620403_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรยาตราพากู้ชาติจาก 4 รัฐบาลทรราช
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/1fIbXc_osl8vscCxCjGCWmQ0KaScpuNcbTOfRKsAPFSI/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1Knzb-HwQvUdfAlAhOpV_BpbstfA6YFl7
สมณะเดินดินว่า…วันพุธที่ 3 เมษายน 2562 ที่บวรราชธานีอโศก บรรยากาศการเมืองไทยตอนนี้กำลังคุกรุ่น พอๆกับเหตุไฟไหม้ที่ทางเหนือ ทำให้เกิดฝุ่น 2.5 pm บรรยากาศทางการเมืองทำให้คนมองไปในแง่ลบ ทั้งที่บรรยากาศการเมืองของเมืองไทยมีการพัฒนาการดีขึ้นเรื่อยๆ เมืองไทยมีพระสยามเทวาธิราช แต่คุณบ้านเล็กเมืองน้อยก็บอกว่า พระสยามเทวาธิราชน่าจะมาในรูปของกรรมการต่างๆหรือศาลสถิตยุติธรรม ก็มาช่วยตัดสิน แต่ประชาชนต้องออกมาแสดงตัวตนกันก่อน
พ่อครูว่า…การจะเอาชนะได้ สัตว์โลกมาจนกระทั่งถึงคน การจะเอาชนะได้มันต้องใช้ความรุนแรง ผู้มีแรงเข่นฆ่าทำร้ายคู่ต่อสู้ได้จึงจะชนะ มันเป็นเรื่องตื้นๆเป็นเรื่องหยาบไม่น่าจะเอามาทำ เป็นเรื่องรูปธรรมที่หยาบ มันมีตามธรรมชาติ จนกระทั่งคนที่เป็นเวไนยสัตว์ มีภูมิธรรมสูงขึ้น และก็ต้องสูงขึ้นด้วยกัน คนที่ภูมิธรรมสูง เป็นคนเจริญไม่ทำร้ายทำแรงกับใคร มีแต่ความเมตตาสุภาพเกื้อกูล เสียสละแม้ที่สุดตนเองจะต้องตายแทน จะต้องตายเพราะว่าเขารุนแรงกับเรา เราก็ต้องยอม เกิดขึ้นได้ด้วยจิตวิญญาณเป็นเรื่องจริง จนกระทั่งสูงขึ้น ๆ มวลก็ค่อยๆเจริญขึ้น คนในโลกทุกวันนี้เจริญขึ้น
ส่วนที่หยาบร้ายแรงรุนแรงหน้ามืดตามัวก็มีส่วนหนึ่ง แต่ค่าเฉลี่ยของโลกเป็นองค์รวม มันจะละเอียดประณีตลึกซึ้งขึ้น จะเห็นความสุภาพเรียบร้อยความเสียสละ ความเห็นแก่ผู้อื่น สละเพื่อผู้อื่น เป็นคุณค่าที่มีราคาแพง ราคาสูง ซึ่งต้องกล้าต้องยินยอม ยินยอมต่ออำนาจของความสุภาพเรียบร้อยที่สูงส่งด้วย คนจะค่อยๆชัดเจนในเรื่องนี้ขึ้น สังคมโลกมนุษย์โลกจึงจะค่อยๆพัฒนาขึ้นมา ขณะนี้มี ขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความร่วมองค์รวมเป็นอย่างนั้น จะไม่เหมือนในยุค เจงกีส ข่าน อเล็กซานเดอร์มหาราช ความจริงของมนุษย์มีสัจจะทำคุณงามความดีอันนี้จึงเป็นธรรมฤทธิ์อำนาจทางธรรมเป็นไปได้
มาถึงยุคพวกเรา อาตมาได้พาพวกเราไปร่วมชุมนุมเรียกว่า Neo protest เอาการประท้วงเป็นการประหารรัฐบาล จึงเรียกว่า รัฐประหาร ประหารรัฐบาลที่ปกครอง เมื่อคณะรัฐบาลที่เป็นทรราชเลวร้าย เป็นพิษภัยต่อสังคม ผู้รู้ที่มีความเสียสละก็จะมาร่วมใจร่วมพลังกันร่วมมวล เป็นตัวตนบุคคลจริงเลย อาตมาพาไปทำแล้วผ่านมาก็ อาตมาพูดแล้วก็ เหนียมเหมือนกัน อวดตัวอวดตน คนอื่นพาทำแล้วเอ็งมาฉวยโอกาสมาถือดีเหมือนของตนเองทำได้อย่างไร อาตมาก็บอกว่า ใครจะเป็นคนทำก็ได้ แต่ตัวรู้สึกของอาตมาตัวลึกเห็นความจริงว่าอาตมามีความรู้อันนี้ มีความจริงใจและก็ตั้งใจ ตั้งแต่เขียนหนังสือตัวหนังสือใส่ธง
สันติ อหิงสา อโหสิ จนพัฒนาการตัวหนังสือ ขึ้นฉาก banner ให้กว้างๆขึ้น แม่นประเด็นต่างๆนานา
สันติ อหิงสา ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ คมลึก แม่นประเด็น นี่คือ Neo protest ปฏิบัติการชุมนุมประท้วงแนวใหม่
