620424_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ สรุปพรหมชาลสูตรขึ้นสามัญผลสูตร ตอน 1
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/1tpo7Xvec4Y4y2MjQ8A8C2RUxiwXqKWpuIUtuXZC7_sI/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1PZmW2tgizEiGKtMW7NCvijSoHRrGHqCz
สมณะเดินดินว่า… วันนี้เป็นวันพุธที่ 24 เมษายน 2562 ที่บวรราชธานีอโศก ครั้งที่แล้ว พ่อครูเน้นว่าการศึกษาศาสนาให้มาเรียนรู้ความพอดีที่สัมมา มัชฌิมา ส่วนอรหันตะ คือความพอดีที่สูงสุด หากเราไม่รู้จักความพอดีก็จะไม่รู้ว่าที่ดีสูงสุดคืออะไร
เศรษฐกิจเมืองไทยชาวต่างประเทศมองว่าเป็นประเทศที่ทุกข์ยากน้อยที่สุดในโลก พวกนักวิชาการกลับมองว่าเดือดร้อนมากที่สุด อยู่กับเรากระเป๋าตุงอยู่กับลุงกระเป๋าแฟบ อะไรอย่างนี้เป็นต้น ไม่รู้จักความพอดี ในหลวงร.9 บอกว่าหัวใจของประชาธิปไตยอยู่ที่พอสมควร เราไม่ต้องเป็นประเทศก้าวหน้าอย่างมากก็ได้ เพราะก้าวหน้าอย่างนั้นมีแต่ถอยหลังอย่างน่ากลัว คนต่างชาติยกย่องว่าเราเป็นสยามเมืองยิ้ม แต่เขากลับมองว่า คนไทยยิ้มแบบไม่มีจุดยืน ทั้งที่คนไทยยืดหยุ่นไม่ยึดมั่นถือมั่นเอาเป็นเอาตาย อย่างนี้ดี แต่คนก็มองว่าไม่ดี เป็นมุมมอง คนมาเที่ยวประเทศไทย ฝรั่งไปสำรวจว่าชาวญี่ปุ่นอยากจะไปเที่ยวประเทศไหนมากที่สุดเขาบอกว่าอยากไปเที่ยวประเทศไทย แต่คนไทยกลับมองว่าประเทศไทยไม่ดี เรามีคนที่เกลียดชังประเทศเราและคนเรานี้ก็เสียงดังเอะอะโวยวายด้วย
แม้ประเทศไทยจะมีอะไรดีๆมากมายแต่เขามองเป็นเรื่องเลวร้ายไปหมดก็เขาไม่รู้จักประมาณเขาไม่รู้จักความพอดี คนเขาบอกว่าประเทศไทยอะไรก็ดีไปหมดแต่มีสิ่งที่เลวร้ายคือมีนักการเมือง ถ้าไม่รู้จักสัจธรรมนั่นเอง
พ่อครูว่า…ก่อนจะได้ขยายต่อก็
_SMS วันที่ 22 เม.ย. 2562 (พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครู)
_6956ฟังธรรมพ่อครูมีแต่เจริญขึ้น ฟังธรรมทั่วไปทำไมสังคมแย่งลง ถ้าเป็นหมอแท้ยาแท้ทำไมรักษาคนไข้ไม่หาย ถามคนติ ก ท ม
พ่อครูว่า…ชาวอโศกเป็นคนที่เจริญขึ้นอยู่ตลอดเวลา และทำตนให้เป็นคนที่จนลงได้ตลอดเวลาด้วย จนกระทั่งเป็นสังคมคนที่จนที่สุด เขาสำรวจกันในปีไหนที่บอกว่า ราชธานีอโศกได้รับการตรวจสอบแล้วว่าเป็นหมู่บ้านที่จนอันดับ 5 อาตมาว่า จริงๆแล้วหมู่บ้านอโศกจนอันดับ1 เพราะเขาสำรวจกันอย่างไม่เข้าใจสภาพแท้ของสภาพเศรษฐศาสตร์อันลึกซึ้ง
อาตมาทำงานรับผิดชอบสังคมตามฐาน คือช่วยคนให้อยู่ดีกินดี ให้มีเศรษฐกิจดีการเมืองดีสังคมดีสำเร็จ มีชุมชนชาวอโศกเกิดอยู่ทั่วในประเทศ กระจัดกระจายอยู่ในประเทศ มีกี่ชุมชนก็แล้วแต่ เป็นสังคมสาธารณโภคี เป็นเศรษฐกิจที่อาตมาเรียกเต็มๆว่าเศรษฐกิจสาธารณโภคีซึ่งเป็นของพระพุทธเจ้า อาตมาขยายความไปมากมายแล้ว
เศรษฐกิจสาธารณโภคีคือมีทรัพย์สินส่วนกลางร่วมกัน ซึ่ง ชาวโลกทั้งโลกทำไม่ได้ ประเทศคอมมิวนิสต์ก็ยังสู้ของพระพุทธเจ้าไม่ได้ เป็นคอมมิวนิสต์ชั้นสูงสุดเป็นคอมมิวนิสต์ที่ยิ่งใหญ่ อยู่กันเป็นชุมชน มีสมบัติเป็นส่วนกลาง บริหารส่วนกลางกัน แต่คนอยู่ในหมู่บ้านชุมชนสมาชิกชุมชนเสียภาษีร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำมาหากินเอาเข้ากองกลางแบ่งกันกินแบ่งกันใช้บริหารกันอยู่ ซึ่งคนพวกนักเศรษฐศาสตร์ทั้งหลาย เขายังคิดไม่ถึง ว่าอย่างนี้มันเป็นเรื่องสุดโต่งเป็นเรื่องเกินไปเป็นเรื่องความฝันมันเป็นไปไม่ได้ เขาจะคิดอย่างนั้นเลย แต่ชาวอโศกเป็นมนุษย์อยู่ในโลกนี้แหละ เป็นชุมชนเป็นหมู่บ้านเป็นหมู่กลุ่มอยู่ได้เป็นได้ ทำงานช่วยเหลือสร้างสรรกันขึ้นมาแล้วเอาเข้ากองกลางไม่มีใครแบ่งแยกออกไป ส่วนคนแต่ละคนเขายังไม่อยู่ในชุมชนจะทำงานส่วนตัวก็เรื่องของเขา แม้จะเป็นชาวอโศก ก็ไปสร้างสรรเอาไปใส่กระเป๋าตัวเองก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าอยู่ในชุมชนนี้ชุมชนชาวอโศกแต่ละหมู่บ้าน ทำมาหากินในนี้เอาเข้าส่วนกลาง มานาน
