620208 พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/19heZyyuW6J-3AAEo9ON9mCs6T58Vv7RESENYneAQsHY/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1wggjU1Z4Dd6KE3WvaWKyF8mEagNBAfLj
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก ตอนนี้อากาศเริ่มร้อนแล้ว แต่ก็ไม่เท่ากับบรรยากาศการเมืองที่ร้อนฉ่า แต่ถ้าลดละกิเลสของคนได้ปัญหาก็จะถูกแก้ไปโดยปริยาย เพราะคนจะลดละตัวตนแล้วทำเพื่อผู้อื่นก็จะทำให้ปัญหาลดลง ถ้าคนยังเห็นแก่ตัวอยู่ก็คือที่พ่อครูบอกไว้ว่า คนที่เลวที่สุดในแผ่นดินคือหากินบนคำว่าช่วยเขา ทำร้ายสังคมได้อย่างร้ายแรงอันตรายที่สุด
พ่อครูว่า…ก็มาดูความเห็นของsms มีทั้งแสดงชอบใจและไม่ชอบใจ แต่ที่ไม่ชอบใจหยาบคายมากเราก็ไม่อาจเอามาอ่านออกได้ เขาก็แสดงออกสะใจตนตามกิเลสเขา สะใจกิเลสโกรธก็ได้แสดงออกให้หยาบคายรุนแรงก็แสดงออกให้เห็นว่าคนๆนี้ยากจะแก้ไข ตกต่ำหนักรุนแรง แสดงออกถึงจิตเขา มันทำให้แสดงคำพูดกิริยากายออกมาอย่างนั้น
อาตมาไม่สามารถแสดงธรรมกับสิ่งที่คนเขาไม่รับฟัง หรือสิ่งที่คนเขารับฟังแล้วไม่เกิดความเห็นว่าชอบหรือไม่ชอบ ใช่หรือไม่ใช่ ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง พูดง่ายๆ แสดงธรรมกับต้นเสาต้นไม้หัวตอ อาตมาแสดงไม่เป็นและไม่คิดว่าจะต้องไปแสดงอย่างนั้น จะต้องแสดงกับผู้ที่มีภาวะตอบรับ แม้จะตอบรับกันอย่างแรง ที่มันตอบรับกันอย่างแรงเพราะอะไร
เพราะความเห็นที่เราแสดงนี้มันเป็นเรื่องของโลกุตรธรรม อันนี้เป็นเรื่องยิ่งใหญ่เป็นเรื่องโลกุตรธรรม ซึ่งโลกุตรธรรมทุกวันนี้มันหายไปแล้ว มันไม่มีอยู่ในสังคมศาสนาพุทธแล้ว อาตมาพูดความจริงนะขอยืนยัน ทีนี้ถ้าเผื่อว่า โลกุตรธรรมได้หายไปจากศาสนาพุทธก็เท่ากับศาสนาพุทธเสื่อมแล้วหมดแล้ว เพราะศาสนาพุทธคือศาสนาที่มีโลกุตรธรรม ไม่ใช่โลกียธรรม ที่มีอยู่ทั่วโลกเป็นศาสนาที่มีอยู่ทั่วโลกที่ไม่รู้เรื่องทุกข์เรื่องสุขกันอย่างสมบูรณ์แบบ และสามารถดับความสุขความทุกข์หมดไปได้ ไม่มี ศาสนาไหนก็ไม่มีนอกจากศาสนาพุทธ นี่คือหัวใจของศาสนา
สุข ทุกข์ เป็นเทวะ เป็นสภาวะอย่างหนึ่ง dualism ที่คนแยกไม่ออก คนหลงต้องมีสุข ไม่เอาทุกข์ นี่คือสภาวะของสามัญปุถุชนโลกีย์ของทุกศาสนาด้วย เป็นแต่เพียงมีความสุขให้ดีอย่าไปมีความสุขแบบชั่ว หรือแม้แต่จะทุกข์ก็ทุกข์ให้ดี อย่าไปทุกข์อย่างชั่ว
พุทธชี้ว่าเป็นโลกุตระไม่ใช่อยู่ที่ดีกับชั่ว ดีชั่วเป็นแค่โลกียะเป็นแค่สมบัติ ส่วนความสุขความทุกข์เป็นวิบัติ ศาสนาพุทธทำให้ความสุขความทุกข์สูญหายชิบหายไปหมดเลย นี่คือศาสนาพุทธ คนที่จะพูดอย่างอาตมานี้ดูเหมือนเป็นคนบ้าแน่นอน เป็นคนพูดอยู่อีกโลกหนึ่ง ทุกวันนี้บอกแล้วว่าโลกุตระไม่มีแล้ว เขาก็ฟังแล้วก็บอกว่ามาจากต่างดาวไม่ตรงสมมุติของเขา
แบบโลกีย์จะมีความสุขความทุกข์ก็แบบโลกีย์ ส่วนของพุทธนั้นมันไม่มีสุขทุกข์มันเกินกว่าสุขทุกข์แล้ว ที่พูดความสุขความทุกข์อยู่ในโลกก็พูดอย่างลำลองตามที่เขาสมมุติกันเท่านั้นเอง พูดไปกับเขาเพราะเขาเองอยู่ในโลกนี้ ไม่รู้เรื่องหรอกกับคนโลกโลกุตระ คนที่ไม่มีปัญญาเข้าใจเรื่องความสุขความทุกข์และมีความชัดเจน ว่าอ๋อ เราต้องออกจากความสุขความทุกข์ที่เป็นโลก วนสุข ทุกข์ ในโลกอบาย สุขทุกข์อยู่ในการติดกาแฟก็สุขทุกข์ไปจนตาย สุขทุกข์อยู่ในการเล่นไพ่ สุขทุกข์อยู่ในการเมาในอำนาจอย่างทักษิณ ทำจนกระทั่งพิลึกพิลือ อาตมาถึงบอกว่าโลกจินตา เกิดมาชาตินี้ยังได้เห็น คนมีความคลั่งไคล้จนกระทั่งตั้งชื่อเป็นคนนี้ มันเป็นไปได้นะ ชาตินี้เกิดมาได้เห็น มีไหมประเทศไหนจะมีอย่างนี้ มีแต่ในประเทศไทยนี่แหละบ้าบอคอแตก ทำได้อย่างนี้ คือมันโง่ได้ที่จริงๆจึงทำได้ สุดๆเลย สุดกูไม่รู้ไม่ชี้ กูคลั่งไคล้คนนี้จะชั่วอย่างไรก็ช่าง ไปหลงใหลคลั่งไคล้กับสัตว์นรกใครจะว่าอย่างไรก็ช่างกูก็เห็นเป็นสวรรค์ของกู
โลกนี้จึงต้องพูดกันอย่างชัด จัดๆ แรงๆ มันเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องพูดจัดๆชัดๆแรงๆ เพราะโง่หนัก จนต้องใช้วิธีนี้ที่มันหนักและแรง เพื่อแก้ประเด็นที่มันติดยึด มันหลงมันคลั่งก็แก้ไม่ออกแก้ไม่ได้ แล้วมันก็น่าสงสารนะ อย่างหมอรักษาคนนี้ต้องใช้ยาแรงไม่อย่างนั้นมันตายทันทีเลย มันโคม่าแล้ว จะต้องให้คนเขาตำหนิ หรือว่าต้องให้มอร์ฟีนก็ต้องจำนน อาตมาถึงยอมที่จะมีข้อด้อยถึง 10 ข้อ จำนนที่จะมีข้อด้อยดังนั้นอยู่ ถ้าไม่เช่นนั้นทำงานไม่ได้ ถึงเป็นเรื่องลึกซึ้งที่สุด ก็พูดกันไป
คือโลกุตระนั้นมันไม่มีแล้วตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อาณิสูตร พตป.เล่ม16 ข้อ 672 ตอนนั้นศาสนาพุทธก็ยังไม่เสื่อมไปท่านก็พยากรณ์ไว้ก่อนแล้ว ว่าต่อไปนี้ ในอนาคตข้างหน้า ศาสนาพุทธจะไม่เหลือโลกุตระเลย เปรียบเหมือนกลองอานกะ ที่ประกอบไปด้วยเนื้อไม้ หนัง เส้นสายอะไร องค์ประกอบของตัวกลองนี้ แล้วชื่อว่ากลองอานกะ พอมาถึงยุคที่มันหมดแล้วก็เท่ากับกลองอานกะมันไม่เหลือเนื้อไม้ เส้นเอ็นไม่เหลือที่ใช้เป็นองค์ประกอบของกลองอานกะ ไม่เหลือเลย ฉันเดียวกัน สัจธรรมที่เป็นพุทธเป็นโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้ามันไม่เหลือแล้ว แล้วคนที่ศึกษาศาสนาพุทธก็ศึกษาตามแกนที่มีเป็นกลองปลอมๆ แล้วนึกว่าเป็นของแท้ เขาก็เอาเป็นเอาตายศึกษากันด้วยนะ
พออาตมาเอาของแท้ กลองแท้ของศาสนาพุทธขึ้นมา อาตมาพูดไปแล้วว่าเป็น สยังอภิญญา มากอบกู้ศาสนาพุทธ พูดไปถึงเป็นพระธรรมิกราช 1 ใน 2 ที่มากอบกู้ศาสนาพุทธ อีกองค์หนึ่งก็คือในหลวง เขาก็หาว่ายกตนเทียบเท่าในหลวงอีก อาตมาก็อ้างอิงหลักฐาน
พวกเราเป็นสังคมโลกุตระที่เอาพระสูตรต่างๆไม่ว่าจะเป็นสาราณียธรรม 6 พุทธพจน์ 7 วรรณะ 9 เราก็ทำได้ตามพระอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ของพระพุทธเจ้า แต่ทางโน้นเขาไม่มีเลยทั้งกระแสหลักไม่มีเลย ผู้มีดวงตาอย่างพวกคุณ หรือคนที่เขาไม่มา แต่เขาเห็นรู้แล้วว่าถูกเขาก็ไม่มา ส่วนคนที่เข้าใจไม่ได้ เราก็ย้ำตอกลิ่มเข้าที่หัวเขาอีก เขาก็ยิ่งเจ็บปวด เหมือนด่ากูอีกแล้วเขาก็ว่าเราควรหยุด แต่เราก็ด่าเพิ่มอีก เขาก็ยึดมั่นถือมั่น อาตมาก็ยิ่งต้องย้ำยืนยันความถูกต้อง แต่คุณยิ่งยึดคุณยิ่งเจ็บ อาตมาจะกระหนาบแล้วกระหนาบอีก ติแล้วติอีก เหมือนพระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ไว้
_SMS วันที่ 6 ก.พ. 2562 (พุทธศาสนาตามภูมิ : พ่อครู)
_5025พ่อท่านนี่แหละสุดยอดที่สุด
_8788กราบขอบพระคุณหลวงปู่ที่ตอบคำถามครับ.
_ນາງ ເກດມະນີ ສຸກສະຫວັນ · ນະມັດສະການພໍ່ທານສຸດຍອດທີ່ສຸດສຸຖຸ??
(นางเก็ดมณี สุขสวรรค์ นมัสการพ่อท่านสุดยอดที่สุดๆ)
_พอ : ฟังปัญหาของคุณหนึ่งฟ้า นึกถึงตัวเอง ก็โดนว่าเป็นคนนอกก็ งง ๆ ว่าทำไมต้องมีคนนอกคนใน เหมือน แบ่งชนชั้น ดูคนที่บอกว่าตัวเองเป็นคนในคือต้องใช้จ่ายเงินส่วนกลาง ไม่เคยขวนขวายการงานก็มี เห็นแก่ตัว เห็นแกกินก็มี ไม่รักษาหน้าชาวอโศกก็มี ทำให้คนที่พบเห็นชาวอโศกแล้วไม่ศรัทธา เพราะกิริยาอาการ ที่เย่อหยิ่ง เหยียดคนอื่นด้วยศีล ยกตนข่มท่าน พูดแต่ว่าชาวอโศกเท่านั้นดีเลิศประมานนั้น นี่คือเหตุหนึ่งที่คนเขาไม่ศรัทธาชาวอโศก
พ่อครูว่า…เป็นได้คนที่ติดในเปลือกภาษาสื่อบัญญัติที่สูงสุดแล้วมันจะกลับไปกลับมา สูงสุดคือต่ำสุดนี้สื่อสัจจะ คนที่เข้าใจสัจจะที่อาตมาเรียกว่า สิริมหามายา อันนี้หมายถึงสิ่งดีแต่คนเข้าใจไม่ได้เหมือนสิ่งชั่วเป็นภาษาสัจจะ มันก็เลยทำให้เขาเข้าใจผิด ทั้งๆที่มันดีสุดๆแล้ว แต่เขาก็เข้าใจว่าต่ำสุด หรือดีเท่านี้มันก็หมายถึงชั่วขนาดนี้ เขาก็เข้าใจว่าดีขนาดนี้คือชั่วอีก สำหรับคนที่เข้าใจสิริมหามายาดังกล่าวได้ก็เข้าใจเป็นธรรมดา สิ่งเหล่านี้ไม่หายหรอกในยุดพระพุทธเจ้าก็มี ในสังคมอโศกนี้ยิ่งต้องมี ประวัติอโศกเราเป็นชาวโลกุตระที่เขาเข้าใจไม่ได้เลย เขาก็ยิ่งสับสนซับซ้อนหลายชั้น มาผสมโลกุตระกับโลกียะผสมกันก็ยิ่งแยกไม่ออกใหญ่ก็ยิ่งปวดหัว ก็ต้องจำนน สุดทาง อาตมาก็ตอบไม่ได้หลายอย่าง
_เอซุส เวสเกต …ถ้าบอกว่าตัวเองเป็นอรหันต์ ก็ทำประโยชน์ให้ส่วนรวมให้ประเทศชาติ เหมือนหลวงตามหาบัว /ท่านพุทธทาส/หลวงพ่อคูณ เลยครับ ดีกว่ามานั่งขี้โม้ในเรื่องที่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจ เลอะเทอะ …
กราบขออภัยนะครับอย่าหาว่าผมละลาภละล้วงท่านเลยนะครับผมดูอาการท่านมาหลายคลิปแล้ว ผมว่าท่านใกล้จะบ้าเข้าไปเต็มทีแล้วครับ ตอนนี้นะท่านกำลังติดอยู่ในสัญญาวิปลาสอยู่นะครับ รู้ตัวรึยังครับ?