เป็นการยืนยันไม่ใช่อวดอ้าง เป็นปรากฏการณ์เกิดขึ้นจริง คนไทยน้อมใจร่วมถวายฎีกา (มีภาพ) แต่ตอนนั้น ประชาชนทำ บอกว่านี่นะ ยึดอำนาจได้แล้วนะ ขอถวายฏีกา คนเฝ้าประตูก็บอกไปตามเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็ไม่รู้ เงอะๆงะๆกันไปหมด คือมันใหม่เป็นเรื่องใหม่แปลก อย่างนี้มีด้วยหรือ ความสงบสยบความเคลื่อนไหว มนุษย์ประชาชนเอามวลความสงบมาปฏิวัติรัฐประหารอย่างสงบแล้วชนะ คนเขาถือปืนถือระเบิดหนีกันไปกัน แล้วมันมีด้วยหรือ เลยกลายเป็นเหตุการณ์ เงอะๆงะๆ เป็นเรื่องจริง ก็ค่อยๆพัฒนาการความรู้ความเฉลียวฉลาดปฏิภาณไหวพริบที่ชัดเจนขึ้นมา อ๋อ คุณค่าของมนุษยชาติ คุณงามความดีของคนที่เสียสละตัวตน เสียสละชีวิตเสียสละกำลังกาย เสียสละทรัพย์สินมันสูงกว่าไปเอาไปลบการเอาเปรียบได้เปรียบ ข่มขี่ข่มเหงอะไร มันชัดเจนขึ้น คนมีภูมิปัญญาสูงส่งขึ้นเรื่อยๆ พัฒนาการของมนุษยชาติที่เกิดขึ้น คนที่ยังงงๆในเหตุการณ์มีภาพยืนยันได้ก็ดี เราก็เอามา
จริงๆแล้วเหนียมๆเหมือนกันว่าตนเองมีส่วนแล้วทำเป็นเท่ แต่ขออภัยอาตมาบอกจริงๆ เขาถามว่า ท่านรู้ได้อย่างไรว่าท่านเป็นอรหันต์ โอ้โห น่าตอบมาก …มันต้องรู้สิ แต่โมเม เอาก็ขี้หลอก แต่อดใจไว้วันหลังจะได้พูดเรื่องนี้
ก่อนจะเข้าเรื่อง อ.เป็นต้น นาประโคนก็ส่งกวีมา
ถ้าสูมา กล้าไหม ไปนอนคุก
มันหมดยุค บุกเผา เจ้าเป็นใหญ่
มีแต่ลิง อิงลาภ บาปบรรลัย
คบลิงไพร ไล่ล่า บ้าเผาเมือง
ซื้อฝูงคน ฉงนไหม ได้ฝูงควาย
ผิดเป้าหมาย ขายเหมา เจ้าไม่เชื่อ
วาดวิมาน ผ่านมา ว่ารุ่งเรือง
เที่ยวคุยเฟื้อง เลื่องลือ กระบือไทย
มีอำนาจ วาสนา บ้าอำนาจ
ขนเครือญาติ ฟาดฟัน ขนกันใหญ่
เงินภาษี ขี้ข้า มาเอาไป
เจ้าใช่ไหม ใช้มัน ดันทุรัง
เปิดหีบบัตร ยัดใส่ ใบละพัน
นับคะแนน แม่นมั่น นั้นใครสั่ง
เมื่อเงินมา กาให้ เมืองไทยพัง
ตายไอ้หวัง ไอ้หวังตาย ซื้อขายคน
อธิปไตย ไทยนั้น มันโหดร้าย
ฆ่าตัดตอน ซ่อนหมาย กลายเป็นผล
มันชี้นิ้ว กริ้วโกรธ ลงโทษคน
มันสัปดน คนผวา อาญาเมือง
ธรณีเอ๋ยเคยโกรธ
เจ้าซิลเวอร์
ต้นข้าวหมา บ้าบิ่น ใช้กินเมือง
เคยรุ่งเรือง เฟื่องฟู ดูรวยหรา
กฎแห่งกรรม นั้นก่อ ขอให้คิด
สูหมดสิทธิ์คิดสั่งอย่ากังขา
เงินชี้ที่ใครใช้เงินตรา
หมดอำนาจวาสนามาบงการ
อาชญวิทยาบ้าไหมคิดไปเรียน
เป็นดอกเตอร์เซ่อเพี้ยนมาเขียนอ่าน
ทั้งน้องพี่ผีบ้ามาเป็นมาร
อวสานม่านชีวิตปิดฉากลง
อ.เป็นต้น นาประโคน
พ่อครูว่า…มาเข้าเรื่อง มีผู้รวบรวม ก็ลองอ่านดู
เอาที่ ธรรมยาตรา พากู้ชาติ ก่อน
ธรรมยาตราพากู้ชาติ
ภาพที่ประชาชนผู้รักชาติ ถูกถล่มจนแตกกระเจิง ด้วยระเบิดแก๊สน้ำตาที่หมดอายุของตำรวจไทย ทำให้ทุกคนหายใจแทบไม่ออก แม้ตัวพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ รวมทั้งสมณะและสิกขมาตุ ก็ยังถูกอิทธิฤทธิ์ของแก๊สพิษนี้ เล่นงานจนแทบเอาชีวิตไม่รอด ในเหตุการณ์ชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยามนำโดย เสธ.อ้าย เพื่อภารกิจหยุดยั้งรัฐบาลทรราชย์ ระบอบทักษิณ ในวันพิพากษา 24 พฤศจิกายน 2555 ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า รัชกาลที่ 5
ภาพเหล่านี้ เป็นคำถามคาใจแก่ผู้คนในสังคมว่า เหตุใดพระหรือสมณะจึงเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง การออกไปประท้วงข้างถนน เป็นกิจของสงฆ์หรือไม่? หรือแม้แต่มีคนถามว่า ท่านร้อนผ้าเหลืองหรือไม่? ทำไมต้องออกไปล้มรัฐบาลอยู่บ่อยครั้ง?