ตั้งแต่เริ่มต้นทำชุมชนปฐมอโศกจนเดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นสาธารณโภคี ตั้งแต่เริ่มต้นจนมาบัดนี้ 49 ปี อาตมาบวชมา 48 ปี ย่าง 49 ปีก็ทำได้ซึ่งประสบผลสำเร็จจริง
เป็นเศรษฐกิจที่มีความพอดี เป็นเศรษฐกิจที่ดี ไม่ใช่ความร่ำรวย อย่างที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เราตรัส เราอยู่แบบคนจนด้วยซ้ำ เทียบกับหมู่บ้านไหน เทียบกับที่ไหนก็ได้บ้านเราจนที่สุด แต่คนกลับมองส่วนรวมส่วนกลางของชาวอโศกว่าอุดมสมบูรณ์ รวย ก็ถูกอีก แต่ในส่วนตัวของแต่ละคน สมาชิกชุมชนไม่มีรายได้ส่วนตัวเลยจนทั่วถึง
ส่วนแต่ละบุคคลในแต่ละหมู่บ้านอื่นเขามีรายได้ส่วนตัว แต่ในชุมชนชาวอโศกแต่ละคนไม่มีรายได้ส่วนตัว แต่ในหมู่บ้านอื่นๆเขามีรายได้ส่วนตัวกันทั้งนั้นแต่รวมแล้วเขาจนกว่าชาวอโศก จนคือส่วนรวมจน แต่ของชาวอโศกนี้หมู่บ้านส่วนกลางส่วนรวมนี้รวย นี่แหละคือเศรษฐศาสตร์ดีที่สุด เพราะฉะนั้นถ้าขยายไปเป็นประเทศ ประเทศไทยคนไทยส่วนรวมจน แต่ประเทศจะอุดมสมบูรณ์ จะเผื่อแผ่ช่วยเหลือประเทศอื่นได้ทั้งทั้งที่ฐานะประเทศจริงๆแล้ว ไม่ได้มีทรัพย์สินมากกว่าประเทศอื่น ถ้ามีทรัพย์สินมีเงินคงคลังน้อยกว่าประเทศอื่นด้วยที่เขาด้วยกัน แต่เขาขี้เหนียวเขาหวงแหนเขากินเยอะ กินผลาญทำลายกักตุนส่วนตัว แต่เมื่อสังคมในประเทศไทยไม่สะสมมาเป็นของตัวเอง ก็ขยันสร้างสรรค์เต็มที่ เอารายได้มาเข้าส่วนกลางและบริหารเผยแพร่กันเหลือกินเหลือใช้เลย เพราะมีความมักน้อยสันโดษ ไม่ไปหลงฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยเหมือนทางโลก ที่เขาชวนกันกินชวนกันเที่ยวชวนกันจ่าย ชวนผลาญพร่า ถ้าคนที่เจริญแล้วไม่งมงายไปกับเขา โลกจะมอมเมาสุรุ่ยสุร่ายจ่ายแจก ทำอะไรไม่หยุดหย่อน เขาก็จะเสพสุขไปตามกิเลสของเขา แต่ของพระพุทธเจ้านั้นเป็นคนมีกิเลสลดลงไม่หลงโลก
โลกก็ปรุงแต่งชวนอยากได้อยากมีอยากเป็นไปหลงเสพติดแล้วต้องไปบำเรอตน ไปบำรุงคนอื่นให้เขาได้ร่ำรวย ไม่เลย พวกเราจนก็ไม่ทำให้คนอื่นร่ำรวย เราเองไม่ร่ำรวยแต่สะพัดให้คนอื่นอยู่อย่างสันติสุขอุดมสมบูรณ์อบอุ่นมีกินมีใช้จริงๆ
นี่ที่พูดยังละเอียดไม่ครบนะ ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ของพระพุทธเจ้านี้ยิ่งใหญ่จริงๆ อาตมารู้สึกอย่างนั้น
จิตคนมันรู้จักพอ มีวรรณะ 9 มักน้อยสันโดษ สุภโร เป็นคนเจริญได้ง่าย ไม่มีโทษภัยต่อสังคมโลก ศิวิไลซ์ พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) เป็นคนที่มีคุณค่าประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติส่วนใหญ่เลยด้วยตัวเอง ทำไมคนข้างนอกเขามีความสุขโดยเราไม่มีสุขไม่มีทุกข์ คนข้างนอกเขายังติดความสุขอยู่ แต่ของเรานี้อยู่เหนือความสุขความทุกข์ สบม.ทมด.ปกต.หห.จจ.มชยลล
อาตมาภาคภูมิใจในทฤษฎีพระพุทธเจ้าเอามาทำให้ชาวอโศกประสบผลสำเร็จ อยู่กันอย่างนี้มานานจนกระทั่งจะ 50 ปี แม้แต่ในประเทศไทยนักบริหารก็ยังไม่กระเตื้องว่าอย่างนี้คือแม่แบบของเศรษฐศาสตร์และเศรษฐกิจที่เยี่ยมยอดในโลกยังไม่รู้ ไม่ใช่ของอาตมานะ แต่ของพระพุทธเจ้า เขายังไม่รู้ยังเข้าใจไม่ถึงเพราะมันเป็นโลกุตรธรรม เป็นเรื่องซับซ้อนมากหลายชั้น วัดตรงไหน วัดตรงจิตเป็นสุข เพราะฉะนั้นไม่แปลกหรอกที่ประเทศไทยจะได้รับคำยอมรับว่า ทุกข์น้อยที่สุด เป็นเบอร์ 1 ในโลก 4 ปีซ้อน ไม่แปลกเพราะมันมีคนที่เป็นลูกพระพุทธเจ้าประเภทเศรษฐกิจและมีอยู่จริง สังคมของจึงวัดความสุขมิได้แม้จะเอาความเป็นโลกีย์มาวัด ไม่ขัดแย้งกันหรอก ถ้าเขายิ่งมีความรู้ทางโลกุตระด้วยเขาจะตื่นเต้นยิ่งกว่านี้
_0499ห้าม! นำเข้าเหล้า ห้ามดื่มเหล้า ห้ามผลิตเหล้า คือ…คำสอนของทุกๆศาสนา…ใช่หรือไม่!?!?…คร้าบ..ผมมม.!?!!!!
