620222_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาอวดอุตริมนุสธรรมการระลึกชาติ
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1CXesnf6ZZW5kyIVfBQFMug9pZkNI0d5lXn5pUfK1djg/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1j2r4jt8mltLNqRKjtZp2BxIdpdV5ZYJP
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก เราเพิ่งผ่านงานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ครั้งที่ 43 ไป คนมาร่วมงานจำนวนมาก ถ้าคนมาอยู่ร่วมกันจำนวนมากจะทำให้คนภายนอกเห็นถึงสิ่งที่พ่อครูพาทำนี้ได้ง่ายขึ้น
อากาศร้อน บรรยากาศการเมืองก็ร้อน มีคนโพสต์ว่า ถ้าให้เลือกระหว่างลดงบประมาณทหารเลิกเกณฑ์ทหาร ลดงบฯก.กลาโหม กับการลดสวัสดิการของพวกนักการเมือง ลดเงินอุดหนุนพรรคการเมือง
จะเลือกอันไหนมากกว่ากัน
พ่อครูว่า…
_SMS วันที่ 21 ก.พ. 2562 (พุทธศาสนาตามภูมิ : พ่อครู)
_7630คุณลุง พลตรีจำลอง ศรีเมือง และแกนนำอีก 5 ท่าน คือสุดยอดของคนกล้าแห่งคนกล้า สุดยอดแห่งคนเสียสละแห่ง ขอกราบคารวะด้วยหัวใจ ขอให้คุณลุงจำลองมีสุขภาพแข็งแรงด้วยเทอญ / แก่ง
_0015 การชี้ขุมทรัพย์ในระดับญาติธรรมมีหลักการปฎิบัติอย่างไรครับ เพื่อไม่ให้ขุมทรัพย์แตกแบบที่มองหน้ากันไม่ติดและพังกันไปข้าง
พ่อครูว่า…ก็ต้องใช้การประมาณ อ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไว้อย่าไปเลย คนจะแรงได้นั้นต้องมีฝีมือ คนแรงได้โดยคนอื่นเขาไม่ตอบโต้ คนอื่นเขายอมรับความแรงดันได้ มีทั้งการประมาณมีทั้งบารมีที่จะทำได้ เพราะฉะนั้นคนจะแรงนี้ อย่างอาตมาทำแรงๆได้ขนาดนี้ อย่าไปเอาอย่างได้ง่ายๆนะ เอาอย่างอาตมาไม่ง่าย เป็นเรื่องซับซ้อนของ ต้องสะสมบารมี
ความแรงความเบา ธรรมะ 2 คำนี้ ต้องศึกษาเรียนรู้และประมาณ กระทำให้เหมาะสมอยู่อย่างดี ในการปรุงแต่งออกมาเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม เป็นเรื่องยิ่งใหญ่
_เปรมยุดา กิจสมบัติ · ติดตามตลอดใด้ความรู้สงบสุขค่ะ
_สุทธินี พงศ์พานิช · ขอคารวะชาวอโศกค่ะ การต่อสู้มีชาวอโศกและกองทัพธรรมด้วยเสมอ
พ่อครูว่า…อาตมาว่า ชาวอโศกมีนัยอย่างนั้นจริง ในสังคมไทยชาวอโศกเหมือนยาดำ จะแทรกเข้าไปในการต่อสู้ที่ควรต่อสู้ ควรจะทำให้อย่างดี ต่อสู้ จะเกิดสิ่งดีให้สิ่งหนึ่งชนะสิ่งหนึ่งคือการต่อสู้ การจะทำให้สิ่งหนึ่งชนะอีกสิ่งหนึ่ง อย่างดีงาม อย่างถูกต้องอย่างสุภาพเรียบร้อย อย่างสงบได้สวยสด ซึ่งเป็นความซับซ้อนที่ต้องศึกษาให้ดี กองทัพธรรมมีการรู้จักสังคมมนุษยชาติ เราต้องการให้เกิดความสงบไปอยู่กันอย่างเรียบร้อย เราก็ต้องทำ เราไม่ใช่คนใจดำหรือคนไม่รู้เรื่องอิโหน่อิเหน่อะไร ใครจะเป็นอย่างไรช่างมันกูก็อยู่ของกูไป เราไม่ใช่คนอย่างนั้น
_หินเย็น ศิลป์ประกอบ · กราบนมัสการพ่อครูผู้ที่เหนือกว่ามนุษย์ทุกคนในโลกด้วยทุกอณูแห่งชีวิตของข้าน้อยขอถวายพลีให้อย่างที่สุดขอรับ.
