ก.พ.142019ศาสนา620214_พ่อครูเทศน์เปิดงานพุทธาภิเษกฯครั้งที่ 43 และนำปฏิญาณ ศีล 8 อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/13flPvdu3L3LxcyB22wPTIPgy6jU7U3z-PCr2qLASF4k/edit?usp=sharing ดาวโหลดเสียงที่..https://drive.google.com/open?id=1l3aviwgFkcneSDl7IEEnTPqGjK4p1Nun พ่อครูว่า…วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก ขึ้น 10 ค่ำเดือน 3 ปีกุน วันนี้วันวาเลนไทน์ เป็นวันที่ระลึกถึงนักบุญวาเลนไทน์ ที่เผื่อแผ่ความรักไปกับมวลมนุษยชาติ เป็นนักบุญรับใช้ช่วยเหลือประชาชนในเรื่องคุณงามความดีต่างๆ คือ สัจจะจริงๆแล้วสิ่งที่ดีที่ประเสริฐที่สุดก็คือการช่วยเหลือมวลมนุษยชาติรับใช้มวลมนุษยชาติ ไม่มีอะไรแปลกแตกต่างกว่านี้ จะเป็นชาติศาสนามนุษย์เผ่าพันธุ์ใดก็ตาม อันนี้ตรงกันหมด เป็นแต่เพียงว่าแนวลึกที่จะรู้ กรอบของความยึดถือ กรอบของความรู้ ความรู้ที่เลยกรอบของโลกียะไปไม่ได้อันหนึ่ง ในโลกียะก็เอากรอบแค่นี้ๆ เขาถือว่าดี อันนี้ถือว่าชั่ว เกินนี้ไม่เอา แม้ที่สุดเกินที่เขาจะรู้ได้ที่เป็นโลกุตระ ส่วนโลกุตระต้องดูอันนี้และรู้โลกียะถ้วนรอบด้วย ทั้งสองอย่าง เสร็จแล้วก็ช่วยเหลือมนุษยชาติอย่างไม่มีตัวตน ที่สำคัญคือโลกียะยังไม่รู้จักตัวเองยังไม่รู้จักตัวตน ยังยึดตัวตน หนึ่งมีความรู้มาก สองมีความเก่งมีความสามารถมากที่จะช่วยผู้อื่นได้ และยึดถืออันนั้นเป็นตัวเราของเรา ยึดถือในความรู้ความสามารถที่เราได้ช่วยผู้อื่นได้ และเราก็ไปยึดในคุณค่า ยึดถือในประโยชน์ที่เราได้ทำนั้นเป็นเราเป็นของเราอยู่ มันก็เลยเป็นภพเป็นชาติ สำหรับตัวเราเอง เพราะฉะนั้นในทางเทวนิยม อัตตาไม่ได้ศึกษาอย่างสะอาดบริสุทธิ์ในพลังงานที่เป็นอาการของจิตวิญญาณ ศึกษา โอฬาริกอัตตา มโนมยอัตตา อรูปอัตตา หรืออัตตาในกามภพ รูปภพ อรูปภพ อย่างนี้เป็นต้น ไม่ได้ศึกษานัยยะละเอียดพวกนี้ ก็ไม่สามารถกำจัดสิ่งเป็นนามธรรมเป็นขั้นอรูปได้ ศาสนาทั่วไปจะรู้ในอาตมัน ขยายไปเป็นปรมาตมัน คือ บรม อัตตา คำว่าปรมะ ก็มาสนธิกับอัตตาก็คือปรมาตมัน คนยึดดีใหญ่ แม้จะอ่อนน้อมถ่อมตน แต่ก็ยังยึดเป็นเราเป็นของเรา ช่วยเหลือเขาได้จริง สูงกว่าเขา เก่งกว่าเขา มีกำลังทำได้มากกว่าเขา ช่วยเขาได้จริง แต่ยังยึดถือนามธรรม เป็นตัวกูของกูเป็นภพเป็นชาติอยู่ ถ้าในความละเอียดลออเราก็ยังยึดอยู่ คนรู้และเข้าใจรายละเอียดสภาวะเหล่านี้ดี ก็จะจัดการวาง ซึ่งวางไม่ง่าย ถึงขั้นเป็นอาสวะอนุสัย มานานุสัย คืออนุสัยตัวสุดท้าย อันสุดท้ายจริงๆคืออวิชชานุสัย แต่ตัวรองลงมาคือมานานุสัย เริ่มต้นงาน พุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ครั้งที่ 42 เริ่มวันนี้ พฤหัสบดีที่ 14 ถึงวันพุธที่ 20 ณ บวร ราชธานีอโศก เริ่มต้นก็มีกวี อาจารย์เป็นต้น นาประโคน ก็เขียนกวีมาว่า ดารารายแวดล้อม จันทรา จันทร์แจ่มสุริยา ส่องให้ น้ำได้พึ่งนาวา เสื่อพึ่ง ป่าไพร ธรรมชาติ เอื้อกันไซร้ คู่เวิ้ง จักรวาฬ การเมืองเพื่อรับใช้ พลเมือง การเมืองห่าโกงเมือง ไม่ใช่การเมือง อดีตนักการเมืองแล้ ปากอ้า สวาปาม ร้อยห้าสิบเอ็ดตั้ง ปณิธาน พ่อจะละสังขาร พ่อแล้ว สัมประสิทธิ์สืบสาน จิตมุ่งมั่นจริง เกิดแผ่นดินพุทธแผ้ว ผ่องพื้นพุทธพงศ์ พ่อครูว่า…วันนี้วันวาเลนไทน์วันแห่งความรัก พวกเรามีความรักระลึกถึงในคุณลุงจำลอง ศรีเมือง ไหม…มี ตอนนี้ก็ไปรับวิบาก ต้องติดคุกตอนแก่ มันก็เป็นวิบากที่เราเองจัดสรรไม่ได้ ร่วมกับเพื่อนอีก 5 ท่าน มีคนตั้งคำถามคาใจสงสัยมา ว่า คุณลุงจำลอง ได้มอบความรักความปรารถนาดีให้แก่ประชาชนทั้งประเทศ แต่ได้รับการตอบแทนด้วยการติดคุก ด้วยข้อกล่าวหาบุกรุกสถานที่ราชการ ทำความเสียหายให้เกิดแก่ต้นหญ้าในสนาม ทำให้ต้นหญ้าเสื่อมทรุดโทรมต้องติดคุก คนอะไรทำได้แม้แต่ต้นหญ้า เขาให้เกียรติยกย่องคุณจำลองมาก ว่าเป็นคนที่ไปทำลายต้นหญ้าได้อย่างไร เพราะฉะนั้นผิดนะ แม่ต้องตี เธอทำผิดไปทำร้ายต้นหญ้าฉัน พูดให้ชัดๆ แสดงนัจจะคีตะวาทิตะ คนฉลาดจะเข้าใจจะรู้ว่า คนเรามันละเลียดกันขนาดนี้ จะเอาเรื่องเอาราวกันขนาดนี้ แล้วทีคนทำเลวทำร้ายทำชั่วขนาดหนักยังทำอะไรไม่ได้ ยิ่งคนหนีไปก็ทำอะไรก็ไม่ได้ ก็ทำเอาๆ กระไรหนอใจ ช่างกระไรหนอใจ ได้ทำความเสียหายให้แก่ต้นหญ้าฯลฯ ที่แม้จะระมัดระวังอย่างยิ่งยวดมากขนาดไหนมันก็เสื่อมแน่ๆ เพราะว่าคนเป็นพันเป็นหมื่นก็ต้องเสื่อมสลายลงแน่ หากต้องรองรับคนขนาดนั้นและยาวนาน มีผู้กล่าวว่าโทษครั้งนี้เบาสุดแล้วนะในแวดวงผู้ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม เบาสุดคือทำดีมากกว่าชั่วหนักหนา ทำดีมาเยอะแยะ แค่ต้นหญ้าแค่นี้ปลูกคืนก็ได้ เรื่องข้อมูลเหล่านี้พ่อครูให้คำแนะนำแก่พธม. กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนดีทำดีแต่ได้รับผลลบกลับมา พธม.