620204_รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 37
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1t8YbAXQ_Mb6ywIdxKpK98PvyBWoyASV6Tm6hFGRRcOY/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1mxMOyNyoSyv_Xf29OqsloGnp7NxqXVvu
พ่อครูว่า…วันนี้วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก รายการสำมะปี๋ อะไรก็ได้ โลกทุกวันนี้เราต้องมาเลือกทอง ร่อนทองจากกองขี้ ก่อนจะถามอะไร ก็ขอประเด็น
ศาสนาพุทธยิ่งใหญ่ที่สุดเพราะว่าค้นพบความสุขความทุกข์ ความสุขความทุกข์เป็นเรื่องที่ไร้สาระที่สุด เละเทะ ที่สุด แล้วเขาก็หลงความสุขความทุกข์นิรันดร
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ทุกอาริยสัจ เทวนิยมศาสนาไม่รู้จักโลกุตระ ไม่รู้จักทุกข์สอนให้รู้แม้เป็นสุข แต่มันก็เป็นเพราะเขาออกจากทุกข์ไม่ได้ ก็เพราะว่าเขาไม่เห็นทุกข์ตอนนี้ นี่แหละความสุขความทุกข์เป็นภาวะคู่ เทวะ ศาสนาเทวนิยมตีคู่สุขทุกข์ไม่ออกแล้วแยกให้ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ไม่ได้
ศาสนาเทวนิยมได้แต่กดข่ม หาวิธีทำให้ทุกข์หมดไปให้ได้นานที่สุด โดยเฉพาะไม่เข้าใจในเรื่องโลกียะ นึกว่าความสุขนั้นมันคือความดี จริงๆแล้วไม่ใช่ ความชั่วก็ทุกข์ได้ความดีก็ทุกข์ได้ ความชั่วก็สุขได้ ความดีความชั่วไม่ใช่ความทุกข์ความสุข
ความทุกข์ความสุขเป็นภาวะคู่ภาวะแยกไม่ออก จะจัดการให้หมดความทุกข์ต้องจัดการทั้งสุขด้วย เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธทุกวันนี้เขาก็ตีทุกข์สุขไม่แตก ไปหลงเอาแต่สุข ยังไม่ชัดเจนว่าสุขเป็นอัลลิกะ มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้นทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป จะดับทุกข์นั้นต้องดับที่เหตุ พระพุทธเจ้าท่านดับทุกข์เลยดับที่เหตุ จนหมดเหตุ ปัจจัย ดับจนกระทั่งมันไม่เหลือหลอเลย ดับเหตุแห่งทุกข์ต้องเข้าใจสุขให้ได้ ดับเหตุแห่งทุกข์ก็ยังไม่รู้สุข
สุขคือความหลอก ไม่เที่ยง สุขนั่นแหละคือความทุกข์ จริงๆแล้วความสุขไม่มีตัวตน เพราะฉะนั้นพระอรหันต์ไม่มีตัวตนของสุข ทุกข์ก็ไม่มี เรียกว่าพ้นเทวะ ดับเทวะ ศาสนาพระพุทธเจ้าจึงไม่มีเทวะ อเทวนิยมพ้นความเป็นเทวะทั้งมวล
พูดไปแล้วเหมือนข่มไปทำลายเทวะ เขานึกว่าพระเจ้าคือเจ้าของสวรรค์นรก เขาไม่เข้าใจว่าสุข ทุกข์เป็นอาริยสัจ ศาสนาพุทธก็ไม่ยากเพราะมันอย่างเดียวกัน ดับมันไปหมดเลย นี่คือเคล็ดลับสู่การดับความสุขความทุกข์
คุณไปหลงความสุขใน อบายมุข สิ่งเสพติดในขั้นต่ำ หยาบต่ำ เราไปหลงเราควรเลิกเรื่องนี้มันเลว จัดจ้าน ไม่น่าจะไปเสียเวลากับมันแล้ว มีปฏิภาณรู้แล้วเรียนรู้อันนั้นเลย อ๋อมันเป็นความยึดติด มันไม่มีจริง อนัตตา จริงๆแล้วมันเป็นตัวทุกข์ต่างหากมันแปลงร่างเป็นเทวบุตรมาร
