มิ.ย.102019ศาสนา620610_รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 52 อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/16WU76mVYAG7U0BYDhW3L_SNS_i-j1kI8QRTqAQA6d3M/edit?usp=sharing ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1JFUTesv9kVEualt4JljpIGU-VycpD2Je พ่อครูว่า…วันนี้วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน 2562 ที่บวรราชธานีอโศก ขอวันนี้เป็นวันที่อาตมาอยากจะแถลงอะไรออกมา ตามความเห็นความรู้ของอาตมาบ้าง เกี่ยวกับเรื่องประชาธิปไตยที่อาตมามีความรู้ ที่จะต้องไม่มีตัวตนและไม่มีอคติและต้องมีปัญญาเป็นความเฉลียวฉลาดที่เป็นปัญญาไม่ใช่แค่ เฉโก เป็นปัญญาที่เป็นโลกุตระแล้วก็จะทำประชาธิปไตย และต้องเป็นประชาธิปไตย 2 ขา ประชาธิปไตยขาเดียวไม่เต็มบาทไม่เต็มเต็ง ไม่มีสภาวะของธรรมะ 2 ที่เป็นการรู้เทวะ มาอ่าน sms ก่อน _เจริญธรรมค่ะ ไม่มีโอกาส ไปร่วมงาน ดูทางทีวี ตอนพ่อท่านเดินเข้ามาในงานพร้อมคณะสมณะ เด็กนักเรียนยืนต้อนรับและร้องเพลง ดิฉัน รู้สึก ซาบซึ้งตื้นตัน นํ้าตาไหลร้องไห้ มันบอกไม่ถูกเลยว่าทําไมร้องไห้ ขอเป็นลูกหลานพญาแร้ง เดินตามเส้นทางที่ท่านนําพา ไปตลอด ไม่ว่าจะยังไง จะเดินตามท่านจนกว่าจะตายจากโลก มั่นใจ 100% ตอนนี้ละลดเลิกอะไรได้หลายอย่างแล้ว และจะทําต่อไป ฟังธรรมะของท่านทุกวัน ได้อะไรเยอะ มีการเปลี่ยนแปลงในชีวิต รู้กิเลส จัดการกิเลส ได้หลายตัว รู้จักเวทนา 108 ได้ดียิ่งขึ้น รู้จักอริยสัจ 4 มรรคมีองค์แปด เดินตามไปทีละก้าวๆ ถึงจะอยู่ไกลตัวพ่อท่าน แต่ดิฉันทําตามที่พ่อท่านบอกชี้แนะแนะนํา นําพาทุกอย่าง ดิฉันรู้สึกไม่ได้ห่างไกลจากพ่อท่านเลย เพราะพ่อท่านอยู่ใน จิต มโน วิญญาณ ของดิฉันตลอด กราบขอบพระคุณมากๆค่ะ(…) จาก…พิกุล ณ นคร พ่อครูว่า…ใช้ได้ ถ้าพูดถึงรู้จักเวทนา 108 คือ เข้าถึงศาสนาพุทธแล้ว นี่คือกรรมฐานของศาสนาพุทธ _SMS วันที่ 7-9 มิ.ย. 2562 _0499 กราบพ่อสมณะ, แม่เณรและกลุ่มอโศก พวกหนูเป็นแนวร่วม มีเป็นแสนเจ้าค่ะ!! พ่อครูว่า…เอาล่ะขอบคุณมาก ขอให้เป็นจริงอย่างที่คุณว่า อาตมาบอกตรงๆ ไม่ใช่ไม่เชื่อคุณนะ แต่อาตมาว่ายังไม่แน่ใจว่า คุณบอกว่ามีเป็นแสน ทำให้อาตมาขนลุกขนพอง หากหมู่เป็นแสน ปรากฏตัวทีละ 50000 อาตมาก็พาไปชนะได้ทั้งโลกแล้ว