620608_พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก ปี 2562
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1YjKxWVgVxAqV3Ea_YyhPvWZRvM-3-RQ0yXgJtbXq9GY/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=124r19jniuRXgVomqjUPtvZSjdMNXPHCT
พ่อครูว่า…วันนี้วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน 2562 ที่บวร ราชธานีอโศกในงานอโศกรำลึก ที่จัดขึ้นทั้งหมด 6 วัน เราก็ได้มารำลึกเรื่องราวหลายอย่างรวมกัน เรียกว่าเรื่องของโลกและเรื่องของอัตตา
_ผมเกิดความคิดขึ้นว่าไม่มีความทุกข์เกิดขึ้นแล้ว แต่ก็ยังมีอายูหะ เพราะเป็นเรื่องของสัมประสิทธิ์เอาพลังงานไปช่วยร่างกายให้อายุยืนยาว สัมประสิทธิ์นี้ได้มาจากไหนบ้าง ผมเห็นว่าได้มาจากความประทุของพลังงานความยินดีปรีดาปราโมทย์ ที่มีของจริงภายใน มาร่วมปรากฏด้วย สุขให้แก่กัน
พ่อครูว่า…สัมประสิทธิ์เป็นการเคลื่อนให้เกิดพลังงานทดในระดับคูณเป็นต้นไป เงื่อนไขของสัมประสิทธิ์ไม่ใช่แค่บวก แต่ต้องเป็นระดับคูณถึงยกกำลัง จึงจะเรียกว่าสัมประสิทธิ์ ระดับคูณตัวเลขสูงก็ใช้ได้ เช่นหลัก 1-9 เลขตัวเดียว 9 ก็คูณเข้าไป 9 คูณ 9 คูณ 9 คูณ 9 ก็เหมือนยกกำลัง เข้าไปก็มากแล้ว มี 9 9 9 ก็อย่าก้าวพลาดก็แล้วกัน
มีผู้ส่งคำอวยพรอวยชัยมาให้
_ญาปู่ครูบาไทเซน
พ่อ..เพียรพาลูกพ้น.. โลกโลกีย์
ครู..โลกุตรอีหลี..วิมุติแล้ว
โพธิ..ใหญ่คุ้มราชธานี..ศรีอโศก สยามไท
รักขิโต..พุทโธแก้ว..พญาแร้ง เอนกคุณ..
ครุปิตุจร บรรจบ
ปญจาสีติครบ สบรอบ
มาตังคหัสดิน นิยตะ
รวยโลภให้ไร้เอา สิ้นสูญเพื่อตน
ส.ถักบุญ
วันอโศกรำลึกย้อนพ่อสอนย้ำ
จะบรรลุธรรมได้นั้นสำคัญยิ่ง
ต้องสัมมาทิฏฐิต้องเอาจริง
จิตใจนิ่งยิ่งแววไวไร้นิวรณ์ .
(ส . ธัมมรักขิโต)
พ่อครูว่า…จะเริ่มต้นด้วยการเมือง ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่เรียบร้อยดี วิจารณ์ถึงเรื่องเหตุการณ์ปัจจุบันของไทยเรา เรื่องโครงสร้างเรื่ององค์ประกอบ เรื่องของปรัชญาเนื้อหาของความเป็นประชาธิปไตยโดยองค์รวม โดยกว้างโดยลึก มาเรียนรู้ความเป็นจริงปรากฏการณ์จริงในยุคนี้ status quo
อาตมาได้เรียนรู้ได้นำเอาความรู้ประชาธิปไตยซึ่งการเรียนรู้มาจาก Concept ของพระพุทธเจ้า ในอนาคตจะมีคนมาช่วยร่วมกันอธิบาย
จะเกิดการเคลื่อนการหมุนได้ดีต้องครบ 3 เป็นวงวนสมบูรณ์ ต้องมีนิวเคลียสมีพลังงานบวกและลบเคลื่อนตัวทำงานร่วมกันภายใน
