620310_วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ทำไมถึงเชียร์ลุงตู่
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1HxTMf6XDm8yur2CK-HIKv-_rX0IOvbqd3ZYB7b2MaNU/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=14n_88-h5zxTXb53cunI_rTJPRNBtYtAL
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก ทุกวันนี้คนเราก็เดือดร้อนด้วยปัญหาสังคมสิ่งแวดล้อมเศรษฐกิจมากมาย จะมีคนที่สมมุตินามตามท้องเรื่องว่าเป็นนักการเมืองเขาอาสาจะมาช่วย แก้ปัญหาความเดือดร้อน พูดได้แต่ความจริงจะทำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ถ้าหากเขาได้มาศึกษาธรรมะก็จะแก้ปัญหาได้ตั้งแต่แก้ปัญหาตนเองครอบครัวจนถึงสังคม หากคนมีคุณธรรมความสามารถมากพอก็จะช่วยเหลือมนุษยชาติได้ แม้แต่เผด็จการหากทำเพื่อประชาชนก็จะดี
พ่อครูว่า…พระโพธิสัตว์คือผู้ที่มาทำอะไร พระโพธิสัตว์คือผู้ที่บรรลุธรรมของตนเองแล้วก็ไปช่วยคนต่อ พระโสดาบันบรรลุธรรมในอบายมุขแล้ว ก็มาช่วยให้คนได้พ้นอบายภูมิอย่างตนเองบ้าง สกิทาคามีก็ปฏิบัติตนหลุดพ้นจากทางโลกธรรมเพิ่มเติมขึ้น จนกระทั่งให้หมดโลกกามภูมิ พระสกิทาคามีก็เป็นโพธิสัตว์ในระดับให้พ้นกามภูมิได้ ก็มาช่วยเหลือรื้อขนสัตว์ไปตามที่ตนเองได้แล้ว โพธิสัตว์คือผู้มาช่วยคน โสดาบันได้แล้วก็มาช่วยคน ทางเถรวาทบอกว่าโพธิสัตว์คือผู้ไม่บรรลุธรรมอะไรเลย ไม่บรรลุแม้แต่โสดาบัน แต่เป็นผู้ปฏิบัติไปเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า แล้วจะไปเป็นพระพุทธเจ้าแต่ว่าเป็นพระโสดาบันสกทาคามีอนาคามีอรหันต์ก็ยังไม่ได้ ปฏิบัติธรรมเป็นปุถุชนและบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าเลย ไม่ผ่านพระโสดาบันสกทาคามีอนาคามีอรหันต์ ตนเองเป็นไม่ได้ พูดโดยใช้ปฏิภาณก็รู้แล้วว่าเป็นไปได้อย่างไร คนจะไปเป็นพระพุทธเจ้าจะไม่ผ่านธรรมะ พระโสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ ที่เป็นของศาสนาพุทธ หาจากที่ไหนก็ไม่ได้ต้องเอาจากพระพุทธเจ้า เอาจากศาสนาพระพุทธเจ้า แล้วจะไปรู้จัก พระโสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์อะไร แล้วจะไปเป็นพระพุทธเจ้าบำเพ็ญโพธิสัตว์ แล้วบำเพ็ญโพธิสัตว์อะไร เขาก็น่าจะมีปฏิภาณบ้าง
อาตมาจึงต้องมายืนยันตัวเองว่าตนเองเป็นโพธิสัตว์ เพื่อจะให้คนเขามาได้สัมผัสตามพิสูจน์ ว่าจริงหรือเปล่า ไม่ต้องเชื่อก่อนน่ะดีแล้ว อย่าเพิ่งรีบเชื่อ ติดตามดู อย่าอคติ จะได้เข้าใจว่า โพธิสัตว์เป็นอย่างนี้หรือ อย่างนี้อย่างไร
อาตมาตั้งแต่มาทำงานศาสนาเกือบ 50 ปีมา อาตมามาทำหน้าที่โพธิสัตว์ มาทำอะไร ก็มาให้ความรู้ที่เป็นพุทธธรรมของพระพุทธเจ้า มาบอกว่าธรรมะพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนี้นะ เกิดมาเป็นคนต้องเลิกอันนี้แล้วมาเป็นอันนี้ จนกระทั่งพวกคุณฟังเข้าใจแล้วมาปฏิบัติตาม จนได้ตามก็มาเป็นชาวอโศก มาเป็นคนอย่างนี้ถึงวันนี้ก็ยังยืนยันได้มีมนุษย์ ชาวไทยที่ปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้าแล้วหลุดพ้นตามที่อาตมาว่าศาสนาพุทธเป็นอย่างนี้อย่างที่อาตมาอธิบาย แล้วพวกคุณก็มาปฏิบัติบรรลุตามเป็นไปได้ตาม ติดโลกอบายก็พ้นมาได้ ติดกาม โลกธรรม แย่งกาม แย่งโลกธรรม มีโทสะ ราคะ ก็ปฏิบัติของแต่ละคน ก็เบาบางหลุดพ้นมาได้ ไม่เหมือนเก่า จนกระทั่งมันมีทิศทางเดียวกันกลายมาเป็นสังคมกลุ่มหมู่ มีพฤติกรรมสังคมอย่างที่เราเป็นเราอยู่ แล้วอาตมาภูมิใจมากที่สุดเลยที่อาตมาเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาประกาศมาให้ปฏิบัติแล้วพวกเราบรรลุธรรมได้ จนกระทั่งมารวมตัวเป็นหมู่และอยู่เป็นสังคม เป็นสังคม คอมมูน มี เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา
มีลาภโดยธรรม สาธารณโภคี มีศีลที่ปฏิบัติให้เกิดผล อาตมาทำได้สำเร็จจนกระทั่งถึงสาธารณโภคี อาตมาไม่รู้มาก่อน ทำได้แล้วจึงได้เจอในคำที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ ได้บัญญัติคือสาธารณโภคี แต่ถ้าจริงโดยสภาวะแล้วเรามาร่วมกันกินใช้ส่วนกลางมาก่อนแล้ว เสร็จแล้วอาตมาก็เจอพยัญชนะพระพุทธเจ้า ว่าอ๋อ สาธารณโภคีเป็นอย่างนี้เอง ก็ชัดเจนเลย ก็เห็นว่าเราไม่เบานะ สามารถที่จะเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาอธิบายให้พวกเราเข้าใจและปฏิบัติมาเป็นคนอย่างนี้ได้
สังคมโลกทั้งโลก ซึ่งจะเป็นสังคมหมู่กลุ่มชุมชน อย่างนี้อย่างสาธารณโภคีอย่างชาวอโศกเราเป็น มีที่ไหนในโลก มีไหมในโลกที่จะเป็นได้ อามิชก็ตาม คิบบุช อิโตเอ็นก็ตาม หลายแห่งพยายามจะทำ แต่ทำไม่ได้อย่างนี้ แล้วจิตใจของเขาไม่มี สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ จิตของเขาไม่เกิดมีคุณสมบัติคุณธรรม 7 อย่างนี้ เขาทำไม่ได้อย่างที่เราเป็นกันได้ แต่เราเป็นได้เพราะเราทำแล้วมันมีคุณธรรมทางจิตวิญญาณเกิดจริงเป็นจริง เป็นสาราณียะ ปิยกรณะ ครุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคคียะ เอกีภาวะที่แท้จริง เอาหลักฐานตามพระพุทธเจ้าเลยยืนยันได้ชัดเจนจริงๆเลย สุดยอดจริงๆ
