มี.ค.152019ศาสนา 620315_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ประชาธิปไตยและคอมมิวนิสต์ที่สุดยอด อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1wXcXM25vXPANkkMA0UI2u9Lk-VsxayAAwJHNBLP5wCc/edit?usp=sharing ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1MoG6f40VXZYiY0sMLz6IB3azGxANqegF สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก อ่านคอลัมน์จริงจังตามพ่อใน นสพ.เราคิดอะไร พ่อครูว่า…SMS + ประเด็น _6251 : พ่อท่านวิเคราะห์การเมืองได้สุดยอดเลยครับ _สันติ จรูญวิทยากร..กราบนมัสการหลวงปู่ครับ สักวันหนึ่งผมต้องไปอยู่บ้านราชให้ได้ครับ รอผมด้วยนะครับ ขอกราบขอบพระคุณครับ _มนูญ ขอบคุณครับ ผมดูย้อนหลังแล้วครับ ผมผิดเอง ผมถามไม่ละเอียด พ่อครูจึงตอบว่าการฆ่าสัตว์เองหรือซื้อเขามาเป็นวิบาก ซึ่งข้อนี้ผมเข้าใจครับ แต่จริงๆแล้วผมอยากถามว่า คนป่วยเขาเป็นคนซื้อเนื้อสัตว์มาเอง ส่วนผมกับภรรยาไปช่วยทำอาหารให้เขา อย่างนี้เราจะติดวิบากบาปไหม ซึ่งในความคิดของผม หากเราร่วมขบวนนี้ ผมว่าบาป ไม่มีข้อเว้นใดๆ แต่ภรรยาผมเขาแย้งว่า ไม่บาป เพราะเขาไม่ได้ฆ่า ไม่ได้ซื้อ อีกทั้งไม่ได้ยินดีในเนื้อสัตว์นั้น เพียงแต่เขายินดีจะช่วยเหลือคนป่วยพิการ /แล้วอย่างผมคิดถูกหรือภรรยาผมถูกครับ /รบกวนตอบให้ผมกับภรรยาแจ้งในธรรมเถิดครับ /กราบขอบคุณมากครับ พ่อครูว่า…สัตว์ที่มันตายนั้น คนที่กินเนื้อมัน สัตว์มันจะตามมาไหมว่าเอาเนื้อฉันไปกิน เรื่องพวกนี้เป็นกรรมวิบากเป็นเรื่องอจินไตย เท่าที่เรามีชีวิตอยู่ในสังคม หากว่าสุดวิสัยเราก็ต้องจำนน ทุกวันนี้อาตมาก็ต้องยอมจำนนหลายอย่าง อาตมาจำนนมากที่ต้องบอกว่าตัวเองเป็นอรหันต์เป็นโพธิสัตว์ เป็นความจำเป็น ใจจริงไม่อยากบอกเลย แต่ในยุคนี้เป็นอย่างนี้จำเป็นต้องบอก คนเข้าใจอาตมายาก ใครจะหาว่าแก้ตัวก็ไม่เป็นไร แต่ก็ขอบอก อนุโลมปฏิโลมไปได้ในกรณีของคุณคนนี้ การเมืองแบบไทยไท ชาติบ่งชี้สืบเชื้อ บรรพชน ศาสนาพาฝึกฝน จิตไว้ กษัตริย์ประมุขรวมกมล เป็นมิ่ง ขวัญเอย 3 หลัก เส้าไซร้ รากแก้ว แก่นเมือง สุโขทัยอดีตโน้น พันผูก แบบพ่อปกครองลูก พ่อให้ คำว่าพ่อจึงถูก จารึก ไว้แฮ กระดิ่งพ่อแขวนไว้ เดือดร้อน สั่นดัง อยุธยายศยิ่งแล้ว เลอสรวง ลงหลักนักคราหลวง เกริกฟ้า จตุสดมภ์แดปวง พสกนิ-กรเฮย ทวยราษฎร์ปลูกข้าวกล้า หล่อเลี้ยงตนเอง ธนบุรีนเรศรุ้ง บุรี รวมเหล่าประชาชี อยู่ไซร้ เมืองหลวงล่มวารี เจ้าพระ-ยาเฮย แค่สิบห้าปีได้ เปลี่ยนด้าวแปลงแดน กรุงเทพเทพสถิตย์ไท้ เรืองนรินทร์ รัตนโกสินทร์ สืบสร้าง สืบสิบกษัตริย์ครองบุรินทร์ โรจน์รุ่ง เรื่อยมา อบอุ่นขอเอ่ยอ้าง โอฎฐ์เอื้อนอวยชัย การเมืองเอยอย่าอ้าง ตำรา ที่ท่องจำกันมา สอบได้ การเมืองแบบบูรพา นานเนิ่น เนาเฮย มีพุทธศาสน์ไซร้ สืบสร้างวิญญาณ คืนหมาหอนอย่าให้ ได้สดับ ปลิดชีพจนตายดับ ทับหล้า กรรมวิบากบังคับ ลงสู่ อบายเฮย ขุดรากถอนโคนบ้า โคตรเจ้าเหล่ากอ เป็นต้น นาประโคน พฤ. 14 มี.