_พิกุล ณ นคร : สวัสดีค่ะ ขอรบกวนถามผู้รู้นะคะ ดิฉันอยากรู้ว่า สมณะ สิกขมาตุ และชาวอโศก ที่เขากินข้าววันละมื้อนี้ เขากินกันอย่างไร ให้ถูกต้อง ตามที่พระพุทธเจ้าบอกไว้ กินเวลาไหน กินอะไรได้อีก นอกจากข้าวแล้ว ผลไม้นํ้าหวานกินได้มั้ย จะได้ปฎิบัติอย่างถูกต้อง ขอความกรุณาช่วยชี้แนะด้วยนะค่ะ กราบขอบพระคุณอย่างสุงค่ะ
พ่อครูว่า…อาตมาว่า คงอธิบายละเอียดไม่ได้ตอนนี้ อาตมาว่าคุณมาอยู่ในชุมชนชาวอโศกชุมชนไหนก็ได้ที่สะดวก 10 วัน 15 วัน 100 วัน คุณจะรู้เอง เขากินมื้อเดียวกันอย่างไร อธิบายอาตมาว่ายากนะ ทำไมอย่างนี้ แสดงว่ายังเข้าใจไม่ง่ายเลย มันต้องมาสัมผัส อธิบายไม่ไหวมันละเอียดลออ เชิญมาอยู่มาดูกับชาวอโศกบ้างไม่ได้เสียสตางค์หรอก
_วรณี : ดูทุกวันนะคะทางทีวีและตอนนี้ทานมังสาวิรัตมาตั้งแต่ 1ม.ค 62
จะทำหัวไชโป้เค็มคะเป็นสูตรของสันติอโศกขอบพระคุณค่ะขอเป็นลูกพ่ออีกคนนะคะ
(ลองโทร.ถามที่เบอร์ สม.เทียนคำเพชร 085-965-5689)
พ่อครูว่า…ให้โทรศัพท์ไปที่ เบอร์ สม.เทียนคำเพชร 085-965-5689 มีคนบอกว่าสูตรของพรตะวันออกเป็นคลิปในรายการงานพุทธาฯ
_kedmanee swan 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา….อรหันต์สามารถระลึกชาติได้นะไปดูพระสูตรได้มีอรหันต์4ประเภทแล้วก็ย่อยไปอีกถึงจะไม่ใช้สายฤทธิ์ก็เถอะ คนๆนี้อาจเข้าถึงธรรมขั้นนึงรู้เข้าใจธรรมะแค่นั้นอรหันต์จิตละเอียดกว่านี้ แค่พูดมาคำนึงก็สามารถรับรู้ได้ว่าจิตท่านไม่ละเอียดถึงอรหันต์
พ่อครูว่า…เขาก็กล่าวแก้มาให้เรา แม้ไม่ใช่สายฤทธิ์ก็ระลึกชาติได้ ถ้าสายฤทธิ์จะระลึกชาติเป็นบุคคลตัวตนเราเขา เกิดชาตินั้นเป็นช้างเป็นคนอะไรอย่างนี้ เป็นรูปธรรมหยาบๆ นั่นคือการระลึกชาติของพวกสายเจโตอิทธิปาฏิหาริย์ แต่การระลึกชาติของสายอนุสาสนีปาฏิหาริย์ สายปัญญาแท้ จะระลึกได้ถึงสภาพธรรม จะระลึกได้ถึงธรรมะ ธรรมะเป็นรูปเป็นนาม ธรรมะเป็นลักษณะต่างๆ รูปธรรมนามธรรมต่างๆ มีบัญญัติมีสภาวะต่างๆ มีสมมติสัจจะปรมัตถ์สัจจะต่างๆ มันไม่ได้นึกเป็นตัวตนบุคคลเราเขาเป็นแท่งก้อนเป็นรูปธรรม ไม่ใช่รูปธรรมและเป็นนามธรรม มากกว่า การระลึกชาติได้
อาตมานี้ระลึกชาตินามธรรมได้ตลอดมาก็ระลึกเอาของเก่ามาใช้ได้ลึกซึ้งเพิ่มขึ้นเรื่อย อาตมาไม่ได้ศึกษาเพิ่มเติม แล้วจะมีปฏิภาณมีสิ่งพิเศษที่ซ้อนอยู่ในเราสอนเราแสดงออกไปอย่างซับซ้อนเป็นสภาพเหมือนรอบเชิงซ้อนละเอียดขึ้น เนียนขึ้นๆ สูงส่งขึ้นได้อันนั้นจึงเป็นผลได้ที่อาตมาได้ นอกนั้นก็เป็นของเก่าเอามาใช้เป็นหลัก ที่เจริญขึ้นอาตมาเจริญขึ้นเพราะว่าการเอาของเก่ามาทำงานแล้วก็มีเหตุปัจจัยจากพวกเรา เหตุปัจจัยอย่างพวกเราอาตมาไม่มีเหตุปัจจัยอย่างพวกเราตั้งเยอะ แต่พวกเราเป็นเหตุปัจจัยที่ให้อาตมาเอามาสังเคราะห์สังขารสร้างองค์ประกอบ อาตมาถึงรู้ได้ว่าสังขารไม่มีพิเศษอย่างนี้ๆ จึงมีความเจริญขึ้นได้จากการทำงาน ก็ค่อยๆบอกกัน ผู้ที่เขายังเข้าใจไม่ได้ว่าเราเป็นอรหันต์จริง เป็นกลุ่มชาวพุทธที่มีเนื้อหาของโลกุตรธรรมเป็นโสดาบันสกทาคามีอนาคามีอรหันต์มีไม่น้อย แต่เขาเข้าใจว่าแบบเขาเป็นอรหันต์ เราก็พูดตามจริงว่าอย่างนั้นมันยังไม่ใช่ของเรานี่แหละเป็นจริง ก็ค่อยๆบอกไปบังคับใครให้เชื่อไม่ได้ของใครของมัน
