620301_สำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 40
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/15VsRPXkO2JcslIUmEFRqqj8sxQLfVX3a1PpPnWT44BE/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1n-O8uw8GrEs2EKd5ali_x6Kvzcw_67yj
สื่อธรรมะพ่อครู(มรรคมีองค์ 8) ตอน วิหิงสาในสังกัปปะคืออะไร
พ่อครูว่า…วันนี้วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม 2562 ที่บวรสันติอโศก แรม 10 ค่ำเดือน 3 ปีกุน
_พลังเพ็ญ…ถามคำถามเรื่องมรรคมีองค์ 8 เมื่อก่อนก็ไม่เข้าใจ สัมมาทิฏฐิในสัมมาสังกัปปะมี 3 อย่างคือไม่ดำริในกามพยาบาทวิหิงสา กามพอเข้าใจ พยาบาทก็พอเข้าใจ แต่วิหิงสา ขอพ่อครูขยาย
พ่อครูว่า…อยู่ในสังโยชน์ 10 อยู่ในอนุสัย 7 ก็ตาม มันก็มีคู่ผลักดูดกามกับพยาบาท ไปเป็นคู่ๆ เป็นเทวธัมมา ตลอดไปแหละ มันก็มีคู่ มันก็มีความละเอียดขึ้นละเอียดขึ้น
วิหิงสาคือคู่ผลักและดูดที่ละเอียดขึ้น คู่ที่มันหยาบก็เป็นกาม พยาบาท เมื่อกำจัดกามพยาบาทหมดไปก็เหลือกิเลสที่ละเอียดขึ้น ถ้าจะใช้พยัญชนะตามสังโยชน์ก็คือ
กามกับพยาบาทก็เป็นข้างนอก ข้างในก็เป็นรูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ
เพราะฉะนั้นเมื่อกามกับพยาบาทภายนอกหมดไป ลักษณะคล้ายกันกับ กาม กับพยาบาท ผลักหรือดูด ไปเป็นรูปราคะ อรูปราคะ คือนัยละเอียดที่ รูปราคะก็หยาบหน่อย อรูปราคะละอียดไปอีก
มานะคือมีการถือดีแข่งดีเเข่งเด่น ก็มีเชิงผลัก มันก็เหมือนกันกับข้างนอก แต่มันเป็นตัว หยาบที่ยึดตัวตน มานะ ก็ละเอียดขึ้นก็ยึดตัวตนละเอียดขึ้นเป็นมานะ
รูปราคะ อรูปราคะหมดไป ก็เหลือแต่ยึดตัวตนกับเศษธุลีเรียกว่าอุทธัจจะ อย่างนี้เป็นต้น
ถ้าเผื่อว่าเราไปเทียบกับ อนุสัย อนุสัยนั้น ท่านขึ้นต้นด้วย
กามานุสัย ปฏิฆานุสัย ก็คล้ายๆกันกับสังโยชน์ แต่สังโยชน์ขึ้นต้นด้วยองค์ธรรม 3
ให้รู้อัตตา หรือสักกายะ อาการ ลิงคะ นิมิตตรงนี้ มีญาณอ่านอาการกิเลสที่เป็นตัวตนของเราให้ชัดอย่างไม่ผิดเพี้ยนไม่สงสัยไม่ข้องใจ ก็ตรงพ้นวิจิกิจฉาและมีหลักวิชชาปฏิบัติศีลพรตมีอุบายเครื่องออกที่เป็นสัมมาทิฏฐิสัมมาปฏิบัติ ทำเหยาะแหยะเป็นสีลัพพตปรามาสก็ไม่ได้ ต้องล้างกิเลสได้จึงเป็นลำดับ
ผู้ใดปฏิบัติได้ก็จะรู้สภาวะของตนเองว่าที่ออกไปได้และที่เหลือ ก็นัยคล้ายกันมีผลักกับดูด มีชอบกับชัง มีโลภ มีโกรธ
สื่อธรรมะพ่อครู(สัปปุริสธรรม 7 มหาปเทส 4) ตอน เมื่อใดควรใช้ soft power
_พ่อครูมักพูดว่า คนในปัจจุบันหยาบหนา แต่ในรายการคุณโสภณ ว่าต้องใช้ soft power