บ้างคน ถึงกับบอกว่าสังคมลืมเราแล้ว ลืมสิ่งดีๆที่เรามอบให้แล้ว เราควรทำใจอย่างไรจึงคลายความเสียใจในการหมดกำลังใจทำดี เมืองต่อไปคะ พ่อครูว่า…เมื่อกี้ก็พูดจบไปแล้ว ว่า เราทำความดีอย่าไปยึดถือความดี ทำดีแล้วพอ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เมตตาคือ ความมีน้ำใจที่เห็นคนตกทุกข์ก็อยากจะช่วย อยากช่วยให้เขาพ้นทุกข์นั้นจริงๆ หรือให้เขามีสุข เป็นจิตต้องการจะช่วย เมตตา กรุณา ลงมือกระทำช่วย ช่วยอย่างมีศาสตร์มีศิลป์ ช่วยให้ดีที่สุดด้วยจนเขาพ้นทุกข์พ้นร้อน พ้นจากความลำบากลำบนนั้นได้ เขาพ้นมาแล้วก็ดี เราได้ช่วยเขาสำเร็จ จบ มุทิตา จิตก็รู้ความดีนั้นจบสำเร็จผล ถ้าไม่จบในความดียังมี สาเปกโข ยังมีต่อไปเป็นความปลื้มใจดีใจก็เป็นภพเป็นชาติทั้งสิ้น เป็นจิตที่มีความชอบมีความยินดี เป็นขิฑฑาปโทสิกา จิตชื่มชมยินดีเป็นโทษชนิดหนึ่ง ในคำสอนพระพุทธเจ้ามีคำสอนที่เป็นโทษย่อลง 2 อย่างคือ ขิฑฑาปโทสิกะกับมโนปโทสิกะ ขิฑฑาคือยินดีในความรื่นเริงพอใจ ที่เป็นโทษ แม้จะยินดีในสิ่งที่เราทำดีก็เป็นภพเป็นชาติมีโทษ ต้องไม่มีจึงจะตัดขาดภพชาติได้หมด รู้สิ่งนี้เราได้ทำดีก็ดีแล้วจบ ไม่ต้องมีอาการ ฟูใจ ถ้าทำได้จิตก็เป็นมุทิตา ไม่ต้องมีต่อ เมื่อไม่มีต่อก็อุเบกขา จบที่อุเบกขา วาง ว่าง ปล่อย ปริสุทธา จะทำอีกมากเท่าไหร่ก็ยัง ปริโทยาตา ทำแบบนี้ อาเสวนา ภาวนา พหุลีกัมมัง ไม่มีอื่น เราก็จะเป็นคนหมดภพชาติตลอดกาล แล้วมีจิต มุทุ กัมมัญญา จิตก็ยิ่งปภัสสรา ยิ่ง ประภัสสร มีรังสีราศี aura ครบ 6 ฉัพพรรณรังสี ครบแสงหกชั้น อย่างนี้เป็นต้น เราจะเข้าใจภาษาที่อาตมาสื่อไปนี้ไปถึงนามธรรมที่เป็นรายละเอียด เข้าใจให้ได้ว่าสิ่งเหล่านี้อย่าให้เกิดเป็นภพชาติขึ้นไปในจิต จิตของเราไม่มีภพชาติในรายละเอียดสิ่งเหล่านี้จึงสำเร็จถึงจะบริบูรณ์ได้ เพราะฉะนั้นผู้ที่จะทำงานให้แก่สังคมจะต้องรู้รายละเอียดในการติดภพในการสร้างภพชาติ ถึงจะเป็นอรหันต์ เป็นผู้ที่สูงสุด รหะ แปลว่า ความลึกลับ ไม่รู้ มันยึดถือ เป็นหลุมดำเบอร์มิวด้า เข้าไปแล้วมืดไปหมดเลยในหลุมดําเบอร์มิวด้า เปรียบเทียบกับวัตถุเป็นเช่นนั้นเมื่อตกเข้าไปในหลุมดำนี้แล้ว ตัวเองก็ไม่รู้ตัวเองหายไปคนอื่นก็ไม่รู้ด้วย เพราะฉะนั้นอย่าไปทำความมืดให้แก่ตัวเองปานฉะนั้น อยู่ในวัฏสงสารให้เชื่อกรรมวิบากก็รู้กรรมวิบาก อย่างอาตมานี้ ทุกวันนี้มีวิบากประมาณนี้แหละ เทศน์ด้วยความหวังดีเหน็ดเหน็ดเหนื่อยลงทุนลงแรง ต้องทำแรงด้วยไม่เช่นนั้นไม่ได้ผลเพราะคนมันหยาบกร้าน ใช้ภาษาว่าหน้าด้าน มันจะต้องให้ได้สมสัดส่วน ไม่เช่นนั้น ฟันไม่เข้ายิงไม่ออก ต้องแรง จนมีพลังงานเกินกว่าความด้าน ทะลุกำแพงที่ด้านหนานั้นได้ มันจำเป็นต้องทำ ไม่เช่นนั้นพลังงานที่จะไปสลายพลังงานที่แข็งแรงขนาดนั้นด้านหนาขนาดนั้นไม่มีพลังงานที่แข็งแรงกว่ายิ่งกว่าแล้วจะไปทำลายได้อย่างไร มันเป็นไฟท์บังคับ เมื่อเหตุปัจจัยมันมีขนาดนี้ ไม่ใช่คำแก้ตัว เพราะในยุคนี้เป็นยุคศาสนาพุทธได้หมดแล้ว หมดโลกุตรธรรม ศาสนาพุทธจะบอกว่าเป็นศาสนาโลกุตรธรรมเท่านั้นก็ได้แต่ไม่ได้บอกว่าไม่มีโลกียะ และสามารถดีได้สูงสุดด้วย และเกินกว่าดีที่สุดของโลกธรรมนั้นเป็นโลกุตรธรรมที่วิเศษ ที่ศาสนาพุทธเป็นศาสนาเดียวที่รู้ พูดไปแล้วเหมือนจะอวดตัวตน เบ่งข่ม ดูถูกคนอื่นเขาเสียไม่มี มันก็เป็นภาษามองได้อย่างนั้นแต่ความจริงมันเป็นอย่างนั้น ในยุคนี้แล้วเป็นยุคของคนฉลาด อาตมาไม่ได้พูดอย่างเห็นแก่ตัวยกตนข่มท่าน ไม่ได้มีความหมายอย่างนั้น แต่มีความหมายถึงสัจจะที่แท้จริง