_วิทยา มั่นใจ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา….สมเด็จโต(อย่าติดสมมุติ)บอก พระอรหันตฺไม่ยุ่งกับมนุษย์แล้ว ซ่อนตัวในป่าลึกที่มนุษย์เข้าไปไม่ได้ แต่ถ้าเจอมนุษย์ก็ยินดีแสดงธรรม เพื่อการหลุดพ้นของสัตว์โลก ที่เห็นๆกันนั้น พวกหันซ้ายหันขวาทั้งนั้น ไม่มีตรรกะในการคิดบ้างเลย มันเลยจบไม่ลง
พ่อครูว่า…ให้ศึกษาดีๆ คุณต้องศึกษาดีๆ ถ้าคุณยังมีความเห็นปักมั่นอยู่อย่างนี้ พระอรหันต์ไม่ยุ่งกับคนแล้ว แค่ประเด็นนี้ประเด็นเดียวคุณก็ผิดไปไกลลิบลับ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่เป็นศาสนาของมนุษย์เป็นศาสนาสังคม เป็นศาสนาที่เป็นประโยชน์เพื่อมวลมนุษยชาติ พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก)
พระพุทธเจ้าเมื่อตรัสรู้แล้วยังออกไปตามหาปัญจวัคคีย์เลยและไปโปรดคนอีกหลายกลุ่ม
_Chuthamat Phetcharin 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ที่จริงพ่อครูก็พูดถูกเรื่องฉันมังพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้บังคับแต่พระเทวทัตคิดการใหญ่อยากตั้งตนเป็นใหญ่แท่นพระพุทธเจ้าที่เรื่องทานมังพระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติไว้
การคิดตั้งตนเป็นใหญ่แทนพุทธเจ้านั้นบาปมากพระพุทธเจ้าบัญญัติมายังไงให้สอนแบบนั้นอย่าบิดเบือน มันบาปมากถูกไหมคะพ่อครูจะถูกหรือผิดกราบขอโทษเจ้าค่ะ
_เรียน พ่อครูโพธิรักษ์ (ผ่าน ดร.กุ้งก้ามกราม)
เรื่อง การบรรยายธรรม
ข้อสังเกตในเทศนา
๑.ยกตนข่มท่านเสมอ
๒.อวดอุตริมนุษยธรรม
๓.อ่านหนังสือคนอื่นมาบอกว่าตนรู้เอง
๔.ขอให้บรรยายตามภูมิอย่าไปเหยียบคนอื่น
๕.อย่าหลงตัวตนให้มากส่วนอื่นดีอยู่แล้ว เช่น การมัธยัสถ์ สันโดษ เศรษฐกิจพอเพียง เป็นอาทิ
อนัตตานันทะ
๒๐ ก.พ.๖๒
ผมสรรเสริญท่านในเรื่องสันโดษ
มัธยัสถ์ มีวิริยธรรมมาก ฝากท่านดร.กุ้งไปกราบเรียนด้วย อย่าไปละเมิดคนอื่น ขอให้บรรยายตามภูมิรู้ ภูมิธรรม และภูมิฐานแห่งพรหมจริยะเท่านั้นก็พอแล้ว ผมฟังท่านบรรยายบ่อยๆ สนใจท่าน
มาก เหมือนหลุดพ้นแล้วเป็นพระอริยะ แต่ยังไม่หลุดอัตตานุทิฐิ
มีอัตตวาทะ อัตตกิเลสเต็มๆ
หลายเรื่องน่าอนุโมทนามาก
เป็นกลุ่มพุทธะที่แข็งแรง แต่อย่าสุดโต่งเป็นอัตตกิลมถานุโยคไป
กราบอนุโมทนาครับ
ถ้าท่านบรรยายธรรมอย่างเดียว
ที่เกิดจากการประพฤติปฏิบัติดี
ตามไตรสิกขาหรือตามมรรคจะมีประโยชน์มาก
โพธิรักษ์บูชาจะเกิดขึ้นอย่างศันสนียธรรม(ธรรมะที่ควรสรรเสริญ)
พ่อครูว่า…ผู้รู้ก็จะสรรเสริญคนที่ควรสรรเสริญ ส่วนผู้ที่ไม่รู้ก็จะไม่สรรเสริญแน่นอนเขาจะด่าว่ามาอย่างที่อาตมาได้รับอยู่ ประเด็นที่คุณ อนัตตา นันทะสรุปมา เห็นพื้นๆง่ายๆเรื่องสันโดษ มักน้อย วิริยะ อุตสาหะ เป็นเรื่องโลกียะที่คนเขาก็รู้ได้ทั่วไป แต่เรื่องโลกุตระที่จะรู้จักกิเลสทำให้กิเลสลดได้อย่างแท้จริง อันนี้คุณอนัตตานันทะยังอยู่อีกไกลมาก ก็ดีแล้วที่เห็นเราเรื่องของสันโดษมากน้อยวิริยะอุตสาหะ แต่เรามีความลึกซึ้งโลกุตรธรรมด้วย
