620526_วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ขณะนี้เมืองไทยมีประชาธิปไตยสูงที่สุดในโลก
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1OPs6yXUSEl0RRhfcnsVRQS0JOkERblZ4xbAeOA2rEJ4/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ .. https://drive.google.com/open?id=1oSkfeAjz3RrdKU4O-qMTq8gNcUrIddUY
สมณะฟ้าไท…วันนี้วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก ได้เกริ่นกล่าวถึงรูปหนึ่งในสมัยพุทธกาลที่มีชื่อที่แปลว่าเหี้ย เพราะมีอดีตกรรมที่เป็นวิบากทำให้เหมือนมีเงาผู้หญิงเดินตามอยู่เสมอๆ ทั้งที่ไม่มีจริง
พ่อครูว่า…ไม่ว่าจะเป็นบัญญัติกับสภาวะ บัญญัติคือชื่อพยัญชนะต่างๆ เมื่อเป็นคนที่อยู่ในวงจรวิบากครบ กลุ่มนี้เขาถือกันเป็นหลักการสมมุติแล้วว่าอย่างนี้คืออย่างนี้ๆ เป็นที่รู้กันแล้ว พอมีบารมีหรือมีวิบากจะเรียกว่าสันดานถ้าเป็นทางที่ไม่ดี มีครบแล้วมันจะลงตัวเลขก็ตามลงชื่อก็ตามลักษณะจริงพฤติกรรมจริงของคนนั้นก็ตาม ตรงกันหมดเลย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นอจินไตยอย่างหนึ่ง ความลงตัวของพระพุทธเจ้าที่จะต้องประสูติตรัสรู้ปรินิพพานวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 จะต้องชื่อนั้นในยุคนั้น มันจะลงตัว พอถึงขีดที่ได้สัดส่วนจริงๆแล้วก็ลงตัวชัดจริงๆ
อาตมาเกิด 5 มิถุนายนในหลวงเกิด 5 ธันวาคม ซึ่งคนละครึ่งปีเลย แล้วแถม มีคนชื่อจำลองมาเกิด 5 กรกฎาคมอีก สิ่งเหล่านี้อาตมาไม่สงสัยและชัดเจน
สมณะฟ้าไท.. ผู้เป็นปัญญาธิกะจึงตรัสรู้ได้เร็ว ผู้เป็นศรัทธาธิกะจึงตรัสรู้ได้ช้ากว่าครึ่งหนึ่ง จะชัดเจนว่าเราทำอะไรต้องมีองค์ประกอบความรู้ให้มีความชัดเจนสูงที่สุด รู้ว่าคนนี้ชื่อนี้จะมาทำอะไร ซึ่งจะมาเองตามบารมี เราเป็นสาวกผู้ตามก็ไม่รู้รอบเท่าท่าน ก็เดินตามที่ท่าน บอกจึงจะบรรลุได้เร็ว
พ่อครูว่า…พาดพิงถึงเหตุการณ์ปัจจุบันพฤติกรรมสังคมตอนนี้เรื่องการเมืองเห็นแล้วน่าสนุก แต่เขาคงทุกข์กันน่าดู มันก็เป็นความไม่รู้ ความมีตัวตนความอยากได้ของตัวบุคคลต้องการอย่างนั้นอย่างนี้ อาตมาก็พูดซ้ำซากวนเวียนไปมาในเรื่องของคนไทยเมืองไทยพฤติกรรมสังคมของคนในด้านเศรษฐกิจสังคม ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่มันลงตัวมันดี พูดแล้วเหมือนคุยโม้คุยต่อหลงตัวอวดอ้างเหมือนหลงตัวเอง
เช่นบอกว่าเมืองไทยเป็นเมืองเป็นเมืองที่มีประชาธิปไตยดีที่สุดสูงที่สุดในโลก เขาก็บอกว่าต้องอเมริกาสิ ความเป็นประชาธิปไตย อาตมายืนยันว่าพฤติกรรมความเป็นประชาธิปไตยพระพุทธเจ้าได้ประพฤติตั้งแต่ในยุคของท่าน ท่านเป็นตัวประชาธิปไตยยอดเยี่ยมที่สุด ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงความเป็นประชาธิปไตยที่ดีที่สุดอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านมีความรู้และพาให้ประพฤติ ประชาธิปไตยที่ท่านสรุปไว้ 3 ประโยคคือ
พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) ยิ่งใหญ่ที่สุด
-
พหุชนหิตายะ ผู้ที่สร้างประโยชน์ให้แก่มวลมนุษยชาติได้มากนี่คือคุณสมบัติผู้มีที่มีประชาธิปไตย แล้วต้องรู้ว่าอะไรคือโทษอะไรคือประโยชน์ จึงได้สร้างแต่ประโยชน์ให้แก่มวลมนุษยชาติได้มาก แม้แต่คนชั่วเขาก็ได้รับประโยชน์ด้วยแต่เขาไม่รู้ตัว
-
พหุชนสุขายะ ขอยืมคำว่าสุขมาใช้เป็นสุขที่ไม่เดือดร้อนวุ่นวายเป็นสุขที่สงบ อยู่กันอย่างก็อะลุ่มอล่วย สดชื่นเบิกบานดีไม่เหี่ยวแห้ง ไม่โศกปริเทวทุกขโทมนัสอุปายาสะ
-
รับใช้โลก โลกานุกัมปายะ อนุเคราะห์ช่วยเหลือโลกรับใช้โลก อุ้มชูโลกบริการโลกถึงขั้นไปบริหารบริบาลโลก คือการกระทำกรรมของคนนี้ ช่วยเหลือโลกเป็นประโยชน์ต่อโลก
นี่คือนิยาม 3 ข้อใหญ่ของความเป็นประชาธิปไตย เหตุปัจจัยที่จะเป็นเช่นนี้ได้ก็จะต้องมีคนคนนั้นที่เป็นเจ้าแห่งประชาธิปไตยมีความรู้ในประชาธิปไตย ก็จะต้อง 1. เป็นคนที่ไม่มีตัวตน ไม่เห็นแก่ตัวแก่ตน 2. เป็นผู้ที่เสียสละสมบูรณ์แบบโดยไม่ต้องการอะไรตอบแทน
-
