอย่าง “แอปเปิล เดลี” ได้รายงานรายละเอียดเพิ่มเติมเข้ามาอีกว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบริษัทบริหารท่าเรือของเมืองซัวเถา อาจเป็นเพราะทางรัฐบาลจีนสงสัยว่าจะมีการพัวพันกับการทุจริตและเชื่อมโยงไปถึงหุ้นส่วนชาวสิงคโปร์คนหนึ่ง ซึ่งสื่อ “แอปเปิล เดลี” ของฮ่องกง ระบุว่า มีความสนิทสนมกับ “ครอบครัวชินวัตร” มานาน รวมไปถึงสนิทสนมกับครอบครัวของ อดีตประธานาธิบดี “จอร์จ บุช” ของสหรัฐฯอีกด้วย
ซึ่งหากปะติดปะต่อเรื่องราวแล้ว ก็พอมองเห็นภาพ เพราะก่อนหน้านี้ หากจำกันได้ในยุคที่ ทักษิณ ชินวัตร ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็มักมีข่าวเกี่ยวพันกับเรื่องธุรกิจน้ำมันข้ามชาติที่ครอบครัวของบุชทำอยู่บ่อยครั้ง และล่าสุด เมื่อเกิดเรื่องอื้อฉาวเปิดโปงออกมาทางเพจผู้สนับสนุนของครัวชินวัตร ก็พยายามออกมาแก้ต่าง โดยพยายามเชื่อมโยงให้เห็นเครดิตว่ามีครอบครัวของ “จอร์จ บุช” เข้ามาซื้อหุ้นด้วย
แต่กลายเป็นว่าเป็นการ “มัดตัวเอง” ไปโดยปริยาย เพราะสื่อฮ่องกงเพิ่งมาขยายความในวันถัดมาว่า นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ที่เป็นหุ้นส่วนกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในบริษัทท่าเรือซัวเถานี้ เคยถูกดำเนินคดีในข้อหาทุจริตเลี่ยงภาษี ซึ่งนอกจากสนิทสนมกับครอบครัวชินวัตรแล้ว ยังสนิทกับครอบครัว จอร์จ บุช อีกด้วย และยังเคยบริจาคเงินสนับสนุนการหาเสียงในช่วงหยั่งเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จำนวนหนึ่งมาแล้วอีกด้วย
แน่นอนว่า หากพิจารณาจากรายงานข่าวในกรณีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถือว่าน่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นที่ทราบกันว่าในยุคของ “สี จิ้นผิง” ผู้นำจีนในยุคปัจจุบันที่รณรงค์ปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจัง และหากรายงานข่าวดังกล่าวเป็นความจริง มันก็เป็นไปได้ว่าจะมีการสอบสวนตามมา และมีโอกาสที่จะถูก “อายัดทรัพย์” เอาไว้ก่อนก็เป็นไปได้เหมือนกัน และงานนี้ “ไม่ธรรมดา” กว่าที่คิดเสียแล้วก็ได้
เอาเป็นว่าเมื่อเริ่มศักราชใหม่ทั้งสองพี่น้องที่ถูกยกให้เป็น “ผู้นำฝ่ายประชาธิปไตย” อาจจะตกที่นั่งลำบาก เพราะทั้งสหภาพยุโรปก็กำลังมีท่าทีเข้มงวด นี่ยังมาเจอกับเรื่องราวในจีนที่น่าหวั่นไหวอีก มิหนำซ้ำ ยังมีรายงานเข้ามาอีกว่า ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังไต่สวนคดีระบายข้าวจีทูจีล็อตสองอีก ที่ระบุว่า จะสาวไปถึง 3 พี่น้องในครอบครัวนี้ คือ ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่เวลานี้ยังไร้ร่องรอย เหมือนกับถูกกระหน่ำเข้ามาทุกทิศทางเลยทีเดียว!!
เรื่อง
-
ปฏิรูปเทสวาสะ (การอยู่ในถิ่นที่เหมาะสม) .
-
สัปปุริสูปัสสยะ (การคบหาสัตบุรุษ) .
-
อัตตสัมมาปณิธิ (การตั้งตนไว้ชอบธรรม)
-
ปุพเพกตปุญญตา (ความเป็นผู้มีบุญอันได้กระทำแล้วในปางก่อน ไว้เป็นที่พึ่งอาศัย)
(พตปฎ. เล่ม 21 ข้อ 31)
จะอ่าน คอลัมน์ สีสันชีวิตต่อ
คุณใหม่เสมอ มีข้อมูลจากแหล่งข่าวทั้งที่น่าเชื่อถือและไม่น่าเชื่อถือว่า นายกฯตู่ ไม่มีความสามารถ บริหารเศรษฐกิจไม่ดี ปกครองแบบทหาร เป็นต้น
พ่อครูว่า จะบอกว่านายกตู่ฯไม่มีความสามารถก็ไม่ใช่ บริหารมาตั้ง 4 ปีแล้ว บริหารดีด้วย ตามประสาอาตมา อาตมาเป็นนักรัฐศาสตร์ข้ามชาติมา
พ่อครู ที่ว่าเศรษฐกิจไม่ดี คนทั้งโลกเข้าใจว่าเศรษฐกิจดี คือเราได้เปรียบคนโดยกอบโกยเอาทรัพย์สินให้ตัวเองมากๆ ได้เปรียบคนโดยได้กอบโกยดูดเอาทรัพย์สินของคนอื่นมาเป็นของเราได้มากแล้วถือว่าตน ครอบครัวและประเทศมีเศรษฐกิจดี คนที่มีความคิดเช่นนี้เป็นความคิดของคนชั่ว
ส่วนเศรษฐกิจดีที่แท้ คือผู้ที่ดำเนินชีวิตครอบครัวและบริหารประเทศ เป็นผู้สร้างสรรด้วยปัญญา กระทั่ง 1.ไม่เป็นหนี้ 2.พึ่งตนเองได้มีกินมีใช้ อุดมสมบูรณ์ 3.ขยันทำให้มากจนเกินกินเกินใช้ 4.และสะพัดให้คนอื่นได้ ตัวเองไม่ต้องกักตุนไว้ ไม่ต้องกอบโกย ตนเองไม่ต้องมีมาก ประมาณให้ดี ไม่ให้ติดขัด มีกินมีใช้อาศัยคล่องตัวสมดุล นี่คือ เศรษฐกิจดี ไม่เป็นภัยต่อคนอื่น ไม่เบียดเบียนใครเลย และเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นด้วย