เพราะฉะนั้นในยุคนี้ก็พูดให้หมดเปลือกพูดให้ครบ อย่างอาตมานี้ต้องมาพูดในลักษณะหมดเปลือกให้ครบไม่บันยะบันยังไม่เหลืออะไรเอาไว้ อาตมานี่ดารานู้ด ชั้น 1 ของมหาจักรวาล ไม่ใช่แค่ในโลกด้วย เปลื้องเปลือยหมดไม่เหลือล่อนจ้อน พูดไม่ได้ยับยั้ง ไม่มัวหมองอะไรไว้เลย เกลี้ยงเกลา เต็มรูปร่างเต็มตัวไม่เหลือซอกมุมอะไรเอาไว้ให้ลับให้มัวหมองพราง เห็นครบ นอกจากคุณตาถั่วของคุณเอง แต่ถ้าคุณตาดีคุณก็จะเห็นเพราะว่าไม่ได้พูดในที่มืดในที่ลับ แต่พูดในที่แจ้งที่สว่าง เปิดเผย และใช้แสงสว่างช่วยกระจายไปทั่วโลกใช้ดาวเทียม เพราะฉะนั้นก็ให้กำลังใจผู้ได้รับวิบากนี้อยู่ หากเชื่อกรรมวิบากแล้วไม่มีปัญหา อาตมาทำทุกอย่างด้วยความจริง ทดสอบความจริงของเราให้ถูกต้องที่สุด ทำความจริงของเรานี้ให้ถูกต้องที่สุด เอาความจริงเป็นหลัก เมื่อถูกแล้วทำออกไป คนอื่นๆก็เป็นคนตัดสินให้ราคา เราไม่มีสิทธิ์ให้ราคาตัวเองหรอก คนอื่นเขาให้ราคา เขาให้ราคาเราถูกก็เป็นเรื่องของเขา ถ้าราคาของเรามันสูงกว่าที่เขาให้ เราก็เหลือราคานั้น แต่ถ้าราคาของเรามันต่ำ แต่เขาให้ราคาแพง เราก็เป็นหนี้เขาสิ ซวยไหม เพราะฉะนั้นเขาให้ราคาเขาต่ำทั้งที่เรามีแพงมีสูงกว่านั้นเราก็เหลือราคาไว้อีก ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าเสียใจเลยฟังให้ดีให้ชัด แต่ท่านก็คงไม่ได้ฟังแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรก็พูดให้พวกเราเข้าใจ คิดว่าต่อกันแล้วอายุอ่อนกว่าอาตมาปีเดียว คบกันมา จะไม่รู้ว่าอาตมานั้นเห็นใจอยู่นะ ก็แล้วไปเถอะ บอกให้มาอยู่นี่ก็ยังไม่มา ที่ทางก็เตรียมไว้ จะพักหลังไหนก็เอาได้เลย จะเอาแบบสูงใหญ่ที่สุดก็ได้เฮือนศูนย์สูญ แค่กวาดก็แย่แล้ว ก็เป็นเรื่องของสังคมประเทศชาติที่เราได้ช่วยกัน เราได้ทำสิ่งที่ดีที่เสียสละให้แก่กันและกันก็จบ ทำดีที่สุดด้วยความปรารถนาดี ไม่มีอะไรซ่อนแฝงเป็นความร้ายเลยสักนิด มีแต่ความปรารถนาดีเท่าที่ความรู้ที่เรามี เรารู้เท่านี้ เรารู้ว่าเราปรารถนาดีแต่มันมีส่วนร้าย เกิดขึ้นผสมผสานไปแต่เราไม่รู้เราโง่ เราไม่ต้องการให้ความร้ายมันเกิดเลย แต่ด้วยความโง่ความด้อย อ่อนด้อยของเรา มันทำให้อันนั้นเกิดมันก็สุดวิสัย เราจึงระมัดระวังเจตนาไม่ให้มีความร้ายความด้อยความไม่เข้าท่าอะไรออกไปเลย เท่านั้นแหละโดยเจตนาสูงสุดเรานั้นมีแต่ความปรารถนาดีด้วยความตั้งใจดี มีแต่ความรู้ที่จะทำสิ่งที่ดีนี่ออกไป ก็ที่เราสามารถที่อาตมาจะใช้สัปปุริสธรรม 7 มหาปเทส 4 ประมาณ อาตมาว่าจบแล้ว ส่วนคนอื่นจะเข้าใจอย่างไรหรือผลจะออกมาอย่างไร เราไม่รู้ในรายละเอียดของวิบาก วิบากเป็นเรื่องอจินไตยเราคิดไม่ออกบวกลบคูณหารไม่ได้เลย สัจจะของกรรมวิบาก มัน solution ของมันเองมันทำการบวกลบคูณหารสังเคราะห์สังขารของมันเองเสร็จเรียบร้อยยิ่งกว่าเครื่องคิดเลข หรือคอมพิวเตอร์ขนาดละเอียดที่สุด แต่วิบากกรรมมันไม่มีผิดพลาดบวกลบคูณหาร solve ออกมา ยิ่งกว่าพระเจ้าคำนวณอย่างไม่มีอะไรลำเอียงมีคติอย่างเป็นสัจธรรม ออกมา ไม่มีใครหลบเลี่ยงพ้น อาตมาก็มีวิบากเท่าที่อาตมามีบารมีชาตินี้ก็เท่านี้ ของใครก็แล้วแต่ อาตมาก็ได้แต่แสดงความเห็นใจก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้มากกว่านี้ ด้วยความจริงใจก็เท่านั้น ต่างคนก็ต่างทำงานในหน้าที่ วิบากเป็นของตัวเองกรรมเป็นของของตน เราทำแล้วก็สั่งสมเป็นกรรมของเรา กรรมช่วยเราให้เราอาศัยกัมมทายาท เราทำแล้วต้องรับมรดกของกรรมทุกหน่วยทุกปรมนู ไม่มีระเหิดระเหย อยู่ครบแล้วออกฤทธิ์เดชของมัน ตามที่มันจะต้องใช้ แล้วมันใช้ไปตามกาละ วิบากของแต่ละคนไม่ได้เอามาใช้ขณะเดียวหมด มันใช้เป็นตามกาละสะสมเหตุปัจจัย ตามสัดส่วน และทั้งความเหมาะสมของปริสัญญุตา กลุ่มสังคม ซึ่งแต่ละคนมีส่วนประกอบองค์ประกอบทั้งนั้น กลุ่ม 3 คนก็มีองค์ประกอบของ 3 คนวิบากของ 3 คน มีกลุ่มเป็น 5 คน 100 คน 10 คนพันคนล้านคน มันก็ตามสัจจะนี้ทั้งนั้นเลย เป็นเรื่องอจินไตยเป็นเรื่องที่จะคิดได้ไม่ง่ายเลย จะบวกลบคูณหารในเหตุปัจจัยต่างๆ ตั้งแต่อุตุนิยามพีชนิยามจิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม อาตมาว่า อย่างน้อย เชื่อในคำสอนพระพุทธเจ้า