ค. 62 พ่อครูว่า…กวีไม่ควรมีคำที่ใช้ซ้ำกัน มันแสดงถึงความรู้ในภาษาอันจำกัดของคนแต่งได้ และคำสัมผัสระหว่างวรรค ก็ต้องมีแบบแผนที่ถูกต้อง สื่อธรรมะพ่อครู(การเมืองบุญนิยม) ตอน จิตวิญญาณประชาธิปไตยคืออย่างไร ในยุคพระพุทธเจ้าระบอบประชาธิปไตยไม่มี แต่พระพุทธเจ้าท่านมีแล้ว หลายคนก็หาว่าอาตมาโมเมเอง แต่อาตมาว่าอาตมาเข้าใจว่าประชาธิปไตยคืออะไร ในแง่ของพฤติกรรม ประชาธิปไตยจะต้องมีประชาชนกับกษัตริย์ด้วย ประชาธิปไตยที่ไม่มีกษัตริย์มีแต่ประธานาธิบดี ที่ให้ประชาชนเลือกเลย อาตมาว่านั่นเป็นประชาธิปไตยแปลง อยากอวดดี อยากเป็นอิสรเสรี เป็นยุคเห็นแก่ตัวมีมานะอัตตา แต่จิตวิญญาณที่ถ่วงดุลกันประชาธิปไตยต้องมีทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ประชาธิปไตยอยู่อย่างเดี่ยวไม่มีอะไรถ่วงดุลใช้ไม่ได้เลย ไม่ใช่ประชาธิปไตย ประชาธิปไตยต้องมีฝ่ายที่ถ่วงดุลอยู่มีลักษณะ 2 ระบบระเบียบวิธีการกฎมณเฑียรบาล มีการสืบสันตติวงศ์ ที่จะมาเป็นกษัตริย์ประจำประเทศ เป็นรากเหง้าของผู้บริหารประจำ เป็นสุดยอดของความเป็นมนุษย์ อาตมาพยายามชี้สัจธรรมให้เห็นว่า พระพุทธเจ้าเป็นนักประชาธิปไตยที่สูงส่ง เนื้อหาสาระของประชาธิปไตยจะต้องมี 1.มีอิสระเสรีภาพ 2. ไม่เห็นแก่ตัวไม่มีตัวตน ไม่มีกิเลสเห็นแก่ตัว 3. มีปัญญาขั้นโลกุตระ รู้จักโลกรู้จักอัตตาสมบูรณ์ โลกาธิปไตย-ธรรมาธิปไตย-อัตตาธิปไตย (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย) ที่อาตมาต้องพูดเพราะเป็นเรื่องของมนุษยชาติสังคม ต้องดูแลบริหารอภิบาลกัน ต้องช่วยกัน ขอยืนยันว่าชีวิตนี้มาบวชก็มาบริหารอภิบาลให้คนได้รับความรู้ปรับปรุงพัฒนาตัวเอง ให้มีกายวาจาใจที่ดีและเจริญขึ้นตามหลักพระพุทธเจ้า เจริญแบบมีวรรณะ 9 สาราณียธรรม 6 เป็นสุดยอดคำสอนทฤษฎีพระพุทธเจ้าที่เอามาใช้ เอามาใช้ศึกษาฝึกฝนได้จริงได้ ยุคนี้ก็ยังทำได้สำเร็จ เกิดกลุ่มชาวอโศกปฏิบัติตามหลักพระพุทธเจ้า เอาหลักตัดสินธรรมวินัย 8 ข้อ กถาวัตถุ 10 วรรณะ 9 ก็ได้มาตรวจสอบ แล้วมีผลเป็นสาราณียธรรม 6 พุทธพจน์ 7 ศีลสมาธิปัญญาจรณะ 15 วิชชา 8 โพธิปักขิยธรรม 37 ได้หมด ปฏิบัติได้จริง ทำให้มนุษยชาติเปลี่ยนแปลงกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมได้ จากโลกีย์ที่เต็มไปด้วยกิเลสสมบูรณ์แบบ บรรลุสูงสุดแล้วช่วยผู้อื่นต่อได้ เป็นพระอรหันต์แล้วก็ทำงานช่วยผู้อื่นต่อไปสืบสานศาสนาต่อไป เป็นเรื่องประโยชน์ของมนุษยชาติสังคม ถ้าสังคมขาดก็จะยุ่ง อาตมาภูมิใจเกิดมาในชาตินี้ไม่เสียชาติเกิดที่มาทำงานแบบนี้ ทำงานช่วยมนุษยชาติให้มีความรู้ดีงามเป็นประโยชน์ต่อโลก โดยทำประโยชน์ตนได้แล้วก็เกื้อกูลโลกต่อ อาตมาภูมิใจที่ได้ทำกิจนี้ 250 สว. ‘รากเหง้าอภิวัฒน์’ 14 มีนาคม พ.ศ. 2562 เมื่อวาน คุยถึงเรื่อง………. “อะไรคือเผด็จการ” และ “อะไรคือประชาธิปไตย” ในประเทศไทย? นับเนื่องจาก “คณะราษฎร” ทำรัฐประหารพระมหากษัตริย์ เปลี่ยนระบอบปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปเป็นระบอบประชาธิปไตย ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ ถ้าศึกษากันจริงๆ ไม่ใช่รู้ตามอาจารย์ “รับจ้างคด” ยกคำว่าอภิวัฒน์ประชาธิปไตยมาหากิน โดยไม่นำที่เป็นจริงมาบอก เราก็จะเห็น มรรควิธีไปสู่ประชาธิปไตยที่คณะราษฎรใช้ นั้น “เผด็จการคณะราษฎร” อาศัย “เผด็จการทหาร” ผบ.