…ผมแนะนำนะครับรีบเข้าหาครูบาอาจารย์ที่เขาเก่งๆหรือแตกฉานในพระกัมมัฏฐานจริงๆให้เขาช่วยแก้อารมณ์ให้ หรือไม่ก็กลับไปกราบขอขมาอุปัชฌาย์ผู้ที่บวชให้ท่านเสียนะครับเผื่อท่านจะช่วยแก้อารมณ์ให้ท่านได้
…กัมมัฏฐานไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะครับ ฝึกฝนเล่าเรียนเองโดยไม่มีครูบาอาจารย์ช่วยประคองช่วยแก้อารมณ์ให้ ผมเห็นเป็นบ้ามาหลายคนแล้ว(ผมเองก็โดนมาแล้วครับ)เชื่อผมเถอะ ผมหวังดีนะครับ
…เพราะท่านเองก็มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ถ้ารีบแก้ไข้สิ่งที่ผิดพลาดให้มันถูกต้อง ต่อไปท่านจะได้เป็นกำลังหลักให้พระพุทธศาสนา ช่วยเหลือประเทศชาติให้เจริญขึ้นไปอีกอย่างแน่นอนครับผมมั่นใจ
…เอาละครับ สุดท้ายนี้ถ้าคำพูดใดที่กระผมได้กล่าวจาบจ้วงล่วงเกินท่านก็ขอให้ท่านได้โปรดอโหสิกรรมแก่กระผมผู้มีความรู้น้อย ผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์คนนี้ด้วยนะครับผม ลึกๆแล้วผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี เพียงแต่ต้องการให้ ท่านเป็นกำลังทางศาสนาได้อย่างถูกต้อง ลูกศิษย์ลูกหาท่านก็จะได้ไม่ลำบากด้วยครับ เห็นแก่ลูกศิษย์ลูกหาของท่านบ้างเถอะครับ อย่าเอาแต่ตัวเองสบายครับ
… กระผมก็เป็นศิษย์ตถาคตเหมือนกันครับ ตอนนี้ก็กำลังฝึกพระกัมมัฏฐานอยู่ครับ …ถ้าท่านยังพอมีสติในส่วนที่ดีเหลืออยู่ ขอได้โปรดอโหสิกรรมให้กระผมในสิ่งที่กล่าวไปด้วยนะครับ
….เถเร ปะมาเทนะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต …กราบขออภัยเป็นอย่างสูงครับ
…ลูกศิษย์ท่านคนไหนที่โพสวีดีโอนี้ ช่วยอ่านข้อความผมให้ท่านได้ฟังด้วยครับ ขอบคุณค้าบบบ
พ่อครูว่า…อาตมาต้องแก้คนที่เขายึดผิดว่าคนเป็นอรหันต์เป็นแบบนั้น ซึ่งมันไม่ใช่ ขณะที่แก้ มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดถึงเขา เขาก็ไม่เชื่อว่าจะมาเป็นพูดสัจจะจริงทุกอย่าง ถ้าเขาฟังเขาก็ยิ่งจะอ้วกแตก ก็ต้องขออภัยที่อาตมาพูดสัจจะ คุณ เอซุส เวสเกต …ก็เป็นผู้ปรารถนาดี อาตมาก็นับถือน้ำใจคุณมาก อาตมาก็ต้องมีความเมตตาปรารถนาดีที่จะช่วยคุณ
_กูรู x ….สาธุๆ ยิ่งเผยแพร่ คนที่มีภูมิก็จะยิ่งได้คิดพิจารณา ดีกว่าไปนั่งหลับหูหลับตาในถ้ำ แล้วก็จุดธูปจุดเทียนอ้อนวอน รับบริจาค เรี่ยไร ฉายหนังเต้นจำบะเด้งหน้าเด้งหลังในวัด พวกกรรมการวัดบางคนก็จับกลุ่มนั่งดูดบุหรี่ ก๊งเหล้า ยิ่งงานทอดผ้าป่ากฐินของวัดบางที่มีการฟันแทง ยิงกัน วัยรุ่นก็แย่งกันจีบผู้หญิง ไม่นับพวกงานบวช แห่นาค คนเมาก็ถือขวดเหล้าขวดเบียร์เดินเต้นเดินรำนำหน้า หลายงานก็ตีรันฟันแทง นี่มันพุทธแบบไหน ไม่ซืมไม่ปฏิบัติ พูดแต่ทะเบียนบ้านแบบที่เขาเหน็บแหนมกัน ก็เหมือนอย่างคนที่ปากบอกพุทธแต่กลับเข้ามาด่าหยาบๆ นี่หรือชาวพุทธ ที่ถูกสอนให้หมั่นชำระใจให้
_เอซุส เวสเกต …ถ้าบอกว่าตัวเองเป็นอรหันต์ ก็ทำประโยชน์ให้ส่วนรวมให้ประเทศชาติ เหมือนหลวงตามหาบัว /ท่านพุทธทาส/หลวงพ่อคูณ เลยครับ ดีกว่ามานั่งขี้โม้ในเรื่องที่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจ เลอะเทอะ …
พ่อครูว่า…ฟังดีๆนะอาตมาจะพูดเป็นปรมัตถธรรม ก็ขอยืนยันอาตมาพูดไปแล้วว่าตัวเองเป็นอรหันต์ ถ้าเป็นอรหันต์ก็ทำประโยชน์ให้ส่วนรวมให้ประเทศชาติ คุณพูดดี อาตมาทำอยู่ตั้งแต่บวชมาจนถึงวินาทีนี้ อาตมาทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติอยู่ตลอดเวลา ทำให้จริงๆ ทำให้อย่างถูกต้องตามโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าเลย โลกุตรธรรมนั้นมีสภาพของโลกียะด้วย โลกียะที่เป็นกุศล และโลกุตระที่เป็นสิ่งที่เหนือกว่าโลกุตระที่ทวนกระแสกุศลด้วย ทวนกระแสโลกด้วย อาตมาทำประโยชน์ให้โลกียะด้วย โลกียะนั้นสอนให้ทำดีละชั่ว ส่วนโลกุตระนั้นสอนให้ทิ้งความสุขทิ้งความทุกข์ ให้รู้ในความสุขความทุกข์ แล้วไปเรียนรู้ความหลงที่ไปยึดติดในความสุขความทุกข์ ความสุขมันเป็นความเท็จ สุขขัลลิกะ ส่วนทุกข์นั้นเป็นความประเสริฐเป็นทุกข์อริยสัจที่จะต้องเรียนรู้ ส่วนความสุขนั้นไม่ต้องไปเรียนรู้ เมื่อใดอารมณ์นั้นไปก็จะหลงติดอยู่อย่างนั้น
เพราะฉะนั้นสุข ทุกข์นี้ก็เป็นเรื่องของสภาพคู่ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องความสุข ให้มาสนใจที่เรียนรู้เหตุแห่งความทุกข์ ล้างเหตุแห่งความทุกข์ให้หมดไปตามลำดับ ความทุกข์ก็จะหมดไปตามลำดับ สุขก็จะหมดไปตามด้วย จนกระทั่งเหลือใยสุดท้ายของทุกข์ ดับหมดทุกข์ก็หมด สุขก็หมด เป็นพระอรหันต์สูงสุด ศาสนาพุทธกับความสุขและความทุกข์ไม่มีความสุขไม่มีความทุกข์นี่คือนิพพาน
นิพพานไม่ใช่เรื่องมากมายแต่คือความสุขความทุกข์นี่แหละ คุณอ่านเวทนาให้เป็นเข้าใจเวทนา 108 ให้ถูกต้องสภาวะ
เวทนา 2 มีกายิกเวทนา ที่เนื่องจากความสัมผัสภายนอก และเจตสิกทุกข์ ที่ไม่ขาดจากภายนอก แต่ไปเน้นอ่านที่ภายใน อย่างนี้คือความรู้สึกหรืออารมณ์ และความรู้สึกหรืออารมณ์นี้เป็นเวทนา 3 คือ สุข ทุกข์ อทุกขมสุข
สุข ทุกข์ อทุกขมสุข ที่เป็นเคหสิตะก็มี
สุข ทุกข์ อทุกขมสุข ที่เป็นเนกขัมมะก็มี เป็นเนกขัมสิตโทมนัสเวทนาก็มี เนกขัมมสิตโสมนัสก็มี
ต้องมาเรียนรู้ความสุขความทุกข์และเนกขัมมะ ได้ แยกสุข ทุกข์ แบบโลกุตระ ได้ จนมันหมดก็มีฐานไม่มีสุขไม่มีทุกข์เรียกว่าอุเบกขา ต้องเข้าใจอุเบกขาแบบเคหสิตะ แบบโลกียะ
เข้าใจแยกอุเบกขาเคหสิตะกับเนกขัมสิตอุเบกขา
คนที่เข้าใจไม่ได้ เคหสิตะอุเบกขา กับเนกขัมสิตอุเบกขา เป็นคนละโลก
อุเบกขาคือฐานของนิพพานเป็นความไม่ทุกข์ไม่สุขที่มีองค์ธรรม 5 ประการสมบูรณ์ ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา
หากคุณ เอซุส เวสเกตุ อธิบายไม่ได้อย่างอาตมาหรอก ก็พูดเหมือนคนบ้าแต่นี่ไม่บ้าคนฟังอย่างเข้าใจมีสติสัมปชัญญะปัญญาจึงจะฟังอาตมาเข้าใจ คนที่ฟังอย่างไม่มีสติสัมปชัญญะปัญญาก็จะฟังไม่ได้ ไม่รู้เรื่อง
คนที่แยก เคหสิตะอุเบกขา กับเนกขัมสิตะอุเบกขา หรือแยกได้ กระบวนการ 18 ของเคหสิตเวทนา กับกระบวนการ 18 อย่างของ เนกขัมมสิตเวทนา หรือเรียกว่า มโนปวิจาร 18
แบบนี้คือโลกุตระ แบบนี้คือโลกียะ อ่านสภาวะออก คนที่รู้อย่างนี้ได้นี่คือกรรมฐาน ที่คุณพูดมาคุณยังเมาในกรรมฐานนอกรีต เชื่อว่า คุณเอซุส เวสเกตุ อาจจะฟังอยู่ คุณคอมเม้นท์มาก็ด้วยความปรารถนาดี อาตมาก็มีความปรารถนาดีคุณสนใจตั้งใจฟังธรรมะอาตมาเห็นอยู่ ก็น่าช่วยเหลืออย่างยิ่ง เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง คุณเป็นประโยชน์แก่อาตมาอาตมาก็ขอตอบแทนประโยชน์ให้แก่คุณ ฟังด้วยดีย่อมเกิดปัญญา สุสูสังละภะเตปัญญัง
ที่บอกว่า ถ้าบอกว่าตัวเองเป็นอรหันต์ ก็ทำประโยชน์ให้ส่วนรวมให้ประเทศชาติ เหมือนอาตมาตอบแทนให้แก่ประเทศชาติตลอดมา ตั้งแต่ทำงานศาสนามา ปีนี้ปีที่ 48 ย่างเข้าปี 49 แล้ว แล้วก็ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติแก่ส่วนรวม อาตมาไม่ได้ทำงานเพื่อลาภยศสรรเสริญโลกียสุข ไม่ได้พูดปากเปล่า พวกเรารับรองได้ ไม่ได้ต้องการลาภยศสรรเสริญ ทุกวันนี้ก็ไม่ได้ยศอะไรมีแต่เขาด่าว่าบ้า ว่าโง่ มาทำลายศาสนา ที่คือยศที่เขาให้ คือความอัปยศที่ไม่ได้น่าได้แต่เขาให้ อาตมาเป็นคนได้รับอย่างนั้นจริงๆ
คนที่เข้าใจมีความสรรเสริญเยินยอก็มี คนที่ไม่เข้าใจก็นินทาด่าว่า อาตมาเข้าใจทั้งนั้นอาตมามาเกิดในยุคนี้ ได้เอาแก้วแหวนที่เอามาให้ไก่หรือลิง จนไก่หรือลิงจะเข้าใจว่ามันดีกว่าเมล็ดถั่วเมล็ดข้าว แต่อาตมาก็ไม่ประมาทว่า ประชาชนชาวพุทธทั้งหลายไม่ใช่ลิงไม่ใช่ไก่ อาตมาไม่ได้ดูถูกพวกคุณ อาตมาจึงจำเป็นที่จะพยายามอธิบายให้พวกคุณ พวกไก่พวกลิงทั้งหลายเอ๋ย อาตมายังเชื่อมั่นให้เกียรติว่าคุณยังไม่ใช่ลิงไม่ใช่ไก่ คุณต้องรู้นะว่านี่คือเพชรคือทอง ไม่ใช่ของไร้สาระ แต่เป็นของมีค่านะ จริงๆ
อาตมาเหนื่อยแสนเหนื่อยรู้ว่ายาก ต้องประมาณว่าจะเอาเมล็ดข้าวมาให้แก่ลิงแก่ไก่ เอาแหวนเอาเพชรมาให้ลิงไก่ที่ตาบอด จนต้องใช้ศัพท์ว่า ทำดีจนคนตาบอดเห็นได้
พระพุทธเจ้าตรัสว่าผู้ที่มีธุลีในดวงตาน้อยยังมีอยู่ อาตมาก็เห็นเช่นนั้น คนที่มีธุลีในดวงตาน้อยยังมีอยู่ ส่วนคนที่มีภูเขาอยู่ในดวงตามีเยอะแยะอาตมาจะไปทำอย่างไร ก็เขาไปทำให้ภูเขาบังตาเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ อาตมาพูดโดยใช้สติสัมปชัญญะใช้ปัญญาใช้ภาษา ใช้นัจจะคีตะวาทิตะ พยายามเรียบร้อยไม่ให้คุณหมั่นไส้เกิน ใช้สุ้มเสียงสำเนียงสุภาพ ให้คุณรับได้ แต่เขาไม่ได้อธิบาย นัจจะคีตะเขาก็อธิบายว่าเป็นอบายมุขไปหมด ก็ถูกต้องแต่อาตมาไม่ได้แปลนัจจะคีตะวาทิตะว่าเป็นอบายมุข แต่อาตมาแปลว่า อัจฉริยะ
หนึ่ง อาตมาทำประโยชน์ต่อประเทศชาติเสมอมา อย่างเราทำตลาดอาริยะ ขายขาดทุน ทำเศรษฐกิจบุญนิยม มีหลายระดับที่ได้เสียสละแก่สังคมเสมอมา แต่คนที่เข้าใจว่าอาตมาทำเพื่อสังคมนั้นมีน้อย นักเศรษฐศาสตร์ที่จะเข้าใจอย่างนี้ก็น้อย ถ้าเขาเข้าใจก็จะเอาไปเผยแพร่ให้เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติแน่นอน หรือถ้าเขาเข้าใจแต่ก็ไม่กล้าเพราะว่าได้ถูกเถรสมาคมได้สร้างบาปไว้ว่าอย่ามายกชาวอโศก หรือส่งเสริมชาวอโศก เขาคือเถรสมาคมก็ตีตราอโศกไว้แล้วว่าเลวในโลก คนก็เลยไม่กล้ารับรอง
เรื่องการเมืองอาตมาก็พาพวกเราเป็นนักการเมืองที่ไม่ก่อความวุ่นวายไม่ไปแทรกแซงการบริหารประเทศมีแต่ช่วยเหลือเกื้อกูล และช่วยต่อสู้ด้วย ถ้ามีการเมืองที่เลวออกมาพวกเราก็ออกไปช่วยไปบอกว่าเลว แล้วถึงขั้นจะต้องไล่ออก ก็ไปประท้วงไล่ออก ไปทำมาแล้ว จะบอกว่า ชาวอโศกไม่ได้ไปช่วยประเทศชาตินั้นขออภัย คุณไม่ตาบอดคุณก็ไม่ลืมตาคุณจึงไม่เห็น หรือจะพูดให้ชัดก็คือคุณไม่มีปัญญารู้ความจริงที่เต็ม เป็นฟีโนมีนอน เป็นปรากฏการณ์จริงเกิดจริงอยู่ในสังคมประเทศไทย ไม่ได้ทำมาน้อยด้วย ทำมาเป็นหลายปีแล้ว ออกไปช่วยประเทศชาติสังคมทางการเมือง เศรษฐศาสตร์ก็ได้ช่วย รัฐศาสตร์การเมืองก็ได้ช่วยประเทศชาติ ทางสังคมอาตมาพาให้เกิดประชากรสังคมที่รวมกันเป็นหมู่บ้านชุมชน จนเกิดเป็นหมู่บ้านทางนิตินัยอย่างเช่นราชธานีอโศก หรือศีรษะอโศกก็เป็นหมู่บ้านนิตินัย หรือแม้แต่ชุมชนไม่เป็นนิตินัยก็อยู่อาศัยกันอย่างช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เป็นสังคมกลุ่มมนุษย์ที่มีบทบาทอย่างนั้น
คุณเข้าใจสาระเข้าใจเนื้อแท้ของมนุษย์ พฤติกรรมสังคมมนุษย์ที่เป็นจริงอยู่ไม่ว่าจะเป็นทางเศรษฐศาสตร์ไม่ว่าจะทางรัฐศาสตร์สังคมศาสตร์ คุณอ่านสภาวะจริงนี้ไม่ออก แล้วมาบอกว่าอาตมาไม่ได้ทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมไม่ได้ ขอยืนยันว่าจะมาทำมาตลอดเกือบ 50 ปีแล้ว แต่คุณไม่เห็นหรือคุณตาบอดหรือคุณไม่มีความรู้ที่จะรู้คุณจึงได้พูดเช่นนี้ ขออภัยอาตมาได้ด่าได้ว่า อาตมาเข้าใจว่าคุณเจตนาดี ฟังด้วยดีย่อมเกิดปัญญานะ
คุณพูดมาว่าอาตมาไม่ได้ทำประโยชน์แก่ประเทศชาติ อาตมาก็เลยต้องชี้แจงว่าอาตมาก็ทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ เราเสียสละให้แก่ส่วนรวมส่วนกลางของประเทศชาติมากกว่า เพราะว่าเราทำแล้วเราก็อาศัยแรงงาน อาศัยความสามารถของเราทำงานอาศัยกินใช้ของเราเพียงพอ ไม่ได้เอาเปรียบสังคมแม้จะขายก็ขายอย่างขาดทุน แล้วไม่เอาเปรียบไม่แลกเปลี่ยน
อาตมาว่าพวกเราพ้นมิจฉาอาชีวะ 5
-
การโกง ทุจริต คอร์รัปชั่น (กุหนา) มีในงานการเมือง .
-
การล่อลวง หลอกลวง (ลปนา) ในนักธุรกิจ-การเมือง .
-
การตลบตะแลง (เนมิตตกตา) ยังเสี่ยง-ยังไม่แน่แท้
-
การยอมมอบตนในทางผิด อยู่คณะผิด (นิปเปสิกตา)
-
การเอาลาภแลกลาภ (ลาเภนะ ลาภัง นิชิคิงสนตา)
(พตปฎ. เล่ม 14 ข้อ 275 มหาจัตตารีสกสูตร)
ปฏิบัติธรรมมรรคมีองค์ 8 พ้นมิจฉาทิฏฐิ 10
มีสัมมาทิฏฐิ 10
เป็นส่วนแห่งบุญ(ปุญญภาคิยา) ให้ผลวิบากแก่ขันธ์(อุปธิเวปักกา).