หรือจะเชื่อว่าอาตมานำคำสอนพระพุทธเจ้าเอามาขยายความอธิบายถูกต้องก็เชื่ออาตมาบ้างก็ได้ ส่วนใครไม่เชื่อนั้นก็แน่นอนเขาไม่เอาอยู่แล้ว มีปัญหา ก็เท่าที่คนไหนรับก็ตาม แล้วรับก็ไม่ได้ไปตู่ท้วงว่าเป็นของอาตมาแต่เป็นของพระพุทธเจ้า แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ยึดถือเป็นของท่าน แต่เป็นของส่วนกลางในมหาจักรวาลนี้ มันเป็นธรรมะที่มีอยู่แล้วโดยสามัญ เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าเกิดมาท่านก็มีของท่านมา เพราะว่าท่านมีมาแล้ว พระพุทธเจ้าองค์ก่อนสอนมาท่านก็รับมาจากพระพุทธเจ้าสอนแล้วก็เอามาสร้างเอามาปฏิบัติจนบรรลุได้ก็เป็นของเราเราก็เอาสิ่งที่เรามีเราได้เราเป็นนี่แหละ ออกมาเผยแพร่แจกจ่าย ให้ผู้อื่นได้รับเอาไปใช้เอาไปอาศัยเอาไปประพฤติปฏิบัติเอาไปทำได้อีก เป็นสัจจะ อาตมาจึงโอ้โห เป็นโพธิสัตว์ได้พิสูจน์สิ่งเหล่านี้มาจนถึงตอนนี้ปาง 7 เป็นปางนิยตะ เที่ยงแท้แน่นอนที่จะได้ไปเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต พระพุทธเจ้าพยากรณ์แล้วอย่างนี้เป็นต้น ซึ่งมันก็ไม่ใช่น้อย อาตมาก็พูดไปตามความเชื่อที่เขาไม่เชื่อเขาก็หมั่นไส้ไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อถึงเวลาอาตมาก็พูดเหตุผลให้เหมาะสมเพราะทุกวันนี้มีแต่อรหันต์เดา เก๊ อาตมาก็บอกอรหันต์จริง ท่านก็มาตรวจสอบดูว่ามันจริงหรือไม่จริง ใช้วิจารณญาณของตนเองตัดสิน อาตมาก็คงได้แต่ยืนยันความจริงเทกระบะความจริงออก อาตมาไม่มีอะไรสู้ไม่มีอะไรที่จะทำ เท่ากับความจริงที่เราทำหมดความจริงแล้ว อาตมามีหน้าที่นำความจริงของอาตมาหมดออกไป ไม่ไปพูดความจริงของใคร ไม่ไปยืมความจริงของใครมา ไม่เอา มีแต่ไปหลอก ความจริงของคนอื่นมานั้นก็ไม่ดีเป็นคนหลอก แค่เอาความจริงของอาตมามาใช้ก็เหลือใช้ อาตมายังใช้ความจริงออกไปยังไม่หมดคุณเชื่อไหม เพราะฉะนั้นติดตามพิสูจน์ความจริงให้ดี อาตมาเคยพูดว่าชมพูทวีปย้ายมาอยู่เมืองไทยแล้ว ธรรมะโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า แต่ว่าพระพุทธเจ้าเป็นชาวเนปาลอินเดีย ต่อมาก็ได้โยกย้ายเชื้อชาติสัญชาติ ทุกวันนี้แม่หรือพ่อของศาสนาอยู่ที่เมืองไทย ครบทั้งพ่อและแม่เป็นเทวะพ่อแม่ต้องมีคู่ 2 อาตมาศึกษาพลังงานสัมประสิทธิ์ให้เป็นพลังงานที่มีตัวแปร ในระดับขั้น คูณไม่ใช่แค่ระดับบวก มันมีอัตราก้าวหน้าสามอย่างคือ บวก คูณ ยกกำลัง ก็ต้องเป็นขั้นคูณหรือยกกำลัง แต่ถ้าระดับยกกำลังมันจะมากไปมันไม่เป็นประโยชน์สูง ก็ต้องใช้อย่างครน. คูณร่วมน้อย ถ้าคูณในระดับยกกำลังมันมากไป จึงต้องคูณร่วมให้น้อยที่สุด ถ้ามากกว่านี้มันจะ over พยายามทอนลงให้มากที่สุด แต่ก็ให้ได้ประโยชน์ หารร่วมทอนออกให้มากสุดแต่ให้ได้ประโยชน์มากที่สุด นี่ไม่ใช่แค่นัยยะคณิตศาสตร์นะ เขาเป็นตัวเลข แต่อันนี้เป็นนัยยะละเอียดกว้างขวางกว่าคณิตศาสตร์ เป็นภาษาธรรมะที่เป็นรูปเป็นนาม ไม่ใช่แค่สังขยาเลขเท่านั้น หลายคนพยายามเข้าใจ บางคนก็ยังเข้าใจไม่ชัดเจนบางคนก็ยังไม่เข้าใจก็ศึกษาติดตามต่อให้เข้าใจ เราเกิดมาในยุคไหนก็ต้องมีส่วนที่เกี่ยวข้องเด็ดดอกไม้กระเทือนถึงดวงดาว มันเป็นรีเลชั่น เป็นสิ่งที่เชื่อมต่อกันกันหมดในมหาจักรวาลนี้ เป็นแต่เพียงว่าเราจะรองรับความถี่ frequency ของมันไม่ได้ กระทบเป็นโดมิโนต่อกันไปไม่ได้ คุณมีประสาทสามารถรับได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น พูดถึงเรื่องดอกไม้คุณก็รู้ถึงเรื่องดวงดาว พูดถึงเรื่องดวงดาวคุณก็สามารถรู้ลึกถึงดอกไม้ได้ มันจะเป็นเช่นนั้นตามบารมี ตามแต่ละบุคคลที่จะสามารถเป็นจริงมีจริง อาตมาก็มีคนเขาห้าม หรือพอได้แล้วไหมที่จะไปตำหนิคน อาตมาว่า อาตมามันเลิกตำหนิไม่ได้หรอก เพราะว่าอาตมารู้จักข้อบกพร่องรู้จักข้อผิดเยอะมากกว่าใครๆ ถ้าอาตมาไม่พูดถึงข้อผิดแล้วนั้น เขาจะหลงผิดว่าเขาถูกอยู่ มันเป็นความอำมหิตของอาตมา อาตมาทำไม่ได้ อาตมาต้องเมตตาต้องช่วยเหลือผู้อื่น รู้อยู่แท้ๆก็ปล่อยเขามันเป็นการใจดำอำมหิตเกินไปอาตมาทำไม่ได้ อาตมาต้องพูดต้องบอกเขา อาตมาจึงจำเป็นจำนนเลี่ยงไม่ออกที่จะต้องตำหนิ ฟังอีกที