เศรษฐกิจดีคือในประเทศสร้างผลผลิตได้อย่างพอกินพอใช้ไม่ขาดแคลน อยู่รอดได้ แต่เขาก็พยายามบอกว่าตอนนี้เศรษฐกิจฉิบหายคนจน การเป็นคนจนไม่ได้เป็นเครื่องหมายว่าคือเศรษฐกิจไม่ดี แต่อโศกเป็นคนจน แต่เศรษฐกิจดี นักรัฐศาสตร์ทั่วไปจะเข้าใจได้ยาก ชาวอโศกปฏิบัติตนจนเป็นคนจนได้สำเร็จ ทำให้เศรษฐกิจดี ฟังเข้าใจกันไหม จงมาศึกษา เศรษฐกิจดีนี่คนต้องมาจน อาตมาไม่ได้บ้า แต่ถ้าว่าอาตมาระวังจะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพร.9 นะ เพราะพระองค์ท่านตรัสว่าให้มาบริหารแบบคนจน
อโศกเรามีเศรษฐกิจดีต้องมาเป็นคนขาดทุน คนจน คนบรรลุธรรมทางเศรษฐกิจคือคนที่เสียเปรียบเสียสละให้แก่สังคมได้ คนเอาเปรียบคนอื่นมาแล้วบอกตนมีเศรษฐกิจดีนี้ ไม่ใช่เลย คุณต้องเสียเปรียบเสียสละให้สังคมได้จึงเป็นคนเศรษฐกิจดี
ขอยืนยันว่าอย่างน้อยที่สุดชาวอโศกทำให้เศรษฐกิจประเทศดีได้ส่วนหนึ่ง ยิ่งในยุคนายกฯตู่ยิ่งทำได้ดี การบริหารเศรษฐกิจของนายกฯตู่นี้บริหารได้ดี ขณะนี้กำลังใช้หนี้กองโตที่รัฐบาลก่อนทำไว้ได้เรื่อยๆแล้ว ขอยืนยันว่านายกตู่กำลังดำเนินไปได้ดี ควรต้องบริหารต่อไปอีกให้นานกว่านี้ เพราะแต่ละรัฐบาลทำหนี้สะสมมามาก
การทำให้หนี้หมดไปเมื่อวันใดที่นายกฯตู่ประกาศได้ว่าประเทศไทยหมดหนี้แล้ว แต่คงยากเพราะว่าสะสมหนี้มาเยอะเหลือเกิน
นายกฯตู่ตอนนี้ก็พูดว่าตนเคยเป็นทหาร แต่ตอนนี้เป็นนักการเมือง
นายกฯตู่มีความเป็นนักการเมือง นักการทหาร นักบริหาร ชัดเจน แต่ก่อนก็พูดว่าตนสนใจการเมืองแต่ตอนนี้บอกว่าตนเป็นนักการเมืองแล้ว คือเข้าใจรับผิดชอบคำพูดตนเอง ต้องเข้าใจว่า คนไหนพูดพล่อยๆสุ่มสี่สุ่มห้าไป
แล้วมาบอกว่าปกครองแบบทหาร แต่อาตมาว่าไม่ได้ปกครองแบบทหาร ความหมายที่เขาตู่นายกฯตู่ว่าปกครองแบบทหาร อาตมาขอยืนยันว่า ไม่มีลักษณะการปกครองแบบทหาร คนเข้าใจกันทั่วว่า ทหารจะปกครองแบบอาชญา command
แต่นายกฯตู่บริหารแบบประชาธิปไตยมีอิสรเสรีภาพดี ดูสิเขาตะโกนโหวกเหวกก็น่าจับปิดปาก แต่ว่าก็ให้ทำได้ในรัฐบาลนายกฯตู่ จริงๆแล้วควรเตือนควรบอกบ้างว่า พูดแบบนั้นมัน fake news เอาเรื่องที่ไม่จริงมากล่าวก็ขายขี้หน้า ผู้รู้มีภูมิก็จะรู้ว่าพูดไม่ถูก มาว่าเขาโดยไม่เป็นจริงแสดงถึงความไม่มีภูมิ ความจริงเลย
ตอนนี้เขาก็แหย่ดูว่า นายกฯตู่จะเข้าพรรคไหน อาตมาก็เคยบอกว่าอย่าไปเข้าพรรคไหน เพราะรัฐธรรมนูญให้นายกฯคนนอกเป็นนายกฯได้ เมื่อเลือกตั้งเสร็จ ส.ส.ต่างๆ ส.ว.ต่างๆก็มายกมือว่าให้ใครเป็นนายกฯ แต่ถ้าเลือกนายกฯตู่ได้เป็นนายกฯอีกก็จะสง่างามมาก แต่ถ้านายกฯตู่อยากเป็นนายกฯต่อก็ต้องไปเข้าพรรคที่มีแนวโน้มจะได้เสียงข้างมาก อาตมาว่านายกฯตู่ไม่เข้าพรรคเพื่อไทยแน่ และเขาไม่เอาด้วยหัวเด็ดตีขาด แม้พรรคอื่นยินดีอ้าแขนรับนายกฯตู่ อาตมาก็ว่าอย่าไปเข้าพรรคไหนเลย
ต้องมั่นใจในตนไม่เข้าพรรคไหนเลย ถ้าไม่เข้าพรรคก็ดูจะไม่มีคะแนนเสียงไม่มั่นใจจึงต้องเข้าพรรค แต่ถ้าไม่เข้าพรรคไหนก็เป็นคนน่าภาคภูมิใจเลย ถ้าได้เป็น
สมณะฟ้าไทว่า…ก็คือวางใจได้ไม่ได้เป็นก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องเข้าพรรคไหน
พ่อครูว่า…เรื่องความสามารถบริหารก็ทำได้ดี เรื่องอื่นก็ทำได้ดี
คุณใหม่เสมอ มีข้อมูลจากแหล่งข่าวทั้งที่น่าเชื่อถือและไม่น่าเชื่อถือว่า นายกฯตู่ ไม่มีความสามารถ บริหารเศรษฐกิจไม่ดี ปกครองแบบทหาร เป็นต้น
พ่อครูว่า จะบอกว่านายกตู่ฯไม่มีความสามารถก็ไม่ใช่ บริหารมาตั้ง 4 ปีแล้ว บริหารดีด้วย ตามประสาอาตมา อาตมาเป็นนักรัฐศาสตร์ข้ามชาติมา
พ่อครู ที่ว่าเศรษฐกิจไม่ดี คนทั้งโลกเข้าใจว่าเศรษฐกิจดี คือเราได้เปรียบคนโดยกอบโกยเอาทรัพย์สินให้ตัวเองมากๆ ได้เปรียบคนโดยได้กอบโกยดูดเอาทรัพย์สินของคนอื่นมาเป็นของเราได้มากแล้วถือว่าตน ครอบครัวและประเทศมีเศรษฐกิจดี คนที่มีความคิดเช่นนี้เป็นความคิดของคนชั่ว
ค่ารวมส่วนรวมของประเทศแล้วเศรษฐกิจดี ไม่เห็นมีใครอดอยากมากมายอะไรเลย