มีปัญญามีความรู้รอบทุกอย่างจัดสรรได้ตามสัปปุริสธรรม 7 มหาปเทส 4 ประมาณให้ได้สัดส่วนทุกปริเฉท ทุกกาละ สัดส่วน เป็นพฤติกรรมที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ
มนุษย์ที่มีความรู้ความสามารถทำได้ และประพฤติได้ตามที่รู้ที่สามารถจึงจะเกิดพฤติกรรมจริงของมนุษย์ เมื่อมนุษย์ได้มีพฤติกรรมอันนี้หลายคนรวมตัวกันเป็นหมู่กลุ่มสังคม ที่ประพฤติได้อย่างนี้ ความประพฤตินี้เรียกว่าประชาธิปไตย
พลังอำนาจอธิปไตยของโลกเป็นแบบนี้แล้วก็มีความเข้าใจตาม รู้ว่าพลังและอำนาจในตัวเราเองเป็นอย่างไรแค่ไหน
-
รู้ความเหมาะสมดีที่สุดเรียกว่าธรรมะ ในโลกาธิปไตย อัตตาธิปไตย ธรรมาธิปไตย
คำว่าธรรมะเป็นคำที่รวมไว้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ถูกต้องตามกาละที่ไม่เที่ยงทุกวินาทีไม่มีอะไรเที่ยงมีอะไรเกิดในปัจจุบันนั้น ปัจจุบันชาตินั้นเรียกว่า status quo
ปัจจุบันคือสิ่งที่แท้จริงเล็กน้อยที่สุด เลื่อนออกไปจากนั้นก็เคลื่อนแล้วมีอะไรออกไปจากนั้นก็ไม่มีปัจจุบันแล้ว ผู้ที่รู้ก็จะรู้รายละเอียดแล้วจัดสรรให้ได้เหมาะสมควร
ผู้ที่ไม่มีตัวตนมีแต่ความเสียสละ มีปัญญา ไม่มีความลำเอียง เป็นผู้รับใช้มวลชนช่วยเหลือมวลชนในงานชั้นสูง ที่คนรู้ไม่ได้ด้วยง่ายๆทำด้วยไม่ได้ง่ายๆจึงต้องทำหน้าที่ เป็นงานชั้นสูง เป็นงานยาก เป็นงานที่ลึกซึ้ง คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น) (พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 34)
ความจริงที่เป็นจริงไม่ใช่แค่เหตุผลตรรกะ แต่ทำได้จริงด้วยตามพยัญชนะที่ผู้รู้อย่างพระพุทธเจ้าได้ตรัสขึ้นมาลงตัว เพราะฉะนั้นถ้าไม่ลงตัวก็เรียกว่า ตรรกะ พวกเราไม่ได้มีแต่พฤติกรรมแบบตรรกะแต่มีพฤติกรรมแบบสัจจะ ประพฤติประชาธิปไตยได้ ชาวอโศกเป็นผู้ที่ประพฤติประชาธิปไตยดีที่สุดในโลก พูดไปแล้วเหมือนน่าหมั่นไส้จริงๆ เป็นประชาธิปไตยที่อยู่ถึงขั้นปกครองโดยไม่ต้องปกครอง ประชาชนทุกคนรู้หน้าที่ไม่ต้องจ้าง เพราะฉะนั้นในสังคมชาวอโศกไม่จ้าง ทุกคนมาทำฟรีสมัครใจมาเองมีอิสระเสรีภาพ ไม่สมัครใจ ไป ไม่ได้ไล่แต่บอกความจริงพูดภาษาไทย
มีพวกคุณมาให้อาตมาทำงานให้ ขยายสัจธรรม ซึ่งเป็นสิ่งสูงสุดเป็นสิ่งที่มนุษยชาติเกิดมาแล้วต้องมามีอันนี้มีความรู้อันนี้ ได้อย่างนี้เป็นอย่างนี้ให้สูงสุด และสิ่งที่เราได้จะไปไหน เข้ามาทำให้ประโยชน์แก่ทุกคน พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก)วนอยู่อย่างนี้
นักรัฐศาสตร์ฟังแล้วก็อาจจะงง อาตมาบอกว่าขาวอโศกจบเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลก เพราะทุกคนที่เป็นสมาชิกในนี้เสียภาษีร้อยเปอร์เซ็นต์ และไม่มาจู้จี้จุกจิกกับที่ให้ไปแล้วเป็นการทำงานอย่างไม่ต้องการอะไรแลกเปลี่ยน พ้นลาเภนลาภังนิชิคิงสนตา คนที่พ้นมิจฉาชีพข้อที่ 5 แล้วก็อยู่กันอย่างจริงใจจริงจัง อยู่กับหมู่กลุ่มมีทฤษฎีมีพฤติกรรมภาคปฏิบัติประพฤติอยู่ได้อย่างสบาย คนที่อยู่ในสังคมนี้มีพฤติกรรมสังคมมีการปฏิบัติบริหารบริบาล ต่อกันและกันอยู่อย่าง สบาย อยู่อย่างนี้เลี้ยงกันไปอย่างคนมี
วรรณะ 9 เลี้ยงง่าย (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ9 ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)
ใครที่มาอยู่ในสังคมอโศกจะรู้สึกสบายจนอุดมสมบูรณ์บางทีรู้สึกว่าจะเฟ้อเกินไปด้วย แม้จะไม่ต้องมีกระดาษชำระหนี้ได้ตามกฏหมาย เราก็ถือว่าเป็นกระดาษชำระ ของเราไม่จำเป็นไม่ต้องไปสร้างหนี้อะไร ไม่รู้จะไปหากระดาษชำระหนี้ได้ตามกฎหมายไปทำไม เป็นกระดาษชำระจริงๆ กระดาษชำระ – หนี้ได้ตามกฎหมาย แต่เขาจะต้องไปหลงฆ่ากันอาศัยมันมากแต่พวกเราไม่ต้องอาศัยมันมากก็ไม่ต้องไปดิ้นรนหากระดาษชำระมาทำไม คุณสะอาดแล้วไม่ต้องชำระแต่คุณยังไม่สะอาดอยู่คุณก็ต้องเดี๋ยวก็ชำระเดี๋ยวก็ชำระ เหนื่อยชิบหายเลย อักเสบด้วย ดีไม่ดีเป็นริดสีดวงเอา จริงไหม
เพราะฉะนั้นคนที่ถึงที่สุดของความเป็นสัจจะดีแล้วหากยังมีมิจฉาชีพ 5 ข้อนี้อยู่
-
การโกง ทุจริต คอร์รัปชั่น (กุหนา) มีในงานการเมือง .
-
การล่อลวง หลอกลวง (ลปนา) ในนักธุรกิจ-การเมือง .