ทบ.พลเอก “พระยาพหลฯ” และรอง ผบ.ทบ. “จอมพล ป. พิบูลสงคราม” เป็นตัวนำ ในการสถาปนาคำว่า “ระบอบประชาธิปไตย” ขึ้นแทน “ระบอบกษัตริย์”! และที่ถามกันโก้ๆ หรือโง่ๆ ว่า “87 ปี จาก 2475 ทำไมไทยจึงไปไม่ถึงประชาธิปไตย?” นั้น คำตอบมีอยู่ว่า……… นับแต่คณะราษฎรทำรัฐประหาร 2475 ประชาธิปไตยที่คลอดออกมา มันเป็นแค่ “ประชาธิปไตยลูกกรอก”! ไม่ตาย แต่ไม่โต……… ถูกใส่พานไว้ให้นักวิชาการบางพวก “ขูดหวย” ประชาธิปไตย 2475 หาแดก สุดแต่ใครจ้าง ที่เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อล้มระบอบกษัตริย์เสร็จ “คณะราษฎร” ก็ขัดแย้งกัน ทะเลาะกัน แย่งชิงอำนาจกัน ถึงขั้นไล่ล่ากันเอง ไม่เป็นอันทำให้ “ประชาธิปไตยกินได้” ตามโฆษณาชวนเชื่อ ในที่สุด ประชาธิปไตย 2475 ก็ “จบฉาก” ด้วยตัวเอง ตามที่มีบันทึก…. บทบาทคณะราษฎรสิ้นสุด เมื่อประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 9 พ.ค.89 คณะราษฎรถือว่า ได้ปฏิบัติหน้าที่สำเร็จ ตามที่ได้แถลงไว้แก่ราษฎร เมื่อ 24 มิ.ย.75 คณะราษฎรจึง “สลายตัว” ผู้ก่อการและสมาชิกแยกย้ายกันไป นายควง อภัยวงศ์ กับเพื่อน ไปเข้าพรรคประชาธิปัตย์ พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ พรรคแนวรัฐธรรมนูญ นายสงวน ตุลารักษ์ ไปพรรคสหชีพ ส่วนรัฐบุรุษอาวุโสปรีดี ท่านไม่เคยสร้างฐานอำนาจ ว่ากันที่จริง ท่านเป็น “สุภาพบุรุษอุดมการณ์” โดยแท้ เป็นลูกชาวนา จึงรู้หัวอกคนทำนา เมื่อทำรัฐประหารระบบกษัตริย์สำเร็จ โครงสร้างเศรษฐกิจที่ท่านร่าง จึงมุ่งแก้ปัญหาชาวนา แต่ถูกโจมตี ว่าหลักการที่ร่างนั้น มัน “คอมมิวนิสต์ร้อยเปอร์เซ็นต์” ทำให้ท่านพังในที่สุด! ส่วนตัวผม “เห็นด้วย” กับระบบ “นารวม” ของท่าน และหลักการประชาธิปไตยเริ่มแรก ว่ายังต้อง “ชี้นำ” ประชาชน คนไทยนั้น………. ใครว่าอะไรก็ได้ แต่ถ้ามาว่า “ไม่รู้..ไม่ฉลาด” มึงตาย! ท่านปรีดีเขียนรัฐธรรมนูญ เขียนโครงสร้างเศรษฐกิจ บนพื้นฐานเป็นจริงของคนและสังคมไทย เพราะอย่างนั้น……… จึงถูกโจมตี ว่าเปลี่ยนจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปเป็นประชาธิปไตย (พ่อครูแทรกว่า ที่พวกเราทำนี้เป็นประชาธิปไตยสุดยอด เป็นคอมมิวนิสต์ที่สุดยอดด้วย) แต่ทำไมจึงเอาระบบ “เผด็จการอำนาจ” ผสม “ลัทธิคอมมูนิสต์” มาใช้? เพราะท่านรู้ โดยเข้าใจ-เข้าถึง “สภาพสังคมไทย” ว่าเป็นแบบไหน จึงประชาธิปไตยฮวบฮาบไม่ได้ ต้องค่อยเป็น-ค่อยไป ต้อง “ชี้ทาง-สร้างกรอบ” ให้เดิน ขืนชี้แล้วปล่อยให้เดินไปเองแต่แรก มีหวัง ตกเหว-ตกบ่อ เป็นกบในสระจ้อยให้พวกนกกระสาประชาธิปไตยจิกกินเปล่าๆ! อภิวัฒน์ประชาธิปไตย 2475 จึงปิดฉาก เหลือแต่ชื่อ ด้วยรัฐประหาร 2490 โดย “พลโทผิน ชุณหะวัณ” สนับสนุน “จอมพล ป. พิบูลสงคราม” คู่กัดท่านปรีดี