พีชะ มี 2 ก็ยังไม่ครบ แต่จิตนิยามมีสามเส้าแล้วก็จะสมบูรณ์ พีชะรักษาตนเองให้รอดไม่มีฤทธิ์แรงไปทำร้ายใครไม่มีบาป ช้างป่าไปทำให้ต้นไม้ล้มไปทับสัตว์อื่น ต้นไม้มันไม่มีเจตนาไม่มีเวทนาไม่มีนามธรรมที่ชัดเจน ไม่มีเวทนาแต่มีสัญญา ได้มามันก็เอา ไม่ได้มามันก็ไม่แย่ง ดินน้ำไฟลมมันก็มีของมัน พืชมันดูดไม่ได้ก็ไม่เอาไม่ไปทำร้ายอะไร เขาไม่มี Action
พีชนิยาม อุตุนิยาม มีกรอบแค่ไหนแล้วเริ่มเป็นพีชะจะมีชีวิตอินทรีย์แค่ไหนเกินกรอบพีชะแค่ไหนจึงจะเป็นจิตนิยาม อาตมาก็ไม่เก่งระบุเปรี้ยงแต่ใช้พยัญชนะสื่อให้พอรู้ได้
พระพุทธเจ้าแบ่งเป็นธรรมนิยาม 5 เป็นเรื่องสุดยอด นี่ขยายแค่ 3 นะ ยิ่งมาเป็นกรรม เทวนิยมไม่เห็นรู้เรื่องกรรมตามแต่พระเจ้าสั่งอย่างเดียว เขาก็มีแต่God กับ กาละ กาละเขาก็นิรันดร แยกระยะทางไม่เป็น ทุกอย่างเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าถ่ายเดียว
คือการมาเป็นมนุษย์ไม่มีสิทธิ์อะไร มีแต่การอ้อนวอนพระเจ้าอย่างเดียว เป็นทาสผู้ปล่อยไม่ไป ขอโทษที่เอาศาสนาเทวนิยมมาวิจารณ์ แต่กำลังพูดถึงเรื่องวิชาการเรื่องความรู้กันให้ชัดเจน
เมื่อแยกพีชะกับจิตได้ จิตมีกรรมวิบาก กรรมจำแนกสัตว์ กรรมเป็นของๆตน ตนเป็นทายาทของกรรม กรรมบันดาลให้เราเป็นไปได้ต่างๆนานา แล้วมาตกผลึกกัมมพันธุ เกิดกี่ชาติคุณก็อาศัยกรรม กัมมปฏิสรโณ หากอวิชชาก็จะมีสงครามอยู่ สรณะ คือการประกอบสงคราม สงครามยังเกิดอยู่เป็นอยู่ คนไม่รู้ก็จบที่สรณะ
เทวนิยม เกิดมาคุณก็มีสงครามมีกรรมวิบาก แต่คุณไม่รู้ว่าไปฝากไว้กับพระเจ้า แต่แท้จริงแล้วเป็นสิทธิ์ของคุณเอง กิเลสของคุณเองเป็นตัวบงการในจิตแท้ๆพระเจ้าของคุณคือกิเลสของคุณ พระเจ้าของคุณคือกิเลสของคุณ
สรุปแล้วคุณอยู่กับพระเจ้าหรือคุณอยู่กับมารหรือซาตาน สรุปแล้วอยู่กับมารซาตาน แท้จริงมาร กิเลสเป็นเจ้าชีวิตไม่ใช่แค่พระเจ้า
พระเจ้าที่มีความดีมากเท่าไหร่ก็สูงส่งมากเท่านั้น ยิ่งมาเป็นกรรมแล้วเราก็ควบคุมกรรมของตนเองให้เป็นกรรมจนถึงขั้นมโนกรรม ให้เป็นสูญ สำเร็จแท้จบ มีการดำเนินต่อไป เป็น 1 มีการร่วมเป็น 2 มีครบวงจร 1 2 3 ขยายเป็น 4 5 6 สองเส้า ขยายเป็นปฏิภาคเส้าที่สาม ต่อไปอีก คุณก็เริ่มตั้งแต่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 เป็น 9 ใหม่ ยกเป็นสาม 9 ซ้อนไปอีก อธิบายต่อไปก็จะทำอย่างนี้ เอาแต่ละหน่วยมาซ้อน จนซ้อนกันไม่รู้วงไหนเป็นวงไหน แถมยังเคลื่อนที่ด้วยนะ ซ้อนกันทั้งบนล่างอีก พูดแค่นี้ก็คิดตามยากแล้วนะ
สิ่งที่เกิดในมหาสมุทรจักรวาลนี้เป็นความซับซ้อนเป็นสภาพหมุนรอบเชิงซ้อน ที่ซับซ้อน ต้องศึกษาไปตามลำดับแล้วจะมีความรู้ตามลำดับอย่างน่าอัศจรรย์