-
การตลบตะแลง (เนมิตตกตา) ยังเสี่ยง-ยังไม่แน่แท้
-
การเอาลาภแลกลาภ (ลาเภนะ ลาภัง นิชิคิงสนตา)
(พตปฎ. เล่ม 14 ข้อ 275 มหาจัตตารีสกสูตร)
ข้อที่ 1 กุหนา คือคนที่ทำอยู่ทั่วไปเลย ขี้โกง เอาเปรียบ ทุจริต อย่างดื้อซื่อๆ ผิดกฎหมายก็ทำเรื่องกฎหมายก็ทำหรือมีอำนาจจะทำผิดกฎหมายแล้วจะทำไม ตัวอย่างนี้ไม่เห็นคนทำได้มากเท่า ทักษิณ ชินวัตร โกงน่าดูเลย ทั้งผัวเมียก็โกงพาลูกเต้าเหล่าหลานโกงพี่น้องพากันโกง เขาจึงเรียกว่าโกงทั้งโคตร ถูกต้องแล้วเขาไม่ได้ใส่ความ อาตมาพูดอย่างเป็นสัดจะ ไม่ได้เกลียดชังเขา ทำตัวอย่างจริงแน่นอนเอามาอธิบายยืนยันให้เป็นประโยชน์ในการที่จะใช้เป็น specimen เป็นตัวอย่างประกอบในการยืนยัน ก็ขอบคุณแล้วนะทักษิณ ชินวัตร โกงอย่างโคตรโกงจริงๆ จนคิดดูสิเดี๋ยวนี้ตนเองก็อยู่ในประเทศไม่ได้ พี่น้องบางคนก็อยู่ในประเทศไม่ได้ลูกเต้าเหล่าหลาน มีประเทศไทยใจดีรับไว้อยู่ ถ้าเอาจริงๆแล้วอยู่ไม่ได้แม้แต่ลูกๆก็อยู่ไม่ได้ เขายังมีผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่ ใช้การฟอกเงินต่างๆนานาทั้งนั้นเลย ตอนนี้โอ๊คก็กำลังเจอคดีฟอกเงิน ไล่ไปสุดท้ายก็ผิดจะอยู่ก็ต้องเข้าคุกถ้าไม่คุกก็ต้องหนีไปเหมือนกับพ่อกับอา ตั้งหลายอาแล้วตอนนี้ออกไป
นี่คืออาชีพที่เร็วที่สุดโกงทุจริตคอรัปชั่นแล้วมีอำนาจที่จะโกงด้วย พาน้องมาโกงจนกระทั่งชิบหายไปไม่รู้กี่แสนล้านอย่างนี้เป็นต้น เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดเจนที่สุดเลย ในพฤติกรรมของมิจฉาชีพที่มีตัวอย่าง ไม่อยากให้เกิดในเมืองไทยแต่ก็มีทำ
-
การหลอกลวงล่อลวง ลปนา มันเบาลงมาจากข้อแรก กายกรรมไม่หยาบเท่าไหร่ก็มีวจีกรรมมโนกรรม เป็นการล่อลวงหลอกลวงทุจริต เป็นอาชีพที่เลวร้ายขั้นที่ 2 ขั้นนี้ละเอียดมากเลยเพราะมันไม่หยาบ ซับซ้อน ประจบประแจงในการล่อลวง ไม่ว่าจะเป็นเชิงของการได้เปรียบเอาเปรียบ หรือในบางเชิงซับซ้อนอย่างไรก็แล้วแต่ ล่อลวง ด้วยวิธีการต่างๆเช่นการเล่นหุ้น ไม่ต้องพูดถึงการเล่นหุ้นเล่นหวย พวกนี้หลอกลวงซับซ้อนละเอียดเป็นกลวิธีที่ซับซ้อน ซึ่งรู้หรือยากกว่าข้อที่ 1 เป็นสิ่งที่ปิดบังอำพรางเลี่ยงแต่ก็เป็นความหยาบ
-
เนมิตกตา เป็นการสร้างความหลอกที่ทำให้คนเขารู้ไม่ทัน มันละเอียดเร็วไวกว่าข้อที่ 2 ยิ่งเร็วไวคนเขาก็ตามเราไม่ทันยิ่งกว่านักมายากล จับไม่ได้เลยตลบตะแลงล่อหลอก อันนี้ที่มีความซับซ้อนเลอะเทอะมากมันต้องใช้ความรู้ความสามารถที่สูงกว่า (สู่แดนธรรมถามว่า ขายประกันเข้าข่ายนี้หรือไม่) ใช่หมด ขายประกันเล่นหุ้น เห็นโฆษณาในทีวีโทรทัศน์ไม่รู้กี่ราย
ในสังคมมีคนโง่มากกว่าคนฉลาด คนฉลาดรู้ทันไม่หลงลม คนโง่ก็จะตกเป็นเหยื่อที่เขาออกโฆษณาอย่างซ้ำซ้อน เป็นวิธีคิดที่หาวิธีหลอกคนอย่างตลบตะแลง
-
นิปเปสกิตา คือ ไม่มอบตนในทางที่ผิด แม้ว่าตนเองเป็นคนดีแล้วยังไปรับใช้คนเลว ชาวอโศกมีอยู่ไม่ใช่น้อยที่เป็นอย่างนี้ แม้ว่าตนเองจะเสียสละไม่เอาเปรียบแต่ยังยอมให้เขาเอาเปรียบ เราก็คือไปรับใช้เขา คนโลกีย์ก็ยิ่งชอบใจที่ได้หลอกเขาอีก
พ่อครูพักดื่มน้ำ
สมณะฟ้าไทว่า…ประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่ดีที่สุดในโลกและ ประชาธิปไตยของพุทธเจ้ามีอยู่ 3 ประเด็นใหญ่ พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) ชาวอโศกมีแล้ว ก็มีประชาธิปไตยที่ยิ่งใหญ่ พ่อครูนำของพระพุทธเจ้ามาให้พวกเรา ใช้พวกเราก็ทำได้ พ่อครูอธิบายมิจฉาอาชีวะทั้ง 5
พ่อครูว่า…คนเขาพยายามสร้างฐานะตัวเองให้คนคิดว่าตัวเองเป็นคนดี คนโง่ก็เลยตกเป็นเหยื่อของคนพวกนี้
สมณะฟ้าไทว่า…คนทำผิดแต่คนก็ตบมือให้
พ่อครูว่า…อาตมาพูดมิจฉาชีพมาได้ 4 ข้อ ข้อที่ 1.โกงหน้าด้านข้อที่ 2. หลอกลวงข้อที่ 3. มีซ่อนแฝง ข้อที่ 4 นี้บริสุทธิ์ได้แล้วไม่ตลบตะแลง ตรงแต่ตนเองยังไปมอบตนในทางผิดไปรับใช้ผู้ที่ผิดและรับใช้คนชั่ว จะเป็นความหยาบกลางละเอียดอย่างไรก็แล้วแต่ รับใช้หยาบก็มากหน่อย รับใช้เล็กน้อยก็ละเอียด ข้อนี้คนหมดความชั่วได้ 3 ข้อแล้ว แต่เราไม่มาอยู่กับหมู่กลุ่มหรือมาร่วมงานกับคนที่ดีที่ประเสริฐแล้ว เราต้องทำงานส่วนตัว อาชีพขั้นที่ 4 นี้ ไม่ไปรับใช้คนผิด หรือไม่มาอยู่กับคนถูกคนดีก็ต้องการทำส่วนตัว