อาตมาก็ยิ่งมั่นใจว่าอาตมาเป็นโพธิสัตว์ที่แท้ เป็นโพธิสัตว์ที่จริง เอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาสืบทอด มาย้ำยืนยัน เขาผิดกันไป ขออภัยอีกที ศาสนาพุทธมันไม่เหลือเชื้อของศาสนาพุทธเลย ตั้งแต่อาตมายังไม่ได้มาอธิบายธรรมะ มีแต่เรื่องของจารีตประเพณี เป็นเรื่องการประพฤติปฏิบัติที่นอกรีต มีอย่างเก่งก็แค่สวดมนต์แล้วก็สวดไป ก็อย่างเอาธรรมบทของพระพุทธเจ้ามาสวดอย่างผิดธรรมวินัย แต่ก็แก้ไม่ได้แล้วแก่เกินแกง ไม่รู้จะทำอย่างไรเราพูดให้รู้ว่าความถูกต้องเป็นอย่างไร อธิบายสัจธรรมให้ฟังให้ชัดเจนเท่านั้น ชาวอโศกเรายังทำได้อยู่อย่างสามารถที่จะรักษาความบริสุทธิ์ของธรรมะพระพุทธเจ้าไว้ได้ เราก็พูดอย่างนี้แหละพูดเฉยๆเหมือนกับข่มทางกระแสหลักหมู่ใหญ่ ทำไม่ถูกทำไม่ได้ เราก็ยืนยันความถูกต้องกับโลกว่าถูกอย่างนี้เป็นอย่างนี้ผิดเป็นอย่างนี้ก็บอกความจริงเท่านั้นเองไม่ได้ไปข่มไม่ได้ดูถูกดูแคลน แต่ประกาศสัจธรรมพูดความจริงตามความเป็นจริงอะไรถูกอะไรดีควรจะเป็นอย่างไรให้รู้กัน ส่วนอิสระเสรีภาพของแต่ละคนก็ฟังเอา เห็นว่าอย่างที่อาตมาพูดไม่ถูกต้อง คุณก็ไปเอาอย่างโน้น อาตมาจะไม่บังคับ ได้อย่างไร จะไปทำอย่างไรได้เขาก็ต้องไปทำอย่างนั้น ใครเห็นอย่างนี้ก็มาเอาอย่างนี้ พวกคุณมาเองนะ อาตมาไม่ได้ไปหลอกล่อ ประเล้าประโลมก็ชี้ชวน ชี้ แต่ชวนก็ชวนบ้าง ใครเห็นว่าดีก็ชวนมา ไม่ชวน พวกคุณก็มาด้วยปัญญาของคุณเอง มนุษยชาติมีอิสระเสรีภาพอย่างนี้ แล้วก็เลือกเอา เรียนรู้ไป ประพฤติตนไป
ชีวิตมีวิบากเป็นตัวพาไปพาเป็น กัมมโยนิ สั่งสมกรรมเป็นวิบาก ไม่ใช่ว่าเป็นไปตามประสงค์ของพระเจ้า ไม่ใช่ ตัวคุณเองแต่ละคนแต่ละคนของใครของมันมันเป็นไป อย่างพวกเรามีแนวทางปฏิบัติตรงกันมีจุดหมายปลายทางเป็นนิพพานเป็นสุดยอดปลายทางเหมือนกัน เพราะฉะนั้นพวกเราก็จะปฏิบัติตรงกัน ชาตินั้นชาตินี้มีวิบากก็จะมารวมตัวกันตรงนี้ จนกว่าจะถึงยุคพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง อุบัติขึ้นในโลก คนอย่างพวกเรานี่แหละ ก็จะไปรวมกัน
พูดชัดๆ สมมุติว่าอาตมาเป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมาวันใดวันหนึ่ง ลงมาอุบัติขึ้นในโลก พวกคุณก็เป็นผู้ร่วมกับอาตมาโดยวิบากกรรม น้ำก็ไหลไปหาน้ำ น้ำมันก็ไหลไปหาน้ำมัน มันเป็นสิ่งที่สะสมเป็นวิบาก ไม่ใช่อยู่ๆ ใครจะอยากไปอยู่ตรงโน้นตรงนี้ มันไม่ได้หรอก มันเป็นไปไม่ได้ คนจะมาศรัทธามาเชื่อถือ ศาสนาแบบพุทธศาสนานี้ ต้องมีปัญญา ไม่มีปัญญาไม่มา
ปัญญาคืออะไร? ปัญญาคือความฉลาดขั้นโลกุตระ จะรู้อ๋อ มาเป็นคนอย่างนี้หรือ เอาง่ายๆมาเป็นคนจน แล้วเป็นคนจนดีอย่างไรประเสริฐอย่างไร เข้าท่าอย่างไร ก็มาเป็นคนรวยจะไม่เข้าท่ากว่าเหรอ แต่มาเป็นคนจน คุณพอนึกออกไหม นั่งอยู่นี่พวกคุณไปรวยได้โดยความสามารถโดยสุจริตไม่ต้องทุจริตด้วย ไม่ต้องทุจริตอย่างทักษิณก็รวยได้ อาจจะไม่รวยเท่าทักษิณก็ตาม แต่รวยได้ แต่เราเต็มใจจะมาจน เราทำงานเหมือนเดิม มากกว่าเดิมด้วย มากกว่าเพราะอะไร เพราะคุณไม่เอาแรงงานเวลาทุนรอน ไประเริงเหมือนแต่ก่อนเสียเวลา อันนั้นก็น่าไปน่าเที่ยวน่ากินน่าใช้น่าสัมผัส เสียเวลา เสียทุนรอน เสียแรงงาน ไปบำเรอกิเลส เราก็เลิกแล้ว เราก็ไม่ต้องไปบำเรอ เราก็ได้เวลาแรงงานทุนรอนคืนมา นี่เศรษฐศาสตร์ที่สูงสุด คนที่เอาเวลาของข้าคืนมา ไอ้โง่ ก็ตัวเองนี่แหละ แต่ก่อนนี้โง่สูญเสียเวลาแรงงานทุนรอน ไปกับสิ่งไร้สาระพวกนั้น ดีไม่ดีพาลงนรก หลงสวรรค์แต่มันลงนรก ระหว่างนรกกับสวรรค์เป็นสิ่งเดียวกัน ถ้าไม่ได้มันก็ลงนรก ถ้าไม่ต้องได้มันเลยมันก็ไม่มีสวรรค์ไม่มีนรก มันก็หลุดพ้น นี่คือความหลุดพ้น มันก็เป็นอย่างนี้ง่ายๆไม่ได้ยากอะไร หลุดพ้นไม่ได้เรื่องลึกลับอะไร แล้วพวกเราทำได้ตรงตามพระพุทธเจ้าสอนมาก็สบาย จึงมีชีวิตเป็นประโยชน์มีเศรษฐศาสตร์ที่ดี ไม่ต้องไปรวย มีชีวิตไม่ต้องไปด้วย รู้ว่ารวยก็เป็นอย่างนั้น เราไม่รวยแต่เราก็เป็นประโยชน์ต่อโลกมีความสบาย คนรวยนั้นเป็นโทษเป็นภัยต่อสังคมโลก ไปกอบโกยเอามาไว้เป็นของตัวของตน คนอื่นก็ไม่มี คนอื่นก็ขาดแคลน เพราะคุณโลภเอาไว้เป็นของคุณคนเดียวทั้งที่เป็นสมบัติส่วนกลางของโลก คนรวยจึงเป็นบาปมาก ใครที่รู้ว่ารวยให้รีบสะพัดเอาออกแล้วมาชีวิตเป็นคนจนให้ได้
คนที่รวยเพราะว่าพ่อแม่ปู่ย่าตายายหลงมาสั่งสมให้เราเราก็ได้รับมรดกมา เมื่อมีภูมิธรรมขั้นโลกุตระ ก็ต้องรีบเอาออกแจกจ่ายเจือจานโดยสุจริต เราจะได้มีชีวิตจนๆกับคนอื่น คนที่ทำอย่างนี้จริงๆนั้นเป็นคนใจกว้าง เป็นคนเผื่อแผ่เป็นคนเสียสละไม่เอาเปรียบ คนๆนี้ จะได้รับการยอมรับนับถือจากสังคมมนุษยชาติไหม ..(ตอบว่า ยอม)เป็นสัจจะเลย ไม่ใช่ต้องอยากเอาหน้าอยากเอาเด่นอยากให้คนมาเคารพหรอก เขาจะเคารพเอง
_SMS วันที่ 8 มี.ค. 2562 (พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครู)
_3867ที่โยมทางบ้านถามแยกกายแยกจิตก่อนตาย?เขาหมายถึงแยกจิตออกจากกายที่ติดหนี้เวรหนี้สินหนี้กรรมอย่างไรให้จิตไปอย่างสงบสุขไม่เศร้าหมอง?ฤาเปล่า?
ถ้าเราเรียนรู้กายภายนอกคือรูปฯจิตภายในคือนาม!เห็นกายภายนอกสงบอยู่ ใจก็อ่านอยู่คนละส่วนบ่ปรุงบ่คนบ่มีกิเลสปะปน!แยกรูปอย่างไร?แยกนาม อย่างไร?สัมผัสจริงให้อยู่คนละส่วนบ่ มีการสังขารฯเห็นสุขสงบรู้แจ้งด้วยวิปัสสนาญาณฝึกฝนก่อนตายจะช่วยโยมได้กระมัง!
พ่อครูว่า..ก็คงเป็นอย่างคุณว่า คุณต้องมีปัญญาหรือว่าสิ่งเหล่านี้มันเกิดจากอะไรมันอยู่และทำทุกข์อะไร หนี้สิน หนี้เวร หนี้กรรม เกี่ยวกับบุคคลเกี่ยวกับสังคม มันคืออะไรอย่างไร คุณก็เข้าใจสิ่งเหล่านั้นให้ได้ แล้วคุณก็ ปลดหนี้ ต้องปลด คุณเองทำมาเอง คุณทำมาเองก็ต้องปลด การปลดหนี้ได้มันสุดยอด หนี้อย่างตื้นๆคือหนี้เรื่องเงินเรื่องทอง เรื่องวัตถุสมบัติ เราก็ลดปลดให้ได้ อย่าไปค้างหนี้ เราก็เป็นเจ้าหนี้ให้ได้ อย่างอาตมา ทุกวันนี้พวกเราเป็นเจ้าหนี้ โดยเราไม่ติดใจว่าเราเป็นเจ้าหนี้ เราเป็นผู้ให้ โดยเราไม่ถือว่าเราเป็นเจ้าหนี้ คนที่เป็นลูกหนี้ พวกคนรวยจะเป็นลูกหนี้กรรมวิบากอยู่ทั้งนั้น ก็คุณไปเอาของเขามา ถ้าพ่อแม่ปู่ย่าตายายไม่ได้หาให้คุณก็หาเอง แล้วคุณจะรวยคุณก็ต้องเอาเปรียบ ถ้าหากคุณก็มีชีวิตอยู่ทำไปเท่าทุน แลกเปลี่ยนราคาเท่าราคา คุณจะมีมากกว่าที่คุณมีได้ไหม ก็ไม่ได้ คุณทำได้เท่าไหร่ก็มีเท่านั้น แล้วคุณจะทำได้เท่าไหร่กันเชียวในชีวิตหนึ่ง นอกจากคุณจะต้องมาตั้งราคาตั้งวิธีการให้มันได้ซับซ้อน เป็นส่วนเกินส่วนได้เปรียบมากขึ้น ปฏิภาคทวีในมุมนั้นมุมนี้
ทุกวันนี้พวกเล่นหุ้น มีมุม แป๊บเดียวก็ขึ้นมาปุ๊บเป็นวิธีการคิดเป็นวิธีการหมุน วัตถุสมบัติ มาให้แก่ตัวเอง การรวยหุ้นนี้บาปมหาศาล ไม่ได้ทำอะไร ใช้ความรู้ความฉลาด รู้จักโอกาสแป๊บเดียว พวกเล่นหุ้นนี้เป็นพวกนรกอเวจีทั้งนั้นเลย เป็นพวกหนี้สินกินหัว เสร็จแล้วก็เอาก้อนหุ้นที่ตัวเองได้เปรียบตลอดเวลา ก็ยิ่งทับทวีๆ คนที่คิดระบบหุ้นขึ้นมาเป็นคนที่ป่านนี้ตกนรกอเวจี ป่านนี้ยังไม่เกิดอีกมาก เพราะมันสร้างให้คนทุกข์ร้อนอีกมาก เรื่องการเล่นหุ้นนี้ทำให้คนฆ่าตัวตายไปเท่าไหร่แล้ว ไม่ต้องเอาหุ้นหรอก แต่แค่มันไม่พอกินพอใช้หมุนไม่ทัน อย่างยิ่งลักษณ์เขาทำเรื่องข้าว พวกชาวไร่ชาวนามันหมุนไปกับระบบของรัฐไม่ได้ มันก็ไปเสียเปรียบ จนมันไม่ทัน เป็นหนี้สินต้องฆ่าตัวตายไปไม่รู้กี่ศพ มันซับซ้อนแต่เขามองไม่ออก คนเรามันจะฆ่าตัวตายกันง่ายๆหรือ นี่ฝีมือใครบริหารแล้วคนจะฆ่าตัวตายได้อย่างยิ่งลักษณ์บ้าง แล้วเขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นตัวการให้คนฆ่าตัวตาย เป็นฝีมือตัวเองบริหารเอง บาปเท่าไหร่ยิ่งลักษณ์ เขาไม้ได้เรียนรู้เรื่องบาปเลย ไม่รู้ว่าทำบาปทำชั่วอย่างไรไปอย่างทักษิณยิ่งลักษณ์เป็นตัวอย่างที่เห็นหน้าเห็นตา แล้วซับซ้อนจนเขาก็คิดว่าไม่ได้ทำอะไร แต่พวกคุณเห็นไหม
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่ากายคือจิต แต่กายต้องมีภายนอกด้วยต้องมี 2 มีทั้งภายนอกและภายใน มีทั้งสรีระและจิตจึงจะเป็นกาย กายอยู่โดดเดี่ยวไม่ได้ ทุกวันนี้ชาวพุทธเข้าใจว่ากายคือรูปเพียงอย่างเดียว สรีระวัตถุดินน้ำไฟลมไม่มีจิตร่วมด้วย นี่คือมิจฉาทิฏฐิประตูแรก เข้าใจว่า กายนี่คือวัตถุ จิตแยกกายแยกจิตก็แยกวัตถุคือกาย จิตคือนามธรรมคือวิญญาณ แค่นี้ก็คือความผิดที่ล้มละลายแล้ว ล้มเหลวแล้วในศาสนาพุทธไปไม่ออกเลย อย่าไปพูดถึงนิพพาน
กายตัวนี้เป็นตัวแรกเลยที่จะต้องรู้เป็นสังโยชน์ข้อที่ 1 สักกายทิฏฐิ สักกะคือตัวเรา กายคือธรรมะ2 ต้องดูรูปนามของตัวเรามีทิฐิมีความเห็นความเข้าใจให้รู้จัก สักกายะ แค่สังโยชน์ข้อแรกเข้าใจกายไม่ได้ก็ไม่ไปไหน ไม่มีทางจะบรรลุธรรมพระพุทธเจ้าเลย เพราะฉะนั้นที่มาทำกันอยู่เรียนรู้ธรรมะนี้ อาตมาก็พูดยกตัวเองข่มเขามาก แต่เขาไม่ได้อธิบายอย่างที่อาตมาอธิบายเลย อาจารย์ใหญ่ที่บอกว่าเป็นอรหันต์ทั้งหลายแหล่เป็นอรหันต์เก๊ทั้งนั้นเลย เพราะกายตัวเดียวเป็นสังโยชน์ข้อที่ 1 ก็ยังไม่รู้
แล้วไงสังโยชน์ข้อที่ 2 ทำศีลพรตก็ไปนั่งหลับตา พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ปฏิบัตินั่งหลับตาแม้แต่บรรลุแล้วก็ยังลืมตาเลย บรรลุพระโสดาบันสกทาคามีอนาคามีอรหันต์ก็ลืมตาทั้งนั้นเลยในการปฏิบัติ
อาตมารู้สึกตัวว่าบัญญัติภาษาที่ออกไปมันห้วนๆ เพราะเป็นแม่ที่เหลือใจ ดุลูก มันก็ต้องคำห้วนสั้นอย่างนี้ จะไปดุคำ อีหล่า อย่าทำอย่างนั้นอย่างนี้นะ มันไม่ใช่แล้ว แต่ลูกมันเหลือกำลังเหลือเกิน เหลือใจนี่ แล้วคุณจะดุเบาได้อย่างไร เวลามันเหลือใจจะทำอย่างไรกับมัน ก็จะดุ คุณจะดุห้วนๆหรือจะดุนิ่มๆหวานๆ นี่คือธรรมชาติ
ต้องแยกด้วยปัญญารู้ว่าสิ่งนี้เป็นกายสิ่งนี้ไม่ใช่กาย แล้วกายก็คือจิต พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่ากายคือจิตมโนวิญญาณ คนฟังที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังที่อาตมาพูดก็คงจะบอกว่า โพธิรักษ์นี้บ้าอะไร กายคือจิตมโนวิญญาณ ถ้าไม่มีพระไตรปิฎก ล.16 ข.230 ยืนยันไว้อาตมาโดนเลย โดนเหยียบย่ำเลยจริงๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องซับซ้อนลึกซึ้งมาก
กายที่อาตมาแยกไว้ มูลกรรมฐานแรกของผู้มาบวชเป็นภิกษุ พระพุทธเจ้าก็ให้มูลกรรมฐาน 5 ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง จะแยกอันไหนก็แล้วแต่ ส่วนไหนก็ได้ แยกว่าเมื่อใดมันเป็นกายเมื่อใดมันไม่ใช่กาย ใน ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เมื่อใดมันเป็นกายเมื่อใดมันไม่ใช่กาย หรือเป็นกายแค่พีชะ เมื่อใดเป็นกายขั้นจิตนิยาม หรือไม่ใช่กายแล้ว
เมื่อใดไม่เป็นกายคือ สิ่งนั้นไม่ได้อยู่ติดกับตัวเราแล้วตัดออกไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง แม้แต่ไต ตัดออกไปก็ไม่ใช่กายแล้ว ได้ตัดออกไปก็ไม่ใช่กายแล้ว แต่อธิบายข้างในยาก ก็อธิบายที่เล็บ
เล็บของเราที่ตัดออกไป ไม่ใช่กายแน่ ทุกคนรู้ดี มันขาดจากร่างกายแล้ว เป็นอุตุนิยาม วัตถุไม่มีธาตุรู้ ไม่มีจิตวิญญาณไม่มีชีวะแล้ว แต่ตัดไปแล้วมันก็ไม่เจ็บปวดอะไรเลย แต่มันเป็นชีวะ มันมีอาหารหล่อเลี้ยงมันก็ยาวไปได้ อันนี้เป็นกายก็ได้ ไม่ใช่กายของจิตวิญญาณ แต่เป็นกายของ พีชะ ติดอยู่ที่ตัวเรา กายตัวนี้ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข ไม่มีบาปไม่มีเวรตัดได้ฆ่าได้ แต่ถ้าไปตัดเอาและส่วนที่เป็นจิต เดี๋ยวเถอะเจ้าของเขาเล่นงานเอาเพราะมันเจ็บ มันจะต่างกันไปหมดอย่างนี้ก็ชัดเจน