ที่ถามมาให้ตอบ 5 ประเด็น
๑.ยกตนข่มท่านเสมอ
๒.อวดอุตริมนุษยธรรม
๓.อ่านหนังสือคนอื่นมาบอกว่าตนรู้เอง
๔.ขอให้บรรยายตามภูมิอย่าไปเหยียบคนอื่น
๕.อย่าหลงตัวตนให้มากส่วนอื่นดีอยู่แล้ว เช่น การมัธยัสถ์ สันโดษ เศรษฐกิจพอเพียง เป็นอาทิ
พ่อครูว่า…ทั้ง 5 ข้อนี้แสดงว่าคุณยังไม่เข้าใจโลกุตรธรรมสักนิดเดียว เอาข้อ 1 การยกตนข่มท่านเสมอนี่อาตมาขอยืนยันว่าอาตมาไม่มีเลย แต่อาตมาพูดสิ่งสูงว่ามันสูงกว่าสิ่งต่ำ เพราะฉะนั้นเมื่อพูดสิ่งสูงก็ต้องบอกยืนยันว่าสิ่งสูงมันสูงอย่างนี้ มันก็เลยยิ่งชัด มันก็เลยไปข่มความต่ำ ยิ่งอธิบายแยกแยะว่าสูงชั้นไหนชั้น 5 ชั้น 4 ชั้น 3 ชั้น 2 ก็ยิ่งทับถมชั้น 1 หรือไม่มีเลย ชั้น สูง 5 ชั้นก็ทับความไม่ดีความไม่ถูกต้องไปหมดเลย อาตมาบอกความดี ไม่ได้ยกตน อาตมาบอกว่าอาตมามีความด้อยถึง 10 ประการด้วยซ้ำ แต่คุณก็ไม่เข้าใจไม่รู้ว่าอาตมาเป็นอย่างไร อาตมานั้นถ่อมตนไม่ได้ยกตน แต่มีแต่พูดความจริงว่าสิ่งสูงมันเป็นเช่นนี้
และที่คุณแยกไม่ออกก็คือ สิ่งสูงที่เป็นเช่นนี้อันใดที่อาตมาเป็นได้มีได้ในฐานะโพธิสัตว์ระดับ 7 อาตมาก็บอกว่ามี อันใดที่สูงกว่านั้นในระดับโพธิสัตว์ระดับ 8 ระดับ 9 อาตมาก็บอกว่า อาตมาไม่มี ส่วนอาตมาบอกว่ามีระดับ 7 สูงกว่าระดับ 6 ก็ยืนยันว่า 7 สูงกว่า 6 นะ 6 ที่ท่านมีคือลักษณะอย่างนี้ ระดับ 5 มีอย่างนี้ค่อยขึ้นมาระดับนี้ บางทีที่อาตมาบอกว่าธรรมะคืออันนี้ มันก็ไปตรงกับบุคคลหลายคน ที่อาตมาไม่ได้กล่าวชื่อเขาก็จะรู้ เลยบอกว่าอาตมา ข่มคนนั้น
กล่าวชื่อก็มีอย่างธัมมชโยก็กล่าวหนักมาก มหาบัว ท่านพุทธทาสหลวงพ่อชาก็กล่าว อาตมาบอกลักษณะธรรม บางทีอาตมาก็ยกมือไหว้หลวงพ่อชาท่านพุทธทาสด้วยซ้ำ เพราะท่านบวชก่อนอาตมา อาตมาบวชทีหลังก็ต้องยกมือไหว้ผู้บวชก่อนแม้จะมีคุณธรรมต่ำกว่าก็ตาม นี่ก็เป็นกฎเกณฑ์ อาตมาก็ทำตามกฎเกณฑ์ เพราะฉะนั้นจะเข้าฝใจว่า ยกตนข่มท่านอย่าเพิ่ง
อาตมายกธรรมะมาบอกว่า อย่างนี้สูงกว่าอย่างนี้ และที่สูงกว่านี้มันเป็นที่เรามีแต่ที่ต่ำนั้นท่านไม่มี คุณก็เลยเข้าใจมั่วว่าไปยกตนข่ม แต่อาตมาพูดธรรมะสัจธรรม แต่คุณก็ไปติดตัวตนบุคคล ไปตีค่าไปตีราคามันก็ผิดสิ นี่แหละเทวะธรรมะ 2 สภาวะกับบัญญัติ อันนี้แหละไม่ง่าย อาตมาเห็นใจคุณคนนี้กว่าจะเข้าใจอีกนาน
การยกตนข่มท่านนั้นอาตมาไม่มี ผู้ที่รู้จริงจะเห็นว่า อาตมาไม่ได้ไปยกตนข่มใคร แต่คนจะรู้การไม่ยกตนข่มใครเป็นธรรมะที่อาตมาอธิบายไปไม่ง่าย จึงต้องศึกษาให้ดี อาตมาขอยืนยันทั้ง 5 ข้อที่คุณพูดมา เขาบอกไปก่อนล่วงหน้าอย่าเพิ่งโกรธ ขอยืนยันว่า 5 ข้อที่พูดมาอาตมาไม่ได้ผิดอย่างที่คุณตู่มาเลย คุณตู่มาผิดก็ขอบอกกล่าว แต่คุณก็มีสิทธิ์ตู่อาตมาตามภูมิหรือคุณจะตำหนิอาตมาก็ได้ เอาเหตุผลมาว่ากล่าวกัน หากตำหนิด้วยไม่มีเหตุมีผล อาตมาก็จบเพราะว่า ไม่มีอะไรจะพูดต่อ แต่ถ้ามีเหตุผลหลักฐานอะไรอ้างอิงยืนยันขยายความเพื่อจะศึกษากันได้ อาตมาก็ทำด้วย