เรื่องความเชื่อว่า ธรรมะไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองนี้ เป็นที่มาให้พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ที่อายุใกล้จะ 80 อยู่รอมมะร่อ ต้องพาตนเองและลูกๆเข้าไปร่วมชุมนุม เพื่อพิสูจน์สัจธรรมที่ว่า ต้องเอาธรรมะเข้าไปสถาปนาไว้ในการเมือง ไม่อย่างนั้นก็จะเกิดความฉิบหายแก่บ้านเมืองอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ (ให้ตัดเอาการสนทนาพ่อท่านกับคุณดนัยในรายการ เผชิญหน้าวันที่ 11 ก.ย. 56 มาใส่อธิบายคำตอบ)
ย้อนกลับไปเมื่อเมื่อวันที่ 16 ม.ค.2549 เป็นครั้งแรกที่พ่อครูพาลูกๆชาวอโศกกองทัพธรรม ออกไปร่วมประท้วงร่วมกับศาสนิกชน 67 องค์กร และ 172 เครือข่ายงดเหล้า มาร่วมชุมนุมคัดค้านน้ำเมา เข้าตลาด หลักทรัพย์ฯ ผู้ชุมนุมได้นั่งนอนอยู่หน้าสนง.ตลาดหลักทรัพย์ฯ ถนนวิทยุ เพื่อขอความเห็นใจต่อรัฐบาลและคณะกรรมการ กำกับ หลักทรัพย์ และ ตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไม่นำธุรกิจน้ำเมาเข้าตลาดหุ้น เพราะจะทำให้เกิดผลเสียหาย มากกว่ารายได้ ที่รัฐบาลจะได้จาก ธุรกิจ อบายมุข นับหมื่นล้านบาท
การชุมนุมครั้งนี้ ชาวกองทัพธรรม ได้ปักหลัก ยืนหยัด ยืนยันคัดค้าน ด้วยความสงบ สันติ อหิงสา อโหสิ ซึ่งเป็นลักษณะชุมนุมแบบโพรเทสต์ (PROTEST)” มิใช่กลุ่มม็อบ (MOB) หรือ กลุ่มชน ที่มาจับกลุ่มกัน ก่อความไม่สงบ ความวุ่นวาย จลาจล แต่อย่างใด
การชุมนุมได้ดำเนินมาถึงวันอังคารที่ 24 ม.ค.2549โดย รมว.กระทรวง สาธารณสุข ยืนยันจะออกกฎกระทรวงควบคุมการขาย การดื่ม สื่อโฆษณาน้ำเมาทุกชนิด 24 ชั่วโมง ให้แล้วเสร็จ ภายใน 45 วัน และ ก.ล.ต.ต้องทำตามกฎหมาย ไม่นำน้ำเมาเข้าตลาดหลักทรัพย์” ทางผู้ชุมนุมจึงสลายการชุมนุม หลังจาก ชุมนุมมาได้ 9 วัน 8 คืน
แม้ว่าชาวอโศกและกองทัพธรรมที่มีประธานคือพลตรีจำลอง ศรีเมือง ได้เคยให้การสนับสนุนนายกฯทักษิณ ชินวัตร ให้ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย เนื่องด้วยที่คุณทักษิณเคยบอกว่าตนเองรวยพอแล้ว ชีวิตต่อไปจะทำประโยชน์เพื่อชาติ แต่แล้วกลับปรากฎว่า พล.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับใช้ตำแหน่งนายกฯเอื้อผลประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้อง มากมายจนเกินกว่าที่ประชาชนไทยผู้รักชาติจะทนไหว จึงเกิดปรากฎการณ์ เมืองไทยรายสัปดาห์ที่สวนลุมฯโดยคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ต่อเนื่องพัฒนามาเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีพลตรีจำลอง ศรีเมืองเข้าร่วมเป็นหนึ่งใน 5 แกนนำพันธมิตรฯด้วย
หลังจากการเคลื่อนไหวใหญ่ในนาม “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ครั้งแรกในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2549 และกระแสการเรียกร้องขับไล่จากกลุ่มคนต่างๆ ในสังคมไทย อย่างกว้างขวาง ในที่สุดรัฐบาลทักษิณได้ประกาศ “ยุบสภา”ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 2 เมษายน 2549 แต่พันธมิตรฯ ยังเห็นว่าเป็นการใช้การเลือกตั้งเป็น “เครื่องมือซักฟอกตัวเอง” จึงคงยืนยันชุมนุมในขับไล่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ออกจากตำแหน่งอย่างไม่มีเงื่อนไข และ“ให้เกิดกระบวนการปฏิรูปการเมือง” ก่อนที่จะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยจัดให้มีการชุมนุมใหญ่ที่สนามหลวงในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2549