เพราะฉะนั้นมาเรียนรู้ธรรมะพุทธเจ้า แค่แยกกายแยกจิต มูลกรรมฐานก็แยกไม่ได้ แยกกายแยกจิตไม่ได้ เดี๋ยวนี้ไม่เรียนรู้กันแล้วแต่ไปแยกไตรลักษณ์กัน ทุกอย่างไม่เที่ยง ทุกอย่างเป็นทุกข์ ทุกอย่างไม่มีตัวตน แต่อย่างที่อาตมาพูดนี้ เขาไม่มีความรู้กันแล้ว แต่ยังดีอยู่นะที่พยัญชนะของ อุตุนิยาม พีชะนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม ยังมีอยู่นะแต่เขาอธิบายไม่ได้ ก็แปลไปตามพจนานุกรมเท่านั้น
สรุปแล้วเรื่องกายเรื่องจิต หากคุณไม่ชัดเจน แยกไม่ได้ ขณะปฏิบัติธรรมเราทำจิตของเราให้เป็นพีชนิยาม ให้เป็นจิตที่ไม่ทุกข์ไม่สุข พระอรหันต์จิตท่านเป็นพีชนิยาม 1. ท่านไม่มีสุขไม่มีทุกข์ 2. ท่านไม่จองเวรจองภัยไม่รักไม่ชังอะไรใครอีกแล้ว ทุกคนก็เข้าใจทุกคนก็มีกรรมของใครของมัน ทำกรรมของใครของมัน ไม่มีโลภไม่มีโกรธไม่มีผลักไม่มีดูดอะไรแล้ว หากแยกได้จิตเราเป็นพีชะนิรันดร ไม่สุขไม่ทุกข์ เหมือนกับมะระนี้ กัดมันมันก็ไม่ร้องไม่จองเวรจองกรรม เพราะมันคือพีชะ อย่างนี้เป็นต้น แต่คนนี่ ทำจิตเป็นพีชะได้แล้วเป็นอรหันต์ได้แล้ว มีพลังงานที่เหลือก็ใช้พลังงานที่เหลืออยู่กับโลกเขา พลังงานที่เหลือนั้นช่วยคนอื่นเขาได้ พลังงานจิตนี้เป็นพลังงานที่รู้โลกรู้อัตตา รู้อะไรๆของโลกต่างๆ โลกสันนิวาส โลกอาโลก โลแสงสว่างพระอาทิตย์ โลกเกี่ยวกับความหมุนเวียนวุ่นวายเกี่ยวข้องอะไรอีกเยอะแยะ อาตมานึกบัญญัติของภาษาพวกนี้ไม่ทันก็ผ่านไปก่อน
รู้จักโลก รู้จักความเป็นโลกรู้จักที่สุดแห่งโลกหรือความไม่ที่สุดแห่งโลกลักษณะนั้นลักษณะนี้ ชัดเจนว่าโลกนี้เป็นอย่างไร โลกนี้ยังไม่จบโลกหน้าก็จะเป็นอย่างนี้ ถ้าโลกนี้จบแล้วโลกหน้าไม่มีก็จะเป็นอย่างไร เช่นโลกอบายมุข คุณจบแล้วในชาตินี้ชาติหน้าคุณก็ไม่ต้องมี แต่ถ้าคุณไม่สามารถที่จะบรรลุ พ้นอบายได้ชาตินี้แล้วเป็นโสดาบัน ชาติหน้าคุณก็ไม่มี เขาก็ไม่เรียงอย่างลำดับพระพุทธเจ้าสอนก็ไปวนเวียนกับอบายมุข ต้องมีปัญญารู้แจ้งว่าไม่มีความติดอีกแล้ว เป็นสกิทาคามี โลกแห่งกาม โลกธรรม ลาภ ยศ สรรเสริญ รูป รส กลิ่น เสียงสัมผัสเราก็ไม่มี ได้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งลาภยศสรรเสริญ หรือรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสหมดภายนอก เป็นอนาคามี สัมผัสภายนอกนี่ไม่ทุกข์ไม่สุข ไม่เดือดร้อนเป็นพิษภัยอะไรอยู่กับมันได้ อย่างไม่ทุกข์ไม่สุขไม่เดือดไม่ร้อน ไม่ต้องเป็นตัวปัญหาอยู่ในสังคมโลก เหลือแต่ข้างในเป็นอนาคามีก็ล้างที่เหลือของตัวเองหมดก็เป็นอรหันต์อยู่ในโลก
คนที่เป็นอรหันต์นี้พระพุทธเจ้าตรัสรู้ท่านได้สอนเรื่องดีเรื่องชั่ว แต่เรื่องความสุขความทุกข์เรื่องหลุดพ้นไม่สุขไม่ทุกข์นี่แหละ เป็นประเด็นใหญ่ที่สุดเลย เป็นเทวธัมมาที่ยิ่งใหญ่ แล้วก็มาเรียนรู้ ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ ) ล.10 ข.60
ความสุขความทุกข์มันอยู่ที่เวทนา ภาษาไทยก็คือความรู้สึกหรืออารมณ์ เราสัมผัสอะไรแล้วเราเกิดความรู้สึกอยู่ในโลก สัมผัสทุกอย่าง จิตของเราไม่สุขไม่ทุกข์เลย นอกจากไม่สุขไม่ทุกข์แล้วคุณก็ไม่ไปเดือดร้อน ไม่ไปแย่งไม่ไปดูดไม่ไปผลัก มีแต่สร้างสรรขยันหมั่นเพียรไปตามหน้าที่อย่างที่ควร แล้วก็ช่วยคนอื่นไม่ให้สุขไม่ทุกข์ให้ได้เหมือนเรา แก้ปัญหาเท่านี้ แก้ปัญหาได้ทั้งโลก ยิ่งใหญ่มากเลย แก้ปัญหาตรงนี้ได้ อาตมาพาพวกคุณมาปฏิบัติไม่สุขไม่ทุกข์ได้ บางคนได้ บางคนเป็นโสดาบัน บางคนเป็นสกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ พวกคุณก็ไม่สุขไม่ทุกข์ไม่เป็นพิษภัยอะไรกับโลก อาตมาพาให้ทำสัมมาอาชีพ สัมมากัมมันตะ สัมมาวาจาสัมมาอาชีวะ พวกเราพ้นมิจฉาชีพตามพระพุทธเจ้าสอนหมดเลย เช่น สัมมาอาชีพ
อาชีพที่ชั่วที่สุดคือ กุหนา อย่างทักษิณนี่ กุหนา เลวโกง โกงแหลกลาญ โกงหยาบคายซับซ้อนหยาบกลางละเอียดโกงเรียบหมดเลย
ลปนา ก็ยังทุจริต ทางวาจา ลปนาแปลว่าคำพูดยังหลอกลวงล่อลวง กุหนาคือทั้งกายวาจาใจ ถ้าลปนาก็หลอกทางวาจากับใจ
เนมิตกตา คือผู้พ้นกุหนา ลปนาแล้วหมดภัยต่อโลกระดับหนึ่ง เหลือภัยในตนเองคืออนาคามี คุณก็ปฏิบัติให้หลุดพ้น จนเป็นอรหันต์ ก็เป็นคนที่สูงสุดแล้วในโลก
คนที่เป็นอรหันต์ก็คือคนที่มีสัมมาอาชีพบริบูรณ์ ทำงานฟรี นิปเปสิกตา ทำงานหยาบกลางละเอียดอย่างพวกคุณหลายคน ไม่เอาแรงงานทุนรอนไปรับใช้อย่างพวกอบาย คุณก็ไม่ไป แม้พวกนายทุนนิปเปสกิตาก็ไม่ไป ใครที่ไม่ไปแล้วก็มาทำงานกับพวกเรา พวกเราก็มีงานให้ทำหลายระดับ มันจะมีปัญญารู้ เราจะอยู่ตรงไหน
ยิ่งเป็นคนทำงานพ้นมิจฉาชีพ มิจฉาชีพข้อที่สูงสุด คือทำงานฟรี ลาเภนลาภังนิชิคิงสนตา ทำงานแล้วไม่เอาอะไรเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนเลย พูดตรงนี้อาตมาภูมิใจที่เอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาเปิดเผยและพวกคุณก็พ้นมิจฉาชีพ 5 ได้ ไม่ต้องทำงานเอาของแลกเปลี่ยน เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ในสังคมที่จะช่วยเศรษฐกิจ แล้วพวกเราไม่ไปแย่งเขาแต่ยังสร้าง พวกเรากินน้อยใช้น้อยพอสมควรแล้ว ก็มีเหลือเฟือให้แก่สังคม นี่คือนักเศรษฐกิจชั้นสูงให้แก่สังคมพวกเราเป็นนักเศรษฐกิจชั้นเลิศของโลกเลย ไม่ใช่ของประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น ประเทศใดประเทศหนึ่งหากเขาทำได้ก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน จะมีไหมในสังคมโลกตรงไหน
ฟังดีๆอาตมาพูดธรรมะพุทธเจ้า เอาของพระพุทธเจ้ามาพิสูจน์ในโลกยุคนี้ ว่ายังมีคนที่ ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ ) ล.10 ข.60 ตามที่อาตมาเป็นสยังอภิญญาพาทำได้ จะมีคนบรรลุได้ เป็นคนปฏิบัติดีปฏิบัติชอบโลกไม่ว่างจากพระอรหันต์ โลกไม่ว่างจากอาริยบุคคล นี่แหละปฏิบัติได้ยืนยันได้ พูดแล้วมันสบายใจเพราะอะไร พูดแล้วไม่เป็นหมัน ในโลกนี้ก็ยังทำได้แม้แต่ในยุคนี้ อัตถิโลเก คนปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามที่พระพุทธเจ้าเอามาประกาศไว้ทำได้ยังไม่สูญสิ้น ศาสนาพระพุทธเจ้าธรรมะพุทธเจ้าจะได้ไม่เป็นหมัน แหม เสียดายเถรสมาคมถ้าเข้าใจอย่างอาตมามีผู้รู้อธิบายอย่างอาตมา ประเทศไทยมีคนเช่นนี้ขึ้นมาสัก 60 กว่าล้านคน ได้มาสัก 20 กว่าล้าน จะเป็นมหาอำนาจแบบโลกุตระในโลกเลย ไม่ใช่มหาอำนาจแบบโดนัลทรัม หรือวลาดิเมียร์ปูตินสีจิ้นผิง แต่เป็นมหาอำนาจแบบที่ยากแบบที่ในหลวงร.9 ตรัส เราไม่รวยแบบเขา เราไม่ก้าวหน้าแบบเขา จะชื่อว่าเป็นประเทศจนแต่มีเศรษฐกิจดีเยี่ยม เมืองไทยขณะนี้เศรษฐกิจดีเยี่ยม ขอยืนยัน ตามภาษาของเรา ถ้าไปเทียบกับ เศรษฐกิจโลก แบบโลกียก็อีกอย่าง แต่ถ้าวัดโดยโลกุตระนั้นประเทศไทยเป็นที่ 1 ในโลก