พ่อครูว่า…ไม่มีศาสนาไหนแนะนำให้กินเหล้า เป็นเรื่องตื้นๆ แต่เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ไม่น่าขายขี้หน้าเลยสู้ศาสนาอิสลามไม่ได้ เป็นมิจฉาวณิชชาห้ามขายน้ำเมาของเป็นพิษ
อย่าค้าขายอาวุธ อย่าค้าสัตว์เป็น อย่าค้าเนื้อสัตว์ อย่าค้าน้ำเมา อย่าค้ายาพิษ
_ให้ผลิตข้าวๆๆๆๆ…และอาหารกินเอง..แจกเมื่อเหลือกิน..ก็พวกเจ้าของบริษัทพวกนี้ก้อ..รวยๆกันทั้งน้านนนน…แล้วนี่นา ไม่ต้องกลัวคนงานตกงานหลอกนะ…คนงานเขาปรับตัวกันหมดแล้วล่ะคร้าาาา…!!
_จิราภา จ้อยสุธา · กราบนมัสการพ่อท่านและนักบวชทุกรูป และขอเจริญธรรมญาติธรรมทุกท่านคะ เอาคำสอนของพ่อท่านออกไปใช้อยู่ข้างนอก ไม่รอไม่หวังแต่เราทำคะ
_ซึ้งดิน · ถ่ายคนถามด้วยคร้า
_วันชัย สหมโนธรรม · กราบนมัสการ ท่านหนักแน่น ด้วยความเคารพครับ เวลาท่านถามคำถาม พ่อท่าน อยากให้ท่าน ยิ้มนิดนึงครับ ดูขรึมๆไปนิดนึงครับ กราบนมัสการด้วยความเคารพครับ
พ่อครูว่า…ฉันเป็นคนจริงจัง แสดงออกเรื่องธรรมะ ท่านจะจริงจัง เหมือนอาตมาเวลาแสดงธรรมก็จริงจังเสียงดังแรงเอาจริง แต่เวลาไม่แสดงธรรมอาตมาก็สนุกและร่าเริงเบิกบาน ได้เวลาแสดงธรรมนี้แรงจริงแข็งตรงเปรี้ยงๆเลย เพราะอะไร เพราะเวลาแสดงธรรมทีไร พระพุทธเจ้าเข้าทรงทุกที องค์ลง แสดงธรรมทีไร จิตก็เข้าที่องค์ลง
_แว๋ว อำนาจ · ผัสสะข้างนอก ทุกวันนี้รุนแรงหยาบคายมากค่ะ ยิ่งเห็นชัดขึ้นทุกวัน น่าสงสารเหลือเกิน
พ่อครูว่า…เพราะความสงสารสังคมนี่แหละอาตมาจึงมาทำงานนี้ มาทำงานเพื่อที่จะให้คนทั้งหลายได้รู้จักทุกข์รู้จักสุข รู้จักทำตนเองให้อยู่ในสถานะที่สบาย ไม่ต้องไปกังวลอยู่เหนือความทุกข์ความสุขเป็นโลกุตรธรรม อาตมาก็ขอยืนยันว่าอาตมาได้นำธรรมะพระพุทธเจ้ามาประกาศมาอธิบายสำเร็จ มีคนได้รับความรู้และปฏิบัติได้สำเร็จ ส่วนหนึ่ง ก็ได้ช่วยสังคมประเทศชาติ ทางด้านเศรษฐกิจทางด้านการเมืองทางด้านสังคม มันรวมกันไปหมด ธรรมะพุทธเจ้าที่เป็นสัมมาทิฎฐิมันจะดีครบ มันจะไม่มีบกพร่องไม่มีโทษภัยอย่างแท้จริง นี่คือสุดยอดแห่งวิชาความรู้ของมนุษยชาติ
ถ้าเผื่อว่าเมืองไทยนี้จะเกิดความรู้ ผู้บริหารก็ดีโดยเฉพาะเถรสมาคม ฟื้นคืนโลกุตรธรรมให้ได้จริงๆแล้วช่วยทำให้สังคมไทย พุทธศาสนิกชนคนไทย ได้บรรลุธรรมเป็นโลกุตรธรรมเหมือนกับชาวอโศกนี้โอ้โหประเทศไทย จะเป็นตัวอย่างของโลกอย่างวิเศษสุดเลย แม้ขนาดนี้ ก็ยังได้รับคำชมได้รับความยกย่อง ขนาดสำนัก bloomberg เขาก็ยังพอมีความรู้ตัดสินใจ ดีไม่ดีbloombergจะรู้โลกุตรธรรมก่อนประเทศไทยก่อนกระแสหลัก ในอนาคต
เข้าสู่เรื่องจะบรรยาย อาตมาได้เอาพระไตรปิฎกบรรยาย ไม่ไปไหนสักที พรหมชาลสูตร วันนี้คิดว่าจะสรุป พรหมชาลสูตร
เป็นพระสูตรที่พระพุทธเจ้ารวมเอามิจฉาทิฏฐิไว้ทั้งหมดทั้งสิ้น 62 อย่าง แล้วสรุปได้ว่า การปฏิบัติในพรหมชาลสูตรคือการปฏิบัติเจโตสมาธิ คือสะกดจิต hypnotize เป็นสมาธิสะกดจิต อย่างที่หลงผิดกันทุกวันนี้ว่า สมาธิคือนั่งหลับตา ซึ่งจะได้แต่อดีต 18 และอนาคต 44 มันจะไม่พบความจริงที่จริงที่สุดคือปัจจุบัน อดีตก็ไม่จริงอนาคตก็ไม่จริง อดีตมันผ่านไปแล้วอนาคตก็ยังมาไม่ถึง จริงที่สุดคือปัจจุบันขณะนี้ ต้องเข้าใจให้ได้ เพราะฉะนั้นการปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าหากปฏิบัติไม่ตรงไม่สัมมาทิฏฐิมาปฏิบัติไม่ได้ผลสูงสุด ไม่เป็นสัมมาปฏิเวธที่บริบูรณ์ ถ้าหากปฏิบัติดีสูงสุดจะได้สัมมาปฏิเวธอย่างชาวอโศก