คำว่า ตามลำดับอย่างน่าอัศจรรย์ เพราะฉะนั้นคนศึกษา ศีล สมาธิ ปัญญา
ศีล ขัดเกลากิเลส กิเลสก็คือจิต ต้องมีปัญญาเป็นตัวช่วย สามเส้า ศีล สมาธิ ปัญญาขาดกันไม่ได้ สำเร็จไปจนวิมุติและนิโรธถึงนิพพาน สำเร็จไปส่วนหนึ่ง ก็วิมุติ นิพพานไปตามลำดับ หรือเรียกพยัญชนะส่วนว่า นิพพัตติ จบสมบูรณ์ก็เป็นอภินิพพัตติ เรามีปัญญารู้สิ่งที่มีเหตุปัจจัยมีข้อมูล มีมวลรวม เราก็แยกได้ขจัดออกได้เอาได้ เรียกว่าโอกกันติ เป็นตัวกลาง กลางของ ชาติ สัญชาติ โอกกันติ นิพพัตติ อภินิพพัตติ
ผู้ที่พูดไปแล้วเราก็พอทำได้เรามีสภาวะรองรับ เราก็มีความรู้นอกจากมีความรู้แล้วได้ทำไปด้วย ก็เป็นผู้ที่มั่นคง
มาถึงการเมือง โลกควรต้องเรียนรู้จากไทยเพราะไทยมีความรู้พุทธศาสนา อย่างที่พูดถึงองค์ประกอบของชีวะชีวิตสังคมอยู่กับทฤษฎีหลักของพระพุทธเจ้า
โลกต้องเรียนรู้ประชาธิปไตยจากไทย
(1) ประชาธิปไตยะนี้ คือไฉน
พฤติอธิปไตยไทย ใช่แล้ว
แต่ผู้ไป่เข้าใจ หลงผิด อยู่รา
ย่อมโง่งมบ่แคล้ว คลาดรู้ความจริง
(2) ผู้อิงแอบแค่รู้ กันมา
ต้อง“เลือกตั้ง”ตำรา ว่าไว้
หลงยึดยิ่งหนักหนา กันทั่ว โลกเลย
รู้ไม่ถึงแก่นไซร้ จึ่งร้ายสังคม
(3) จมปรักอยู่แต่ตื้น ผิวนอก
มิอาจลอกเปลือกปอก ออกได้
ติดวนอยู่ในคอก “เทวศาสตร์” แท้แล
หากชัด“พุทธศาตร์”ไซร้ จบด้วย“ปัญญา”
(4) “เฉกา”แค่ฉลาดรู้ “โลกียะ”
แต่ฉลาด“โลกุตระ”งงงง ต่างชั้น
เพราะรู้“โลก”รู้“เทฺวะ” ชัดสัจจะ แน่จริง
จึงหยุดแย่งดื้อรั้น ไม่โว้ยโวยวาย
(5) หลายประเทศยกให้ ไทยแลนด์
มี“อธิปไตย”สุดแสน วิศิฏษ์แล้
“ประชาธิปไตย”แกน แก่นหลัก ชัดเฮย
ไทย“ปฏิวัติ”ถูกแท้ เพราะด้วยประชาชน
(6) คนไม่รู้เรื่องนี้ กันชัด
ว่า“ทหาร”ปฏิวัติ ผิดแท้ “ประชา”ต่างหากจัด การปราบ สำเร็จฮา
ขับไล่รัฐบาลแพ้ เผด็จด้วย“มวลชน”
(7) ผลเสร็จทหารเข้ารับ สืบทอด
มิใช่“เผด็จการ”ถอด รหัสให้
ชัดคมแม่นอย่าขอด ค่อนเลอะ กันเลย
“พลังปฏิวัติ”ไซร้ นั่นแท้ประชาชน
(8) มืดมนมาแต่ล้วน ไม่เคย
มี“รัฐกิจ”ที่เฉลย สัจจ์นี้
ไทยสร้าง“รัฐศาสตร์”เผย “ปฏิวัติ โดยประชา”
“ด้วยสงบสยบร้าย”ชี้ ฝากเชื้ออธิปไตย
“สไมย์ จำปาแพง”
7 มิ.ย. 2562
[นัยปก “เราคิดอะไร” ฉบับ 348 ประจำเดือนกรกฎาคม 2562]
แต่ก่อนแม้ไม่มีการลงคะแนนเลือกตั้ง แต่พวกที่อยู่ด้วยกันร่วมกันก็พูดกันว่ามีมติกันมาให้ใครเป็นหัวหน้าอะไรอย่างนี้เป็นต้น
จมปรักอยู่แต่ตื้น ผิวนอก
มิอาจลอกเปลือกปอก ออกได้
เป็นเมโลดี้ของกวีที่อาตมาแต่งใหม่ ผังกวีเดิมต้องใช้ นอกผิว แต่อาตมาเปลี่ยนเป็น ผิวนอก และใช้สระออสัมผัส
คนอย่างเข้าใจไม่ได้ว่าประชาชนปฏิวัติรัฐประหารเป็นอย่างไร คนอื่นเขาทำสำเร็จก็ไม่สมบูรณ์แบบแต่ของไทยทำสำเร็จสมบูรณ์แบบและไม่ใช่รัฐบาลเดียวด้วย ประชาชนปฏิวัติมาตั้ง 4 รัฐบาล 5 รัฐบาลเป็นของแถม รัฐบาลอภิสิทธิ์
อาตมาเข้าใจคำว่า อภิ ต่างๆ อภิสิทธิ์ อภิสิน อภิชัย อภิรักษ์ แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจอภิสิทธิ์ เป็นตัวสุดท้าย แต่ก็น่าจะเป็นอภิสิทธิ์เก๊กับอภิสิทธิ์แท้ มันจะต้องมีคู่เทียบ อภิสิทธิ์แสดงความไม่แท้ เพื่อให้เห็นความแท้ในอภิสิทธิ์
ลักษณะใจจริง ของอภิสิทธิ์แท้เป็นเทวดา การแสดงออกของอภิสิทธิ์ทำเก่งเหมือนมีพุทธศาสตร์ ดูสิ ตัวละครยังแสดงไม่จบ ยังไม่สะเด็ดน้ำ จะลาออกจาก ส.ส. คนก็ตีเกราะว่าอย่าเพิ่งน่า ไม่ใช่ตี๋น้อยนะ ยังไม่จบ ก็จะดูว่าจบเป็นอย่างไรจบก็สวยอย่างหนึ่งไม่จบก็สวยอย่างหนึ่ง แต่ถ้าจบจะจบเท่านี้ไหม แต่ถ้าไม่จบจะมีลูกเล่นอะไรใหม่ แต่ถ้ามีแต่ลูกเล่นเก่าๆก็เก่าแล้วลุง เปลี่ยนเป็นชื่อช่องฟ้าวันเก่าเสีย แต่ช่องฟ้าวันใหม่ ใครเป็นเจ้าของกันแน่ ของพรรค ปชป. หรือ สุเทพ ก็ไม่รู้ คงเป็นของ ปชป.เพราะสุเทพออกไปแล้ว พูดไปก็ไม่จบ
อาวุธเด็ดคือการใช้ความสงบสยบความร้ายเลวคือทรราช เป็นเครื่องชี้บ่งชัดเจนถึงองค์ประกอบประชาธิปไตยแท้ ไม่ใช่เรื่องสมมุตินามตามท้องเรื่อง แต่เป็นเรื่องจริงนี่คือประชาธิปไตยไทย
ในเรื่องของการเมืองขณะนี้ กำลังมีทั้งสิ่งที่เกิดจริงเป็นจริงในขณะปัจจุบันนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องลิเกละคร แต่เป็นเรื่องจริงของประเทศหนึ่งในโลก ได้ประมาณอีก 200 กว่าประเทศในโลก ประเทศไทยได้ชื่อว่ามีประชาธิปไตย ขอยืนยันว่าโลกต้องเรียนรู้ประชาธิปไตยจากไทย เพราะประเทศไทยกำลังประพฤติความเป็นประชาธิปไตย โลกยังไม่ตัดสินทีเดียว ประเทศไหนที่บอกว่าเป็นประชาธิปไตยที่แท้ Absolute Ultimate เป็นประชาธิปไตยที่สุด Axiom ไม่มีอะไรเป็นจริงกว่านี้อีกแล้ว
อาตมาก็เชื่อว่าเมืองไทย ตามที่อาตมามีโครงสร้างมีทฤษฎีมีหลักเกณฑ์ ชาวอโศกเป็นตัวอย่างของประชาธิปไตย สังคมประชาธิปไตย ที่จะเอาทั้ง 3 ตัวยืนยัน คือ
-
เศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจ ชาวอโศกมีเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจที่เป็นประชาธิปไตยสุดยอด
-
มีรัฐศาสตร์รัฐกิจที่เป็นประชาธิปไตยสุดยอด
-
