620322_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ มีกำลัง 4 พ้นภัย 5 ได้หากจิตเป็นกลางอย่างพุทธ
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/18Nrfs9bzePFesR15UmwewbLRWqXGuk6bgeqs9vKQlDA/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1JzXChS5EeqLbhZNd1BqxGfUH_mgNO5JQ
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2562 ที่ บวร ราชธานีอโศก วันนี้คนก็จะดูการปราศรัยของพรรคการเมืองที่อยู่ที่กรุงเทพฯกันมาก เป็นวันสุดท้ายที่จะได้ทำการหาเสียงเลือกตั้ง ใน Facebook ของคุณสุวินัย ภรณวลัยเขียนกวีไว้ว่า
“เลือกสงบจบที่ลุง เลือกแล้วยุ่งจบที่หล่อ เลือกโกงต่อจบที่ป้า เลือกเพี้ยนบ้าจบที่ตี๋ ถ้าเลือกผิดจบที่พัง”
พ่อครูว่า…อาตมาก็ขออ่าน SMS ก่อนนะ
_จาก “ชานติ” กรุณาอธิบายความหมายของคำว่า “รูปกาย” และ “นามกาย”
พ่อครูว่า…รูปคือสิ่งที่ถูกรู้ นามคือตัวผู้รู้ เรียกว่ารูปนามหรือนามรูป สภาพของชีวชีวิตจะมีอยู่ 2 อย่างนี้ตลอดกาลตั้งแต่ พีชนิยาม อุตุนิยาม เขาจะรู้ว่าอะไรที่จะเอามาใช้เป็นตัวร่างกายของเขาที่จะสังเคราะห์สังขารมาเป็นรูปของเขา เขาก็จะเอา แต่ถ้าอะไรไม่ใช่เขาไม่เอาแต่เขาไม่ไปรบกับใครไม่ไปแย่งใคร ถ้าเขาไปสัมผัสกับอะไรดูดเอามาได้ก็ได้ ดูดธรรมดาไม่ดูดไม่รุนแรงไม่ดูดโหดร้าย ก็เอาแต่พอมีพลังงาน
พลังงานอุตุไม่มีทุกข์ไม่มีสุขมันถูกดูดเอามาได้ แม้แต่ธาตุพืชมันสัมผัสถูกดูดได้ก็เอา แต่วิญญาณมันไม่ให้ใครมาดูดเป็นตัวกูของกูตั้งแต่เป็นเซลล์ๆหนึ่ง มันก็ไม่ให้ใครง่ายๆ นี่คือรูปที่เรียกว่ารูปชัดๆเลย เป็นดินน้ำไฟลมเป็นอุตุธาตุ อุตุนิยาม พีชนิยามก็ดูดอยู่ จะเรียกว่ารูปก็ได้ แต่เป็นชีวะแล้ว มี ISH มีตัวประธาน พลังงานบวกลบ นิวเคลียสสองธาตุ ทำงานสังเคราะห์สังขารอยู่เรียกว่า พีชะ รูปรูปที่เป็นพีชะ คือไม่ไประรานใคร
รูปนาม ถ้าเข้ามาประชุมกันยังไม่สังขารกันหรือว่าถูกรู้ได้ด้วยการแยกกันเป็นส่วนนามกับส่วนรูป ก็แสดงว่าแยกนามแยกรูป ผู้ใดรู้ตัวเองว่ามี 2 ธาตุปรุงแต่งกันอยู่แล้วจัดการด้วย วสวัตตีโก มีพลังงานแยกธาตุไม่ให้มันสังเคราะห์กันหรือให้มันสังเคราะห์กันด้วยสัดส่วนที่ดี ถ้าสูงสุดสามารถทำให้มันเป็น 0 ได้เลย ธาตุใดธาตุหนึ่งทำให้เป็น 0 ได้เลย หรือว่าจนตัวเองทำให้ตนเองเป็น 0 ได้ก็เป็นนิพพานธาตุ
รูปกาย คำว่ากาย ก็แปลว่ามี 2 ในตัว องค์ประกอบของรูปกับนามเรียกว่ารูปกาย สังขารกันอยู่เสมอ ตั้งแต่เป็น พีชะ ไปจนถึงจิตนิยามเป็น 2 ธาตุสังขารกัน พีชะก็มีแต่สัญญาสังขารไม่มีวิญญาณ ไม่มีเวทนา แต่องค์ประกอบของนามนั้นเน้นที่จิตนิยาม เน้นนามชัดๆ นามกาย ส่วน นามรูป คือทั้งนามและรูปอาศัยกันและกันเพื่อเป็น เป็นองค์(อันนี้สำนวนสู่แดนธรรม) สรุปแล้วคุณต้องศึกษาเรื่องเทวะ เรื่อง 2 หรือ 2 ทุกสิ่งทุกอย่างในมหาจักรวาล คำว่า 2 นี้ยิ่งใหญ่ที่สุดต้องตีแตกให้ได้ แยกรูปนาม แยกธาตุรู้กับที่ไม่รู้ หรือที่เขาไม่รู้เราก็ไปรู้เขาได้ เรียกว่า พีชนิยาม เมื่อเริ่มเป็นสัตว์ตั้งแต่เซลล์เดียวแล้วเกิดเป็นอัตภาพไปอีกยาวไกล จนสามารถเจริญพัฒนาไปเป็นมนุษย์และสูงสุดไปถึงเป็นพระพุทธเจ้า
อาตมาได้นำสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนนำมาให้พวกเราปฏิบัติจนเกิดสภาพจริงได้ ตรวจสอบได้ตามพระไตรปิฎก โดยเฉพาะฉบับสยามรัฐที่ใช้อยู่กันนี้ ของไทยแปลว่าฉบับหลวง ถ้าพระบาลีก็มีฉบับหลวงด้วย อาตมาใช้อันนี้ ตัดสินได้แล้วว่า แค่ความรู้ อุตุนิยาม พีชะนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม ก็อธิบายได้ทุกอย่างแล้ว ทำให้คนมีความเจริญเป็นคนชั้นสูงเป็นคนมีวรรณะ 9 ให้มีความเป็นจริงได้ วรรณะ 9 เลี้ยงง่าย (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ9 ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ) คนใจพอมากกว่านี้ไม่เอา แค่นี้พอ สุดท้าย 0 ก็พอ แล้วสามารถอยู่กับหมู่กลุ่มได้ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาสังคม แล้วอยู่กันอย่างมีสาราณียธรรม 6 พุทธพจน์ 7
เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา
พุทธพจน์ 7 สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคคียะ เอกีภาวะ
จะพิสูจน์ด้วยหลักเกณฑ์คำสอนพระพุทธเจ้าหลักไหนก็แล้วแต่ จรณะ 15 วิชชา 8 ศีลสมาธิปัญญา มีหลักเกณฑ์เป็นโลกุตระ 9 หรือโลกุตตระ 37 มีมรรคผล มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1 ก็ได้ทุกอย่างเลย ธรรมะพระพุทธเจ้าตรวจสอบแล้วปฏิบัติได้ตรงหมด และมีคนปฏิบัติได้จริงยืนยันจริง อาตมาเกิดมาในชาตินี้ทำมา 50 ปีทำได้ มีคนมีพฤติกรรมนี้จริงใจจริงเขาได้มรรคผลของเขา มาอยู่ที่นี่ยังมีอิสระเสรีภาพ สมัครใจมาแล้วมาอยู่อย่างเสียสละ ฝากชีวิตไว้กับหมู่กลุ่ม เขาจะอนุเคราะห์หรือไม่อนุเคราะห์จะให้ใช้จ่ายหรือไม่ให้ใช้จ่ายให้กินให้อยู่ หรือไม่ให้กินให้อยู่ไล่ไปเลย ถ้าเราไม่เลวร้ายจนหมดกลุ่มนี้เขาไล่ไปเราก็อยู่ได้ เขาก็ดูแลฝากเกิดแก่เจ็บตายกันได้เผาให้สบายเรียบร้อย อย่างนี้เป็นสัจจะที่สุดยอดของพระพุทธเจ้า
อาตมาเองเห็นว่าธรรมะพระพุทธเจ้านี้สุดยอดแห่งสังคมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์รัฐศาสตร์ คือ การเมืองสุดยอด ยุคนี้การเมืองกำลังร้อนแรง อาตมาก็พูดการเมือง เพราะว่าธรรมะพุทธเจ้าเป็นธรรมะของสังคม มีคนเอาบทความมาให้ การเมืองที่ฝรั่งเศสวุ่นวายมาก
_ความบังเอิญที่น่าสนใจ มาครงเกิดปีเดียวกับธนาธร เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ที่มาแรงแซงทางโค้ง จนได้มาเป็นผู้นำบริหารประเทศ ทุกคนโดยเฉพาะวัยรุ่นชาวฝรั่งเศส ฝากความหวังไว้กับมาครงมากๆ ที่จะมาแทนคนรุ่นเก่าไดโนเสาร์เต่าล้านปี
แต่พอมาครงได้บริหารประเทศจริงๆเท่านั้นแหละ บ้านเมืองลุกเป็นไฟเลย ซึ่งมาจากการออกนโยบายที่ผิดพลาดของเขาเองนี่แหละ)
…………………………………………………..
