620519 พ่อครูเทศน์ในงานโพชฌังคาริยสัจจายุ พตท.รุ่งโรจน์ เรืองฤทธิ์
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1qlfFlCLf7xq-kaZ7yut2qu7nY-tux7-nJlC85fhv8Zw/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. zhttps://drive.google.com/open?id=1VlVlDg4VjiKB3B7KraY_WACcURfaV-UE
พ่อครูว่า…โพชฌังคาริยาสัจจายุ คือ คำสนธิระหว่าง โพชฌงค์ 7 กับอริยสัจ 4 กับคำว่าอายุ
ผู้ที่มีอายุระหว่าง 7 โพชฌงค์ก็คือ 7 อริยสัจก็คือ 4 ผู้ที่มีอายุเข้าข่าย 7 อยู่ 4 ตัว คือ อายุ 77 ปี 7 เดือน 7 วัน ก็มีเลข 7 ตั้ง 4 ตัว
77 ปี 7 เดือน 7 วัน ก็คือเลขเด็ด 4 ตัว อาตมาก็เลยตั้งภาษาให้เท่ๆว่า โพชฌังคาริยสัจจายุ ดึงเข้าหาธรรมะโพชฌงค์ 7 อริยสัจ 4 เป็นสุดยอดของโลกุตรธรรม เป็นหลักสุดท้ายของโพธิปักขิยธรรม โพชฌงค์ 7 มรรคมีองค์ 8 เพื่อจะนำมาเป็นองค์ประกอบในการที่จะ ให้มีเรื่อง ให้มีกิจ ให้มีวิธีการให้มีการรวมพลเข้ามาเข้าใจเข้ามาศึกษา เข้ามาเรียนรู้ว่า คนเรานี่ชีวิตต้องอาหาอะไรเอ่ยเป็นองค์ประกอบให้ชีวิตเจริญก้าวหน้า ได้อุตสาหะวิริยะปฏิบัติตน
นอกจากปฏิบัติตนแล้วที่สำคัญคือเกิดสังคม เกิดมนุษย์รวมกันเป็นสังคมกลุ่ม ที่จะมาร่วมกัน เพื่อที่จะทำให้เกิดคุณค่าประโยชน์อะไรต่ออะไรขึ้นในโลก เป็นผู้ที่มีกรรมดีรู้จักกันดีขยันหมั่นเพียร แล้วก็เป็นคนไม่เห็นแก่ตัว เสียสละ ทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น เป็นคนมีวรรณะ 9 เลี้ยงง่าย (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ9 ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)
มีศีล เป็นตัวกำหนดให้จิตเกิดเป็นสมาธิเกิดจิตที่เป็นปัญญาเกิดจิตที่เป็นวิมุติ ผู้ที่ปฏิบัติธรรมไม่ถูกต้องตามสัมมาทิฏฐิพระพุทธเจ้าแล้วจะไม่มีศีลเป็นหลัก เช่นไปปฏิบัติสมาธิแบบไปนั่งหลับตาไม่เกี่ยวกับศีลเลยพวกนี้นอกรีต ไม่ใช่ศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธต้องมีศีลเป็นตัวกำหนด
ศีลข้อที่ 1 ทำให้จิตเป็นจิตที่มีปัญญา อธิปัญญา อธิวิมุติจากความเป็นสัตว์
ศีลข้อที่ 2 เกี่ยวข้องกับพืชกับดินน้ำไฟลมข้าวของ เราก็ไม่ไปทุจริตไม่ไปเอาของเขาที่ไม่ใช่ของเรา จะมีขึ้นมาได้เราก็ต้องขยันหมั่นเพียรสร้างสรร เสร็จแล้วก็จะต้องเกื้อกูลแจกจ่ายเจือจานเพื่อผู้อื่น ถ้ามีคุณธรรมดังกล่าวอย่างย่อนี้สังคมสงบสังคมอุดมสมบูรณ์ อย่างสังคมอะไร? … สังคมชาวอโศก คนที่คิดไม่ออกก็คงจะอยู่ไกล สังคมชาวอโศกเป็นตัวอย่าง