_สม.เป็นหญิง…สืบเนื่องเรื่องที่พ่อครูประกาศเรื่องสุข ทุกข์ เคยได้อ่านหนังสือว่า สมัยพุทธกาล มีเด็กกำลังเล่นลูกข่าง ภิกษุเดินผ่านไป เด็กก็ถามว่าทุกข์เกิดจากอะไรเกิดจากอะไร ภิกษุก็ตอบว่า สุขเกิดจากทุกข์ ความทุกข์เกิดจากความสุข เด็กคนนั้นเมื่อได้สั่งแล้วก็แลบลิ้นให้ แล้วกลับไปเล่นลูกข่างต่อ ก็มาฟังที่พ่อท่านประกาศต่อคนทั่วไป เขาก็คงเหมือนเด็กได้ฟัง เมื่อมีผู้ได้บอก ว่ารู้ต้นเหตุแห่งทุกข์ สุข แต่เขาก็เหมือนเด็กที่เล่นลูกข่าง
พ่อครูว่า…บางคน ไม่ต้องเอาใครหรอก คุณไพศาล พืชมงคลบอกว่าทำไม พระยสะฟังธรรมพระพุทธเจ้ากัณฑ์เดียวก็เป็นพระโสดาบัน กัณฑ์ที่ 2 ก็เป็นอรหันต์ แต่เราอ่านพระไตรปิฎกไม่รู้กี่เที่ยวทำไมไม่บรรลุโสดาบันเสียที หรือพระพาหิยทารุจริยะ ฟังธรรม ไม่กี่ประโยคก็ได้เป็นพระอรหันต์ คนเหล่านั้นไม่ใช่คนที่ฟังแล้วรู้ได้ทันทีก็เพราะว่าสั่งสมบารมีมาก่อนแต่ชาติไหน ค่อยเพิ่มบารมีมา ในชาตินี้ได้พบสัจธรรมจากพระพุทธเจ้าก็ยิ่งแน่นอน ก็บรรลุได้เร็ว พบกับสัตบุรุษผู้รู้ อย่างเช่น อาตมา ขออภัยไม่ได้พูดอวดตัวตน อาตมาพูดสัจธรรม อาตมาเป็นอรหันต์โพธิสัตว์ก็ไม่ได้อวดตัวตน แต่คนเข้าใจไม่ได้
เพราะฉะนั้นเรื่องสุขเรื่องทุกข์เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ขอย้ำว่าพระพุทธเจ้าศาสดาเรื่องสุขเรื่องพวกนี้แหละจึงได้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อไหร่จะเสนอเรื่องความดีความชั่ว ที่เป็นสมมติสัจจะ
สม.เป็นหญิงว่า…เขาไม่ทราบเหตุแห่งทุกข์สุข ยกตัวอย่างเรื่องขนมจีน คนติดขนมจีน
พ่อครูว่า…คนที่ไม่ติดขนมจีนก็ไม่ได้เป็นทุกข์เป็นสุขไปกับขนมจีน ขนมจีนก็คือขนมจีน บางคนกินข้าวดีกว่ากินขนมจีน คำว่าอุปาทาน ไม่ได้ติดยึดแค่ขนมจีน บางคนติดปลาร้าของหมักเน่า บางคนว่าของเน่าไม่เอาเลย แต่บางคนว่าชั้น1 เลย มันก็เป็นการติดยึด จะบอกว่ามันเป็นโทษหรือเป็นคุณนั้นอีกต่างหาก อะไรมากไปมันก็เป็นโทษ บางอย่างเป็นของหมักดองก็เป็นธาตุที่ดีได้ ใครที่ขาดธาตุไหน ขาดธาตุเน่า ธาตุสด ก็เอาไปใส่ให้สมดุล เป็นสัจจะที่ต้องศึกษา แต่สุข ทุกข์นั้นไม่ได้อยู่ที่ความเป็นจริงจะได้สมบูรณ์หรือถูกต้อง มันขาดมันเกินก็ต้องเพิ่มต้องลดอย่างนี้ไม่ใช่หรอก ความสุขความทุกข์เป็นเรื่องของจิตที่ไปติดยึดอุปาทานคุณไปปั้นเอง
สมมุติเองแล้วก็สุขทุกข์เองคุณหลงตัวตนว่ามันเที่ยง สุขมันต้องเป็นยามา คือให้เวลาสุขมันนานไม่พัก ดุสิตจะพักก็ไม่ยอมพัก ดาวดึงส์ยามาดุสิต ต้องสุขตลอดเวลาให้อยู่นานๆ ไม่ต้องพรากจากนิรันดร
เข้าใจสุขทุกข์ให้ได้แล้วไม่ต้องสุขทุกข์เลย จิตไม่ต้องมีอาการสุขเลยก็ไม่มีทุกข์หรือไม่มีทุกข์เลยก็ไม่มีสุข มันเป็นเหรียญคนละหน้า มันเป็นสภาพซ้อนอยู่เป็น hidden agenda สภาวะซ้อนอยู่ เป็นคู่หู
_เปรมบุญ พฤกษาวัฒนา…ก่อนจะเข้ามาอยู่กับอโศกเป็นพธม.ฟังธรรมพ่อครูไม่รู้เรื่อง แต่พอมาอยู่บ้านราชฯ เริ่มเข้าใจ หากเราอยู่ข้างนอกก็ไปนั่งหลับตาไม่รู้เรื่อง แต่มาอยู่ที่นี่ก็ทำได้อย่างพ่อครูสอน ทำให้ใจเย็นขึ้น ตนเป็นคนสายโทสะ ตอนนี้ทำงานมีผัสสะมา แต่คิดว่าความถูกความผิดไม่มี ก็ยอมให้ได้