#การเมืองวุ่นๆในฝรั่งเศส
เพื่อนอยู่ปารีส ส่งรูปมาให้ดู สภาพวันนี้ที่ ถนนย่านซองซิลิเซ่
บ้านเขาเผาทุกวันเสาร์นะแบบนี้ เจ้าของร้านนอนผวาพอจะวันเสาร์ ร้านจะโดนเผามั๊ย เรื่องนี้ยืดเยื้อมาหลายเดือนแล้ว ปัญหาแก้ไม่ได้
ขนาดประธานาธิบดีมาครง ยอมแก้ไขกฏหมาย เอื้อต่อประชาชนยังมีข้อเรียกร้องเพิ่ม เผากันเอามันเลย
ล่าสุดวันเสาร์ที่ผ่านมาเผาอีกแถวถนนซองซิลิเซ่
อีก 60กว่าร้าน และร้านอาหารที่ดังที่สุดประธานาธิบดีชอบมานั่งกิน เผาจนวอด
เศรษฐกิจดิ่งเลย!!
ย่านธุรกิจนักท่องเที่ยวหาย ธุรกิจวอดวาย ตอนนี้ไม่ใช่แค่กั๊กเสื้อเหลืองเผา พวกแอบแฝงเผาก็มี และไม่ใช่แค่ปารีส ลามไปเมืองอิ่นๆอีกในฝรั่งเศส
น่าเห็นใจที่สุดๆ
แต่ละประเทศล้วนมีปัญหา ต่างกันไป
Cr.Viraphant Hiranpaisal (วีระพันธ์ หิรัญไพศาล)
พ่อครูว่า…สิ่งที่เกิดขึ้นในยุคนี้ไม่ใช่เหตุบังเอิญ การได้นายกฯชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เป็นความจริงที่เชื่อมต่อกัน การเมืองประชาธิปไตยที่มีการส่งไม้ผลัด แผ่นดิน Democracy Corridor ที่อาตมาพยายามดัดจริตเอาภาษาอังกฤษคำนี้มาใช้ Corridor เป็นสภาพสิ่งที่ยื่นต่อกันไปอย่างถูกธรรมที่สุด เป็นนามธรรมอย่างยิ่งและเป็นรูปธรรมที่สมบูรณ์ ระหว่างประชาชนกับพลเอกประยุทธ์ ประชาชนปฏิวัติรัฐบาลอย่างไม่มีอาวุธไปถึงสี่รัฐบาล จากนั้นมีช่วงต่อที่นักรัฐศาสตร์ก็ได้บันทึกไว้ มีผู้ที่ทำแทนมีตัวมีตน ตามหลักเกณฑ์กฎหมายเขาก็หลุดไปแล้ว นายกฯทรราชหนีออกไปจากประเทศหมดแล้ว เพราะประชาชนได้ปฏิวัติ ประชาชนได้รัฐประหาร นี่เป็นผลสำเร็จของประเทศไทยที่ยิ่งใหญ่ ประชาชนประหารตั้งแต่รัฐบาลทักษิณ สมัครจนมาถึงสมชาย ก็ผ่านรัฐบาลประชาธิปัตย์ด้วย แต่เขาไม่ได้ทำผิดจนหนี แต่พวกนั้นหนีไปเลย พอถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทำเสียหายไปหลายแสนล้านบาท ทิ้งขี้ไว้กองใหญ่ จนพลเอกประยุทธ์ต้องมาใช้หนี้ให้จะเป็นจะตาย
สิ่งที่เกิดในประเทศไทยจะเป็นตัวอย่างของรัฐศาสตร์การเมืองของโลก ที่ประเทศไทยมีจริงเป็นจริงไม่ได้ดัดจริตเสแสร้ง เป็นเพราะปัญญาและจิตวิญญาณมนุษย์ของคนไทย ทั้งประเทศ มันเป็นอย่างนี้จริงๆเลย ตัวรวนก็ยังมีอยู่ ที่จะต้องรุนแรง แต่เดี๋ยวนี้ความรุนแรงก็สงบลง แต่ตัวที่ยังอวดดีก็ยังมี บอกว่าเป็นน้ำใหม่ โลกอนาคตใหม่ แอ๊คๆๆมาหรืออยากอวดดี อยากจะอวดฝีมือ ก็เข้าใจเขา เขาเชื่อว่าเขาจะทำได้ดีกว่านี้ อาตมาว่าไม่ใช่ประมาทหรอก คุณยังหนุ่ม ให้คนแก่เขาทำไปก่อนสำหรับถนนไปก่อนถ้ามันเรียบร้อยราบรื่น เจริญดีอยู่แล้ว อย่าเพิ่งนึกว่าตัวเองเก่ง พวกนี้เข้ามาแล้วมันก็จะเสียหายเสียเวลา ถ้าคนไม่ดีกว่าจริง แต่คนยังหนุ่มกว่า เขาหมดเวลาวาระเขาก็จะรู้เวลาลง หรือเวลาที่ควรจะเป็นหรือเวลาที่ประชาชนคนไทยจะรู้ คุณยังไม่เป็นนายกฯก็เป็นแคนดิเดตไปเรื่อยๆก็แล้วกัน คนสมัครใจจะทำเป็นนักการเมืองแคนดิเดตไป สักวันหนึ่งประชาชนก็จะเอาเข้าไป ถ้าเผื่อว่าอันนี้ใช้ไม่ได้แล้วเขาก็จะเอาคุณขึ้นมาเอง ถ้าคุณยิ่งแสดงตัวเอง หรือมีนโยบายการทำงานให้เห็นเป็นจริง จนประชาชนเขายอมรับถ้าอย่างนี้ต้องให้ลองฝีมือแล้ว รับรองว่าชั้น 1 เลย เมื่อนั้นมันก็เป็นไปจริง เพราะคนไทยทั้งประเทศช่วยกันทำประชาธิปไตยเป็นความเห็นร่วมอย่างดีงามแล้ว คนไทยมีใจเป็นกลาง
_จาก สุพัฒน์ เบ้าวันดี ..คำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งจริง ดี ถูกต้อง ทุกประการท่านโพธิรักษ์ ก็นำมาอธิบายได้ชัดเจน ทั้งการปฎิบัติก็น่าเชื่อถือ ไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ แต่สิ่งที่เป็นปัญหา(พ่อครูว่า คำว่าปัญหาก็คือมีข้อโต้แย้งแล้ว ถ้ายอมรับอย่างดีเลยก็ไม่มีปัญหา) ก็คือ คำพูดที่ท่านพูดถึง บรรดาสำนักต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อาจารย์มั่น พุทธทาส ธรรมกาย หรือท่านอื่นๆ ท่านได้พูดว่า อาจารย์เหล่านั้น ไม่ใช่อรฺหันต์ ปฎิบัติไม่ถูก ที่ถูก ต้องอย่างอาตมานี่ ทีนี้ลูกศิษย์เขาฟังแล้วมันทำใจลำบาก จะไม่ให้โกรธ นั้น เป็นเรื่องยากลูกศิษย์เขาทั้งประเทศ กี่ล้านคน อยู่ ๆ มีคนมาบอกว่าอาจารย์ของคุณไม่ใช่ของจริงหรอก นึกถึงอารมณ์เขาเหล่านั้นแล้ว ขนลุก ไม่เข้าใจว่าท่านพูดเพื่ออะไรมันจะเป็นผลดีกับใคร ท่านมาพูดว่ามันลำบากใจจริง ๆ ที่ต้องพูด เพราะไม่พูดเขาจะไม่รู้ จะหลงผิดกันใหญ่ (พ่อครูว่า…คุณเองหลงผิด คุณเองไม่รู้ก็อย่าดูถูกคนอื่น เมื่อคุณไม่รู้ก็เอาความไม่รู้ของคุณมาบอกว่าคนอื่นเหมือนคุณ แต่คนอื่นที่เขารู้ไม่ว่าลูกศิษย์ใครของใครก็ตามก็ต้องใช้ปัญญาของเขา)