ถามจริงๆพวกคุณปฏิบัติมา ชีวิตหลายคนก็จะมาตายที่นี่ให้ที่นี่เผา ก็ยกมือกันทุกคน..ไม่ขัดข้องอะไรเลยมันจริงๆ ไม่ได้ปิดบังอะไรไม่ต้องไปร่ำรวยแย่งชิงอะไร อยู่กันพอมีพอกินพอใช้ บางคนต้องสะสมบ้างก็มีนิดหน่อยไม่มีใครอยากจะไปร่ำรวยแก่งแย่งอะไรกับเขา อาตมามั่นใจว่าได้ช่วยสังคมประเทศชาติ โดยพวกเราไม่ได้ไปแย่งทรัพย์สินส่วนกลางของสังคม เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ใช่ภาระสังคม หรือเป็นตัวร้ายของสังคม
-
เราไม่เป็นภาระ เพราะพัฒนาไม่ต้องมาทำอะไรไม่ต้องมาอุปถัมภ์ค้ำชูช่วยเหลืออนุเคราะห์อะไรได้แล้ว พูดอย่างไม่ได้หยิ่งผยองหรืออวดดีอะไร แต่เราช่วยเหลือตัวเองรอดแล้วเราเป็นอยู่พอมีพอกินได้มีเหลือด้วย (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
สมณะเดินดินว่า..ตอนน้ำท่วมเขาก็ส่งของมาช่วย เราก็ส่งให้คนอื่นต่อ เรือเราก็ให้ทางราชการนำไปใช้ช่วยประชาชนได้อีก
พ่อครูว่า…ก็มีเรือใหญ่เล็กมีห้องน้ำด้วย ห้องน้ำน็อคดาวน์ นี่แหละเราก็เป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างที่พูดไป พูดไปเหมือนยกดีมาอ้าง แต่อาตมาภาคภูมิใจธรรมะพระพุทธเจ้าที่ให้พวกเราปฏิบัติได้และเกิดในกลุ่มที่มาเรียนรู้ผล ได้ จิตวิญญาณก็เลยถูกขัดเกลาไม่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้เป็นคนมีวรรณะ 9 ไม่เห็นแก่ตัวไม่เห็นแก่ได้ ลดลงจนเป็นคนสบาย กินอยู่ง่าย เลี้ยงง่าย บำรุงง่าย เป็นคนมักน้อยหรือกล้าจน เป็นคนใจพอสันโดษ เป็นคนขัดเกลาตนเอง แต่ละคนแต่ละคนพวกเรามีชีวิตที่อยู่อย่างสังวรสำรวมขัดเกลากายกรรม วจีกรรมโดยเฉพาะมโนกรรม เพื่อให้ไปสู่จุดสูงสุดคือเป็นพระอรหันต์ เป็นคนมีสัลเลขธรรม เป็นคนมีไตรสิกขาเจริญเป็นอธิศีล อธิจิต อธิปัญญาได้ จึงเป็นคนที่น่าเลื่อมใส ผู้ที่มีภูมิปัญญาจะเห็นว่ามีกายกรรมวจีกรรมที่น่าเลื่อมใส อย่าให้เสียชื่อนะ อย่าไปปฏิบัติสิ่งที่ไม่น่าเลื่อมใสจนขายขี้หน้า พังเลยนะ เป็นคนไม่สะสม อปจยะ และเป็นคนขยัน วิริยารัมภะ ขยันอยู่ ไม่ได้เป็นคนขี้เกียจขี้คร้าน เป็นคนเจริญอย่างมีวรรณะ 9 the classes เป็นคนชั้นสูงเป็นคนคลาสสิค เป็นคนมีชั้น ไม่ใช่แบบแบ่งชั้นวรรณะนะ แต่เป็นคนเจริญเป็นคนชั้นสูง คนจนนี่เป็นคนชั้นสูง คนไม่มักมากเป็นคนชั้นสูงเป็นคนมีวรรณะ 9 นี่แหละเป็นคนชั้นสูง วรรณะคือชั้น the classes สูงด้วยคุณธรรมคือสุดยอด
อาตมาพยายามขยายความให้เห็นว่า ธรรมะพระพุทธเจ้าปฏิบัติตามพรหมชาลสูตร ไม่หลับตาปฏิบัติ หากหลับตาปฏิบัติจะได้แต่อดีตกับอนาคต ซึ่งไม่เป็นสัจธรรม จะได้แต่อย่างนั้นจริงๆ เพราะฉะนั้นพวกหลับตา พระพุทธเจ้าสรุปลงโดยที่เขาก็ไม่เข้าใจ อาตมาก็พูดไม่รู้เท่าไหร่แล้ว พระพุทธเจ้าท่านสรุปว่า สมณพราหมณ์เหล่านั้น ทำไมพระพุทธเจ้ายังไม่มีคำว่าพระ มีแต่เมืองไทยนี่แหละที่เรียกพระ ที่อื่นเขาก็เรียกสมณพราหมณ์ทั้งนั้น
สมณพราหมณ์เหล่านั้น ทุกจำพวก ไม่ว่าเป็นนักปฏิบัติธรรมรับที่ไหนทุกจำพวก ถูกต้องแล้วด้วย ผัสสายตนะทั้ง 6 ย่อมเสวยเวทนา ถูกต้องคือสัมผัสอยู่ถูกอยู่ต้องอยู่แตะอยู่ สมณะนั้นทุกจำพวก ถูกต้องสัมผัสอยู่ไม่ได้ขาดการสัมผัส หากศาสนาปฏิบัติแบบขาดผัสสะไม่ใช่ของพุทธ ไปนั่งหลับตาตีทิ้งได้เลย ไม่มีสัมผัสที่ 6 ไม่ใช่ของพุทธเลย
เมื่อมีผัสสะก็มีเวทนา เพราะเวทนาของสมณพราหมณ์เหล่านั้น เป็นปัจจัยจึงเกิดปัญหา เมื่อมีผัสสะจึงเกิดเวทนา จึงเกิดตัณหา หากเวทนาไม่เกิดตัณหาก็ไม่จริง นึกถึงแต่ตัณหาในอดีต เป็นสัญญา มันก็ไม่จริง ปฏิบัติธรรมอย่างไรมันก็ไม่ได้ฆ่าตัณหา มีแต่ฝันว่ามีตัณหามีแต่ความเพ้อพกในจินตนาการ
การไปนั่งหลับตาไม่เกิดตัวจริงของตัณหา ผัสสายตนะ 6
สมณพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวกถูกต้องๆ แล้วด้วยผัสสายตนะทั้ง 6 ย่อมเสวยเวทนา เพราะเวทนาของสมณพราหมณ์เหล่านั้นเป็นปัจจัยจึงเกิดตัณหา เพราะตัณหาเป็นปัจจัยจึงเกิดอุปาทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัยจึงเกิดภพ
เพราะภพเป็นปัจจัยจึงเกิดชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัยจึงเกิด ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส
ตัวสุดท้ายของปฏิจจสมุปบาท คนที่ มิจฉาทิฏฐิในศาสนาพุทธจะไม่พ้น โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส
คุณพ้นอวิชชาจึงจะรู้จักสังขาร รู้จักวิญญาณ รู้จักนามรูป แยกเทวดา ถึงปฏิบัติอยู่อย่างมีปัจจุบันมีสัมผัสเป็นปัจจัย มีสัมผัสแล้วก็จะมีอายตนะ แล้วก็จะมีเวทนาเกิด แล้วก็จับตัวปัญหาที่ทำให้เป็นเหตุให้เราเกิดความสุขความทุกข์ คนที่งมงายอยู่ในความสุขความทุกข์ก็ยังอวิชชาอยู่ทั้งสิ้น คนที่หมดอวิชชาแล้วเป็นพระอรหันต์แล้วไม่มีสุขไม่มีทุกข์ทุกเวลา หมดสุขหมดทุกข์ เหนือสุข ทุกข์ เหนือนรก เหนือสวรรค์ ทุกข์คือนรก สุขคือสวรรค์ ไม่มีสวรรค์ไม่มีนรกไม่มีเทวไม่มีสภาพ 2 มีสภาพที่เป็น 1 อาศัย หรือ 0
จิตบริสุทธิ์สะอาดรู้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอยู่มีอยู่ตามความเป็นจริง เห็นสีเขียวก็คือสีเขียวไม่มีทุกข์ไม่มีสุขไม่มีอยากหรือไม่อยากได้ เห็นแดงคือแดง ได้ยินเสียงคือเสียง อย่างเดียวตามจริง
รู้ความจริงตามความเป็นจริงแต่จิตใจไม่มีบวกไม่มีลบ ไม่มีขึ้นมีลง ไม่มี 2 มี 1 เท่านั้นรู้ความจริงตามความเป็นจริง เวทนาในเวทนา เวทนาเก๊ ชอบไม่ชอบ ผลักหรือดูดไม่มี อรหันต์
อาตมาพูดความจริงมันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ อาตมาบอกความจริงแล้วก็หาว่าอวดอุตตริมนุสสธรรม แล้วจะปรับอาบัติอาตมา คุณจะมาปรับอาบัติกับพระอรหันต์ได้อย่างไร อรหันต์ท่านมีสติวินัยไม่มีกิเลสอยากอวดโอ่อะไรเลย อาตมาก็เป็นเช่นนั้น คุณจะมานั่งปรับอาบัติ อาตมาไม่มีแล้ว อาตมามีจิตบริสุทธิ์
อาตมาเกิดมาในวงการศาสนาก็ตาม อวดแต่ชั่ว อาตมาก็เลยเห็นว่า …ตายๆๆ ก็เลยจำเป็นต้องเป็นคนอวดดี เพราะอาตมาเชื่อว่าอาตมามีสิ่งที่ถูกต้องสิ่งที่ดีงามเอามาอธิบาย แล้วพยายามพาให้คนเข้าใจแล้วเอามาปฏิบัติให้ดี พูดอย่างจริงใจบริสุทธิ์ใจไม่ได้โอ้อวดไม่ได้อยากดังอยากเด่น อย่างใดก็ยากนะ
หากคุณหมดอวิชชา โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ก็ไม่มีเลย เพราะคุณหมดอวิชชา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใด ภิกษุรู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งความเกิด ความดับ ก็รู้ว่าอะไร รู้กิเลสเกิด รู้ความสุขความทุกข์ดับ รู้ความไม่สุขไม่ทุกข์ รู้คุณรู้โทษ รู้จักคุณรู้จักโทษของสิ่งเหล่านี้จริงๆ รู้จักความเกิดความดับ โดยเฉพาะความเกิดของกิเลส จนไม่เกิดไม่ดับอีกแล้ว เป็นความเป็นกลางเป็นอุเบกขาถาวร ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมกัญญา ปภัสสรา ถาวร เป็นอเนญชาสั่งสมตกผลึกเป็นสมาธิ สมาหิโต ความบริสุทธิ์ที่ตั้งมั่นถาวรแล้ว จะถูกกระทบกระแทกกระเทือนกับโลกอย่างไร หยาบ กลาง ละเอียดอย่างไรก็แล้วแต่จิตใจก็ยังบริสุทธิ์ อยู่อย่างเก่าปริโยทาตา เขาแปลว่าผุดผ่องหรือผ่องแผ้ว สำนวนท่านพุทธทาสบอกว่า ขาวรอบ จิตเร็วไวทั้งรู้ไหวพริบและเจโต มุทุภูตธาตุ แล้วอยู่กับโลกเขาอย่างมี กัมมัญญา มีกรรมอย่างมีธาตุรู้ที่ยิ่งใหญ่ ปัญญา อัญญา สุดยอดความรู้ของโลกุตระ กำกับกรรมการกระทำทุกกรรมกิริยา พอดีพอควรนี่แหละ