เพราะเป็นสังคมบวรประชาธิปไตยสุดยอดมีเศรษฐกิจสาธารณโภคี ประชาชนอยู่ดีๆนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องทรัพย์สินเงินทองเลย มีกระดาษชำระหนี้ได้ตามกฎหมายใช้ ธนบัตรคือกระดาษชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย เราไม่ได้ทำอะไรผิดนะ ไม่ได้ติดใจอะไร เห็นไหมว่าสภาวะ 2 คือพยัญชนะกับบัญญัติ พยัญชนะบอกว่ากระดาษชำระหนี้ได้ตามกฎหมายและสภาวะเป็นอย่างไร
กระดาษชำระก็เป็นสภาวะ 2 แต่ถ้ากระดาษชำระหนี้ได้ตามกฎหมายก็เป็นอันหนึ่ง กระดาษชำระใช้เช็ดขี้นก ก็อีกอย่างหนึ่งอย่างนี้เป็นต้น
การอธิบายลักษณะเทวะที่เป็นธรรมชาติของมันยากอย่างนี้
สรุปแล้วทุกอย่างเป็นภาวะ 2 ที่ยากมาก คนที่สับสน วนวกมืดบอด ความไม่รู้ในสภาพแยกไม่ออก เลยมืดหน้าเลย แต่ถ้าคนชัดเจน ก็จะรู้ไล่ทีละ 2 แล้วเป็นโดมิโน่ เป็นลำดับอันน่าอัศจรรย์ ลาดลุ่มลึกไปตามลำดับเหมือนฝั่งทะเล
อาตมาจึงไม่สงสัยพฤติกรรมสังคมประเทศไทย คนอื่นไม่ยกไม่เห็นไม่เป็นไร แต่อาตมายืนหยัดไม่ใช่เอาแต่ปากพูดมันมีปรากฏการณ์จริง มีมนุษย์จริงมีตัวละครจริง มีการบริหารปกครองมีทุกอย่าง ประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมืองไทยมีในหลวงที่เป็นนักประชาธิปไตยสุดยอด โลกก็ยังรับรองมีในหลวงรัชกาลที่ 9 และมีในหลวงรัชกาลที่ 10 ต่อมา มีคณะบริหาร และก็มี คณะเดิมมาบริหารต่อไปต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เป็นปรากฏการณ์ของโลก
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ(พ่อครูบอกให้พวกเราพักหายใจด้วย)
ตอนนี้เหตุการณ์ ขอพูดถึงพวกเรา มีเศรษฐศาสตร์ที่เป็นประชาธิปไตยสุดยอด มีรัฐศาสตร์นี่แหละที่เป็นประชาธิปไตยสุดยอด
ตำรารัฐศาสตร์ที่เขาเรียนกันมาจนจบด็อกเตอร์ มีตัวซาตาน อยู่ในประชาธิปไตย เป็นเทวปุตมาร แปลงตัวไปมาระหว่างซาตานกับพระเจ้า พระเจ้าไม่มีเจตนาทำร้าย พระเจ้าที่ใหญ่ก็ทำดีกว่าองค์ที่รองลงมาแต่ต่างคนต่างมีอัตตามานะ ข้านี่แหละเป็นพระเจ้าองค์ใหญ่ที่สุดไม่ว่าเป็นพระเจ้าศาสนาใด
บริวารของศาสนาใดที่เริ่มมีปัญญา ก็จะพบว่า ทำไมพระเจ้ามีหลายองค์ ก็แยกออกไป พอมีพระเจ้าครบ 3 ก็จะเป็นตรีมูรติ มีฝ่ายรบฝ่ายช่วย ชื่อฝ่ายบวก ฝ่ายลบ แล้วก็มีกรรมการ มีตัวกลางเป็นกรรมการ แน่นอนก็เกิด ตรีมูรติ
ผู้ใดที่เป็น 4 ชักรู้เรื่อง 3 นี้แล้ว cyclic order สามเส้าสมดุลกรรมการต้องเก่งคุมเกม