สรุปในข้อยกตนข่มท่านนั้น อาตมาว่าศึกษาให้ดีๆแล้วจะรู้ นัยละเอียด อาตมาไม่ได้ทำเลย แม้จะพูดว่า อาตมาสูงกว่า ท่านพุทธทาสอาจารย์ชา ก็พูดตรงอย่างนี้ไม่ได้ยกตนข่มท่าน อาตมาก็ขยายความว่าสูงอย่างไรบ้างอย่างไรก็อธิบาย แม้แต่ท่านพุทธทาสก็ตีทิ้งอภิธรรมไป อธิบายธรรมะคือธรรมชาติก็ยังไม่เข้าร่องเข้ารอยอย่างนี้เป็นต้น หลายๆอย่าง
แม้แต่จุดสำคัญของเวทนาในเวทนาท่านก็ยังไม่รู้เรื่อง ไม่ได้แยกแยะความรู้สึกของเวทนาที่เป็นตัวอริยสัจ
สมณะฟ้าไทว่า เขาเอามานะ 9 มาตีความหรือเปล่า
พ่อครูว่า…ก็วนที่บัญญัติของมานะ 9 ยังไม่เข้าถึงสภาวะ ก็ได้อยู่แค่นั้น
สรุป อาตมาขอยืนยันว่าอาตมาไม่ได้ยกตนข่มใคร เป็นแต่เพียงบอกความจริงของธรรมะที่เหนือกว่า ธรรมะใดเหนือกว่าธรรมะใด ทีนี้คนผู้ใดที่มีธรรมะขั้นนั้นขั้นนี้ก็ยืนยันว่าผู้นั้นมีเท่าไหร่ ก็อธิบายสัจธรรม ไม่ได้ไปข่มอะไร แต่อันที่อาตมามีเหนือกว่าก็พูดได้ถูกหากอาตมาไม่มีความจริงแท้จะไปพูดถูกได้อย่างไร อาตมาอธิบายได้ถูกต้อง คนไหนฟังแล้วเข้าใจก็มีสภาวะจริง จะรู้ว่าอาตมามีสภาวะจริง หากไม่มีสภาวะจริงพูดอยู่ในบัญญัติวนไปวนมาก็จะรู้ ท่านพุทธทาสวนเวียนอยู่ในบัญญัติ อย่างเช่นธรรมะคือธรรมชาติก็วนเวียนอยู่ในบัญญัติธรรมะก็คือธรรมะ ชาติก็คือชาติ คือการเกิด
สภาวะมันคือการเกิดกับธรรมะ แม้แต่พยัญชนะ
ธรรมะคือ x ชาติคือ y (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
ส.ฟ้าไทว่า หากเขามีอคติก็จะมองพ่อครูอย่างอคติ ต้องตรวจสอบอคติของตนเอง
พ่อครูว่า…ก็ค่อยๆเป็นไปมันไม่ง่ายต้องเห็นใจ อาตมาพยายามรู้ การยกตนข่มท่านมันเลว ทำไมแค่นี้อาตมาไม่รู้ แต่อาตมาทำนั้นเป็นนัยละเอียดลึกซึ้ง มันต้องยกความสูงไปข่มความต่ำ ไม่ได้ยกตนข่มท่านแต่ทีนี้ความสูงมันดันอยู่ที่เรา แต่คนอื่นต่ำกว่า ก็เลยเหมือนว่าเราข่ม แต่ไม่ให้ความสูงข่มเหนือกว่าความต่ำ แล้วคุณจะเอาอย่างไรกัน
สู่แดนธรรมว่า..คิดในมุมกลับบ้างทำไมไม่ยอมรับความสูงของอาตมา
พ่อครูว่า…เขายังไม่มีภูมิรู้ความจริงว่าอาตมามีภูมิรู้สูงกว่าจริง เขายังนึกว่าท่านพุทธทาสสูงกว่าอาตมาหรือหลวงพ่อชาสูงกว่าอาตมาอย่างนี้เป็นต้น
-
อวดอุตริสมนุสธรรม….คุณเข้าใจคำว่าอวดอุตตริมนุสสธรรมแค่ไหน อุตตริมนุสสธรรมคือธรรมะที่เป็นโลกุตระเหนือกว่าโลกียะ อวดคือการแสดงออก อวดภาษาไทยฟังแล้วเป็นเชิงลบมีกิเลส แต่อวดนี่ก็คือการแสดงออก การแสดงอุตตริมนุสสธรรมออกไปสู่ผู้อื่นได้รู้ แสดงทางกายกรรมก็มีโดยธรรมชาติ แสดงทางวจีก็มีการพูดเข้าใจกัน แสดงทางนามธรรมก็มีอยู่แน่นอน เป็นแต่เพียงบอกหรือไม่เท่านั้นเอง มีอุตตริมนุสสธรรมจริงมันก็แสดงโดยอัตโนมัติ อยู่ตลอดเวลา ในกายกรรม ส่วนคำพูดก็เป็นวาระ จะไม่ให้แสดงอุตตริมนุสสธรรม ไปแสดงแต่โลกียธรรมมันก็วนอยู่แค่โลกียธรรม มันก็ต้องแสดงอุตตริมนุสสธรรมที่เป็นโลกุตรธรรม มันก็มีขั้นตอนของโลกุตรธรรมสูงขึ้นไปเรื่อย คุณฟังเข้าใจด้วยปัญญาไม่เพ่งโทษ ก็จะรู้ว่าคนนี้แสดงได้ชัดเจน ได้เข้าใจได้รู้ความจริงว่าเรายังไม่ถึงอย่างนี้หรือเราถึงอย่างนี้แล้วแต่เราไม่รู้ตัวก็มี ที่แท้ก็เป็นสกิทาคามีแล้วหรือที่แท้ก็เป็นอนาคามีแล้วหรือ ก็ตรวจสอบตามสภาวะจริงไปก็จะรู้