พ่อท่านได้นำพาหมู่สมณะและสิกขมาตุ นำญาติธรรมร่วมชุมนุมด้วยความสงบ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2549 โดยได้ปักหลักพักค้างชุมนุมที่สนามหลวง แล้วได้สลายการชุมนุมตามมติของแกนนำ เพื่อเข้าร่วมชุมนุมอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 5 มีนาคม 2549 พ่อท่านได้ให้แนวทางการชุมนุมว่าไปชุมนุมอย่างสงบ ตามกฎหมาย มีเป้าหมายให้นายกฯเสียสละลาออกจากตำแหน่ง ไม่มุ่งกดดัน แต่เน้นแสดงสัจจะ ด้วยหลัก “ยาวให้เป็น เย็นเรื่อยไป ไขความจริงกันออกมาให้มากๆหมดๆ”
โดยในเช้าวันอังคารที่ 14 มีนาคม 2549 ชาวกองทัพธรรมร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรฯ มีกองทัพธรรมเป็นทัพหน้า กลุ่มพนักงานรัฐวิสาหกิจเป็นทัพหลัง พาประชาชนเรือนแสนธรรมยาตราไปปักหลักพักค้างที่ข้างทำเนียบรัฐบาล โดยมีผู้เข้าร่วมเดินขบวนเป็นจำนวนมาก หัวขบวนอยู่ข้างทำเนียบรัฐบาล แต่ท้ายขบวนยังอยู่สนามหลวงอยู่เลย เป็นการเดินขบวนธรรมยาตราที่งดงามมหัศจรรย์มาก เป็นไปอย่าง สงบ สันติ อหิงสา เรียบร้อย ง่ายงาม ปราศจากอาวุธ ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก
โดยเช้าวันพุธที่ 15 มีนาคม 2549 พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ได้รับนิมนต์ให้ขึ้นธรรมาสน์เทศนาธรรมเพื่อเพิ่มสัมมาทิฏฐิให้กับผู้ชุมนุม และมีการถ่ายทอดสดทางสถานี ASTV ทุกวัน ซึ่งกิจกรรมการประท้วงของกองทัพธรรมและพันธมิตรฯ นั้น เป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ มุ่งเน้นเอาธรรมนำหน้า ให้ความรู้ความจริงเปิดเผยแก่ประชาชน โดยมี ASTV ร่วมถ่ายทอดความจริง
การออกมาประท้วงผู้นำประเทศครั้งนี้ กินเวลายาวนานถึง 39 วัน ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ 4 เมษายน 2549 โดยในวันที่ 4 เมษายนนี้เอง นายกฯทักษิณ ก็ได้ประกาศเว้นวรรคทางการเมือง
จนกระทั่งได้เกิดการรัฐประหาร โดยพล.อ.สนธิ บุญรัตนกลินท์ ในวันที่ 19 กันยายน 2549 โดยมีการโปรดเกล้าฯให้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์เป็นนายกรัฐมนตรี ระหว่าง พ.ศ. 2549-2550
ต่อมามีการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2550 พรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นนอมินีของระบอบทักษิณ ชนะการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลผสม ทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต้องกลับมาชุมนุมอีกครั้งในปี พ.ศ. 2551 เพื่อกดดันให้นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวชและสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งก็คือนอมินีของอดีตนายกฯทักษิณ ออกจากตำแหน่ง
การชุมนุมใหญ่ 193 วัน ร่วมกับพธม.
พันธมิตรฯ ได้จัดชุมนุมใหญ่ขึ้นในวันที่ 25 พฤษภาคม 2551 โดยเริ่มรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และเดินขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล แต่ถูกสกัดไว้ที่สะพานมัฆวาน จึงได้ปักหลักชุมนุมที่บริเวณดังกล่าว และเพียงหลังการชุมนุมเพียงหนึ่งวัน แกนนำพันธมิตรฯ ได้ยกระดับเป้าหมายไปสู่การ“โค่นล้มระบอบทักษิณและขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดอันธพาลให้สิ้นซาก” ซึ่งชาวอโศกในนามกองทัพธรรมก็ได้เข้าร่วมต่อสู้ โดยเอาธรรมนำหน้าร่วมกับพันธมิตรฯ
หลังจากการปักหลักชุมนุมพันธมิตรฯ ได้ ประกาศ “เป่านกหวีด”ระดมพลเคลื่อนไหวเข้าร่วมการเคลื่อนไหวหลายครั้ง เช่น 20 มิถุนายน 2551 “สงคราม 9 ทัพ” พันธมิตรฯ ได้เคลื่อนกำลังคนฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาปักหลักชุมนุมด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล ตรงข้ามสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ(ก.พ.)