ส่วนเศรษฐกิจดีที่แท้ คือผู้ที่ดำเนินชีวิตครอบครัวและบริหารประเทศ เป็นผู้สร้างสรรด้วยปัญญา กระทั่ง 1.ไม่เป็นหนี้ 2.พึ่งตนเองได้มีกินมีใช้ อุดมสมบูรณ์ 3.ขยันทำให้มากจนเกินกินเกินใช้ 4.และสะพัดให้คนอื่นได้ ตัวเองไม่ต้องกักตุนไว้ ไม่ต้องกอบโกย ตนเองไม่ต้องมีมาก ประมาณให้ดี ไม่ให้ติดขัด มีกินมีใช้อาศัยคล่องตัวสมดุล นี่คือ เศรษฐกิจดี ไม่เป็นภัยต่อคนอื่น ไม่เบียดเบียนใครเลย และเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นด้วย
ถ้าเราเองยังสะสมมากอยู่ก็คือเรายังได้เปรียบอยู่ จนกระทั่งเกิดหลักเกณฑ์วิธีการของทุนนิยมสามานย์ คนเป็นนายทุนมีเงินเป็นก้อนโต มีแต่เพิ่ม ไม่มีจุด“พอ” สังคมโลกจึงฉิบหายตรงนี้ ความคิดผิดๆชั่วๆก็อย่างนี้แหละ คือผู้ทำลายเศรษฐกิจสังคมที่เลวร้าย
ส่วนความคิดดีๆ เก่งๆ มีสมรรถภาพพอสร้างสรรจิตใจหรือปัญญาของคน ไม่กินมากไม่ใช้มาก ไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย ไม่สุรุ่ยสุร่าย รู้ปัจจัยชีวิต รู้จักกินใช้ตามควร ที่เหลือก็สะพัดแจกจ่ายแก่คนที่ควรเกื้อกูล อย่างนี้ จึงเป็นสัจจะแห่งความถูกต้อง แต่เพราะเข้าใจสัจจะแห่งความถูกต้องไม่ได้ ตนตกเป็นทาสความโลภ เห็นแก่ได้อยู่ มันจึงเละเทะเดือดร้อนวุ่นวายอยู่อย่างนี้
คุณใหม่เสมอ ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าเศรษฐกิจดีคือ เงินในกระเป๋าฉันมีมาก ฉันค้าขายอะไร ก็มีเงินเข้ามาเยอะแยะ แต่ปรากฏว่าตอนนี้ค้าขายได้น้อยเงินในกระเป๋าน้อยลง ไปกู้เงินก็จ่ายดอกเบี้ยสูง และมองว่าไม่มีการใช้จ่ายจากประชาชนมาหมุนเวียน
พ่อครู ใครก็ตามถ้าอยากศึกษา เรื่องเศรษฐกิจที่ดี มาเอาสิ่งที่เป็นปรากฏการณ์จริงเลย ชาวอโศกดำเนินชีวิตตามเศรษฐศาสตร์แบบพระพุทธเจ้าถึงขั้นสาธารณโภคี ขั้นยอด คือทำงานฟรีจนพ้นมิจฉาชีพ 5 ของพระพุทธเจ้า ใช้ของส่วนกลางซึ่งเลยขีดที่โลกเข้าใจ คอมมิวนิสต์ก็สู้ไม่ได้ สังคมนิยมก็สู้เราไม่ได้ ประชาธิปไตยก็สู้เราไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงเผด้จการ ซึ่งเป็นระบอบเศรษฐกิจชั้นยอด อยู่สบาย ไม่แย่งไม่ชิง สร้างสรร เผื่อแผ่ เกื้อกูลเลี้ยงดูบำรุงกัน มีความสงบเรียบร้อยมีน้ำใจ เป็นพี่เป็นน้อง มีอิสรเสรีภาพ-ภราดรภาพ-มีสงบสันติ-มีสมรรถภาพ-มี บูรณภาพ-มีสุญญภาพ-มีสุนทรียภาพ
ชาวอโศกมีครบ 7 ภาพ นี่คือสุดยอดแห่งสังคมที่พัฒนามาได้อย่างดีแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าจะเอาระบบเศรษฐกิจที่ยังลงตัวไม่ได้สักที เพราะคุณไม่แน่ชัด คุณไม่มีเป้าไม่มียอด ไม่มีจุดจบ ไม่มีความเป็นไปได้ที่ลงตัว อย่างชาวอโศกนี่พอ พอที่ไหน พอที่ใจ ก็“ใจพอ”นี่แหละเป็นยอดที่ในหลวง ร.9 ตรัสย้ำให้ “พอเพียง” เศรษฐกิจต้องให้พอเพียง ไม่ใช่เศรษฐกิจตะกละที่ไม่เคยพอ อย่างที่คุณจะเอาแต่รวยๆ ต้องให้ประชาชนร่ำรวย ประเทศเราต้องร่ำรวยกว่าประเทศอื่น อะไรอย่างนี้ มันผิด มันเป็นไปไม่ได้ด้วย มันเป็นเพียง“สมบัติผลัดกันชม” แย่งกันไปแย่งกันมา ไม่รู้จบ ถ้าเรารู้จักพอ ทำตัวเองให้รู้จักพอ มีใจพอ สร้างสรร ขยัน เพียร แล้วก็เหลือกินเหลือใช้ สะพัดให้คนอื่นๆได้ ก็จบแล้ว
พิสูจน์ได้ด้วยการสร้างคนให้มีจิตวิญญาณวรรณะ 9 เป็นคนชั้นสูง the Classical
ยิ่งเป็นคนมีวรรณะ 9 เลี้ยงง่าย (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ 9 ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)
เป็นคนเจริญเป็นตัวอย่างอาริยบุคคล เป็น idol ของคนในโลก เป็นคนศิวิไลซ์ที่เป็นตัวอย่างของมนุษย์โลกนะ คนมีภูมิปัญญาจะเข้าใจว่า พวกนี้มีพฤติกรรมเจริญ อยู่อย่างสร้างสรรมีน้ำใจมีจิตวิญญาณสูงประเสริฐมีพฤติกรรมสังคมสุดยอด
เป็นคนมีสัมมาทิฏฐิ 10
เป็นส่วนแห่งบุญ(ปุญญภาคิยา) ให้ผลวิบากแก่ขันธ์(อุปธิเวปักกา).
-
ทานที่ให้แล้ว มีผล(ให้กิเลสลด) (อัตถิ . ทินนัง) . . . .
-
ยัญพิธี (พิธีการปฏิบัติ) ที่บูชาแล้ว มีผล (อัตถิ ยิฏฐัง)
-
สังเวย(เสวย)ที่บวงสรวงแล้ว มีผล (อัตถิ หุตัง)
-
ผลวิบากของกรรมที่ทำดีทำชั่วแล้ว มีแน่ (อัตถิ สุกตทุกกฏานัง กัมมานัง ผลัง วิปาโก) . .
-
โลกนี้ มี (อัตถิ อยัง โลโก) หมายถึง วนในโลกีย์เดิมๆ . .
-
โลกหน้า มี (อัตถิ ปโร โลโก) หมายถึง โลกโลกุตระ .
-
มารดา มี (อัตถิ มาตา) . . .