-
ทานที่ให้แล้ว มีผล(ให้กิเลสลด) (อัตถิ . ทินนัง) . . . .
-
ยัญพิธี (พิธีการปฏิบัติ) ที่บูชาแล้ว มีผล (อัตถิ ยิฏฐัง)
-
สังเวย(เสวย)ที่บวงสรวงแล้ว มีผล (อัตถิ หุตัง)
-
ผลวิบากของกรรมที่ทำดีทำชั่วแล้ว มีแน่ .
(อัตถิ สุกตทุกกฏานัง กัมมานัง ผลัง วิปาโก) . .
-
โลกนี้ มี (อัตถิ อยัง โลโก) หมายถึง วนในโลกีย์เดิมๆ . .
-
โลกหน้า มี (อัตถิ ปโร โลโก) หมายถึง โลกโลกุตระ .
-
มารดา มี (อัตถิ มาตา) . . .
-
บิดา มี (อัตถิ ปิตา) . .
-
สัตว์ที่ผุดเกิดอุปปัติเอง มี (อัตถิ สัตตา โอปปาติกา) . . .
สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง ในโลกนี้ มีอยู่ (อัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ) . . . . .
(พตปฎ. เล่ม 14 ข้อ 257)
แต่เถรสมาคมไม่ได้พูดอย่างอาตมาเพราะไม่มีภูมิรู้อย่างอาตมา อาตมาพูดอย่างไม่มีจิตใจอยากอวดอยากข่ม อยากเบ่งแต่อย่างใด อาตมาพยายามใช้นัจจะ คีตะ วาทิตะมากนะ ใช้ท่าทางสื่อให้เรียบร้อยสุภาพ ถ้าขนาดนี้ คุณก็ยังเข้าใจไม่ได้มาตู่ท้วงว่าอาตมาพูดอย่างแรงอีก คุณต้องตรวจสอบให้ดีๆว่าจะมาได้ช่วยเหลือสังคมประเทศชาติจริงๆ เป็นแต่เพียงว่าอาตมาไม่ได้ทำเหมือนอย่างมหาบัว ไม่เหมือนอย่างท่านพุทธทาส ไม่เหมือนอย่างหลวงพ่อคูณที่คุณเปรียบเทียบ แล้วบอกว่าทำไมไม่ทำเหมือนหลวงตามหาบัว หลวงตามหาบัวทำอย่างมีอัตตา ไปเรี่ยไรแล้วเอาเงินเข้าหาประเทศชาติ อาตมาไม่ทำหรอกเป็นแบบตื้นแบบเด็ก ขอยืนยันมหาบัวไม่ใช่อรหันต์ เป็นอรหันต์เดา อย่างนี้อาตมาก็ต้องแก้ เพราะถ้าเข้าใจผิดว่ามหาบัวเป็นอรหันต์ศาสนาพุทธก็ชิบหาย
-
ยังติดยึดในอบายมุขยังกินหมากปากเปรอะอยู่ นอกนั้นก็ยังซดน้ำหวานอยู่ไม่รู้ว่าตนติดในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสอยู่
2.เรื่องภาวนาก็ไปนั่งหลับตาแล้วมันจะรู้ ปึ๊งขึ้นมา ซึ่งไม่ใช่อยู่ในสารบบของศาสนาพุทธเลยทำให้คนติดยึดที่จะบรรลุแบบนั้นบ้าง
ไปอ่านพระไตรปิฎก 45 เล่มให้ดีแล้วทำความเข้าใจให้ดีตั้งใจอ่านให้แตก อ่านให้เข้าใจให้ได้ หากอ่านแล้วไม่เข้าใจขออภัยมาถามก็ได้ หากจะให้อาตมาจะทำอย่างมหาบัวอาตมาไม่บ้าก็โง่
จะให้เอาอย่างท่านพุทธทาส อาตมาจะไปทำอย่างท่านพุทธทาสทำไม ถ้าทำอย่างนั้นอย่างน้อยอาตมาก็ต้องมีร่างกายอ้วนอย่างนั้น ท่านพุทธทาสอายุ 85 ก็นั่งรถเข็นแล้ว อาตมาทำอย่างแข็งแรงจะไปทำอย่างท่านพุทธทาสทำไม
ท่านพุทธทาสมีภูมิรู้ทางศาสนามากกว่ามหาบัว เพราะมาทางด้านสัจธรรม แต่ท่านพุทธทาสก็รู้ทางสัจธรรมผิวเผินแบบโลกียะ แต่ไปกล่าวภาษาโลกุตระ แต่โดยสภาวะแล้วตัวเองยังไม่รู้โลกุตระ
เอาอะไรยืนยัน ก็คำว่า ธรรมะคือธรรมชาติก็ไม่ใช่แล้ว ไปตีทิ้งพระอภิธรรมอีก แล้วแสดงว่าท่านพุทธทาสไม่ได้มีภูมิโลกุตระ เข้าใจภาษาโดยปฏิภาณปัญญาโลกียะ เข้าใจว่า โลกุตระนั้นสูงกว่าโลกียะ พูดโก้เท่านั้นแต่เข้าใจไม่ได้จริง ถ้าเข้าใจก็จะไม่ตีทิ้งอภิธรรม ที่เป็นจุดหัวใจศาสนาพุทธที่แยก ธรรมะสองของ เนกขัมสิตะกับเคหสิตเวทนาได้ ในเวทนา 108 แต่ท่านพุทธทาสไม่รู้
ขออภัยอาตมาเห็นใจลูกศิษย์ลูกหาของท่านมีเยอะ ท่านมหาบัวก็มีลูกศิษย์เยอะอาตมาวอนหัวแตกนะ อย่าโกรธอาตมาเลย โกรธไม่ดีมันทกุข์ มาโกรธอาตมาก็ผิดด้วย อาตมาไม่ใช่คนที่คุณควรจะมาโกรธ
อาตมาทำอย่างอาตมาที่ควรทำนี่แหละ
ยิ่งให้เป็นธรรมอย่างหลวงพ่อคูณ ก็เท่ากับใช้เดรัจฉานวิชาไสยศาสตร์ ตั้งแต่แรกท่านก็ทำเสกตะกรุดใส่ผิวหนัง อาตมาก็เห็นว่าในอนาคตรูปนี้ไสยศาสตร์ก็จะหนักมากแล้วหนักจริง มันแสดงถึงอะไร แสดงถึงคนในศาสนาพุทธชาวพุทธมันไม่รู้จักศาสนา ไปหลงเดรัจฉานวิชาไสยศาสตร์ว่าเป็นพุทธธรรม มันจึงเป็นสิ่งที่ยืนยันเป็นปรากฏการณ์จริง เป็นฟีโนมีน่า ที่ชัดเจน หลวงพ่อคูณพระกรรมฐานเสกเป่าเหรียญหลวงพ่อนั้นหลวงพ่อนี้อยู่ในหนังสือพิมพ์ก็มีทุกวันนี้ เป็นเรื่องนอกรีตไม่มีอะไรเหลือ นอกจากไม่เหลือแล้วมีแต่ขี้ขยะ ทับถมศาสนาพุทธ อาตมาพูดไม่เกินความจริงนะพูดไม่ครบความจริงที่เป็นด้วยซ้ำไป มันเน่าเฟะจริง พูดแล้วน่าสังเวชใจ เหมือนกับว่าอาตมามาด่า อาตมาไม่ได้ด่าคุณแต่ด่าคนที่ทำลายศาสนาพุทธอยู่ทุกวันนี้ รู้ตัวให้ชัดเจนว่าอาตมากำลังด่าคนที่ทำลายศาสนาพุทธ
ทำลายศาสนาพุทธก็คือประพฤติปฏิบัติออกนอกรีตไม่ตรงพระธรรมวินัยนั่นแหละ จะให้อาตมาเอาอย่างทำไม ตั้งหลักให้ดีคุณอย่ามาแนะให้อาตมาทำอย่างผีมาร นอกรีต
นี่คือจบประโยค เขามีขยายต่อว่า…ดีกว่ามานั่งขี้โม้ในเรื่องที่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจ เลอะเทอะ …
พ่อครูว่า…ดีกว่า ให้อาตมาไปทำอย่างหลวงพ่อคูณ ท่านพุทธทาส มหาบัว
หนึ่ง สิ่งที่อาตมาพูดไปนี้อาตมาเข้าใจทุกคำความทุกวลีเข้าใจทุกประโยค อาตมาเป็นนักภาษานะ คุณน่ะหลับหูหลับตา ขี้ตู่กลางนาขี้ตาตุ๊กแก คุณขี้ตู่ผิด คูณกำลังตู่นักภาษา ว่าโม้ อาตมาว่าถ้ามายังอธิบายไม่ถึงเลย คุณเอา Big word มาอธิบายอาตมา แต่ว่าอาตมากำลังพูด Great word ที่เป็นคำที่ยิ่งใหญ่ออก คุณแยกคำขี้โม้ กับคำพูดที่ยิ่งใหญ่นั้นต่างกัน อาตมาเป็นเจ้าภาษานะกำลังพูดภาษาให้ฟัง อาตมาเป็นคนรู้จักภาษาดี กำลังใช้ภาษาอธิบายสภาวะให้ฟัง