พ่อครูว่า…แล้วแต่ผู้ที่มีวินิจฉัย คุณโสภณ ข้อวินิจฉัยอย่างคุณโสภณ ก็เป็นคาแรคเตอร์ของเขาอย่างนั้น เขาก็soft ของเขา ไม่ต้องการรุนแรง ก็เขาคิดว่า soft มันดี จริงๆมันดี การไม่แรงไม่ต้องออกแรงมาก นิดๆหน่อยๆ คนที่จะทำงานนั้น ไม่ต้องเอาอะไรหรอก คุณขัดขี้ตะไคร่ออกหากขัดนิดหน่อยก็ออกได้มันก็ดี แต่ถ้ามันหนามันติดหนัก มันก็จำเป็นต้องขัดแรงอย่างนั้น เพราะฉะนั้นยุคสมัยนี้จริงๆแล้ว คุณว่ามันง่ายเหรอ มันติดอย่างเบาๆเหรอ อาตมาว่ามันไม่ใช่นะ
คุณเองก็คงเห็นสมัยอาตมา soft นิ่งสงบเนียน อาตมาก็ soft ซึ่งมันก็ดีเรียกร้องความสนใจคนนับถือ ถ้าอย่างแรงคนไม่ชอบหรอก ซึ่งกระทบกับตัวเขาเองจะไม่ชอบ หรือไปแรงทำกับคนอื่นก็ไม่เข้าท่า มันเป็นสัจจะ แต่มันเป็นความจำเป็นที่จะต้องมาใช้อย่างเหมาะสม อาตมาไม่ใช่ว่าไม่ยินดีในความเบา อาตมาไม่เป็นคนรุนแรงเลย ปางนี้อาตมาไม่ใช่สายโทสะวิบากเรื่องนี้ก็ไม่มี มีแต่สาย โรแมนติกอิซึ่มไม่ใช่ซาดิสซึม
อาตมาทำงานต้องใช้สัปปุริสธรรม 7 มหาปเทส 4 ถ้าจะพูดให้งามให้สวยอย่างโสภณ คำว่าโสภณแปลว่างาม อาตมาไม่ห่วงตัวตนใครจะมองอาตมาอย่างไรอาตมาเล็งผลที่เกิด อาตมาเป็นการคัดเลือกคนที่มายึดถือในอาการ อาตมาไม่ใช่ไม่รู้มีคนทักท้วงมาตลอด แต่ก็ต้องใช้แบบนี้ ต่อไปหากจะแรงกว่านี้เรี่ยวแรงไม่มีมันก็เบาไปเอง หรือว่าไม่ต้องแรงมันก็ไม่เหนื่อยมันก็ได้ผล อาตมาจะต้องไปทำแรงทำไมล่ะ อาตมาไม่ใช่สายซาดิสซึมหรือมาโซคิส แต่เป็นสายโรแมนติก
_ข้าพุทธ..พวกเราปฏิบัติธรรมมาหลายสิบปี ทำไมยังแสดงกิเลสหยาบอยู่ ถือว่าเขาปฏิบัติธรรมผิดพลาดตอนไหน?
พ่อครูว่า…จะบอกตายตัวไม่ได้ แต่ละคนต้องดูของตัวเองว่าเราไปพลาดตอนไหนหรืออย่างไร แล้วเราก็รู้ว่าตอนไหนไม่สำคัญเท่าไหร่ แต่สำคัญคืออย่างไร เราแสดงออกอยู่อย่างนี้เราก็ต้องลดละอาการ ให้มันเบาบางจางคลายอย่าให้มันแรง อย่าให้มันมีอาการกิเลสอย่างนั้น ก็ต้องเห็นความจริง มันบอกตายตัวไม่ได้
สื่อธรรมะพ่อครู(มรรคมีองค์ 8) ตอน สำนึกผิดไม่ใช่เบียดเบียนตนเอง
_ข้าพุทธ..ในศีลข้อ 1 ให้ละเว้นจากการเบียดเบียนทำร้ายสัตว์อื่น ถ้ากรณีที่เบียดเบียนทำร้ายตัวเอง เช่นเราทำอะไรผิดพลาดเรื่องผ่านไปแล้วแต่เราวางใจไม่ได้ ยังคงคิดถึงมันว่าเราไม่น่าทำเลย การเบียดเบียนตรงนี้ถือว่าผิดศีลข้อที่ 1 หรือเปล่า
พ่อครูว่า…ไม่ใช่การเบียดเบียนแต่เป็นความสำนึกว่าเราไม่น่าพลาดเลย ความสำนึกของเราไม่ใช่ว่าเบียดเบียนตัวเอง คุณไปตีความได้อย่างไร เราสำนึกว่าเราไม่น่าไปทำเลย เอาไปทำแล้วก็สำนึกเราก็รู้ว่าอย่าไปทำอีก อย่างนี้มันไม่สมควรมันไม่ดีเราทำไปแล้วมันไม่สมควรแล้วก็เลิก อย่าให้มันผิดเพี้ยนสิ ความสำนึกมันก็ดีแล้ว เราก็รู้เหตุที่มันจะทำให้เป็นแบบเดิมเราก็อย่าทำอีก มันเป็นครูของเราเอง
_ฟ้าหนุน..ฉัพพรรณรังษีในพระโสดาบันมีหรือไม่ครับ หรือเป็นนามของอิทธิบาท 4