หนึ่งเดียวใน ๗ ผู้ก่อการที่เหลืออยู่ และแข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ขึ้นเป็นนายกฯ “ประชาธิปไตย ภาค 2” และพยายามเบ่งบารมีเป็นเงาดำทาบทบหวังลบสถาบันพระมหากษัตริย์! ท่านปรีดี ต้องลี้ภัยทั้งการเมืองอภิวัฒน์และทั้งคดีลอบปลงพระชนม์ ไปจีน ไปฝรั่งเศส เมื่อไปแล้ว…….. ท่านไม่เคยชักใย ไม่สนับสนุนใคร หรือพรรคการเมืองใดๆ ให้ก่อกวนประเทศ หรือเผาบ้าน-เผาเมือง เพื่อตัวท่าน จะได้กลับมา “ครองอำนาจ” เลย สมแล้วที่เป็นรัฐบุรุษอาวุโส สมแล้วที่ยูเนสโกยกย่องท่านเป็น “บุคคลสำคัญของโลก” ท่านจบชีวิตที่ฝรั่งเศสในวัย 82 ปี เมื่อ พฤษภา 26 ก็มาถึงประเด็นที่บางพรรคใช้เรื่อง “250 ส.ว.” ร่วม ส.ส.โหวตเลือกตัวนายกฯ ในสภา โจมตีพลเอกประยุทธ์ ว่านี่เป็นการเขียนรัฐธรรมนูญให้พลเอกประยุทธ์สืบต่ออำนาจเผด็จการทางรัฐสภา! มีคนกระแซะ ผมเอาแต่เลียตีนทหาร ไม่เห็นพูดถึงเรื่องนี้บ้าง วันนี้ จั๊กหน่อย! วุฒิสภาเลือกตั้งแบบนี้ ไม่ใช่เพิ่งมี มันมีมาแต่เริ่มแรก โดยรัฐบาลคณะราษฎร 2475 โน่นแล้ว และผมว่า รัฐธรรมนูญ 60 นี้…. คณะร่างฯ ยกเอา “รัฐธรรมนูญ ปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว ฉบับ ๒๗ มิถุนายน ๒๔๗๕ และรัฐธรรมนูญ ฉบับ 10 ธันวาคม 2475” ที่อาจารย์ปรีดีร่าง มาประยุกต์ใช้แน่เลย คือสภาอภิวัฒน์ประชาธิปไตยเริ่มแรก มีเฉพาะ ส.ส.เรียกว่า ส.ส.ประเภท 1 ไม่มีวุฒิสมาชิก แต่ให้มี “ส.ส.ประเภท 2” ร่วมทำหน้าที่ร่วม ส.ส.ประเภท 1 และเลิกไป ด้วยรัฐธรรมนูญ 9 พฤษภาคม 2489 คือเปลี่ยนจาก ส.ส.ประเภท 2 ไปเป็นให้มี “พฤฒสภา” คือมี “วุฒิสมาชิก” แทน ส.ส.ประเภท 2 หรือวุฒิสมาชิก รัฐบาลแต่งตั้งเข้าไปด้วยเหตุผลใด และวัตถุประสงค์ใด ที่สงสัยกัน คำตอบคือ……. ประชาธิปไตยคณะราษฎรว่าอย่างไร ประชาธิปไตยคณะ คสช.ก็ว่าอย่างนั้น ปรากฏในหนังสือ “แนวความคิดประชาธิปไตย ของ ปรีดี พนมยงค์” โดยพระยามโนปกรณ์ฯ ประธานร่างรัฐธรรมนูญ แถลงต่อสภา เมื่อ 25 พ.ย.75 ความตอนหนึ่งว่า…… “………หมวด 7 เป็นบทเฉพาะกาล ในพระราชบัญญัติธรรมนูญชั่วคราวกำหนดให้เป็น 3 สมัย คือ สมัย 1 สมัย 2 สมัย 3 บทเฉพาะกาลนี้ เป็นบทที่บัญญัติเฉพาะระหว่างเวลาที่ก่อนถึงสมัยที่ 3 อันเป็นสมัยสุดท้าย ความสำคัญของหมวดนี้ มีอยู่ในมาตรา 65 บัญญัติลักษณะแห่งการก่อตั้งสภาขึ้น ให้มีสมาชิกประเภทที่ 1 ราษฎรเลือกตั้งขึ้น สมาชิกประเภทที่ 2 พระมหากษัตริย์ทรงตั้งขึ้น ที่มีสมาชิกประเภท 2 ประเภทนี้ ก็เพราะเหตุว่า เราพึ่งมีรัฐธรรมนูญขึ้น ความคุ้นเคยในการปฏิบัติการตามรัฐธรรมนูญยังไม่แพร่หลายทั่วถึง ฉะนั้น จึ่งให้มีสมาชิกประเภทซึ่งเห็นว่า เป็นผู้คุ้นเคยการงาน และช่วยพยุงกิจการ ทำร่วมมือกันไปกับสมาชิกประเภทที่ 1 ที่ราษฎรเลือกตั้งมา การทำเช่นนี้ ถ้าแม้เราอ่านรัฐธรรมนูญที่มีใหม่แล้ว มีอย่างนี้เสมอ เมื่อต่อไป สมาชิกที่ราษฎรเลือกตั้งขึ้นทำงานไปได้เองแล้ว ก็จักดำเนินการต่อไป” ความตรงนี้ นักเลือกตั้งและนักวิชาการ ถ้าไม่แสร้งงั่ง ก็ต้องทราบ ว่าที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันให้มี 250 ส.