กัมมัญญา ท่านแปลว่า เป็นผู้ทำกรรมการงานอันเหมาะควร เหมาะควรต่อการแสดงออกไปทั้ง กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมเป็นการกระทำการงานอย่างได้สัดส่วนพอเหมาะพอดี ปภัสสรา จะอยู่อย่างไรจะเป็นอย่างไรก็ปภัสสร อย่างอาตมานี้จิตปภัสสร ถาวร คนด่ามาก็ปภัสสรไม่ใช่หน้าด้านนะ เขาไม่ควรด่า แต่เขาติเตียนก็รู้ว่าเขาติอะไร ติผิดก็เยอะ อาตมาก็มีข้อด้อย อาตมาบอกแล้วว่ามีข้อด้อยอะไร ก็ถึงจะทำอะไรอะไรอยู่ในสังคมได้อย่างสบาย เพราะหมด
เป็นผู้ที่รู้จักความเกิดความดับ คุณและโทษซึ่ง เป็นข้อสรุปที่สมบูรณ์แบบ คนที่รู้จักความเกิดความดับ โดยเฉพาะความเกิดความดับของกิเลสมันไม่มีแล้ว มันไม่มีกิเลสเกิดกิเลสดับแล้วเพราะรู้คุณรู้โทษของสิ่งเหล่านี้ จนไม่มีโทษมีแต่คุณ สัพพปาปัสสอกรณัง กุสลสูปสัมปทา สจิตตปริโยทปนัง มีแต่พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก)
เพราะฉะนั้นจะมีผัสสายตนะ 6 กับทั้งอุบายเป็นเครื่องออกจาก ผัสสายตนะเหล่านั้น จะออกจากสิ่งที่ติดยึดต่างๆ ทั้งคุณโทษแม้เราทำประโยชน์คุณค่าก็เข้าใจในประโยชน์คุณค่าเหล่านั้น ไม่ติดยึดเป็นเราเป็นของเรา
ภิกษุรู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งความเกิด ความดับคุณและโทษ แห่งผัสสายตนะทั้ง 6 กับทั้งอุบายเป็นเครื่องออกไปจากผัสสายตนะเหล่านั้น เมื่อนั้น ภิกษุนี้ย่อมรู้ชัดยิ่งกว่าสมณพราหมณ์เหล่านี้ทั้งหมด
อาตมาก็ว่าอาตมาเป็นอย่างนั้น เป็นภิกษุนี้ชย่อมรู้ชัดกว่าสมณพราหมณ์เหล่านี้ทั้งหมด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง กำหนดขันธ์ส่วนอดีตก็ดี กำหนดขันธ์ส่วนอนาคตก็ดี กำหนดขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคตก็ดี มีความเห็นตามขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต ปรารภขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต กล่าวคำแสดงทิฏฐิหลายชนิด สมณพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมดถูกทิฏฐิ 62 อย่าง เหล่านี้แหละเป็นดุจข่ายปกคลุมไว้ อยู่ในข่ายนี้เอง เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในข่ายนี้เป็นปลาติดข่ายติดแหติดอยู่ในข่ายนี้ถูกข่ายปกคลุมไว้ เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในข่ายนี้ เปรียบเหมือนชาวประมงหรือลูกมือชาวประมงผู้ฉลาด ใช้แหตาถี่ทอดลงยังหนองน้ำอันเล็ก เขาคิดอย่างนี้ว่า บรรดาสัตว์ตัวใหญ่ๆในหนองนี้ทั้งหมด ถูกแหครอบไว้ อยู่ในแห เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในแห ติดอยู่ในแห ถูกแหครอบไว้เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในแห ฉันใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง ก็ฉันนั้น ที่กำหนดขันธ์ส่วนอดีตก็ดี กำหนดขันธ์ส่วนอนาคตก็ดี กำหนดขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคตก็ดี มีความเห็นตามขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต ปรารภขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคตกล่าวคำแสดงทิฏฐิหลายชนิด สมณพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมด ถูกทิฏฐิ 62 เหล่านี้แหละเป็นดุจข่ายปกคลุมไว้ อยู่ในข่ายนี้เอง เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในข่ายนี้ ติดอยู่ในข่ายนี้ ถูกข่ายนี้ปกคลุมไว้เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในข่ายนี้.