ผมว่ายิ่งพูดนั้นแหละยิ่งหลงผิด ไม่มีหลงถูกแม้สักคนเดียว มีแต่ชาวอโศกที่หลงถูก นอกนั้นไม่มี(พ่อครูว่า…ขอยืนยันว่าชาวอโศกถูกจริงๆไม่หลงและไม่ยึดมั่นถือมั่นในความถูกด้วยเพราะเกิดจากการประกอบด้วยเหตุปัจจัยถูกก็ตาม สาเหตุปัจจัยเป็นตัวแปรมันก็เปลี่ยนไปได้จนเป็นไม่ถูกก็ได้ เพี้ยนไปนิดหน่อยจนเพี้ยนมากไม่ถูกเลย ถ้าเป็นเรื่องของความอนิจจังทุกขังอนัตตา) พระพุทธเจ้า ไม่เคยพูดถึงใครในแบบนี้ (พ่อครูว่า…คนพูดเอาเองคุณไม่เจอเขาที่พระพุทธเจ้าพูดแบบอาตมาพูด พระพุทธเจ้าเคยพูด พูดแบบที่อาตมาพูดนี่แหละ) ท่านจะพูดแต่เนื้อหาของธรรม(พ่อครูว่า…นี่คือมิจฉาทิฏฐิในข้อเดรัจฉานกถา ที่บอกว่าไม่ให้พูดเรื่องบ้านเรื่องเรือนเรื่องโจรเรื่องกษัตริย์เรื่องเสนาบดีเรื่องข้าวเรื่องน้ำเรื่องบ้านเรือนเรื่องอะไรทั้งหมด สรุปรวมแล้วคือที่ท่านกล่าวคำต่างๆตรงนั้นคือบัญญัติภาษาระบุทุกสิ่งทุกอย่างในโลกแล้วท่านก็บอกว่าไม่ให้พูด คนก็ไปตีความอย่างตื้นก็คือไม่ให้พูดอะไรเลยก็อมพนํา ถ้าหากพูดก็เป็นเดรัจฉานกถา ที่บอกว่าไม่พูดเรื่องอะไรต่างๆเรื่องชายเรื่องหญิงเรื่องการเมืองเรื่องทหาร ไม่ให้พูด คือไม่ให้พูดให้เป็นเดรัจฉานกถา คือพูดแล้วขวางทางนิพพาน ถ้าพูดแล้วส่งเสริมให้ไปนิพพานได้ก็เชิญเลย เป็นอาริยกถา เป็นคาถาของอาริยบุคคลที่ต้องพูด อย่าให้พูดเป็นเดรัจฉานกถา พูดให้เป็นอาริยกถา ก็คือพูดเรื่องทุกอย่างนั่นแหละ แต่ถ้าหากเข้าใจอย่างตื้น ว่าท่านห้ามพูดอะไรทุกอย่างเลยเท่าที่ท่านรวมให้เป็นตัวอย่าง ก็คือทุกอย่างนั่นแหละในโลกตั้งแต่ดินน้ำไฟลม ตำแหน่งหน้าที่บุคคล สารอาหาร ก็ทุกอย่างเลยไม่ให้พูดอะไรเลย นั่นพาซื่อตื้นๆ แต่ต้องพูดสิ สิ่งเหล่านั้นเป็นบัญญัติอาศัยต้องพูด แต่อย่าให้เป็นเดรัจฉานกถา คือ พูดสิ่งเหล่านี้แหละแต่อย่าให้ขวางทางนิพพาน ชัดเจนขึ้นไหม หากเข้าใจไม่ได้ก็ได้แค่นี้) ให้ได้ประโยชน์ต่อคนฟังเท่านั้น ใครจะพูดถึงคนอื่น ท่านห้ามใส่ พูดถึงเขาทำนองไม่ดี มันจะถูกต้องหรือ(พ่อครูว่า…ในอินทริยภาวนาสูตร ก็พระพุทธเจ้าก็ยังว่าเลย ว่าคนที่ปฏิบัติหลับตาก็เหมือนกับทำตาให้บอด ท่านก็ตำหนิ อย่าพาซื่อไม่เข้าใจธรรมะ 2 ก็เลยเอียงข้าง แต่ถ้าหากเขาผิดเขาก็ต้องพูดสิ่งที่ผิดของเขานั้นอย่างเมตตาปรารถนาดี พูดแล้วก็สงสารน่าเวทนา พูดอย่างจริงใจทุกที) ในเมื่อเขาตอบโต้ไม่ได้ จะเป็นวาจาเสียดสี มั้ย เป็นสัมมาวาจา มั้ย มันไม่สร้างบรรยากาศแห่งธรรมเลย(พ่อครูว่า…ความเข้าใจเรื่องธรรมะของคุณก็ไม่ตรง ยังเอียง) ลูกศิษย์เหล่านั้นก็พลอยเป็นบาปไปด้วย(พ่อครูว่า…หากเขาเข้าใจไม่ดีก็เป็นบาป แต่หากเขาเข้าใจด้วยดีก็เป็นธรรมะอย่างดี หากการพูดเรื่องความไม่ดีแล้วเราก็ยังมีอยู่ก็ต้องพิจารณาให้ลึกซึ้ง เมื่อนั้นแหละถึงจะรู้ อาตมาไม่พูดสิ่งที่ผิด หากว่าพูดผิดก็เป็นเรื่องบาปกรรม อาตมาเป็นอรหันต์เป็นโพธิสัตว์รู้เรื่องบาปเรื่องบุญจะไม่ทำเรื่องผิดให้เป็นวิบากบาปใส่ตนเอง อาตมาเข็ดเรื่องบาป มันทุกข์ร้อนเลวชั่ววุ่นวาย อาตมาจึงหยุดบาป สัพพปาปัสสอกรณัง) เพราะขุ่นหมองใจ(พ่อครูว่า…ก็เป็นความไม่ฉลาดของเขา หากมีคนมาตำหนิแล้วเราเห็นจริงเราก็จะได้ประโยชน์ ใครมาตำหนิความชั่วเราแล้วเราก็โกรธเราก็เดือดร้อนหมองใจ เขาก็ยิ่งโง่ต่อไป เขาก็จะไม่ได้อะไร) ผมยังมองเห็นพระอาจารย์เหล่านั้นเป็นพระอรหันต์(พ่อครูว่า…อาตมาขอยืนยันว่าคุณพยายามฟังอาตมาให้ดี อาตมาขอยืนยันว่าตำหนิถูกว่าท่านเหล่านั้นไม่ใช่อรหันต์ ไม่ว่าจะเป็นท่านพุทธทาสหรือแม้แต่ธรรมกาย) รวมถึงท่านด้วย (พ่อครูว่า…เริ่มดีขึ้นมานิดนึงแล้ว ดีกว่าไม่เห็น ศึกษาให้ดีอย่าไปเอาแต่คำพูดว่าเห็น) แต่ก็มาคิดว่า