พูดแล้วเหมือนกับการยกตัวอย่างตน อวดอ้าง แต่ขนาดนั้นเขายังไม่รู้เลย บื้อ อะไรของเอ็งวะโง่อยู่ได้ จะว่าเป็นคนโง่ก็ไม่เชิงทุกวันนี้คนฉลาด แต่ไม่พยายามเข้าใจความจริงไม่พยายามที่จะเรียนรู้สัจธรรมความจริงต่างๆ
อาตมาขอยืนยันเลยนะ กล้าพูดเปรี้ยงๆเลย ชาวอโศกเป็นผู้เดินตามพระพุทธเจ้าเป็นสังคมเจริญนำหน้าสังคมอื่นในโลก เป็นสังคมที่เจริญเพราะเป็นคนตรงตามวรรณะ 9 แล้วก็ตรงตามสาราณียธรรม 6 อยู่กันด้วยเมตตากายกรรมเมตตาวจีกรรมเมตตามโนกรรมอยู่กันอย่าง ลาภโดยธรรม มีสาธารณโภคี มีศีลสามัญญตา ทิฏฐิสามัญญตาอยู่กันอย่างนี้นานเกินครึ่งศตวรรษแล้ว ทุกวันนี้ก็อยู่เย็นเป็นสุขสุขสำราญเบิกบานใจอุดมสมบูรณ์มีอยู่มีกิน พึ่งเกิดแก่เจ็บตายกันได้ แก้ปัญหาเศรษฐกิจตกแก้ปัญหาการเมืองตกแก้ปัญหาสังคมตก
รัฐบาลหรือผู้บริหารประเทศต่างๆน่าจะชำเลืองแลมาดูซิ ว่าเขาเป็นอยู่อย่างไร ในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นพระโพธิสัตว์เป็นผู้ที่มีภูมิธรรมเป็นผู้มีพระปัญญาธิคุณท่านก็ตรัสว่า จะต้องอยู่กันบริหารกันอย่างคนจน ผู้บริหารต่างๆก็บื้อ ก็ไม่กล้าติในหลวง ที่ท่านตรัสว่าเอาแบบคนจน เขาไม่กล้าขานรับ แล้วไม่เข้าใจเรื่องการบริหารแบบคนจนว่ามันคืออะไร จนทุกวันนี้ก็ยังบริหารไม่เข้าใจ จนในหลวงสวรรคตไปแล้ว ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรอาตมาก็ต้องต่อความยาวสาวความยืด กันอยู่อย่างนี้ ต้องอธิบายแล้วก็ยืนยันว่าสังคมที่เป็นเช่นนี้ เป็นสาราณียธรรม 6 ได้ อยู่อย่าง เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา อย่างไม่สงสัยลังเลจะเป็นได้เร็วได้ช้าก็แล้วแต่บุคคล
ซึ่งเป็นเส้นทางชีวิตเป็นตัวกำหนดชีวิตให้เราดำเนินไปอย่างนี้แหละ จึงเป็นคนที่ จะรู้สึกว่าพระพุทธเจ้ายังอยู่ศาสนาพระพุทธเจ้าไม่ไร้ค่าไม่สูญเปล่า มีคนนำพาแล้วเอามาปฏิบัติประพฤติได้มรรคผลอยู่ แม้จะมีอยู่เป็นจำนวนน้อย อาตมาเคยพูดไม่รู้กี่ทีแล้วว่าอาตมาไม่กังวลกับเรื่องมีมากหรือมีน้อย ถ้าจะกังวลก็จะกังวลว่ามันเกิดความเป็นจริงไหมถ้ามีความเป็นจริงได้น้อยก็น้อยได้เท่านี้ก็ไม่มีปัญหา รักษาความเป็นจริงที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้แล้วเอามาประกาศกับมนุษย์ ให้ได้รับความรู้และความจริงที่ท่านตรัสรู้มา