พ.ค.122019ศาสนา620512_วิถีอาริยธรรม ศีรษะอโศก ทำจิตให้เป็นเพชรใสที่ไร้ความเศร้าหมอง อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1xAAp7LK1f-ko9iDhqpORZWBnGiKM72Vk9UqOL-4Avq0/edit?usp=sharing ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1uatflHqLBCbuol4rf9nHJK4l_XMoh4Tj พ่อครูไปร่วมงาน 11 ปี ฮักแพงแซงแซงไฮสกูล ศีรษะอโศก เป็นงานรวมศิษย์เก่าสัมมาสิกขาศีรษะอโศกทั้งหมดมาทำกิจกรรมร่วมกัน พ่อครูว่า…วันนี้วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2562 ที่บวรศีรษะอโศก อาตมานั่งรถมารำพึงรำพันว่า ธรรมชาติในมหาจักรวาลนี้เป็นเรื่องที่ซับซ้อนลึกซึ้ง มหาศาล และก็วนเวียนอยู่ในวัฏสงสารยังอยู่ในเอกภพอยู่ในจักรวาลที่มันเคลื่อนไป มีอุตุนิยาม มีธาตุที่พัฒนามาเป็นพีชนิยาม พัฒนามาเป็นจิตนิยามแล้วจิตนิยามก็ไปสร้างกรรมเป็นกรรมนิยามแล้วก็ตั้งลงเป็นธรรมนิยาม หากเราเข้าใจแล้ว ทุกอย่างเป็นพลังงาน เราเป็นจิตนิยามเป็นประธานกรรมตนเอง แต่เมื่อเป็นเดรัจฉานก็ไม่สามารถควบคุมกรรมตนเอง แต่เมื่อพัฒนาสามารถจัดการจิตนิยามได้ สูงสุด จิตวิญญาณพระพุทธเจ้าสามารถทำให้จบแตกธาตุนี้สลายธาตุวิญญาณให้เป็นอุตุ ดินน้ำไฟลม ความเป็นอัตภาพ หรืออัตตา อาตมัน เป็นสิ่งที่เทวนิยมตีไม่แตกก็เลยบอกว่าวิญญาณนี้เป็นนิรันดร การเป็นอัตภาพหรืออาตมัน ของสัตว์โลกเป็นนิรันดรเขาตีไม่แตกเขาเปลี่ยนแปลงไม่ได้ มีจิตยังให้เป็นไปในอำนาจไม่ได้ สุดท้ายพระพุทธเจ้าสามารถทำให้สูญสลายไปได้เลยนี่เป็นความรู้ที่รู้ในจุดแยกจุดจบทำลายธาตุในระดับจิตนิยามได้ นี่เป็นความรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในมหาเอกภพ สัตว์โลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือมนุษย์เป็นผู้ค้นพบคือพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้า องค์ใดองค์หนึ่งคือ ผู้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณทำให้จิตวิญญาณเป็นไปอย่างไรก็ได้ ที่สุดสามารถแตกสลายตนเองได้ และเอาพลังงานมาจัดการพลังงานต่างๆในโลกได้ จัดการพลังงานเช่นพลังงานอุตุ พลังงานสสารต่างๆ เดี๋ยวนี้ควบคุมจัดการได้ถึงนิวเคลียส ธาตุบวกลบที่ละเอียดที่สุดแล้ว สามารถเอามาจัดการให้แรงสุดเบาสุดได้ จัดการ อุตุ พีชะ จิต ทางวิทยาศาสตร์พอรู้ แต่พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่รู้ยิ่งกว่าวิทยาศาสตร์ใดๆ อยู่ในจิตนิยามได้ละเอียดลึกซึ้งจนสามารถควบคุมจัดการให้เป็นอะไรได้ เป็นอมตบุคคล สามารถทำให้เกิดทำให้ตายจะให้ทำให้เป็นอย่างไรก็ได้หมดสูงสุดเป็นอย่างนั้น แม้ที่สุดสลายธาตุของอัตภาพหรือชีวะ จิตนิยามตนเองก็สลายได้เลย นี่ถือเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่บงการ ให้เกิดให้ตายได้ พลังงานจะเปลี่ยนเป็นอุตุนิยามหรือเป็นชีวะ เป็นคนได้ สามารถทำให้จิตวิญญาณเรามีกรรมกิริยา งานการคุณภาพแค่พีชะไม่ไปเบียดเบียนอะไรใครเลย พลังงานนี้จึงสร้างแต่กุศลสร้างแต่สิ่งที่ดีงาม แล้วไม่ทำอะไรให้เสียหายตกต่ำ มีแต่ช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น นี่คือความสูงสุดของพลังงานจิตวิญญาณ พระพุทธเจ้าค้นพบแล้วมาสอนคนให้เรียนรู้จิตวิญญาณแบบนี้แล้วจัดการจิตวิญญาณของตนให้เป็นจิตวิญญาณมีคุณค่าประโยชน์สูงสุดไม่มีโทษมีภัยอะไรเลย พระพุทธเจ้าค้นพบตรงนี้สมบูรณ์จึงเป็นครูเป็นอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ เป็นผู้รู้เป็นปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่ สูงสุดเลยในความเป็นธรรมชาติทุกอย่างตั้งแต่ อุตุ พีชะ จิต กรรม จนถึงให้ทรงไว้เรียกว่าธรรมะ สูงสุดแล้วสามารถจัดการธาตุต่างๆจนกระทั่งถึงเป็นธาตุจิตวิญญาณให้ทรงไว้ซึ่งธรรมะ ให้ดีที่สุด จะให้ยืนยาวนานไปเท่าไหร่ก็ได้แต่ในภาวะที่เป็นไปได้มันก็เลยต้องมีเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ห้ามไม่ได้ ไตรลักษณ์ตัวนี้ พระพุทธเจ้าก็ต้องจำนน สูงสุดเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว จะอย่างไรก็ต้องเกิดในชีวิตร่างกายหนึ่งมีชีวะชีวิต เกิดขึ้นแล้วก็ต้องค่อยๆแก่ค่อยๆเสื่อมค่อยๆตาย เป็นพุทธเจ้าอย่างไรก็ต้องตายทั้งที่ท่านสามารถยังขันธ์ไปได้แต่ในอุตุ พีชะนี้ก็ไม่สามารถยังให้ไปได้ตลอด พระพุทธเจ้าก็จำนนกับภาวะทุกอย่างว่าเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่เที่ยง คงอยู่สภาพอย่างเดิมให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะพยายาม มีพลังงานสัมประสิทธิ์ coefficient ให้คงทนยืนนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ อาตมาพยายามฝืน อาตมาเคยพูดไว้อายุ 72 ก็หมดอายุขัย ต้องตายแล้ว แต่นี่ฝืนมาได้ถึง 84 ปีแล้ว จะไปอีกเป็น 96 สองนักษัตร จะไปอีก 1 นักษัตรเป็น 108 ปี ถ้าถึงพวกคุณคงฉลองให้อาตมา พวกคุณเท่าไหร่? อาตมาตั้งไว้จะอยู่ให้ถึง 151 ปี ก็เป็นการตั้งเป้าไว้เท่านั้นเอง อาตมาว่ามันคงเป็นไปไม่ได้หรอก ลากสังขารมาถึงทุกวันนี้แล้วมันฟ้องว่าเรา 151 กระดูกคงเคลื่อนไปหมดแล้ว กล้ามเนื้อคงไม่มีแรงพอขยับกระดูกแล้ว ไม่ไหว ไปนึกถึง ลีชิงยุน มีตำนานว่าอายุ 256 ปีโอ้โห แกทำสังขารของแกได้วิเศษขนาดไหน 256 นี่ แสดงว่า ไม่รู้กี่ทบกี่ซ้อนมันจริงหรือตำนานนี้มีคนอายุถึง 256 ปี ถ้ามีก็น่าจะพากเพียรทำสัมประสิทธิ์ให้ไปได้ ทุกอย่างก็เกิดจากการพยายาม พยายามจึงเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดที่คนจะพากเพียรให้ไปถึงได้ คนเราจะพยายามให้ไปถึงทิศทางไหน คนไม่รู้ก็ทำไปในทิศทางโลกียะ มันไม่จบมีแต่ตะกละตะกรามความโลภโมโทสัน ใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด มากไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีความพอไม่มีขีดความพอใจๆเลยมันเป็นโลกียะ ยิ่งไปก็ยิ่งหนักเหนื่อย ผู้ที่มีภูมิปัญญามีความเฉลียวฉลาดจึงรู้จักสันโดษ เรารู้จักสันโดษ สันตุฏฐี ทฤษฎีให้รู้จักความพอแล้วก็น้อยลงไปอีกได้ น้อยแล้วก็พอ สร้างสังคมกลุ่มมีพลังงานอยู่กันอย่างเกื้อกูลกัน พุทธพจน์ 7 สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ 7 พยัญชนะนี้ จบเลยเป็นความรู้ ของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่อยู่อย่างตัวกูของกูคนเดียวไม่มีอะไรให้ระลึกถึงเลย ตรงกันข้ามกับสารณียะ อย่างสายลัทธิเชน พระมหาวีระ ไม่เอาอะไรเลย ออกป่าไปจนกว่าจะตายทิ้งไปเฉยๆ มันไร้ค่าเสียประโยชน์ ไม่รู้สิ่งควรรู้ สูงสุดให้เป็นจิตวิญญาณจะอยู่ไปอีกนานเท่าไหร่ก็ได้ อย่างพระอวโลกิเตศวรมีปณิธานว่า จะอยู่ช่วยคนให้หมดโลกก่อน ตนเองจึงจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน พระพุทธเจ้ามีความรู้ที่สามารถทำให้ ร่างกายนี้ชะลออยู่ไปได้นาน แต่สุดท้ายมันก็อยู่ที่ความไม่เที่ยงตั้งอยู่อย่างไรมันก็ต้องเสื่อม เกิดขึ้นตั้งอยู่เสื่อมไป (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย) มันเป็นความไม่เที่ยง มันเป็นความประคองให้ตั้งอยู่ได้นาน โดยสัญชาตญาณของสัตว์โลกก็อยากจะอยู่ให้นานทั้งนั้น ให้มีชีวะนี้อยู่ให้นาน ก็ทำได้ ทำอย่างไรอย่างไรมันก็ไม่เที่ยงมันก็ต้องเสื่อม ก็พยายามลากไปได้ประมาณหนึ่งเสร็จแล้วก็ต้องเสื่อมไป ศาสนาพระพุทธเจ้านอกจากรู้จักประคองความเสื่อมให้มันช้าที่สุดเท่าที่จะช้าได้ ตามที่ประสงค์ ต้องมีคุณภาพระดับหนึ่ง คนที่มีบารมีขนาดหนึ่งก็ทำได้ขนาดหนึ่ง บารมีขนาดไหนก็ทำได้ขนาดนั้น อาตมาเกิดมาในยุคนี้พยายามจะค้นพบอันนี้ที่เรียกว่า ยาอายุวัฒนะ ทำให้ชีวิตคนยืนยาวต่อไปได้ รู้ตัวเองว่าทำของตัวเองได้บ้าง ยังไม่เก่งสุดอะไรแต่ทำไปแล้วมันก็ฝืนกระดูกเนื้อหนังมังสา เพราะมันต้องเสื่อมไปตามสภาพของอุตุนิยาม พีชะก็เสื่อมของมัน จิตนิยามก็เสื่อมของมัน แม้จิตนิยามจะพยายามฝืนให้ fresh up แต่สุดท้ายพระพุทธเจ้าจำนนในความเกิดขึ้นตั้งอยู่เสื่อมไปและอีกอันก็ต้องสูญ แต่จิตวิญญาณไม่มีใครไปทำให้สูญได้มันก็เลยคิดว่าเป็นนิรันดร แต่ศาสนาพุทธจะให้คงอยู่สดชื่นนานที่สุดเท่าที่จะพากเพียรได้ (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย) เสร็จแล้วเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ก็วนเวียนตามที่เราพยายามจะประคองได้เท่าไหร่ ไม่มีอะไรที่จะคงที่เที่ยง เสร็จแล้วมันก็วนเวียนอยู่อีก คนไหนที่สามารถยึดถือให้คงเที่ยงคงที่ได้นานเขาก็ทำ เสร็จแล้วสุดท้ายก็ต้องหมุนวนเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปที่โลกียะ ทำลายความหมุนวนไม่ได้แล้วเขาก็ไม่มีอำนาจ เป็นศาสนาเทวนิยมไม่เรียนรู้เรื่องจิตนิยามไม่เรียนรู้พลังงานที่สามารถควบคุมจัดการ เทวนิยมเรียนรู้แต่ความดีกับความชั่วไม่เรียนรู้ความสุขความทุกข์ ดีไม่ดีเป็นสุขนิยม หลงความสุข แล้วนึกว่า ความสุข (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย) อาตมาฝืนไปก็คงได้แต่คงทุ เร สะ ไม่มีใครอยากให้เป็นแต่คงไม่ไหว เอาล่ะ อาตมาว่าอย่าไปฝืนต่อไปดีกว่า ไปพักไปกินข้าวดีกว่าขออภัย ใจอาตมาพยายามจะบรรยาย จะเป็นประโยชน์ พวกคุณก็อยากจะฟังอยากจะรับ อาตมาจิตใจก็ปรารถนาที่จะทำ แต่เหตุปัจจัยมันไม่ให้แล้วก็ต้องจำนนยอมให้ดีกว่า อย่าไปฝืนดีกว่าเดี๋ยวอาตมาจะอายุไม่ถึง 151 ปี จะไปจัดการมันมากเกินไปไม่ถูกก็ลงอย่างนี้นะ พักกินข้าวกันดีกว่า สาธุ (จากนั้นพ่อครูพักไปประมาณ 5 นาที อาการดีขึ้น ไปนั่งที่โต๊ะฉัน แล้วก็เทศน์ต่อได้) อาตมาหากพูดในเหตุการณ์ไปรเวท ก็สบายๆมีเล่นหัวบ้าง แต่หากจะพูดให้แก่สาธารณะ ก็ตั้งใจจะพูดให้เป็นสาระที่สุด ได้ดีที่สุดก็คือเป็นโลกุตระ ธรรมะโลกุตระที่รู้ทุกอย่าง เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป แล้วจัดการกับกรรมของตน มีจิตเป็นประธานให้เกิดกายกรรมวจีกรรมมโนกรรม จนที่สุดพระพุทธเจ้าสามารถทำให้จิตวิญญาณนี้สลายไปได้เลย แต่ว่าศาสนาเทวนิยมเขาไม่รู้วิธีนี้เขาก็เลยมีแต่อยู่นิรันดรไปกับพระเจ้าพระเจ้าจะเป็นผู้บงการให้ลงนรกขึ้นสวรรค์ ด้วยความไม่รู้ก็เลยยกประโยชน์ให้เป็นของพระเจ้าไป ศาสนาพุทธนั้นเราเป็นเจ้าของจิตวิญญาณตนเองเราสามารถสั่งจิตวิญญาณตัวเองได้ ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนเป็นเจ้าของจิตวิญญาณเรา ศาสนาพุทธเจ้าท่านก่อน แล้วจัดการโครงการจิตวิญญาณเราให้ดีที่สุดและมีชั่วเลย ถ้ามีกรรมกิริยาก็มีแต่ดีถ่ายเดียว จบแล้วในธาตุจิตวิญญาณของมนุษย์มนุษย์ สามารถทำให้จิตวิญญาณนี้สลายไปเลยก็ได้ แต่จะเกิดมาอีกก็ได้เกิดมาอีกครั้งทุกอย่างมันก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ สามารถทำให้ชีวิตดีขึ้นได้เรื่อยๆ จนกระทั่งดีที่สุดนั่นก็คือ เป็นพระพุทธเจ้า ทำให้ร่างกายมนุษย์ ทำกริยาการงานการกระทำความรู้ รู้โลกรู้รอบทุกอย่าง แล้วเป็นผู้จัดการ มีจิตวสวัตตีโก ทำให้จิตวิญญาณเป็นไปได้อย่างดีเยี่ยมที่สุด สุดท้าย สูญสลายจิตวิญญาณนี้ได้เลย ศาสนาเทวนิยมตีไม่แตกจัดการไม่ได้ สลายไม่ได้ มีแต่ศาสนาพุทธศาสนาเดียวที่ทำได้ จะเป็นนิรันดรอย่างไรก็ต้องเกิดตายอยู่ในสภาพที่เป็นร่างกายนี้ ใครจะอยู่เกิดตายไปนิรันดรบ้าง…ยกมือ (ไม่มีใครยก) แต่เกิดมาแล้วรู้อย่างอาตมาจะรู้ว่ามันลำบากนะ อาตมาเกิดมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ก็จะรู้ ลัทธิเทวนิยมเป็นลัทธิแบบสุขเที่ยง ก็ยึดถือกันไปเพราะเขาไม่รู้ก็ยึดถือได้แค่นั้น ศาสนาพระพุทธเจ้านั้นชัดเจนทุกเหลี่ยมมุมทุกอย่างและที่สุดสูญสลายธาตุทุกอย่างได้ จึงเป็นเรื่องสุดยอดแล้ว ศาสนาอื่นๆเป็นเทวนิยม ไม่ว่าจะเป็นคริสต์อิสลามฮินดู ศาสนาซิกข์ ก็ตามมีแต่ศาสนาพุทธแท้ๆอย่างสัมมาทิฏฐิ ศาสนาเดียวเท่านั้น ที่จัดการเรื่องของจิตนิยามนี้ให้ดีที่สุดกับให้สูญสลายได้ ก็จบที่ถ้าจะเป็นชีวะอยู่ คุณจะเกิดแล้วเกิดอีกก็ดีขึ้นเรื่อยๆดีที่สุดคือตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ก็เท่ากับเป็นพระโพธิสัตว์มาไม่รู้กี่รอบๆ แล้วคนก็บอกว่าเป็นพระพุทธเจ้าแล้วจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน คนก็บอกว่าทำไมไม่เกิดมาเป็นพุทธเจ้ารอบต่อไปเรื่อยๆเพราะมันเป็นสิ่งที่ดี ก็น่าเบื่อจะตายชัก คนที่จะพากเพียรดึงให้ชีวิตตัวเองหมุนเวียนเกิดตายไปจนถึงพระพุทธเจ้านั้นมีน้อยคน ตั้งจิตเป็นพระโพธิสัตว์แล้วจะไปให้ถึงเป็นพระพุทธเจ้าไม่เท่าไหร่หรอก ส่วนมากก็บอกว่าพอแล้วมันเมื่อย เบื่อ ก็วนเวียนอยู่แค่นี้ พระโพธิสัตว์บางองค์ตั้งจิตเป็นพระพุทธเจ้าแต่ไปไม่ถึงหรอกรีไทร์กลางทางเยอะ อาตมานี่พากเพียรมาถึงขนาดนี้มาเจอหน้าพวกคุณได้ก็ดีนักหนาแล้ว เบื่อไม่ลง ทั้งที่มันน่าเบื่อแต่เบื่อไม่ลง ถ้าขืนเบื่อลงมันก็ไม่ดีนะ เอาน่าอย่าเบื่อเลยเบื่อไม่ลงยังไงก็เห็นตาบ้องแบ๊วนั่งอยู่ ถ้าอยู่ต่อไปเขาก็จะเป็นภัยก็ต้องช่วยกันหน่อย อย่างพวกเรา อาตมาเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาเปิดเผยมาอธิบายพวกเราเลยกลายเป็นคนที่ไม่เป็นภัยกับโลกเขาได้ดีมากแล้ว แต่เรียกว่าดีที่สุดก็ยังไม่ได้แต่ดีมากแล้ว สังคมที่เป็นสาธารณโภคี เป็นสุดยอดแล้ว เป็นสังคมที่ไม่มีตัวตน ในพวกเรามีเป็นพระอรหันต์ไม่น้อยแต่มันยังฝืนไม่รู้ตัวยังเป็นโพธิสัตว์อีกเยอะ บำเพ็ญกันอยู่รวมกันนี่ แต่ว่ามันยังไม่รู้ถ้วน ยังไม่รู้รอบที่เดียว แต่ก็เป็นไปจะเป็นตัวอย่างให้แก่มนุษย์โลก เพราะฉะนั้นอยู่ไปอีกเถอะ นานไปอีกสัก 30 ปี 40 ปีพวกคุณจะพบ จะเห็นว่ามนุษย์อื่นเขาก็แสวงหาแบบนี้ พัฒนาในอนาคตจะมีคนที่เข้ามาในพวกเรานี้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะพวกเราจะเป็นสังคมที่ แสนสุข ยังอาศัยสุขอยู่บ้างก็จะแสนสุข ส่วนผู้ที่ไม่ต้องมีสุขมีทุกข์แล้วอยู่อย่างสบายมีปรมังสุขังคือยิ่งกว่าสุข มันไม่สุขไม่ทุกข์มันยิ่งกว่ามันสบาย อยู่ร่วมกันนี้สบายยิ่งกว่าสุข สุขก็ยังเป็นโลกีย์ ทุกข์ก็เป็นโลกีย์แต่ไม่สุขไม่ทุกข์แล้วก็สบายชีวิตมันก็ สบม ทมด ปกต หห จจ มชยลล สบายมากธรรมดาปกติหายห่วงจริงๆไม่เชื่ออย่าลบหลู่ อาตมาพยายามอายุยืนยาวเพื่อจะยืนยันพิสูจน์ความจริง อย่างน้อยให้คนมาเรียนรู้ 8 อ อิทธิบาท อารมณ์ จัดการเวทนา 108 ให้เป็นโลกุตระไม่เป็นโลกียแล้วจะมีสัมประสิทธิ์ชีวิตมีความสุข fresh up ให้วิญญาณสดชื่นแล้วดำเนินต่อไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ มันจะเสื่อมไม่สดมันจะแห้งเหี่ยว เราก็ทำให้มันสดชื่น สังเกตให้ดี อาตมาเป็นคนไม่โศก อโศกะ อปริเทว อทุกข อโทมนัส ออุปายาสะ ไม่มีความเศร้าหมองอะไรในใจก็ไม่มีข้างนอกกายกรรมวจีกรรมก็ไม่มี แต่ใครจะเห็นว่าอาตมาซึมบ้าง?