ข้อที่ 5 ฉลาดสุดอยู่กับคนดีคนประเสริฐ รับใช้คนดีเสียสละให้แก่คนดีสูงสุดเลย คืออยู่กับคนดีอย่างไม่คิดค่าตัว ไม่รับสิ่งตอบ แทนลาเภนะ ลาภัง นิชิคิงสนตา เป็นอาชีพที่สูงสุดในยุคพระพุทธเจ้า ซึ่งฆราวาสธรรมไม่ได้ในสมัยพระพุทธเจ้า แต่ในยุคนี้คือพวกที่เป็นทาสทุกคนขี้โกงเอาเปรียบที่นายทาสใช้ทาส จริงๆแล้วทาสในยุคนั้นคือผู้ที่เป็นผู้ที่ ลาเภนะ ลาภัง นิชิคิงสนตา ในยุคทาสเป็นผู้ที่ไม่เอาอะไรเลยกลับมาเป็นผู้ที่ยอมให้เขาใช้งาน ดีไม่ดีเขาจะฆ่าเลยก็ยังได้
ในยุคนี้ไม่ใช่ยุคของสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ปลดแอกจากศักดินากันทั่วโลกแล้วทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ เข้าใจสิทธิทุกอย่างแล้ว ในยุคนี้ฆราวาสจึงสามารถทำงานฟรีได้ เอาสาธารณโภคีมาทำขึ้นมาในมนุษย์ได้ มีประเทศไทยแห่งเดียวที่เป็นกิจจะลักษณะ มีเศรษฐกิจเศรษฐศาสตร์สาธารณโภคีคือชาวอโศกเป็นชุมชนกระจายอยู่ในประเทศไทย ก็มีราชธานีอโศก ศีรษะอโศก หรือที่อื่นๆเป็นหลักเขาจะมาทำวิจัยก็ได้ มีหลักวิชามีของจริงให้ เป็นการยืนยันพิสูจน์คำสอนพระพุทธเจ้าผ่านมา 2,500 กว่าปีแล้วเอามาปฏิบัติมนุษย์ปฏิบัติได้จริงไหม แค่ที่เขาคิด ว่าจะมีสังคมอุดมการณ์ THOMAS More สร้างภาพวาดภาพเป็นสังคมยูโทเปียเป็นสังคมที่มีส่วนกลาง ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่น อันนี้ไม่ได้ลึกซึ้งเท่าพระพุทธเจ้าเลยเพราะเขายังเป็นไม่ได้ เป็นแต่เพียงความฝันเป็นอุดมการณ์ในฝัน สำหรับยูโทเปียของ Thomas More
แต่ทุกวันนี้พวกเราชาวอโศกปฏิบัติได้สูงกว่าสวรรค์วิมานของยูโทเปียด้วย ทำงานฟรีอย่างมีอิสระเสรีภาพ ทำมาจะครึ่งศตวรรษแล้วได้จริงยืนยันจริง เหนียวแน่นเป็นปึกแผ่นแข็งแรงมั่นคงขึ้นจริง และนับวันจะมีแก่นแกนอย่างนี้แน่นขึ้น คนในโลกทุกวันนี้แสวงหาความจริงที่สูงส่งแบบที่เราเป็น เขาเริ่มเข้าใจขึ้นมา มนุษย์ทุกวันนี้ในโลกฉลาดขึ้นมากจะไม่ไปในทางทำลายแล้ว ของเรายังไม่แพร่กระจายเพราะว่า
1.อาจจะเข้าไม่ถึงเขาใจไม่ถึง
2.เขาไม่เชื่อ ว่าเป็นไปได้จริง
ต้องพิสูจน์ให้ไปนานกว่านี้ก่อน ถ้าของเราอายุยาวยืนไปถึงร้อยปีเมื่อไหร่ ถ้าหากอาตมาต่ออายุไปได้อีก 50 ปี อาตมาทำงานมาเกือบ 50 ปีแล้ว ถ้าหาก อยู่ไปถึง 50 ปีอีกก็จะเป็น 150 ปีแล้ว ถ้าหากทำงานไปอีกถึง 50 ปีรับรองจะดังทั่วโลก อยู่ต่อให้ได้ก็แล้วกัน
UNESCO คงจะมารองรับและฉลอง ตายไปแล้วเขาก็จะยกมาฉลอง แต่ถ้าทำดีไปได้ถึงร้อยปีไม่ฉลองให้มันรู้ไป ถ้าอาตมาอยู่ถึง 136 ปีจะได้รู้ว่าโลกมีความคิดกับอาตมาอย่างไรเขาจะยอมรับหรือไม่ (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
สมณะฟ้าไทว่า.. ถึงตอนนั้นอาตมาก็คงร้อยกว่าจะไหวไหม อายุ 111 ปี ก็ต้องทำปัจจุบันให้ดี 8 อ.ให้ดี
พ่อครูว่า..ปัจจุบันนี้ถ้าคนมีดวงตามีปัญญาจริงๆจะเข้าใจ ชัดเจน แต่เราไปบังคับความรู้กันไม่ได้ ความรู้คนไม่พอเขาก็ยังไม่เห็น แต่ไม่เห็นก็ไม่เป็นไรเราก็มั่นใจของเรา เราก็ทำของเราไปมันก็จะค่อยๆเป็นไป ความก้าวหน้าไปในทิศทางเจริญ ที่เรียกว่าศิวิไลซ์ แต่เขาไม่มีเราโลกุตระพวกเทวนิยม ไม่เหมือนสังคมอเทวนิยมอย่างชาวพุทธ ซึ่งเขาตีคำว่าเทวะหรือธรรมะ 2 ไม่แตก เขาแยกธรรมะ 2 แล้วมาจัดการให้เป็นหนึ่งไม่ได้