เท่านี้แหละอาตมามั่นใจ ทำอย่างนี้ไปจะได้เท่าไหร่มากขึ้นแต่ที่จริงก็มีอัตราการก้าวหน้าอยู่นะ มีการรู้เข้าใจอะไรเพิ่มขึ้น แต่คนก็ยังไม่กล้ามา เขายังไม่มาเพราะว่าประเทศไทยมันอาภัพ มันซวยที่พุทธกระแสหลักได้พลาดท่าเสียทีไปแล้วประกาศว่าโพธิรักษ์เป็นพวกนอกรีตเป็นผู้มาทำลายศาสนาพุทธเขาตราหน้าไว้เลย ปกาศนียกรรม ตราหัวกระโหลดไขว้เอาไว้ ประเทศก็เลยอาภัพหน่อย แต่คนก็เริ่มเข้าใจเพิ่มขึ้น คนเก่าก็ค่อยๆล้มหายตายจากหมดลงไป อาตมาก็เลยต้องพยายามยืนยาวอยู่จนกว่าพวกนี้จะตายไปหมด อาตมาก็จะยังอยู่แล้วคนรุ่นใหม่ก็จะได้เข้ามาง่ายขึ้นศึกษาได้ง่ายขึ้นก็จะได้นำพา ไม่อย่างนั้นก็ขวางอยู่ ก็ได้แต่ไปเรื่อยๆ รอให้เขาตายก่อน ถึงจะสะดวกขึ้นเราจะตายก่อนก็ไม่ได้ใช่ไหม
โพชฌังคาริยาสัจจายุ คือมีอายุเต็ม 77 ปี 7 เดือน 7 วัน อาตามาเอาเลข 7 มาเป็นเลขหลัก คนจะอายุ 55 ปี 5 เดือน 5 วันก็ได้ คนจะอายุ 66 ปี 6 เดือน 6 วันก็ได้
อาตมาตอนนี้ก็ผ่านไปแล้วจะไปให้ถึง 88 ปี 8 เดือน 8 วันแล้วจะไปให้ถึง 99 ปี 9 เดือน 9 วัน ก็พยายาม ที่ใช้ความพยายามเพื่อพิสูจน์ธรรมะพระพุทธเจ้า อาตมาจะมีอายุยืนยาวไม่ใช่เพราะอะไรและเพราะธรรมะพระพุทธเจ้า เพราะธรรมะที่จะเอาประธานคือจิต เอาจิตเราคือเป็นหลักตั้งแต่อิทธิบาทอารมณ์ อารมณ์ก็คือจิตคือเวทนา สร้างเวทนาสร้างอารมณ์ของเราให้สดชื่นเบิกบาน อยู่อย่างไม่มีการเสื่อมไม่มีการห่อเหี่ยว เบิกบานร่าเริงสดชื่นไปเรื่อย มี protoplasm เป็นธาตุสดชื่นไปเรื่อยๆ จิตใจอาตมาเป็นเช่นนั้นเพราะฉะนั้นสิ่งที่แสดงออกทางกายกรรมวจีกรรมก็ดี อาตมาไม่เป็นคนที่ โศก ปริเทว ทุกข โทมนัส อุปายาสะเลย เปลี่ยนสิ่งที่เกิดจากอวิชชา ถ้าใครที่มีอวิชชาอยู่ปลายทางคุณก็จะมี โศก ปริเทว ทุกข โทมนัส อุปายาสะ ถ้าใครมีอวิชชาอยู่มากแน่นอนก็ต้องมี โศก ปริเทว ทุกข โทมนัส อุปายาสะอยู่มาก
โศกคือ โศกเศร้า ปริเทว คือพิรี้พิไรกับโศกทุกข์ ทุกข์คือภายนอก โทมนัสคือภายใน อุปายาสะคือรวมแล้วหมดเลย อวิชชาจะเป็นเช่นนั้น ผู้ใดปฏิบัติธรรมะที่พ้นอวิชชามาได้เป็นลำดับ คุณจะรู้จักสังขารตามปฏิจจสมุปบาท มีภูมิปัญญารู้จัก ชีวิตของคนคือสังขารรูปนามการปรุงแต่งของกายและจิต คือ เกี่ยวของกับสิ่งภายนอก กาย และสัมพันธ์กับใจ กายไม่ได้หมายถึงแค่ภายนอกไม่มีใจ ผู้ใดเข้าใจ กาย ว่ามีแต่สรีระดินน้ำไฟลมคนนั้นแปลคำว่ากายผิด
