มี.ค.52019ศาสนา620305_รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 42 อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1KjDeAxmyJ7tI_7xLQ_2qyNPKi00n20tdzpnkv1WyQRo/edit?usp=sharing ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1BjWQ2HnizKc_yhn–Xu2kpjb0vdc5ots พ่อครูว่า..ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้น ทางตะวันตกก็พยายามศึกษาจิตวิทยา ของพุทธนั้นให้รู้จักรู้แจ้งรู้จริง รู้จักคือได้สัมผัสสิ่งนั้น รู้แจ้งก็คือชัดเจน กระจ่างขึ้นๆ จนกระทั่งรู้ครบรู้จริง แม้เป็นนามธรรมจับต้องยากไม่มีรูปร่าง ไม่มีตัวตนยิ่งกว่าลม ยิ่งกว่าอากาศ ว่างเบา แต่มีอาการ ลิงค นิมิต โดยมีผู้รู้มาแสดงอุเทส คือมาแสดงความรู้ปัญญา ผู้จะตรัสรู้จริงๆได้คือพระพุทธเจ้า ไม่มีพระพุทธเจ้าไม่มีใครมาตรัสรู้โลกุตรธรรมนี้ได้ อันนี้ก็เหมือนยกตนหลงตนหนัก แต่มันเป็นสัจจะความจริง มีหนึ่งเดียวในมหาจักรวาลเอกภพ ทุกกาลเป็นเช่นนี้ ศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนาที่รู้จักจิตวิญญาณสมบูรณ์แบบ ที่พิสูจน์ได้ก็คือ จิตวิญญาณก็คือธาตุชนิดหนึ่งของอัตภาพ เมื่อใดจิตวิญญาณนั้นมาเป็นอัตภาพ จุติมาเป็นจิตนิยาม เป็นสัตว์ตั้งแต่เซลล์เดียว พ้นจากความเป็นพีชนิยามมาเป็นจิตนิยาม ในนิยาม 5 อุตุนิยาม พีชะนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม พระพุทธเจ้าเท่านั้นจะตรัสรู้ได้แยกได้ละเอียดลออชัดเจน นิยาม อุตุนิยาม พีชะนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม อาตมาไม่ได้เป็นผู้ค้นพบ พระพุทธเจ้าเป็นผู้ค้นพบ อาตมาเป็นโพธิสัตว์ติดตามศึกษาตามพระพุทธเจ้ามาไม่รู้กี่ชาติ พระพุทธเจ้าท่านตรัส เหมือนคุยตัวแต่เป็นเรื่องสุดยอดของมนุษยชาติ พิสูจน์ยืนยันแท้ก็คือ จิตวิญญาณนี้ จะปรินิพพานเป็นปริโยสาน ตัวเองเจ้าตัวสามารถจัดการสูญสลายไปได้เลย ไม่ใช่ตายแล้วต้องไปอยู่กับพระเจ้าอย่างที่ศาสนาเทวนิยม เขาไปไหนไม่ได้นิรันดร พระเจ้าเป็นเจ้าของจิตวิญญาณทุกคน ตายแล้วสวรรค์นรกขึ้นอยู่กับพระเจ้า แต่ของพุทธนั้นตัวเองทำเองทั้งนั้น โง่เองหลงเอง พิสูจน์ความหมดนรกสวรรค์ได้ พระอรหันต์ทำได้สมบูรณ์แบบถาวรยั่งยืน ถ้ายังไม่ถาวรยั่งยืนก็ยังไม่ใช่อรหันต์ ได้ชั่วคราวก็ยังไม่ใช่อรหันต์เต็ม ต้องทำให้เต็ม นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) “นิจจัง-ธุวัง-สัสสตัง-อวิปริณามธัมมัง-อสังหิรัง-อสังกุปปัง” พวกเราก็พิสูจน์กันได้มาตั้งแต่ของหยาบ ที่เราเคยติดเคยสุขเคยทุกข์เป็นขั้นๆ ของหยาบๆต่ำๆ เรานึกว่าดีนักหนา ที่แท้โธ่เอ๋ย แล้วเราก็ศึกษาพิสูจน์เป็นปัจจัตตังเวทิตัพโพสุดยอดเลย นี่คือธรรมะ อาตมาเองเห็นว่ามันยาก เป็นเรื่องที่มนุษยชาติควรได้ ต้องได้ ต้องได้เป็นเชิงบังคับ แต่ถ้าบังคับได้ก็ดี แต่มันไม่ได้หรอก ก็เลยใช้ว่าควรได้อย่างยิ่ง เกิดมาเป็นคนควรได้อย่างนี้ ถ้าไม่ได้อย่างนี้ก็เสียชาติเกิด ถ้าไม่ได้โลกุตรธรรมก็เสียชาติเกิด แล้วก็ตกต่ำไปเป็นสัตว์นรกไปเป็นเทวดาปลอมเก๊หลงจมอยู่อย่างนั้น ถ้าเรามาศึกษาจริงให้สูงกว่านั้นมีจริงๆ คนที่วนเวียนอยู่ในโลกียะ ในโลกของความสุขความทุกข์ ดับความสุขความทุกข์ไม่ได้ อยากก็ทุกข์ได้มาก็สมสุข ได้เสพรูป รสกลิ่นเสียงสัมผัส สมอุปาทานที่ยึดไว้ก็สุข แล้วก็ไม่เที่ยงก็เปลี่ยนไป ไปยึดสุข นอกจากรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสแล้วก็บำเรอใจที่ตนเอง ปั้นไว้เอง ตามที่ตนเองบ้าบอกำหนดเลยจะไปกำหนดตรงกันซ้ำกับคนอื่นหรือไม่ซ้ำก็ตามก็ไปบำเรออัตภาพ ได้สมใจก็บำเรออัตตาเป็นสุขเป็นของเก๊ที่พระพุทธเจ้าพิสูจน์แล้วว่ามันเป็นของหลอก อัลลิกะ ของเท็จ สุขเป็นของเท็จไม่ใช่ของจริง ทุกวันนี้พวกเราศึกษาแล้วก็ค่อยยังชั่วได้มาเป็นลำดับ แม้จะยากแสนยาก แต่ก็ได้เป็นกอบเป็นกำเป็นหมวดหมู่ ทั่วประเทศไทยได้ประมาณนี้ อาตมาไม่มีใครชมก็ชมตัวเองเก่งแล้ว มันจริงๆเป็นเรื่องที่โอ้โห ขนาดนี้อาตมาก็ยังรู้สึกยังไม่มั่นใจที่จะไว้ใจว่าที่เป็นอยู่กอบก้อนขนาดนี้ จะมีเนื้อหาสาระ นำพาธรรมะพระพุทธเจ้านี้ ไปถึงอีก 2,000 ก็ปีให้ครบ 5000 ปี ของพระพุทธเจ้าหรือไม่ ก็ยังไม่ค่อยมั่นใจนะ ก็เลยลากสังขารให้เชื่อมต่อไปเรื่อยๆ ก็ยังไม่สมควรจะตายเพราะยังไม่ทรุดโทรมเสื่อมเท่าไหร่ เดี๋ยวเขาจะหาว่าหลงตนเอง เขาก็ยังว่าหนุ่มๆ วันนี้พวกนักร้องมา ศรีไสล นันทวันท์มา แฟนเขาก็เสียไปทั้งคู่ นันทวันท์นี้รุ่นเดียวกับแฟนอาตมาจบสวนสุนันทาเหมือนกัน เพื่อนรุ่นเดียวกันเลย เขาก็ยังรับรองอยู่ว่าอาตมาแข็งแรงนะ ก็สามีตนเองตายไปหมดแล้ว ตุ้มศรีไสล สามีก็สิ้นไปแล้ว ก็เอา ชีวิตของคนของใครของมัน ต้องพากเพียรเอาเองไม่มีใครมาทำให้เราได้ เราเป็นมรดกกรรมของตนเองแบ่งให้ใครก็ไม่ได้ จะรู้ว่าตนเองเป็นทายาทของกรรม กรรมของตนเองต้องเป็นทายาทรับมรดกกรรมตนเองไม่เอาก็ไม่ได้ ปฏิเสธก็ไม่ได้ เอ็งทำ ถึงเวลาที่จะต้องมาถึงเองแล้ว ไม่เอาก็ไม่ได้ไม่หกตกหล่นไม่ระเหิดระเหย เป็นแต่เพียงว่าจะมาออกฤทธิ์กับเราในวาระไหน กาละไหนเราไปจัดสรร อจินไตยกรรมวิบากไม่ได้ อาตมายังไม่สามารถอธิบายอจินไตยนี้ให้พวกเราได้ฟังละเอียดลออ อธิบายแค่ ฌานวิสัยของตนเองได้ พุทธวิสัย กรรมวิสัยไม่ได้ ยิ่งโลกจินตาก็ได้บ้างเท่าที่โลกเขาคิดสร้างปั้นเรื่องราวมาหลอกกันให้คนหลงติดยึดกัน ยกตัวอย่าง หลอกกันว่า ถ้ามาอยู่กับเรากระเป๋าตุง ถ้าไปอยู่กับพรรคของลุงกระเป๋าแฟบ อย่างนี้เป็นต้น โฆษณาหาเสียงครอบงำความคิดให้เชื่อมั่น มีบทความของคุณเปลว สีเงิน วันที่ 27 กุมภาพันธ์ จาก ‘เป๋าตุง’ ยัน ‘ล้างหนี้ IMF’ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 เมื่อวาน อ่านข่าว ๒ ข่าว………. เป็นอุทาหรณ์อย่างดีสำหรับคนไทย ในการเลือกคน-เลือกพรรคการเมืองเข้ามาบริหารประเทศ เรื่องความเสียหายจำนำข้าว ๕ แสนล้าน ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์นั่นปะไร ธ.