เรื่องราวในพรหมชาลสูตรนี้ สรุปได้แค่ว่าศาสนาพุทธตามความเป็นจริงว่าศาสนานั้นเสื่อม โลกุตระนั้นหมด มันกลองอานกะ ทุกคนนั่งหลับตา ทุกคนเห็นดีเห็นงามในการทำสมาธินั่งหลับตา กล่าวได้เลยว่าทุกคน ในเหล่าที่เป็นตามกระแสหลัก ตามค่านิยมของศาสนาพุทธในเมืองไทยนี้ เมืองนอกก็คล้อยตามในเมืองไทย เมืองไทยนี้กระแสหลักเป็นอย่างนั้น นั่งหลับตา
ยังไม่มีภิกษุข้างนอกที่ประกาศชัดเจนอย่างอาตมายืนยันว่าไม่นั่งหลับตา ยังไม่กล้าปฏิเสธการนั่งหลับตา ว่า สมาธิของพระพุทธเจ้านั้นไม่มีสมาธินั่งหลับตา แต่พระพุทธเจ้าท่านตรัสอย่างอนุโลม เพราะถ้าไม่พูดหลับตาก็ไม่รู้จะสอนใคร เพราะติดยึดหลับตากันหมด ท่านก็จำนนว่าหลับตาก็หลับตา ค่อยๆแทรกไป เพราะไม่อย่างนั้นไม่มีใครให้สอน แต่ในยุคนี้ไม่ใช่อย่างนั้นเพราะพระพุทธเจ้าประกาศศาสนามา 2,500 กว่าปีแล้ว อาตมาก็ไม่เหมือนพระพุทธเจ้า อาตมาก็ตีเลย
อาตมาไม่ไปตีพวกต่างศาสนา เพราะเขาไม่ได้มีพระพุทธเจ้ามาประกาศก็จมอยู่กับการนั่งหลับตามันก็ถูกแล้ว เพราะเขาต้องอยู่อย่างนั้น นั่งหลับตานั้นจะแยกรูปนามไม่ออก ไม่มีภายนอกภายใน ไม่มีธรรมะ 2 ไม่มีเทวะ แยกตีแตกแยกแยะรูปนาม ทำธรรมะ 2 เทวธัมมา แล้วจุดสำคัญคือต้องรู้จักความทุกข์ความสุขที่มันเกิดที่เวทนา ธรรมะพระพุทธเจ้าศึกษาเวทนาเท่านั้น จบในศาสนาเลย ศึกษาเวทนาเท่านั้นก็รู้จักเทวดารู้จักนรกในศาสนา และดับเทวดาดับนรกจบเลย คุณจะรู้โลกทั้งโลก รู้อัตตา ทุกอัตตา พระอรหันต์ก็รู้จักโลกรู้จักอัตตาสมบูรณ์แบบ จบ
อำนาจโลกาธิปไตย อัตตาธิปไตยรู้จัก จึงรู้จักธรรมาธิปไตย รู้จักอำนาจโลก อัตตามีการจัดสรรอำนาจของโลกที่เขาติด อำนาจคนที่ยังมีอัตตาเขาติด ก็จัดสรรให้เขาอยู่ได้เท่าที่เป็นไปได้ คนหมดยึดโลกอัตตาแล้วก็อยู่กับธรรมะแล้วก็อยู่อย่างอธิปไตย ที่ไม่ได้ใช้อำนาจ รู้จักอธิปไตยรู้จักพลังงานรู้จักอำนาจ แรง พลังงาน energy จะเรียก power เรียก authority ได้ทั้งนั้นหากเข้าใจแล้ว คือพลังงาน โดยเฉพาะพลังงานของจิตวิญญาณ เราก็ใช้พลังงานของจิตวิญญาณทำงานอยู่กับโลกเขาอย่างบริสุทธิ์
พรหมชาลสูตร เป็นสูตรที่ตีทิ้งศาสนาที่ไปหลงอยู่กับอดีตและอนาคต ไม่มาลืมตาอยู่กับปัจจุบันแล้วปฏิบัติปัจจุบันให้บรรลุในปัจจุบัน จบ ชีวิตของคนที่บรรลุแล้วจะไม่ไปงมงายอยู่กับอดีตหรืออนาคต มีชีวิตอยู่อย่างสบายรู้องค์ประกอบเต็ม แล้วก็อยู่กับปัจจุบันอย่างสบายๆ
อาตมาพาพวกเราอยู่กับสังคมประเทศไทย โดยเฉพาะทุกวันนี้ประเทศไทย มันเป็น อิทัปปัจจยตาเป็นเหตุปัจจัยแก่กันและกัน อยู่กันไปหมดเลย อาตมาขออภัยที่ต้องพูด
พลังงานทางจิต พลังงานที่ชาวอโศกทำมาแล้ว มันมีฤทธิ์อำนาจมีพลังงานมีรังสีกัมมันตภาพรังสี ทำให้สังคมประเทศไทยเกิดอย่างนี้
ขออภัยที่พูดอย่างเหมือนเจ้าใหญ่นายโต ทำให้เกิดคุณภาพอย่างนี้ เพราะอาตมาเอาทฤษฎีพระพุทธเจ้ามาอธิบายให้คนเข้าใจและปฏิบัติได้สำเร็จ สำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบตรงกับผู้ที่รู้จริงๆ โพธิสัตว์จริงๆ คืออาตมากับในหลวง ร.9ยืนยันตรงกันว่าต้องเอาแบบคนจน ต้องมาขาดทุนของเราคือกำไรของเรา นี่เอาภาษาบัญญัติพยัญชนะมากล่าวแล้ว มาตรวจสอบกันสิว่าจริงอย่างที่พูดหรือเปล่า ขาดทุนที่มาเป็นคนจนหรือเปล่ามาเป็นคนขาดทุนให้แก่สังคมหรือเปล่า นี่คือคนเจริญ คนที่แย่งชิงยังขี้โลภกอบโกยกักตุนนั้นเป็นคนเสื่อม ยิ่งกอบโกย เอาเปรียบเอารัด เอากำไรมากอบโกยกักตุน มันจะเป็นการสะสมเศรษฐกิจที่ไหน เป็นการทำลายเศรษฐกิจ ถ้าคนรวยทุกคนในโลกในประเทศไหนก็แล้วแต่ กอบโกยความรวยเข้าไป เป็นคนทำลายประเทศและสังคม