26 สิงหาคม 2551 “ปฏิบัติการไทยคู่ฟ้า” บ่ายวันนี้พันธมิตรฯได้บุกยึดทำเนียบได้สำเร็จ ส่งผลให้มีข่าวลือหนาหูว่า ตำรวจพร้อมหมายจับจะบุกเข้ามาจับกุมแกนนำที่อยู่ในทำเนียบรัฐบาล พ่อครูได้นำหมู่สมณะและญาติธรรมนั่งล้อมรอบแกนนำพันธมิตรฯไว้ภายในทำเนียบรัฐบาล โดยได้ตากฝนที่ตกลงมาตลอดคืน ตำรวจก็ไม่ได้บุกเข้ามาแต่อย่างใด ต่อมาในวันที่ 29 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามผลักดันให้ผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบ จึงเกิดการปะทะกับผู้ชุมนุม จนทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย
7 ตุลาคม2551 พันธมิตรฯ เป่านกหวีดอีกครั้ง ปิดล้อมรัฐสภาเพื่อขัดขวางการ แถลง นโนบาย ของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ 443 ราย เสียชีวิต 2 ราย คือ นส.อังคนา ระดับปัญญาวุฒิหรือน้องโบว์ และสารวัตร จ๊าบ พ.ต.ท. เมธี ชาติมนตรี นับเป็นอีกสองวีรชนที่พลีชีพเพื่อชาติอย่างอาจหาญ
25 พฤศจิกายน 2551 ภายหลังจากที่พันธมิตรฯที่ปักหลักชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลฯ ได้ถูกยิงถล่มด้วยระเบิด M79 อยู่อย่างต่อเนื่อง มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พันธิมิตรฯจึงได้ตัดสินใจ เคลื่อนกำลังไปชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อใช้เป็นที่ชุมนุมที่ปลอดภัยได้มากกว่าที่ทำเนียบรัฐบาล ชาวกองทัพธรรมก็ได้ติดตามไป
ภายหลังจากมีคำวินิจฉัยคดียุบพรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลอีก 2 พรรค อันเนื่องมาจากกรณีทุจริตการเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัช เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ในวันรุ่งขึ้นแกนนำพันธมิตรฯ ได้ประกาศยุติการชุมนุมทั้งที่ทำเนียบรัฐบาล ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง เป็นอันสิ้นสุด ๑๙๓ วัน ของการต่อสู้เอาธรรมนำหน้า สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ ทำให้เกิดประชาภิวัฒน์และตุลาการภิวัฒน์เอาชนะระบอบทักษิณได้อีกครั้งหนึ่ง
ชุมนุมประท้วงรัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
และในปี 2554 ปีนี้เป็นปีที่พ่อครูฯนำพากองทัพธรรม ออกไปประท้วงรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ กรณีเขาพระวิหารและกรณีการจับคุณวีระ สมความคิดกับชาวไทยรวม 7 คนไปขังคุกเปรย์ซอที่ประเทศกัมพูชา ครั้งนี้กองทัพธรรมออกไปเป็นตัวหลัก ตั้งเวทีเอง ซึ่งก็มีพันธมิตรฯมาร่วมด้วยในภายหลัง การชุมนุมครั้งนี้เอง ที่พ่อครูได้ลงหลักปักธรรมะ เข้าไปในการเมืองอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีรูปแบบของการประท้วงแนวใหม่ ที่เรียกว่า “Neo protest” จะเห็นภาพพ่อครูในวัยใกล้จะ 80 ปี เทศนาอบรมธรรมะระดับโลกุตระ อยู่ที่เวทีกองทัพธรรมข้างทำเนียบรัฐบาล แทบทุกวัน บางครั้งวันละ 2 รอบ งานนี้เป็นรูปธรรมให้เห็นครั้งแรกว่า ผู้ที่ฝึกอบรมธรรมะ จะใช้อาวุธคือ “ความไม่รุนแรง” หรือ “อหิงสา” ต่อกรกับตำรวจหลายกองพันได้อย่างประหลาดมหัศจรรย์ เป็นความสงบสยบความรุนแรง ในเหตุการณ์ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมเวทีกองทัพธรรม ในวันที่ 14 มี.ค. 2554 พ่อครูพาลูกๆนั่งสงบเป็นเวลาหลายชั่วโมงจนตำรวจต้องยอมแพ้ถอยทัพกลับไป(ต่างคนต่างมีคุณธรรม ผู้ที่นำกองตำรวจมาคือ ผู้การแต้มหรือคือพลตำรวจตรีวิชัย สังข์ประไพ ก็เลยแป๊กไม่ได้เลื่อนขั้น เพราะไม่ได้ทำให้ทางรัฐบาลได้แต้ม ตอนนั้นมีเครื่องกลหนัก แบคโฮ แบริเออร์ มาด้วยจะสลายพวกเรา แต่สลายไม่ได้ก็เลยกลับไป เราก็เลยได้ความสงบชนะความรุนแรงได้
อาตมานำเอารูปไปทำปฏิทินเลยนะแต่คนก็เงอะๆงะๆ ดูไม่ออก มันจะมีอะไรไปห้ามกั้นความรุนแรงได้ เป็นสิริมหามายายิ่งกว่าคนเล่นกล
กองทัพธรรมร่วมกับ กปปส.
และครั้งล่าสุดพ่อครูก็พากองทัพธรรม เข้าร่วมกับกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2556 ที่สวนลุมพินี ประท้วงต่อเนื่องยาวนานหลายเดือน จนต่อมาก็เข้าร่วมเป็นหนึ่งหน่วยในมวลมหาประชาชน กปปส. ที่นำโดยกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ งานนี้ ยาวนานถึง 292 วันสำหรับกปท.และ 289 วันสำหรับกองทัพธรรม เป็นห้วงเวลาที่เป็นเครื่องพิสูจน์สัจธรรมที่ว่า “ธรรมะย่อมชนะอธรรม” แม้ว่ากับรัฐบาลทรราชย์ที่โหดร้าย และมีอำนาจล้นแผ่นดิน ก็สามารถใช้ ธรรมะ อันคือ ความสงบ สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ ความดีงาม ความถูกต้อง ไปชนะได้ ซึ่งปรากฎเป็นรูปธรรมในหลายๆเหตุการณ์การชุมนุมครั้งนี้ ที่ชัดเจนที่สุดคือ ตอนที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมเวทีผ่านฟ้าฯในวันที่ 18 ก.พ. 2557 ความสงบเย็นของผู้มีธรรมะ เป็นธรรมฤทธิ์ที่ทำให้ตำรวจต้องหนียะย่าย พ่ายจะแจไปอย่างไม่เป็นกระบวน
การออกมาชุมนุมทางการเมืองในแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะยาวนานแค่ไหน กองทัพธรรมก็อยู่ได้อย่างไม่ยากไม่ลำบาก ทั้งหมดเพราะชาวกองทัพธรรมแต่ละคน ได้ฝึกฝนอบรมธรรมะ อย่างเข้าถึง จนเปลี่ยนจิตวิญญาณให้ลดละกิเลสความเห็นแก่ตัวได้นั่นเอง การออกมาลำบากตรากตรำแล้ว เราทนได้โดยไม่ยากไม่ลำบาก ได้ลดความโลภ โกรธ หลง ได้ จึงเป็นเป้าหมายหลักที่แท้จริงของการปฏิรูป ส่วนผลที่ตามมาคือมวลมหาประชาชนก็ได้ฝึกฝนธรรมะ เอาธรรมนำหน้าไปด้วยกัน จนเกิดเป็นชัยชนะในที่สุดนั่นเอง
“จบสวยด้วยธรรมะ” แม้ที่สุดแล้ว ทหารจะต้องออกมาทำการรัฐประหารด้วยอาวุธ(พ่อครูว่า..ที่จริง พล.อ.ประยุทธ์ออกมาไม่ได้ใช้อาวุธแต่อย่างใด) แต่พ่อครูก็ได้ตัดสินไว้ว่า มวลมหาประชาชนเป็นฝ่ายชนะอย่างสวยงาม
เป็นการปฏิวัติรัฐประหารด้วยประชาชนจนสำเร็จ ไม่ใช่หนังละครลิเก แต่เป็นเรื่องจริง เหตุการณ์จริง เอาคนตายไปหลายคน ไม่รู้จะทำอย่างไรต้องยอมเสียสละ
ตั้งแต่ทำงานศาสนามามากกว่า 40 ปี พ่อครูในวัย 80 ได้พาลูกๆฝึกฝนอบรมจนมีธรรมะ พึ่งพาตนเองรอด จนมีอินทรีย์พละมากพอ ที่จะออกมาช่วยเหลือบ้านเมืองในยามวิกฤติ ให้รอดพ้นจากภัยร้ายระบอบทักษิณ เป็นธรรมยาตราพากู้ชาติ ที่เป็นไปเพื่อเป็นการยืนยันคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่ชนเป็นอันมาก) พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่ชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) เป็นจริงได้แม้ในยุคกาลนี้
ลูกๆอโศกหลายคนบ่นว่า ครั้งนี้ยาวนานมากเหนื่อยมากที่สุด อยากให้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ออกมาประท้วง แต่พ่อครูในวัย 80 กลับบอกว่า ที่เราออกมาแต่ละครั้งนั้นเราได้เกิดความเจริญธรรมะในจิตใจของแต่ละคน ก็เป็นสิ่งที่หาค่า บ่ มิได้แล้ว ถ้าครั้งหน้า คสช.ทำไม่ดีอีก เราก็พร้อมออกมาประท้วง แต่ตอนนี้เขาก็ทำดีอยู่แล้ว นี่เป็นคำพูดของพ่อครูที่แสดงให้เห็นว่าสำหรับคนมีธรรมะแล้วนั้น 80 ปีไม่มีแก่จริงๆ แล้วลูกๆจะยอมปล่อยใจให้แก่หง่อมไป ไม่ออกมาช่วยได้อย่างไร?
มาอีกอันหนึ่ง
4 นายกฯในระบอบทักษิณต้องหมดสภาพไป เพราะอำนาจของประชาชนต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
4 นายกในระบอบทักษิณต้องหมดสภาพไป
เพราะอำนาจของประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
1.ทักษิณเข้าสู่อำนาจทางการเมือง ด้วยการกว้านซื้อนักการเมืองและพรรคการเมืองต่าง ๆเข้ามาไว้ในคอกของตัวเอง จนทำให้ การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2544 พรรคไทยรักไทย คว้าชัยชนะแบบถล่มทลาย ด้วยจำนวน ส.ส.ระบบเขต 208 คน ระบบบัญชีรายชื่อ 48 คน รวมทั้งสิ้น 256 คน และในสมัยที่ 2 เมื่อมีการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 ไทยรักไทยได้รับการเลือกตั้งถึง 376 ที่นั่ง จากจำนวนที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร 500 ที่นั่ง เอาชนะพรรคคู่แข่งคือ พรรคประชาธิปัตย์ที่ได้เพียง 96 ที่นั่ง เป็นพรรคการเมืองแรกที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นรัฐบาลพรรคเดียว ส่วนพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่สามารถบริหารประเทศจนครบวาระ 4 ปี และชนะการเลือกตั้งติดต่อกัน 2 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม หลังจากชัยชนะครั้งใหญ่ไม่นาน ภายในพรรคได้เกิดความขัดแย้งระหว่างลูกพรรคกับหัวหน้าพรรค และระหว่างกลุ่มการเมืองต่างๆ ภายในพรรคที่บรรดา ส.ส.แต่ละกลุ่มต้องการเห็นแกนนำกลุ่มของตนได้ขึ้นเป็นรัฐมนตรีตำแหน่งใหญ่ๆ บวกกับกระแสการทุจริตคอร์รัปชั่น จนส่งผลให้คะแนนนิยมของพรรคตกลงอย่างมาก
ปลายปี 2547 เป็นต้นมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ในฐานะพิธีกรรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัปดาห์ ได้เริ่มเปิดประเด็นการทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาล ซึ่งการเปิดประเด็นในเรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างสูงในสังคมไทยให้หันมาสนใจการเมืองและจับตาดูการบริหารของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกทักษิณอย่างใกล้ชิด ทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นของการแตกสลายของรัฐบาลทักษิณ