ก.ส.เป็น “เจ้าหนี้” เงินก้อนนี้ กรุงเทพธุรกิจ ฉบับ ๒๕ ก.พ.๖๒ ลงข่าว “นายสมบูรณ์ ดาศรี” ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส.บอกว่า ธ.ก.ส.จะได้หนี้ ๕ แสนล้านคืนจากรัฐบาล ๒ ทาง ทางแรก….. จากขายข้าวในสต็อก ตอนนี้ “ไม่มีแล้ว” เพราะข้าวดีขายหมดแล้ว ทางที่สอง จาก “งบประมาณแผ่นดิน” โดยรัฐบาล ตั้งงบคืนให้แต่ละปี ที่ผ่านมา ธ.ก.ส.ได้รับคืนปีละกว่า ๕ หมื่นล้าน ใน ๕ หมื่นล้าน นั้น เป็นดอกเบี้ยซะ ๓ หมื่นล้าน เป็นเงินต้นแค่ ๒ หมื่นล้าน แล้วกี่ปีล่ะ…….. ถึงจะใช้หนี้จำนำข้าว ๕ แสนล้านได้หมด? คำตอบ คือ ๑๖ ปี! ประเด็นที่พวกเราชาวบ้าน “ต้องรู้-ต้องคิด-ต้องจำ” ใส่กระบาล คือ สุดท้ายแล้ว หนี้จากนักการเมืองโกงกิน “คนรับกรรม” ต้องใช้หนี้แทนทุกบาท-ทุกสตางค์ ไม่ใช่ “พรรคเพื่อไทย” ไม่ใช่อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ หรือใครๆ ที่โกงกินไป หากแต่ “พวกเรา-ชาวบ้าน” ทุกคนนี่แหละ เหมือนถูกหลอกข่มขืนแล้ว ยังถูก “เรียงคิว” ต่อ “ใช้หนี้แทน” ไปอีก ๑๖ ปี! ถ้านโยบายรับจำนำข้าวทุกเม็ดเกวียนละ ๑๕,๐๐๐ ของพรรคเพื่อไทยดีจริง ก็ต้องใช้หาเสียงตอนนี้ซิว่า “จะทำต่อ” นี่เหมือนเป่าสาก….. ใครถาม ก็เหมือนผีเจอใบหนาด! เนื้อกินกันไป ทิ้งเปลือกด้วยหนี้ไว้ ๕ แสนล้านให้ชาวบ้านจ่ายแทน แล้วแบบนี้ เห็นขึ้นป้าย-ตะกายเวทีไปทั่ว “เลือกเราเป๋าตุง เลือกลุงเป๋าแฟบ” ตอแหลตอหลดตดใต้น้ำมั้ยเนี่ย…หือ? ชาวบ้านมีแต่กระเป๋าแหก เพื่อไทยนั่นแหละโกยจนเป๋าตุงฝ่ายเดียว ส่วนลุง ใครผมไม่ทราบ แต่จะแฟบ-จะตุง เป็นเรื่องหนึ่ง ที่สำคัญ “ไม่โกงไปแบ่งกัน” ยังไงมันก็ไม่แฟบ! แล้วนี่ไง “เลือกเราเป๋าตุง” เมื่อวาน (๒๕ ก.พ.๖๒) ป.ป.ช.มีมติให้ “ไต่สวนเพิ่มเติม” “ทุจริตขายข้าวจีทูจี” ล็อต ๒ รัฐบาลเพื่อไทย ยุคยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ ตุง “ยกตระกูล” เลยละทีนี้ ทั้งยิ่งลักษณ์ ทั้งทักษิณ ทั้งนางเยาวภา ผู้มีวิชาล่องหน-หายตัว แต่แรก อดีตรัฐมนตรีบุญทรง “กูพูดไม่ได้” แต่เพราะ “พี่..รอหนูแป๊บ เดี๋ยวถึง” คนพูดไปโผล่ลอนดอน คนรับสายไปนอนคุก “ข้อเท็จ-ข้อจริง” จึงพรั่งพรูจากปากบุญทรงพร้อมหลักฐาน ใครเป๋าตุงจากจีทูเจี๊ยะไปแบ่งกัน เลยบานตะไท ไหลเป็นสำนวนสอบสวนอยู่ในแฟ้ม ป.ป.ช.! นี่ เป็นบทเรียน……… ทักษิณตีค่าประชาชนที่เลือกพรรคเขาและตัวเขาเข้าไปเป็นรัฐบาล เป็นพวก “คนตาบอด” ส่วนตัวเขาเป็น “เสือ” ทักษิณบอกเสนาะ “คนตาบอดไม่กลัวเสือ” คือพูดหลอกให้ชาวบ้านเชื่อ “ผมรวยแล้วไม่โกง” พอชาวบ้านเชื่อ เลือกเขา แล้วเขาก็จับชาวบ้านกินเรียบ! ตัวเองกินไม่พอ…… ส่งให้น้องสาวกินต่อ กินกันจนเป๋าตุง ขนออกนอกกันทีละเป็นลำเรือบิน เรื่องนี้ ไม่สอนเขา แต่สอนเราๆ ผู้เลือก ว่า….. สู่ยุคใหม่แล้ว “เลือกใคร-พรรคไหน” อย่าต้องให้ใครมา “สมน้ำหน้ากะลาหัวเจาะ” ได้อีกเชียว! นักกินบ้าน-กินเมือง มันดูถูกชาวบ้านมาตลอด ว่าเป็นพวกเจ็บไม่เคยจำ ซ้ำไม่ชอบจำอะไร ไม่ศึกษาหาข้อเท็จจริง ไม่รู้กฎหมาย มีค่ารถ ค่าชานมไข่มุกให้ อะไรก็ได้แล้ว คือ “หลอกง่าย” พร้อมจะเชื่อก่อนเขาหลอกด้วยซ้ำ! ฉะนั้น จึงไม่แปลก ที่จะได้ยินนักเลือกตั้งยกเรื่อง “หนี้ IMF” ขึ้นมาหาเสียงว่า พรรคเขา นำประเทศ จากความเป็นทาส สู่ความเป็นไท ด้วยการ “ใช้หนี้ IMF” ได้หมด! คนฟังส่วนใหญ่ก็เชื่อ ว่าทักษิณปลดหนี้ไอเอ็มเอฟ ซึ่งตีขลุมพูดอย่างนั้น ก็พูดได้ แต่ใช่มั้ย ถูกต้องมั้ย มันก็ไม่ใช่ ไม่ถูกต้องในข้อเท็จจริงทั้งหมด! เรื่องเช่นนี้ ระดับชาวบ้าน ยากตามทัน จึงถูกทักษิณจับกิน โดยใช้เล่ห์สร้างภาพ ว่าเขาเป็นผู้ “ปลดแอก” หนี้ไอเอ็มเอฟให้ประเทศ ถึงขนาดออกโทรทัศน์ “รวมการเฉพาะกิจ” ทำพิธี “ปลดแอก-ประกาศอิสรภาพ” ที่ลานพระบรมรูป เมื่อกรกฎาปี ๔๖ ใช่…ที่รัฐบาลทักษิณล้างหนี้ “ไอเอ็มเอฟ” แต่…มันไม่ใช่การ “ปลดแอก-ปลดหนี้” มันเป็นการ “แหกตา” สร้างหนี้ใหม่ ด้วยการไปกู้ ADB ดอกเบี้ย ๖-๑๐% มาล้างหนี้ IMF ก้อนสุดท้าย ๖ หมื่นล้าน ซึ่งดอกแค่ ๒% กว่าๆ หวังสร้างภาพ….. ข้านี่แหละโว้ย…ผู้ปลดแอกประเทศ! ซึ่งมันไม่จำเป็น ถ้าพูดกันตรงๆ ต้องบอกว่า “เสือก”! ปี ๔๐ ด้วยต้มยำกุ้ง รัฐบาลชวลิต โดยนายทนง พิทยะ รมว.คลัง ลงนามกู้ มี “นายวีรพงษ์ รามางกูร” เป็นรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ จะเห็นว่า เครือข่ายทักษิณ “ทั้งโขยง” เซ็นกู้ IMF ๑๗,๐๐๐ ล้านเหรียญยูเอส แต่กู้มาใช้จริงๆ ตอนรัฐบาลชวน ประมาณ ๑๔,๐๐๐ ล้านเหรียญ ต้องยกเครดิตให้รัฐบาลชวน ยุคนายธารินทร์ เป็นรัฐมนตรีคลัง ใช้เวลาปีกว่าๆ เศรษฐกิจที่ติดลบ ก็ฟื้นเป็นบวก เลือดหยุดไหล ปี ๔๓ ก็หยุดกู้แล้ว ต้องเข้าใจนะ การกู้นี่ ไม่ใช่เอามาทีเดียวทั้งก้อน เขาจะให้กู้เป็นงวดๆ เวลาจะกู้ ต้องทำหนังสือแสดงเจตจำนงไปขอรับความช่วยเหลือ และต้องทำหนังสือยินยอมให้เขาเข้ามาควบคุม-สั่งการนโยบายเศรษฐกิจประเทศด้วย! ทักษิณเข้ามาเป็นรัฐบาล ปี ๔๔ เศรษฐกิจกำลังเป็นขาขึ้น ต้องเรียกว่า ทักษิณโชคดี เข้ามากินบุญที่รัฐบาลประชาธิปัตย์สร้างไว้ให้สบายไป ไม่ต้องเบิกเงินกู้ไอเอ็มเอฟ ประเทศมีเงินไหลคล่อง จากเงินต้น ๑๔,๐๐๐ ล้านเหรียญ เหลือแค่ ๑,๖๐๐ ล้านเหรียญ ดอกแค่ ๒ เปอร์เซ็นต์กว่า สบายๆ อยู่แล้ว ปี ๔๖ อย่างที่บอกนั่นแหละ………… ทักษิณ “เจ้าเล่ห์” ไปกู้เงิน ๑,๖๐๐ ล้านเหรียญ ประมาณ ๖ หมื่นล้าน จาก ADB ดอกเบี้ย ๖-๑๐% ซึ่งไม่จำเป็น มาล้างหนี้เงินกู้ IMF ก็แค่จะสร้างภาพ กู…ฮีโร่ หวังให้ “คนตาบอด” หลงบูชาทักษิณเป็นผู้ “ปลดแอก” ให้ประเทศ! มันเป็นการ “กู้หนี้ใหม่” ด้วยดอกแพงๆ ไปจ่าย “หนี้เก่า” ซึ่งดอกถูกๆ เมื่อความจริงเป็นเช่นนี้ พูดได้หรือว่า ทักษิณล้างหนี้ IMF ให้ประเทศ!? มันสร้างหนี้ “จากดอกแพง” เพิ่มโดยใช่เหตุด้วยซ้ำ ซ้ำร้ายกว่านั้น ยังถูก IMF ยึดค่าธรรมเนียมกู้ไปฟรีๆ อีก ๔ พันกว่าล้านบาท ฐานไถ่ถอนหนี้ก่อนครบสัญญา ทำให้เขาเสียผลประโยชน์อันพึงได้ไป เนี่ย…ข้อเท็จจริงเป็นอย่างนี้ ฉะนั้น ได้ยินนังตอแหลตนไหนบอก พรรคเขาล้างหนี้ไอเอ็มเอฟให้ประเทศ ตบปากมันเลย! ต้องรู้ทัน และจับได้-ไล่ทันมันบ้าง ไม่งั้น มันจะตีค่าประชาชนเป็นพวก “ตาบอด” ที่มันจะจับกินอยู่ร่ำไป จำไว้เลย เรื่องกู้ประเทศให้ฟื้นจากวิกฤติต้มยำกุ้ง และการบริหารหนี้ IMF ต้องยกเครดิตให้ “พรรคประชาธิปัตย์” โดยเฉพาะอดีตนายกฯ “ชวน หลีกภัย” ทักษิณแค่ “ตัวตีกิน” เท่านั้น! พ่อครูว่า…ตอนนี้คุณเปลวเชียร์ประชาธิปัตย์ แต่อาตมาเชียร์ประชารัฐ อาตมาพูดตรงๆพูดจริงๆ ก็ต้องให้ได้ประโยชน์แก่ประเทศเป็นความจริงใจของอาตมา อาตมาว่าประชาธิปัตย์ก็ไม่เลว แต่ถ้ามามองตามภูมิรู้ของอาตมา ประชาธิปัตย์ก็มีคนอยู่ อาตมาก็รู้จักประชาธิปัตย์ตั้งแต่อาตมาเกิดมาพ.ศ 2477 ประชาธิปัตย์ก็ยังยืนยาวมาไม่ถึง 70 ปีหรอก อาตมาก็รู้จักมาตั้งแต่ต้น ก็รู้อยู่ว่าใครเป็นใคร แสดงผลงานอยู่มาก็เห็นมาตลอด ดีไม่ดีเราก็เคยไปไล่ออก รัฐบาลประชาธิปัตย์ เพราะฉะนั้นจะว่าไปแล้ว ก็ยังไม่เห็นว่ามีอะไรสูงขึ้น ที่ออกไปไล่ตอนนั้นก็อภิสิทธิ์เป็นนายก ตอนนี้อภิสิทธิ์ก็ยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ ก็ดูเหมือนกันว่าจะพัฒนาขึ้นมั้ย อาตมาก็ยังเห็นว่าก็ยังวนอยู่ในแนวเดิม ความคิดวนอยู่เหมือนเดิมยังไม่ก้าวหน้าเป็นโลกุตระอะไรเลย ยังวนเวียนอยู่ในโลกียะที่อยากจะใหญ่ อยากจะมาแสดงฝีมือ และที่แสดงอยู่ต่างๆนานา นโยบายต่างๆที่ฟัง ตามภูมิของอาตมาไม่เห็นก้าวหน้าไปทางโลกุตระให้น่าชื่นใจเลย เพราะฉะนั้นที่ทำอยู่ขณะนี้ พลเอกประยุทธ์ทำ และพลังประชารัฐทำ ก็มีหลายพรรค แต่พรรคเอกที่นำ เพราะพลเอกประยุทธ์ก็บอกตอบรับให้พรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้ที่จะนำเสนอชื่อเป็นนายก แต่ละคนถูกนำเสนอได้เพียงพรรคเดียว อาตมาหวังดีก็ต้องแนะนำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ พูดตรงๆนะ อาตมาไม่ได้เห็นแก่พลเอกประยุทธ์ พลเอกประยุทธ์ก็พอกินพอใช้ของพลเอกประยุทธ์อยู่แล้ว ชีวิตนี้อยู่ไปกินบำนาญก็เหลือกินเหลือใช้แล้ว ดูว่าพลเอกประยุทธ์ก็ไม่ใช่คนฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย ไม่ได้ไปติดอบายมุขเละเทะ เพราะฉะนั้นสบายไว้ใจได้เลยไม่มีปัญหา จนกว่าจะตาย รับรองว่าไม่ทุกข์ร้อน ชีวิตที่สะสมไว้มีบารมีที่จะอยู่กินใช้ไปจนตาย เอาล่ะ 120 ปีตายก็ได้พลเอกประยุทธ์ ต่อให้อีก 60 กว่าปี อยู่พอๆกันกับอาตมาก็แล้วกัน ก็ยังได้ไม่มีปัญหา อาตมาเชื่อว่าไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกไม่ได้ยากจนข้นแค้น เพราะฉะนั้นที่อาตมาพูดนี้ไม่ใช่เพื่อพลเอกประยุทธ์ แต่เพื่อผลของมวลประชาชนเพื่อประเทศชาติ เพราะพลเอกประยุทธ์ยังทำดียังปฏิบัติเข้าตา ช่วยประชาชนประเทศชาติ ได้ดีกว่าใครๆ ก็ต้องให้คนนี้ทำไป จนกว่าคนอื่นจะมาแสดงฝีมือดีกว่า อาตมาก็ไม่ยึดมั่นถือมั่น ถ้าเห็นอะไรในปัจจุบันขณะนี้ ว่าอันไหนสมควรกว่าก็เอา อดีตก็ตามอนาคตก็ตามอาตมาไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นอาตมาเอาปัจจุบัน Status quo เอาอันนี้เป็นตัวตัดสิน อาตมาว่าอาตมา เห็นแก่ประเทศชาติประชาชน และที่สำคัญคือประเทศไทยมีโลกุตรธรรม และประเทศไทยตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้แพร่เชื้อของโลกุตรธรรม เข้าไปสู่ก้นบึ้งของจิตประชาชนคนไทย จนเกิด bomb of love แสดงว่าจิตลึกๆอนุสัยของคนไทย มีเชื้อโลกุตรธรรมของในหลวง เพราะฉะนั้นในหลวงสวรรคต ทุกคนร้องไห้น้ำตาไหล เสียดายกัน เสียดายอะไร ขออภัย พูดเป็นภาษาชาวบ้าน เสียดายที่ในหลวงหล่อหรือยังไง ก็ไม่ใช่ เสียดายในพระจริยวัตร ในสิ่งที่พระองค์มีที่ทำให้แก่ประเทศมา 70 ปี ทุกคนเข้าใจในรายละเอียด อธิบายก็ไม่พอตอนนี้ ไม่ครบที่ทุกคนสัมผัสเองมา 70 ปี ที่อาตมาพูดนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า อาตมาเห็นแก่ประเทศไทยเท่านั้นก็ไม่ใช่ ประเทศไทยมีเนื้อแท้มีเชื้อแก่น มี Root มีรากของโลกุตระ มีรากไทยที่เป็นโลกุตระ อันนี้ต่างหากที่จะแตกกิ่งก้านสาขาไปสู่ประเทศอื่นในโลก ประเทศอื่นก็ไม่มีแม้แต่อินเดียก็หมดแล้วรากของโลกุตตระที่เป็นต้นตอจากพระพุทธเจ้า ประเทศอื่นก็ไม่ มาที่ประเทศไทยอาตมาไม่ได้พูดเล่นว่าชมพูทวีปมาหยั่งลงที่ประเทศไทยโลกุตรธรรมอยู่ที่คนไทย อาตมามั่นใจจริงๆเพราะอาตมาเป็นเนื้อโลกุตระมาแต่ชาติปางก่อน ข้อสำคัญ มีใครไหมล่ะ รับรองตนเองอย่างอาตมารับรอง เอาล่ะ ใครรับรองตนเองก็พูดได้ แต่จะมีเหตุปัจจัยองค์ประกอบเครื่องยืนยันตัวเองไหม 1. หลักฐานตามคำตรัสคำสอนของพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฎกยังเหลืออยู่ 2. ประชาชนมาฟังอาตมาแล้วปฏิบัติตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้าไหม ได้มรรคผลที่บรรลุเป็นพระโสดาบันสกทาคามีอนาคามีอรหันต์เป็นอย่างไรตรงไหม ก็ตรวจสอบสิ ทุกคนมีปัญญามีความเฉลียวฉลาดที่จะตรวจสอบ ที่อาตมาพูดนี้ไม่ใช่ท้าทาย แต่เป็นการเชิญให้มาตรวจสอบได้ เชิญให้มาดูได้ความจริงเป็นอย่างไร พูดแล้วเหมือนท้าทาย ภาษาสวย แต่ที่จริงให้มาตรวจสอบความจริงได้ เอหิปัสสิโกเป็นสัจจะอย่างนั้น อาตมาก็พยายามให้มันโตกว่านี้ชัดกว่านี้ หนักแน่นมั่นคงกว่านี้ขึ้นไปอีก เพื่อความมั่นใจ เพื่อความไม่ประมาท เพราะฉะนั้นจะยืดอายุตัวเองต่อไป เพราะอาตมาไม่ไว้ใจว่าตายไปแล้ววิบากกรรมมาไล่แล้วเกิดมาที่นี่ไม่ทัน มาสานต่อไม่ได้มันจะแย่มันจะเสียท่า ก็ลากไปก่อน เพราะอาตมาลากไปนี่อาตมามีแต่กุศลเพิ่มก็ยิ่งใช่ ตายไปอาตมาก็จะมาได้ดีได้แน่กว่าตอนนี้ตายไปวิบากจะดึงไปไหนก็ไม่รู้ ทำดียังไม่ได้ดี จะทำดียังไม่มากพอ จึงต้องพยายามพากเพียรทำดีต่อ ไม่ไว้ใจว่าวิบากเป็นอย่างไร เพราะคนเราเกิดมาแต่ละชาติมีวิบากแต่ละชุด ชุดต่อไปก็หวังว่ามันจะดีขึ้นกว่าเก่า แต่ไว้ใจได้ที่ไหนหมาไล่เนื้อมันยังตามงับ เราก็ประมาทไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องพากเพียรให้ได้สูงสุดเท่าที่จะทำได้ 1.พากเพียรเพื่อให้แน่ชัด 2. เพื่อพิสูจน์สัมประสิทธิ์ที่ยืดอายุ อาตมาก็บอกพวกเราแล้วพวกเราก็พยายามจะถาม E=C(mc2 + A) มั่นใจว่าถ้าอายุถึง 100 ความมั่นใจจะมากกว่านี้ ถ้าถึง 120 จะมีเหตุปัจจัย _แซมดิน… ขนาดพ่อท่านยังไม่มั่นใจแล้วลูกจะมั่นใจได้อย่างไรจะเกิดมาตามได้ พ่อครูว่า…ก็พากเพียร มันคนละชั้น ชั้นของอาตมาก็อย่างหนึ่ง ของพวกคุณก็ตามโพธิสัตว์ โพธิสัตว์องค์ใหญ่กว่าอาตมามาเกิดก็ได้ โพธิสัตว์แต่ละองค์ก็ตามธรรมะมันอันเดียวกัน ธรรมะหนึ่งเดียวของพระพุทธเจ้าสัจจะมีหนึ่งเดียวเท่านั้นไม่มี 2 เพราะฉะนั้นคุณอย่ามาเถียงว่าไม่ใช่อาตมาก็ไม่เป็นไร พระโพธิสัตว์องค์อื่นมา ดีไม่ดีเป็นโพธิสัตว์องค์อื่นสูงกว่าอาตมาก็ได้ องค์พี่อาตมาก็ได้ อาตมาก็ไม่รู้ว่าจะมีผู้พี่มาเกิด แต่อาตมานั้นแน่นอนอาตมายืนยันบอกแล้วว่าอาตมาเกิดมาในยุคพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าแสดงหลักฐานมาอาตมาก็ยืนยันว่าอันนี้คืออาตมา ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่มันชัดเจนทุกอย่าง ยังไม่มีใครที่จะมายืนยันด้วยหลักฐานด้วยความจริง ด้วยการอธิบายให้ทุกคนพิสูจน์เพื่อยืนยันอันนี้ คนเราจะเชื่อจริงๆมันต้องมีปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิของตัวเอง ดูของตัวเองเป็นของตัวเองได้นั่นแหละเราจึงจะเชื่อ คนอื่นบอกก็อย่างนั้นแหละ แต่ถ้าเกิดที่ตนเองแล้วตถตา เป็นเช่นนี้เองเป็นเช่นนี้เอง ตถตา ความจริงเป็นเช่นนี้เอง มันจะอุทาน ตถตา วันที่ 1 จะอุทานเลย อันนี้คือของจริงสัจธรรมโลกุตระ นิพพานคืออย่างนี้หลุดพ้นคืออย่างนี้ มันหลุดพ้นไปถึงรอบที่จะเกิดวิมุตติญาณทัสสนะ มันมีญาณทัศนะเห็นรู้จริงชัดมันมีพลังงานอันนี้ชัด ที่อาตมาบรรยายตนบรรลุที่บอกว่ายืนปัสสาวะ หรือของคนอื่นคนใดก็ตามจะเป็นไปตามเนื้อหาสาระที่ยิ่งใหญ่ของแต่ละคน _ประเทศไทยเป็นแผ่นดินพุทธแล้ว จากคำสัมภาษณ์ของดาราที่มาในรายการสุขทุกข์ของชีวิตเมื่อเช้านี้ เราถามเขาว่า อินเดียมีอะไรให้เรียนรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนา แต่เขากลับตอบว่าอินเดียนั้นพุทธศาสนาน้อยมาก เขาจึงต้องมาเรียนที่นี่ พ่อครูว่า …สิ่งเหล่านี้เป็นข้อมูลหลักฐาน เราก็ศึกษาด้วยมันก็มีวิจารณญาณของตัวเอง คนอื่นก็มีข้อมูลเหตุปัจจัยต่างๆนานาด้วย ก็ทำให้เรารู้เข้าใจความจริงมากขึ้น _ดิฉันมาช่วยงานแล้วโดนคนไล่ ไม่ให้ทำงาน หาว่าแก่แล้ว แต่ดิฉันทำได้ พ่อท่านจะให้คำแนะนำอย่างไร ขอคำแนะนำด้วยค่ะ พ่อครูว่า…ก็ค่อยๆยืนยันตัวเองไป เราค่อยๆทำไป เขาคงไม่รุนแรงขนาดว่าเห็นว่าทำอยู่ก็ไล่หนีไปหรือของจะเสียก็ตรวจดูสิ จริงเราทำได้ของเขาไม่เสียทำได้คุ้มไหม หากทำได้ไม่คุ้มเขาก็ไม่อยากให้ทำ แต่ถ้าทำได้คุ้ม ก็ดูความจริงอันนี้ก็แล้วกัน ก็คงไม่มีอะไรลึกซึ้งมากกว่านี้ เพราะพวกเราก็เอ็นดูกันอยู่แล้ว ยิ่งคนอายุมากอยากช่วยก็มีอยู่แล้วไม่ใจจืดใจดำ มีความเมตตาเอ็นดูเกื้อกูลกันอยู่แล้ว _พ่อครูสอนให้มีเมตตากายกรรมวจีกรรมมโนกรรม แต่คนป่วยติดเตียงที่สันติอโศกทำไมหาคนดูแลไม่ได้ จ้างคนดูแลจนเงินที่เก็บไว้หมดแล้วเป็นคนป่วยอนาถา แม้ว่าผู้ป่วยไม่ติดเตียงต้องส่งข้าวส่งน้ำก็ยังหาคนดูแลยากแบบนี้เพราะท่านสอนธรรมะไปไม่ได้ผลหรือเปล่า และทุกคนต้องไปสู่คนป่วยติดเตียงก่อนตายถ้าวิบากแรง แล้วสังคมสันติอโศกเคยคิดถึงที่อยู่ของคนป่วยที่ติดเตียงแบบไม่ต้องขึ้นบันไดสักขั้นไหม และชราภิบาลเที่ยวไปสร้างบริษัทขอบคุณเมื่อไหร่จะสร้างคืนให้ผู้ป่วยติดเตียงบ้างคะ เพราะตายไปหลายคนก็ยังไม่มีวี่แววเลยเพราะสังคมยุคต่อไปจะเป็นยุคคนสูงอายุ พ่อครูว่า..มีใคร…(โยมตอบว่าโยมพะเยา) จ้างคนดูแลอยู่ ก็เตือนๆกันบ้าง เราอยู่ในนี้ได้รับความยอมรับเท่าไหร่ เรามีคนดูแลอุปถัมภ์ก็เป็นไปตามจริง มีคนดูแลมีคนรักมากเขาก็ช่วยเหลือมาก มีคนรักน้อยเขาก็ช่วยเหลือน้อยเป็นธรรมดาของสัจธรรม อาตมาพูดสัจธรรม กลางๆไม่ได้ไปว่าใคร เราก็คิดเสียว่า เรายังไม่ดีพอที่คนจะมาช่วยเหลือเรา เราก็พึ่งพาตนเองช่วยเหลือตนเองให้มากหน่อย แต่อย่าไปมีอัตตามานะมาก ไม่ช่วยเลยตายไว ไม่รับความช่วยเหลือจากใครเป็นความหยิ่งผยองเป็นมุมกลับ ไม่ควรจะเป็นไม่ควรจะทำ เราต้องศึกษาให้ดีๆ ปะสร้อยฟ้า ..ชราภิบาล มีเพียงแต่ชื่อตั้งแต่ต้นแต่มันเป็นโรงแชมพูมาตั้งแต่ต้น สุดชดาว่า…คำว่าชราภิบาลคือ จุดประสงค์คนที่เขาหาเงินมาตั้งเขาอยากจะทำ ชราภิบาล พ่อครูว่า…ก็ช่วยกันดูหน่อยมันได้เท่าที่ได้ มีการพูดกันก็เป็นการกระตุ้นเพื่อให้พัฒนาขึ้นไป สิกขมาตุบุญจริง..