เทวะ 2 จะมีตัวดีกับไม่ดี เขาก็แยกไม่ออกเขาก็จำนนกับความดีกับไม่ดีตีไม่แตก มันก็ออกฤทธิ์ ตัวไม่ดีก็ออกฤทธิ์กับตัวเองตลอดเวลา แล้วอย่านึกว่าคนชั่วเขาไม่โฆษณาคนชั่วนะมันหาพวก ใครว่าความชั่วนี้ไม่หาพวกบ้าง ความชั่วหาพวกได้มากกว่าความดีด้วย เพราะมันยิ่งโฆษณาดิ้นรนทำมากกว่าความดีด้วย เพราะฉะนั้นมันต้องได้พวกอยู่แน่ โลกจึงมีคนโง่คนชั่วครองมวลใหญ่ มากกว่าคนฉลาดที่เหมือนยอดพีระมิด ฐานของคนต่ำคนชั่วนั้นจะต้องเยอะ ฐานคนดีมันก็จะต้องน้อย มันเป็นสัจจะไม่มีทางที่จะไปเปลี่ยนแปลงหรอก ตั้งแต่ในยุคพระพุทธเจ้า 2600 กว่าปี พระสารีบุตรมาเจอพระพุทธเจ้าแล้วก็ชวนอาจารย์สัญชัยเวลัฏฐบุตรให้ไปหาพระพุทธเจ้า สัญชัยเวลัฏฐบุตร ก็เลยบอกว่าจะอยู่กับคนโง่ที่มีจำนวนมากดีกว่าเขาก็หามุมออกอย่างเท่
อย่างเราชาวอโศกมีเป็นจำนวนน้อย เพราะคนจะมาเข้าใจมารู้มาเป็นจริงเอาชีวิตมาเป็นจริงเห็นจริงมันก็มีประมาณนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเท่านี้ มันคงจะมีวัน ตื้อสักวัน แต่อาตมาว่า เอาภาพสามเหลี่ยมนี้ มันจะเจริญขึ้นไปตามลำดับ
อาตมาก็ทำภาพให้ดู เพื่ออธิบายเป็นความรู้ ไม่ใช่ลอยลม หากอาตมาตายก่อนอายุ 151 ปีก็ต้องกลับมาเกิดใหม่ เพราะอาตมาไม่เชื่อว่าหากทำไปไม่ถึงยอดสามเหลี่ยมก็ไม่เชื่อว่าเนื้อของศาสนาพุทธจะยืนยันไปถึงอีกจนครบ 5000 ปี
ไม่ได้พูดเล่นนะชาตินี้อาตมาเปิดเผยตนเองว่า สยังอภิญญา เปิดเผยความจริงไปหมดแต่คนไม่มีภูมิปัญญาพอจะรู้ความจริงก็ไม่เชื่อ ที่ไม่เชื่อเพราะเขาเข้าใจไม่ได้ เขาเข้าใจความเป็นอรหันต์หรือผู้บรรลุสูงสุดความจริงของแต่ละคนจะมีกิเลสตัณหาของแต่ละตนเอง คนที่ติดยึดมามากก็ยากก็ต้องล้างมาก คนที่ไม่ติดยึดมามากก็ล้างง่ายๆ ตัวใครตัวใครก็มีวิบากของใครของมันแบ่งกันไม่ได้หรอก คุณทำมาก็มีคุณเอง คนที่ติดยึดมาน้อย ยิ่งมาพบศาสนาพุทธก็ยิ่งล้างออกง่าย ส่วนคนที่ติดมากก็ล้างออกได้ยาก ให้ทำไปตามลำดับอันน่าอัศจรรย์ตามศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติของพระพุทธเจ้า ผู้ที่สามารถยืนยันทำได้จริงมีคุณของโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ได้จริง คนถามว่าอาตมาทราบได้อย่างไรว่าตนเองเป็นอรหันต์ ก็เพราะว่าอาตมาทำได้จริงและอธิบายอย่างนี้ได้จริง อาตมาพูดสิ่งใดก็ทำสิ่งนั้นได้ อาตมาทำสิ่งใดได้ก็พูดสิ่งนั้นได้ ก็ต้องมาพิสูจน์ยืนยันว่าอาตมาทำได้จริงตามที่ยืนยันไหม แต่มันน่าสงสารตรงที่ว่าคุณไปมี Concept ไว้ว่าต้องเป็นอย่างนั้น ซึ่งมันไม่ใช่มันเป็นอรหันต์ เขาไปวาดภาพอรหันต์ผิดๆเป็นอรหันต์เก๊อรหันต์ปลอมอรหันต์เดาไปหมดแล้ว แล้วคุณก็ไปเชื่ออย่างนั้นไปยึดมั่นถือมั่นก็เลยมองอาตมาไม่ออกว่านี่แหละอรหันต์เป็นอย่างนี้ อรหันต์อะไรวะพูดเร็วพูดดัง แต่นี่มันเป็นของจริงทั้งนั้นไม่ต้องพูดอย่างไม่เต็มคำก็ไม่ได้ พูดอย่างขยักไว้ มันไม่จริง อันนี้แหละมันของจริงเลย ซึ่งเขาไปถูกล้างสมองมาแล้วไปมี concept ไม่มีความคิดรวบยอดอะไรที่มันผิดเพี้ยนไปแล้ว ไปยึดอันนั้นแล้ว พอของจริงมาประกาศก็จะไม่ตรงสเปคของเขาที่เขายึดถือไว้เพราะเขาหลงผิดแล้ว ต้องล้างทิ้งไปพวกนั้น ตั้งใจฟังใหม่
อาตมาก็ชี้จุดแบ่ง อาตมารู้จุดแยกระหว่างโลกียะกับโลกุตระ
โลกุตระนั้นคุณจะรู้ได้อย่างไร คุณต้องรู้จิตเจตสิกด้วย อาการ ลิงค นิมิต อุเทสของตน คุณต้องรู้อาการเจตสิกของตน โดยเฉพาะ เวทนา คือ ความรู้สึก ความรู้ที่มันเป็นความรู้สึกที่จิตมันเคลื่อนไหวเคลื่อนที่แล้ว ความรู้ก็คือความเข้าใจ พอรู้แล้วมันมีสภาวะเช่นนี้เรียกว่ารู้สึก
นั่นแหละ เป็นตัวชี้บ่ง พุทธเจ้าก็พยายามใช้พยัญชนะว่า เวทนา
ในความรู้สึกหรือความรู้ รู้ดีรู้ชั่วแล้วทำดีไม่ทำชั่ว นั่นยังเป็นโลกียะ แต่ของพระพุทธเจ้านั้นไม่ใช่แค่ความรู้สึก ไม่ใช่แค่ดีชั่ว แต่รู้สึกพ้นความสุขความทุกข์ ซึ่งมันเป็นคำปลอมทั้งคู่ เป็นเทวะ สุขกับทุกข์เป็นธรรมะ 2 แล้วไปยึดสุข ยึดทุกข์
2 ตัวคือสุขกับทุกข์เป็นเหมือนเหรียญสองด้านเป็นเทวดาตีไม่แตก คนไม่รู้ก็คือเทวนิยมที่ตีเหรียญเทวไม่ออก ตีจิตเจตสิกตัวเองไม่ออก แยกจิตเจตสิกตัวเองไม่ออก จำนนอยู่กับสุขกับทุกข์ แล้วไปหลงว่า เจ้าของความสุขเป็นพลังงานใหญ่ยิ่งในโลกในมหาจักรวาลเรียกว่าพระเจ้า เป็นเจ้าของความสุข จะให้ใครเป็นสุข คนนี้สิ่งนี้ อยู่ไหน? ไม่รู้ เอามายืนยันแสดงที่สุดให้สัมผัสตัวตนไม่ได้ ก็เลยคลุมเครืออยู่อย่างนี้ตลอดกาลนาน กลายเป็นเทวดานิรันดร เทวะก็ไม่รู้จัก เพราะตีเทวะไม่แตก ตีสภาพสองไม่แตก