เพราะฉะนั้นจะให้อาตมาทำอย่างนั้นอาตมาไม่ทำหรอก แล้วคุณเข้าใจว่าถ้าไปทำอย่างนั้นมันจะดีกว่าที่ทำอย่างนี้ อาตมาว่าคุณพยายามทำความเข้าใจไหมว่าคุณตู่ผิด อาตมาไม่ได้โม้ big word แต่อาตมาพูด great word อาตมาเป็นนักภาษาพูดแล้วเข้าใจทุกคำความทุกพยัญชนะทุกประโยค แต่คุณมองว่าเป็นสิ่งไม่ดีเป็นขี้ขยะ คุณต่างหากเลอะเทอะ คือเห็นเพชรนิลจินดา ว่าเป็นขี้ขยะ คนเลอะเทอะไม่ใช่อาตมาแต่คนแล้วเธอก็คือคุณ แล้วบอกว่าอาตมาขี้โม้ อาตมาเหน็ดเหนื่อยที่จะพากเพียรอธิบายสัจธรรมนะ คุณพูดอย่างไรอาตมาก็ไม่หยุดที่จะพูด The Great word อาตมาไม่ได้พูดคำขี้ big word แต่อาตมาพูดคำเพชรคำทอง คำดี The Great word
อาตมาว่าจะมาทำสิ่งนี้ดีกว่าที่คุณแนะนำมาแน่นอน ขอบคุณที่แนะนำแต่อาตมายังไม่โง่หรือยังไม่บ้า ที่จะไปทำตามอย่างที่คุณว่า แล้วเขาก็กล่าวอีกว่า
กราบขออภัยนะครับอย่าหาว่าผมละลาภละล้วงท่านเลยนะครับผมดูอาการท่านมาหลายคลิปแล้ว ผมว่าท่านใกล้จะบ้าเข้าไปเต็มทีแล้วครับ ตอนนี้นะท่านกำลังติดอยู่ในสัญญาวิปลาสอยู่นะครับ รู้ตัวรึยังครับ?
พ่อครูว่า…คุณดูจากอาการ ตามกาลามสูตร เขาก็ว่าอาตมาใกล้จะบ้า อันนี้ก็น่าเห็นใจ คนที่เข้าใจว่าบ้าคือคนอยู่ในภพ เลอะเทอะไม่เป็นสาระจริง คนบ้าที่เป็นสาระแต่คนเข้าใจสาระของเขาไม่ได้นี่คือคนบ้า ที่คนเป็นนึกว่าบ้า เขามีสาระที่พูดโลกุตรธรรมด้วยเป็นสิ่งที่สูงส่งจนคนธรรมดาเข้าใจไม่ได้ แล้วคนพูดก็ไม่สามารถเรียบเรียงภาษาให้คนอื่นเข้าใจตัวเองได้ คนคนนี้มีภูมิธรรม แต่สื่อสารด้วยภาษาไม่ได้ คนอื่นก็เลยหาว่าบ้า คนอย่างนี้ก็น่าสงสารถูกจับไปอยู่ในโรงพยาบาลบ้าก็มี
ส่วนคนบ้าจริงๆที่เลอะเทอะเละเทะ ก็แล้วไป มันมีมากกว่านั้น
เพราะฉะนั้นคำบ้าคำนี้ ที่จริงแล้วมีอีกหลายแบบ ต้องไปศึกษาตามโรงพยาบาลบ้าเขาจะอธิบายลักษณะนี้ได้ แต่อาตมาไม่มีความรู้ละเอียดเท่าไหร่ถ้าอยากรู้คนบ้าแบบนั้นก็ไปศึกษา แต่อาตมาไม่ได้เป็นคนบ้าอย่างชนิดนั้น แต่คุณต่างหากเข้าใจภาษาเข้าใจธรรมะเข้าใจคุณค่าที่อาตมาพูดนี้ไม่ได้ คุณก็ไปตีค่าว่า คนคนนี้เอาภาษาของคนที่พูดกับคนไม่รู้เรื่อง มาพูดคนก็เป็นคนบ้าทั้งนั้น คุณก็เอาความหมายอันนี้มาแปะอาตมา อาตมาก็ขอบอกว่าคุณกำลังแปะผิด อาตมาไม่ใช่คนที่คุณว่าเป็นคนบ้า อาตมาเป็นคนดีที่ดีเกินกว่าสามัญที่เรียกว่าโลกุตระไม่ใช่สามัญ อาตมาไม่ใช่คนปกติสามัญธรรมดา อาตมาเป็นคนเหนือปกติเหนือสามัญเหนือธรรมดามนุษย์ เรียกว่าอาริยบุคคล พูดภาษาไทยธรรมดาไม่ใช่พูดภาษาเลอะเทอะแต่พูดภาษาวิชาการนะ
คุณว่า ผมว่าท่านใกล้จะบ้าเข้าไปเต็มทีแล้วครับ …คุณก็พูดอย่างเกรงใจ ประโยคต่อไปของคุณก็ว่า ตอนนี้นะท่านกำลังติดอยู่ในสัญญาวิปลาสอยู่นะครับ รู้ตัวรึยังครับ?
คำว่า วิปลาส นี่แหละ คนในภาษาไทยก็เข้าใจ จิตวิปลาส ทิฏฐิวิปลาส สัญญาวิปลาส เขาก็ว่าเป็นคนบ้า
ความเห็นไม่เหมือนโลกเขาก็เป็นทิฏฐิวิปลาส
สัญญาวิปลาสกำหนดผิด กำหนดโลกุตระกำหนดโลกียะกำหนดสิ่งที่เขาหมายว่าสูงส่งกว่าสามัญ
คนเข้าใจไม่ได้ก็หาว่าวิปลาส 3
วิปลาสด้วยยึดเอาวัตถุเป็นที่ตั้ง 4 ประการ คือ
-
วิปลาสในของที่ไม่เที่ยง ว่าเที่ยง เช่นวิปลาสว่า สุข เที่ยง แล้วสุขมันเที่ยงที่ไหน มันไม่มีอะไรเที่ยงแต่ไปยืนยันว่าเที่ยงอีก
-
วิปลาสในของที่เป็นทุกข์ ว่าเป็นสุข มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้นทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป แล้วเขาไปยึดถือว่ามันเที่ยงด้วยให้ความสุขมันเที่ยงจะให้เป็น ยามะ ให้ดุสิตา ดาวดึงส์ ปรินิมมิตวสวัตตี มันไม่รู้เรื่องมันโง่
-
วิปลาสในของที่ไม่ใช่ตน ว่าเป็นตน ยึดอนัตตาว่าเป็นอัตตา มันยึดไม่ได้หรอก อนัตตาทั้งนั้นแต่คุณก็ไปยึด
-
วิปลาสในของที่ไม่งาม ว่างาม วิปลาสว่า อสุภะว่าสุภะ คือสิ่งที่ไม่น่าได้น่ามีหน้าเป็น เป็นสิ่งที่น่าได้น่ามีน่าเป็น
อย่ามีคำพูดง่ายๆว่า ผู้หญิงคือถุงขี้ผูกโบว์ ผู้ชายคือหนังควายผูกห่อขี้ แล้วก็ไปหลงกันอีก ไปหลงแม้แต่เป็นคนรวยนี้น่ารวยน่าได้ เป็นคนจนน่าได้ มาเป็นคนจนดีกว่า ไปเป็นคนรวยไม่น่าจะทำเป็นอสุภะ แต่คุณก็อันนี้ฟังยากกว่าอันอื่นนะ มาบอกว่าเป็นคนจนเป็นสุภะ เป็นคนรวยอสุภะมันทุกข์ไปทำบาป เลี้ยงกิเลสไว้ ถ้ามาหมดตัวหมดตนได้ ไม่ต้องมีกิเลสเลยได้อย่างนี้ดีกว่า อาตมาพูดถูกนะพอเข้าใจ ไม่สับสนไม่งงไม่ตีลังกาหัวทิ่ม อย่างนี้เป็นต้น
เอาหลักธรรมพระพุทธเจ้ามาพูด วิปลาส 3 อาตมาก็ไม่ใช่ เต็มเต็งหมด และแม้ 4 วิปลาส อาตมาก็ชัดเจน มานำพาพวกเราอย่าไปวิปลาสตามโลกเขาเลย
-
วิปลาสในของที่ไม่เที่ยง ว่าเที่ยง
-
วิปลาสในของที่เป็นทุกข์ ว่าเป็นสุข
-
วิปลาสในของที่ไม่ใช่ตน ว่าเป็นตน
-
วิปลาสในของที่ไม่น่าได้น่ามี ว่าน่าได้น่ามี
อาตมาเอาหลักธรรมพระพุทธเจ้ามายืนยันเลย แล้วคุณพ้นหรือยังในวิปลาส 3 วิปลาส 4 ที่คุณมาท้วงอาตมา คุณรู้ตัวคุณหรือยังอาตมาก็ขอถามคุณคืน อาตมารู้ตัวเองอยู่ตลอดเวลาแล้วยืนยันได้ว่าวิปลาส 3 วิปลาส 4 อาตมานำพาคนให้พ้นด้วยซ้ำไป อาตมาพูดไปนี้คุณพอจะออกจากวิปลาส 3 วิปลาส 4 นี้ได้ไหม อาตมาก็หวังว่าคุณจะพ้นได้
แล้วคุณก็มาบอกต่อว่า..