คงจะเป็นคนละนิพพาน(พ่อครูว่า…อันนี้ความคิดของคุณผิดแล้ว นิพพานมีอันเดียวต่างกันไม่มี เห็นเลยว่าเมื่อเปรียบเทียบแล้วคุณจะงมงายอยู่ เข้าใจว่านิพพานมีหลายอันต่างคนต่างนิพพาน หนักไปใหญ่เลย นิพพานมีอันเดียวไม่มีสอง ต่างกันไม่ได้ นิพพานตรงกันหมด) นิพพานต่าง แล้วใครจะตามนิพพานของพระพุทธเจ้า ละทีนี้ เพราะท่านเล่าก็เอาชีวิตเข้าแลกเหมือนกัน กว่าจะได้มา หากว่าท่านพูดแล้ว ศาสนา จะถูกแก้ไข ก็ดีไป แต่นี่มันไม่ใช่ แต่ทำให้คนนอนไม่หลับเป็นจำนวนมาก ผมไม่โกรธท่านหรอก เพราะท่านเป็นอรหันต์ ไม่กล้าคิด กลัวบาป แต่เห็นว่าอันนี้ไม่ถูกต้อง ลองมาพิจารณาดู สมควรจะเสนอความคิดเห็นนี้ ออกไป เผื่อจะได้นอนหลับกันบ้าง เชื่อแน่เกิน ร้อย เปอร์เซนต์ ท่านพูดมาบ่อย ๆ เรื่อย ๆ ผลลบแน่นอน ไม่เกิดประโยชน์ต่อใครทั้งสิ้น หรือตัวศาสนาก็ไม่ ถ้าหากไม่ว่าใคร เอาแต่เนื้อแห่งธรรม ที่ท่านปฎิบัติและสอนตามนี้ ผู้คนทั้งแผ่นดิน จะมาหาท่านแบบไหนลองนึกเอา แต่นี่ ไม่มีใครกล้าไป คนกี่ล้านคน
ก็เห็นท่านบ่นบ่อย ๆ คนทำไมไม่มา ศรัทธาเป็นเรื่องไม่ง่ายที่จะเข้าใจ คน ๆ เดียวไม่อาจคิดได้ แม้ท่านจะเป็นอรหันต์ก็ตาม ต้องหลายคน หลายกลุ่ม ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ เสียดายโอกาส และเวลา นมัสการด้วยความเคารพ
พ่อครูว่า…คุณคงเป็นลูกศิษย์ท่านพุทธทาสเพราะว่าท่านสอนให้มองแต่สิ่งที่ดีของคนอื่น ท่านแต่งกลอนไว้เลย ท่านพุทธทาสยังเข้าใจผิด อรหันต์เข้าใจผิดได้อย่างไร ขอยืนยันว่าท่านพุทธทาสไม่ใช่อรหันต์แน่นอน เพราะถ้า ท่านเป็นอาตมาก็ไม่ใช่ คุณจะต้องเลือกข้างแล้ว หากคุณเลือกข้างท่านพุทธทาสก็จะจมไปอีกนานมาก อรหันต์มีอย่างเดียวสองอย่างไม่ได้ ให้ค่อยๆติดตามไป จนทิ้งส่ิงที่ไม่ถูกต้องไปจึงเข้าสู่แกนแก่นได้
_ครูดั่งชัย (คนเมืองยศ) ผมอยากเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการเทศน์เรื่องการเมือง เพื่อ่ความชัดเจนของญาติธรรมหลาย ๆ ท่านที่ไม่ค่อยได้ติดตามการเมืองอย่างต่อเนื่อง ตามหัวข้อต่อไปนี้
1.อยากให้ระบุชื่อพรรคที่ญาติธรรมต้องสนับสนุนเพื่อให้ลุงตู่เป็นนายกต่อ เช่น 24 มีนา 62 เชิญชวนญาติธรรม ญาติมิตรและผู้ที่รักชาติบ้านเมืองทุกท่าน เข้าคูหากาพรรคพลังประชารัฐ จะได้ลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นต้น
เท่าที่ผมติดตามรายการเทศนาจากบ้านราช จะพบว่า ท่านจะเน้นให้ทุกคนสนับสนุนลุงตู่ เลือกลุงตู่ ชาวบ้านและญาติธรรมหลายคนไม่เข้าใจ ไปตามถามหาเบอร์ของลุงตู่ว่าเบอร์อะไร ผมได้อธิบายให้หลายคนฟังว่า ลุงตู่ไม่มีเบอร์ แต่เป็นบุคคลที่พรรคพลังประชารัฐ เสนอเป็นนายกรัฐมนตรี หรือจะพูดจะบอกกล่าวอย่างไรก็ได้ ขอให้ชัดเจน ตรงเป้าเข้าใจง่าย
“รักลุงตู่เลือกพรรคประชารัฐ” “เลือกผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ ได้ลุงตู่เป็นนายก” เป็นต้น
ญาติธรรมสูงอายุหลายท่านค่อนข้างซื่อบริสุทธิ์ครับ กราบเรียนมาด้วยความเป็นห่วง 24 มีนา หากกาพลาด จะเสียใจไปนานครับ
พ่อครูว่า…ตอนนี้เขาออกแบบการเลือกตั้งให้การเบอร์เดียว ก็เลยไม่ได้ไปกาคนดีพรรคอื่น อาตมาเสนอว่าเอาพรรคพลังประชารัฐก่อนเลย กาพรรคนี้ก่อน มันจะเริ่มต้นที่ในสภา ยังไม่แน่นะพรรคไหนใครจะมาต่างคนต่างคิดว่าฉันต้องมาที่ 1 อย่างแลนด์สไลด์ เพื่อไทยเขาก็ว่าเขาต้องที่ 1 อนาคตใหม่ก็บอกว่าที่ 1 ประชาธิปัตย์ก็บอกว่าเขามาที่หนึ่งแน่ พรรคอื่นใดเขาก็ว่าเขาจะมาหนึ่งแน่ เพราะฉะนั้นมันยังไม่แน่จริง ก็เอาให้แน่จริงๆคือเอาพรรคพลังประชารัฐเลย จะได้เป็นคนเสนอเป็นคนเป็นแกนนำ โอกาสนี้เป็นโอกาสหลัก เพราะตอนนี้ Goodwill ของ พลเอกประยุทธ์ก็ยังนำอยู่ แล้วถ้าพลังประชารัฐเป็นคนนำเสนอ ก็ต้องเสนอนายกฯตู่ด้วยเพราะเสนอคนเดียวด้วย เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรจะเพี้ยนไปเลย เอาอันนี้ก่อน เมื่อเสนออันนี้แล้วน้ำหนักมันจะมา เป็นพรรคใหญ่ได้คะแนนเสียงมาก ถ้าได้มากแล้วก็เป็นผู้เสนอ เจ้าอื่นๆได้น้อยก็จะมาแล้ว พรรคที่เหลือยังอวดดีก็จะต้องค้านแต่น้ำหนักมามากแล้วมันก็ได้น้ำหนักมาแล้ว ต้องตัดสินอย่างนี้ก่อน ส่วนเลือกคนดีนั้น คนดี ไม่ว่าอยู่พรรคไหนเขาไม่มีอคติเขาก็เลือกลุงตู่อยู่แล้ว จะไปเอาอย่างทักษิณหาเรื่องแตกแบงค์พัน แตกเป็นหลายพรรคก็เลยยากขึ้น ไปตามความคิดทักษิณ แต่ถ้าเป็นหนึ่งเดียวไม่แตกแยก คนดีมารวมกันที่พลังประชารัฐเลยก็จบ