เพราะอาตมารู้ข้อผิดที่พวกคุณไม่รู้หรือคุณจะหลงว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกด้วย อาตมาจึงต้องฉีกหน้า เปิดเผย ความรู้ที่มันพรางไม่รู้กี่ชั้น อาตมาก็ฉีกจนเมื่อย มันพรางหลอกจนคุณหลงเชื่อ อาตมาจำเป็น ขันจอหว่อไหม เห็นใจอาตมาเถิดเห็นใจบ้าง มันก็หลอกพรางลวงกันเยอะมากเลย อาตมาก็พูดอีก คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะไป ลอกชั้นที่เขาหลอกคุณสลับไม่รู้กี่ชั้นกับกี่ชั้น คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะ ลอก ออกมาจนถึงเนื้อแท้ อาตมารู้ชั้นเหล่านั้น ชั้นแห่งความขี้หลอกซับซ้อนที่มันหลอกกันไม่รู้กี่ซับซ้อน อย่างธัมมชโยนี่ โอ้โห แล้วมันมหาศาล คนมันติดในลาภยศสรรเสริญโลกียสุขมากไหม ธัมมชโยเอาลาภยศสรรเสริญโลกียสุขมาหลอกคนไม่รู้กี่ชั้นต่อกี่ชั้น จนคนเหล่านั้นเป็นทาสผู้ที่ปล่อยไม่ไปอยู่ขณะนี้ก็ยังงมงายอยู่เลย แล้วด่าอาตมามาด้วยนะ นี่มีไลน์มาด่า พวกนั้นพวกลูกน้องธัมมชโย ด่ามาหนักหนาสาหัสเลย ซึ่งอาตมาก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก มันเป็นธรรมดาธรรมชาติคนด่าเพราะเขาไม่รู้ เขาได้รับวิบากหากเขาว่าอาตมานะ แต่ไม่อยากจะพูดเดี๋ยวจะหาว่าไปขู่เขา แต่สัจจะมันเป็นเรื่องจริง คุณมาด่าสิ่งสูงจริงเช่นพระพุทธเจ้า (นกส่งเสียงดัง) นกฟังยังดื้อด้านขนาดนี้แล้วคนงมงายก็จะไม่ดื้อด้านได้อย่างไร สัจธรรมของโลกทุกวันนี้ อาตมาก็ขอต่อที่พูดค้างไปว่า ชมพูทวีปเป็นคำที่ไม่ได้พูดเล่นลิ้นโมเมอะไร แต่เป็นสัจจะโลกุตตระธรรมของพระพุทธเจ้านั้นได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ พูดอีก อย่าอ้วกอย่าหมั่นไส้ ห้ามด้วยนะ เพราะอาตมาเป็นสยังอภิญญาที่นำสิ่งเหล่านี้ขึ้นมากล่าวในยุคนี้ ถ้าอาตมาไม่เอามาพูด คุณอย่าไปหลงติดสวรรค์ 6 ชั้นจะมีใครมาพูด นั่นมันนรก 6 ชั้น นรกกับสวรรค์มันเป็นเทวคู่เดียวกันที่หลอกว่าพระเจ้าเป็นเจ้าของเทวเป็นเจ้าของสวรรค์เป็นเจ้าของนรก เทวะตีแตกตรงนี้ เทวะคือ จิตวิญญาณของผู้รู้ รู้แล้วว่าสวรรค์คืออะไร นรกคืออะไร เราเป็นผู้สร้างของตัวเองทั้งสิ้น กัมมัสโกมหิ กัมมทายาโท โดยไม่รู้ว่านรกสวรรค์เป็นของคู่คุณไปติดอะไรไม่ได้ทั้งคู่คุณต้องเลิกทั้งสวรรค์และนรกทั้งคู่ พระพุทธเจ้าสมณะโคดมสอนแต่เรื่องนรก สอนเรื่องมารเรื่องผี สอนแต่เรื่องโทษภัยให้กลัว อาตมาก็มาสอนเพิ่มอย่าไปกลัวแต่สอนนรก จริงนรกน่ากลัว แต่สวรรค์สิน่ากลัว มันไม่กลัวสวรรค์กัน อันนี้สิถึงสอนยากกว่าให้กลัวนรก ความสุขนี่มันไม่กลัว สวรรค์สิเป็นเรื่องที่หน้ามืดตามัว จมอยู่เป็นทาสที่ปล่อยไม่ไป เป็นอัลลิกะ ความหลอกความเท็จ อัลลิกะคือหลอกเท็จ สัขขัลลิกะคือสุขเท็จ พวกเราเข้าใจแล้วการไปหลงสุขในของหลอกของต่ำหยาบ ก็ของแต่ละคน ก็ล้างสิ มันเป็นอนิจจัง มันมีความทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปนี่สิของจริง มันไม่มีตัวตนจริงเลย นี่ยังหน้าด้านตั้งอยู่นะ มันทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่แล้วยังหน้าด้านตั้งอยู่ ถ้าทำได้อันนี้มันก็ไม่มีมันหายไป ก็เท่านี้ ถ้าทำหายไปได้อะไรก็แล้วแต่ ที่เป็นภพชาติ หรือที่คุณยังเสพสุขทุกข์อยู่ หากดับมันได้จริงหมดไปแล้ว แต่ก่อนอาตมาชอบต้มมะระแกงจืดกับไส้เครื่องในไก่ (พ่อครูหยิบมะระขึ้นมาเป็นตัวอย่าง) แต่ก่อนเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์พักอยู่ในซอยแถวราชวัตร อาตมาก็ต้องแวะร้านนี้ พอเชฟเห็นก็รู้แล้ว ไม่ช้าก็ส่งมา แกงจืดน้ำใสเครื่องในไก่มะระสดมาเลย กินมันอยู่อย่างนั้น อร่อยๆๆ กินได้เป็นปีๆ แต่นอกจากจะมะระแกงสดแล้ว ก็ยังมีน้ำปลาพริกมะนาวใส่ถ้วยต้องมีด้วยนะ อย่างนี้เป็นต้น เอาล่ะไม่ต้องพูดยาวเรื่องนี้ อาตมาก็รู้แล้วเดี๋ยวนี้ เขาก็แกงมาให้กินแต่ไม่มีใส่เครื่องในไก่ เขาก็เอาเต้าหู้เอาเห็ดเอาอะไรสารพัดที่จะมาแทน เนื้อสัตว์ พยายามทำให้เหมือนมาเลย อาตมาก็กิน แต่รสชาติอร่อยมันหายไปไหน มันหายไปจริงๆ พิสูจน์ความจริงของพระพุทธเจ้าและอาตมาถึงไม่ได้โหยหา จำได้ว่ารสชาติแต่ก่อนมันเป็นอย่างนั้นแต่เดี๋ยวนี้มันไม่มี มันก็เป็นรสชาติของมะระ มะระอันนี้สดดี มะระตอนโน้นก็ยังจำได้อยู่เลยว่าไม่สดไม่งามอย่างนี้หรอก