กาย เขาแปลว่ากลุ่มกองของหมวดเจตสิกต่างๆ รวมทั้งภายนอกด้วยแต่เน้นภายใน พระพุทธเจ้าจึงตรัสไว้ชัดเจน ตถาคตเรียกกายว่าคือจิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง ล.๑๖ ข.๒๓๐ ต้องอ้างอิงพระพุทธเจ้า เพราะอาตมาพูดเขาไม่เชื่อ เลยจำเป็นต้องอ้างอิงหลักฐาน
แต่หากไม่เชื่ออาตมาจะตกต่ำ เพราะอาตมาเป็นสัตบุรุษ อาตมาพูดซื่อ จิตวิญญาณไม่มีมังกุ ขรุขระ แต่กล่าวความจริงตรงๆเปรี้ยงๆไม่ลดเลี้ยงไม่อ้อม มันเสียเวลาหากอ้อม อาตมาไม่ได้ปดไม่ได้พูดประเหลาะหรือเล่นหัว ส่วนมากอาตมาพูดไปมีแต่ส่ิงจริง สั้นๆลัดๆไม่ได้เหลาะแหละแต่อาตมาพูดสนุกนะ ความจริง มีความสนุกสนาน humor ผสมอยู่เสมอ เพราะจิตวิญญาณคนเราไม่จำเป็นต้องเศร้า โศก ปริเทว ทุกข โทมนัส อุปายาสะ
คนไหนปล่อยจิตให้ตก โศก ปริเทว ทุกข โทมนัส อุปายาสะ คนนั้นมันโง่เต็มๆ ใจของเราทำให้ตกใน โศก ปริเทว ทุกข โทมนัส อุปายาสะ คุณก็เป็นทาสความโง่ ทาสสิ่งที่ไม่สุขสบายเลย แม้คุณจะห้อมล้อมอยู่กับส่ิงที่ยากเหน็ดเหนื่อยก็สดชื่นสุขสำราญ จะไปห่อเหี่ยวทำไม พพจ.ว่าอย่าเอาทุกข์มาทับถม ทุกข์ที่เรามีมันเลี่ยงไม่ได้ก็มีอยู่แล้ว แล้วจะหาทุกข์ที่เป็นทุกข์ทางใจสะสมไปอีก ทัน tripple โง่เลย พยายามฟังให้เข้าใจดีๆ มันอยู่ที่เราทำใจในใจของเรา แม้ว่ากิเลสมันไม่ออกหมด มันมีเชื้ออยู่แต่เราทำใจของเราเบิกบานได้แล้ว ทั้งที่เหนื่อยมากเจอวิบากหนักแต่ก็ทำใจยิ้มสู้แล้วก็แก้ไขให้หลุดพ้นไปได้ แต่ทั้งที่มีวิบากอยู่แล้วก็ทำใจเศร้าเข้าไปอีกยิ่งโง่ พูดกันง่ายๆภาษาง่ายๆแต่ทำไมทำกันยากจัง
ชีวิตของคนเราก็ศึกษาความจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงแล้วเอามาเปิดเผยอาตมาพูดความจริงจนหมดเปิดเผยความจริงต่างๆนานา โดยไม่มีความเท็จไม่มีการหลอกลวง ที่พูดไปบอกไปทุกๆอย่างอาตมาพูดความจริงหมด เป็นคนมากอบกู้ศาสนาก็ดีเป็น สยังอภิญญาก็ดี เป็นอรหันต์เป็นโพธิสัตว์ต่างๆนานาเป็นความจริงทั้งหมด แล้วก็มาพาทำ จนกระทั่ง ตั้งวิธีการ จัดวิธีการมีองค์ประกอบ เช่นพิธี โพชฌังคาริยาสัจจายุ เพื่อจะให้มาศึกษาธรรมะแทนที่จะเอาเวลาไปช้อปปิ้งไปเมา มาทำแบบนี้ที่เป็นสาระดีกว่า ตั้งมาแล้วก็ได้ ได้น้อยได้มากก็เอา แค่ไหนก็เอา กี่คนก็เอา อาตมาว่าอาตมาเต็มที่ลงทุนเต็มที่ แล้วทำสิ่งนี้เต็มที่ในชีวิต ไม่ไปลงทุนอย่างอื่น ลงทุนไปหาเงินทองลาภยศสรรเสริญโลกีย์ไม่เอาแล้วมาลงทุนทางนี้เต็มที่ชีวิตมี 1 นาทีมี 2 นาทีมีชั่วโมงมี 5 ชั่วโมง 4 ชั่วโมง ถ้าหากอาตมาไม่ได้มาพูดกับทุกๆคน อาตมาก็อยู่กับธรรมะต่างๆ ตรวจสอบค้นคว้า เตรียมอะไรต่างๆนานาไว้แล้วก็พยายามรู้โลกเขาด้วย โลกวิทู เพื่อจะเป็นองค์ประกอบไม่ตกยุค