-
บิดา มี (อัตถิ ปิตา) . .
-
สัตว์ที่ผุดเกิดอุปปัติเอง มี (อัตถิ สัตตา โอปปาติกา) . . .
-
สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง ในโลกนี้ มีอยู่ (อัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ) . . . . .
(พตปฎ. เล่ม 14 ข้อ 257)
เขาไม่เชื่อว่า สมณะโพธิรักษ์เป็นพระอรหันต์เป็นอาริยะหรอก แต่เขาไปเชื่อพระเกจิสายหลับตา สายเล่นฤทธิ์เดชอย่างพระที่กำลังจะเผากันอยู่นี่ มันน่าสงสารสังเวช อาตมาจำเป็นต้องตำหนิสิ่งที่ควรตำหนิ แต่เขาไม่เข้าใจงมงายกัน
ชาวอโศกเป็นคนแก้ปัญหาเศรษฐกิจตก สำเร็จแล้ว เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ได้
สม.กล้าข้ามฝัน
สม.รินฟ้า
ส.แสนดิน
พ่อครูว่า…มีคำถามของด.ญ.ใสกลางเพ็ญ(น้ำมนต์) โพธิ์ใบ เขาเขียนมาแน่ ด.ญ.อายุ 6 ขวบ…ถามว่า สุขแบบโลกีย์ กับสุขแบบโลกุตระ แตกต่างกันอย่างไรคะ
ตอบกันได้ไหม…ได้ นั่นแน่ มาตอบแทนอาตมาหน่อย
อยากโลกีย์คือสุขอย่างบำเรอกิเลส เราอยากได้อย่างนี้ เสร็จแล้วเราก็ได้มาสมใจของเราก็เป็นสุข สุขฉะนี้นี่ฤาจะลืมๆ
สุขแบบโลกุตระ สุ แปลว่าดี ข แปลว่าว่าง คือจิตวางๆกลางๆ จิตไม่มีสุขไม่มีทุกข์นั่นแหละคือสุขแบบโลกุตระ
ขยายความแค่นี้น่าจะจบแล้วนะ แต่จะขยายความก็ไปอีกเยอะ
ชาวโลกียะเขาสุขไม่มีจบไม่มีพอ เลอะเทอะเข้าใจยาก คนที่จะมีจิตยินดีมีฉันทะ สุขแบบไม่สุขไม่ทุกข์
ยอดหัวใจของศาสนาพุทธคือเลิกสุขเลิกทุกข์ได้ คืออาริยสัจ 4 เข้าใจว่าสุขคืออัลลิกะ ทุกข์คือความเป็นอัตตา นรก
จริงๆก็เรียนรู้เทวะ สุข ทุกข์เป็นคู่สอง เรามีชีวิตอาศัยอยู่ไป ผู้เป็นอรหันต์แล้วจึงอยู่กับความไม่สุขไม่ทุกข์ อทุกขมสุขหรืออุเบกขา จะเข้าใจจิตเราเป็นอุเบกขา อย่างอาตมาเป็นต้น จะเข้าใจว่า อ๋อ ชีวิตก็อยู่กับไม่สุขไม่ทุกข์ จิตเป็นกลางบริสุทธิ์จากสุขทุกข์
ปริสุทธา ปริโยทาตาจะมีเหตุปัจจัยสัมผัสอย่างไรจิตก็บริสุทธ์
จิตมุทุก็ยิ่งมีความเร็วในการรู้ รู้เล่ห์กลของโลก จิตเราก็ปรับไปกับโลกได้อย่างดี สบาย จึงอยู่กับโลกอย่างกัมมัญญา มีการงานที่ดีเหมาะควร กับสังคม ทุกเวลา ตลอดเวลาจิตก็ประภัสสร
ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา
อาตมาประกาศตนเป็นอรหันต์เพราะว่าทุกวันนี้ไม่มีใครกล้าแล้ว เพราะเขาไม่เป็นอรหันต์จริง ไม่มีใครกล้า อาสโภแล้ว ทุกวันนี้จึงมีแต่อรหันต์เดา เป็นนักไสยศาสตร์เล่นฤทธิ์นั่งสะกดจิตหลับตานิ่งออกป่าเขาถ้ำ อย่างหลวงพ่อเกษมเป็นต้น ก็ซวยสิ อาตมาก็สงสารศาสนาพุทธ จะซวยไปหนัก อาตมาจึงต้องประกาศว่าอรหันต์เป็นแบบนี้ไม่ต้องไปเดา เอาพระไตรปิฎกมาเปิด แล้วจับความจากพระไตรปิฎกมาเลยว่า อย่างอาตมานี้ ไม่มีคุณลักษณะตรงกับอรหันต์ตรงไหน นอกจากคุณจะไม่เข้าใจ อรหันต์มาอวดตัวตนไม่เป็นอรหันต์ มาบอกว่าตนเองบรรลุก็คือผู้ไม่บรรลุ ใครพูดใครสอนอย่างนั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนอย่างนั้น ในโลหิจสูตรบอกไว้ว่า ผู้ที่บรรลุธรรมแล้วไม่บอกคนอื่นหรือบอกไม่ได้ ผู้นั้นเข้าใจแบบนั้นก็มีคติที่ไปเป็นเดรัจฉานกับนรก
อ่านคำสอนถ้าไม่แตก เรียนมาจบเปรียญ 9 จบด๊อกเตอร์ทางศาสนาด้วย แต่ก็ไม่เข้าใจ อาตมาขออภัยที่พูดไม่ไว้หน้าพูดแข็งพูดแรง พูดไม่บันยะบันยัง ขอยืนยันว่าพูดตรงพูดถูกต้องพูดไม่ผิด อาตมารับรองว่าอาตมาจริงอย่างนั้น
ในยุคนี้เป็นยุคที่ยากมากเลย เพราะศาสนาผ่านมา 2600 กว่าปีเสื่อมมากแล้ว เสื่อมจนน่าสังเวชใจ เสื่อมจนกระทั่งแก้ไขแล้ว นิ่มๆไม่กระเทือนหรอก ต้องถูกกระแทกกระทุ้งอย่างนี้ ถ้าพูดดุด่าคนนั้นคนนี้กระเทือนเข้าท่า แต่ถ้าพูดดีเขาก็ไม่ฟัง ต้องพูดอย่างนี้ถึงฟัง ไอ้นี่ด่ากูนี่หว่า เขาก็ต้องฟัง ไอ้นี่ด่าอาจารย์กูนี่หว่าต้องฟัง อาตมาก็ว่าไม่สวยไม่ค่อยดี ข้อด้อยแต่ก็ต้องจำเป็นต้องทำอย่างนี้ ตามเหตุการณ์โลกที่เป็นอย่างนี้
อาตมาสบายใจที่ ทำเศรษฐกิจก็ดีทำการเมืองก็ดี สร้างมนุษย์ให้เข้าใจทฤษฎีของพระพุทธเจ้า แล้วก็มีคนจำนวนหนึ่ง เช่นชาวอโศกเป็นต้น นำไปประพฤติปฏิบัติธรรมจนได้มรรคผล แล้วก็มาอยู่รวมกัน
-
ปฏิรูปเทสวาสะ (การอยู่ในถิ่นที่เหมาะสม) .