พ่อครูว่า…เราอยู่ในฐานนี้ สุข ทุกข์มันไม่ใช่เรา ความจริงโดยสมมติสัจจะ คุณอย่าไปเปิดเผยว่าถูกผิดนั้นไม่มีนะ สมมุติที่เขายึดถือมันยังมีอยู่ ถ้าคุณไม่เอาด้วยมันไม่ได้อยู่ด้วยกันไม่ได้
_เปรมบุญ…บางทีเราค้านเขาไม่ได้ก็ยอม
พ่อครูว่า…บางทีว่าอย่างเรามันดีกว่า แต่เขายึดถือว่าแบบเขามันดีกว่า หรือยึดว่าผิดก็ตามหรือกลุ่มส่วนใหญ่จะเอาอย่างนั้นเราก็ต้องอนุโลม เราก็รู้ว่าคนนั้นเข้าใจอย่างนั้น อาตมาพยายามพูดยืนยันว่า ไปนั่งหลับตาสมาธิมันไม่ใช่ การปฏิบัติสมาธิของพระพุทธเจ้าที่ปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ปฏิบัติมรรค 7 องค์แล้วจะเกิดผลสมาธิ
ในพระสูตรแรกๆ พรหมชาลสูตร ปฏิบัติศีล มีสำรวมอินทรีย์ มีสติสัมปชัญญะ อันเป็นอริยะ มีความสันโดษอันเป็นอาริยะ
_เปรมบุญว่า…เคยปฏิบัตินั่งหลับตามาก่อน
พ่อครูว่า อาตมาก็เคยนั่งหลับตาปฏิบัติสมาธิมาก่อน จนถึงอายุ 36 ก็ค่อยฟื้นคืนความรู้ของพุทธขึ้นมา เพราะในยุคนี้ ความรู้ศาสนาพุทธนั้นที่ถูกต้องมันได้เลือนหายไปหมดแล้วอาตมาก็เลยต้องมารื้อฟื้นคืน มั่นใจว่าที่อาตมาพูดมาถูกต้องแต่ท่านหลงผิดกัน พูดมาเกือบ 50 ปีแล้วคนก็ไม่ค่อยจะเข้าใจก็มีแต่คุณนี้แหละมาเข้าใจและปฏิบัติได้ การนั่งหลับตาปฏิบัติก็เป็นผู้อุปการะบ้าง แต่มันไม่ใช่ทางปฏิบัติเพื่อบรรลุอรหันต์
_เปรมบุญ …โชคดีที่ได้มาอยู่ที่นี่แล้วได้ฟังแล้วทำตามที่พ่อครูเทศน์สอน
_ สืบเนื่องจากsms พ่อครูที่อ่านเมื่องวาน ฟังแล้วรู้สึกไม่ดี มันเศร้าลึกๆว่า ทำดีขนาดนี้ยังโดนขนาดนี้ คุยกับศีลสนิทเขาว่า คนอื่นที่ไม่เข้าใจเราก็เป็นธรรมดา ให้ทำใจเถอะ แต่ว่าพวกเราต่างคนเป็นคนใน อยู่ในนี้มานานแต่ก็ด่าว่ากันเองพวกเถียงกันเอง อัตตามานะใหญ่ในนี้บางคนเพ่งโทสถึงสมณะ บางคนเพ่งโทสมีอัตตามานะ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องทำใจและเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ที่นี่มีหลายอย่างให้เรียนรู้ ลูกก็ตาสว่างขึ้น เมื่อได้ฟังคุณศีลสนิท ความเศร้าลึกๆก็หายไป รู้สึกขอบคุณมิตรดีสหายดีแบบศีลสนิทมาก พ่อครูเห็นด้วยไหมว่า พวกข้างนอกที่ไม่เข้าใจพวกเราน่ากลัวกว่า ข้างในที่ไม่เข้าใจกันเอง
พ่อครูว่า…ใน Social Media ที่คอมเม้นมาว่าอาตมามีเยอะเลย (หลวงปู่ ว่า เด็กชายโนอาห์ที่ส่งเสียงดังว่าให้คุยเบาๆหน่อย) ก็น่ากลัวทั้งคู่ ข้างในก็น่ากลัวอีกแบบ ข้างนอกก็น่ากลัวอีกแบบ เข้าใจให้ได้ว่าเขาเข้าใจอย่างที่เขาเข้าใจ ดีไม่ดีเขายึดมั่นถือมั่น ส่วนเราสิมารู้ว่าเรายึดของเรามากไปหรือเปล่าใครมาแตะไม่ได้หรือเปล่าอนุโลมกันไมได้เลยหรือเปล่า ถ้าเราเห็นว่าอันนี้ดี ยึดถือแต่คนมาแตะต้องลบหลู่ตีทิ้งเขาเข้าใจอย่างนั้น อย่างอาตมาไม่ได้ถือสา แต่สงสารเขา เพราะอาตมาเป็นคนรู้เป็นคนดีเป็นคนสูงไม่ควรมาด่าว่า แต่เขาไม่รู้เขาก็มาลบหลู่ ด่าให้เลย เขาไม่ได้นับถือ ก็เป็นธรรมดาจะไปห้ามเขาได้อย่างไร เราจะทำอย่างไรให้เขาเข้าใจความจริงนี้ได้ แน่จริงคุณก็ทำให้เขาเข้าใจได้ว่าคนดีจริงแล้วเขาก็ยอมรับ เขาไม่ดูถูกเราแล้วไม่มาว่าเราแล้ว เคารพนับถือเราด้วยอาตมาก็ต้องพยายามทำอย่างนั้น เขาจะด่าจะว่าอยู่ก็ไปว่าเขาไม่ได้หรอก เราเองต่างหากไม่สามารถทำให้เขาเข้าใจความจริงความถูกต้อง ให้เขาเข้าใจสิ่งนี้ว่ามันดีเขาเข้าใจไม่ได้ น่าสงสารที่เขาเข้าใจความดีจริงนี้ไม่ได้ อย่างอาตมานี้ดีจริง แต่เขาเข้าใจไม่ได้เรื่องเขาด่าอาตมาอีกด้วย มันน่าสงสาร
เราเป็นความดีจริง แต่เขากลับเห็นว่าเราเป็นผู้ที่ผิดเป็นที่ไม่ถูกต้องมันก็น่าสงสาร จะทำอย่างไรให้เขาเข้าใจ เขาตีทิ้งความดีลบหลู่ความดี รับเอาสิ่งที่ไม่ดีมาเป็นสิ่งที่ดี แล้วมันไม่น่าสงสารหรือ ไปรับเอาสิ่งที่เป็นพิษภัยมาใส่ตัวเอง เราก็อยากจะช่วยเขาได้อย่างไรดี เขาไม่รู้จักพิษภัยแล้วออกจากพิษภัย แต่เขากลับไปติดยึดความมีพิษมีภัยนั้น เราก็บอกว่าอย่างนั้นเป็นพิษภัยอย่าไปยึดติดเลยอย่าไปยึดถือเลยวางเสียเลิกเสีย เขาก็มาด่าว่าเราไม่รู้จักของดี เหมือนกลับไปบอกว่าหนอนอยากกินขี้ หนอนก็บอกว่าไอ้นี่ไม่รู้อะไรขี้มันของดีจะตาย
เราเอาความดีไปให้ เขาก็บอกว่ามันไม่ใช่มันเป็นชั่วเห็นดีเป็นชั่ว เขาแปลความชั่วว่าเป็นความดี แล้วจะไปทำอย่างไร เมื่อเขาเห็นสิ่งที่ผิดเป็นสิ่งที่ถูก เราบอกว่านั่งหลับตาเป็นสิ่งที่ผิด เขาก็บอกว่าเราหน้าโง่ไปทำลายสิ่งที่ดีสิ่งที่ถูกต้องสิ่งที่ดีเขาอีก จะไปถือสาเขาไม่ได้หรอก เขามีภูมิรู้แค่นั้น เหมือนหนอนต้องกินขี้ ไม่ได้ด่าว่าเขานะ
อาตมาไม่เคยโกรธใครที่มาดูถูกดูแคลนหรือด่าหยาบคาย คนที่ด่ามามันก็สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล คนที่ด่าได้ต้องเป็นคนชั้นหนึ่งคนที่ด่าไม่ออกก็อีกชั้นหนึ่ง คนด่าก็สะใจด้วยทั้งคำด่าก็หยาบใจก็หยาบด้วยก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่าไปเอาสิ่งที่เขาไม่รู้จักสาระผิดสาระไร้สาระเราก็ต้องพยายามให้เขารู้สาระ เหนื่อยก็ต้องทำ
_เมื่อวานหนูได้ฟังรายการวิถีอาริยธรรม มีคนว่าประณามหลวงปู่มากมาย ขณะฟังหนูรู้สึกโมโห แล้วหัวร้อน รู้สึกกินอยู่ไม่สุขเลยค่ะ อยากทราบว่าหลวงปู่รู้สึกอย่างไรคะ
เมื่อมีผัสสะแบบนี้มากระทบหลวงปู่ทำใจในใจได้อย่างไร เวลาที่หนูท้อหนูเจอผัสสะ หนูจะได้ยกหลวงปู่เป็นไอดอล ประจำใจของหนูค่ะ …จากกาแฟดำ
พ่อครูว่า..ก็ต้องศึกษาทำอย่างไรจะทำได้ หลวงปู่พูดความจริง พยัญชนะภาษาที่พูดไปนี้หลวงปู่พูดความจริงทั้งนั้นทั้งภาษาและจิตใจ ตลอดเวลา ส่วนใครจะฟังเป็นอย่างไรก็เรื่องของเขา หลวงปู่ยืนยันว่าหลวงปู่มีแต่เรื่องจริง พูดก็จริงใจก็จริง ไม่มีพูดข้างนอกไม่จริงข้างในจริงหรือพูดข้างนอกไม่จริงข้างในจริง หลวงปู่ต้องฝึกหัดเสมอแล้วเรียนรู้จะทำจริง ตัวเรายึดถือทั้งนั้น ยึดถือเขาด่าเราเขาว่าเราสุขเราทุกข์ เขาว่าเราดีเราชั่ว