พูดถึงเด็กๆก็มีที่มาช่วยดูแลผู้อายุยาวกันอยู่ พ่อครูว่า..คนที่มีปฏิภาณดีก็จะช่วยกันพัฒนากันอยู่ ไม่ใช่ปล่อยปละละเลย ทำไม่เข้าเรื่อง มันมีปฏิภาณเจริญอยู่ แต่มันเจริญไม่ทันใจ มันก็คงมีอัตราการก้าวหน้าที่จะมีปฏิภาคทวีขึ้นเรื่อยๆนะ มีการสร้างที่คลอง 13 พ่อครูว่า…มันก็ไกลปืนเที่ยงไปหน่อย ที่ดินที่นี่ก็ขยายออกยาก อโศกไปอยู่ที่ไหนที่ดินแพงที่นั่น คนจนนี่มันอะไรของมันวะ พวกคนจนนี่ไปอยู่ที่ไหนที่นั่น ที่ดินจะแพง ซอยอื่นที่ดินไม่แพงเท่านี้นะ ที่อื่นก็เหมือนกันไปอยู่ข้างภูเขาที่ดินก็ขึ้น ไปอยู่ริมน้ำที่ดินแถวนั้นก็ขึ้นอีก อาตมาไม่สงสัยหรอกอาตมาพาความเจริญไปจริง เป็นเรื่องซับซ้อน มันเป็นความเจริญแบบโลกุตระ แต่คนก็เห็นลักษณะเจริญพวกนี้จริงๆ ตัวพวกเรานี่เองและทำให้เจริญ เจริญยางซับซ้อนคืออะไร ที่ของเขาถ้าขายให้คนอื่นขายได้ถูก มาขายให้อโศกขายได้แพง แล้วเขาจะว่าไม่เจริญได้อย่างไรเขาก็อยากจะขายให้อโศก อโศกถ้าขายของตัวเองให้คนอื่นจะขายได้อย่างถูก แต่ถ้าซื้อของคนอื่นก็แพง มันก็เป็นสัจจะอย่างหนึ่ง ที่จริงมันเป็นคุณงามความดีของเรา เราไม่ได้เอาเปรียบใคร เราก็ให้คนอื่นได้เปรียบแต่เรายอมขาดทุน มันเป็นสัจจะใช่ไหม เราทำได้เราก็ทำ ทำได้เท่าไหร่ก็ทำเท่านั้นนี่เป็นสัจจะ เป็นสิ่งยืนยันความจริง _การเสพอารมณ์สุขที่รู้สึกว่า มีคุณค่า เพราะเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น เสพอารมณ์สุขมันเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นถือเป็นการยึดความสุขเพียงใดครับ พ่อครูว่า…สุขมันเป็นการบำเรอกิเลสตัวเองเรียกว่าสุข แล้วพระพุทธเจ้าตรัสว่ามันเป็นของแท้ อัลลิกะสุขมันอนัตตา สุขก็ไม่มีตัวตนทุกข์ก็ไม่มีตัวตน ยิ่งสุขนี่แหละมันเป็นตัวหลอกยิ่งกว่าทุกข์ ไม่มีใครต้องการพบ แต่คนไปหลงต้องการสุข มันซับซ้อนมากเลย แล้วคุณรู้สึกว่าสุขมีคุณค่า เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น คุณไปมองอย่างไรว่าได้รับสุขและมีคุณค่า (แซมดินว่า อาจหมายถึงว่า เขาก็มีความสุข แล้วคนอื่นที่เห็นเขาก็พลอยมีความสุขไปด้วย คือมีความสุข ) ลงนรกกันทั้งขบวนเลย คนติดสุขกำลังเดินทางลงนรก ก็เลยเป็นขบวนใหญ่เลย ที่ชัดเจนพูดอย่างนี้ก็ชัดเจน เพราะฉะนั้นระมัดระวัง มันลึกซึ้งซับซ้อนมากเลยความสุขนี่ ต้องอ่านอารมณ์ของจิตให้ชัดเจนอันไหนที่มัน หยาบพอที่เราจะอ่านได้ต้องพยายามลดให้มันบางเบา บางเบานี่ใช้ภาษาแทนหรือจนมันไม่มี จนกระทั่งไม่รู้สึกว่ามันมีอาการสุขเลย คุณก็ต้องมีตัวตรวจสอบวินิจฉัยเอาเอง ของแต่ละคน ต้องใช้สัญญาปัญญา ถ้าจิตที่กำหนดรู้สัญญา แร่ธาตุรู้ที่ตัดสินด้วยปัญญา แล้วตัดสินในขณะปัจจุบัน มันยังมีอาการจริง ถ้าไปเสียเวลาสัมผัสอดีตอนาคต มันก็งงอยู่กับอดีตอนาคตแล้วก็แปรปรวนได้ มันไม่จริง เอาปัจจุบัน เพราะฉะนั้นปัจจุบันนี้เป็นตัวจริงที่จะต้องเรียนรู้ ความจริงที่จริงที่สุดต้องเอาปัจจุบันแหลมคมที่สุด _พรเพ็ญ(สีพลบ) …คำถามเขาคงติดในอารมณ์ที่บอกว่าเป็นสุขคือเขาได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น เหมือนการทานหรือเขาติดในปิติ ในฌาน พ่อครูว่า ปีติก็เป็นอุปกิเลสก็ใช่ ปีติก็อุปกิเลส เอาไปตามลำดับ ติดปีติก่อน เป็นอุปกิเลสมันก็ยังจะโตขึ้นไปอีกได้ก็อย่าไปหลง _อุดม อุดร เป็นว่ายอด แล้วจ.อุดรธานีทำไมอยู่อีสาน พ่อครูว่า…คนชื่อทักษิณยังไปเกิดอยู่ที่เหนือเลย อย่างนี้หลวงปู่ตอบไม่ได้หรอก มันแล้วแต่ คนชื่อขาวแต่ตัวดำก็มี คนชื่อดำแต่ตัวขาวก็มี บางคนพ่อแม่ตั้งชื่อก่อนจะออกมาอีก ชื่อไอ้ขาว แต่ออกมาแล้วตัวดำปี๋เลย จะไปเอานิยายได้อย่างไร หรือแม้ เกิดมาในวงการคนจนพ่อแม่ก็จนก็เลยตั้งชื่อลูกว่ารวย หนักเข้าโตขึ้นมา ลูกก็ยิ่งแย่ใหญ่เลยก็ยิ่งจนกว่าพ่อแม่อีก จริงๆแล้วบัญญัติกับความจริงอันนี้ศึกษาให้ดี อาตมาจำนนจริง พยัญชนะกับสภาวะนี้แหละ เป็นสุดยอดแห่งความจริงที่เรียกว่า เทวธัมมา มันกลับไปกลับมา ให้คนมัวเมาหรือรู้ไม่เท่าทัน เสร็จแล้วก็จับไม่ได้ไล่ไม่ทันตรงมุมเหลี่ยม สุดยอดอาตมาก็ยังอธิบายไม่เก่ง สรุปแล้วคำว่าเทวคำเดียวนี้พระพุทธเจ้าท่านตีแตกแยกแยะ แล้วก็จับทุกงวดทุกตัว ถูกฝาถูกตัว จนกระทั่งได้ไวได้เร็วได้มาก ได้ครบ ผู้ที่ทำได้จริงชื่อว่าสิริมหามายา จับความเร็วของนักเล่นกล ทัน เร็วเท่าไหร่ก็ทัน จึงเรียกว่าผู้ที่เป็นสิริมหามายา เพราะจริงๆแล้วสิริมหามายาไม่ใช่นักเล่นกล เป็นคนที่เก่งกว่านักเล่นกล เป็นเรื่องซับซ้อนอย่างนี้ อาตมามาพูดมาแสดงคนก็หาว่าอาตมาเป็นจอมมายา จริงๆแล้วไม่ใช่จอมมายาแต่พูดความจริง แต่คุณรับไม่ทัน อาตมาพูดขาว คุณมองเห็นแต่ดำคุณรับข่าวไม่ทัน อย่างนี้ อาตมาบอกว่าอาตมาเป็นอรหันต์เขาก็ไม่เชื่อ อาตมาไม่ได้มีอคติในใจเขาก็ไม่เชื่อ อาตมาไม่ได้มีความอยากโอ้อวด ไม่มีในใจเขาก็ไม่เชื่อ เขาก็เอาตามอาการเพราะอาตมาพูดอยู่ เขาก็ไม่เชื่อ อาตมาไม่อยากอวด เพราะคนหาคนอวดยาก แรกๆมาก็ไม่มีแต่ตอนนี้ก็มีมาบ้าง บางอย่างลึกซึ้งอาตมาเป็นได้คนอื่นยังไม่เป็นอาตมาก็ต้องยืนยันอ้างอิงตัวเอง อาตมาจำนนเลี่ยงไม่ได้ คนที่เข้าใจแล้วก็พิสูจน์อาตมาไปด้วยอย่าเพิ่งเชื่อตามมา อาตมาจริงหรือเปล่าที่พูดเป็นจริงหรือเปล่าพิสูจน์กัน อาตมาอยากให้ตรวจสอบ ถ้าหากอาตมาหลงผิดมันก็เป็นวิบาก คนอื่นไปลงตามอีกก็ยิ่งเป็นวิบากหนัก ขึ้นสวรรค์ลงนรกวนอยู่อย่างนั้นอาตมาก็บาปเท่านั้นเอง _ขอยกย่องธรรมะพระพุทธเจ้าที่พ่อครูมาสอน เมื่อเช้ามืดนักเรียนชายสันติอโศกคนของใหญ่ที่กันตั้งแต่เช้า เมื่อเขาเดินทาง ป้าคนหนึ่งขนหนังสืออยู่คนเดียว แล้วเด็กนร.