แต่นี่จัดงานแต่ละที 777 ก็ยังยาก ถ้ามีถึง แสน อาตมามีอะไรก็พาไปทีละ 50000 ชนะตลอดไม่ว่าจะรบสงครามสนามรบไหนรับรองชนะหมด ก็ค่อยๆไป _6218ถาม สำนักสันติอโศก เป็นลัทธิมหายาน หรือหินยานกันแน่ครับ พ่อครูว่า…เป็นทั้ง 2 อย่างและไม่เป็นทั้ง 2 อย่าง คือมหายานก็เป็นเครื่องชี้บ่งของคนคณะหนึ่ง หินยานก็เป็นเครื่องชี้บ่งของอีกคณะหนึ่งมีทั้งมิจฉาทิฏฐิและสัมมาทิฐิทั้ง 2 คณะ และในปัจจุบันส่วนรวมค่าเฉลี่ยของมหายานนั้น เกือบจะไม่มีสัจจะสาระอันแท้จริงของพุทธแล้วมันไปใหญ่บานปลายไปเยอะแล้ว ส่วนหีนยานหรือเถรวาทมีแก่นของพุทธ แก่นที่ตีแตกยากแต่เป็นโลกุตระแท้ อาตมาไม่ได้เกิดมาในแดนมหายาน แล้วก็ได้ขยายออกไป _1614 ขอทราบสภาพธรรมะที่ชื่อว่า เมตตา มีลักษณะเป็นอโทสะ พ่อครูว่า…ถ้าใช้คำว่า อาโทสะ จะเป็นความหมายว่ามีโทสะมากกว่า อโทสะ แต่ก็ไม่ใช่เป็นโทสะเต็มที่ ยังมีภาคเสธในโทสะ แต่ถ้าอโทสะ คือไม่มีโทสะ แต่ก็ยังยืนใช้คำว่าโทสะ ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ควรจะใช้คำว่าโทสะเลย ต้องใช้คำว่าอุเบกขา กลาง อุเบกขาหมด ศึกษาดีๆ พยัญชนะกับสภาวธรรมเท่านั้น ในทุกสิ่งทุกอย่างของจิตวิญญาณมนุษยชาติที่ต้องศึกษา มีคำว่าเทวดาเท่านั้น ศึกษาให้ดีมันยิ่งกว่าสิริมหามายา มันยิ่งกว่านักเล่นกลเป็นนักเล่นกลมือหนึ่งกลับไปกลับมา จนคนจับไม่ได้ง่ายๆเลย ถูกเป็นผิด ผิดเป็นถูก จับได้ทันจะหมุนเร็วอย่างไร ผิดอย่างนี้ถูกอย่างนี้ จับได้ไล่ทันไปหมดนั่นก็คือคนที่มีจิตวิญญาณเข้าข่าย สิริมหามายา สิริมหามายาไม่ใช่นักมายากลแต่เป็นตัวจริงของผู้ที่มีความจริง เป็นผู้ที่มีความจริงในความเป็นจริงไม่ใช่นักเล่นกลไม่ใช่มายาไม่ใช่นักมายากล สิริมหามายา คนเข้าใจผิดว่าเป็นนักเล่นกลกลับไปกลับมาสลับซับซ้อน ไม่ใช่เลย คนจะเข้าใจอย่างนั้น จนกว่าจะเข้าใจว่า มันเหมือนกับทำไมพลิกไปพลิกมา อย่างเช่นอาตมา คนมองอาตมา คนมีปัญญาดีจริงเท่านั้นจึงจะเข้าใจ ว่าจริง ยิ่งอาตมาจริงจนกระทั่งขวานผ่าซาก ขวานจักตอก มันจะเป็นกิริยาที่เหมือนกับคนมีกิเลสคนดูอย่างไรก็เหมือนกับคนมีกิเลส แต่อาตมาก็ยืนยันว่าอาตมาไม่มีกิเลส ก็เป็นเครื่องคัดเลือก ใครจะติดตามเข้ามาสัมผัสก็มาอยู่ร่วมกันกับอาตมาเลยสัก 50 ปีคุณจะรู้จักว่าอาตมาเป็นใคร แล้วจะรู้ว่าอาตมากล้ายืนยันเช่นนี้ นอกจากคุณจะโง่จัด เดี๋ยวไปหา 10 ปีก็ไม่รู้จัก ก็ต้องมีเงื่อนไขเช่นนี้ _พตท.