เขาว่าเราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้มันก็มี 2 เทว ความต่ำกับความสูงความดีกับความชั่วความสุขกับความทุกข์ความมากความน้อย ความสูงความต่ำอะไรก็แล้วแต่ เราก็ฟังความจริงว่า ขณะนี้เขาพูดเรื่องต่ำขณะนี้เขาพูดเรื่องสูง เขาพูดเรื่องความดีกับพูดเรื่องความชั่ว เขาพูดเรื่องความสุขความทุกข์ มองเข้าไปสู่สัจจะอันนั้น แล้วเราก็ร่วมไปกับเขา คนนี้เขาพูดเรื่องสุข ความสุขคืออะไร นี่คือเขายึดถือที่เขามุ่งหมาย ถ้าความสุขอันนี้ควร เขาหมายถึงว่านี่คือความสุข มันเป็นความเข้าใจของเขาหรือเขาจะยึดถืออยู่บ้าง สิ่งที่เขาไม่ยึดถือก็มี เราก็รู้ฐานจิตเขาเป็นอย่างไร เราต้องเข้าใจความจริงตามความเป็นจริง กว่าจะรู้ได้และเข้าใจปล่อยให้เป็นไปตามสัจจะ หรือจะอนุโลมกับเขา เขาจะอยู่ในฐานนี้ ฐานะเขาแค่นี้ เราก็ปฏิบัติร่วมกับเขา แล้วเราจะรู้ว่าที่มันสุขกว่านี้มีไหมความสูงกว่านี้มีไหม เราจะมีศิลปะอย่างไรทำให้เขาเข้าใจว่าอย่างนี้มีความสูงขึ้นไปกว่าที่คุณยึดถืออยู่แล้วให้เขาเห็นดีว่าควรจะทำอย่างนี้ ได้อย่างนี้แหละ หลวงปู่ทำอย่างนี้ตลอดเวลาและช่วยคนให้ทำอย่างนี้ คนที่ใช่ไม่ได้พูดกันไม่ได้ก็ตามจริงเราทำให้เขาเข้าใจไม่ได้เราก็ต้องยอม
_ประเด็นคำด่าที่คนข้างนอก เข้าใจพ่อท่านไม่ได้ เพราะความยึดติดความไม่รู้ อย่างมากก็มาทดสอบเวทนา(ครูบาอาจารย์ที่เราเคารพมากสุดเศียรเกล้าถูกด่า) เมื่อคุณว่าอาจารย์ที่เราเคารพ เราก็ฟังเขาทดสอบ เราจะหวั่นไหวไปกับคำด่าไหม เราก็รู้ว่าเขาไม่เคารพ เขาเชื่อว่าเราผิดเราต่ำ ทีนี้คุณคนนี้ว่าแต่แปลกใจที่คนในแท้ๆที่อาศัยกินใช้ในนี้ อาศัยเป็นที่ฝึกฝนเรียนรู้ธรรมะโลกุตรธรรมที่หาครูที่วิเศษเช่นนี้ได้ ไม่รู้กี่ชาติจะได้เจอเช่นนี้ พอถูกทดสอบความยึดถือกับสอบตกกันระนาว ฆราวาสบางคนกว่าจะเอาประโยชน์ตนได้และกว่าจะยอม ให้หมู่ได้ สมณะผู้ใหญ่ต้องเหนื่อยแล้วเหนื่อยอีกนี่สิ น่าแปลกกว่า …ยายน้ำหมาก
พ่อครูว่า…พวกเราลึกซึ้งกัน ในนี้เขาไม่กินหมากกันแล้ว ไม่ทาลิปสติก ไม่แต่งตัวจัดจ้าน
_SMS วันที่ 1 ก.พ. 2562 (รายการพุทธศาสนาตามภูมิ : พ่อครู)
_0015มหาจำลองมีโอกาสขึ้นรับตำแหน่งอย่างมหาเธร์ ของมาเลเซีย บ้างหรือไม่ครับ
พ่อครูว่า…อาตมาไม่รู้
_กระแสหลวงพ่อคูณเป็นประชาธิปไตยเหมือนเช่นกรณีหมูป่าหรือไม่ /อย่างไรครับ
พ่อครูว่า…หลวงพ่อคูณมีคนมีจิตยินดีไปร่วม แล้วยินดีในพฤติกรรมไหนของหลวงพ่อคูณ
หลวงพ่อคูณ 1 ท่านเป็นพระภิกษุของชาวพุทธ ภิกษุของชาวพุทธย่อมไม่ทำเดรัจฉานวิชา แต่หลวงพ่อคูณเป็นพระที่บวชมาแล้วไปเรียนเดรัจฉานวิชาไสยศาสตร์มาหนัก แล้วทำไสยศาสตร์เป็นอาจารย์วิชา ให้คนชาวไทยที่ติดอยู่ในเดรัจฉานวิชาไสยศาสตร์มายินดี พอยินดีแล้วหลวงพ่อคูณก็มีศิลปะฉลาด คนที่มายินดีมานับถือ ก็ได้เงินทองมา ได้ทรัพย์สินจากไสยศาสตร์ แล้วก็เลยเอาเงินทองที่ได้จากเดรัจฉานวิชาไสยศาสตร์ เอาไปทำทาน เอาไปบริจาคทำสิ่งที่เป็นคุณค่าประโยชน์ของสาธารณชนให้เห็นได้ชัดเจน คนก็เห็น แต่ภายในนั้นก็คือ ภาษาสมัยใหม่เขาเรียกว่า เป็นการอาศัยฟอกเงิน หลวงพ่อคูณก็เอาส่วนหนึ่งไปใช้สร้างวัตถุอะไรก็แล้วแต่ ทั้งวัตถุที่เป็นเครื่องรางของขลังก่อสร้างวัตถุ มีทั้งนอกรีต แม้แต่ที่สุด สร้างสิ่งใหญ่โตก็ปนกันในนั้น ทีนี้คนก็แยกไม่ออก