คนพี่พูดกับน้องว่าไปช่วยกันไหม พอหัวแถวไปช่วยป้าคนนั้น คนอื่นก็ไป งานก็เสร็จ ขอชื่นชมมาก _มีเรื่องทางโลกที่ห่วงเยาวชนในประเทศ รัฐบาลยังไม่เอาจริงคือยาเสพติดที่จะมาในประเทศของเรา ยังไม่เห็นผลงานของรัฐบาลชุดไหนออกมาชัดเจนเลย ดิฉันไม่มั่นใจหมายเลขแต่ละหมายเลขที่ให้เราเลือกทุกคน ไม่พูดถึงเด็กและเยาวชนที่เป็นอนาคต ทุกหลังคาเรือน ยาเสพติดจะเอาตัวไปแล้วขณะนี้ พ่อครูว่า…เป็นประเด็นหนึ่งที่อาตมาก็พอรู้กับสังคมไปเหมือนกัน ว่าเรื่องของยาเสพติด อาตมาว่ามันดีขึ้นนะ แต่คุณไปมองจะเห็น คุณอาจจะเห็นมากแต่อาตมาว่าด้วยค่ารวมแล้วมันไม่ใช่เรื่องเล่น เรื่องยาเสพติดนี้ทำให้คนรวยจริงๆจนเขากล้าเสี่ยงตาย คนเล่นกับยาเสพติดเขาโสตายนะ เขารู้ทั้งรู้นะว่า เขาจะถูกวิสามัญฆาตกรรมได้ง่าย เขาก็ทำมาตลอดเวลา แต่มันรวยทันตาเห็น เพราะฉะนั้นเขาก็กล้าเสี่ยง คนเขาไม่มีทางไป ตัวอย่างของคนที่ทำมานี้ มันก็มีตัวอย่างแน่นอนยืนยัน อาตมาว่ามันไม่มากขึ้นหรอก เพราะว่าคนทั้งโลก ทุกรัฐบาลของแต่ละประเทศพยายามจะลด นอกจากบางรัฐบาลบางประเทศที่ปากว่าตาขยิบ ทำทีเป็นว่าแต่ตนเองก็สนับสนุนอยู่ เพราะบางคนก็มีเอี่ยว ยกตัวอย่างเช่น ประเทศที่มันไม่มีทางไปเท่าไหร่ เขาต้องอาศัยยาเสพติดได้เงินมาเลี้ยงประเทศ เขาก็ปากว่าตาขยิบ โลภ แต่ตัวเองทำ เป็นธรรมชาติของสังคมโลกเหมือนกัน ส่วนประเทศที่เจริญแล้วจริงๆ อาตมาว่าเขาก็พัฒนา มันเป็นความทุกข์ร้อนของพ่อแม่ พ่อแม่ติดยาลูกก็ทุกข์ลูกติดยาพ่อแม่ก็ทุกข์ ลูกหลานเหลนโหลน มันก็ต่อไปมันเป็นสัจจะ เพราะฉะนั้นมันก็อยู่ที่ ตามสัจจะจริง ยังไม่มีใครทำสถิติ ใครจะมาเปิดเผย ชาวอโศกเราเด็กๆก็ตาม ทำมา 30 40 ปีก็ปลอดจากยาเสพติด ไม่มีนักเรียนเราไปติดยาเสพติด เขารู้ตัวว่าเขาจะติดสิ่งเสพติดเขาก็ออกไปแล้ว เขาจะไม่อยู่ให้เสียสถาบัน พวกเราหูตาไวป้องกันช่วยเหลือ มันเป็นคุณสมบัติของสัจธรรมของมนุษย์ ถ้าองค์รวมดีแข็งแรงเข้ายาก สิ่งที่เป็นความเลวของเสียอบายมุขเข้าได้ยาก พวกเราแข็งแรงมันก็เป็นจริงเป็นสนามแม่เหล็ก เป็นไปตามธรรมชาติจะต้องให้แข็งแรงอย่างนี้เรื่อยๆ _คนที่ปฏิบัติธรรมเก่าๆมานาน แล้วไม่เลื่อนฐานะออกไปอยู่ข้างนอก แล้วหลงตนเองว่าบรรลุธรรม ไม่มีครอบครัว ชอบคุยข่มคนอื่นว่า ฉันปฏิบัติมานานแล้ว แต่ฉันออกไปมีครอบครัว (พ่อครูว่า…เขาคุยที่ไหนเขาฉีกหน้าตัวเองต่างหาก) แล้วไปประกอบอาชีพมิจฉา อาชีพหมอดูทรงเจ้าเข้าทรง เมื่อถูกตำหนิก็ยิ่งโกรธมากขึ้น พ่อครูว่า…คุณฉลาดเท่าทันเขาสิเขาหลอกคุณ เขาไปชั่วก็เก่าแล้วบอกว่าปฏิบัติธรรมได้มรรคผล ตามโจทย์ที่คุณให้ข้อมูลมานี้นะ คุณก็มีปัญญาให้ชัดเจน ต้องรู้ทันเขาสิ _ฟังพ่อครูมาตั้งแต่หนูเป็นเด็ก ชีวิตคนเรามีการเวียนว่ายตายเกิด อยากจะถามว่าเราจะสั่งสมอย่างไรให้เกิดชาติหน้ามีปัญญา ให้เราเกิดในที่ที่ไม่ตกต่ำ รู้จักธรรมะ เกิดมาหน้าตาดีกว่านี้ สมัยก่อนผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่าเราทำบุญเอาดอกไม้ไปถวายพระชาติหน้าจะได้เกิดมาหน้าตาดี พ่อครูว่า…อาตมาเคยพูดนะว่าคนเกิดมาขี้เหร่นี้กำไร คนเกิดมาเป็นคนสวยนี้มีภัย จะสวยไปทำไมก็จะมีภัย คิดให้ชัดเจนธรรมะมันจะซับซ้อน มันจะหล่อมันจะสวยมันก็เป็นไปตามวิบาก ไม่ต้องไปคิดหรอก ถ้าหากบารมีเราสูงมีภูมิคุ้มกันในตัวดี บารมีของเราจะป้องกันได้ แต่ถ้าเราบารมีไม่ดี แม้จะไม่หล่อไม่สวย ก็ซวย ยิ่งหล่อย่ิงสวยก็ซวยหนัก อย่าไปเน้นพวกนี้ ให้มันเน้นที่สัจจะคุณค่าคุณธรรมให้เป็นโลกุตรธรรม ให้เป็นผู้ให้ผู้เสียสละ เป็นผู้ที่ลดตัวตน อันนี้คุ้มกัน ว่าจะเป็นไปตามลำดับดี _เราอยากเกิดมามีปัญญา เราต้องศึกษาธรรมะ พ่อครูว่า..ใช่ ศึกษาธรรมะนี่แหละจะได้ปัญญา ทำไมศึกษาธรรมะจะได้แต่เฉโก จะได้แต่ความฉลาดแบบโลกๆ มันจะฉลาดแกมโกงหนักขึ้น จนกระทั่งคนหลงว่าเป็น เทวปุตตมาร เป็นมารใหญ่ คุณจะหลงจริงๆ ยกตัวอย่างทักษิณหรือธัมมชโย เป็นมารที่หนัก คนเขาหลงกัน บอกว่าคุณเป็นเทวดาแต่แท้จริงเป็นสัตว์นรกอเวจี เทวดาตีลังกา แต่ละคนก็หลอกเขาว่าเป็นเทวดา แต่ความจริงแล้วเขาเป็นสัตว์นรก _แต่ก่อนหนูตั้งใจเรียนจบให้สูงๆแล้วจะมาช่วยงานอโศก แต่เราก็ได้เรียนน้อยก็ได้เท่านี้ ก็เลยว่าหนูจะสั่งสมบารมีอย่างไรจะได้ พ่อครูว่า…เน้นธรรมะ จะได้ควบคู่กันไป _วิบากกรรมที่เราสร้างมาไม่ว่าชาตินี้หรือชาติก่อน วิบากจะน้อยลงได้เราต้องทำงานชดใช้ด้วยการสร้างกุศล วิบากจะลดน้อยลงได้บ้างไหม พ่อครูว่า…ได้แต่กุศลมีคู่กับอกุศล เป็นโลกียะ แต่กุศลก็ต้องทำด้วย สำคัญต้องเรียนรู้ล้างกิเลสให้ได้ แล้วกุศลที่เราทำได้มันจะมั่นคงถาวร ถ้าเราไม่มีหลักประกันของโลกุตระ มันจะไม่มั่นคงถาวร กุศลก็จะหมุนเวียนตกต่ำเป็นอกุศลได้ เพราะมันไม่มีการล้างธรรมะคู่ ร้านกุศลอกุศล ถ้าหากล้างกุศลอกุศลมันจะเพิ่มโลกุตระในชั้นที่จะวนเวียน มันก็ไม่มีกุศลไม่มีอกุศล ไม่เป็นโลกุตระที่ มีชั้นเพิ่มขึ้น ลักษณะอย่างนี้อาตมาไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ก็เลยพยายามอธิบายให้เห็นเป็นรูปประธรรมว่ามันเหมือนก้นหอย มันมีซ้ายบิดขวา มีทั้งดีทั้งชั่ว มีกุศลอกุศลมันก็หมุนวนไป หมุนขวาก็นึกว่ากุศลหมุนซ้ายลงนรก หมุนขวาก้นหอยขึ้น คุณก็หมุนอยู่ซ้ายขวา แต่มันซ้อนไปที่โลกุตระมันไม่ลงต่ำ กุศลอกุศลก็ซ้ำซ้อนอยู่ แต่มันลึกซึ้งสูงส่งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งที่สุดไม่มีกุศลอกุศล มีแต่จะทำกรรมใดก็มีแต่กุศลอย่างเดียว อกุศลไม่มีอีกเลย ไม่มีบาปอีกเลยมีแต่กุศลถ่ายเดียว อรหันต์ขึ้นไปสะสมกุศลเป็นปฏิภาคทวี ไปถ่ายเดียว