ผู้ที่ไม่รู้อุตตริมนุสสธรรมจะมาแสดงได้อย่างไรแสดงออกก็มั่ว
-
อ่านหนังสือคนอื่นมาบอกว่าตนเองรู้เรื่อง พ่อครูว่า..อาตมาก็พูดว่า ตนเป็นคนศึกษาน้อย ชาตินี้ปางนี้ไม่ได้ไปศึกษากับใครไม่มีสำนักไม่มีอาจารย์ แต่เอาของเดิมมาสาธยายเอาของเดิมมาเปิดเผย เอาของเดิมมาพูดให้รู้ ของเดิมนี้อาตมาก็ยืนยันได้ว่า อาตมามีของจริงถูกต้อง ที่มีแต่คุณเรียนมาอ่านมานั้น มันของอาจารย์รุ่นหลัง มีเยอะและผิด อาตมาเอาแต่ของพระไตรปิฎกเป็นหลักของอรรถกถาจารย์ก็ไม่ค่อยเอาเท่าไหร่ บางอย่างอรรถกถาจารย์บอกไว้อาตมารู้ว่าเป็นของพระพุทธเจ้าแต่ในพระไตรปิฎกไม่มีก็มี (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
ส.ฟ้าไทว่า..สิ่งที่พ่อครูแสดง บางอย่างตำราไม่มี คนก็เชื่อยาก เพราะในบันทึกเขาบันทึกมาไม่หมดหรอก รายละเอียดไม่ได้ออกมาทั้งหมดหรอก แต่พอสัมผัสได้ว่าหากท่านเป็นตัวเป็นท่านก็พูดออกมาได้ สภาวะความต่างของระดับอาริยะ หากคนพูดตามบัญญัติก็ไปไม่เป็น แต่อันนี้พ่อครูอธิบายตามรายละเอียด เรามีสภาวะก็ฟังตามท่านได้แต่คนไม่มีสภาวะก็ไม่มีรายละเอียด หากไม่มีจริงพูดแล้วก็ถูกยัน
พ่อครูว่า…ถ้าไม่มีสภาวะจริงผู้รู้กว่าก็จะเอาอยู่หมัดหรอก แต่ถ้าผู้รู้ที่รู้เหนือใครคนรู้เท่าไม่มี อาตมาว่าปางนี้อาตมารู้มากกว่าใคร อาตมาก็บอกว่าใครเป็นพี่ก็แสดงออกมาเชิญออกมาปรากฏตัว อาตมาก็จะรู้ว่าใครเหนือกว่าก็จะยอมรับ
อาตมาขอยืนยันว่าไม่ได้ยกตนข่มท่าน อย่างที่สาธยายไปแล้วบอกแล้วธรรมะที่สูงก็ต้องเหนือกว่าธรรมะที่ต่ำ การอวดอุตริมนุสธรรมแน่นอนอาตมาก็ต้องแสดงออก หรือโชว์หรือแสดงออก อวด ในเรื่องธรรมะอุตตริมนุสสธรรมที่เหนือกว่ามนุษย์ปุถุชนสามัญ เป็นของพระพุทธเจ้าเป็นของโลกุตระ อันนี้เป็นเนื้อแท้ที่ต้องแสดงอย่างมาก จะไม่ให้แสดงอย่ามาห้ามเลย คุณเองเข้าใจอุตตริมนุสสธรรมได้หรือเปล่า และคุณจะได้ประโยชน์จากที่อาตมาอธิบายไหม ไปเข้าใจอะไรอย่างอื่นไปเป็นอุตริมนุสสธรรมอย่างนี้สิน่าสงสาร ให้ตรวจสอบเสีย ขณะนี้คุณไปงมงายอยู่กับอะไรก็ไม่รู้ งมงายอยู่กับธรรมะที่ไม่ใช่เนื้อแท้
_สู่แดนธรรมว่า…ผมว่าเขา เข้าใจผิดว่าอุตตริมนุสสธรรม ห้ามอวดเลย
พ่อครูว่า..เป็นได้ เขาเข้าใจผิดว่าอุตตริมนุสสธรรมนี้ใครมีก็ห้ามแสดงออก มาแสดงแล้วถือว่าไม่ใช่ อันนี้เป็นความซวยของศาสนาพุทธอันนี้ ไปอ่านโลหิจสูตรให้ดี
โลหิจจพราหมณ์ มีทิฏฐิลามก ว่า “ผู้บรรลุแล้วไม่พึงบอกแก่ผู้อื่น เพราะคนอื่นจะทำอะไรแก่อีกคนหนึ่งได้ การบอกแก่คนอื่นจัดว่าเป็นความโลภที่เป็นบาป เปรียบเหมือนคนตัดเครื่องพันธนาการเก่าออกแล้ว กลับทำเครื่องพันธนาการใหม่… ฯลฯ ” .