สิ่งที่ดีของหลวงพ่อคูณทำได้มากเพราะขายได้มากได้เงินทองมาก ก็เลยมีเอาไปสร้างได้มาก ส่วนที่เป็นเดรัจฉานวิชาไสยศาสตร์ก็มากมันก็เลยเลอะไปหมดเลย ความจริงแล้วศาสนาพุทธต้องไม่มีเดรัจฉานวิชาไสยศาสตร์ เพราะฉะนั้นก็เลยแยกไม่ออก ทีนี้สิ่งที่ทำเหล่านั้นไม่ใช่ศาสนาพุทธ แต่เป็นความดีในการเอามาบริจาค แม้แต่การทานหรือการบริจาค อาตมากล้าพูดได้ว่าหลวงพ่อคูณก็ไม่สามารถทำใจในใจของตนเอง ให้ไม่มีสาเปกโข คือไม่มีภพชาติทานแล้วสูญ อาตมาเข้าใจว่าไม่ผิด(พ่อครูไอ ตัดออกด้วย) ว่าหลวงพ่อคูณจะเข้าใจเรื่องภพชาติได้สมบูรณ์หรือเข้าใจมนสิกโรติอย่างอาริยะอย่างโลกุตระ ทำใจในใจไม่มีสันตติของภพชาติ ไม่มีสันตติของสวรรค์
สวรรค์ชั้นตื้นต่ำหรือมากอย่างไรก็มีในนั้น อาตมาเชื่อว่าหลวงพ่อคูณแยกสวรรค์นรกไม่ออก โดยเฉพาะยังมีสวรรค์ ศาสนาพุทธไม่มีสวรรค์ไม่มีนรก อรหันต์ต้องไม่มีสวรรค์ไม่มีนรก การจัดสร้างเดรัจฉานวิชาไสยศาสตร์มันเป็นอบายมุข อริยบุคคลจะไม่สร้าง เริ่มต้นเป็นพระโสดาบันก็ไม่สร้างเดรัจฉานวิชาไสยศาสตร์แล้ว แต่ยังติดในสวรรค์อยู่ เพราะฉะนั้นที่จะเป็นไสยศาสตร์เดรัจฉานวิชานั้นเป็นขั้นต้น เป็นอบายมุข เพราะฉะนั้นยังคลุกอยู่กับอบายมุข แล้วเอามาเป็นรายได้เป็นเงินทองจากอบายมุขไสยศาสตร์ให้คนมานับถือ เสริมพลังงานให้คนไปผสมกันสร้างขึ้น เป็นการอวดอ้างความใหญ่ ทางรูปร่างของความนับถือมันก็ดูใหญ่
ยิ่งไปสร้างนกหัสดีลิงค์ แล้วก็เผาทิ้งไปสูญเสียเวลาทุนรอนแรงงาน เป็นจารีตประเพณีที่เลอะเทอะหลงใหญ่โตหรูหรา หลงอุจจาสยนมหาสยนา หนักหนาสาหัสมากมาย เป็นเรื่องน่าสงสารของศาสนาพุทธ ที่ไม่รู้ทิศทางแล้วไปยินดีส่งเสริมกัน อาตมาจึงยากที่จะพูดให้คนชัดเจนเข้าใจ
แต่กรณีหมูป่า ประเด็นที่คนทั้งโลกนิยมก็คือเขาแสดงน้ำใจกันมีการเสียสละ ทั้งหมูป่าและหลวงพ่อคูณมีการสละทรัพย์ศฤงคารเหมือนกัน แต่แฝงไปกับความหยาบ แต่หมูป่าเป็นนามธรรมเยอะกว่าแฝงไปกับชีวิตคน คนมันกำลังจะตายไม่มีทางออก คนก็เลยมาหาทางช่วยกัน ของหลวงพ่อคูณ เอาเงินที่เป็นบาปเป็นอบายมุขมาสร้าง เขาไปเข้าใจว่าหลวงพ่อคูณทำสิ่งที่เป็นกุศล ส่วนเรื่องบุญล้างกิเลสนั้นไม่มีอยู่แล้วสำหรับหลวงพ่อคูณ มีแต่เจริญไปในทางโลกีย์ไม่เป็นไปทางโลกุตระ พอมีบัญญัติภาษาว่า วาง ว่างบ้าง แต่ได้แค่ภาษาจิตจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย พูดไปแล้วเหมือนไปข่มหลวงพ่อคูณ แต่เป็นการพูดสัจจะ
_ส่วนประชาธิปไตยหมายความว่าเสียสละให้แก่ประชาชน หลวงพ่อคูณเสียสละให้แก่ประชาชนจะเหมือนกับกรณีหมูป่าไหม อย่างไร?