สภาพ 2 มีอะไร สภาพ 2 มีเยอะมาก ทุกอย่างเป็นสภาพ 2 ทั้งนั้น เมื่อเกิดสภาพ 2 ก็จะเกิดอุปมาเป็นการเปรียบเทียบ ถ้าคุณไม่มีตัวที่เปรียบเทียบคุณจะตีไม่แตกอยู่อย่างนั้นตลอดกาล นัตถิอุปมา
แต่นัตถิอุปมา พระพุทธเจ้าที่มีวิชชาแล้วคือมันจบการเปรียบเทียบที่ได้มีมาหมดแล้วไม่ต้องเปรียบเทียบอีก เปรียบเทียบแล้วชัดเจนหมดทุกเหลี่ยมมุมทุกด้าน นั่นก็คือ นัตถิ ที่สมบูรณ์แบบก็เรียกว่า อัตถิ มันสมบูรณ์แบบครบถ้วนแล้วไม่ใช่นัตถิ ไม่ต้องเปรียบเทียบกับอะไรอีกเพราะมันเป็นหนึ่งเดียว ยอด 1 ไง อะไรก็เทียบไม่ได้แล้ว สูงสุดดีสุดประเสริฐสุด สุดๆ ว่างสุด
พ่อครูพักดื่มน้ำ
สมณะฟ้าไทว่า…พ่อครูอธิบายความเป็นพระอรหันต์ของท่าน แต่เขาก็ไม่เชื่อ คนนั้นก็ไม่ใช่อรหันต์แล้วก็บอกว่าอรหันต์ต้องเดาเอาเอง
ธรรมทำ ว่า..ผู้ที่จะเข้าใจธรรมะของพ่อท่านจะต้องสั่งสมมานานมากหลายร้อยชาติ
พ่อครูว่า…เปลี่ยนโหมดไปหาการเมืองบ้าง
การเมืองตอนนี้อาตมาเห็นว่าสนุก คือ จริงๆแล้วคลี่คลายไปในทางดี มันรู้สึกว่า ไม่ซีเรียสทีเดียว ขนาดเป็นสถาบันเป็นสภาแห่งชาติเลย ยังมีท่านชัย ชิดชอบ ไปแสดงฮิวเมอร์กลางสภาก็ช่วยได้ ถ้าไม่มีเชิงสนุกสนานแบบนั้น สงสัยตีกันแน่ คนก็เลยตัวเองซีเรียส แล้วก็มีคนมาทำให้ขำ จะขำไปตามมันก็เสียฟอร์ม แต่ใจมันมีตัวนั้นอยู่บ้างแล้ว มันก็เลยทำให้รู้สึกว่าลดความซีเรียส ที่จะเอาชนะคะคานทะเลาะวิวาทกัน เสร็จแล้วก็เก่งในโวหารด้วยนะ
อาตมาว่า น่าจะให้คุณชัย ชิดชอบ อยู่ต่อ ทำหน้าที่ต่อ เอาสเต็มเซลล์มาช่วย ไปทำหน้าที่ประธานสภาต่อ ถ้าเป็นคนชวนจะซีเรียสมาก ถ้าเป็นคุณชัยจะสนุก มันจะเก๋าดีมาก มันส่ออะไร คือในประเทศไทยมีตัวเลือกมีตัวที่เหมาะสมตัวที่ทำหน้าที่ ขนาดที่ทำหน้าที่เป็นหนึ่งในสถาบัน 3 หลักใหญ่ของประเทศคือประธานสภา ก็ดูเข้าที ทีเดียว สามารถจะกุมเกมขนาดมันรวนขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นตีกันแหงๆ คนรวนก็ฝีมือมาก ขนาดจะต้องออกไปก็ยังวาดลวดลายให้คนปรบมือตาม มันยิ่งกว่าหนังจีน หนังจีนต้องศึกษาให้ดี เมืองไทยเป็นตัวอย่างการเมือง คุณจะไปสร้างตัวอย่างหนังกี่เรื่อง โกวเล้งก็โกวเล้งเถอะ หรือไม่ก็กิมย้งก็เถอะ
มีตัวอย่างของไทยทั้งทางด้านการเมืองประชาธิปไตยจริง เมืองไทยเป็นประชาธิปไตยที่เข้าแก่นเข้าเนื้อ ประชาธิปไตยไม่ใช่มีเฉพาะเปลือกหรือบัญญัติ หรือมี Concept ประชาธิปไตยที่ผิดเพี้ยนอีก แก่นของประชาธิปไตยนอกจากจะใช้ภาษาว่า พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) แล้ว แจกรายละเอียดไปอีกได้ว่า
คนที่ทำงานประชาธิปไตยจะต้องเป็นคนที่ไม่มีตัวตนหรือเป็นคนที่มีตัวตนน้อยที่สุดให้ได้ ถ้าหากเอาพระอรหันต์เป็นนักประชาธิปไตยก็จะเป็นนักประชาธิปไตยที่สูงสุดเลย เพราะฉะนั้นในชาวอโศก มีผู้บริหาร เป็นอรหันต์เป็นอาริยบุคคลอยู่เยอะ แม้แต่สมาชิกหรือประชากรของชาวอโศกก็เป็นอรหันต์เป็นพระอาริยะด้วย มันจึงนำพาสังคมนี้ไป เป็นหมู่ชุมชนที่มีพฤติกรรมสังคมที่ เลี้ยงง่าย บำรุงง่าย มักน้อย ใจพอ ขัดเกลาตนเองไป ศีลเคร่งเจริญไป อาการกายกรรมวจีกรรมก็เจริญ ปาสาทิกะ เป็นคนไม่สะสมไปเรื่อยๆ สบาย ไม่ต้องสะสมมีส่วนกลางดูแลกันไป มีกรรมการจัดสรรดูแลกันไป เรามีหน้าที่วิริยารัมภะ ขยันหมั่นเพียรทำงานสร้างสรร กินอยู่ไปสบายอย่างไม่ต้องห่วงหาอาวรณ์
ไม่ห่วงหาอาวรณ์สบายๆ สังคมนี้สบายที่สุดแล้ว เพราะฉะนั้นคนที่มีฐานจิต ที่อยู่ในเกณฑ์ มาอยู่ที่นี่สบายนะ แต่คนที่อยู่ในเกณฑ์นี่ มันเป็นเกณฑ์ที่ แต่เกณฑ์ที่ตั้งเอาไว้ไม่หนัก แต่พฤติกรรมจริงของคนที่ปฏิบัติในนี้มันลึกซึ้งซับซ้อน