….อาตมา อโศกะ นี่คือเป็นคนที่มีวิชชาแล้วสามารถปรุงเเต่งจิตวิญญาณของตน ปรุงแต่งเป็นอภิสังขารได้วิญญาณแล้วก็ดี วิญญาณแล้วก็มีการเชื่อมต่อมี Connection มีอายตนะเชื่อมต่อกับคนอื่นได้ จะไปเกี่ยวข้องกับอะไรมีภาษากับอะไรกับใครเราก็มีแต่ทำให้คนอื่นดีขึ้น คนอื่นก็จะพัฒนาเวทนาตามที่เรามีความรู้เวทนา 108 คนอื่นเข้ามาศึกษาเวทนาด้วย ศาสนาพุทธมีกรรมฐานที่เวทนาเรียนรู้จัดการกับเวทนา ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ ) ล.10 ข.60 จัดการกับเวทนาให้เป็นหนึ่งได้ 2 มันมีสุขมีทุกข์ มันไม่ทุกข์มันก็เหลือสุข สุขโดยพยัญชนะมันแปลว่าว่าง ข แปลว่า ว่าง สุ แปลว่าดี จิตว่างๆนี่แหละดี เพราะฉะนั้นมันว่างจากอะไรที่เป็นภัยเป็นโทษที่เป็นพิษ มันว่างได้มากเท่าไหร่นั่นแหละคือคนที่จัดการจิตวิญญาณตนเองให้สูงสุดคือว่างได้ เพราะฉะนั้นทำความว่างนี้ได้อย่างชำนาญ มันก็กลายเป็นความว่างที่ภาษาบาลีท่านเรียกว่าองค์ประกอบทั้งหมดคือ พระพุทธเจ้ากำหนดไว้เป็น ปริสุทธา ปริโยธาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา นี่คืออุเบกขา 5 บริสุทธิ์จากโทษภัย บริสุทธิ์จากกิเลส จะเกี่ยวข้องกับอะไรอยู่อีกก็บริสุทธิ์ตลอดไปเรียกว่า ปริโยทาตา แล้วมีจิตที่เป็น มุทุธาตุ เร็วไว เป็นตัวบวก-ตัวลบ Static กับ Dynamic จัดการ 2 อย่างนี้ได้จะไปสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับอะไร รับได้ทุกมุม รับได้ทุกเหลี่ยม รับได้ทุกเล่ห์ทุกกลเลย รับได้หมดเรียกว่า มุทุภูตธาตุ อยู่ในโลกอย่างกัมมัญญา ทำกรรมกิริยากับอะไรก็เหมาะควรและดีที่สุดสมสัดส่วน จะทำอะไรอยู่ก็แล้วแต่ แต่จิตก็ยัง ปริสุทธา ปริโยธาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา ไม่มีมัวหมองเป็นเพชรที่ไม่ต้องเช็ดต้องถูเลย ใสเองอยู่ตลอดกาลนาน ปภัสสร เป็นเพชรที่อะไรทำความเปื้อนให้ไม่ได้ อะไรอื่นมาแตะมันก็เป็นภัยแต่เขาเองเลย เป็นเพชรนี้มีราศีรังสีขจัดความหมอง ความหมองกระเด็นไปเลยเป็นเพชรที่มีอำนาจในตนอย่างมากเลย เอาล่ะจบดีกว่า Category: ศาสนาBy Samanasandin12 พฤษภาคม 2019Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรมสำมะปี๋ซี่วิต Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:620510_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แม้พระพุทธเจ้ายังต้องตรัสรู้ด้วย จักษุ ปัญญา ญาณ วิชชา อาโลกNextNext post:620513_รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 48Related Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024