พ่อครูว่า…ไม่เหมือนกันหลวงพ่อคูณเป็นเรื่องของวัตถุเดรัจฉานวิชาไสยศาสตร์ แต่เรื่องของหมูป่าไม่มีเดรัจฉานวิชาไม่มีไสยศาสตร์ เป็นเรื่องการช่วยชีวิต คนกำลังตกอยู่ในมุมอับกำลังจะตายก็เลยต้องสู้ชีวิต ไม่มีเรื่องของไสยศาสตร์เดรัจฉานวิชา แต่เป็นเรื่องทั่วไปสากลทั่วโลกเข้าใจหมด ทั่วโลกจึงมาช่วย กระแสของหมูป่าซึ่งเกิดขึ้นเพราะน้ำใจของคนในโลกเข้ามาร่วมมันจึงยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เรื่องเดรัจฉานวิชาไสยศาสตร์ มันต่างกันคนละโลกเลย จะไปเทียบเรื่องหลวงพ่อคูณกับเรื่องของหมูป่า ไม่ได้ คนนิยมชมชื่นหมูป่านั้นถูกต้อง ส่วนคนที่นิยมหลวงพ่อคูณนั้นไม่ใช่เลย เพราะมีความแฝงอยู่ทั้งนั้นเลยกับไสยศาสตร์และเดรัจฉานวิชา ทำมาแล้วได้ผลของการเอาไปทำทานเป็น by product ที่เป็นผลพลอยได้ แต่สาระแท้นั้นคือเดรัจฉานวิชาไสยศาสตร์ คนที่มาเคารพนับถือหลวงพ่อคูณจึงเป็นการเคารพในเดรัจฉานวิชาและไสยศาสตร์ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะสละออกการให้ มันถูกเดรัจฉานวิชาไสยศาสตร์กลบหมด
อาตมาท้า หาก หลวงพ่อคูณสร้างพระเครื่องมา 2 อย่าง พระเครื่องอย่างหนึ่งเจริญในลาภยศสรรเสริญ พระเครื่องอีกอย่างหนึ่งให้มาล้างกิเลส แล้วคิดว่าคนจะซื้อพระเครื่องแบบไหน แต่หลวงพ่อคูณสร้างพระเครื่องให้มาล้างกิเลสไม่เป็นหรอก
อาตมาสร้างพระเครื่องให้มาล้างกิเลส แต่พระเครื่องของอาตมาไม่มีรูปร่างเลย คนก็เลยไม่มาอุดหนุน เป็นวัสดุที่หาได้ยากเป็นนามธรรมให้ล้างกิเลส ถ้าหากเอาไปได้ก็จะล้างกิเลสได้เลย เป็นพระทรงเครื่องด้วยที่อาตมาแจก
_3867พ่อครูฯมองเห็นคำพูดส่อเจตนาฯกรรมกิริยาส่อความจริงฯผู้นำทุกพรรคการเมือง!ดูออกลุงตู่เป็นนักการเมืองใบปฏิรูปประเทศดีตรงที่ทุกผลงานข้ารองบาท4เหล่าทัพฯทุกหมู่เหล่าฯคืนความสุขให้ประชาชนในชาติพ้นทุกวิกฤติภัยอย่างจริงใจจริง สาธุ!กองหนุนลุงตู่
_น้าใจ ..การปล่อยวางจากความติดยึดต่างๆตอนที่ร่างกายเรายังดีๆอยู่ จะมีผลต่อการทิ้งร่างตอนที่เรากำลังจะตายมั้ยคะ เคยเห็นคนที่เจ็บป่วยมากๆ ร่างกายก็เน่าเหม็นแล้ว ก็ยังมีชีวิตอยู่กับทุกข์เวทนาของตัวเอง ไม่ยอมตายสักที เห็นแล้วรู้สึกน่ากลัว ถ้าเราฝึกปลดปล่อยจากสิ่งต่างๆมันจะทำให้เราทิ้งสังขารเราได้ง่ายใช่มั้ยคะ
พ่อครูว่า…ใช่แล้ว อาตมาเคยไปโปรดคนที่ป่วย ร่างกายเป็นมะเร็งเน่าเฟะเหม็น ลูกหลานก็สงสาร อยากให้ตาย แต่ก็อย่างไรก็ไม่รอดแต่ก็ไม่ยอมตาย เจ้าตัวก็รู้ที่ยังไม่ยอมตายเพราะห่วงลูกชายคนโตไปติดยาเสพติด ก็ห่วงจะทำอย่างไร ไม่ยอมตายสักที อาตมาก็ไปโปรด ไปพูดสารพัดให้ปล่อยวาง จนยอมตาย