แต่ถ้าเป็นขนาดนี้อย่างนี้ เมื่อก่อนอาตมาคงไปทำงานที่โทรทัศน์ ก็คงวกมากินแกงมะระที่นี่ แต่ก็ไม่ได้มา นี่ก็เป็นมะระไร้สารพิษเป็นเนื้อหาสาระเป็นสารที่เป็นสาระประโยชน์ มันมีอยู่ครบครันมากด้วย อาตมาเอง อาตมาเกิดมาในชาตินี้ได้นำสาระสัจจะของพระพุทธเจ้า มาสอนมาบอกมาเปิดเผยให้พวกเราได้รับสาระสัจจะพวกนี้ได้ถึงขนาดนี้ จนยืนยันประกาศตัวเองว่าเราเป็นลูกพระพุทธเจ้า และยืนยันพูดไปแล้วว่าอาตมาเป็นผู้ที่ได้ตกปากรับคำพระพุทธเจ้ามาแล้ว ว่า อาตมาจะต้องมาสืบทอดอันนี้ ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่มีปัญหาอะไร อาตมาพูดความจริงก็จบ แล้วอาตมาก็มาทำจริง ยิ่งทำอาตมาก็ยิ่งเห็นหลักฐานข้อมูลในยุคที่แม้ว่ามันจะแล้ง ไร้ โลกุตรธรรมจริงๆ มันก็ยังเกิดมาได้ จนคนตั้งข้อสังเกตว่า อาตมานี้มีใครเป็นครูบาอาจารย์ อาตมาก็เหลือแต่ตำราพระไตรปิฎก อ่านพระไตรปิฎกเหมือนกันได้ แต่เขาตีพระไตรปิฎกไม่แตก ไปเข้าใจผิดเพี้ยนเขาเบี้ยวบาลีด้วย อาตมาก็ดึงกลับมาอีกมันหลายชั้นเลย เขาก็ยังไปเชื่อคนที่เบี้ยวบาลีคนที่เพี้ยน เช่น คำว่า กาย คำว่าสมาธิ คำว่าบุญ เอาแค่คำว่า บุญ คำว่าเทวะ เป็นต้น เทวะ แปลว่า 2 พยัญชนะก็แปลว่า 2 สภาวะมันก็แปลว่า 2 เวลามาทำงานแล้ว หยิบอะไรขึ้นมาพูดอีกอันนึงมาเป็นเงา พอพลิกมาดูอีกอันก็เป็นเงา กลับไปกลับมาเป็นสิริมหามายา คนเข้าใจอันนี้ไม่ได้ อาตมาพยายามขยายความอันนี้ ต้องพยายามต่อไปให้เก่งขึ้นไปอีก แล้วพวกคุณต้องเก่งช่วยอาตมาด้วย อาตมาไม่เก่งเท่าไหร่แต่คุณเก่งก็ช่วยอาตมาได้ อาตมาเอาของคุณมาใช้อีก ก็เลยเก่งช่วยกันทับทวี ตกลงคุณก็เก่งอาตมาก็เก่ง เก่งช่วยกันไปเรื่อยๆ มันก็เป็นประโยชน์แก่มนุษยชาติต่อไป เพราะฉะนั้นขณะนี้เมืองไทยเป็นเมืองที่จะมีเชื้อของโลกุตระ ที่จะเพาะแพร่ กระจายไปสู่มวลมนุษยชาติ จะเห็นได้ว่านิมิตหมายที่มันเกิด เขาเข้าใจโลกุตรธรรม ที่ ขออภัยที่ต้องพูด ธรรมิกราชองค์หนึ่งได้แสดงออกมาแล้ว ด้วยพระจริยวัตรทางรูปธรรม ซึ่งพระองค์ทำหน้าที่นั้น จน 70 ปีหลัก 7 ด้วย ผ่านไปแล้ว อาตมา ขออภัย อาตมาก็คือธรรมิกราชรูปหนึ่งแต่มาเกิดในปางที่ ต้องเป็นธรรมิกราชที่ต้องพิสูจน์เนื้อธรรมะยิ่งกว่า ทางรูปธรรมรู้ง่ายกวา แต่ทางนามธรรมน้นรู็ได้ยากกวา และนามธรรมนั้น พิสดารละเอียดลออบอกชี้อธิบาย ได้ละเอียดลออมากกว่า รูปธรรมมันตีไม่ค่อยแตก อาตมาก็มาเพิ่มมาขยายสิ่งนี้ ให้มากขึ้น นี่เป็นหน้าที่ของอาตมาต้องทำ อาตมาก็ต้องตั้งใจทำพากเพียรทำ ยังได้ไม่มากนัก ไม่พอ อาตมาจึงจำเป็นต้องพยายามรักษาสังขารร่างกายให้มันแข็งแรงให้ทำได้ไปอีกนาน ฝืนอายุขัยมา อาตมาว่า อาตมาอายุขัย 72 อันนี้ไม่ได้เดาเอา อาตมามั่นใจ แต่คนรู้ด้วยยากอาตมาก็ไม่รู้จะยืนยันอย่างไร แต่อาตมาก็พิสูจน์ ด้วยการเพิ่มสัมประสิทธิ์ในพลังงานทางจิต พยายามออกมา ทำให้เป็นสูตรภาษาทางวิทยาศาสตร์ E=C(mc2+A) ไอน์สไตน์ ใช้ E=mc2 E คือพลังงาน M คือ matter ต่างๆ C คือ ความเร็วของแสง เป็นสิ่งที่เร็วที่สุดแล้ว ถ้าคุณสร้างพลังงานจิตให้เร็วกว่าแสง คนธรรมดาก็เร็วกว่าได้ ยังไม่ต้องไปถึงขั้นสร้างพลังงานให้เร็วยิ่งขึ้น ยกตัวอย่าง Neil Armstrong แกเคยไปดวงจันทร์ เสร็จแล้วแกกลับมาอยู่โลก คนก็ถามว่าพระจันทร์เป็นอย่างไร คุณไปเหยียบพระจันทร์เป็นอย่างไร มีคนถามอาร์มสตอง แน่นอนเขาก็ต้องส่งจิตไปถึงที่ที่ตัวเองเคยไป ไปสัมผัส ก็เหมือนกับคุณฝันคุณคิดอยู่ในภพ เป็นสัญญา เป็นการใช้สัญญากำหนดหมายไปที่ตรงนั้น อาร์มสตรองก็ใช้เวลาไปอยู่ตรงนั้นเพื่อย้ำความเข้าใจตัวเอง ว่าเราเคยสัมผัสมาจริงๆตรงนั้น Armstrongก็ต้องอธิบายให้ฟังได้ นึกไปถึงตรงนั้น ส่งจิตไปเดินทางหาตรงนั้นแล้วจิตก็เดินทางกลับมา ในความเร็วของจิตนั้นเดินทางเร็วกว่าแสง เพราะแสงกว่าจะเดินทางจากนี่ไปดวงจันทร์ใช้เวลาต้องเท่าไหร่.. 