วิบากกรรมของการขายหุ้น 7 หมื่นล้านโดยไม่เสียภาษีแม้แต่บาทเดียวนับเป็นเรื่องใหญ่ ส่งผลให้สังคมเกิดความไม่ไว้วางใจในตัวผู้นำประเทศ เกิดกลุ่มผู้ต่อต้านซึ่งขยายวงกว้างไปทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงการกำเนิดของ “องค์กรพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” มีแกนนำ 5 คน ได้แก่ นายสนธิ นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสุริยะใส กตะศิลา และพล.ต.จำลอง ศรีเมืองโดยมีการชุมนุมมวลชนเพื่อต่อต้านรัฐบาลและนายกหลายต่อหลายครั้ง และมีประชาชนร่วมชุมนุมหลายหมื่นคน
ภายหลังการต่อสู้อันยาวนานของภาคประชาชน ในที่สุด พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องตัดสินใจ “ยุบสภาฯ” เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 นับเป็นการสิ้นสุดวาระของรัฐบาลชุดที่ว่ากันว่ามีเสถียรภาพมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ด้วย ส.ส.พรรคเดียวมากถึง 399 เสียง โดยกำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน 2549 ซึ่งการเลือกตั้งในครั้งนั้น พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย และพรรคมหาชนตัดสินใจคว่ำบาตรไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง แต่ทักษิณและกกต.ยุค 3 หนา 5 ห่วง ก็ยังคงเดินหน้า จัดการเลือกตั้งอย่างไม่โปร่งใส และเต็มไปด้วยปัญหาการทุจริตมากมาย สุดท้ายในวันที่ 8 พฤษภาคม 2549 ศาลรัฐธรรมนูญก็มีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคไทยรักไทย
การประท้วงขับไล่พ.ต.ท. ทักษิณชินวัตรของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้สิ้นสุดลงในวันที่ 19 กันยายนพ. ศ. 2549 เมื่อมีการก่อรัฐประหารโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ก่อนวันที่จะมีการชุมนุมอย่างยืดเยื้อของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเครือข่ายในวันที่ 20 กันยายน
-
25 พฤษภาคม 2551(การชุมนุมใหญ่ 193 วัน) ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ชุมนุมประชาชนผู้รักชาติได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เข้าร่วมชุมนุมจำนวนหลายหมื่นคน ด้วยความสงบ อหิงสา และปราศจากอาวุธ แม้ว่าจะถูกอันธพาลที่ถูกจ้างมาจากคนในฝ่ายรัฐบาลทำการยั่วยุ ขว้างปาสิ่งของ และทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ก็ตาม ประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมก็ยังคงมีจิตใจที่มุ่งมั่นแสดงพลังของประชาชนต่อไป เพื่อคัดค้านการทำงานของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ภายใต้การชี้นำและบงการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งยังคงสานต่อพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบต่อจากรัฐบาลในระบอบทักษิณ เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับพวกพ้องของตนเอง ใช้อำนาจเงินเข้ายึดอำนาจทหารและตำรวจ ตลอดจนแทรกแซงอำนาจในกระบวนการยุติธรรมอย่างไร้จริยธรรม
ดังนั้น ภารกิจการโค่นล้มระบอบทักษิณจึงยังไม่เสร็จสิ้น พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงขอฉันทามติจากพี่น้องประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก ยกระดับของการต่อสู้ไปสู่การขับไล่รัฐบาลทุนนิยมสามานย์ ขับไล่เผด็จการรัฐสภา ตลอดจนล้มล้างระบอบทักษิณ โดยให้ดำเนินการไปด้วยความ สงบ อหิงสา และปราศจากอาวุธ อันเป็นสิทธิและเสรีภาพอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 ที่บัญญัติเอาไว้ว่า:บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ณ บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงที่สุด
คณะรัฐมนตรีคณะนี้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551 เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กระทำการฝ่าฝืนที่รัฐธรรมนูญมาตรา 267 และมาตรา 182 วรรค 1 (7) เนื่องจากการที่นายสมัครได้จัดรายการโทรทัศน์ ชิมไปบ่นไป และ ยกโขยง 6 โมงเช้า โดยได้รับผลตอบแทน คำนึงแต่ผลประโยชน์ส่วนตน ไม่ใช่เพื่อประโยชน์สาธารณะ ทำให้นายสมัครต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเป็นผลให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งด้วย
3.หลัง สมัคร สุนทรเวช พ้นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เมื่อ วันที่ 17 กันยายน สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ผ่านเสียงสนับสนุนจากส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรเกินกึ่งหนึ่ง ได้ก้าวขึ้นสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 26 สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เผชิญกับแรงกดดันจากม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) แรงกดดันจากเหล่าทัพ และแรงเสียดทานจากกลุ่มเพื่อนเนวิน
ตลอดจนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นนอมินี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะเป็น น้องเขย-พี่เมีย ที่เกื้อหนุนกันมาตลอด ภารกิจ 54 วันบนเก้าอี้นายกฯที่ไร้ทำเนียบ เนื่องจากถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 5 ปี เพราะศาลรัฐธรรมนูญมี คำวินิจฉัยยุบพรรคพรรคพลังประชาชน ( เมื่อ 2 ธันวาคม 2551 ) ติดหนึ่งในกลุ่มนายกฯอายุสั้นอีกคนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
จากผลคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้นเป็นผลทำให้ช่วงระยะเวลานี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บรรลุเงื่อนไขทั้ง 2 ประการ คือ
1.ได้รับชัยชนะในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้เป็นผลสำเร็จ จนทำให้เกิดการยุบพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่ทุจริตการเลือกตั้งถึง 3 พรรคการเมือง (พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย)
2.ได้รับชัยชนะในการขับไล่รัฐบาลทรราชฆาตกรหุ่นเชิดชุดนี้ได้เป็นผลสำเร็จ
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงขอประกาศการได้รับชัยชนะตามวัตถุประสงค์ ในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 เป็น “ชัยชนะของประชาชน”
-
ครั้งล่าสุดพ่อครูก็พากองทัพธรรม เข้าร่วมกับกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2556 ที่สวนลุมพินี ประท้วงต่อเนื่องยาวนานหลายเดือน จนต่อมาก็เข้าร่วมเป็นหนึ่งหน่วยในมวลมหาประชาชน กปปส. ที่นำโดยกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ งานนี้ ยาวนานถึง 292 วันสำหรับกปท.และ 289 วันสำหรับกองทัพธรรม เป็นห้วงเวลาที่เป็นเครื่องพิสูจน์สัจธรรมที่ว่า “ธรรมะย่อมชนะอธรรม” แม้ว่ากับรัฐบาลทรราชย์ที่โหดร้าย และมีอำนาจล้นแผ่นดิน ก็สามารถใช้ ธรรมะ อันคือ ความสงบ สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ ความดีงาม ความถูกต้อง ไปชนะได้ ซึ่งปรากฎเป็นรูปธรรมในหลายๆเหตุการณ์การชุมนุมครั้งนี้ ที่ชัดเจนที่สุดคือ ตอนที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมเวทีผ่านฟ้าฯในวันที่ 18 ก.พ. 2557 ความสงบเย็นของผู้มีธรรมะ เป็นธรรมฤทธิ์ที่ทำให้ตำรวจต้องหนียะย่าย พ่ายจะแจไปอย่างไม่เป็นกระบวน
ในวันที่ 7 พ.ค. เวลา 12.20 น. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมด้วยรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้อง พ้นจากตำแหน่ง กรณีย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี มิชอบด้วยกฎหมาย
และวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เวลา 16:30 น. โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อันมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะ ยึดอำนาจโค่นรัฐบาลรักษาการนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เพื่อคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ และอิทธิพลของทักษิณ ชินวัตร ในการเมืองไทย
พ่อครูว่า…เรายังแก่ไม่ลงยังรู้สึกว่ามีพลังงานต้องทำ อาตมารู้สึกว่างานยังไม่เสร็จ ก็เข้าสู่ธรรมะบ้าง
ธรรมะของพระพุทธเจ้า ขอยืนยันว่าไม่ใช่ธรรมะของคนเถื่อนไม่ใช่ของพวกมิลักขะ แต่เป็นของพวกอริยกะ ไม่ใช่คนป่าเขาหนีจากสังคม ขอยืนยัน อันนี้แก้ยังไม่ได้ เพราะว่าศาสนาพุทธเดินทางมา 2,500 กว่าปีมันกลายเป็นศาสนาเดียรถีย์ไปหมด ขออภัยเถรสมาคมก็พลอยเป็นเดียรถีย์ไปหมด ไม่มีผลประโยชน์อะไรได้ พวกเราก็มากอบกู้ ก็เลยพยายามจะทำความเป็นจริงให้ได้ เพื่อพิสูจน์ให้ได้จนกระทั่งมันชัดเจนยอมจำนนว่า อย่างนี้ต้องยอมรับว่าบริบูรณ์สมบูรณ์ด้วยสภาพต่างๆ อาตมาก็เลยต้องตั้งใจที่พยายามจะไม่ตายง่ายๆ ทั้งๆที่มันผ่านอายุขัย อาตมาไม่ได้พูดเล่น อายุขัยของอาตมา 72 ปี แต่ก็ผ่านมาโดยที่อาตมาเต็มใจและพากเพียร ขอยืนยันว่าพากเพียรใช้สัมประสิทธิ์ ใช้โพชฌงค์ 7 ของพระพุทธเจ้า
อาตมาก็ขยายมาเป็น 8 อ. รวมทั้งสรีระ จิตวิญญาณเพื่อนำพาให้สังขารขันธ์ สรีระและหัวใจ เป็นไป วิญญาณของอาตมาสดชื่น เรียกว่า freshy ตลอด สดชื่นแจ่มใส เป็นเรื่องของการเรียนรู้เอาธรรมะทฤษฎีพระพุทธเจ้ามาฝึกฝน พวกเราก็ได้สิ่งนี้ตามกันมาเรื่อยๆจนรวมกันเป็นหมู่กลุ่มของชาวอโศก เมื่อเข้าสู่ความเป็นหมู่กลุ่มของชาวอโศกนี่แหละ อาตมาจึงสามารถที่จะเอาความจริงของหมู่กลุ่มชาวอโศกเรานี้ เป็นลูกพระพุทธเจ้าเอามายืนยันได้ ก็เข้าสู่คำถามที่ยังสงสัยว่า
ถามด้วยความเคารพไม่ได้ทำเพราะมีใจอคตินะคะ
-
พ่อท่านรู้ได้อย่างไรว่าท่านเป็นอรหันต์เอาอะไรมาวัดมาตรวจสอบ
-
ถ้าท่านไม่ประกาศตัวเองว่าเป็นอรหันต์ให้คนสัมผัสด้วยความรู้สึกเห็นด้วยตา รู้ด้วยใจคนภายนอกจะได้ไม่มาดูถูกท่าน เพราะเขาคิดว่าท่านอวดตัว