-
สัปปุริสูปัสสยะ (การคบหาสัตบุรุษ) .
-
อัตตสัมมาปณิธิ (การตั้งตนไว้ชอบธรรม)
-
ปุพเพกตปุญญตา (ความเป็นผู้มีบุญอันได้กระทำแล้วในปางก่อน ไว้เป็นที่พึ่งอาศัย)
(พตปฎ. เล่ม 21 ข้อ 31)
เอามาอยู่รวมกัน พวกคุณที่มารวมกันเพราะเห็นว่าสถานที่ที่ควรมาอยู่ คนที่มีภูมิปัญญาจริงจึงจะมาอยู่ เพราะที่นี่มีสัตบุรุษด้วย จะมีดวงตารู้ว่า ที่นี่มีสัตบุรุษ ไม่ใช่เฉพาะอาตมาด้วย เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ปฏิบัติถูกต้อง สัมมาทิฏฐิตามพระพุทธเจ้า มีมรรคผลก็ตามลำดับ แล้วก็เป็นคนที่ ท่านแปลอัตตสัมมาปณิธิว่า เป็นผู้ที่ตั้งตนไว้ชอบ จริงๆแล้วมันลึกซึ้งกว่านั้น ในคำว่า อัตตสัมมาปณิธิ
ปณิธิคือตั้งจิตเอาไว้ เพื่อให้เข้าถึงอัตตา แล้วถูกต้องสัมมา ไปรู้อัตตาแล้วจัดแจงอัตตา กำจัดอัตตาตนเองให้ได้จึงเรียกว่าจักร 4 เพราะในศาสนาพุทธถ้าตนเองมีอัตตาก็ต้องกำจัดอัตตาเป็นอนัตตา เพราะฉะนั้นจึงมีปัญญา ปุพเพกตปุญญตา ได้ล้างกิเลสไปก่อนแล้วได้ทำบุญมาแล้วแต่ก่อนเก่า คือเคยชำระกิเลสมาได้แล้ว การแปลบาลีของอาตมาไม่ได้แปลตามพยัญชนะไวยกรณ์ วจีวิภาค วากยสัมพันธ์.. แต่อาตมาแปลตามสภาวะที่อาตมามี เป็นคนที่ได้กำจัดกิเลสเสร็จแล้วจึงทำจักร 4 ได้สำเร็จ เป็นคนที่อยู่ในที่ที่เหมาะสม คบหาสัตบุรุษเพื่อรู้จักอัตตาแล้วกำจัดอัตตาจริง จนมีวิมุต ถึงจะมาอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสมดังนี้
เมื่อเป็นผู้ที่เป็นอย่างนั้นแล้วก็มาต่อภูมิ เป็นปัญญาวุฑฒิ 4
-
สัปปุริสสังเสวะ (รู้จักคบบัณฑิต คบหาสัตบุรุษ) .
-
สัทธัมมัสสวนะ (ฟังสัทธรรม)
-
โยนิโสมนสิการ (กระทำลงในใจโดยแยบคาย) . .
-
ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ (ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม)
(พตปฎ. เล่ม 21 ข้อ 248)
รู้จักคบหาสัตบุรุษแล้วก็มานั่งฟังธรรมที่เป็นโลกุตระ ฟังไม่ง่ายแต่ก็มีคนมานั่งฟัง มีกันมาสมบูรณ์ดี คุณก็ฟังไปพลางก็ทำใจในใจไปด้วย ฟังธรรมจึงได้ธรรมะด้วย มีอานิสงส์ในการฟังธรรม 5 ประการพร้อม นี่คือธัมมานุธัมมปฏิปัตติ การฟังธรรมก็ได้ปฏิบัติธรรม การอยู่ในนี้ก็ได้ปฏิบัติธรรม ทำงานอาชีพก็ได้ปฏิบัติธรรม ทำกรรมการงานต่างๆก็ได้ปฏิบัติธรรม มีสัมมากัมมันตะ ได้ลดละวิสาสะ พูดก็ได้ลดละมิจฉา 4 แม้แต่จะนึกคิดอยู่นี่ ลองถามตัวเองที่นึกคิดกันตลอดเวลา เรามีความนึกความคิด เราได้รู้สึกว่าเราได้อ่านจิตตัวเอง ในความคิดนึกว่าเราได้ทำสังกัปปะ 7 บ้างไหม
อ่านจิตว่าตอนนี้เรามีกิเลสเกิดเราได้ทำให้กิเลสลดลง มีสังกัปปะ 7 ละมิจฉา 3 กามพยาบาท สูงไปเป็นอนาคามีก็ละ วิหิงสา ที่เป็นอุทธัมภาคียะสังโยชน์ หรือบรรลุอรหันต์แล้วก็จะรู้
อาตมาภาคภูมิใจที่พวกเรามาอย่างมีอิสระเสรีภาพ ไม่มีใครมาบังคับหลอกลวง หรือประเหลาะให้มา มาแล้วจะได้อย่างโน้นอย่างนี้ อย่างมาเป็นสมณะอาตมาบอกว่ามาบวชนี่มาตายนะ ไม่ได้มาพาเป็นคนเอาเปรียบเอารัดนะ มาที่นี่จะเป็นคนเสียเปรียบพูดตรงๆบอกชัดเจน มาที่นี่ถ้าไม่ขยันงอมืองอเท้าขี้เกียจเขาไม่ให้อยู่นะ ที่นี่เขาเหล่กันจริง ใครมาอยู่แล้วเลี่ยงไปมาก็จะถูกเหล่ แม้แต่พวกเราเจ็บป่วยก็ขี้เกรงใจก็ต้องคอยดู ส่วนคนขี้เกียจ เขาก็จะรู้ชัดเจน คนที่ถึงเป็นคนเจริญเป็นคนถูกคัดเลือกมา คนภูมิต่ำๆไม่เข้ามาหรอก มาที่นี่โดนว่าก็จะไปแล้ว ถ้ารู้ว่าคนไหนถูกว่าคือเขาช่วยเราคนนั้นรู้แล้วก็จะอยู่ที่นี่ต่อไป นิคคัณเหนิคหารหัง ปัคคัณเหปัคคัณหารหัง
คุณใหม่เสมอ พวกเราหลายคนไม่อยากให้พ่อครู เชียร์ พลเอกประยุทธ์ ขนาดนี้ เป็นห่วงว่าเหมือนเมื่อครั้งที่เคยเชียร์คุณทักษิณ ชินวัตร
พ่อครูว่า…อาตมาเคยเชียร์ทักษิณ แต่เชียร์ไม่นาน เขาก็แสดงตัวออกมา อาตมาก็ถล่ม ทุกวันนี้ถล่มหนัก ถ้าคุณประยุทธ์ต่อไปทำเสียอาตมาก็ถล่มเหมือนกัน อาตมานิคคัณเหนิคหารหัง ปัคคัณเหปัคคัณหารหัง ชมคนที่ควรชม ติคนที่ควรตำหนิ แล้วทุกวันนี้คนที่ควรจะชมมีมากหรือน้อยก็มีน้อย แล้วจะให้ทำอย่างไรมันเลี่ยงไม่ออก แต่คนที่ต้องตำหนินั้นมีมาก เห็นใจหน่อย ขันจอหว่อนะ