ว.ก็ตามเหตุผลนี้ ประเด็นนี้ อาจารย์ “สุพจน์ ด่านตระกูล” ซึ่งรู้จักกันดีในวงการพูดจาตุลาการภิวัฒน์ ท่านกล่าวไว้ตรงเป๊ะ……. ขอยกที่ท่านเขียนไว้ใน “ประวัติศาสตร์การเมืองไทย ยุค 2475 ที่ถูกบิดเบือน” มาเสียบให้ทะลุหัวใจ “รัฐธรรมนูญ 2475 สมาชิกผู้แทนราษฎรประเภท 2 เป็นมรรควิธีของการครองอำนาจในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อ ไม่เห็นจะเป็นความไม่ถูกต้องตรงไหน ซึ่งฝ่ายที่ยึดอำนาจจากฝ่ายอำนาจเก่าไม่ว่าที่ไหนในโลก ถ้าไม่ปัญญาอ่อน เขาก็ต้องมีวิธีการครองอำนาจในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อด้วยกันทั้งนั้น พวกที่ไม่ชอบใจในการมีสมาชิกฯ ประเภท 2 ในเวลานั้น ก็มีแต่พวกฝ่ายอำนาจเก่า และพวกที่วิจารณ์ตำหนิอยู่ในปัจจุบัน ก็เป็นประเภทพวกลูกแกะเพิ่งลืมตาเท่านั้น ที่เรียกร้องตัดตีนให้กับเกือก” ฉันใด ก็ฉันนั้น……. การปฏิรูปสังคมไทยไปสู่ศตวรรษที่ ๒๑ ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ก้าวข้ามระบอบทักษิณไม่พอ ต้องถึงขั้น “เหยียบให้มิด” ตามนัยปรมาจารย์ทฤษฎีการเมือง “สุพจน์ ด่านตระกูล” บอก “ฝ่ายที่ยึดอำนาจจากฝ่ายอำนาจเก่า ไม่ว่าที่ไหนในโลก ถ้าไม่ปัญญาอ่อน เขาก็ต้องมีวิธีการครองอำนาจในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อด้วยกันทั้งนั้น” และ……….. “พวกที่วิจารณ์ตำหนิอยู่ในปัจจุบัน ก็เป็นประเภทพวก ‘ลูกแกะเพิ่งลืมตา’ เท่านั้น ที่เรียกร้อง ‘ตัดตีนให้กับเกือก’ “ และที่เป็นสมาชิกราษฎร “ประเภท ๒” หรือ ส.ส.แต่งตั้ง ตอนนั้น มีใครบ้างล่ะ ก็เช่น ท่านปรีดี พนมยงค์,จอมพล ป. พิบูลสงคราม, นายควง อภัยวงศ์ ผู้ตั้งพรรคประชาธิปัตย์ ฯลฯ ก็..ฉะนี้แล. สื่อธรรมะพ่อครู(การเมืองบุญนิยม) ตอน ธรรมะ 2 ของประชาธิปไตยและเผด็จการ พ่อครูว่า…เผด็จการกับประชาธิปไตยมันเป็นธรรมะ 2 เทวะ ในยุคพระพุทธเจ้าเป็นเผด็จการ 100% ยังไม่มีลักษณะเช่นนี้ แต่คนที่เข้ามาอยู่ในธรรมนูญของพระพุทธเจ้าแล้วทุกคนปลดแอกจากความเป็นทาส ปลดแอดศักดินา มีอิสระเสรีภาพเท่ากันหมด จะเป็นข้าราชการเป็นลูกจ้างจะเป็นนายทาสลูกทาส เลิก มาเข้ากับท่าน ยกทิ้งหมดเสมอกันพระพุทธเจ้าท่านทำสำเร็จ สำเร็จอย่างวิเศษ พระเจ้าแผ่นดินแคว้นต่างๆ ก็ยอมให้พระพุทธเจ้าท่านนำพุทธธรรมนูญไปใช้ได้ เป็นกฏหมายใหญ่ พระเจ้าแผ่นดินยุคนั้นก็ยกให้ จะเอาประชาชนจากแคว้นท่านไปอยู่ในธรรมนูญของพระพุทธเจ้าได้เลย ประเทศไทยไม่เคยเป็นคอมมิวนิสต์ก็เลยเป็นแต่ประชาธิปไตย อโศกก็ปฏิบัติตามธรรมนูญของพระพุทธเจ้า จึงเป็นนักประชาธิปไตยนักคอมมิวนิสต์ตามแบบพระพุทธเจ้า มีอิสระเสรีภาพ ลดตัวตน ไม่มีตัวตน อยู่กับสังคม ดูแลปกครองกันตามแบบแผน ในหลักเกณฑ์เรา มีพฤติกรรม วัฒนธรรม ของพวกเรา คนอื่นเขาก็รู้เห็น มันมีราศี เป็นตัวตน ขอยืนยันว่าอาตมาพาทำนี้ตรงกับในหลวงร.9 แต่ท่านเป็นในหลวงก็ต้องตรัสอย่างนั้น แต่หลักใหญ่คือมาจน ไม่ต้องก้าวหน้าอย่างเขาทำกัน อย่างนั้นมันถอยหลังอย่างน่ากลัว พวกเราเป็นคนก้าวหน้าไม่ใช่ถอยหลัง มีการบริหาร ถ้าจะพูดไปแล้วยิ่งกว่ายุคพ่อขุนรามคำแหง เพราะมีความรู้พัฒนากว้างกว่าแล้ว วิจิตรพิสดาร เราก็ได้เข้าถึงความรู้ที่กว้างกว่ามีพฤติกรรมร่วมกันอย่างสบาย บริหารปกครองอภิบาลกันสบาย เป็นเรื่องประสพผลสำเร็จของอาตมา เป็นการช่วยสังคม ชาติ อโศกมีหลายชุมชนทั่วประเทศไทย เป็นปชช.