สอาด สุขจิตต์ · แค่หน้าโต๊ะพ่อครูก็แสดงความอุดมสมบูรณ์แล้ว _แสนคำ • ราชธานีอโศกสวยขึ้นทุกวัน เปลี่ยนแปลงไม่เคยหยุด ขอบพระคุณที่ช่วยโลกให้สวยงาม _สติพล จนพัฒนา ความลึกซึ้งซับซ้อนเหล่านี้ ถ้าไม่ใช่โพธิสัตว์ระดับสู่พุทธภูมิแล้วยากที่จะมาแยกแยะได้ง่ายๆ อรหันต์ตัวเป็นๆ โพธิสัตว์ตัวขยาย พุทธภูมิคือเป้าหมายหรือเนื้อหาสาระแท้ของสัจจะที่มีอยู่ในมหาจักรวาลนี้.(รู้ตามภูมิ) พ่อครูว่า…ขอให้ใช้ประเด็นนี้ที่ว่าอาตมาขยายธรรมะได้ละเอียดลึกซึ้งเช่นนี้ได้ ถ้าไม่ใช่ระดับนี้ขยายไม่ได้ง่ายๆหรอก ยกตัวเองประกอบนิดหน่อย _สากล • ขยายได้ขนาดนี้ถือว่าท่านเก่งมาก…ขอชื่นชมครับส่วนตัวไม่รู้จักท่านเลย _ไกรวุฒิ อินราช • พ่อครูท่านเก่งน่ะ แต่เก่งทางอื่น พ่อท่านไม่ใช่แน่นอน อรหันต์ ต้องไม่ใช่แบบนี่ พ่อท่านไม่ใช่ พระอรหันต์แน่นอนครับ ผมไม่รู้น่ะว่า พ่อท่านเอาอะไรนับ เอาอะไรล่ะมาวัดว่า ตัวเอง บรรลุธรรม ใช่หรอ อรหันต์ พระอรหันต์ที่ บรรลุธรรมขั้นสูงสุดน่ะ เค้าไม่ได้มาอยู่นี่หรอก ถึงอยู่ก็คง ทำตัวให้สูงกว่านี้ ว่างเปล่ากว่านี้ พระอรหันต์จะต้องไม่ยินดีไม่ต้องการสิ่งของใดๆ ที่ไม่จำเป็น ถ้าพ่อท่าน บรรลุจริงน่ะ คงตอบคำถาม ไม้ร่ม ได้หมดทุกคำ ทุกข้อสงสัย แต่นี่ท่านยังงงกับสิ่งที่ลุงไม้ร่มถาม คือ เอาง่ายๆน่ะ พระอรหันต์ ท่านจะไม่บอกแน่นอนว่า ท่านบรรลุธรรม พ่อครูว่า…อาตมาขอยืนยันจิตใจว่า จิตว่างจากกิเลสจริงๆ สิ่งที่จำเป็นที่คุณว่าไม่ได้จำเป็นสำหรับอาตมา แต่จำเป็นสำหรับมวลมนุษยชาติ อาตมาตอบคำถามไม้ร่มได้ทุกคำ แต่คุณไม่รู้เท่านั้นเอง เรื่องอรหันต์จะไม่บอกว่าตนเองบรรลุธรรม ไปอ่านโลหิจสูตรดู โลหิจจพราหมณ์ มีทิฏฐิลามก ว่า “ผู้บรรลุแล้วไม่พึงบอกแก่ผู้อื่น เพราะคนอื่นจะทำอะไรแก่อีกคนหนึ่งได้ การบอกแก่คนอื่นจัดว่าเป็นความโลภที่เป็นบาป เปรียบเหมือนคนตัดเครื่องพันธนาการเก่าออกแล้ว กลับทำเครื่องพันธนาการใหม่… ฯลฯ ” . พระพุทธองค์ตรัสว่า เป็นมิจฉาทิฏฐิ ย่อมมีคติ 2 คือ นรกหรือกำเนิดเดียรัจฉาน อย่างใดอย่างหนึ่ง (พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 358) คงไม่มีใครอ่านหนังสืออาตมาได้เก่งเท่าท่านหนักแน่น อ่านคนคืออะไร? 