ศาสนาพระพุทธเจ้าเป็นศาสนาทันสมัยใหม่เสมอ เพราะฉะนั้นไม่มีเก่า แม้ว่าเก่าก็เก่าสมัย ศาสนาพระพุทธเจ้าจะเก่าอย่างไรก็เก่าสมัยทันสมัยเสมอไม่มีเก่า อาตมาถึงตั้งศัพท์ว่า เก่าสมัย ใหม่เสมอ ไม่มีเก่าเลย จริงๆนะไม่ได้พูดเล่น ธรรมะพระพุทธเจ้า
แม้ทุกวันนี้ก็ตาม ศาสตร์ ที่คนทุกคนในโลกควรจะเอาให้ได้ให้แก่คนสังคมโลกควรจะได้อย่างนี้ ได้อันนี้แล้วก็เป็นชีวิตที่มีความไม่เป็นภัยต่อโลก ไม่เป็นทุกข์ต่อตนต่อท่านไม่เป็นโทษ จะเป็นชีวิตที่อยู่อย่างสบายอย่างสงบ เป็นคนจน
อย่างในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัสความจริงให้บริหารประเทศแบบคนจน อย่าไปบริหารประเทศแบบคนรวย การจะต้องให้คนไปรวยๆๆ พูดไปก็เป็นไปไม่ได้ เรามารวยกันมากๆคนอื่นก็ต้องจนใช่ไหม เราเก่งกาจแย่งชิงเอาเปรียบรับได้เราก็ต้องรวยแล้วคนอื่นก็จนทำไมเราใจดำอย่างนี้มันต้องจนพอกันที เราต้องมาจนนี่แหละแล้วเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นมีความสุขไม่ลำบากลำบนมีกินมีใช้ มีสิ่งที่รองรับชีวิตสุขสบายอุดมสมบูรณ์
อย่างชาวอโศกทุกวันนี้ลงตัวแล้ว เศรษฐกิจก็ลงตัว การเมืองก็ลงตัว ไม่ได้เป็นภาระของผู้บริหารประเทศเลยชาวอโศก ขอยืนยัน อย่าไปเป็นอย่างธนาธรไม่เป็นอย่างปิยบุตรไม่ได้ไปเป็นอย่างทักษิณ หรือคนอื่นที่เขาแย่งชิงกันจะเป็น มีแต่สนับสนุนใครจะไปเป็นก็เป็นเลย ไปเป็นเสียให้เข็ด อยากไปเป็นรัฐมนตรีอยากไปเป็นนายก อยากจะเป็นเศรษฐีอยากจะเป็นคนรวยจะเป็นอะไรเชิญเป็นให้เข็ดเลย เราเป็นราษฎรเต็มขั้นนี่แหละ เป็นคนขยันหมั่นเพียรสร้างสรรแล้วรู้จักว่าควรจะสร้างสรรอะไรนี่คือคนมีเศรษฐกิจ อะไรที่มีความขาดพร่องในสังคมก็สร้างขึ้นมาให้คนใช้อาศัยใช้สอย เราก็สร้างให้มากให้เหลือเฟือแล้วเอาไปแจกจ่าย
ไปหลงงมงาย เอาแรงงานทุนรอนสร้างอาวุธ อาวุธสร้างมาทำไมเอ่ย สร้างมาฆ่าคน ไม่ใช่เอามาไว้เพื่อโชว์ความเก่งเฉยๆหรือ สร้างไว้ฆ่าคนหรือ แล้วสร้างมาทำไม? ถ้าโลกนี้ไม่มีอาวุธเลยนี่แล้วก็ทำให้สังคมนั้น ไม่มีอาวุธเลยสงบช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นได้มันเจริญก่อสร้างอาวุธแล้วให้คนอื่นอย่าหือ สงบ กับไม่ต้องมีอาวุธเลยต่างคนมีปัญญาก็คงช่วยเหลือกันมีแต่คนเสียสละสังคมไหนเจริญ ไม่เชื่อไปถามอเมริกา เขาไม่ได้มาคิดอย่างนี้พูดอย่างนี้ทำอย่างนี้ที่บอกว่าเป็นประเทศเจริญของโลก อเมริกาก็ดี รัสเซียก็ดี แม้แต่ทางตะวันออกกลางก็จะซ่องสุม แม้แต่นายคิมจองอึน เขาก็จะอยู่ด้วยความคิดที่ว่า แทนที่จะมาสร้างคนให้มีคุณธรรมความดีขยันหมั่นเพียรสร้างสรรอุดมสมบูรณ์ให้ดี เกื้อกูล
จริงๆ แม้แต่เกาหลีเหนือ ถ้าหากเอาคุณธรรมของไปสร้าง เลิกสร้างอาวุธ สร้างความเป็นอยู่ของตัวเองนี่เขาอดอยากกันก็ไปสร้างอาวุธอีก ทำกสิกรรมไร้สารพิษก็ทำไม่เป็นมันเป็นอย่างนี้สิ มันศึกษาไม่ได้หรืออย่างไร คือมันไม่เข้าใจ แล้วชีวิตของคุณตั้งอยู่กับอะไร ตั้งอยู่กับกองอาวุธนี่หรือเป็นความเลิศประเสริฐศรี ชีวิตตั้งอยู่กับสิ่งที่ต้องอาศัยใช้สอยสิ่งที่เป็นอุปโภคบริโภคให้มีชีวิตอยู่อย่างดีแล้วเหลือเฟือเกื้อกูลแจกจ่าย ถ้าประเทศไทยไม่ต้องไปวุ่นวายอยู่กับอาวุธยุทธภัณฑ์อะไรเลย แต่สร้างเครื่องกินเครื่องใช้ของกินของใช้ให้มากให้เหลือ เอาไปให้คนกินคนใช้เอาไปแจกจ่ายไม่ไปค้าขายแบบทุนนิยมขูดรีดเอาเปรียบเอารัดไม่เลย ค้าขายแบบบุญนิยมเลย
ถ้าหากรัฐบาลเข้าใจอย่างที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัส แบบที่ชาวอโศกทำให้เกิดเป็นคนมีสาราณียธรรม 6 พุทธพจน์ 7 วรรณะ 9 เหมือนอย่างชาวอโศกทุกวันนี้ไม่ต้องสะสมอะไรให้ร่ำรวยเพิ่มขึ้น เราพอมีแล้ว อยู่อย่างสุขสำราญเบิกบานใจมีแต่พยายามที่จะ สัลเลขะ ขัดเกลาให้น้อยกว่านี้ลงไปอีกได้ อัปปิจฉะลงไปอีกได้ แต่ไม่ถึงกับทำให้สุขภาพร่างกายเสื่อมลง
อาตมาภูมิใจในชีวิตที่เกิดมาแล้วมีคุณค่าประโยชน์ไม่ไร้สาระ เป็นสาระของมนุษย์และเป็นสาระของสังคม พูดย้ำอีกว่า สังคมต้องการความเป็นมนุษย์ความเป็นสังคมแบบนี้เป็นประโยชน์คุณค่าต่อสังคมอื่น แล้วเราก็พอกินพอใช้เหลือเฟือ
หลักที่อาตมาพยายามบอกแล้วพูดแล้วพวกเราทำได้คือ 1 ไม่เป็นหนี้ 2 สร้างกินใช้ให้พอตัว คุ้มตนเลี้ยงตนได้ 3 สร้างให้มากให้เกิดให้เหลือเฟือ 4 เผื่อแผ่เกื้อกูลผู้อื่นแจกผู้อื่น นี่คือคนเจริญ นี่คือเงื่อนไขนิยามของความเป็นคนเจริญคือ
-
ไม่เป็นหนี้
-
มีความรู้ขยันสร้างสรรเครื่องอุปโภคบริโภคพอกินพอใช้
-
สร้างให้เหลือเฟือเกินกินเกินใช้ในสิ่งอุปโภคบริโภคนี่แหละ ไม่ต้องเอาเวลาไปสร้างอาวุธสร้างสิ่งมอมเมา จนสารพัดมากเกินแล้วเดี๋ยวนี้
-
ไล่แจก