พ่อครูว่า…ฉัพพรรณรังสี คุณไม่ต้องไปคำนึงว่ามันจะมีหรือไม่มีหรอก มันเป็นลักษณะของคุณสมบัติคุณธรรม อันมีมากจนเปล่งประกาย คุณสมบัติของเราเป็นประกายจนคนอื่นสัมผัสได้มาก เป็นลักษณะแม้แต่ในทางวัตถุ มันก็เป็นรัศมี เป็นพลังงานที่ลักษณะเลื่อมพรายฉาบภายนอกไว้ มันแรงแต่มันละเอียดใสระยิบ อาตมาก็ยังชี้ลักษณะไม่เก่ง คือมันเป็นคุณสมบัติอันนึงที่สูงส่งของพลังงาน ต้นทาง ก้อนพลังงานนี้มีสิ่งที่…
มันมีก้อนรูป และมีพลังงานของน้ำมาให้เห็น ละเอียดขึ้นมาก็เป็นรูปนามที่ละเอียดขึ้นไป ทีนี้เอารูปที่มันเป็นก้อนมากใจมันก็มีพลังงานแรงสูงก็ระยิบระยับมากขึ้นไปเป็นชั้นที่ยิ่งพร่ายิ่งแรงยิ่งสูงส่ง เรียกว่า ฉัพพรรณรังสี
ฉัพพะ แปลว่า 6 ภาษาอังกฤษเรียกว่าออร่า เป็นรัศมีเป็นรังสีที่เปล่งประกายให้เห็นว่า เรามีสิ่งหนึ่งจนกระทั่ง มากเกินจนผู้อื่นเห็นได้ เข้าตาแสบตาคนอื่นเลย
สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ขายเครื่องประดับปลอมผิดศีลหรือไม่
_บ้านของหนูทำงานเกี่ยวกับค้าขายเครื่องประดับเทียม จะเป็นการผิดศีลหรือไม่ ทำมา 22 ปีแล้ว ไม่กล้าที่จะขยายงาน แฟนก็บอกว่าให้ไปทำงานเกษตร เขาไม่สนับสนุนงานเดิม แต่ที่มีกินมีใช้ก็เพราะว่างานเดิมหนูก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
พ่อครูว่า..คุณไปง้อมันอยู่ก็ต้องตกเป็นทาสของมัน ที่จริงคุณรู้อยู่ว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เครื่องประดับตกแต่งเป็นเรื่องเปลือกผิวมอมเมา ไม่ใช่แก่นไม่ใช่สาระของชีวิต รักความสวยงามและการตกแต่งและการประดับประดา แล้วมันยิ่งปลอมด้วย ของไม่แท้ ทั้งเป็นเครื่องประดับที่ไร้สาระ ทั้งปลอมอีก ก็หลายชั้นเลย เลิกได้ก็ดีนะ ถ้าเผื่อว่าสามารถจะทำเกษตรอย่างที่แฟนว่าได้ก็ดีมากเลยช่วยกันทำไป ทำเกษตรเลี้ยงตัวเองไปให้รอด มันก็เจริญ จนกระทั่งเหลือเฟือเผื่อแผ่ผู้อื่นได้อีกก็จะเจริญไปเรื่อยๆตามลำดับ ชีวิตของมนุษย์ต้องรู้ว่า ตัวเรายังจะต้องมีวิบาก เป็นเรื่องเสื่อมเป็นเรื่องไม่ดีเป็นเรื่องอกุศล ในลักษณะที่จัดไปว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำก็ไม่ดีเป็นวิบากไม่ดี นัยละเอียดก็มีดีกับไม่ดี 2 อย่าง ก็อย่าไปสะสมความไม่ดี ลดได้อย่างไร เรารู้ว่าควรจะเลิกอย่างไรก็ทำไปอย่างที่ว่า เครื่องประดับได้เป็นของปลอมอีก แม้แต่เป็นของแท้ก็เป็นของเมาๆ ก็ให้มาเอาเนื้อหาสาระเป็นประโยชน์คุณค่า เกษตรนี่เป็นของต้องกินต้องใช้แท้ๆ
_ถ้ามองเป็นแง่ศิลปะได้ไหม
พ่อครูว่า…ศิลปะนี่แหละคือความแหลกเหลวในโลกนี้ อาตมากำลังตีศิลปะ
ศิลปะเป็นมงคลอันอุดมคือคำสอนของพระพุทธเจ้า มันเป็นสิ่งที่เป็นสาระ ศิลปะที่เสริมให้เราเจริญขึ้น ศิลปะมันจะมีอยู่ 2 มุม สองแง่ชัดๆ 1 คือสุนทรียศิลป์ 2 คือสารศิลป์