1.23วินาที แล้วจิตมันเร็วกว่าวินาทีเป็นไหนๆ ก็ตอบได้ว่าเป็นอย่างนี้อย่างนี้ อย่างนี้เป็นต้น สัจจะต่างๆที่อาตมาเอามายืนยันพิสูจน์ได้ จนกระทั่งสามารถที่จะสร้างสูตรสำเร็จ E=C(mc2+A) ตัว A คือ mc2 ถ้าบวก A ไปเรื่อยๆ คือ mc2 บวกกันไปเรื่อยๆก็จะเป็นคูณแล้วก็ยกกำลัง A+A+A+A ก็เป็น A2 แล้วก็ทดมาเป็น C อย่างนี้เป็นต้น จะคิดสูตรให้สูงให้มากกว่านี้ก็ได้ แต่ C แค่นี้ก็มากเมื่อยแล้ว ใครจะคิดเพิ่มขึ้นต่อไปก็แล้วแต่ในอนาคต คิดให้แค่นี้ก็ร้อนหัวแล้ว ต่อไปในอนาคตทางรูปธรรมเขาก็จะเอาสูตรนี้ไปใช้ได้ ถ้าเกิดว่าสำนักงาน nobel prize สามารถเข้าใจสูตรนี้ได้เขาจะให้รางวัล nobel prize กับอาตมา ถ้าเขาสามารถเข้าใจสูตร C(mc2+A) ถ้าเขาเข้าใจสูตรนี้ได้จริงๆ เขาก็เอาไปพิสูจน์เอาไปปฏิบัติ เขายอมรับก็ต้องให้ nobel prize อาตมานี่เป็นสัจจะอาตมาไม่อยากได้ก็ตาม เหมือนแต่ก่อนที่เราก็มีความรู้เขียนเรื่องราวไปประกวด เพลงไปประกวดก็ไม่เคยได้รับรางวัลสักเจ้า แต่เขาได้รางวัลที่ 1 เอามาเทียบกับเราเขาก็ไม่รู้รายละเอียดชัดเจนเท่ากับเรา ทำไมเราไม่ได้ สุดท้ายก็มาเข้าใจว่ากรรมการ ไม่มีภูมิรู้ให้รางวัลอาตมาได้ กรรมการไม่รู้ว่าอันนี้คืออะไรแล้วจะให้คะแนนอย่างไร แต่ถ้ากรรมการรู้ก็จะรู้ว่าอันนี้มันเหนือกว่าอันนี้แน่นอนก็จะให้ เขาต้องให้ กรรมการต้องสุจริต แต่นี่เขาไม่รู้เรื่องก็เลยให้ไม่ได้ พูดถึงเรื่องนี้แล้วชีวิตอาตมาเคยได้รางวัล 1 ครั้ง พูดแล้วจะหัวเราะก็ไม่ออก จะร้องไห้ก็ไม่เชิง เคยเล่ามาหลายทีแล้ว อาตมาแต่งเพลง คุณล้วน ควันธรรม แกอายุมากกว่าอาตมาก็เรียกพี่ล้วน อาตมาตอนนั้นไม่มีที่พักมาอาศัยคุณล้วนอยู่ เลี้ยงลูกให้เขาเป็นเหมือนแม่บ้านให้เขา เพราะว่าแม่บ้านของแกหนีแล้วทิ้งลูกไว้ให้แกเลี้ยง อาตมาชื่อแป๊ก เขาประกวดการแต่งเพลง อาตมาเป็นเด็กในบ้าน แต่ก็แอบส่งเพลงประกวด ใช้นามปากกาว่า ยุบลรัตน์ ที่จริงเขาตัดสินไปแล้วให้เพลงอีกเพลงหนึ่งเป็นที่1 แต่เมื่อมีของอาตมาไปอีกอัน เขาก็ว่าดี จึงให้ที่1 สองอันเลย ถ้าอาตมาไม่ดีเท่า แล้วจะต้องมาคำนึงไหม มันต้องดีเท่าหรือดีกว่าอันเก่า แต่เขาปักใจไปแล้ว ต้องร้องเพลง ลงเรือน้อยลอยวน …บัวตูมบัวบาน สุดท้ายตัดสินให้ชนะทั้งคู่ เขาก็ต้องเสียรางวัลสองอัน อาตมาก็เป็นคนจัดการรางวัลเอง อาตมาทำเสร็จสลักชื่อเสร็จ อาตมาก็เก็บรางวัลนี้ไว้ที่อาตมาแล้ว เขาก็บอกหลายทีว่าทำไมคนนี้ไม่มารับรางวัลเสียที สุดท้ายอาตมาก็ต้องพูดว่า พี่ล้วน คนนี้ผมเองครับ..เขาก็ตอบมาว่า ไอ้เหี้ย ทำให้กูเสียเงิน นี่คือ ได้รางวัลกับเขาทั้งที นี่เป็นเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องตลกอะไร อาตมาก็ว่า วาสนาเรา เอาล่ะ เล่าไปจะหมดเวลา เรื่องสัจจะเรื่องพลเมืองเรื่องมนุษยชาติจะต้องมีพฤติกรรมองค์ประกอบชีวิตมีพฤติกรรมกายวาจาใจ มีจิตวิญญาณเป็นหลัก มีธาตุรู้ที่รู้ถึงขั้นโลกุตรธรรม รู้ถึงขั้นโลกียธรรม ก็รู้ขั้นความดี กัลยาณธรรม ต่ำกลางสูงไปอย่างแท้จริง แล้วเราก็พยายามที่จะสรรหา แล้วเราก็พยายามที่จะเป็นตัวของตัวเอง ที่จะสูงสุดดีสุดให้ได้ ตามความรู้ตามความพยายามของคน ด้วยความบริสุทธิ์ใจของเรา ต้องขอบคุณมากสำหรับพวกเรา คนที่จะเอาชีวิตมาพากเพียรในโลกุตรธรรมมันไม่ง่าย แม้ในโลกียธรรมยังไม่ง่าย ได้โลกุตรธรรมนั้นคัดเลือกคน ข้าม ออกนอกกรอบของโลกียะมาเป็นโลกุตระมันไม่ใช่ง่าย มันเป็นคนทวนกระแสแล้ว อยู่บนลาภยศสรรเสริญโลกียสุข โดยไม่ได้ไปแย่งชิง ไม่ได้ไปเป็นตัวแย่งชิงลาภยศสรรเสริญโลกียสุขของผู้อื่นอีก และไม่ได้ไปลบหลู่ลาภยศสรรเสริญโลก ของใคร ถ้าทำสุจริตไม่ลบหลู่ แต่ถ้าทำอย่างไม่สุจริต ต้องเหยียบย่ำ อาตมาต้องทำ ถ้าไม่ทำ ไม่มีใครกล้าเท่าอาตมา ขออภัย ในยุคนี้คนพูดถูกต้องขออภัย แต่คนพูดผิดโทษชั่วเขาไม่เห็นขออภัย เมืองไทยมีสิ่งเหล่านี้ทั้งนั้น ในหลวงไม่ตรัสอะไรมาก แต่โพธิรักษ์ต้องพูด ต้องพูดอย่างมากอย่างหนัก ซ้ำซาก ยาวยืดยาด ต้องอย่างนั้นด้วย เพราะมันยุคนี้ ยุคด้านหนา โด้ง่าน โด้ ง่าน คือมาจาก ด้าน บวก โง่ ผันไปเป็นโด้ง่าน ง่านนี้ยิ่งกว่าโง่ยกกำลัง โด้นี้ยิ่งกว่าด้านยกกำลัง แต่ไม่ติดตลาดก็ไม่เป็นไร อาตมาจึงจำเป็นต้องเอาสาระธรรมเหล่านั้นมาประกอบเป็นพยัญชนะที่เขาใช้ให้รู้กันนี่แหละ แล้วจับฝาจับตัวให้มันถูกฝาถูกตัว เวลาจะมาพูดอธิบายต่อ เมื่อเวลามันต้องทดแทนให้เร็วเข้า มันก็รู้ได้ยาก เพราะฉะนั้นคนที่มีปฏิภาณปัญญา มุทุภูตธาตุ จิตวิญญาณเร็วก็จะรู้สิ่งเหล่านี้ได้ เหมือนนักเล่นกลสลับไปสลับมา