…ผมแนะนำนะครับรีบเข้าหาครูบาอาจารย์ที่เขาเก่งๆหรือแตกฉานในพระกัมมัฏฐานจริงๆให้เขาช่วยแก้อารมณ์ให้ หรือไม่ก็กลับไปกราบขอขมาอุปัชฌาย์ผู้ที่บวชให้ท่านเสียนะครับเผื่อท่านจะช่วยแก้อารมณ์ให้ท่านได้
พ่อครูว่า…ขอยืนยันว่า ศาสนาพุทธทุกวันนี้เสื่อมจนไม่รู้จักกรรมฐาน ไปอ่านในพระไตรปิฎกเล่ม 9 พรหมชาลสูตร ให้ดี พระพุทธเจ้าท่านตรัสเป็นเรื่องกรรมฐานไว้ชัดเจนว่า กรรมฐานของศาสนาพุทธนั้นมีเวทนา นอกจากเวทนาแล้วไม่มีอะไรที่จะเป็นฐานให้ปฏิบัติได้ การปฏิบัติธรรมถ้าไม่มีผัสสะให้เกิดเวทนาและเวทนาเป็นกรรมฐาน แล้วเรียนรู้เวทนา 108 จนกระทั่งทำสำเร็จเป็นเนกขัมมสิตะ เข้าสู่นิพพานได้
เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีผัสสะไม่มีเวทนาก็จะไม่มีกรรมฐานใดเลยที่จะให้เรียนรู้ เพราะฉะนั้นพวกที่ไม่มีเวทนา 108 ไม่มีกรรมฐาน เรียนรู้กรรมฐานร้อยแปดเพราะฉะนั้นศาสนาพุทธล้มเหลวจนกระทั่งไม่รู้จักกรรมฐาน ไปเอาจุดที่เพ่งเรียกว่ากสิณมาเป็นกรรมฐาน แล้วไปไล่รวมเป็น 40 กรรมฐาน ออกนอกที่ไปไกลเลย กรรมฐานที่เขาว่าเก่งไปเพ่งกสิณ เป็นพวกพระกรรมฐานตกฐาน คำว่า ฐาน นี้แปลว่า เวจ แปลอีกทีว่า ส้วมขี้ ขออภัยอาตมาพูดให้ชัดจะได้จบ คุณไปหลงพระกรรมฐานตกเวจ มันเหม็นออกมาเสีย กรรมฐานอาตมาขอยืนยันว่านอกจากเวทนาแล้วไม่มีอะไรที่เป็นกรรมฐานของศาสนาพุทธ นอกนั้นเป็นกสิณที่เป็นสมถะ
แม้แต่ความสงบก็เป็นสมถะ ความสงบของพระพุทธเจ้านั้นเป็นปัสสัทธิ มันมีสภาวะที่ต่างกันระหว่างสมถะกับปัสสัทธิ สงบแบบสมถะนั้นเป็นแบบฤาษี แบบเทวนิยม แต่ว่าสงบแบบปัสสัทธินั้นมีขั้นตอนมีวิขัมภนปหาน สมุจเฉทปหาน ปฏิปัสสัทธิปหาน นิสรณปหาน ก็ต้องรู้จักขั้นตอนในการปฏิบัติความสงบตามหลัก 5 นี้ ไม่ใช่ไปนั่งเพ่งจิตอย่างนั้นมันออกนอกรีตทำจิตให้ดิ่งเป็นหนึ่ง
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาวิภัชชวาทีตีแตกแยกออกไป แต่คุณจะทำให้เป็นเอกังสวาทีมันก็สูญมันก็ผิด ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาเอกังสวาที แต่เป็นศาสนาวิภัชชวาที
พระกรรมฐานที่เก่งๆของคุณเป็นพระกรรมฐานตกเวจทั้งนั้นเลย อย่ามาแนะอาตมาให้ไปหาพระกรรมฐานตกเวจ
อาตมากำลังพูดถึงเรื่องเวทนาคืออารมณ์ แล้วพระกรรมฐานเก่งๆของคุณจะรู้จักเวทนา 108 หรือ องค์ไหนที่เก่งก็เอามาคุยกับอาตมา พูดแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องเวทนา ที่คุณบอกว่าจะได้แก้อารมณ์ อาตมาจะได้แก้อารมณ์ให้กับพระกรรมฐานเหล่า นั้นบ้าง คุณฟังเข้าใจนะ ไม่ได้ดูถูกดูแคลนไม่ได้โกรธเคือง ไม่ได้ประชดประชันแดกดันแต่พูดธรรมะพูดสัจธรรมพูดความถูกต้องความผิดความถูก แยกแยะความผิดความถูกให้ฟังอย่างธรรมดาง่ายๆฟังให้ดี
คุณเข้าใจผิดไปไกลจะให้พระกรรมฐานตกเวจมาแก้กรรมฐานอาตมา จะแก้ได้ไง อาตมาใช้กรรมฐานที่ถูกแล้วใช้เวทนาเป็นกรรมฐาน มีอุเบกขาเวทนาเป็นฐานนิพพานชัดเจนอย่าง ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา แล้วสร้างให้เป็นเนกขัมสิตอุเบกขาให้สมบูรณ์แบบ
…หรือไม่ก็กลับไปกราบขอขมาอุปัชฌาย์ผู้ที่บวชให้ท่านเสียนะครับเผื่อท่านจะช่วยแก้อารมณ์ให้ท่านได้
อันนี้ก็ขออภัย อุปัชฌาย์ของอาตมามี 2 องค์ แต่ท่านเสียหมดแล้ว ทางธรรมยุตคือท่านเป็นเจ้าคณะในระดับธรรมดา แต่ต่อมาก็ได้เป็นถึงขั้นเทพ เทพวรคุณ หรือพระราชวรคุณ ท่านใดตำแหน่งอันนี้ อันนี้เป็นธรรมยุต
ส่วนอุปัชฌาย์ทางมหานิกายก็เสียชีวิตแล้วเหมือนกัน คือพระครูสถิตวุฒิคุณ ท่านก็เสียไปแล้ว
ท่านเป็นอุปัชฌาอาจารย์ ขออภัยนะไม่ได้ไปว่าอุปัชฌาอาจารย์ อุปัชฌาย์ที่อาตมาบวชเป็นธรรมยุตก่อน ท่านก็ไม่ได้มาอบรมมาสอนอาตมา มีแต่อาตมาออกไปอบรมไปสั่งสอนข้างนอกและสอนในวัด อาตมาบวชที่วัดอโศการาม เป็นพระบวชใหม่ อาตมาก็ขึ้นเทศน์ธรรมาสน์ที่ในวัดอโศการามเอง ซึ่งท่านเจ้าคุณเป็นเจ้าอาวาสเป็นอุปัชฌาย์ ท่านก็ให้อนุญาตให้อาตมาขึ้นเทศน์ ที่นั่นจะไม่มีพระนวกะที่ยังไม่ถึง 10 ปีขึ้นเทศน์ได้ แต่อาตมาเป็นพระองค์เดียวในวัดอโศการามที่อุปัชฌาย์ที่เป็นเจ้าอาวาสให้อาตมาขึ้นเทศน์ เดี๋ยวนี้ก็ยังมีวัดที่เป็นพระวัดอโศการามรุ่นที่อาตมายังอยู่ยืนยันได้ว่าจะมาไม่ได้พูดเอง นอกจากท่านจะแก่แล้วก็เลยลืมก็เป็นได้ แต่อาตมาแน่ใจว่าถ้าท่านไม่ลืมก็ต้องยืนยันได้ว่าจะมาไม่ได้พูดปด