แต่เพราะอะไร เพราะคนดีที่ยังไม่ชัดเจนไม่แน่นอนจึงเกิด 2 เพราะฉะนั้น อย่าลังเล อย่างไรๆก็ตัดสินมาหา 1 เป็นตายอย่างไรขอเอา 1 อย่างเดียวอย่าไปเลือก 2 คุณจบ ถ้าลังเลนะ อาตมาถึงบอกว่า ลักษณะสิ่งที่ยังไม่เป็นหนึ่งมันเจ็บระกำช้ำระบม กลัดหนองไม่สมบูรณ์แบบ สุดระกำช้ำระบม แต่ถ้าเป็น 1 แล้วจะไม่ระกำช้ำระบม
_จุนทปกรน์ กิตติอนันต์ชัย
ผมเห็นสิ่งที่ท่านทำแล้วผมรู้สึกอิ่มใจ รู้สึกถึงความสุขที่ชาวสันติอโศกมี ถ้าตัดภาพที่ท่านไปยุ่งกับการเมืองออกไป มองผ่านความรู้สึกว่าท่านคือนักบวชออกไป ท่านก็คือ ปูชนียบุคคล คนหนึ่งที่สร้างสิ่งที่มีประโยชน์แด่สาธารณชนของเมืองไทยเรา
พ่อครูว่า…อันนี้ก็น่าเห็นใจเพราะว่านักการเมืองนี่แหละเป็นตัวหลัก ไปพูดว่าธรรมะกับการเมืองต้องแยกกัน อย่าเอาเรื่องการเมืองมายุ่งกับธรรมะอย่าเอาธรรมะมายุ่งกับการเมือง นี่เป็นวาทกรรมเป็นคารมของพวกคนเลวกล่าว
คนเลวจะกล่าวว่า อย่าเอาธรรมะมายุ่งกับการเมือง อย่าเอาการเมืองมาเกี่ยวกับธรรมะ ก็คือคนเลวคือนักการเมืองเขากันเอาธรรมะไม่ให้เข้ามาเพราะเขาจะทำเลว ถ้าธรรมะเข้ามาเขาก็ทำเลวไม่สะดวก คนเลว จึงป้องกันตัวเองว่า อย่าเอาธรรมะมายุ่งกับการเมือง การเมืองก็คือการเมืองอย่าเอาธรรมะมายุ่งกับการเมือง การเมืองอย่าไปยุ่งกับธรรมะต้องตัดขาดกัน นั่นเป็นวาทกรรมหรือคำกล่าวของคนโง่คนเลวคือนักการเมืองโง่นักการเมืองเลวจึงกล่าวเช่นนั้น ถ้านักการเมืองที่เป็นนักการเมืองมีภูมิปัญญาจริง จะไม่พูดเช่นนั้น
เพราะธรรมะกับการเมืองก็คือมนุษย์ มนุษย์ไม่มีการเมืองก็เป็นการป่า การรู เป็นมนุษย์คนไม่แท้เป็นมนุษย์คนป่ามนุษย์เถื่อนมนุษย์ยังไม่เจริญ ยังอยู่ในถ้ำในป่า ถ้าหากเป็นมนุษย์เจริญแล้วก็มาอยู่ในเมืองทั้งนั้น ฟังแค่นี้ก็ไม่เข้าใจ มนุษย์อยู่ในเมืองคือคนเจริญ ถ้าอยู่ในป่าเป็นมนุษย์เถื่อนมนุษย์ป่ามนุษย์ยังไม่เจริญมันมีจริงมนุษย์ป่ามนุษย์เถื่อน พวกผีตองเหลืองก็ยังอยู่เลยยังมีทุกวันนี้ ก็แยกกันให้ชัดเจน พวกที่ปฏิบัติธรรมอยู่ในป่ายังตามยังไม่ถูกต้องยังไม่ใช่ศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธลืมตารู้เข้าใจโลกและอัตตาที่สัมพันธ์กันอยู่อย่างชัดเจนถูกต้องและอยู่ในโลกในอัตตา นี่คือของพุทธเหนืออยู่อย่างนี้เป็นอุตริมนุสสธรรมเป็นโลกุตรธรรม เพราะฉะนั้นคนไม่รู้ก็พูดอย่างไม่รู้ อาตมารู้ก็พูดอย่างรู้ยืนหยัดยืนยัน ใครจะว่าอวดดีก็ต้องอวดในสิ่งที่ดี อาตมาอวดความชั่วไม่เป็น
_FOR TRUTH 2559 ประชาธิปไตยมีหลายแบบ แบบที่ผ่านๆมาของไทยไม่เวิร์กครับ เลยล้มแล้วล้มอีก เพราะประชาชนมอบอธิปไตยให้นักการเมืองเป็นตัวแทนเข้าไปใช้อำนาจโดยมีข้อแลกเปลี่ยน คือรับเงินซื้อเสียงบ้าง หลงเชื่อวาทกรรมลมๆแล้งๆ ประเภททำไม่ได้อย่างปากพูดก็มี หรือประชาชนอาจจะยังไม่เข็ดกับนักการเมืองแบบเดิมๆก็มี เลือกส.ส.แบบพวกมากลากไปก็มี ประชาธิปไตยเลยไม่โตซะที งอกมาหน่อยแล้วก็เน่า ใส่เมล็ดลงไปก็พันธุ์เก่าอีกมันเลยเน่าอีก ไม่คิดจะหาเมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตยที่มันเข้าได้กับแผ่นดินไทย เหมาะสมกับคนไทยซะที เลยงมกันอยู่อย่างนี้ เสียเวลา เสียโอกาสอะไรอีกมากมาย เหนื่อยกันไปอีกนานแสนนานประเทศไทย
พ่อครูว่า…คุณเห็นไหมว่าตอนนี้ประเทศไทยกำลังได้รับพันธุ์ดีของประชาธิปไตยกำลังแตกดอกใบอยู่ดูให้ดีๆ
_บ้านสวน ปารี …ควรวางตัวเป็นกลางจ้า เสียศรัทธาหมดจ้า
พ่อครูว่า…ก็ขอพูดถึงเรื่องความเป็นกลางซะอีก อาตมาต้องพิมพ์หนังสือเรื่องความเป็นกลางอีกไหมนี่ คนที่มีความเป็นกลาง
พฤติกรรมเป็นกลางของผู้มีปัญญาปาสาโท .
-
มโนกรรม ย่อมรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก โดยไม่มีอคติ 4 !
-
วจีกรรม กล่าวตำหนิคนที่ควรติ ยกย่องคนที่ควรยก.
-
กายกรรม เข้าร่วมกระทำกับฝ่ายที่ถูกต้อง (คบหาบัณฑิต)
พฤติกรรมเป็นกลางของผู้ไม่มีปัญญา .