ลักษณะนี้ในประเทศไทย ในโลก เหมือนกลุ่มของต่างประเทศ แต่ของเราใช้ทฤษฎีพระพุทธเจ้ามาทำ สาราณียธรรม 6 อาตมาพาพวกเราทำสำเร็จ เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา พุทธพจน์ 7 สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ สาราณียะ ระลึกถึงกัน ปิยกรณะ ความรักมิติที่สูงขึ้นกว้างขึ้น คุรุกรณะ มีการเคารพกันตามฐานะ สังคหะ เป็นตัวกลาง คือสงเคราะห์กันเหมือนพี่น้อง อวิวาทะ ไม่ทะเลาะวิวาทกัน สามัคคียะ มีความพร้อมเพรียง เอกีภาวะ ควบแน่นเป็นปึกแผ่นเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ถ้ามีคนสัก 10 คนอย่างอาตมาพาทำนี่จะดีมากเลยประเทศไทย พระในเถรสมาคมก็ไม่เห็นมีองค์ไหนพาทำได้อย่างอาตมา ขออภัยยกตัวเองเอาไปเกี่ยวข้อง มีผลสำเร็จแล้ว กำลังแพร่ขยายคุณภาพคุณสมบัตินี้แก่ผู้อื่น แต่ก็ไม่ค่อยมีคนมาเท่าไหร่ เพราะคนทุกวันนี้คุณธรรมส่วนตัวมันอ่อนด้อย อย่างพวกเรานี้อินทรีย์พละห่างจากพวกเขา แสดงออกไปนอกจากเขาจะหมั่นไส้อาตมามากเท่านั้น หากเขาเปิดใจดีๆจะยอมรับว่าที่อาตมาพาทำอย่างชาวอโศกดี บางคนก็รู้ทฤษฏีก็ยิ่งเข้าใจว่าคณะชาวอโศกเป็นประชาชนคนไทยหรือคนในโลกที่ไม่เสียหลายเกิดมาเป็นคนได้รับสิ่งที่ควรได้รับ ยกตัวอย่าง มาเป็นคนจนได้ แต่มันยากสำหรับคนที่ไม่เข้าถึง จิตเขาจะไม่รู้สึกว่า เป็นคนจนมันดีอย่างไรประเสริฐอย่างไร พ้นทุกข์ได้อย่างไร เป็นเรื่องมหัศจรรย์มากเป็นยอดสังคมเลย แต่มันเลี่ยงไม่ออกต้องพูดความจริงนี้ ใครจะบอกว่าคุยโตก็แล้วแต่ พระพุทธเจ้าท่านก็ตรัสว่าท่านเลิศยอดไม่มีใครเท่าท่านหรอก ชาวพุทธก็ยอมท่านอย่างเห็นจริงยกให้ ใช่ แต่อาตมาไม่มีบารมีถึงพระพุทธเจ้า แต่กล่าวคล้ายๆกัน แต่มาประกาศในยุคนี้คนเขาเข้าใจผิดมากไปแล้ว ทำอย่างอาตมาพาทำนี้เขาว่าไม่ถูก ต้องทำอย่างเถรสมาคม ขอยืนยันว่าที่ทำแบบเถรสาคม พาลงเหวไปนานแล้ว เต็มไปด้วยจารีตประเพณีนอกรีตไปหมดแล้ว ในวงการศาสนาพุทธ จบดร.เปรียญ 9 มีตำแหน่งเลี้ยงชีพไปจนตาย ใช้อาศัย ไม่ได้เนื้อหาแท้ของพุทธคือโลกุตระ อาจได้กุศล เป็นคุณงามความดีไม่ว่าจะศาสนาไหนก็พาละชั่วประพฤติดี แต่ศาสนาพุทธมีสจิตปริโยทปนัง เป็นศาสนารู้สุขทุกข์ ไม่มีภพชาติ ไม่มีสวรรค์นรกที่เป็นภพชาติ เหนือภพชาติ เรียกนิพพาน เหนือสุขเหนือทุกข์ เรียกอุเบกขา คุณสมบัติเจริญมีองค์ธรรม 5 ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา อาตมาเอามาพูดพวกเรามีไหม ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา ก็มีการกระทำกรรมทุกอย่างอย่างเหมาะควรดี จนมาเป็นคนจนสุขสำราญเบิกบานใจผ่องใสไปจนตาย