คนที่มีปัญญารู้แล้วว่าไม่ต้องไปรวย เพราะเป็นคนรวยนั้นเป็นคนเลว มาเป็นคนจนดีกว่าเป็นคนเจริญ แล้วไม่ใช่คนจนอย่างงอมืองอเท้า เอาเปรียบเรารัดเป็นคนเป็นภาระแก่สังคม หรือเป็นคนจนที่โง่เหงาเศร้าซึมไม่รู้จักทำอะไร ก็ไม่ใช่ แต่เป็นคนจนที่มีปัญญามีแรงงานมีความรู้ความสามารถขยันหมั่นเพียรสร้างสรรค์แล้วแจกจ่ายเจือจาน เราอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์แล้วให้คนอื่นมาพึ่งพาได้คนจนที่แม้แต่คนรวยก็มาพึ่งพาได้ แปลกนะ
คนจนที่คนรวยเขาต้องมาพึ่งเพราะคนรวยเขาทุกข์ แต่คนรวยที่ไม่รู้จักสัจธรรมเขาไม่มาพึ่งพาพวกเราหรอก เพราะเขาพึ่งพาโลกธรรมและบำรุงกิเลสไป จนกว่าจะมีภูมิปัญญาจะมาพึ่งพาเรา จะมาศึกษาความจริงแล้วลดความรวยลง มาเป็นคนมีดวงตา เป็นคนรู้แล้วว่าชีวิตเป็นอย่างนี้เอง แต่จนไม่ลงก็ยังอีกนาน ก็ยังไม่ยอมสละยังไม่ยอมปล่อย ยังกลัวไม่มียังกลัวจนกลัวน้อยกลัวพร่องก็เข้าใจ แต่ผู้ที่พอเข้าใจแล้วก็ควรจะมา ละล้าง ความหอบหวง รู้จักสละออก ชีวิตหากผู้ใดศึกษาแล้วพากเพียรมีภูมิปัญญาจริงๆ ไม่ใช่เฉโกฉลาดแบบทางโลก มีความมีปัญญาจริงๆจะเร็ว มาอยู่แล้วจะมาเป็นแกนหลัก ให้แก่สังคมโลกเลย
อย่างชาวอโศก ไม่พูดคุยตัวหรอก แต่เป็นแกนหลักให้แก่สังคมโลกทางเศรษฐกิจ คอมมิวนิสต์ควรจะมาเรียน ประชาธิปไตยก็ควรจะมาเรียนสังคมชาวอโศกว่ามาอยู่อย่างไรเป็นเศรษฐกิจแบบนี้ กินอยู่กันสบาย จิตใจเป็นอย่างไร ไม่ไปแย่งไปเป็นตัวกวนสังคม แต่อยู่กันอย่างสบาย
สงบอบอุ่น เบิกบานไม่เห่อทางโลก สวยธรรมชาติ หล่อธรรมชาติอย่างนี้
พูดไปแล้ว คนไม่เข้าใจก็จะหาว่าหลงตนเองงมงาย
สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน…ว่า เรื่องปฏิสันถาร…ต้องมีความเบิกบาน
พ่อครูว่า…ใจคนที่มันหมดอาการ โศกเล็กโศกน้อยไม่มี ซึมเล็กซึมน้อยมันมีแต่ความสดชื่นเบิกบาน อาตมาพูดความจริงจากใจ นอนก็เบิกบานตื่นขึ้นมาก็เบิกบาน เจออะไรต่างๆนานา บางทีเจออะไรหนักหนาเราก็เบิกบานของเรา เขายิ่งหนักยิ่งแย่ ยิ่งโศก เราก็จะไม่โศกกับเขา ถ้าเราไปช่วยเขา
สมณะแสนดิน ..เสริมความปฏิสันถาร
แม้แต่เด็กๆพ่อครูก็ปฏิสันถารเมื่อเด็กร้องไห้. บอกว่าเพลงนี้มันเพลงเก่าแล้ว ต้องหัวเราะแฮ่ๆๆๆ หรือฮ่าๆๆ. เด็กเค้าก็เงียบทำหน้างงๆ. แต่พ่อผ่านไปเค้าก็แงๆๆต่อ
พ่อครูว่า..ขึ้นสามัญญผลสูตร สูตรแรกพรหมชาลสูตร เป็นสูตรที่ใช้ไม่ได้
เป็นพระสูตรที่ 2 เป็นสูตรที่ใช้ได้ สามัญญะ แปลว่า ผู้ปฏิบัติให้เป็นสมณะ เป็นสมณะที่ 1 2 3 4 สามัญญผลสูตรนี่คือศาสนาพุทธ
การปฏิบัติอย่างพรหมชาลสูตร ที่เป็นอดีตกับอนาคตนั้นไม่ใช่ศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธต้องปฏิบัติอย่างสามัญญผลสูตร ต่อจากนี้เป็นอัมพัฏฐสูตร เป็นสูตรที่มีคนอวดดี อัมพัฏฐมานพ เหมือนคนที่รู้มากเหมือนยุคนี้จบเปรียญสูงแต่ไม่มีมรรคผลในสมัยก่อน รู้พระเวท เก่ง แต่ปฏิบัติไม่ได้มรรคผลอะไรเลยเพี้ยนไปจากพระเวท แล้วก็หลงตัวตน ได้อำนาจ ได้อะไรต่ออะไร พระพุทธเจ้าจึงสรุปถึงความเสื่อมของศาสนา 4 ประการ ซึ่งทุกวันนี้ใช่หมด สรุปความเสื่อมได้นั้นคือ
-
ยินดีในป่า นึกว่าการปฏิบัติธรรมต้องออกป่า เพราะฉะนั้น 2 ข้อแรกคือพวกที่ยินดีในป่า ไปหลงว่าต้องไปปฏิบัติกับครูบาอาจารย์ บำเรออาจารย์ที่อยู่ในป่า เป็นอาจารย์ที่มีวิชชาจรณะ ซึ่งหลงผิดก็บำเรอกัน บำรุงบำเรอกันอยู่อย่างนั้น นี่คือ 2 ข้อแรก