-
โง่ ไม่รู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก
-
กลัว จะเสื่อมลาภ เสื่อมยศ เสียตำแหน่ง เสียหน้า
-
เห็นผิด คิดว่า เป็นกลางแล้วไม่ควรไปอยู่กับฝ่ายไหน
พ่อครูว่า…
1.ความเป็นกลางต้องไม่มีอคติ 4
2.ความเป็นกลางต้องเข้าข้างคนดี เพราะจะมีน้ำหนักมีมวลของคนดีเพิ่มขึ้นส่งเสริมมวลของคนดีให้มีน้ำหนัก คนดี ในสังคมที่แย่จะมีคนดีน้อย ในสังคมที่ดีก็จะมีคนดีมากขึ้น คนไม่ดีจะเหลือน้อยลง ประเทศไทยขณะนี้คนดีกำลังมีจำนวนมากขึ้น เพราะฉะนั้นอย่าอวดดี โพลต่างๆ คือ ความเป็นกลางๆที่เขาทำอย่างซื่อสัตย์ตรงที่สุดแล้วก็มีแนวโน้มไปในทางให้คนดีคนถูกต้องมากขึ้น อย่าแอคอาร์ทอวดดี เดินไปฟังคำพังเพยเก่าๆ Majority rule Minority Right ส่วนน้อยเขาถูกต้องศึกษาก็ใช้ แต่เดี๋ยวนี้ขณะนี้ไม่ใช่ ขณะนี้เขาหาเสียงกันว่า ถ้าเขาชนะแล้วก็จะฉีกรัฐธรรมนูญนี้ทิ้งจะร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จริงๆแล้ว Rule ตอนนี้ดีแล้วแต่เขาเห็นผิด คนพวกนี้ยังไม่ชัดเจนหรอก ตอนนี้ไม่ใช่ Minority Right ด้วยตอนนี้กฏหลักกฎหมายถูกต้องแล้ว ถ้าใครยังแย้งอยู่ก็เป็นคนไม่ดี ประเทศไทยส่วนใหญ่ถูกต้องหมดแล้วส่วนที่ออกมาเห่านั้นเป็นส่วนน้อยน้อยจนกระทั่งเข้าประเทศไม่ได้ มีอยู่ 2 สาย สายที่อยู่ในประเทศอย่างสุขสำราญเบิกบานใจ กับอีกฝ่ายหนึ่งเป็นหมาขี้เรื้อนถูกพริกขี้หนูป่นชุบน้ำมันทา
-
คนโง่ก็ไม่รู้ว่าอะไรชั่วอะไรดีก็ถูกคนลากจูงไป ก็เห็นใจพยายามลากจงมาสู่หมู่ที่ถูกต้อง
-
พวกที่รู้อะไรดีอะไรชั่วแต่มิจฉาทิฐิไม่เข้าข้างใคร เพราะไปถูกครอบงำทางความคิดมิจฉาทิฏฐิว่าความเป็นกลางต้องไม่เข้าข้างใคร ต้องเปลี่ยนความคิดนี้ไหม ความเป็นกลางต้องเข้าข้างคนดี เพราะฉะนั้นที่ถูกต้องแล้วไม่ใช่ว่าความเป็นกลางต้องไม่เข้าข้างใคร แม้จะรู้ว่าอะไรดีอะไรถูกอะไรผิดก็ไม่เข้าข้างใครมันเป็นมิจฉาทิฏฐิ ต้องทำให้เป็นสัมมาทิฏฐิ ความเป็นกลางต้องเข้าข้างคนดี จะได้เพิ่มมวลคนดีให้มีน้ำหนัก แล้วก็จะได้เจริญไป มันไม่น่าจะยาก
_3867ภาคการเมืองอาจมองลุงตู่ไม่ใช่นักการเมืองที่ถูกใจทุกผลปย.ระบบอุปถัมภ์เก่า! แต่ภาคปชช.มองลุงตู่ใช่ข้ารองบาทฯที่ถูกตรงตามพระราชอำนาจโดยธรรมชอบถูกต้องฯตามรธน.พระราชานุมัติมติหาชนฯ
พ่อครูว่า..นักการเมืองโง่หรืออวิชชาไม่รู้ status quo ของ phenomenon ของสังคมที่เป็นจริงที่มีสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่อย่างนี้ขณะนี้ปัจจุบันนี้ ก็เอาแต่เพ้อ ถล่มประเทศของตนเอง ใช้วาทกรรมโป้ปดมดเท็จ พูดอะไรไปเรื่อย ถ้าเขารู้ว่าอันนี้มันใช่ สังคมประเทศชาติของผู้ที่อยู่ รวมทั้งประชาชนรวมทั้งผู้บริหารขณะนี้ไปได้ดีหมดเลยสอดคล้องไปหมด ประเด็นเห็นแย้ง ตัวเองเห็นแยก ก็ต้องพยายามทำความเข้าใจ ถ้าหมู่ใหญ่ อย่างเหมือนพวกเราเห็นแย้งกับทักษิณ ก็จะออกไปประท้วง เชื่อไหมว่า ถ้าเราประท้วงมั่นคงแจกแจงสัจจะต่อไป ถ้าสุดท้ายเราประท้วงแล้วประท้วงอีก คุณสุเทพเรียกมวลมาร่วมกัน เราอยู่มาก่อน แล้วรวมพลกันมาก็มากจนไม่รู้กี่ล้านเป็นสิบล้าน ไม่เคยเกิดได้เลยอย่างนี้ แสดงความจริงเปิดเผยความจริงขับไล่ความชั่วที่เป็นทรราช ก็เลยเป็นพลังที่สมบูรณ์แบบพอ ออกมา 10 กว่าล้านนี้มากที่สุดแล้ว ถ้าหากประเทศดีๆกว่านี้ ออกมาประท้วงแค่ 1 ล้านก็ยอมรับแล้วจบ ประเทศจะดี ประเทศไทยเราแย่น้อยออกมาตั้ง 10 กว่าล้านแล้วถึงยอม ถ้าต้องออกมา 10 ล้าน 30 ล้านออกมาหมดเลยจึงจะได้มันเป็นได้ไปได้ยากเลย มันมาไม่ได้คนแก่คนเฒ่าคนเด็กคนทำมาหากินคนไม่มีเวลาไม่มีแรงจะมาก็มาไม่ได้ หรือแม้มาก็ไม่เอาด้วยก็มีส่วนหนึ่งเขาจะทำมาหากินช่างหัวคนอื่น ก็แล้วแต่คนชนิดนั้นก็มีในโลกแต่คนที่เห็นแก่บ้านเมืองก็ออกมาช่วยกันเมืองไทยมีสำนึกอันนี้เจริญ ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน อาตมาว่ามันไปได้ดีเลย
ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งปี 62 51,419,975 คน
อายุ 18-25 ปี 7,339,772 คน
อายุ 26 – 45 ปี 19,583,472 คน
อายุ 46 ถึง 60 ปี 14,444,663 คน
อายุ 60 ปีขึ้นไป 10,052,068 คน
พ่อครูว่า…อาตมาว่าเมืองไทยเป็นประชาธิปไตยเต็มที่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงมีแกนหลักจากความรู้พระพุทธเจ้าเพราะเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ เป็นพุทธศาสนิกชน 95% ขึ้นไป ภูมิปัญญาอาตมา แบ่งไว้ 3 ประเด็น
-
ประชาชนคนไทยมีอิสรเสรีภาพเต็มที่ ทุกวันนี้ แต่แน่นอน ความมีอิสระนั้นก็ต้องไม่ละเมิดหรือว่าผิดกฎหมาย และเป็นความอิสระเสรีภาพที่อยู่ในกรอบของกฎหมาย
-
ประชาชนเองต้องมีความเห็นแก่สังคม แต่ละคนมีจิตใจเห็นแก่สังคมเห็นแก่ผู้อื่นมากกว่าความเห็นแก่ตัว แม้จะไม่ถึงขั้น ถึงตายก็ยอม อันนี้เป็นสิ่งสูงสุด ตายให้แก่สังคมให้แก่สถาบันสูงสุด ตายให้แก่ชาติก็ยอมอันนี้คือจิตวิญญาณที่ดีสูงสุด แต่คนที่เห็นแก่สังคมส่วนใหญ่ไม่ถึงตายก็ต้องเห็นแก่สังคมส่วนใหญ่เท่าที่จะมีน้ำหนัก จะมีน้ำหนักเท่าไหร่ก็ต้องไปอ่านความรัก 10 มิติ
-