ในนิวเคลียสหนึ่งมีบวกมีลบ แล้วก็มี protoplasm เป็นปลอกห่อหุ้ม นิวเคลียส เป็นอุตุนิยาม แต่เมื่ออธิบายอย่างพีชนิยามจิตนิยามก็มีตัวควบคุม ควบคุม protoplasm ที่ไม่เที่ยงนะ ส่วน cytoplasm เป็นตัวปฏิกิริยาภายใน แล้วจะทำลายสลายเปลือกก็อยู่ที่ cytoplasm มีประธานอยู่ จะทำลายเปลือกหรือไม่ สลายหรือไม่ก็แล้วแต่
เป็นจิตนิยามที่สามารถควบคุมได้ก็เป็นพระเจ้าเป็นจักรวาลน้อยจักรวาลใหญ่มีความซับซ้อนพิสดารมากขึ้น เป็นสัจจะที่มีอยู่ในจักรวาลตลอดเวลา
สังขารร่วมกัน เป็นพิษภัยหรือเป็นประโยชน์ต่อกันอยู่อย่างนี้แหละ จะเกิดมาอีกกี่ชาติ อาตมาเรียนรู้เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ก็เอามาพูดให้ฟัง ใครศึกษาตามก็จะรู้ยิ่งรู้จริงอย่างที่อาตมารู้ใครไม่ฟังก็ไม่ได้ศึกษา หากพอศึกษาแล้วรู้ได้ ก็เอามาเลือกเฟ้นเอามาใช้ได้
ความซับซ้อนในพยัญชนะกับสภาวะ 2 อย่างนี้อาตมาก็ยังไม่เก่ง มันมีตัวที่รวมกันและกระจาย กระจายทำลายกันอยู่อย่างนี้ ใครรู้เทวะแยกได้ รู้จักการจัดการได้ เป็นลักษณะ 2 อย่าง
-
เป็นลักษณะของ Fission กระจายออกไปไม่ต้องห่วงหาอาวรณ์
-
รวมได้เป็น Nuclear Fission
Nuclear Fission ก็กระจายไปไม่ต้องห่วงหาอาวรณ์ ในโลกมันก็ต้องมีบ้าง ตัวเราก็มี 2 รวมได้กับใช้เป็น เป็นตัวเราแต่ไม่ใช่ตัวเรา ตัวเราที่รวมลงมาเอามาใช้ในขณะ กาละ หรือสมัย เราก็รวบรวมเอา ได้ แล้วคุณก็อาศัยเท่าที่ภูมิธรรมคุณมี
อาตมามีภูมิธรรมเท่านี้ก็ทำเท่านี้ เราทำความเป็นจริงในความเป็นจริงที่มีมนุษย์มีสังคมมีหลักการ ทฤษฎี ซึ่งเรากำลังประกาศทฤษฎีประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้า อาตมายืนยันในหลักการว่านี่เป็นของพระพุทธเจ้า อธิบายอย่างมีหลักฐานอ้างอิงมีพฤติกรรมจริงของบุคคลจริง มีผลสำเร็จจริงด้วย ในประเทศไทย นี่เป็นวิธีการองค์รวมของความเป็นประชาธิปไตย เป็นประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขอยืนยันอีกทีว่าเหนือชั้นกว่าประชาธิปไตยที่ไม่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่เป็นประชาธิปไตยขาเดียว
ผู้ที่ฟังแล้วคงจะมีคนเปรียบเทียบได้ว่า ประชาธิปไตยขาเดียว จะเป็นประชาธิปไตยที่เขาเป็นกันหรือเป็นคอมมิวนิสต์เป็นเผด็จการ ตัวแท้จริงๆขาเดียวก็คือเผด็จการ
ระหว่างนโปเลียนกับฮิตเลอร์ ใครเป็นเผด็จการกว่ากัน เผด็จการจริงๆก็คือสิบโทฮิตเลอร์ แล้วเขาใช้คำว่าประชาธิปไตยด้วย ครอบงำประชาชน เขาเป็นผู้ที่ได้รับเลือกตั้งมานะ สิบโทฮิตเลอร์ ไม่ใช่เขาตั้งมาอีก ไม่ใช่เขาตั้งฐานะตัวเอง
เมื่อมาเป็นนโปเลียน มีคนเขียนหนังสือ Animal Farm ใช้ตัวแทนเป็นหมูมีชื่อ นโปเลียน ใช้พยัญชนะ 2 อย่างเท่านั้นอธิบายความเป็นจริง