พระพุทธองค์ตรัสว่า เป็นมิจฉาทิฏฐิ ย่อมมีคติ ๒ คือ นรกหรือกำเนิดเดียรัจฉาน อย่างใดอย่างหนึ่ง
(พตปฎ. เล่ม ๙ ข้อ ๓๕๘)
พ่อครูว่า…พูดแบบนี้ก็กันตัวเองไว้เสีย อย่ามาหลอกอาตมาให้ยากเลย อุตริมนุสธรรมเป็นสิ่งดีที่ควรแสดงออก ก็หวังว่าถ้าไม่มีในตนจะแสดง หรือแม้จะมีก็ระมัดระวังที่จะแสดงต้องแสดงกับผู้ที่จะรับได้ อุปสัมบัน ต้องประมาณอย่าผิดพลาด แต่สำหรับอนุปสัมบันก็อย่าแสดง แม้จะแสดงผิด ก็ไปปลงอาบัติปาจิตตีย์ แม้แต่สติวินัย ผู้ที่เป็นอรหันต์แล้วจริงไม่ต้องปลงอาบัติปาจิตตีย์ มีสติวินัย พระอรหันต์ทุกองค์ไม่มีคิดร้ายพระอรหันต์บางองค์บัญญัติสภาวะพยัญชนะก็ไม่สมบูรณ์แต่จิตท่านบริสุทธิ์ เพราะฉะนั้นอย่าไปจับผิดท่านอย่าไปถือโทษท่าน ท่านมีสติวินัยที่หมู่สงฆ์ยกไว้ให้ อย่างเช่นอาตมา หมู่สงฆ์ก็ยกสติวินัยให้อาตมาไม่ได้ไปบอกให้เขายกนะ เพื่อกันให้คนอื่นท้วงติง พระวินัยของพระพุทธเจ้าได้มีไว้แล้วอย่างถูกต้อง เราก็ทำตาม
สรุปแล้วอย่ามาห้ามเสียให้ยากไม่ให้อาตมาอวดอุตตริมนุสสธรรมนั้นเพราะอาตมามีอุตตริมนุสสธรรม แล้วแสดงออกก็เพื่อให้คนอื่นได้รับรู้ตามจะได้ปฏิบัติเพื่อให้ได้อุตตริมนุสสธรรมนั้นตามมาด้วย ไม่ใช่มาห้าม ไม่ได้หรอกผิดหมด แต่ต้องแสดง
3.อ่านหนังสือคนอื่นมาแล้วบอกว่าตนรู้เอง
พ่อครูว่า…อาตมาอ่านพระไตรปิฎกเป็นหลัก ของคนอื่นนั้นอ่านน้อย แล้วก็รู้ว่าอาจารย์คนอื่นที่เป็นอาจาริยวาท อาตมาก็อ่านบ้างแต่อ่านน้อย อาตมาไม่ได้อ่านจากคนอื่นแล้วเอามาเป็นของตน แม้จะไปอ่านอาจาริยวาท มันจะไปเข้ากับพระไตรปิฎก หรือเถรวาท คือผู้เป็นเถระอยู่ในรุ่นพระพุทธเจ้า ถ้ารุ่นรองจากนั้นเรียกอาจารย์ แต่ถ้าพระเถระคือรุ่นอยู่ติดพระพุทธเจ้า ในยุคพระพุทธเจ้าด้วยเช่นคำสอนของพระมหากัสสปะพระสารีบุตรพระอานนท์เป็นต้น แต่ถ้ารุ่นหลังก็เรียกว่าอาจริยวาท เป็นคำสอนของอาจารย์ไม่ใช่คำสอนของพระเถระ
เถระคือผู้ติด ได้อยู่ในยุคของพระพุทธเจ้าอย่างนี้เรียกว่าเถรวาท เป็นเถรวาทะ ขออภัยอาตมานี่อยู่รุ่นพระพุทธเจ้า คำพูดของอาตมาจึงเป็นเถระวาทะ คำอธิบายของอาตมาที่บันทึกไว้ คือคำพูดของเถระไม่ใช่อาจาริยวาทะ เข้าใจให้ละเอียด เข้าใจให้ชัดเจน
อาตมายืนยันนะ ไม่ได้พูดเล่นว่าอาตมาเคยเกิดมาในยุคพระพุทธเจ้าเป็นเถระ เป็นภิกษุในรุ่นพระพุทธเจ้าสมณโคดม