ประชาชนสุขสำราญเบิกบานใจ มีเงื่อนไขให้ตรวจสอบได้ง่ายๆ แต่ประเทศไทยไม่ถึงขั้นนี้ทีเดียว เพราะอะไร เดี๋ยวค่อยว่า ประชาชนที่สุขสำราญเบิกบานใจอย่างชาวอโศก เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของมนุษยชาติสังคมกลุ่ม เพราะ 1.ไม่เป็นหนี้ ส่วนตัวใครตัวมันจะเป็นหนี้ส่วนตัวแอบซ่อนก็เป็นของใครของมัน ไปจัดการซะให้เรียบร้อยแล้วก็มาอยู่กับหมู่สบาย ไม่ทำหรอกใครเป็นหนี้จะไม่กล้ายกมือกัน ใครไม่เป็นหนี้บ้างยกมือขึ้น 2.ทำงานพึ่งพาตนเองรอด 3. ขยันทำงานเกินกินเกินใช้ เหลือเฟือ 4.แจกจ่ายเจือจานเกื้อกูลผู้อื่น
อาตมาภูมิใจสบายใจมากที่ชุมชนหมู่บ้านชาวอโศกมีความสำเร็จ ใน 4 ประเด็นนี้ 1. ไม่เป็นหนี้ 2. เลี้ยงตัวเองก็รอด 3. สร้างสรรเกินกินเกินใช้ 4. มีเหลือก็แจกจ่ายแก่คนอื่นขายให้ต่ำกว่าทุน เรามีผลผลิตแล้วก็ขายต่ำกว่าทุนได้แจกจ่ายได้ ทิ้งไว้ก็เน่าเสียเปล่าเราก็มีกินมีใช้แล้วอย่างนี้เป็นต้น เป็นการแสดงถึงสภาพความเป็นมนุษย์ความเป็นสังคมที่สมบูรณ์เต็มที่ ไม่ต้องสะสมก็อยู่มีพฤติกรรม 4 อย่างนี้ในสังคม รับรองคุณสุขสำราญเบิกบานใจตลอดกาลเลย จริงๆเลย ที่อาตมารวบรวมไว้ พูดไว้ ต่อไปในอนาคต คนมีภูมิปัญญาจะมารวบรวมเอาไว้ อาตมามั่นใจว่าเป็นสัจธรรมที่ถูกต้อง ถ้าผู้ใดปฏิบัติจริง มันจะสำเร็จผลได้ผลสูงสุดมีวรรณะ 9 ตามมูลสูตร 10 ผลจะออกมาเป็น สาราณียธรรม 6 จบเลย จะออกมาเป็นเช่นนั้นจริงๆตามสัจจะของพระพุทธเจ้าที่ยืนยันความสุขที่ว่านี้
สรุปว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทย คนไทยมีศาสนาพุทธถึง 95 เปอร์เซ็นต์ของประชากร ดีแล้วเราไม่ได้ปฏิเสธเราให้อิสระ ศาสนาอื่นก็มาอยู่รวมกับเราได้ไม่มีปัญหาอะไร เกื้อกูลกันไปแต่เราก็เห็นว่าศาสนาพุทธดีมีคำสอนที่ดี ก็อยากให้ผู้ที่นับถือศาสนาอื่นมาศึกษาศาสนานี้และสุดท้ายก็มาเป็นชาวศาสนาเดียวกันเป็นพุทธนี่แหละ เราก็บังคับกันไม่ได้หรอกเราไม่บังคับมีอิสรเสรีภาพ เพราะฉะนั้นคนไทยก็เป็นไปอย่างนี้แหละมีทั้งศาสนาพุทธและศาสนาอื่นย่อยๆ แม้แต่มีศาสนาเงิน (ออกสำเนียงใต้ว่า เฮิน)
สมณะฟ้าไทว่า…ที่ปฐมอโศกมีเด็กใต้ไปเห็นงูก็บอกว่า ฮูๆๆๆ เพื่อนไม่รู้ก็เลยไปดู
พ่อครูว่า…ในยุคของพระพุทธเจ้าท่านไม่เรียกคำว่าประชาธิปไตย เพราะคำนี้ยังไม่เฟื่องฟูยังไม่รู้ยังไม่ยึดถือกัน ประชาธิปไตยเป็นภาษาไทยที่เอาภาษาบาลีสันสกฤตมาใช้
คำว่าอธิปไตยเป็นพลังงานท่านแบ่งพลังงานไว้สาม 1. มีพลังงานของโลก 2. พลังงานของ อัตตา เสร็จแล้วคนที่เรียนรู้โลก และอัตตา และถ้ารวมพลังงานโลกรวมกันเรียกโลกาธิปไตย
ขณะนี้เมืองไทยกำลังรวบรวมอำนาจอธิปไตยให้เป็นอย่างนี้ พยายามสร้างอัตตา เรียนรู้อัตตา แล้วล้างอัตตาอกุศลเห็นแก่ตัว จะเป็นอัตตาที่ไม่เห็นแก่ตัวเป็นอนัตตา รู้สภาวะอัตตาคืออะไรแล้วล้างอัตตาตนเองจนหมดตั้งแต่ โอฬาริกอัตตา จนเหนืออัตตานั้นได้ ต่อมาก็ล้างอัตตาที่เหลือส่วนในเข้าไปข้างใน หยาบใหญ่ตั้งแต่โอฬาริกอัตตา เหลือต่อมาเป็นมโนมยอัตตา อัตตาที่สำเร็จในจิต สร้างในจิตตนเอง ใหญ่โตอยู่ข้างใน ข้างนอกหมดแล้วก็ทำ รูปภพ อรูปภพต่ออีก ในอัตตา 3 นี้หมดไป ก็เหลือตัวตน ใช้ภาษาเรียกเท่านั้นว่าเหลือตัวตนแต่จริงๆแล้วไม่มีตัวตนทั้ง 3 อัตตา เป็นคนไม่มีอัตตาแล้วมีแต่อัตตาอาศัย อาศัยอัตตานี้อยู่ไปจนไม่เห็นแก่ตัวตนเลยทั้ง 3 อัตตา
เมื่อมีความเป็นอย่างนี้แล้ว คนที่หมดอัตตาแล้วจึงทำประโยชน์ให้แก่โลก เรียกว่า พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) อาตมานี้มีประโยชน์ต่อพหุชน คนที่รู้ก็มาเอาคนที่ไม่รู้เขาก็ตีทิ้งบางทีจะฆ่าอาตมาด้วย เพราะว่าหาว่ามาล้มล้างความคิดความเห็นของเขา อาตมาไม่ต่อสู้ก็ทำงานไปเรื่อยๆ ก็ได้พลังงานชาวโลกโลกาธิปไตยนั้นมาทำ เราไม่มีอัตตา แต่มีอธิปไตย มีสติ สัมปชัญญะ มีปัญญาเป็นอุตระ อยู่เหนือโลก เหนืออัตตาก็ทำงานอย่างธรรมาธิปไตย ทำงานอย่างซื่อสัตย์สุจริตมีแต่ประโยชน์คุณค่ารับใช้มวลชน คนที่สามารถที่จะรู้จักอัตตาและหมดอัตตา อาศัยอัตตาอยู่แล้วเชิญออกไปตามลำดับเท่าที่เราจะมีบารมีมีความสามารถ ด้วยธรรมะที่ตนเองรู้จักธรรมะดีที่สุดเป็นโลกุตรธรรม ไม่ใช่แค่โลกียธรรมที่มีแต่ดีและชั่ว แต่ของพระพุทธเจ้านั้นเอาแต่ดีไม่มีชั่วเลย สามารถควบคุมกายกรรมวจีกรรมมโนกรรมได้ ไม่ให้ทำชั่วเลยทำแต่ดี สุดท้ายจิตใจไม่มีสุขไม่มีทุกข์นี่เหนือกว่าความดีความชั่ว จิตใจไม่มีสุขไม่มีทุกข์จึงทำงานอย่างไม่กลัวสุขกลัวทุกข์ ทำงานอย่างมีพลังมาก มีประโยชน์มาก พหุชนหิตายะ ขอยืมคำว่าสุขมาใช้ คนที่สุขก็ยังมี แต่คนที่บรรลุไม่มีสุขไม่มีทุกข์แล้ว อย่างเช่นอาตมาเป็นอรหันต์ขึ้นไปไม่มีสุขไม่มีทุกข์ ก็ช่วยคนที่เขายังมีความสุขความทุกข์อยู่ให้เป็นคนมีความสุขอย่างเป็นโลกุตระ วูปสโมสุข ไม่ใช่ความสุขอย่างบำเรอโลกียะ ก็รู้จักขั้นตอนของโลกียะ โลกีย์อย่างอบายก็หมดมาเป็นกามภพ รูปภพ อรูปภพก็หมดไปตามลำดับ มีอัตตาไว้อาศัยมีชีวิตช่วยคนอื่นต่อไป