อาตมาก็ชมตามจริงตามเวลา อาตมายึดถือปัจจุบัน แต่ไม่ต้องกลัวหากอนาคตพล.อ.ประยุทธ์ขบถก็ต้องว่าต้องติ แต่เขาทำดี เป็นนายกคนที่ทำงานเข้าตาประชาชนก็เลยต้องชม ทำงานมา 5 ปีแล้วเขาก็บ่นว่ามันเหนื่อยมันหนัก จะทำได้ดีขนาดนี้นะ ก็ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก
แล้วคุณทักษิณเขาทำดีไม่นานเขาก็แสดงตัวว่าไม่ดี
จริงๆแล้วอาตมาว่าเมืองไทยนี่ไม่ชอบเชียร์คน ชอบแต่ด่าคน ไม่ต้องเอาใคร อาตมายังไม่เชียร์เลย อาตมาเป็นคนดีนะ ทำไมไม่กล้าเสียคนดี ยิ่งคนที่มีฐานะทางสังคมมาเชียร์คนก็จะเอาด้วยตามเข้าใจตาม แต่นี่ไม่ทำ อาตมามั่นใจว่าพลเอกประยุทธ์ดีอาตมาก็เชียร์ อย่าห้ามเลย
พ่อครู อาตมายึดถือปัจจุบัน อาตมาไม่กลัวหรอกถ้าในอนาคต พลเอกประยุทธ์จะขบถ ก็เป็นเรื่องของเขา แต่ปัจจุบันนี้ เขาดีอยู่ แล้วอาตมาก็มั่นใจมากหน่อยว่าท่านจะยั่งยืนคงทน คนอื่นอาจจะกลัว แต่คุณจะไม่ให้เกียรติใครเลยหรือว่าคนๆนี้น่าจะยั่งยืนคงทนในความดี คุณจะไม่ให้เกียรติใครแล้วคุณจะไปหวังกับใครได้สักคนล่ะ อาตมาก็เอาปัจจุบันที่อาตมาสบายใจ ถ้าเขากบฏเมื่อไหร่อาตมาก็ไม่เอาด้วยแน่ อาตมาจะโง่ทำไม อาตมาก็เห็นอย่างที่คุณเห็น เขาขบถอาตมาก็ไม่เอา อาตมาไม่ใช่คนที่หลงบ้ายึดมั่นถือมั่นชนิดที่ไม่รู้จัก“กรรม” ไม่รู้จัก“กาล”
แรกๆ คุณทักษิณ อาตมาก็เชียร์ พอเขาขบถอาตมาก็กระหน่ำเขาเหมือนกัน อาตมาจะไปไว้ท่าทำไม ว่าแต่ก่อนเคยเชียร์เขา แล้วเดี๋ยวนี้มาถล่ม ก็เขาเปลี่ยนไป อาตมาก็ต้องเปลี่ยนด้วยตามสัจจะที่เป็นจริง คุณทำดีๆๆๆๆอยู่อาตมาก็เชียร์ๆๆๆ คุณทำเสีย เป็นขบถเมื่อไหร่อาตมาก็ถล่มคุณแหละ
คุณใหม่เสมอ พ่อครูเชียร์ท่านประยุทธ์ จันทร์โอชา จำเป็นไหมว่าลูกๆชาวอโศกต้องสนับสนุนตาม
พ่อครู ควรนะ เพราะอาตมาว่าลึกๆของคนไทยไม่ชอบเชียร์คนดี แต่ชอบด่าคนชั่ว และบางคนไปเลือกคนชั่ว นี่ก็โง่ซ้อน คนไทยไม่เหมือนคนต่างประเทศที่เขาเชียร์คนดี คนไทยจึงขาดการสนับสนุนคนดี อาตมาจึงพยายามเชียร์ให้มากเพราะมันขาด มันน้อย อาตมาก็เติมสิ่งที่ขาดให้แก่สังคม อาตมาผิดตรงไหน
อาตมาชัดเจน อาตมาแม่นยำว่าอันนี้ควรเชียร์ ก็เชียร์ เมื่อควรติอาตมาก็ติ อาตมาไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งเหล่านี้ว่ามันจะถาวร อาตมายืนยันอยู่ในฐานปัจจุบันมากสุด ตอนนี้ถ้าเขาดีอาตมาก็เชียร์ ถ้าเขาเสียอาตมาก็ตำหนิ อาตมาจะไว้หน้าตัวเองทำไม เราต้องไว้หน้าสัจจะ เขาเปลี่ยนไปแล้ว ก็ตามสัจจะเลย ใครจะว่า แต่ก่อนเชียร์ทำไมตอนนี้มาถล่ม ก็เขาไม่เหมือนเดิมก็ต้องถล่มซิ อาตมาจะเสียอะไร แต่คุณเข้าใจไม่ได้เพราะไปยึดมั่นถือมั่นว่าถ้าเชียร์ใครแล้วว่าต้องเชียร์ให้ตลอดซิ อาตมาไม่ใช่คนแบบนั้น อาตมาเอาปัจจุบันเป็นหลัก นายกฯตู่ปัจจุบันยังเชียร์ได้อยู่ แต่อนาคต เฮ้ย…คุณกบฏแล้ว ชัดเจนแล้ว แน่นะ เราก็ถล่มเขาได้ เว้นแต่ถ้าเขาเป็นแค่เพียง“ขาแพลง”ชั่วคราว เราต้องระมัดระวังตรงนั้น ถ้าเขาแค่ขาแพลงก็อย่าเพิ่งถล่มก่อน เพราะซ่อมได้ แต่ถ้าเขาขบถจริงเราก็ต้องเปลี่ยน อย่าไปยึดมั่นถือมั่น
คุณใหม่เสมอ มีโครงการล่าสุดที่สร้างความฮือฮา คือการช่วยเหลือของคณะรัฐมนตรีผ่านทางบัตรสวัสดิการหรือบัตรคนจนที่จัดงบก้อนโตให้ประชาชน กลุ่มนี้คนละ 500 บาท เป็นของขวัญปีใหม่ และช่วยเหลือผู้สูงอายุในการเข้ารับการรักษาพยาบาล เป็นต้น
พ่อครู เหนือชั้นกว่า ๓๐ บาทรักษาทุกโรค พลเอกประยุทธ์ทำอย่างนี้ เป็นเรื่องดี ถูกต้องแล้ว เพราะคนเหล่านี้อยู่ในสถานะที่ควรได้รับการช่วยเหลือ เป็นหน้าที่ของผู้บริหารที่ต้องช่วยประชาชน ส่วนคนร่ำรวยที่เอาเปรียบเอารัด จะไปช่วยทำไม นี่เขาก็กำลังจะออกกฎหมายขูดภาษีจากคนรวยๆมากๆมาใช้กับโครงการเหล่านี้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้บริหารบ้านเมืองไม่ผิดหรอก อาตมาเห็นด้วยกับโครงการนี้