และอาตมาก็ไปบรรยายธรรมะข้างนอกท่านก็ไม่เคยห้าม และไม่เคยแนะนำธรรมะอาตมาเลย ขออภัยอาตมาพูดสัจจะความจริง ท่านมีแต่เคยบอกอาตมาอยู่คำเดียว บอกว่า โพธิรักษ์ ท่านสมเด็จท่านเตือนมาว่าอย่าไปว่าเขาแรงนัก อาตมาไปเทศนาที่วัดธาตุทอง วัดอาวุธ วัดนรนาถ วัดมหาธาตุ สมเด็จพิมพ์ที่วัดมหาธาตุ ที่เป็นอาจารย์ของลุงอาตมา เตือนมา ท่านก็เจตนาดีที่ฝากมา นี่คืออุปัชฌาย์ทางธรรมยุต ได้พูดกับอาตมา นอกนั้นปล่อยให้อาตมาไปเทศน์ไปบรรยายแม้แต่ในวัดก็ให้ขึ้นเทศน์อย่างนี้เป็นต้น อาตมาไม่ได้มาคุยโม้โอ้อวด แต่เอาสิ่งที่ผ่านมาแล้วมาพูดให้ฟัง เพราะอาตมาขออภัย อาตมาไม่ใช่คนธรรมดา ที่พูดนี้จะรู้ว่าทำไมไม่ใช่คนธรรมดาใช่ไหม ที่อ้างตัวอย่างพระอุปัชฌาย์ท่านเจ้าคุณ อาตมาไม่ได้เป็นคนที่คุณจะมาพูดดูถูกดูแคลนมาย่ำยี แต่อาตมาเป็นคนที่มีประโยชน์คุณค่ามีความรู้อยู่นะ
บอกว่าให้อาตมาไปกราบอุปัชฌาย์ท่านก็เสียไปแล้ว แม้แต่ท่านก็ไม่เคยว่าอาตมา เพราะท่านมีภูมิรู้แม้ท่านจะเป็นพระครู แม้ท่านจะยอมให้อาตมาอาศัยวัด หนักเข้าอาตมาก็ไม่ได้อยู่ที่ธรรมยุตแต่ไปอยู่มหานิกาย ท่านก็ไม่เคยมาว่าอาตมา อาตมาจึงจำเป็นต้องพาพระของพวกเราไปอยู่ที่แดนอโศก ซึ่งเป็นที่ดินของพระรูปหนึ่ง ที่เป็น พ่อเป็นพี่ชายของท่านอุปัชฌาย์วัดหนองกระทุ่ม โยงใยกันอยู่ อุปัชฌาย์ทางมหานิกาย อาตมาเรียกว่าหลวงตา ท่านก็ให้อนุญาตไปสร้างแดนอโศกอยู่ข้างๆวัด แม้แต่เข้าพรรษาก็อธิษฐานพรรษากันที่แดนอโศก
จนกระทั่งทางเถรสมาคมเจ้าคณะจังหวัดสั่งมาว่า ต้องเข้าพรรษาในวัด เราอธิษฐานพรรษานอกวัดแล้วก็ต้องไปเข้าพรรษาในวัดหนองกระทุ่มอีก ตอนนั้นสร้างโบสถ์ก็ยังไม่เสร็จ ต้องเบียดเสียดกัน ทรมานทรกรรม นานเข้า ถึงเวลาไปสวดมนต์เราก็สวดกับท่านไม่ได้เพราะท่านสวดผิดพระธรรมวินัยสวดลากยาวสวดใส่ทำนอง หนักเข้า ร่วมโบสถ์กันไม่ได้แม้แค่สวดมนต์ นอกนั้นปลงอาบัติต่างๆก็จะปลงได้อย่างไร
พระที่ไปปาติโมกข์ร่วมกันยังมีนิสสัคคิยปาจิตตีย์มีเงินอยู่ในกระเป๋าเยอะ แล้วก็ยังมาร่วมฟังปาติโมกข์ ดีไม่ดีอาตมายังไม่ได้สืบทราบว่ามีพระปาราชิกหรือเปล่ามาร่วมปาติโมกข์ แต่พระที่มีนิสสัคคิยปาจิตตีย์มีมากเลยแล้วจะให้ทำอย่างไร แล้วจะไปฟังปาติโมกข์ทั้งๆที่มันเป็นสังฆกรรมที่ไม่สะอาด อาตมาก็ทำไม่ได้ ก็เลยขอพากลับไปแดนอโศกอย่างเก่า แล้วก็เกิดเรื่องอะไรต่ออะไรอีก เป็นเรื่องยาว เป็นเรื่องจริงที่ไม่ใช่หนังละคร
จะให้อุปัชฌาย์ไปแก้อารมณ์ อาตมาก็ขอยืนยันว่าไม่ใช่หรอก อาตมาต่างหากมีอารมณ์ที่ถูกต้องดีหมดแล้ว
แล้วเขาก็พูดต่อว่า …กัมมัฏฐานไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะครับ ฝึกฝนเล่าเรียนเองโดยไม่มีครูบาอาจารย์ช่วยประคองช่วยแก้อารมณ์ให้ ผมเห็นเป็นบ้ามาหลายคนแล้ว(ผมเองก็โดนมาแล้วครับ)เชื่อผมเถอะ ผมหวังดีนะครับ แสดงว่าคุณก็เคยบ้ามาแล้วต่อมาก็หายก็ดีแล้ว
กรรมฐานไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอันนี้เป็นจริงอย่างที่คุณพูด อาตมาบอกแล้วมีแต่เวทนาที่เป็นกรรมฐาน เมื่อไปยึดถือเอากรรมฐานที่ผิด กรรมฐานเวจ ก็ทำให้เป็นเรื่องที่ลงนรก
พระพุทธเจ้าท่านมีมูลกรรมฐาน 5 แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเข้าใจแล้ว
พระพอเริ่มบวช อุปัชฌาย์ก็จะให้มูลกรรมฐาน 5 ให้แยกกายแยกจิตได้ มี ผมขนเล็บฟันหนัง จะเอาอันไหนก็ได้ มาพิจารณาแยกกายแยกจิตสิ มันเป็นอวัยวะ เป็นทวัตติงสาการภายนอก เกี่ยวกับภายนอกชัด ก็ให้ พิจารณาแยกกายแยกจิต
แต่เดี๋ยวนี้ผิดเพี้ยนไปพิจารณา ย่างหนอ ก้าวหนอ แตะหนอยกหนอ แล้วไปแยก สมถะกับวิปัสสนา เป็นความนิ่งกับเคลื่อนไหวเท่านั้น
กายกับจิต เป็นธรรมะ 2 อะไรเป็นความเป็นกาย
เมื่อใดเล็บเราไม่ใช่กาย ไม่ใช่กายคือสิ่งที่ไม่มีสิ่งที่
-
ไม่มีความรู้สึกร่วมแล้ว ไม่มีจิตร่วมแล้ว อันนั้นไม่ใช่กาย เพราะฉะนั้นเล็บที่ตัดออกไปแล้ว ส่วนที่ขาดออกไปแล้วแน่นอนเป็นวัตถุอุตุนิยามแน่นอน เป็นส่วนที่เป็นธาตุวัตถุแท้ไม่มีจิตร่วมด้วยเลย ตัดทิ้งไปได้ ส่วนที่เหลืออยู่ที่พ้นจากประสาทรับรู้ออกมา ก็ตัดออกไม่มีความรู้สึก แต่อันนี้ไม่ใช่อุตุ อันนี้เป็น พีชนิยาม อันนี้ยังเป็นกาย ตัดออกไปแล้ว ส่วนนั้นไม่ใช่กาย แต่พ้นนี้เป็นพีชนิยาม แต่ไม่มีเวทนา ให้แยกให้ออก