สังคมสาธารณโภคีเป็นสังคมที่คนต้องมีฐานอนาคามีเป็นต้นไปจึงมาอยู่ได้สบาย แต่คนที่ต่ำกว่านั้นจะอยู่ไม่ได้ จะอยู่เดี๋ยวก็ต้องออกเดี๋ยวก็ต้องออกแต่คนที่มีฐานะอนาคามีอยู่ก็ยังสบาย เหมือนอย่างดร.ร้อยขวัญพุทธ อยู่ไปสบายๆ
ร้อยขวัญพุทธ มีภูมิธรรมเลยอนาคามีนะ ขั้นไหนคุณก็ศึกษาเอาเองอาตมาไม่ต้องบอก มีภูมิธรรมเลย อนาคามี สบาย จนกระทั่งเสียชีวิตไปตามวิบากอายุขัย
คนของพวกเราที่ตายในที่นี้หลายผู้หลายคนจะเห็นได้ว่าเปรียบเทียบกับคนข้างนอกได้ จะเห็นชัดเจน ใช้ปัญญาตรวจสอบดูให้ดีๆ เป็นคนที่มีบารมี เป็นคนที่มีกุศล หรือบุญ ล้างกิเลสชำระกิเลสตัวเอง
ถ้าหากอาตมาไม่เกิดไม่มีใครมาขยายความคำว่า บุญ ได้ถูกต้องคืออะไร ไม่มีใครมาขยายคำว่า กาย ที่ถูกต้องคืออย่างไร ไม่มีใครมาขยายคำว่า สมาธิ ที่ถูกต้องจริงๆคืออะไร ไม่มีใครมาขยายคำว่า สัมมาทิฏฐิ 10 คืออะไร ไม่มี ขยายแล้วก็ฟังเข้าใจแล้วปฏิบัติตามได้ เช่น ขยายว่า ทาน นี้ทำอย่างไรจึงจะมีอานิสงส์ ทำอะไร ทำที่ใจ มนสิการ
มนสิการ ถ้าเผื่อว่าอาตมาไม่มาเกิดก็ไม่มีใครมาขยายความ มนสิการว่าคืออะไร แม้แต่คนมาแปลว่ามนสิการคือพิจารณา มันไม่ใช่ มนสิการคือทำใจ ไม่ใช่แค่ความรู้ เอามาทำเลย จัดการใจของเราได้จัดการใจของเราเป็น จัดการใจของเราอย่างแยกกิเลสเป็น ทำให้กิเลสลด หรือดับได้ นี่คือ มนสิการ
เพราะฉะนั้นทุกวันนี้ แม้แต่คำอธิบาย โยนิโสมนสิการ บอกว่าคือผู้ที่พิจารณาและได้ดีถ่องแท้ มันไม่ใช่ ถ่องแท้ก็ทำ ถ้าไม่ถ่องแท้จะไปแยกกิเลสได้อย่างไร แต่ต้องรู้จิตอย่างถ่องแท้แยกกิเลสได้ทำกิเลสลดลงไปได้ มีความรู้ในการทำลายกิเลสได้ ทำลายอย่างกดข่มก็อย่างหนึ่ง ทำลายอย่างสร้างพลังงานไฟให้แก่ตัวเองเรียกว่า ฌาน
เป็นพลังงานที่ไปล้างไฟราคะโทสะโมหะ อย่างนี้เป็นต้น ถ้าไม่ใช่อาตมาเป็นผู้ที่มาอธิบายจะไม่ชัดเจนอย่างนี้หรอก
เข้าโหมดการเมือง
ประชาธิปไตยไทยนี้แบบพุทธ
(1) รากไทยมีพุทธแท้ โลกุตระ
ก่อเกิดจิตอาริยะ ชาติเชื้อ
ศิวิไลซ์ใช่จริงจะ แค่พูด กันฮา
ต้องลึกถึงแก่นเนื้อ เลือดแท้วิญญาณ
(2) กาลเกิดไทยอุบัติพร้อม ธรรมพุทธ
คุ้มชาติไป่เคยหยุด วรรคเว้น
วิบากคั่นแค่สะดุด ทรุดนิด มีแล
แต่ก็เพียงขับเน้น สัจจไซร้ไตรลักษณ์
(3) ประจักษ์มาตลอดแล้ว เป็นไทย
ยืนหยัด“อิสระ”ใน โลกนี้
สุข“สงบสยบร้าย”ไชย ชนะอัศ- จรรย์เฮย
จารหลักรัฐศาสตร์ชี้ ประวัติให้้ศึกษา
(4) ประชาธิปเตยยะแท้ คือไฉน
แค่“เลือกตั้ง”เอาไป อวดอ้าง
หรือเนื้อแห่ง“อธิปไตย” แท้อยู่ ไหนเวย
คือ“ประชาปฏิวัติ”สร้าง แบบไว้ สืบสาน
(5) “รัฐประหาร”ไทยที่แท้ ใครทำ
คือ“ประชา”ร่วมกันกำ- จัดไซร้
ใช่กองทัพทหารดำ- เนินกิจ นี้เลย
“สงบสยบรัฐบาล”ได้ ยอดแล้วปาฏิหาริย์
(6) ทหารสานต่อรับ“ไม้- ผลัด”พลัน
รับช่วง“สืบทอด”กัน ถูกต้อง “ประชาธิปไตย”สรรค์ ใช่จาก ทหารเลย ชี้“อธิปไตยไทย”พร้อง โลกให้เรียนตาม
(7) นามธรรมพร้อมรูปล้วน สวยสด
ปฏิวัติงามหมดจด พฤตินี้ ไทย“ทำ”ถูกตามกฏ- หมายโลก เลยเฮย
“อำนาจประชาชน”ชี้ แบบแท้ไทยไทย
“สไมย์ จำปาแพง”
30 มี.ค. 2562
[นัยปก “เราคิดอะไร” ฉบับ 346 ประจำเดือนพฤษภาคม 2562]
พ่อครูว่า…เมืองไทยมีชาวพุทธอยู่ถึง 95 เปอร์เซ็นต์ของประชากร แม้ศาสนาอื่นจะมีก็มีจำนวนประชากรของศาสนาไล่ไม่ทันประเทศไทยเพราะมีพื้นฐานประชากรมากกว่าเยอะ และประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอิสระ จนได้ชื่อว่าทำตามอย่างใจได้คือไทยแท้
เมืองไทยเป็นเมืองที่เอาความสงบสยบความชั่วร้ายรุนแรงได้ เอาความเป็นมวลประชาชนที่สงบไปแสดงความสงบ เท่านั้นแหละชนะปืนผาหน้าไม้อะไรต่ออะไรได้เลย รัฐบาลที่ควบคุมปืนผาหน้าไม้กองกำลังกองทัพ แพ้ไปเลย จนรัฐบาลต้องยุบสภาต้องมีต้องเลิก ประชาชนชนะ ชนะมาตั้งหลายรัฐบาล นี่เป็นประชาธิปไตยนะ ที่ประชาชนคนไทยทำมาแล้ว เอาความสงบไปไล่รัฐบาลเรียกว่าประหารรัฐบาลเป็นรัฐประหาร รัฐบาลทักษิณรัฐบาลสมัคร สมชาย ยิ่งลักษณ์ แม้แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เป็นประชาธิปไตยสุดยอดอันน่าอัศจรรย์