ต้องรู้ว่าเศรษฐกิจโลกุตระนั้นไม่เอาความรวยเอาความได้เปรียบมาเป็นเครื่องตัดสิน ถ้าจะให้ชัดเจนเอาความเสียสละหรือเสียเปรียบให้แก่ประเทศอื่นได้ นั่นต่างหากเป็นตัวตัดสินว่าเศรษฐกิจดี โปรดฟังครั้งที่ 2
เศรษฐกิจดีคือประเทศเราสามารถจะขาดทุนให้กับประเทศอื่นได้ ไม่ใช่ว่าเศรษฐกิจดีคือประเทศเราไปเอาเปรียบจากประเทศอื่นมาเข้าในประเทศ ถือว่านั่นคือกำไร นั่นคือเศรษฐกิจดี ไม่ใช่ โปรดฟังครั้งที่ 3
เศรษฐกิจดี คือเราเอาตั้งแต่บุคคลตัวเราคนหนึ่ง บ้านหลังหนึ่งครอบครัวหนึ่ง บ้านหลังนี้ทำงานอยู่ในสังคม เลี้ยงชีพได้รอดสบายทุกคนไม่เป็นหนี้ แล้วทำอะไรแจกจ่ายเพื่อนฝูง คนอื่น แล้วไม่สะสมไม่แก่ตัวเองเลยบ้านนี้ไม่รวย เพราะได้มาเกินก็ไปเผื่อแผ่แก่ผู้อื่นที่ควรจะแจกจ่ายเจือจานมีประโยชน์ต่อสังคมโลก นี่คือเศรษฐกิจดี
ข้อเศรษฐกิจเลว คือหาได้เท่านี้แล้วเอามากักตุนไว้แล้วเอาไปออกดอกออกผล เพิ่มมาอีกกอบโกยเข้ามาอีกให้ได้ อันนั้นมันคนเศรษฐกิจชั่ว ฟังให้ดีให้ชัดอาตมาฉีกหน้าความรู้ของคนส่วนใหญ่ที่ไม่เข้าใจ แม้แต่นักเศรษฐศาสตร์ระดับดอกเตอร์มา
ถ้าเผื่อว่าประเทศไทยชัดเจน นักเศรษฐกิจที่ทำงานเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจในประเทศไทยอย่างที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัส จะพัฒนาประเทศให้คนไทยเรามาจน ไม่ใช่ให้คนไทยเราไปรวย พูดอย่างแย้งกับในโลกเขาเลย แล้วต้องพัฒนาประเทศให้มาจน ให้มีกินดีอยู่ดีอุดมสมบูรณ์ เสียสละเผื่อแผ่ ประเทศอื่นได้ แล้วเราไม่ต้องรวย แต่เราเผยแผ่ประเทศอื่นได้แจกจ่ายเจือจานประเทศอื่นได้ เรามีอยู่มีกินพออยู่พอกินอุดมสมบูรณ์เราก็เอาแรงงานไม่ไปเสียกับเรื่องไร้สาระ เก็บคืนมา แรงงานทุนรอนที่เอาไปเสียกับสิ่งไร้สาระเอามาเป็นสาระมาทำงานเน้นเข้าหาปัจจัย 4 หรือบริขารที่ต้องใช้ สิ่งที่ฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่ายเราหยุดแล้วคุณก็เก็บคืนมาได้ เก็บเวลาแรงงานทุนรอนมาสร้างสิ่งที่เป็นสาระได้ เราก็จะเป็นประเทศที่มีสาระแล้วก็อุดมสมบูรณ์เหลือเฟือ
คนไทยก็เป็นคนที่ไม่มีความโง่ไม่ไปเสียเวลากับสิ่งที่ต้องสูญเสีย ความหมุนเวียนของวัตถุที่เราสร้างเราสะพัด ก็เป็นประโยชน์ต่อโลกต่อสังคมเขา เราก็จะไม่เป็นหนี้ เราไม่จำเป็นจะต้องสุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือยอะไร เราไม่ต้องไปบำเรออะไรที่ไม่เข้าเรื่อง
คนถ้าเข้าใจหลักเศรษฐศาสตร์ของพระพุทธเจ้าดังกล่าวนี้แล้ว โอ้โห แก้ไขปัญหาสังคมได้ อย่างอาตมาแก้ไขปัญหาสังคมให้แก่ประเทศได้ก็ได้ชาวอโศกมา หรือใครทำได้ตามหลักเกณฑ์นี้ แต่ที่เห็นเป็นรูปธรรมชัดๆก็คือชาวอโศก ถ้านักเศรษฐกิจเศรษฐศาสตร์ที่บริหารประเทศเข้าใจ ก็ควรจะยกโมเดลชาวอโศกให้เป็นตัวอย่างของชาวโลก ว่ามาปฏิบัติอย่างนี้เศรษฐกิจดีเป็นอย่างนี้มาเป็นคนจนอย่างนี้ ไม่ร่ำรวยแต่อุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้ ไม่เป็นหนี้
-
ไม่เป็นหนี้ 2. ทำมาหากินเหลือกินเหลือใช้ ตนเองพอกินพอใช้ ไม่เป็นหนี้เขาอีกเลย เหลือกินเหลือใช้แจกจ่ายคนอื่นหรือว่าขายไปให้ถูกๆ ไม่ขี้โลภไม่เห็นแก่ได้ แจกจ่ายด้วย มันเหลือก็แจก เราไม่สะสม ชีวิตไม่ต้องรวย
คนที่มีใจพอ รู้จักจุดที่พอ มันก็ไม่ต้องไปรวยแค่นี้พอแล้ว ประเทศไม่ต้องเป็นประเทศที่รวย คนไม่รวยนี้ไม่มีใครอยากจะปล้นอยากจะแย่งเพราะมันไม่มีมากจะไปปล้นมันทำไม ใช่ไหม มันปลอดภัย ไม่ต้องไปข้ามหน้าข้ามตาใคร ใครไม่ต้องมาหมั่นไส้เพราะเราไม่รวย ซึ่งนัยสำคัญที่อาตมาแจกแจง ให้เห็นคุณค่าของคนจน คนจนที่ไม่ใช่โง่เง่าขี้เกียจขี้คร้าน แต่เป็นคนจนที่ประเสริฐ เป็นคนจนที่ยิ่งใหญ่เป็นคนจนที่ไม่ได้ทำภาระให้ใครเลย เป็นคนจนที่มีประโยชน์คุณค่าต่อโลกด้วย ถ้าประเทศเข้าใจอย่างที่ว่าจะไม่ทุกข์ร้อน มีแต่เรามีมากค่ะอยากกินมะระดีๆก็ไปเอา แต่เราไม่มีเวลาไปเดินแจก แตงโมก็กำลังออกลูกกัน ส้มโอลูกขนาดนี้ เนื้อคงมาก ฉ่ำน้ำ รสเปรี้ยวผสมหวาน
ผู้รู้ทั้งหลายพูดอะไรก็แล้วแต่เดี๋ยวก็ไปนิพพาน จะขึ้นต้นด้วยอะไรก็แล้วแต่ ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ไม่ใช่เหลาลงไปเป็นบ้องกัญชา ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่เดี๋ยวก็เป็นทิวไผ่งาม
_6218 ผมขอถาม ท่านพระโพธิสัตว์ว่าพระปัญญานันทภิกขุนั้น เข้าใจพุทธศาสนาหรือไม่ ตอบด้วย ทุย ท่าชนะ
พ่อครูว่า…ท่านปัญญานันทะนั้นเข้าใจพุทธศาสนาอย่างที่ท่านเข้าใจ คุณฟังท่านปัญญานันทะมากี่ปีแล้ว จนท่านเลิกบรรยายท่านตายไปแล้ว อาตมาก็บรรยายมา 30 40 ปีเทียบกันดูสิ ว่า พุทธศาสนาอย่างท่านปัญญานันทะอธิบาย กับพุทธศาสนาที่อาตมาอธิบายเหมือนกันไหมล่ะ ไปตอนนั้นถ้าคุณเข้าใจว่าของท่านปัญญานันทะเป็นพุทธศาสนา พุทธศาสนานั้นก็เป็นแบบของคุณ แต่ถ้าคนฟังอาตมาแล้วก็ต้องบอกว่าอย่างที่อาตมาเป็นพุทธศาสนาคุณก็เรื่องของคุณที่จะตัดสิน อาตมาย่อมไม่ไปบอกว่า ท่านปัญญาเป็นพุทธศาสนาหรือไม่ ท่านถือว่าท่านเป็นพุทธศาสนามาตลอดชีพจะมาจะไปบอกว่าท่านไม่ใช่ได้อย่างไร แต่ท่านก็เข้าใจตามภูมิของท่านที่ท่านแสดงออกมา อาตมาตัดสินให้ไม่ได้หรอกคุณตัดสินเองสิ พุทธศาสนาตามภูมิ ท่านปัญญาก็ตามภูมิของท่าน อาตมาก็ตามภูมิของอาตมา ส่วนคุณทั้งหลาย ก็จงฟัง พระพุทธเจ้าบอกว่าอันใดเป็นธรรมวาที ไปฟังข้างนั้นข้างนี้อย่างนี้ คุณเห็นว่าอันใดเป็นธรรมวาทีคุณก็เอาอันนั้น อันนี้เป็น อธรรมวาที คุณก็คงไม่เอา
สู่แดนธรรมว่า…ท่านปัญญาเคยบอกว่าท่านโพธิรักษ์สอนให้คนเลิกจากการงานมาอยู่รวมกันได้อย่างไร