เผาให้ฟรี สุดยอดเลย พึ่งเกิดแก่เจ็บตายกันได้สบายมากเลย อาตมาเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาขยายประกาศอธิบาย จนสำเร็จผลมาอยู่ร่วมกันปลูกกล้วย มะระก็ลูกเท่านี้แหละ พูดถึงอาชีพ อาตมาภูมิใจที่พวกเราพ้นมิจฉาชีพ ทั้ง 5 ข้อ สังคมอื่นทำไม่ได้ พุทธที่อื่นทำไม่ได้ พ้นลาเภนลาภังนิชิคิงสนตา คือพ้นจากลาภแลกลาภได้ สังคมชาวอโศกทุกคนทำงานฟรี แม้แต่สถานีโทรทัศน์บุญนิยม คนทำงานในสถานีทุกคนไม่มีเงินเดือนเลยทำงานฟรี ทำมาได้ 10 กว่าปีแล้ว แม้แต่สถานีของวัดหลายวัดต้องจ้างคนมาทำเลย คนทำฟรีก็มีแต่คนจ้างก็มี แต่ของเราตั้งแต่เริ่มจนบัดนี้ไม่เคยจ้างมาทำ สถานีอื่นล้มไปเยอะแล้วแต่สถานีนี้ไม่ล้ม ได้รายได้จากขยะเป็นหลัก นอกนั้นก็เอาสิ่งที่เขามาทิ้งไป ได้รายได้จากสถาบันขยะวิทยาด้วยหัวใจ อยู่ที่กทม.สันติอโศก รายได้เดือนละเป็นแสนบางทีถึงล้าน ก็เอามาเป็นหลักในการใช้จ่าย จ่ายค่าเช่าดาวเทียมเป็นหลัก ค่าเน็ต ค่าสายก็จ่ายเหมือนคนอื่น แต่ค่าแรงงานคนไม่ได้จ้างมาทำ โฆษณาไม่มี เรี่ยไรไม่มี สถานีธรรมะอื่นมีเรี่ยไรหมด แต่ที่นี่ไม่มี เลี้ยงตนด้วยปลีแข้ง มันน่ามาศึกษาว่าทำได้อย่างไร อาตาพาพวกเราพ้นลาเภนลาภังนิชิคิงสนตา คือพ้นจากลาภแลกลาภได้ สุดยอดเลยเป็นสัมมาอาชีพ โลกนี้มีการรับรายได้แลกเปลี่ยน แม้พระเถรสมาคมก็เทศน์เอารายได้ ไม่พ้นมิจฉาชีพข้อ 5 ส่วนข้อที่ 4 ยังมอบตนในทางผิด ผิดศีล ผิดวินัยของพพจ. จนแม้แต่ของสังคมทุนนิยม บริษัทนี้โกงภาษี แต่เราก็รับใช้บริษัทนี้ บางคนขี้โลภ ก็ไปรับจ้างเขาอยู่ ส่วนบริษัทสุจริตก็หายาก จะอยู่ข้างนอกยาก อย่างน้อยต้องเอาเปรียบเอารัดแต่พวกเรานี้รู้ดีไม่ทำการรับจ้าง แต่ก็จะไปทำส่วนตัวกัน หรือไปเป็นข้าราชการก็มี ข้อที่ 3 เนมิตกตา ตลบตะแลงไม่เที่ยงไม่คงที่ พากเพียรปฏิบัติให้ถูกหลัก ศีล สมาธิ ปัญญา พยายามให้ตนไม่ตกในการหลอกลวงหรือเอาของคนอื่นมา ผิดจุลศีล เช่นโกงตาชั่งเป็นต้น ในจุลศีล 23 พระสมณโคดม เว้นขาดจากการซื้อและการขาย. 24 พระสมณโคดม เว้นขาดจากการโกงด้วยตาชั่ง การโกงด้วยโลหะ และการโกงด้วยเครื่องตวงวัด. 25 พระสมณโคดม เว้นขาดจากการรับสินบน การล่อลวงและการตลบตะแลง 26พระสมณโคดม เว้นขาดจากการฟัน การฆ่า การจองจำ การตีชิง การปล้น การ พระพุทธเจ้าตรัสรู้รอบมีหลักเกณฑ์ชีวิตสุดยอด ตั้งแต่สมัยพุทธกาลสองพันกว่าปีมาถึงบัดนี้มีคนเอาธรรมะพระพุทธเจ้าปฏิบัติตามได้ สังวรศีลอาจผิดบ้างในบางคนแต่ก็ระมัดระวัง พวกเราเป็นศาสนาพุทธที่มีศีล จุลศีล 26 ที่ต้องไม่มีเดรัจฉานวิชชา เช่นใน ข้อท้ายจุลศีล เขาทำผิดเพี้ยนไปหมด อาตมาพูดเพื่อให้ตรวจสอบ มีปรารถนาดี ไม่ได้ยกตนเพื่ออวดดีไม่ใช่ ต้องการให้ตรวจสอบ แม้จะแก่เกินแกงแต่ก็ควรแก้บ้าง มันบาป อยู่ในสายนี้เป็นภิกษุมาดูแลศาสนาแล้ว อาตมาพาทำ ได้จริงตามคำสอนพระพุทธเจ้า อาตมาประสพผลสำเร็จ ก็มีคนจำนวนหนึ่งมาทำตาม เป็นคนมีศีล สมาธิ ปัญญา ตามอย่างพระพุทธเจ้า มีศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ คุณพ้นมิจฉาชีพข้อที่ 5 เป็นศีลประการหนึ่งหลักประการหนึ่งก็มาเรียนรู้ว่าผิดอะไร แต่ก่อนเคยโกง มาฟังทางนี้รู้แล้วว่าบาปก็ไม่เอาเลิกโกง แต่ก่อนค้าขายหลอกลวงโกหก ว่าของดีอย่างนั้นอย่างนี้หลอกลวงก็หยุด ได้ประสบการณ์อย่างนี้และมีศีลไปตามลำดับ กิเลสก็ลดลง อธิจิตเกิด มีปัญญาคอยบอกว่าได้แล้วนะ กาย วาจาได้ แล้วใจได้ไหม ก็รู้ว่าคุณลด มีศีล สมาธิ ปัญญา พ้นมิจฉาชีพตามหลักศีล สมาธิ ปัญญา หากไม่เอาศีลเป็นต้นหลักก็เละเทะ อย่างทุกวันนี้บอกว่าศีลคือคุมกายวาจา เท่านั้นสมาธิก็ไปนั่งเอา ปัญญาก็ไปเรียนจนเป็นป.ตรีโท เอก ไม่ใช่เลย มีปัญญารู้ว่าศีลทำอย่างนี้บรรลุกายวาจาใจ จนวิมุติหลุดพ้นได้ มันเกี่ยวข้องกันหมดแต่เขาตัดทิ้งกันเละเลย ยิ่งในหลักข้อ 4 ข้อ 5 เลิกเลย ศานาพุทธกระแสหลัก ในเรื่องเงินทองของวัดเงินทอนวัด ฟอกเงิน เละเทะไปหมด ทุกวันนี้เพี้ยนไปหมด จริงๆแล้วทุกวันนี้ไม่มีจารีตที่ถูกต้องเลย ทอดผ้าป่ากฐินก็เป็นเรื่องนรกไปหมด แม้แต่สวดมนต์ก็อาบัติผิด อาตมาพูดจนเมื่อยเลย เขาก็ว่าไม่สวดแล้วจะทำอย่างไร ก็จริงเขาทำอะไรไม่ได้ก็เลยได้แต่สวดมนต์ อย่างน้อยยถาสัพพี หรือบางทีไปวัดนี้ อีเว้นท์นี้แพง สวดกันหลายบทหน่อย ขออภัยเหมือนประชด แต่มันน่าสังเวชใจมาก แล้วสวดก็อาบัติ สวดล้านเที่ยวอาบัติล้านคำความ เขาตีความแบบนั้น เขาว่าเขาถูก ก็ต้องอาบัติไปตลอด อาตมาว่า แยก ประณามคาถา หรือธรรมบทก็แยกไม่ได้ ธรรมบทคือคำสอนพระพุทธเจ้า แต่ประณามคาถาคือคำสรรเสริญพระพุทธ -ธรรม -สงฆ์ สวดได้ไม่ผิดวินัย แต่หากสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรเอามาสวดไม่ได้เป็นอาบัติ สวด 2 คนพร้อมกันให้ฆราวาสได้ยินไม่ได้ เขาก็หาว่าอาตมาตีความผิด (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย) สมณะฟ้าไทว่า…พระไปนั่งหลับตา ไปกิจนิมนต์จะไปหลับตาก็ไม่ดี ฉันเสร็จก็หลับตา พ่อครูว่า…ทุกวันนี้ ชาวอโศกก็มีนักบวช ก็อยู่ในศีลในธรรม ก็ทำได้ วินัยทำได้แต่ทำไมเขาทำไม่ได้ ไม่ใช้เงินใช้ทองก็ทำได้ แม้สิกขมาตุก็ทำได้ไม่ใช้เงินทองก็ไม่เห็นตาย ดูเปล่งปลั่งดี สิกขมาตุรินฟ้าอายุ 73 ปี พวกเราพิสูจน์ยืนยันมา เราไม่ได้ข่มเขาแต่ยืนยันว่าทำได้แม้ในยุคนี้ นานวันก็ได้ผลอย่างนี้ไม่ได้อยากอวดอ้างแต่ยืนยันคำสอนพระพุทธเจ้า แม้ยุคนี้ผ่านมา 2600 กว่าปีแล้วปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้าได้มรรคผล หากอาตมาทำงานต่อไปอายุถึง 100 ก็คงพออ้างอิงได้ สมณะฟ้าไท…สรุป จบ Category: ศาสนาBy Samanasandin15 มีนาคม 2019Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรมสำมะปี๋ซี่วิต Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:620313_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ วาทกรรมนักการเมืองไทย ณ ลมหายใจเฮือกนี้NextNext post:620317_วิถีอาริยธรรม บ้านราช ประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องถึงมูลสูตร 10Related Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024