จะเกิดเป็นโพธิสัตว์อีกกี่ชาติ เชิญเลย _ฟางรวงทอง…วันนี้ขอเล่าเรื่อง ความเป็นหนึ่งเดียวของชาวสันติอโศก ในการต้อนรับพระเอกจากอินเดีย เขาชื่อ กากัน มาลิก แสดงเป็นพระรามในซีรีย์หนุมาน อาแสงขวัญก็ให้เด็กมาช่วย แต่ก่อนเข้ารายการพระเอกว่าไม่สะดวกมาที่หน้าน้ำตก เขามารอชั้น 5 ก็เลยตัดสินใจให้ ชั่วโมงแรกอยู่หน้าน้ำตก และที่ชั้น 5 ก็มีพวกเราช่วยต้อนรับ ทีมงานก็แบ่งสองทีมบนล่าง ก่อนกลับก็เลยถามเหตุผลว่าทำไมเขามาถ่ายหน้าลานน้ำตกไม่ได้ เขาก็บอกว่า เมื่อก่อนหน้านั้นคนเขาเชิญไปธรรมกาย แล้วข่าวก็ออกไปเขาก็เลยไม่มีคนมาจ้างทำงาน มาที่เราก็เลยระวังตัว แต่อยากเรียนให้หลวงปู่ว่า ความเป็นหนึ่งเดียวในการต้อนรับของลูกหลานสันติอโศกดีมาก พ่อครูว่า…มันมีจิตวิญญาณ ไม่เห็นก็ไม่ต้องบอก ดีไม่ดีมันจะล้นจะเกินด้วยซ้ำไปเพราะมันเป็นสัจจะ ไม่มีใครขี้เกียจขี้คร้านอะไร _โกรธคือโง่โมโหคือบ้าใช่ไหม พ่อครูว่า…ใช่แล้วอย่าสะสมนะ โกรธคือโง่ ดูให้ได้รู้ใจเรา อย่าให้มันเกิดในจิตเรา ทำใจให้มันยินดีให้สบาย อย่าโมโห ที่จริงโมโหกับโกรธอันเดียวกัน โมโหจริงๆแล้วมาจากโมหะ เอาไปใช้ในภาษาไทยโมโหก็คือโกรธ ก็ไม่เป็นไรหรอกก็รู้ความจริงว่าสภาวะธรรมคือโกรธ โมโหก็ตาม เพราะฉะนั้นเราอย่าไปโง่ไปมีอารมณ์โกรธในจิตเรา เห็นอารมณ์จิตเราอารมณ์โกรธ ทำให้เกิดอารมณ์ใหม่ให้เปลี่ยนเสีย เราเป็นคนที่ฝึกจิตตัวเองไม่มีใครมาฝึกจิตให้เรา ภาษาบาลีท่านเรียกว่า มนสิการ การทำใจในใจ ทำใจเราเอง เป็นคำกิริยาคือมนสิกโรติ เราต้องทำใจในใจของเราเอง ทำให้เป็นอย่างนี้ ทำให้ไม่มีอารมณ์โมโห ไม่ให้มีอารมณ์โกรธทำให้ได้ ถ้าเปลี่ยนมันโดยกดข่มก็ได้อย่างหนึ่ง ถ้ามองด้วยปัญญาความโกรธนี่มันร้อนหรือเย็น อารมณ์โกรธถ้ามันเข้ากับเนื้อกับตัวเราขนาดนี้ มันจะพาเราไปทำดีหรือทำชั่วเวลาเราโกรธ เราจะทำได้ไม่ดีแน่นอน 1. มันร้อน 2. มันทำอะไรก็ไม่ได้ดี ชัดๆก็คือมันทุกข์ โกรธนี่มันทุกข์นะไม่ได้สุข ถ้ารักนี้มันยังมีความสุขหลอกบ้าง แต่โกรธนี้ไม่สุข มันทุกข์เห็นด้วยปัญญาชัดๆว่าเราจะไปโง่ทำไม เอาสิ่งที่ไม่ดีออกไป หลวงปู่เคยบอกอาการของโกรธนี้ตั้งแต่หยาบ ความหยาบแรงขนาดไหนก็ตามรู้ได้ง่าย มันดูยากขึ้นมาเพราะมันไม่แรงมันเบาขึ้นมาก็รู้ให้ได้ ดูให้ได้แล้วก็ไม่ให้มี ยิ่งมันละเอียดก็ยิ่งรู้ยาก ต้องการรู้มันให้ได้ ตะกูลโกรธ หยาบกลางละเอียดขนาดไหนบรรจุซองเท่าละอองธุลีก็อย่าให้มีในใจ _เวลาเราคิดถึงลูกแล้วก็โทรฯหาลูก ลูกก็บอกว่าคิดถึงเราพอดี กำลังจะโทรฯหาเราพอดี ทำนองเดียวกันเพื่อนบ้านกำลังจะเดินมาหาเราและเราก็เดินไปพอดีกระแสจิตมันตรงกันไหม หรือเป็นสัมผัสที่ 6 พ่อครูว่า…เข้าใจไปอย่างนั้นก็ไม่ผิด ถ้ามันมีจริงแต่มันยาก อย่าไปหวังถึงสิ่งเหล่านั้น เราต้องสร้างจิตของเราให้มันมีการระลึกถึงกัน มีการเอื้อเฟื้อเจือจานช่วยเหลือเกื้อกูลกันเป็นประโยชน์แก่กันได้เรื่อยๆ _แม่ครูหนู คร่ำคร่า เป็นคนมีธรรมะมีจิตแม่ ความเป็นคนที่เป็นครูชอบสอน รู้ถูกรู้ผิดรู้อะไรบาปอะไรบุญ สมัยนี้หายาก และมีได้คุยกับครูว่า ถึงกาลเวลาของยุค แต่ละกาละเวลาเรียนรู้ว่า หยาบขึ้นตัวใครๆมันเองหลงอำนาจ บ้าอัตตา มีแต่จะร้อนขึ้น ต้องเพียรทำตัวเอง แม่ครูเป็นคนกตัญญูรู้คุณ ในสมัยที่ส่งอาหารให้ท่านอนันต์ เสนาขันธ์ (พ่อครูว่า…อนันต์เข้าคุก ครูหนูก็ส่งข้าวให้กิน) คำตอบคือคนเรามีดีอยู่ใช่ชั่วหมด เราทำกุศลช่วยในสิ่งที่เขาขาด หรือให้เขายามยากลำบาก ช่วยได้จงทำ แม่ครูเป็นจิตโพธิสัตว์มีแต่ให้ไม่เรียกคืน (พ่อครูว่า…อันนี้จริง ตนเองมีน้อยก็แต่ให้ช่วยคนอื่นอยู่ตลอด) ถ้าจะเอาจะทำเช่นไรไม่โต้ตอบ ยิ่งเห็นคนตากหน้าขอมาต้องให้ไม่ปฏิเสธ ครูมีทั้งจิตพระโพธิสัตว์ อยู่ง่ายกินง่ายไม่เรียกร้องไม่รบกวนใคร จิตท่านรู้อะไรมีอะไรดี เป็นผู้ใหญ่ที่มีอะไรดีเลิศ ของความเป็นครู พ่อครูว่า..ครูหนูก็เป็นอาริยะ เป็นคนที่มีคุณธรรม เป็นโพธิสัตว์ มานี่แหละก็มาตั้งแต่เป็นสาว เป็นครูเห็นทางว่าไม่เอาแล้วเลิกมาก็มาทางนี้ ตั้งแต่อายุ 30 กว่า อายุมากกว่าอาตมา 1 ปี _สุดชดา…เราเคยถวายพระบรมสารีริกขธาตุ อันนี้ใช่ไหมคะที่พ่อครูพูดว่าธาตุและธรรม ดิฉันได้สภาวะแปลกๆตอนนี้ พอถวายพ่อครูไปแล้วก็เป็นปกติธรรมดาไม่เป็นแล้ว ตอนนั้นเหมือนกับตนเองจะบรรลุธรรม ได้ทำมาแปลกๆ แต่ว่าตอนนี้ไม่เหมือนตอนนั้นแหละ อันนี้ใช่ธาตุและธรรมใช่ไหม พ่อครูว่า…ธรรมะคือสิ่งที่รู้สิ่งที่ทรงไว้ที่เรา _กติกา ดูแลน้องใหม่อย่าง ชมร.ที่มีคุณธรรม เห็นมีจิตอาสามาทำงานกันมากขึ้นกว่าก่อนไหมคะ แล้วค่อยเลื่อนลำดับน้องให้มีวิกัป พบนักบวช ทานข้าวศาลา ฟังธรรมก่อนฉัน ฟังเทศน์ช่วงเย็น ค่อยเป็นค่อยไปจะดีไหมคะ พ่อครูว่า…ก็ค่อยๆคุยกันจัดสรรกันไป _จะบอกว่า ทำไมพ่อท่านถึงตั้งชื่อว่า ชาวอโศก คือ ความรู้สึกครั้งแรกที่รู้จักชาวอโศก แวบขึ้นว่าทำไมชื่อพ้องกับพระเจ้าอโศกมหาราช อันนี้เรามโนไปเองหรือเป็นอจินไตย ที่พ่อท่านว่าจะมากอบกู้ศาสนาในการกอบกู้ของท่านกับพระเจ้าอโศกมหาราชเมืองต่างกันอย่างไร พ่อครูว่า…ตอบตรงที่ว่า พระเจ้าอโศกมหาราชกอบกู้ศาสนา กับอาตมากอบกู้ศาสนาต่างกันอย่างไร ยากเพราะว่า พระเจ้าอโศกมหาราชเป็นพระเจ้าแผ่นดิน กู้พุทธศาสนาก็สะดวกง่าย เป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในยุคนั้นยิ่งง่ายกว่าอาตมาเยอะ ยุคนี้เป็นยุคประชาธิปไตยไม่ใช่สมบูรณาญาสิทธิราชย์ แถมอาตมาเป็นคนดินไม่ใช่เป็นคนดาวมียศศักดิ์ฐานะ นอกจากไม่ใช่ดาวเป็นดิน และดินในน้ำคลำด้วย เขาหาว่าเป็นผู้ทำลายศาสนาเป็นกบฏ อีกต่างหาก ในยุคพระเจ้าอโศกมหาราชศาสนาพุทธดำเนินมาไม่กี่ร้อยปียังมีอะไรดี ประชากรเข้าใจผิดไปมากไม่หนักหนาสาหัสเหมือนทุกวันนี้ แค่นี้ก็เห็นไหมว่าใครมันยากกว่ากัน ไม่ใช่แค่หืดขึ้นคอแต่มะเร็งขึ้นคอแต่ไม่ใช่ท้อนะเพราะอาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 อาตมาต้องเอาชนะให้ได้พากเพียรให้ได้ เป็นธรรมชาติมันต้องอย่างนั้น คนจะเป็นแชมป์เปี้ยนต้องเจอ Champion ที่ยิ่งขึ้น ถ้าจะเป็นแชมป์เปี้ยนที่ยิ่งใหญ่ ไปชกแต่คนรองๆลงไปจะเป็นแชมป์เปี้ยนได้ที่ไหน ต้องชกให้สูงขึ้นจึงจะได้เป็นแชมป์เปี้ยนที่ยิ่งใหญ่ _ปะสร้อยฟ้า…ว่า ที่ว่าน้องใหม่เข้ามาเยอะ สมัยก่อนเรามีกฎระเบียบ คนมาใหม่ทำบัตร 3 เดือนจึงจะได้ออกไปทำงาน ต้องมาลงศาลากินข้าวที่ศาลาก่อน สมัยนี้มาเลยก็เลยมีปัญหา พ่อครูว่า..