สารศิลป์คือต้องเป็นประโยชน์เพื่อแก่นเนื้ออันนี้ สุนทรียศิลป์คือการที่ชวน เป็นรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสเป็นเปลือกที่ชี้ชวน เหมือนดอกไม้มีสีมีกลิ่นเพื่อให้แมลงมาตอมจะได้ต่อเชื้อเอาเกสรไปผสมพันธุ์
ผู้ที่มีบ้างนิดๆหน่อยๆสำหรับคนต้องอาศัย ก็ต้องเผื่อไว้ แต่ถ้าไม่มีอะไรก็มีแต่ศิลปะ คำว่าศิลปะคือเอาสาระเป็นแก่นสาร เนื้อแท้ อย่าไปเน้นที่เปลือกองค์ประกอบเครื่องชี้ชวนแสงสีเสียง อะไรที่มันห่อหุ้ม ถ้าไปห่อหุ้มมากจนกระทั่งสาระไม่เหลือเลย คนก็ต้องไปติดเปลือกที่เป็นรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ก็จะมอมเมากันไปจนโลกแตก อาตมาพูดจนเพื่อนฝูงในวงการศิลปะไม่อยากจะคบอาตมา ที่ต้องพูดเพราะว่ามันมากเกินจนกระทั่งถูกมอมเมาปลอมแปลง ปรุงแต่งกันให้แปลกบอกว่านี่เป็นสิ่งยอดเยี่ยมสิ่งประเสริฐ ตีค่าโฆษณาราคาของตัวเองให้สูงขึ้นมันก็ยิ่งไปกันใหญ่ ทุกวันนี้ ศิลปะทุกวันนี้เป็นเครื่องหลอกลวงในโลกที่เลวร้ายที่สุด ถ้าขยายความศิลปะก็คือสิ่งที่มอมเมาทั้งหลายแหล่ และเป็นพิษเป็นภัยเยอะที่สุดถ้าเข้าใจ มาเรียนรู้ให้ดีจะได้เป็นสาระแก่นสารของชีวิต
สื่อธรรมะพ่อครู(สุขภาพบุญนิยม) ตอน เคล็ดไม่ลับขยายอายุขัยพ่อครู
_น้อมขวัญ …พ่อท่านดูหนุ่มขึ้น อยากทราบเคล็ดลับ
พ่อครูว่า…อาตมาไม่ได้มีเคล็ดลับมีแต่เคล็ดที่เปิดเผย อธิบายอย่างกับอะไรดี พยายามแยกแยะแจกแจง อยากให้แข็งแรงสดใสหนุ่มสาวขึ้น ทุกคนอยู่ด้วยกันอีก อาตมาถึงบอกว่าใครจะอยู่ด้วยก็พยายามฟิตตัวเอง ให้แข็งแรง หนุ่มสาวสดชื่นขึ้นไปให้ถึงกันนะ
8 อ.ก็ชัดเจนทุกอย่างแหละ ต้องมีความพากเพียรใส่ใจสนใจ ที่จะดูแล ไม่ใช่ประคบประหงม เกินควร ดูแลให้ครบสัดส่วนที่พอเหมาะพอดี ชัดเจนทุกอย่างแล้ว 8 อ.
-
อิทธิบาท ก็มีความพากเพียรใส่ใจยินดีที่เราจะต้องดูแลชีวิตตนเอง ร่างกายตัวเอง มีฉันทะวิริยะจิตตะวิมังสา วิมังสาคือเนื้อแท้แก่นแท้ เสร็จแล้วเราก็ต้องดูอารมณ์
-
อารมณ์ ควบคุมอารมณ์ให้ดี อารมณ์นี่สำคัญมากเลย ให้อารมณ์เราเบิกบานแจ่มใสยินดี เบิกบานไปเรื่อยๆอย่าให้มันเศร้าหมอง อย่าให้มันแรงร้อน ให้มันสบายๆเย็นๆหรืออุ่นๆพอดีพอดี อะไรอย่างนี้เป็นต้น ก็ต้องอ่านอาการจิตใจเราให้ดี อารมณ์คือความรู้สึกของเราเป็นอย่างนี้ มันสบายมันไม่ร้อนมันไม่แรง มันไม่จัดจ้านอะไรมันก็ไปเรื่อยๆ ผรณาปีติสบายๆเสมอๆ ถ้าหากลักษณะของจิตมันจะมาทางโทสะจะหยาบกลางละเอียด จะนิดน้อยเพียงเท่าไหร่ก็อย่าให้มันเกิดเลย ต้องให้มันเป็นความปรารถนาดีต่อทุกคน แม้แต่คนที่เป็นศัตรูมีความปรารถนาร้ายต่อเรา เราก็ไม่มีความปรารถนาร้ายกับใครเลย อ่านอาการพวกนี้แล้วศึกษาฝึกฝน มันทำให้กิเลสของเราตัวหนักๆสำคัญๆนี้ลดลงด้วยนะ มันเป็นฐาน เป็นแกนเลย