พูดแล้วก็น่าเกลียดน่ากลัว พูดให้คนตาย เหมือนปาราชิกเลย พูดแล้วเขาก็วางขันธ์ ตายไป แต่เป็นเรื่องปฏินิสสัคคะเป็นเรื่องสิริมหามายา จริงๆแล้วโปรดให้ตายนั้นถ้าจะเอาอาบัติไปพูดให้เขาตายนั้นผิดอาบัตินะ แต่มันสมควรและมันก็จะต้อง ต้องพยายามด้วยซ้ำไป มันเป็นยิ่งกว่ามนุษย์พืชแล้ว มันทรมานทรกรรมก็ต้องพยายามพูดให้เขาเข้าใจวางขันธ์ ปลดที่เขายึดติด พูดให้รู้ว่าลูกเขามาแค่อาศัยเกิด ก็ยากกว่าจะยอมวาง
ที่ถามมาคือต้องฝึกวางก็ใช่
_ปุญญา ธัมมา ความอดทน..และ..ทัศนคติ เป็นสิ่งสำคัญ..ที่เราควรพึง..ปฏิบัติ..ต่อกัน ฝากถามเปนคลิป ช่วงเช้า หรือ สัมมะปี๋ ค่ะ
พ่อครูว่า…คุณพูดความเห็นของคุณมาแล้วแต่คุณไม่ได้ถามอะไรอาตมามา ก็ดี ทั้งความอดทนและเรียนรู้ทัศนคติ
_ใบฟ้า กราบนมัสการ พ่อครูด้วยเศียรเกล้า ฯ กราบเสนอบทความจากใจค่ะ ใบฟ้า น.(F.C.)
“พ่อครูและลุงตู่”: ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่พ่อครูได้ “บันลือสีหนาท” ถึง ความเป็นสมณะพราหมณา ผู้มี สยํ อภิญญา, พระอรหันต์,พระโพธิสัตว์ระดับ 7 และรับหน้าที่สืบสานพระพุทธศาสนาให้ครบ 5000 ปีอย่างชัดแจ้ง ไม่มํกุ ในห้วงเวลานี้ก็เกิดปฏิกิริยาการตอบสนองในเชิงลบ มากกว่าที่ผ่านมาอย่างชัดเจน ทั้งจำนวนที่ดาหน้าและความเข้มหยาบ เนียน ตามคุณภาพของความ “เฉโก” คะเนว่า น่าจะมี เบื้องหลัง เบื้องลึกทางด้าน “ศาสนจักร” หรือ ทางด้าน “การเมืองสามานย์” ดิฉันมิอาจฟันธง…
แต่สิ่งที่ได้ศึกษาเรียนรู้ คือ สภาวะ ของ “ Invisible Man ” ของพ่อครู ความเมตตา กรุณา อโกธะ สงบเย็นเป็นปกติ ชนิดที่ผู้นั้นๆต้องรับชะตากรรมแบกถาดอาหารเน่าบูด(อวิชชา) กลับไปเป็นของตนได้ของแถมพกไปคือโทษภัย 1 ใน 11 ประการตามสัจจะ !
ทางด้านนายกลุงตู่ก็มีวรยุทธอย่างที่พ่อครูชมชื่น ผลบุญกุศลตลอด 4 ปีที่เพียร “คืนความสุขให้เธอประเทศไทย” ก็เป็นที่ประจักษ์ ดังแจ้ง ผลงานของประเทศติดอันดับโลก น่ายกย่อง เชิดชู ผู้นำ และผู้ร่วมงานทุกฝ่ายทุกระดับ เป็นยุคสมัยที่คำว่า “บูรณาการ” และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดดเด่น และเป็นรูปธรรม จริงๆ เป็นคนดี ทีสมควรสนับสนุนให้ปกครองบริหารประเทศต่อๆๆไปอย่างยิ่ง ดังนั้นในด้านตรงข้ามห้วงเวลานี้เช่นกัน คำโกหกที่บิดเบือนเปลี่ยนสีก็จะระดมพ่นใส่ทวีขึ้น
พ่อครูว่า…คนไม่รู้เขาไม่รู้ว่าที่ทำนี้ชั่วและผิดเขาก็ทำ ก็น่าสงสารให้เขาแสดงออกมาเถอะ เราก็จะได้รู้ความจริงตามความเป็นจริงน่าสงสาร อาตมาก็มาช่วยคนพวกนี้ให้เลิกโง่เสีย แล้วมาช่วยกัน อาตมานี้สุดสงสารเขา อาตมาลูกนอกพระอภัยนะ
จะเห็นได้ว่าอาตมาไม่เคยแสดงอาการโกรธคนมาด่าทอจะหยาบคายอย่างไร อาตมาไม่เคยไปโกรธเขาเลย อาตมาไม่ได้โกรธ ใจมันเข้าใจด้วยปัญญาแล้ว
-
คุณโกรธคุณก็โง่กว่าคนโง่ 2. คุณโกรธคนชั่วคุณก็ชั่วกว่าคนที่คุณโกรธ 3. คุณโกรธคนบ้าคุณก็บ้ากว่าคนบ้า 4 คุณโกรธคนเมาคุณก็เมากว่าคนเมา