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่บรรลุอรหันต์อย่างนี้ มีกำลัง 4 มีปัญญาเต็มครบ เรื่องความพลังปัญญาปัญญาพละ มีกำลังคือปัญญา มีวิริยะเป็นพลัง เป็นคนขยันหมั่นเพียรมีกำลังมีความเพียรความสามารถเพียรธรรม ไม่ดูดายไม่งอมืองอเท้า เป็นคนวิริยารัมภะ เป็นคนที่ทำงานแล้วนักปราชญ์ไม่ตำหนิ อนวัชชะ คนที่มีปัญญารู้ว่าเราทำงานสร้างสรรค์ ไม่มีตัวตนไม่ได้ทำเพื่อตัวตน ปราชญ์จะรู้และไม่ตำหนิติเตียน คนที่ตำหนิติเตียนอาตมาคือคนยังไม่รู้ คนที่รู้แล้วจะไม่ตำหนิอาตมา คนที่บรรลุอรหันต์แล้ว พระพุทธเจ้าให้หมู่กลุ่มยกเป็นสติวินัยไว้ เพราะท่านรู้โลกรู้สังคมแล้วไม่มีตัวตนแล้วทำงานช่วยโลกจริงๆ มีสังคหพละ ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นจริงๆ จนกระทั่งตนเองไม่ต้องช่วยตนเองเลย คนอื่นจะมาช่วยเลี้ยงดูไว้ ปรปฏิพัทธาเมชีวิกา ชีวิตให้คนอื่นเลี้ยงไว้เราเป็นคนกินน้อยใช้น้อยไม่เจ้ากี้เจ้าการวุ่นวายอะไร คนก็ยิ่งจะเลี้ยงง่ายไม่ต้องห่วงตัวเองเลย พิสูจน์ยืนยันได้ อย่างอาตมาพิสูจน์แล้วจริง ไม่ต้องห่วงเรื่องการกินกันอยู่กันไปกันมาคนบริการหมดทุกอย่างเลย ขออภัยพูดอย่างหยาบ แม้แต่จะไปขี้คนยังจะอุ้มไปขี้เลย เขาจะช่วยขนาดนั้นเลยจริง ดูแลอย่างที่เรียกว่าเข้าใจ คนนี้ต้องช่วยไว้ ดูแลไม่ต้องให้มันบกพร่องอะไรต่ออะไร รักษาชีวิตไว้เพื่อเอาไว้ใช้อย่าให้ตายง่ายๆ ก็เป็นคนดีนะ เป็นเรื่องจริงใช่มั้ยล่ะ ไม่อยากให้ตายง่ายเพราะเขามีประโยชน์ต่อโลกต่อสังคมอยากให้อยู่ยืนยาวไป ไม่ใช่พูดความคิดไม่ดีนะ เอาไว้จะได้รับใช้มนุษย์ไว้มากมาย คนเหล่านี้เลี้ยงไว้ อาตมานี้น่าเลี้ยงไว้อย่าให้ตายง่ายๆ พวกที่หมั่นไส้นี้ขออภัยอย่าเพิ่งอาเจียน
ผู้ที่มีกำลัง 4 จะพ้นภัยทั้ง 5 คำสอนพุทธเจ้ามาขยายความแล้วชัดเจนทำตามและจะลงล็อค คนอย่างพระพุทธเจ้าตรัสรู้พูดอะไรที่จริงยอดเยี่ยมทุกอย่าง
-
จะมีอาชีวิตภัย คือภัยที่จากการดำรงชีวิตจะไม่มี สะดวกดายการมีชีวิต มีอาหารการกิน เครื่องใช้ไม้สอยสะดวกกายสบายดีไปหมดเลย เท่าที่บารมีจะมี บางคนจะไม่ได้เท่ากัน เขาก็เข้าใจไม่มีปัญหาเขาไม่ริษยาหรอก ถ้าริษยาก็ทุกข์เอง เขาก็ทำตนให้เหมือนอาตมาเขาก็จะได้อย่างอาตมามันต้องเป็นอย่างนั้นจริงๆไม่มีทางเป็นอื่น
-
อาสิโลกภัย คือไม่มีความกลัว ใครจะมาติเตียนด่าว่าก็ไม่กลัวแต่ไม่ใช่หน้าด้าน เพราะฉะนั้นจึงพูดความจริงหมดเขาจะด่าจะว่า ก็ไม่ใช่หน้าด้านแต่ไม่กลัว ไม่เคยหวั่นไหว ไม่มังกุ อาตมากล้าว่าเขาเต็มที่ไม่กลัวจะติเตียนผู้ควรตำหนิ จะสังเกตว่าอาตมาติทักษิณธัมมชโยหนัก คนอื่นไม่ถึงขนาดนั้นอ.มั่นหรือท่านพุทธทาสก็ไม่ติเท่า ต้องตำหนิคนที่ควรตำหนิ ไม่ใช้บ้าบอติแหลก ก็ติดตามฐานะควรตำหนิ ใครจะมาติเตียนอาตมาก็ไม่กลัว อาตมาจะไปติเตียนใครอาตมาก็ไม่กลัว
-
ปาริสารัชภัย ภัยจากการสะทกสะท้านสะเทือนอะไรไม่มี อาตมากล้าว่าผู้อื่นอย่างไม่สะทกสะเทือนคนอื่นมาว่าอาตมาก็ไม่สะทกสะเทือน อาตมาประมาณอยู่นะ อาตมาตอนใหม่ๆเคยเทศน์ที่วัดมหาธาตุ ว่า จะพูดความจริงให้อาตมาตายอย่างถูกกระทืบตายภายใน 5 วันก็ทำได้ ตั้งแต่พศ. 2515 -16 แต่อาตมาไม่บ้าทำ รับรองว่าตำหนิถูกด้วยนะ ตอนนั้นอาตมาตำหนิอย่างพอประมาณ ขนาดนั้นเขายังดำเนินคดีเลย ถ้าไม่ประมาณก็เสร็จ ตายอย่างเขียดเหยียดขาตายหรือตายอย่างถูกกระทืบเลย แค่นี้ก็รักษาตัวรอดมาได้ งดงามน่าดูอยู่นะ เอามาย้อนศรเขาได้เพราะเขาทำกับอาตมานั้นผิด อาตมาก็เขียนเป็นเล่มเลย ให้เขารู้ว่า ไม่ควรมาตำหนิคนที่ไม่ควรตำหนิ คุณเองนั่นแหละควรถูกตำหนิ เอาหลักฐานพระธรรมวินัยมายกอ้างให้ดูด้วย เราจะตำหนิติเตียนใคร ใครจะมาตำหนิติเตียนเรา เราก็ยังไม่สะทกสะท้านสะเทือนยังสบายใจ
-
มรณภัย ภัยจากความตาย จะไปกลัวทําไมความตาย คุณยังไม่ใช่อรหันต์ก็ต้องเกิดแน่นอน เป็นอรหันต์แล้วยิ่งจะรู้ใหญ่ ว่าจะเกิดหรือไม่เกิดตายอย่างสูญๆเลยก็ได้ถ้าอรหันต์ทุกองค์ตายอย่าง 0 เลย ตายอย่างปรินิพพานเป็นปริโยสานได้เลย ดับธาตุรู้สูญไปเลยได้ นี่เป็นความรู้ของพระพุทธเจ้า อรหันต์จะตายสูญได้ก็สิทธิของท่าน ท่านก็สลายอัตภาพให้ไม่เหลือจิตนิยาม จะเหลืออุตุนิยามก็เศษน้อย คนที่ไม่ยอมตายไม่ยอมพรากไม่ทิ้งพลังงานตนเองเลยกลายเป็นคนไม่เน่าไป เป็นคนมีพลังงานใช้พลังงานเหลืออยู่ หากใครเสียบท่อเอาอาหารเข้าไปก็เหมือนพืชมีอาหารเลี้ยงขันธ์ไว้ไม่ตาย แต่หากถอดท่ออาหารตาย ศาสนาพุทธรู้อย่างนี้จริง อาตมาพูดตามความรู้ของอาตมาวิทยาศาสตร์ก็ตรงด้วย เรารู้ว่าการตายกันเกิดนั้นเป็นเรื่องที่เปลี่ยนผ้านุ่งเท่านั้น เปลี่ยนบ้านอยู่เท่านั้น แล้วเราทำกุศลต่อไปเรื่อย ตายจากไปชาตินี้ก็จะมีบ้านหลังใหญ่ขึ้นเรื่อยๆผ้านุ่มสวยงามขึ้นเรื่อยๆ หล่อเหลามากขึ้นแข็งแรงมากขึ้นชาติต่อไปก็จะเจริญยิ่งขึ้นแล้วจะไปกลัวตายทำไม พระอรหันต์ตายไปแล้วไม่ตกนรกด้วยจะไปกลัวทำไม 1 นรกก็ไม่ตก 2 มีแต่หล่อขึ้นเจริญขึ้นดีขึ้นอุดมสมบูรณ์ขึ้นทำงานช่วยโลกช่วยมนุษยชาติได้ดีมากยิ่งขึ้น จะไปกลัวทำไม มีเหตุผลมันเป็นอย่างนี้ ถ้าคุณยังไม่ตาย แม้คุณจะตายสูญได้แต่คุณยังไม่ตาย เพราะฉะนั้นเหนื่อยก็ใช่มีงานทำก็ใช่มีวิบากก็ใช่ อาตมาเป็นโพธิสัตว์ไม่ได้พูดช่วยพูดของตนเอง