ถามจริงๆ คนจนเขาอยากจนมั้ย เขาอยากมีสมรรถภาพความสามารถมากมั้ย เขาอยากแน่นอน แต่เขาเป็นได้แค่นั้น ทั้งโอกาสทั้งสมรรถนะที่เขาอยากฉลาด อยากมีความสามารถแต่เขาได้แค่นั้น คนเรามีข้อจำกัดของแต่ละคนจริงๆ
เพราะฉะนั้น เมื่อตอนนี้เขาเป็นอย่างนี้ คือเขายังจน และถ้าอาตมามีหน้าที่สร้างเศรษฐกิจให้ดีก็ต้องเฉลี่ยทรัพยากรให้มีทั่วถึงกัน นี่เป็นหลักประชาธิปไตย คอมมิวนิสต์ ก็ใช้หลักอันนี้แหละ ยกเว้นหลักของเผด็จการที่มุ่งจะกอบโกยเป็นของกูให้มากที่สุด แต่ประชาธิปไตยหรือ คอมมิวนิสต์ก็ตาม ใช้หลักเดียวกันคือพยายามเฉลี่ยให้เสมอภาคมากที่สุด เป็นหลักเกณฑ์สากล
คุณใหม่เสมอ แต่ใช้งบประมาณตั้งแปดหมื่นล้านบาท บางคนว่าการช่วยอย่างนี้ไม่ยั่งยืน เพราะหลังจากนั้น ประชาชนก็จะขอเงินเพิ่มอีกๆๆ
พ่อครู ก็รัฐจะแชร์ได้เท่าไหร่ก็แชร์ไปสิ ก็ของส่วนกลางจะกักจะตุนไว้ทำไม ทุกอย่างไม่เที่ยง อย่าไปพูดว่ายั่งยืนไม่ยั่งยืน รัฐต้องสะพัดไปตามควร การพัฒนาประเทศนั้นเขาต้องสะพัดเงินออกมา ไม่กักตุนไว้ คนที่ไม่แชร์ออกมาจากกองกลาง กักตุนไว้ก็คือคนทำงานไม่เป็น เป็นคนกักตุน การกักตุนคือ การทำลายเศรษฐกิจ นี่คือ เศรษฐศาสตร์ขั้นอนุบาล
ตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว เงินที่เอามาใส่ลิ้นชักไว้เฉยๆ มันก็ไม่มีราคา ไม่ว่าจะเป็นเงินกี่ล้านก็ตาม มันเท่ากับเศษกระดาษ แต่ถ้ามันเดินสะพัดเป็นธนบัตรจะมีราคา เกิดค่าขึ้นมาทันที เพราะฉะนั้น จึงต้องสะพัดให้ได้อย่างถูกต้องอย่างดี รัฐบาลเขาทำถูกแล้วตามหลักเศรษฐกิจ นี่เป็นเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นเลย เคลื่อนที่เมื่อใดเมื่อนั้นแหละเกิดการสะพัด กระดาษเปล่าที่กำหนดค่าไว้ก็มีค่าตามนั้นทันที แล้วคุณจะไปกักตุน แช่นิ่งไว้ทำไม
ข้อสำคัญคุณต้องแชร์ให้ถูกต้องและให้คนที่ควรให้ คนที่ไม่ควรให้ คุณก็อย่าไปให้เขา ถ้าให้คนที่ถูกต้องแล้วตามหลักบริหารสามัญ มันผิดอะไร คนจนเขาก็ได้รับบริการ ได้รับความช่วยเหลือก็เป็นวิธีการบริหารที่ถูกต้องแล้ว
คุณใหม่เสมอ ท่านนายกฯบอกว่าอย่ามองเป็นการโฆษณาหาเสียง งานนี้ได้ประชุมมาเป็นปีแล้ว แต่มันมาบรรจบลงช่วงนี้พอดี
พ่อครู ก็ถูกต้องแล้ว ไม่ได้หาเสียง แต่คุณไปมองในแง่ของการหาเสียงเอง จริงๆแล้วถ้าเขาหาเสียงที่ถูกต้อง ตามความเป็นจริง เราควรให้เสียงไหม ที่ว่าเขาหาเสียงก็คือคำพูด แต่ที่เขาทำอย่า งนี้คือการกระทำที่ควร ทีนี้การกระทำนี้ถูกต้องไหม และเขาควรได้เสียงมั้ยล่ะ ไปว่าเขาหาเสียง ไม่ต้องหามันได้เองก็ถูกต้อง คุณทำไม่ได้คุณริษยาเขาหรือ คุณไปหาเสียงไปซื้อคน แต่เขาไปให้คนจนที่ควร ไม่ใช่ไปซื้อเขาไว้ ใครหาเสียงมากกว่ากัน
คุณซื้อคนมาเป็นพรรคพวก กับคนนี้เอาไปแจกคนจนคนที่ควรได้ ใครถูกต้องกว่ากัน แจกคนยากจนถูกกว่าแน่ใช่ไหม เขาทำถูกแล้วแต่คุณเข้าใจไม่ได้ แล้วไปเชื่อคำโฆษณาตามความคิดของเขา คุณก็ไม่ฉลาด คุณถูกครอบงำทางความคิด เช่น เขาโฆษณาว่าพวกเขาเป็นประชาธิปไตย ๆ ทั้งๆที่เขาเผด็จการร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยอ้างว่า ประชาธิปไตยต้องมีเลือกตั้ง ถ้าไม่มีก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย นั่นมันตื้นที่สุด
คุณใหม่เสมอ สิ่งที่พ่อครูได้พยายามต่อสู้เรื่อง 3 อาชีพกู้ชาติหรือสร้างชาติ ได้แก่ ปุ๋ยสะอาด กสิกรรมธรรมชาติและขยะวิทยา ณ ตอนนี้มีแนวโน้มในทางที่ดี มีคนว่ากสิกรรมไร้สารพิษจะเป็นทางออกของประเทศไทยและเป็นการช่วยประชาชนให้มีสุขภาพแข็งแรงด้วย