พ่อครูว่า…ท่านปัญญาเคยสงสัยว่า สอนให้คนเลิกออกจากการงานมาได้อย่างไรและอยู่ได้อย่างไร อันนี้เป็นปาฏิหาริย์ เป็นเรื่องลึกซึ้ง จริงๆนะ ไม่ใช่คนจะพามาทำอย่างที่อาตมาทำได้ง่ายๆ แล้วอยู่กันอย่างมีความสุขไหม …สุข มีความทุกข์น้อย ถ้าไม่สุขจะอยู่ทำไมป่านนี้หนีไปหมดแล้ว ของใครของมัน ถ้าไม่สุขแล้วจะอยู่ทำไมบางคนก็เผาไปให้แล้ว ใครคิดว่าจะตายอยู่กับชาวอโศก ยกมือ มันชัดเจน ไปบังคับมาหรือถูกหลอกมาหรือเอาเงินซื้อมาหรือก็ไม่ทั้งนั้น ตั้งใจมาด้วยความโง่ ถ้าจะบอกว่าโง่หรือปัญญาก็ไม่มีปัญหาก็ตามภูมิของเรา เราเห็นว่าอันนี้ดีก็มา ใครจะว่าเราโง่ไม่มีปัญญาก็แล้วแต่ใครจะเอาบัญญัติมาใส่ เขาว่าพวกเราโง่ก็มีอยู่
_แก้วลา ไชยวงค์ · กราบๆๆพ่อครูไม่รู้จะเขียนอะไรถูกใจทุกเรื่องทั้งธรรมะ ทั้งการเมืองเจ้าค่ะ
_มนูญ ณ นคร : กราบเรียนถามพ่อท่านหรือสมณะหากเราโน้มนำผู้ป่วยมากินมังสวิรัติไม่ได้ แต่เราต้องทำกับข้าวเนื้อสัตว์ให้เขา เพราะเขาทำเองไม่สะดวกส่วนเราเองไม่นึกอยากอาหารที่ทำนั้นเลย และการช่วยเขาเราช่วยฟรีไม่มีผลตอบแทน อย่างนี้เราจะต้องรับวิบากเรื่องการฆ่าสัตว์หรือไม่ครับ
พ่อครูว่า…ไม่ละเว้นหรอก คุณฆ่าสัตว์ก็เป็นวิบาก ถามพวกสัตว์ดูสิคุณได้ปลามาก็ตัดหัวปลาและบอกว่าเอ็งอย่าจองเวรเราเลย มันก็ไม่รู้เรื่องด้วยหรอก สัตว์ตัวไหนก็ตาม ถ้าเราไปฆ่าสัตว์แล้วไม่มีวิบากไม่มี ไม่มีสัตว์ตัวไหนมันจะยอมให้ฆ่าหรอก คนก็เหมือนกันใครจะยอมให้ถูกฆ่า ข้อที่ 1 ฆ่าสัตว์มันก็บาป เลี่ยงได้ก็เลี่ยง เลี่ยงไม่ได้ก็วิบาก ไม่รับไม่ได้ คุณก็อย่าไปฆ่า คนก็ไปเอาสัตว์ที่ตายมาแล้ว ยิ่งสัตว์ที่เป็นเดนสัตว์กินก็หายาก ก็ต้องไปซื้อจากตลาดที่เขาฆ่ามาแล้วก็บรรเทาไป จำเป็นต้องทำมันเป็นวิบากของคุณ
_“ ทำไมถึงเชียร์ลุงตู่ ???? เขียนโดยท่านฑูต
ทุกอย่างมันต้องมีเหตุผลครับ แต่ผมอธิบายแล้วห้ามด่านะ เพราะลางเนื้อชอบลางยา ต้องเคารพความเห็นของผมด้วย ใครไม่ชอบก็เรื่องของคนนั้น เอาเรื่องใหญ่ๆก่อน
1.ผมชอบที่บ้านเมืองนิ่ง สงบเรียบร้อย ลำคลองสวยสะอาดขึ้นหลายคลอง
พ่อครูว่า…มีคนบอกว่าที่นิ่งเพราะใช้มาตรา 44 แต่สมัยพลเอกสฤษดิ์ก็ใช้มาตรา 7 เหมือนกัน แต่มีพฤติกรรมปรากฏการณ์ต่างกันไหมกับมาตรา 44 ของพลเอกประยุทธ์ ต่างกันอย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นคนที่จะตำหนิ ดุ้นๆ ไม่เข้าใจเลยละเอียดก็หัดเปรียบเทียบให้รู้ มาตรา 44 ของพลเอกประยุทธ์ ตั้งขึ้นมา จะบอกว่าเอาไว้ขู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรเลยไม่ได้ไปนั่งใช้เบ่งอะไร ขู่พวกปากมาก ขนาดนั้นมันยังปากมากเลย แต่ไม่ได้ไปเล่นงานอะไรมากมาย มีแต่ทำตามกฏหมาย สุดท้ายถูกยุบพรรคก็ยังไม่ได้ใช้มาตรา 44 มันสวยงามมากไปในประเทศไทย
2.เศรษฐกิจมหภาคดีมาก อัตราเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ (FOREX) เราพุ่งทะยานไปได้ถึงอันดับที่ 12 ของโลก
3.ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพที่สุดใน 5-6 ปี
4.การส่งออกดีมาก ผมเพิ่งกลับจากทำงานที่อาร์เจนตินา อยากบอกว่าประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ได้ดุลย์การค้าประเทศแถวลาติน ในขณะที่อาเซียนอื่นๆขาดดุลย์
5.ภาคการท่องเที่ยวถือว่าไทย top form มากในระดับ world class กทม.ได้รับการโหวตให้เป็นเมืองน่าเที่ยวที่สุด มีคนมาเยือนมากที่สุด 3 ปีซ้อนในสมัยลุงตู่
6.เศรษฐกิจระดับจุลภาคโอเคยังไม่ดีมากเท่าไหร่ แต่มันคือสภาพที่เป็นไปทั้งโลก การค้าเปลี่ยนรูปแบบไปเป็นระบบออนไลน์ ซึ่งถ้าใครจับทางได้ก็รวย
7.อัตราเงินเฟ้อของไทยถือว่าต่ำมาก เพียง 0.04% ถ้าเทียบกับประเทศที่เศรษฐกิจแย่ๆอย่างเวเนซูเอลา เงินเฟ้อถึง 1 ล้านเปอร์เซ็นต์ อาร์เจนตินาเงินเฟ้อสะสม 300 %
พ่อครูว่า…อยากให้ไปคิด ดูอเมริกา หากในโลก แต่ละประเทศเอาแบงค์ดอลล่าร์ไปแลกเอาทองคืน อเมริกาคงไม่มีทองมาให้ (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
สมณะฟ้าไทว่า…เขาใช้โฆษณาอำนาจ
พ่อครูว่า…อเมริกาใช้ อำนาจและการโฆษณา ถ้าไม่มี 2 อย่างนี้อเมริกาอยู่ไม่ได้ เขาจึงต้องรักษาสถานภาพไว้ จึงบอกว่าประเทศอื่นจะสร้างนิวเคลียร์ แต่ว่าอเมริกานั้นสร้างเท่าไหร่ไม่รู้ ที่เข้าไปรุกรานตะวันออกกลาง เกาหลีเหนือเขาก็ต้องสร้างไม่งั้นอยู่ไม่ได้
อาอู๊ดว่า…อเมริกาผลิตอาวุธ เป็นสิ้นค้าอันดับหนึ่ง แต่ถ้าไทยผลิตพืชผักไร้สารพิษราคาแพงกว่าอาวุธได้
พ่อครูว่า…หากตีราคาอาหารไร้สารพิษให้เหนือชั้นกว่าอเมริกาไม่รู้กี่ชั้น จะเห็นได้ว่าสังคมทุกวันนี้มันอยู่ได้ด้วยอำนาจของความกลัวครอบงำ เราก็อย่าไปกลัวมัน เขายิงลูกปืนมาเราก็เอาเมล็ดข้าวปากลับ ให้มันรู้ซะบ้าง
8.ประเทศไทยทวงแชมป์ประเทศส่งออกข้าวเป็นผลสำเร็จ หลังจากที่ปี 56-57 เราเสียแชมป์ให้กับอินเดียและเวียดนาม ตกไปที่อันดับ 3 แต่มาปีนี้เราขึ้นมาครองแชมป์ได้
9.ภาค logistics เราพัฒนาแบบก้าวกระโดดมากจนเอาชนะมาเลเซียได้สำเร็จ จนสำนักข่าวต่างประเทศเช่น Bloomberg ตั้งข้อสังเกตว่าเราเป็นประเทศที่น่าจับตามองมากที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาค
10.ผมเห็นด้วยกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่รัฐบาลลุงตู่ทำไว้ครับ เพราะถือว่ามาถูกทางแล้ว แผนนี้จะสอดคล้องกับนโยบายในภาพรวมของอาเซียนเรื่อง connectivity ซึ่งถ้าเราทำตามแผนยุทธศาสตร์ 20 ปีโดยไม่สะดุดล้มเพราะพิษการเมือง ภายใน 20 ปี ไทยเราจะกลายเป็น Hub ที่สำคัญที่สุดของ ASEAN Connectivity ด้วยระบบคมนาคมรางทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ และ 3 สนามบินที่จะเชื่อมกันด้วยรถไฟความเร็วสูง ตรงนี้ผมมองไปไกลว่าถ้าเราทำสำเร็จเราจะสามารถแย่งความเป็น Hub จากสิงคโปร์ได้ เพราะไทยเราเป็นศูนย์กลางของอาเซียนที่มีโครงการ East-West Corridor / North-South Corridor ซึ่งทุกจุดจะลากผ่านประเทศไทยทำให้เราเป็น Land Link ที่สำคัญของภูมิภาค และถ้าระบบรางเราดีก็ไม่จำเป็นต้องมีคอคอดกระก็ได้
11.ในด้านการเมืองระหว่างประเทศผมว่าช่วงลุงตู่เราสามารถถ่วงดุลย์กับประเทศมหาอำนาจได้ดีระหว่าง สหรัฐฯ จีน รัสเซีย ญี่ปุ่น และ EU
-
ลุงตู่สามารถปลดธงแดงแก้ปัญหาทางการบินกับ ICAO ได้ สามารถแก้ปัญหาประมง IUU ลดระดับ Tier 3 ลงได้ และผลพลอยได้ที่สำคัญมาก ทะเลไทยมีสภาพดีขึ้นด้วย