คนที่หมุนสมองไม่ทันสมัย กลับไปกลับมา เมาแล้วก็ไม่รู้เรื่องก็หาว่าเราพูดไม่เป็นพูดไม่ถูกก็ไม่เป็นไร ก็เลยจำเป็นจะต้องเอาเท่านี้ จะได้ถล่มเทวะ เพราะว่าเทวะครองโลก ทำให้โลกอุดตัน โลกไม่เกิดความรู้รอบ โลกไม่เกิดการทะลุทะลวงทุกอย่าง มีการอุดตันปิดกั้น หรือโลกเอาแต่ความมืดมาใส่ ก็จำเป็นจะต้องเอาแสงสว่างมาใส่อย่างนี้เป็นต้น อาตมาว่าอาตมารู้ อาตมาอยู่ในโลกสว่าง อยู่ในที่ไม่มีอะไรปิดกั้น Globalization แล้วอาตมาทะลุทะลวงโลกต่างๆ เท่าที่อาตมารู้ เพราะฉะนั้นอาตมาจึงจำเป็นจะต้องมาปลูกฝังทางนี้ แล้วพวกเราก็มาช่วยกันขยายผลให้มากขึ้น เมืองไทยมีเชื้อโลกุตระแล้ว จึงเกิดการแพร่หลายมีแม่มีพ่อแล้วจะมีลูกทางโอปปาติกโยนิ ให้เกิดการแพร่ลูกหลานของโลกุตรธรรมขึ้นมาในตัวบุคคล ในตัวมนุษยชาติขึ้นไปให้ยิ่งขึ้น แล้วก็จะมีพฤติกรรมของมนุษยชาติเป็นพฤติกรรมสังคม เป็นพฤติกรรมของชาติประเทศขึ้นมาๆ กระจายไปสู่โลกก็จะเกิดความเจริญรุ่งเรืองด้วยโลกุตระสัจจะขึ้นในอนาคต เราก็มาปฏิญาณตนในงานพุทธาภิเษกครั้งที่ 43 คำกล่าวนำปฏิญาณอุโบสถศีล [พากล่าวคำ นโมตัสสะ ภควโต ฯ ๓ จบ ก่อน] ณ บัดนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอตั้งจิตปฏิญาณ ในงานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ครั้งที่ 43 นี้ ข้าพเจ้าทั้งหลาย จะขอบำเพ็ญ ประพฤติตน อยู่ในศีล ๘ อันได้แก่ ปาณาติปาตา เวรมณี จะขอตั้งใจประพฤติ เว้นขาดการฆ่าสัตว์ เว้นขาดความโหดร้ายรุนแรง เว้นขาดการเบียดเบียนใดๆ จะพยายามสร้างเมตตาธรรม อทินนาทานา เวรมณี จะตั้งใจประพฤติ เว้นขาดการขโมย เว้นขาดการเอาของผู้อื่นด้วยเชิงเอาเปรียบ จะพยายามสร้างสัมมาอาชีพ ขยันสร้างสรร เสียสละ เลิกละความโลภ เลิกละความเห็นแก่ตัว อพรหมจริยา เวรมณี จะตั้งใจประพฤติ เว้นขาดเรื่องเมถุนธรรม เว้นขาดเรื่องกามคุณ จะเป็นผู้ละเลิกราคะ จะเป็นผู้กำหนดรู้เท่าทันในกาม มุสาวาทา เวรมณี จะตั้งใจประพฤติ เว้นขาดการพูดปด เว้นขาดการพูดหยาบ เว้นขาดการพูดส่อเสียด เว้นขาดการพูดเพ้อเจ้อ จะพยายามพูดเป็นสารัตถะเป็นธรรม สุราเมรย มัชชะ ปมาทัฏฐานา เวรมณี จะตั้งใจประพฤติ เว้นขาดจากการเสพติดมัวเมา มีอบายมุขทั้งหลายเป็นต้น มีกามต่อมา มีโลกธรรม ๘ อีก และจะเว้นขาดการยึดในภวอัตตภาพทั้งปวง วิกาลโภชนา เวรมณี จะตั้งใจประพฤติ เว้นขาดจากอาหารและเครื่องใช้ ที่ควรเว้นควรเลิก จะกินจะใช้ ตามที่กำหนด จะเป็นผู้พยายาม เป็นผู้มักน้อยและสันโดษ นัจจะคีตะ วาทิตะ วิสูกะทัสนา มาลาคันธะ วิเลปนะ ธารณะ มัณฑนะ วิภูสนฐานา เวรมณี จะตั้งใจประพฤติ เว้นขาดจากท่าทางอันไม่สมควร คำพูดที่มีเสียงสำเนียงอันไม่สมควร เช่น ฟ้อนรำ ดนตรี เป็นต้น เว้นขาดจากดอกไม้และของหอม เครื่องตกแต่งพอกทา เครื่องประดับประดิดประดอย เว้นขาดจากฐานะแห่งการแต่งงามประดิดประดอย อุจจาสยนะ มหาสยนา เวรมณี จะตั้งใจประพฤติเว้นขาดจากที่นั่งที่นอนใหญ่ เว้นขาดจากการรับของใหญ่ เว้นขาดจากการสะสมของใหญ่ ที่สุด เว้นขาดการหลงติดความใหญ่ ศีลทั้งหลายเหล่านี้ หากข้าพเจ้าทั้งหลายไม่ตั้งใจประพฤติ ข้าพเจ้าทั้งหลายย่อมไม่เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายย่อมไม่ได้ผล ถ้าหากข้าพเจ้าทั้งหลายตั้งใจประพฤติ ก็ย่อมได้ ตามธรรมสมควรแก่ธรรม ดังนั้น ข้าพเจ้าทั้งหลายจักตั้งใจศึกษาฝึกฝน พากเพียรบำเพ็ญ ตามที่หมู่คณะ ได้นำพา ช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกันด้วยดี ให้สุดความสามารถ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอตั้งใจ ปฏิญญาณไว้ ณ โอกาสนี้ ตามนี้. Category: ศาสนาBy Samanasandin14 กุมภาพันธ์ 2019Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรมสำมะปี๋ซี่วิต Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:620213_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ หลักฐานว่าพ่อครูคือผู้สยังอภิญญา IF NOT HIM THEN WHO. IF NOT NOW THEN WHEN.NextNext post:620215_เทศน์ทวช.งานพุทธาฯครั้งที่ 43 บ้านราชฯ เรื่อง เทวฺครองโลก ตอนที่ 1Related Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024