อะไรที่บกพร่องก็ต้องบอกกัน ทุกวันนี้อย่างเช่นสมณะชาวอโศก เข้ามาบวชน้อยมากเลย ไม่รู้ทำไม ไม่รู้ว่าผู้ชาย ไปตายไหนหมดแล้ว ทำไมไม่มาบวชกันบ้างก็เลยทำให้ผู้หญิงที่อยากบวชขึ้นมาก็ยิ่งติด เพราะเรามีกฎเกณฑ์ว่าต้องมีสมณะเท่านี้รูป ถึงจะได้สิกขมาตุ 1 รูป แต่ก่อนนี้ใช่ ต้องสมณะ 4 ต่อสิกขมาตุ 1 แต่เดี๋ยวนี้เหลือ 2 แล้ว สมณะตอนนี้เพิ่งจะมีอีกรูป ตายไปก็มี สึกไปก็มี แล้วมาตั้ง ชมรมสัมมาบัณฑิตก็ยังดี ก็เป็นไปตามวิบากของคน บางทีปรารถนาดีจะได้เท่านี้ อยากได้มากเร็วบำเรอความอยากไม่ไหว _อ้อน …สภาวะจิต ถ้าเกิดสมมุติว่าหนู รู้สึกไม่ชอบคนนี้ ชาติหน้าถ้าเราตายไป จิตใจของเราก็ยังจะผูกกับคนที่เราไม่ชอบอยู่ใช่ไหม แล้วคนที่เราไม่ชอบเขาจะถูกรถเราต่อไปไหม พ่อครูว่า…สะสมความไม่ชอบ สะสมความชอบก็เพิ่มความชอบ เราสะสมอะไรก็เป็นอันนั้น เราจะไปเติมมันมาก ชังก็อย่าไปทำมาก อภัยที่ชอบก็อโหสิ ชังก็อโหสิ แต่คนนั้นเราไปบอกเขาไม่ได้เขาจะอโหสิหรือเขาจะชังเพิ่มก็ได้ เราบอกเขาได้ก็บอกว่าอย่าไปชังกันนะดีกันนะ ถ้าคนจะชังเราเราก็อย่าไปผูกพยาบาท พยาบาทมันผูกพัน รักก็ผูกพันพยาบาทก็ผูกพัน หนังจีนมันแก้แค้นไม่รู้จักจบ มันไม่ดีต้องอโหสิกรรม _ทักษิณทำไม่ดีแต่ทำไมคนยังนับถือสรรเสริญอยู่ พ่อครูว่า…คนอยากโง่ จะไปห้ามคนโง่ได้อย่างไร คนโง่ก็ห้ามยากคนบ้าก็ห้ามยากไปห้ามคนเมาก็ยากเดี๋ยวถูกคนเตะเอา มันก็เป็นไปตามที่เขาเป็น อย่าไปยุ่งกับคนโง่คนบ้าคนเมา มันมีเป็นสัจจะทั้งนั้น ตั้งแต่ยุคของพระพุทธเจ้า คนโง่มีมากกว่าคนฉลาด มันเป็นสัจจะ คนโง่คือระดับต่ำ ฐานปิรามิดกับยอดปิรามิด อันไหนมากกว่ากันก็ยอดพีระมิด มีน้อยกว่าฐาน มันเป็นสัจจะจะไปห้ามไม่ได้หรอก ไม่ว่าสมัยไหนคนโง่คนไม่มีปัญญาก็มีมากกว่าคนมีปัญญา แต่ไหนแต่ไรเริ่มเป็นชีวะ ก็มาโง่เง่าก่อน เป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรพระเจ้าก็แก้ไม่ได้ _หนูถามเรื่อง ความตายระหว่างการตายโหง กับการแก่ตาย ช่วงเวลาก่อนจะไปเหมือนกันไหมคะพลังงานวิญญาณ พ่อครูว่า…ถามลึกซึ้ง จะถามไปทำไม เวลาตายจริงๆคุณจะตายโหงหรือแก่ตายมันก็เป็นไปตามกรรมของมัน ถ้าเรามีเหตุปัจจัยมีวิบากเราจะตายโหง เราก็ต้องตายอย่างนั้น ถึงบอกให้ก็ไม่รู้เองตอนนั้น แก่ตายแล้วก็จะเป็นอย่างนั้น ถึงแม้ว่าหลวงปู่จะตอบแทนตอบให้ก็จะไปได้รู้ได้ชัดเจนที่ไหนว่าเธอจะตายโหงหรือตายแก่ใช่ไหม หรือตายโหงหรือตายแก่ ก็ไม่เหมือนกัน มีเหตุปัจจัยองค์ประกอบต่างกัน บางคนตายแก่สบาย บางคนมีวิบากเจ็บปวดมาก ทรมาน ละเอียดลออมากมายหลายอย่าง นับไม่ถ้วนหรอก ไม่ใช่แค่ร้อยหมื่นพันแสนล้าน ต่างกันเยอะแยะมากมาย เป็นอจินไตยอย่าไปถามเลย รู้แล้วก็ไม่ทั่วถ้วน แล้วเราจะไปอันไหนก็ไม่รู้เลยจะไปถาม ข้อสำคัญก็คือแก้ปัญหาตัวเรา เช่นคนตายแก่กับคนตายโหง คนตายโหงเขาว่าวิบากเลวกว่าคนแก่ตายเอง ถึงแม้ว่าคนแก่ตายอายุยาว เป็นโรคภัยตายแต่ก็ยังไม่มีวิบากเท่าตายโหง ไม่น่าจะเป็นแต่ตอบไม่ได้ เพราะตายโหง เป็นได้ทั้งปัจจุบันกับวิบาก ถ้าคุณสร้างวิบากดีให้พ้นจากตายโหงไม่ได้คุณก็ต้องรับไป ส่วนอีกอันนึงตายโหง คุณไม่มีวิบากจะตายโหงแต่คุณมาสร้างวิบากใหม่เองตอนนี้ อาจห่ามอวดดี จะทำสะสมเหตุปัจจัยที่ต้องตายโหงมันก็ต้องตายจนได้ เราจะประมาทจะไปคะนอง เขาจึงมี motto บอกว่า คนเก่งกว่าคุณนั้นมีแต่เขาตายไปก่อนคุณแล้ว อย่าอวดเก่งเลย ทำอวดดีคะนอง ทำท่าเสี่ยงตาย ก็เป็นเรื่องของแต่ละคน เขาไม่มีเหตุอย่างนั้นเขาไม่ตายอย่างนั้นหรอก เป็นเหตุพวกล่อแหลมจะตายก็มีเยอะแยะ เก่งจะตายโหงก็ตายเอาจริงๆ มันมีการพลาดท่าเสียทีได้ อาจจะเก่งได้เป็นบางครั้งบางคราวแต่ตายได้ครั้งเดียวนะ คุณเก่งได้ 10 ครั้ง แต่ครั้งเดียวที่พลาดก็ตายจ้อย อย่าไปอวดเก่งเลย ไปเอาดีอะไรทางนั้น ไปทำประโยชน์ต่อมนุษยชาติดีกว่า กระทำเหตุปัจจัยก็แล้วกัน ถ้ามีเหตุปัจจัยไม่ต้องตายโหงก็ไม่ต้องตาย ถ้าจะไม่มีเหตุปัจจัยที่จะแกทรมานตายก็จะแกยังสบาย ใครก็อยากจะตายอย่างแก่ชราตายไปโดยสงบเรียบร้อยไม่ต้องเจ็บปวดดิ้นรน ใครก็ต้องการตรงกันที่จริงน่ะ หรือบางคนอาจจะบอกว่าไม่มัน ใครจะเป็นพวกมาโซคิสก็เชิญ ตัวเองเจ็บปวดทรมานแต่ก็มันมาก ถ้าหากซาดิส ก็เห็นคนอื่นทรมานแล้วสะใจ มวยชกกันแตกมันมาก หนักเข้าก็จะเป็นมาโซคิส ตนเองเจ็บนี่แหละมันมาก จบ Category: ศาสนาBy Samanasandin5 มีนาคม 2019Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรมสำมะปี๋ซี่วิต Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:620304_รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 41NextNext post:620306_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ประชาธิปไตยไทยใช่คือรากฐานจากพุทธRelated Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024