จริงๆแล้วมันมีเหตุผลมากกว่านี้นะ แต่เด็กรุ่นใหม่ที่เข้ามาแสดงความฉลาดและด่าผมอย่างหยาบๆคายๆนั้น อย่าถือสาหาความกับความเห็นโง่ๆของผมเลยนะ คุณชอบใครเชียร์ใครก็เป็นสิทธิของคุณละกัน ! “
(ท่านทูตนริศโรจน์ เฟื่องระบิล เอกอัครราชทูต ประจำกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา)
Published on Jul 25, 2017
Jueves 13 de julio de 2017
Category News & Politics
พ่อครูว่า…มีบทความของคุณประพันธ์ คูณมีเขียนเอาไว้
ข้าพระบาท ทาสประชาชน : ประชาธิปไตยจอมปลอม กับเผด็จการตัวจริง
วันนี้ประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง อันเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยทั่วไปครั้งแรก ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562 ภายหลังเหตุการณ์ที่มีคณะทหารภายใต้ชื่อ “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ” หรือ คสช. เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ จัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลขึ้นมาบริหารแล้วด้วยความสงบเรียบร้อย เป็นเวลาถึง 4 ปีเศษ
พ่อครูว่า…พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ยึดอำนาจประชาชนเป็นผู้ยึดอำนาจ นักเขียนการ์ตูนเซียร์ไม่ได้เข้าใจเลย เขียนการ์ตูนออกมาอย่างนั้น พลเอกประยุทธ์นั้น มีสถานะเป็นข้าราชการทหาร แต่เป็นเอกประยุทธ์มารับช่วงนี้ ไม่ได้เป็นทหาร ไม่ได้เป็นข้าราชการไม่ได้เป็นพลเอกประยุทธ์ แต่ยศพระราชทานเป็นพลเอกเอาออกไม่ได้ จะเรียกว่านายประยุทธ์ก็ไม่ได้ ของพลเอกประยุทธ์นี้มาทำงานของประชาชนเพื่อบริหารประเทศเป็นนายกฯของประชาชน ไม่ใช่พลเอกประยุทธ์ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ
พลเอกประยุทธ์มาทำงานเป็นนายกรัฐมนตรีนี้ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ที่เอาตำแหน่งพลเอกประยุทธ์มาทำ ไม่ใช่ แต่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐทางการเมือง ตำแหน่งข้าราชการประจำก็เป็นพลเอกประยุทธ์ แต่ตอนนี้เอาพลเอกออกไม่ได้ แต่ตำแหน่งผู้บริหารเป็นนายกรัฐมนตรีนี้เป็นประชาชน ฟังซ้อนไหม เพราะฉะนั้นการ์ตูนของนายเซียร์เขาว่า คนอื่นสมองกลับ เช่นว่า ดร.สมคิดบอกว่า พลเอกประยุทธ์ไม่ได้มายึดอำนาจ นายเซียร์ก็ว่าพูดอะไร ทั้งที่ดร.สมคิดนั้นพูดถูก หรือแม้แต่ว่ารองนายกฯวิษณุ ก็บอกว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ นายเซียร์ที่เขียนการ์ตูนในไทยรัฐก็บอกว่าสมองกลับกันเลย ความลึกซึ้งซับซ้อนเหล่านี้เขายังละเอียดลออเข้าใจไม่ได้ ที่อาตมาอธิบายไปคร่าวๆ นายกฯประยุทธ์นั้นมาทำงานต่อจากประชาชนรัฐประหารแล้ว ไม่ใช่ว่าพลเอกประยุทธ์รัฐประหาร แต่ประชาชนรัฐประหาร และก็ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่คนแยกไม่ออกว่าพลเอกประยุทธ์ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ พลเอกประยุทธ์ไม่ได้เอาตำแหน่งมารัฐประหาร แต่เข้ามาในฐานะประชาชนรับช่วงจากประชาชน
_สถานการณ์บ้านเมืองโดยทั่วไป จึงอยู่ในเทศกาลรณรงค์ปราศรัยหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ ส่วนหนึ่งก็เป็นการนำเสนอนโยบายต่อประชาชน แต่ส่วนมากมักจะมุ่งปราศรัยโจมตีพรรคที่สนับสนุนรัฐบาล หรือไม่ก็มุ่งโจมตี คสช.และนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สวมหมวกอีกใบเป็นหัวหน้าคณะ คสช. โดยมิได้ใส่ใจเสนอนโยบายอะไรที่ดีกว่าให้ประชาชนพิจารณา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากพรรคการเมืองเครือข่ายของ “ระบอบทักษิณ” ประเภทพรรคตระกูลเพื่อทั้งหลาย ผสมโรงด้วยพรรคการเมืองที่อ้างตนว่ามีอนาคตใหม่ แต่เลวร้ายน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
วาทกรรมหนึ่งที่พรรคเครือข่ายระบอบทักษิณ ยกขึ้นชูเป็นคำขวัญที่หวังจะโน้มนำการตัดสินใจของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็คือ การให้ประชาชนเลือกข้างและตัดสินใจ ระหว่าง “ฝ่ายประชาธิปไตย” หรือ “เผด็จการ” โดยมักอ้างกับประชาชนหรือยกยอเชิดชูพวกตนเองว่า พวกเขาเป็นฝ่ายประชาธิปไตย พร้อมกับชี้นิ้วไปที่ คสช.และพรรคการเมืองที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ว่าเป็นพวกเผด็จการ ปัญหาที่น่าสนใจก็คือ ใครกันแน่คือ “ฝ่ายประชาธิปไตย” และใครคือ “พวกเผด็จการ” วิญญูชนทั้งหลายจึงต้องพึงใช้วิจารณญาณพิจารณา เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้มีความเสี่ยง จึงควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ
ในช่วงชีวิตของผู้เขียน ได้สัมผัสการเมืองไทยทั้ง 2 ระบอบคือ ที่มาจากการเลือกตั้งที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย และที่มาจากการยึดอำนาจโดยคณะทหาร นับตั้งแต่เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เป็นต้นมา ถึงปัจจุบันรวม 46 ปี เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบรัฐบาลนี้ กับรัฐบาลทหารชุดอื่นๆ กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว ยังไม่พบและปรากฏพฤติกรรมหรือการกระทำใดๆ ของรัฐบาลนี้ ที่ส่อให้เห็นถึงความเป็นเผด็จการที่จำกัด คุกคามสิทธิ เสรีภาพ ประชาชน จนเกินเลยขอบเขตถึงขนาดทำลายความเป็นมนุษย์ ละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชน หรือมีการลอบสังหารเข่นฆ่า ใช้อำนาจปราบปรามประชาชนอย่างโหดร้ายป่าเถื่อนแต่อย่างใด
สื่อมวลชน ยังสามารถแสดงความคิดเห็นหรือวิพากษ์วิจารณ์ติชม ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้ ยังไม่ปรากฏพฤติกรรมลุแก่อำนาจ ไม่ยึดถือกฎหมาย ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม ใช้อำนาจโดยทุจริตเพื่อประโยชน์ตนและพวกพ้อง ญาติพี่น้อง หรือมีประโยชน์ทับซ้อน เหมือนรัฐบาลในอดีต องค์ประกอบของเผด็จการแบบ “บ้าอำนาจ พิฆาตประชาชน ปล้นประเทศชาติ ทำลายอำนาจตุลาการ ผลาญเงินแผ่นดิน” ยังไม่ปรากฏให้เห็นในคณะทหารและรัฐบาลนี้ พอที่จะสวมหมวกเผด็จการให้ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