อาตมาอ่านหนังสือของพระพุทธเจ้าหรือของพระเถระต่างๆก็ใช่ หรือพระเกจิต่างๆที่เป็นอรรถกถาจารย์ที่บางอันตรง ไม่ได้บรรจุไว้ในพระไตรปิฎกชุดนี้ พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ แต่อันนี้อาตมาอ่านแล้วรู้เลย อย่างธรรมนิยาม 5 ไม่มีในพระไตรปิฎกชุดนี้ แต่เอามาจากพระพุทธโฆษาจารย์วิสุทธิมรรคบันทึกไว้ อาตมาก็รู้แล้ว มันไม่มีใครจะมาแยกแยะธรรมนิยาม 5 อย่างนี้ได้ ไม่มี นอกจาก พระพุทธเจ้าจึงสามารถแยกแยะ 5 อย่างนี้ได้
อาตมาศึกษามารู้ตามจึงได้นำเอาอุตุนิยาม พีชะนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม มาอธิบายได้ ให้ทำจิตให้เป็นพีชนิยามแล้วมีพลังงานจิตเหลือไปทำประโยชน์ได้ไม่สร้างพลังงานที่มีรักมีชังมีเกลียดไม่ทำแล้ว ส่วนพลังงานเกินไม่มีทุกข์ไม่มีสุขแล้วก็เอาไปสร้างแต่กุศล อกุศลไม่ทำเลย พูดจากความจริงที่ตนเองมีตนเองเป็นและแสดงออกมาอยู่แล้ว ไม่ได้อ่านมาจากคนอื่น ใครพูดอย่างอาตมาบ้างบันทึกอยู่ในเล่มไหนบอกมา อาตมาไปอ่านหนังสือเล่มไหนแล้วเอามาพูดเอง นอกจากในพระไตรปิฎกอรรถกถาจารย์บางอย่างเท่านั้น เพราะว่ามันไม่มีในพระไตรปิฎก คําสอนพระพุทธเจ้ามีมากกว่าพระไตรปิฎกอีก
-
ขอให้บรรยายตามภูมิอย่าไปเหยียบคนอื่น
พ่อครูว่า…อาตมาอธิบายตามภูมิ ไม่ได้ไปเหยียบใคร แต่คนมาบอกว่าจะมาเปรียบคนนั้นคนนี้ คุณหยาบเอง อย่าพาอาตมาไปหยาบด้วย อาตมาไม่ได้ทำคุณอย่ามาจับขาอาตมาเหยียบใคร อาตมาพูดธรรมะสูงมันก็สูงกว่าธรรมะที่ต่ำ แต่คนพูดเป็นภาษาว่าเหยียบคนนั้นคนนี้ อาตมาไม่ได้แสดงการกระทำหรือในจิตก็ไม่มีสภาวะอย่างนี้เลย คุณเข้าใจพยัญชนะกับสภาวะ เหยียบคืออะไร เหนือคืออะไร พูดอย่างนี้ไม่ได้ไปข่มใครคุณพอฟังเข้าใจมั้ย(สู่แดนธรรมว่า สงสัยจะไม่ให้พูดว่าอะไรเหนือกว่ากันเลย) แล้วเมื่อไหร่คุณจะได้รู้ คุณจะรู้เองคุณต้องเป็นพระพุทธเจ้าสิ อาตมาเองยังต้องตามพระพุทธเจ้ายังต้องตามพระเถระ ผู้ที่ใหญ่กว่าอาตมา อาตมาเองยังต้องรับจากสัตบุรุษที่ยิ่งใหญ่กว่าอาตมาผู้ที่เป็นพี่ แล้วคุณเก่งขนาดไหนจะไม่ให้รับของใครเลย แม้พูดว่าอะไรเหนือกว่าอะไรเลย ก็เลิก มันไม่ได้ มันต้องมีการเปรียบเทียบ มีธรรมะสองเสมอ ถ้าไม่มีการเปรียบเทียบว่าอันนี้สูงกว่าอันนี้อันนี้เหนือกว่าอันนี้ไม่มีการพูด อันนี้ต่ำกว่าอันนี้ก็ต้องพูดอย่างนี้ ด้วยจิตที่ไม่มีการเบ่งข่ม สาเฐยจิต ไม่มีจิต อย่างนี้
-
ที่บอกว่าอย่าให้หลงตน …พ่อครูว่า…อาตมาไม่ได้หลงตนแต่คุณหลงผิด คุณไม่รู้จักอาตมา อาตมาเป็นผู้ที่รู้จักตน คุณไปศึกษาให้ดีๆไปศึกษาความเป็นต้นมาให้ชัดเจน คืออัตตา ของตนเองเรียนรู้ โอฬาริกอัตตา มโนมยอัตตา อรูปอัตตา