พ่อครู คำว่าปุ๋ยสะอาดก็มีคนเข้าใจมากขึ้น แต่ก่อนมีแต่ปุ๋ยเคมี เดี๋ยวนี้กระเตื้องขึ้นเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยชีวภาพ ประเทศไทยเป็นประเทศกสิกรรม จึงต้องเอาจุดเด่นจุดเอกของเราเป็นตัวสาระของประเทศ เราไม่ใช่ประเทศอุตสาหกรรม เราทำแค่พออาศัยพอเป็นไป เราไม่ต้องเด่นทางนั้นตามที่ในหลวง ร. ๙ ตรัสไว้ เราก็เอากสิกรรมของเราให้เป็นหนึ่ง ให้เป็นของดีราคาถูก ปริมาณมาก เกื้อกูล ขายถูก เรียกว่าแย่งตลาดโลกเลย ที่จริงไม่แย่งหรอก มันเป็นไปตามสัจธรรมเพราะของเรามากต้องรีบระบายออกรีบขายถูกให้คนได้เอาไปบริโภค จะปล่อยให้เน่าอยู่ทำไม ต้องเร่งทำ เขาก็ได้ของดีราคาถูกไปกินไปใช้ สิ่งเหล่านี้แหละที่เมืองไทยโชคดีมาก ไม่มีอะไรสำคัญเท่าอาหารเพราะอาหารเป็นหนึ่งในโลก เพราะฉะนั้นการผลิตอาหาร ปุ๋ยสะอาดกับกสิกรรมธรรมชาติก็คืออาหาร
คุณใหม่เสมอ ขณะนี้ทางราชการให้ความสำคัญเกี่ยวกับกสิกรรมไร้สารพิษถึงขั้นประกาศว่าอำเภอบางแห่ง และบางจังหวัดให้เป็นพื้นที่กสิกรรมไร้สารพิษ
พ่อครู ถูกต้อง ดีมาก สนับสนุน 100% ให้คะแนนเต็ม แต่ละบวรของชาวอโศกนั้นมีผักไร้สารพิษ อาตมาว่าครบทุกหน่วย และได้สะพัดกระจายไปภาคต่างๆได้ครบ ผลิตให้เยอะ ให้เราพอกินพอใช้ พอเหลือก็กระจายออกไปที่ต่างๆ
คุณใหม่เสมอ สิ่งนี้สู้กับประเทศอุตสาหกรรมได้ไหม
พ่อครู ไม่สู้ เราแค่ทำจุดเด่นของเรา เราจะไปสู้กับอุตสาหกรรมเขาทำไม เราสู้เขาไม่ได้อยู่แล้ว พวกเขาต้องพึ่งกสิกรรมที่เราเด่น เราไม่ต้องสู้ แต่เราจะช่วยเขาเพราะเขาต้องมาพึ่งเรา เราอาศัยใช้เทคโนโลยีของเขาบ้าง เรารู้ว่าสู้เขาในเรื่องนั้นไม่ได้หรอก เราไม่สู้ แต่เราจะเกื้อกูลเขาช่วยเหลือเขาในส่วนที่เราเด่น แล้วเราก็มีอาหารคือปัจจัยของชีวิต อุตสาหกรรมทำเครื่องใช้แม้แต่อาวุธยุทธภัณฑ์ เราไม่แคร์หรอก ส่วนช้อนจานชาม ไม่มีของต่างประเทศมาเราก็สร้างมาใช้เองได้เป็นปัจจัยสำคัญ รถราเราไม่มีเราก็ทำเกวียนขึ้นมาใช้ก็ได้ ถึงแม้ว่าเราจะใช้เครื่องยนต์กลไกบ้าง ทุกวันนี้ก็มีความรู้กันแล้ว เมืองไทยเราก็มีความรู้ทางสร้างเครื่องยนต์กลไก วิศวะต่างๆ พออาศัยได้อยู่ ไม่จำเป็นต้องวิเศษวิเสโส ขณะนี้ก็เหลือกินเหลือใช้แล้วไม่ต้องไปข่มเบ่งแย่งตลาดเขา ที่แข่งกันทุกวันนี้ก็เพื่อจะรวย จะหาคนมาอุดหนุนสินค้าเรา แล้วเราจะรวย มันก็เท่านั้น แม้เราทำได้ดีแล้วแต่ไม่รวยก็ได้สะพัดมาให้คนได้อาศัยดำรงชีวิตตามความจำเป็นได้พอเหมาะพอดีแล้ว จะต้องไปเก่งไปโก้ไปรวยกว่าเขาทำไม
ถ้าข้าวราคาแพงนี่คนตายนะ แต่อุตสาหกรรมราคาแพงก็ไม่ทำให้คนตาย แต่มันทำให้คนมีเสียเยอะ มักง่าย ใจร้อน และฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยแต่ กสิกรรมนี้สร้างมาไม่ทำให้คนเสียหายแต่อย่างใด
พระพุทธเจ้าสอนคนให้รู้จักตัวเองให้เป็นคนอาริยะเป็นคนศรีวิไลซ์ เจริญสูงก็เป็นอาริยบุคคลเป็นโลกุตระบุคคลที่แท้จริง ถึงจะช่วยโลกช่วยสังคมได้ มันไม่แปลกเลยที่คนจนจะช่วยมนุษยชาติ ส่วนคนรวยนั้นไม่ได้ช่วยมนุษยชาติหรอก ขอยืนยัน พูดสั้นๆลัดๆ คนรวยไม่ได้ช่วยมนุษยชาติ ยิ่งรวยก็ยิ่งหาทางเอาเปรียบกอบโกย เหมือนอย่าง CP ตัวเอง ดูดเอาๆแล้วมาอ้างว่าต้องทำอย่างนี้ๆ
ถ้าเผื่อว่า มีความเข้าใจอย่างนักเศรษฐศาสตร์ชั้นสูง ตนเองฉลาดอย่างหัวหน้า CP นี่ก็ตาม ก็แจกงานแจกอะไร ตัวเองก็ไม่ต้องรวย เป็นคนจน แต่ให้ผู้บริหารเข้าใจอย่างนี้ทุกคนที่เป็นนักบริหารอย่ารวย ให้คนที่อยู่ชั้นล่างรวย นั่นคือนักเศรษฐศาสตร์ชั้นสูง จะเป็นเจ้าของกิจการเจ้าของโรงงานเจ้าของบริษัทอะไรก็แล้วแต่ สร้างแล้วให้ตนเองเป็นคนจน ตนเองลดลง แจกให้แก่คนชั้นล่างแก่ลูกน้องให้คนชั้นล่างได้รับมากๆ ส่วนคนที่มีกินมีอยู่พอแล้วก็ทำตนเองให้เป็นคนมีวรรณะ 9 เลี้ยงง่าย (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ 9 ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)
เป็นคนชั้นสูง ไม่ใช่คนที่มี อวรรณะ 6
-
เลี้ยงยาก (ทุพภระ)
-
บำรุงยาก (ทุปโปสะ)
-
มักมาก (มหัปปิจฉะ)
-
ไม่รู้จักพอ (อสันตุฏฐิ)
-
เกียจคร้าน (โกสัชชะ)
-
คลุกคลีหมู่คณะ(คลุกกองกิเลส) (สังคณิกา)