ตรงกันข้าม เมื่อย้อนไปพิจารณาในช่วงเวลาที่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ขึ้นบริหารและปกครองประเทศ ที่บรรดาลูกสมุนบริวารทักษิณทั้งหลายต่างสอพลอยกยอปอปั้นให้เป็นผู้นำฝ่ายประชาธิปไตยนั้น นอกจากลงทุนจ้างสื่อและล็อบบี้ยีสต์ในต่างประเทศให้ช่วยสร้างภาพแล้ว สื่อในประเทศและบรรดาสมุนบริวารยังช่วยกันกระพือขยายผล เพื่อให้ดูสมจริงลวงตาคน ทั้งๆที่ข้อเท็จจริงขัดแย้งกับพฤติกรรมทางการเมืองของเขาชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้า ในทันทีที่เข้าดำรงตำแหน่งนายกฯ ระหว่างปี 2544-2549 ผลงานความเป็นนักประชาธิปไตยจอม เผด็จการตัวจริงของเขาชัดแจ้งยิ่งกว่าแสงตะวัน ชนิดที่นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งด้วยกันหาตัวจับยากความเป็นเผด็จการเทียบกับทักษิณมิได้เลย ลองมาทบทวนผลงานอัปยศของพวกปากประชาธิปไตย ใจเผด็จการดูกันบ้างสิครับว่าจะเป็นอย่างไร
กรณีคุกคามสื่อมวลชน
-
ทันทีที่เข้ารับตำแหน่งนายกฯ เขาใช้คำสั่งให้ ปปง.ตรวจสอบความผิดของบรรดาสื่อมวลชนใหญ่ๆ แทบทุกฉบับ ยัดข้อหาความผิดฐานฟอกเงินให้ทุกคนไม่ว่า คุณเปลว สีเงิน, สุทธิชัย หยุ่น, วารินทร์ พูนศิริวงศ์ ฯลฯ โดนกันถ้วนหน้า
-
บุกไปพบวารินทร์ พูนศิริวงศ์ เจ้าของหนังสือพิมพ์แนวหน้า ขอให้ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ หยุดเขียนวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า
-
ปิดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ที่ดำเนินรายการโดย สนธิ ลิ้มทองกุล ทางช่อง 9 อสมท. เหตุเพราะวิจารณ์รัฐบาลทักษิณ
-
ใช้อำนาจการเมืองและอำนาจเงิน ซื้อสื่อหนังสือพิมพ์มติชน ยึดสถานีโทรทัศน์ ไอทีวี ครอบงำสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เอาพวกและสมุนบริวารเข้าควบคุม จัดรายการ มอมเมาประชาชน เชียร์ทักษิณ
-
สื่อใดไม่เป็นพวกก็ตัดงบโฆษณา ห้ามหน่วยงานรัฐใช้บริการ คอลัมนิสต์ใหญ่ที่ยอมตนรับใช้ ก็ใช้งบรัฐเลี้ยงดูปูเสื่อฟูมฟักเป็นอย่างดี
คุกคามชีวิตและสิทธิเสรีภาพประชาชน
-
มีการสังหารประชาชน ภายใต้นโยบายทำสงครามปราบยาเสพติดเป็นจำนวนมากร่วม 2,500 ศพ โดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรม มีผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมากต้องล้มตาย มากยิ่งกว่ามีรัฐบาลทหารชุดใดๆ รวมกันทั้งหมด จนในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำรัสในเรื่องนี้
-
เอ็นจีโอ พระ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และนักสิทธิมนุษยชน เช่น ทนายสมชาย นีละไพจิตร เอกยุทธ อัญชันบุตร ถูกอุ้มฆ่าอย่างโหดเหี้ยมป่าเถื่อน
-
ในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถูกอันธพาลการเมืองสมุนระบอบทักษิณ ลอบยิง วางระเบิด ใช้กองกำลังอันธพาลและเจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธรุมทำร้ายบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
-
ในการชุมนุมเพื่อคัดค้านการแถลงนโยบายของ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่หน้ารัฐสภา มีการสั่งการจากนักโทษหนีคดี ให้ใช้อาวุธและแก๊สนํ้าตาเข้าสลายการชุมนุม ด้วยความโหดร้ายป่าเถื่อนในเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 จนมีผู้เสียชีวิตนับสิบ บาดเจ็บตาบอด แขนขาพิการนับร้อยคน
-
ในยุคที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับการโหวตจากเสียงข้างมากในสภา ให้เป็นนายกฯ พวกเขาที่อ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ก็มิได้เคารพมติเสียงข้างมากของสภา ปลุกปั่นปลุกระดม ก่อจลาจล เผาบ้านเผาเมือง เผาทำลายทรัพย์สินของรัฐ และเอกชน ไม่เว้นแม้ศาลากลางจังหวัด มีการวางระเบิดทั่วเมือง ใช้กองกำลังติดอาวุธยิงทำร้ายทหาร จนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
-
บุกรุกเข้าไปในโรงพยาบาลจุฬาฯ ไม่เว้นแม้ห้องพักรักษาตัวของสมเด็จพระสังฆราช และอุกอาจถึงขนาดใช้กำลังบุกรุกทำลายการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยา ทำลายทรัพย์สินของโรมแรม และบรรดาผู้นำประเทศต่างๆ ต้องหนีตายอลหม่าน ทำลายเกียรติภูมิภาพลักษณ์ของประเทศย่อยยับ
ในทางการเมือง และการบริหารประเทศ
-
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในระบอบทักษิณ เป็นเพียงพนักงานรับจ้างที่สังกัดพรรค มิได้เป็นตัวแทนปวงชนชาวไทยแต่อย่างใด ลงมติตามเจ้านายสั่ง แม้กระทั่งเสียบบัตรโหวตแทนกัน
-
วุฒิสภา ก็ถูกครอบงำแทรกแซง เป็นเพียงสภาหุ่นเชิด องค์กรอิสระทั้งหลาย ก็ถูกครอบงำแทรกแซงเช่นกัน
-
การแต่งตั้งข้าราชการเข้าดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ต่างๆ เป็นระบบวิ่งเต้น ระบบพรรคพวก และสมุนบริวาร ญาติพี่น้องเท่านั้นที่จะได้รับการแต่งตั้ง ผลักดันญาติพี่น้องตัวเองขึ้นตำแหน่ง ผบ.ทบ. หรือ ผบ.ตร. โดยไม่เป็นธรรม
-
สำคัญที่สุดคือใช้อำนาจรัฐโดยทุจริต เพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง เป็นนักการเมืองโคตรโกงและโกงกันทั้งโคตร ออกกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจ คิดนโยบายเพื่อโกง หนีภาษี และหาแต่วิธีลบล้างความผิดให้แก่ตนเองและพวกพ้อง ดังปรากฎตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เหตุรํ่ารวยผิดปกติหรือกรณีที่ดินรัชดาฯ
-
พรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมา ก็เพียงใช้เป็นเครื่องมือเข้าสู่อำนาจ โดยไม่เคารพกฎหมายและรัฐธรรมนูญ มิได้ผดุงระบอบประชาธิปไตยให้เจริญรุ่งเรือง ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย จึงถูกยุบพรรคครั้งแล้วครั้งเล่าซํ้าซาก แต่ไม่เข็ดหลาบ ดังปรากฏตามคำพิพากษาคดียุบพรรคที่กล่าวมาข้างต้น เป็นเพียงพฤติกรรมบางส่วน ซึ่งยังมีเรื่องชั่วร้ายมากกว่านี้อีกนับร้อย อันเป็นพฤติกรรมของนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ที่ชอบสมอ้างว่าตนเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ดังนั้น ประชาชนทั้งหลาย จึงพึงพิจารณาใช้วิจารณญาณของตนให้ดี ไม่ควรมองเพียงว่า ถ้าใส่เสื้อสีเขียวแบบทหาร แล้วต้องเป็นเผด็จการ ใส่สูทผูกไท้แล้วต้องเป็นนักประชาธิปไตย