คำว่าสอง คือความเป็นเทวะ จึงได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่ที่สุด
มีการรวมโดยรู้กับมีการรวมลงโดยไม่รู้ รวมโดยไม่รู้ก็คือเทวศาสตร์ตีไม่แตก ถ้าใครตีแตกก็จะรู้ว่าที่แตกให้มี 2 เป็น 3 4 5 ไปอีกเรื่อยๆ
ในโลกที่เกิดมามีชีวะชีวิตอยู่ในโลก ตั้งแต่เป็นสัตว์เซลล์เดียวก็พัฒนามาต่างๆนานา สุดท้ายก็มาเป็น มนุสโส มีจิตนิยามเป็นวิญญาณ มโน ที่แยกกระจายเป็นเจตสิกต่างๆ เป็นความรู้ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ทั้งนั้นเลย อาตมาเรียนรู้ตามถึงปางนี้ได้นำมาสืบทอดให้แก่มวลมนุษย์โลกอยู่ จนกว่าจะครบปณิธานที่ได้ไปเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง ก็เกิดมานับชาติไม่ถ้วน
ไม่ใช่แบบลอยลมที่เขาปั้นเป็นวิมานในจิต สร้างมโนมยอัตตา นิรมานกาย สัญญายนิจจานิ แต่นี่มันเป็นจริงเอาไปปฏิบัติได้เป็นผลสำเร็จได้ ผลสำเร็จเป็นวิมุตติญาณทัสสนะแล้วมันก็หมดเรื่องของแต่ละคน ทบทวนเป็นวิมุตให้จบเป็นเนวสัญญานาสัญญายตนะกำหนดรู้ รู้อีกก็รู้อีก ผลของเนวสัญญานาสัญญายตนะเป็นคู่สุดท้าย คู่กับอสัญญีสัตว์
อสัญญีสัตว์กับเนวสัญญานาสัญญายตนะเป็นคู่สุดท้าย มันไม่รู้อะไรเลยก็เป็นอสัญญีสัตว์ เทวนิยมที่ไม่รู้อะไรเลย เช่นศาสนาเชน พวกนี้เป็นอสัญญีสัตว์ตัวแท้ วันคืนก็กินนอนอยู่ไปแล้วไม่ได้ตายง่ายๆเสียด้วยเพราะสะสมพลังงานไว้ ไม่ใช้พลังงานมากมันก็อยู่กับโลกไปเรื่อยๆ
อาศัยความพอก็อยู่ได้นาน ใช้อาศัยน้อยๆ เอาฝังดินไปหลายวันก็ไม่ตาย คนเราก็ทำได้ขนาดหนึ่งใช้น้อยที่สุด อาศัยน้อยที่สุด กบจำศีลเป็นปีๆ จักจั่นจำศีลเป็นปีๆ บางตัวหลายปีกว่าจะขึ้นมา แล้วขึ้นมาทำไม ขึ้นมาร้องอย่างเดียวแล้วก็ตายทิ้งร่างมีเชื้อฝังดินต่อไป จนกว่าจะมีใครชุบตัว โคลนนิ่งตัวมันเองขึ้นมาอีก
เป็นตัวอย่างชีวะของสัตว์โลกตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียว จนกระทั่งเป็นสัตว์ที่มีเป็นล้านเซลล์ซับซ้อนกลายเป็นอัจฉริยะทางโลกีย์ จนมาเป็นโลกุตระ จะเรียกว่าอัจฉริยะมันก็ซ้ำจึงเรียกว่าอารยะซึ่งก็ได้ผิดเพี้ยนไปแล้ว อารยะ หรืออริยะก็เพี้ยนไปแล้วก็เลยเรียก อาริยะ
พุทธศาสตร์คู่กับเทวศาสตร์เป็นคู่สุดท้ายในโลก
เทวศาสตร์กับพุทธศาสตร์ เทวศาสตร์มีนักเรียนในห้องมากกว่า