พลเอกประยุทธ์เป็น ผู้สืบทอดอำนาจจากประชาชนที่เป็นอำนาจประชาธิปไตยไม่ใช่อำนาจเผด็จการทหาร พวกที่โง่ตะโกนโหวกเหวกว่าพลเอกประยุทธ์สืบทอดอำนาจทหาร ทหารไม่ได้เป็นผู้ทำรัฐประหาร ประชาชนเป็นคนทำรัฐประหารต่างหาก เขาไม่รู้ความจริงของประชาธิปไตยที่เกิด เมืองไทยทำได้สวยสดงดงามมากที่สุดเลย ประชาชนไทยทน ไปนั่งประท้วงไปกินไปนอนไปใช้ชีวิต จะทำมาหากินก็เสียเวลาทำมาหากินแต่ไปเสียสละเพื่อประเทศชาติหมุนเวียนกันไป ปลูกผักพืชแล้วก็ไปนั่งประท้วงไปแสดงตัวตน แสดงอำนาจประชาชน เป็นแบบนี้การชุมนุมประท้วงแนวใหม่ Neo Protest ทำอยู่ตลอดหลายปีนี้ ตั้งแต่พ.ศ 2549 จนถึง 2557 ตั้ง 8 ปีกว่าจะเสร็จเรียบร้อย
อาตมายังชมพลเอกประยุทธ์เลยว่าใจเย็นรอดูอยู่ได้ รอดูประชาชน ให้ประชาชนทำไป ที่จริงก็คงเตรียมตัวอยู่แล้ว เดือดร้อนเมื่อไหร่จะมาช่วยประชาชน แต่ก็ยังไม่ได้ทำ (พ่อครู ไอช่วยตัดออกด้วย)
สมณะฟ้าไท.. แทรก.. ก็ไปชุมนุมอย่างสงบตำรวจก็ไม่ได้ทำร้ายเรา เราเป็นคนในประวัติศาสตร์ที่ทำประชาธิปไตยให้กับโลกนี้คือประชาชนปฏิวัติ
พ่อครูว่า… คนยังงง ยังไม่เชื่อว่าความสงบจะไปชนะจะไปไล่ปืนจะไปไล่ลูกระเบิดได้ มันจะไปไล่ได้อย่างไร แต่ก็ได้จริงๆ เพราะฉะนั้นคุณธรรมทางจิตวิญญาณเป็นความยิ่งใหญ่ ซึ่งมันจะต้องสมพร้อมไปกับประชาชน เพราะฉะนั้นประชาชนคนไทยมีภูมิธรรมที่เป็นประชาธิปไตยสูง ประชาชนด้วย ถ้าเป็นที่อื่นจะไม่ยอมก็จะรวนเละเทะป่าเถื่อน แต่เพราะว่าสมความพร้อมทั้งประชาชนคนไทยก็มีจิตวิญญาณชั้นสูง คนไปทำหน้าที่ปฏิวัติไปประท้วงก็เป็นคนที่ลงทุนเสียสละ คนไทยเหล่านั้นผู้ที่จะออกมาร่วมก็มา ผู้ที่ไม่ออกมาร่วมก็ไม่มาวุ่นวาย ไม่เลือกข้าง ผู้ที่เลือกข้างได้ก็เหมือนเป็นจำนวนน้อยแต่แสดงความรุนแรง เพราะฉะนั้นแสดงไปอย่างไรมันก็ไม่ชัดเจน
คนส่วนรวมหมู่ใหญ่ก็มองดู หนักเข้าก็จะรู้สึกว่าทำไมเอาแต่มอง เขาก็ปล่อยให้บ้าไปเดี๋ยวก็หมดแรงเอง ออกไปเองหนีไปเอง เข้ามาไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ให้เข้าสามารถเข้ามาได้ทุกคนมีอิสระเสรีภาพแต่คุณไม่กล้าเข้า ทั้งกฎหมายทั้งพฤติกรรมของคุณเข้ามา แม้แต่ว่าจะโดนกระทืบหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ แต่เชื่อว่าคนไทยจะไม่ทำอย่างนั้น คนไทยไม่ทำหยาบคายอย่างนั้น แต่เขาก็ไม่กล้าเพราะเขาอ่อนแอขี้กลัว เพราะตัวเองก็รู้ว่าตัวเองทำผิด ตัวเองมาแล้วก็คงไปไม่รอด
ว่าเมืองไทยมีประชาธิปไตยที่สูงสุด เอาความสงบความเรียบร้อยความจริงความถูกต้อง ไปชนะความโหดร้ายรุนแรงได้จริงๆ อันนี้แหละที่มันยิ่งใหญ่ เพราะฉะนั้นที่ไปปฏิบัติไม่ใช่อำนาจทหารแต่เป็นอำนาจของประชาชนคนไทย ทหารเพียงแต่มารับต่อเชื่อมรับไม้ผลัดใบ ที่อาตมาใช้ภาษาอังกฤษว่า corridor เหมือนบ้านที่มีเฉลียงยื่นออกไป เหมือนสายการบินในอากาศที่ไม่มีอะไรสะดุดมันมีเส้นทางของมันไปตรงตามนี้แหละ มันไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร ไม่ใช่เรื่องที่ออกนอกลู่นอกทาง แต่เป็นเรื่องอันเดียวกัน
เพราะฉะนั้นทหารออกมาไม่ได้แสดงอำนาจทหารที่เป็นอำนาจบาตรใหญ่ แต่มารับช่วงอำนาจที่สงบจากประชาชน ใช้อำนาจสงบสยบความร้ายแรงความเลวร้ายของรัฐบาลที่หมดอำนาจไปแล้ว ทหารไม่ได้เอาปืนผาหน้าไม้เอาอำนาจอะไรมาใช้เลย แต่มารับช่วงอำนาจที่สงบจากประชาชนเท่านั้นเอง
นักรบธรรม…แทรก
พ่อครูว่า … ที่ทำนี้ของไทยคนไทยเป็นคนทำ ทำประชาธิปไตยให้ดู มีหลักฐานยืนยันอีกด้วย
มีข่าวด่วนพลเอกเปรม ถึงแก่อสัญกรรมอายุย่าง 99 เก้าปี เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจล้มเหลวที่โรงพยาบาลพระมงกุฏฯ
พลเอกเปรม ชื่อเดียวกับอาตมา แปลว่ารัก
หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ลงแล้ว
หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ถือว่าเป็นสถาบันเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวที่อาตมาเขียนกลอนอวยพรวันเกิดให้
จบ