เพราะพุทธศาสตร์เหมือนยอดปิรามิด เทวศาสตร์เหมือนฐานปิรามิด ไม่ใช่ยกตนข่มท่านแต่เป็นสัจจะ เราไม่ได้ดูถูก แต่สงสารก็ช่วยเหลือเกื้อกูล ผู้ที่สูงก็ลดตัวลดตน สูงไปอีกก็ลดตัวลดตน ก็ช่วยเขาได้อีก คนมีมากก็ช่วยคนมีน้อย คนมีแรงมากก็ช่วยคนแรงน้อย ต้องเกื้อกูล จึงจะชื่อว่ายังมียังอยู่ยังไม่สูญยังไม่สลายหายไป ตั้งแต่หายไปจากสภาวะของความเป็นมนุษย์สูงสุด
เป็นมนุษย์สูงสุดแล้วเคยเป็นมาหมดแล้ว อุตุก็เคยเป็นมาแล้ว แม้แต่บัดนี้ก็ยังมีอุตุอยู่ในตัวเราซึ่งมันไม่รู้เรื่องหรอกมันอยู่ในตัวเรา ดินน้ำไฟลม พีชะก็อยู่ในตัวเราซ้อน ชีวะซ้อนในตัวเรา เรามีขั้นจิต จิตจัดการ ถ้าจิตเป็นธาตุรู้สูงสุดที่ลดตัวตนลงไปอีก ก็อาศัยอยู่กับ พีชะ
มีประธาน หากก็เอาอย่างอื่นมาเป็นบริวารเป็นทาส แล้วมีอำนาจสั่งการด้วย ผู้ที่ตกเป็นทาสที่ปล่อยไม่ไปก็ให้นายบงการเป็นพระเจ้า
พระเจ้าไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในคราบของซาตานเพื่อบำเรอตัวเอง แต่ถ้าไม่บำเรอตัวเองเมื่อไหร่พระเจ้าทำงานอย่างไม่บำเรออัตภาพตัวเอง แต่ทำงานเพื่อคนอื่นนั่นคือพระเจ้าแท้จริง ถ้าให้ทำงานเพื่อบำเรอตัวเองเมื่อไหร่ก็เป็นซาตาน
เรามีเกณฑ์ตัดสินหลักเศรษฐศาสตร์ของเราว่า ไม่เป็นหนี้พึ่งพาตัวเองก็รอดทำให้เหลือทำให้เกินกินเกินใช้มีเหลือก็เอาไปแจกจ่ายขายให้ถูก ช่วยเหลือสังคม
-
ไม่เป็นหนี้ เรามีแต่เงินเกื้อ ที่ต่างจากเงินกู้ เงินกู้มีดอก และมีชักดาบแต่เงินเกื้อไม่มีดอกและไม่ชักดาบ เราเอาของเขามาใช้ก่อนก็ใช้คืน ดีไม่ดีเอาเงินไปคืน เจ้าของเงินก็บอกว่าเอาไปใช้เถอะไม่ต้องคืนหรอกมีอย่างนี้ด้วย นี่เป็นจิตที่ไม่มีตัวตน
เราอยู่อย่างบวร เป็นเศรษฐศาสตร์ที่มีจิตวิญาณประเสริฐสุดยอด มีสามศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ มีรูปและนาม
อาตมาพูดไปแล้วคนฟังไม่เข้าใจก็จะเห็นว่าหลงตัวหลงตนยกตัวยกตน คนที่เข้าใจดีมีปฏิภาณรู้ก็จะเข้าใจเพราะมีของจริงตัวบุคคลจริง มีลักษณะของสาธารณโภคีมีคนมาทำงานฟรีจริงๆ มีคนใช้ชีวิตอยู่ในนี้ บางคนไม่มาเบิกกองกลางเลย พอกินพอใช้ ทุกวันนี้ก็สนุกกับงาน อายุ 60 70 แล้วไม่ไปเบิกเงินเลยไม่เห็นจะใส่อ่ะใครที่เขาไปเบิกเงินเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่น คนนั้นต้องเบิกค่ารักษาเจ็บป่วยเป็นล้านเลยก็ช่างเขาสิไม่เจ็บป่วยอะไร คุณจะเสียเงินล้าน นึกว่าดีเหรอไปเจ็บป่วยฉันไม่เจ็บป่วย คุณ
ไปรู้สึกว่าเท่ ต้องใช้เงินล้านเพื่อรักษาตัวเองเชิญคุณจะคิดอย่างนี้ก็เชิญ
สรุปได้สองคำ เพลงอาริยะหมายเลข 1 ประโยชน์สูงประหยัดสุด พฤติกรรม 2 อย่างนี้สุดยอดเลย ผู้ที่มีพฤติกรรมอย่างนี้คือผู้ที่เป็นพระอริยะ
จบ