49 เที่ยว อ่านหนังสือเก่าๆของอาตมาด้วย ทำให้อาตมาได้ประโยชน์ด้วย อาตมาเขียนหนังสือธรรมะตั้งแต่สมัยฆราวาส แต่ที่ไม่ได้พิมพ์เป็นเล่มก็มีมาก ลงในหนังสือสตรีสาร ได้พิมพ์เป็นหนังสือเล่มแรกคือ คนคืออะไรทำไมสำคัญนัก? เขียนเรื่องสั้นก็มาก็เป็นร้อยๆเรื่อง ทำวิทยุกับเพื่อนๆ ใน 5 วันต่อสัปดาห์ร่วมกัน 3 คนเขียน ตอนแรกก็ให้อาตมาเขียน 2 เรื่องต่อสัปดาห์ อีกสองคนเอาไป 3 เรื่อง นานเข้า ให้อาตมาเขียน 3เรื่อง ต่อสัปดาห์ หนักเข้า เขาไม่ไหวก็ให้อาตมาเขียน 4 เรื่องต่อสัปดาห์ หนักเข้า เขาบอกเลิกอีก อาตมาเขียน 5 เรื่องต่อสัปดาห์ อ่านหนังสือพิมพ์ก็ต้องเอามาคิดพลอตเรื่อง ไม่ไหว หนักเข้าก็ต้องบอกเลิกเขียน อาตมายังนึกทุเรศตัวเองเลย เป็นเรื่องไม่เข้าท่า พูดถึงก็ยังนึกขนลุกเลย ยกตัวอย่างอาเจ๊กคนหนึ่งเกิดกามกับคนใช้สาวที่บ้าน ก็ยกตัวอย่างมาเป็นพลอตเขียน สอนเรื่องกามอย่างนี้เป็นต้น เป็นเรื่องดูหยาบๆทีนี้จำได้ อาตมาออกบวชก็เลยยกแฟ้มเรื่องสั้น ร้อยกว่าเรื่องนี้ให้รุ่งโรจน์ ณ นคร อาตมาออกบวชมาก็ไม่เหลืออะไร จนมาบวชก็นึกได้ว่าจะต้องเอามาใช้ รุ่งโรจน์ก็ตายก่อนแล้วก็ไปถามเมียเขา เบญจมาศ ว่าเจอแฟ้มนี้ไหม เขาก็บอกว่าไม่เจอ ค้นไม่ได้ เลยไม่เจอเลยทุกวันนี้ ได้เวลาจิบน้ำ _จับใจ ธนโภค…ดิฉันให้ความสำคัญของหมู่กลุ่มมาก แล้วหมู่กลุ่ม ก็มีความสำคัญกับการปฏิบัติธรรมส่วนหนึ่ง แม้ว่าให้ความสำคัญมากบางเรื่องมาอยู่ที่นี่ หมู่กลุ่มทำให้เราลดกิเลสได้บางส่วนแต่ส่วนไหนที่เรายังไม่ได้ ถ้าหมู่กลุ่มชี้เราก็สะอึกเหมือนกัน เพราะอะไร พ่อครูว่า..เราก็ได้ประโยชน์มันซาบซึ้งก็สะอึก ดีแล้วล่ะ แต่ถ้าคุณต่อต้านแล้วปฏิเสธคนก็ไม่ซาบซึ้ง แต่มันก็ท้อบ้าง _ส.หนักแน่น…อยากถามเป็นความรู้ ผมเห็นคนๆนี้ ผมเห็นเขาประสานงานต่างๆ ผมอยากถามว่าคนๆนี้เขาทำอรหันต์ถึง 50 % หรือยัง คือ ณ เดช พ่อครูว่า…อย่าเอาแต่ว่าทำงานอย่างเดียว ที่ถามมา คือ มีปฏิภาณรู้ว่าเขาทำงานอย่างเดียว แต่เขาไม่พูดไม่แสดงออกอะไรออกมาก็เลยยาก ตัวเองก็เลยตัดสินไม่ได้ ไม่ได้สุงสิง ก็คงเป็นผู้หญิงมากกว่า ในพวกเราก็มีหลายคน ก็ตอบทันทีไม่ได้ แต่มีคนที่ท่านถามกับอาตมา อาตมาก็ไม่ได้บอกเรื่องที่เดียว ว่าคนๆนี้เป็นอะไรหรือเปล่า แต่บอกเป็นนัยๆว่าให้อ่านดูดีๆ คนนี้ เข้าขั้นอย่างน้อยเป็นอนาคามี จะเป็นอรหัตตมรรคหรือไม่ก็ดูเอาเอง บอกเป็นไกด์ให้ดูในพวกเราเบิกบานแต่ไม่แป้นแล้น ไม่ค่อยพูดค่อยจา ทำงาน รับผิดชอบงานการ ยังนึกอยู่เลยว่าถ้าตัวตายไปจะมีตัวแทนไหม _ปทุมพร • สะสมยึดติด…แล้วแต่จิตจัยที่จะฝักไฝ่ฝ่ายได่ดูๆและตรึกตรองแล้วเหมือนสายวัดป่าแต่ยังติดในความสะดวกสบายความโออ่าอะลังการเลยไม่ทราบสร้างอาณาจักรเพื่อแสดงความมีบารมีแข่งกันของพระแต่ละองค์ในประเทศนี้หรือเปล่า. พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนว่าอย่างไรคนเกิดรุ่นหลังไม่ทราบแต่คำสอนที่ถ่ายทอดกันมาที่ได้รับรู้คือละแล้วซึ่งกิเลสสร้างแต่กรรมดีไม่ยึดติดในสิ่งที่จะทำให้เกิดกิเลส. แต่ดูจากหลายอย่างที่นำมาให้เห็นให้ดูมันย้อนแย้งกันหมดเลยเกิดความสงสัยว่านี้มันใช่หรือที่ท่านเป็นผู้ละแล้ว…ปล่อยแล้ว…วางแล้ว…มันมีแต่สร้างให้เกิดกิเลสทั้งนั้นเลย. ข้าพความรู้น้อยขอให้ท่านผู้มีความรู้แจ้งเห็นจริงช่วยให้ความกะจ่างด้วยเจ้าคะ…มาแบบเดียวกับหลายๆวัดเลย เอาศัทธาที่เกิดจากคนปัจจัยน้อย(คนงมงาย)ไปสร้างอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ให้กับคนที่ฉลาดและมีจิตวิทยาสูงได้มีอาณาจักอันยิ่งใหญ่. มันเพี้ยนไปกันใหญแล้วสภาพสังคมมันทำให้คนที่มีจิตใจที่อ่อนแอตกเป็นเหยื่อขอคนที่ฉลาดและมีเทคนิกการโน้มน้าวจิตใจให้โน้มเอียง. มีเท่าไรขนเอาไปบริจาคทำบุญหมดครอบครัวจะลำบากกะช่างกูจะทำบุญถวายพระอย่างเดียว……เฮ้อหวังแต่ตายไปจะได้ขึ้นสวรรค์…เอาอนาคตที่มองไม่เห็นมาชี้นำ….เฮ้อขาดสติ… พ่อครูว่า…คุณยังเข้าใจอาตมาไม่ได้อาจจะมาสะอาดกว่าที่คุณสงสัย เพราะฉะนั้นก็โปรดติดตามให้ดีๆ สิ่งต่างๆที่อาตมาสร้างมันดูใหญ่ ในความลึก แล้วซ้อนในความใหญ่ อาตมาไม่ได้สร้างหรูหราอย่างเป็นวิมานโลกีย์ ไม่ เช่นอาตมาสร้างอาคารบวรในที่ 11 ไร่ มันสามัญมากไม่ได้หรูหราใหญ่โตเลย สร้างเสาเหล็กหลังคาเพลนๆธรรมดา ตอนนี้ก็มีอะไรตกแต่งบ้างตามประสา แต่เน้นให้ใช้ประโยชน์เป็นตลาดประชารัฐ ให้คนมาขาย คนก็ไม่ไว้ใจเกรงตลบหลังหรือไม่รู้ก็ไม่ทราบ แต่ที่จริง คนที่จะมาก็ต้องมีบารมี หากว่าเกเรมาโกงกินก็เข้าไม่ได้ อันนี้มันเป็นภาวะแทรกซ้อนของบารมี คนชั่วเลวทำไม่ได้นาน ต้องออกไป เพราะพวกเรามีธรรมฤทธิ์ในตัว ชั้นบนสองข้างให้เป็นสำนักงานเป็นออฟฟิศ เป็นห้องวิจัยอะไรก็ได้ ประกาศไปอยู่ นอกนั้นก็เป็นที่พักพวกเราฝ่ายหญิงฝ่ายชาย ยังมีห้องอื่นๆอีก แม้แต่ทางการทางจังหวัดจะมาใช้ประโยชน์ก็เชิญ เราสร้างด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้สร้างมาหาเงิน ไม่ได้สร้างมาหาอำนาจปัจจัย แต่สร้างมาเพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์ อาคารเฮือนสูญของเรา ไปไม่เห็นก็ว่าใหญ่แล้วช่างปั้นเป็นต้นไม้ใหญ่ อ.ประชา เข้ามาสัมผัสแล้วบอกว่ายิ่งใหญ่ อาตมาสร้างนี่เป็นธรรมชาติไม่ได้สร้างหรูหราไฮโซแบบที่มีประดับทองอะไรเป็นต้น และไม่ได้สร้างมาเพื่อขอรับเงินบริจาคอะไร คนจะมาบริจาคที่นี่ต้องเป็นสมาชิกที่นี่ และสมาชิกที่นี่ไม่ได้สอนให้ไปรวยไม่ได้สอนให้ไปสะสมแต่สอนให้จนด้วยซ้ำไป พวกเรามีคนรวย คนมีหลาย 10 ล้าน 100 ล้านก็มี แต่ไม่กล้าเปิดเผยตัว ยังซับซ้อนอยู่ ก็ไม่ว่า แต่เขาอยู่ก็ดีแล้ว จนกว่าเขาจะมีจิตให้ ระบายออกได้ เขาอยู่กับความไม่มีก็ได้ เป็นของส่วนกลางก็อยู่ได้ คนจะมาบริจาคที่นี่คือคนไม่รวยเป็นคนจนเบี้ยเล็กเบี้ยน้อย เบี้ยยังชีพคนแก่ คนชรา600 700 800 เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน มีความซับซ้อนมาก สู่แดนธรรมว่า… เขาว่าพ่อท่านสร้างอาณาจักรเพื่อตัวเอง พ่อครูว่า…ไม่ต้อง อาตมาตายจากอาณาจักรนี้แน่ ราชธานีอโศกไปยังอยู่ อาตมาตายก่อนแน่ราชธานีอโศกจะยืนอยู่ไปอีกหลายร้อยปี แต่ว่าอาตมาตายก่อนแน่เพราะฉะนั้นไม่ใช่เป็นของอาตมา ไม่ได้สร้างไว้เพื่ออาตมาแต่สร้างไว้ให้ผู้อื่นใช้อาศัยใช้สอย แม้แต่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็ยังไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่ คนพวกไฮโซยังไม่กล้า มันซ้อน มันรู้สึกว่ายังต่ำอยู่ มันจะค่อยๆเป็นไป อาตมาจะได้เห็นความจริงที่ซับซ้อนแล้วจะได้อธิบายตามที่มีจริงและอนาคตอีก 10 ถึง 20 ปี 30 ปีข้างหน้า จะมีตัวอย่างของคนฐานะเช่นนั้นที่อธิบายสอนได้เอาเอามาอธิบายยืนยันอ้างอิงได้ แต่ตอนนี้ยากอาตมาก็ยังไม่เก่งอธิบาย ยกตัวอย่างเรื่องเรือคายัก เขาซื้อมาให้ใช้ เพื่อนก็มาหวงแหน ใส่กุญแจใส่โซ่ล่ามไว้ไม่เอามาให้พาย อาตมาก็บอกว่าเอามาให้พาย เขาก็บอกว่าพายแล้วมันทำพัง ก็ต้องค่อยๆสอนแนะนำเขา เหมือนกับเรา เครื่องใช้ไม้สอยเราให้เด็กใช้ได้ แม้แต่รถแม้แต่เครื่องกล ถ้ามีความเหมาะสมเราก็ให้ขับ มันเสียเราก็ซ่อม มันพังก็ไม่เป็นไร เราดูแลกัน เด็กก็ตามหากไม่สามารถก็ไม่กล้าทำหรอก มันซับซ้อนลึกซึ้งมาก ยกตัวอย่างเรือ เอาออกมาให้เขาพาย ต่อมาไม้พายก็เสีย ก็หาไม้พายมาให้ ไม่มีไม้พายเขาก็เอามือพาย แล้วก็มีเรือถีบ คือจะให้ใช้ในลำธาร ไม้ร่มก็พยายามปรับปรุงลำธารก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ปรับตลิ่งปรับซอย บางคนไม่ค่อยชอบก็ขออภัย ก็เป็นของส่วนรวมลดละตัวตนลงบ้าง อะไรมันมากไม้ร่มก็ระมัดระวังอยู่ คนที่ชอบก็เอาเลยเอาหินมาวางได้อย่างนี้เป็นต้น สู่แดนธรรมว่า เขากล่าวหาว่าพ่อท่านมีจิตวิทยาชั้นสูงให้คนมาเสียสละให้ พ่อครูว่า..อันนี้ขอยืนยันว่าไม่ได้มี psychology เป็นความซับซ้อนที่ให้คนหลงเข้ามา ขอยืนยันว่าไม่มี อาตมาบริสุทธิ์สะอาด อาตมาเคยใช้ตามสูตรพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า อาตมาเป็นคนไม่หาบริวาร ภิกษุทั้งหลาย ! พรหมจรรย์เราประพฤติ มิใช่เพื่อ… หลอกลวงคนให้มาเคารพนับถือ (น ชนกุหนัตถัง) มิใช่เพื่อเรียกคนมาเป็นบริวาร (น อิติ มังชโน) มิใช่เพื่ออานิสงส์เป็นลาภสักการะและเพื่อเสียงสรรเสริญ มิใช่เพื่อจะได้เป็นเจ้าลัทธิ หรือค้านลัทธิอื่นใดให้ล้มไป มิใช่เพื่อให้มหาชนเข้าใจว่า.. เราได้เป็นผู้วิเศษอย่างนั้น ก็หามิได้ ภิกษุทั้งหลาย ! ที่แท้ พรหมจรรย์นี้เราประพฤติเพื่อสำรวม เพื่อละ, เพื่อคลายกำหนัด, เพื่อดับทุกข์สนิท ฯ (พรหมจริยสูตร พตปฎ.เล่ม 21 ข้อ 25) อาตมามีความจริงอยู่แล้ว ไม่สามารถจับที่ความจริงอาตมาได้ก็จะได้ประโยชน์ ถ้าคุณไม่ติดที่เปลือก มันเป็นเครื่องคัดเลือก เข้าสู่บทความจากไทยโพสต์. วันที่7มิ.ย. อ่านเอาเรื่องของผักกาดหอม สิ่งที่มีอยู่จริงของ “อภิสิทธิ์” รัฐสภาโหวตเลือก “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ ไม่มีอะไรแปลก แต่ที่แปลกคือเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจตั้งแต่สภายังไม่ลงมติให้เป็นนายกฯ นี่ซิ…ไม่ธรรมดาจริงๆ ระยะยาวหนักแน่! การเมือง ๒ ขั้วแบ่งข้างชัดเจน แถมเสียงยังก้ำกึ่ง ประมาทเมื่อไหร่คือยุบสภาเลือกตั้งใหม่ทันที ฉะนั้นไม่มีแม้เวลาฮันนีมูน บวกกับการลาออกจาก ส.ส.ของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กลายเป็นการสลักหลังว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีความชอบธรรม และประเด็นนี้จะถูกนำไปขยายผลต่อ เพื่อล้มรัฐบาลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำไมการลาออกจาก ส.ส.ของ “อภิสิทธิ์” ถึงกระเทือนไปถึงเสถียรภาพของรัฐบาล? คำตอบง่ายๆ เพราะขนาด “อภิสิทธิ์” ยังยืนยันว่า ไม่ควรปล่อยให้รัฐบาล คสช.สืบทอดอำนาจ ถ้อยแถลงของ “อภิสิทธิ์” “จนถึงวันนี้ยังยืนยันจุดยืนเดิม เพราะมองว่าทั้งพฤติกรรมและเหตุการณ์จากวันที่ยืนยันจุดยืนจนถึงวันนี้ยังเป็นเครื่องยืนยันว่าประเทศชาติต้องการให้ประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริต ซึ่งสิ่งที่ได้ประสบมาในการเลือกตั้งทั้งการใช้อำนาจรัฐ อำนาจเงิน พฤติกรรมการได้มาในสิ่งต่างๆ โดยมิชอบ จนถึงการกระทำอื่นๆ เช่น การสรรหา ส.ว. การแทรกซึมในสื่อมวลชนบางแขนง การทำให้องค์กรอิสระไม่สามารถตรวจสอบ ทัดทานรักษาความถูกต้องตามกติกาได้ ซึ่งพฤติการณ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่ผมยืนยันว่ายังมีอยู่จริง ทำให้การใช้คำว่าสืบทอดอำนาจไม่ใช่เป็นเพียงแค่วาทกรรมทางการเมือง แต่เป็นความจริงที่ไม่แตกต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2548 ในวันที่ผมยืนหยัดต่อสู้กับสิ่งที่เรียกว่าระบอบทักษิณ มหาตมะ คานธี เคยส่งจดหมายให้หลาน พูดถึงบาป 7 ประการในสังคม หนึ่งในนั้นคือการเมืองปราศจากหลักการ ผมไม่สามารถทำบาปนั้นได้” ประเด็นคือบริบทของการเมืองไทยขณะนี้เป็นอย่างไร สิ่งที่ “อภิสิทธิ์” มองพลาดไปคือ การเป็นนายกรัฐมนตรีของ “บิ๊กตู่” ไม่ใช่เป้าหมายหลักของคนที่ร่วมต่อสู้ระบอบทักษิณด้วยกันมา การไม่ให้ระบอบทักษิณกลับเข้าสู่อำนาจต่างหากคือความต้องการของประชาชนฝั่งที่เข็ดขยาดกับรัฐบาลโกงทั้งโคตร สิ่งที่มีอยู่จริงตามที่ “อภิสิทธิ์” ระบุเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการสรรหา ส.ว. ครอบงำสื่อ แทรกแซงองค์กรอิสระ สืบทอดอำนาจ ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า มันมีอยู่จริงๆ รุนแรงกว่าการแทรกแซง ครอบงำ ในยุคระบอบทักษิณหรือไม่ “อภิสิทธิ์” ก็น่าจะรู้ดี แต่ความผิดพลาดในการนำพรรคประชาธิปัตย์ จนแพ้เลือกตั้งย่อยยับนั้น เกี่ยวกับสิ่งที่มีอยู่จริงข้างต้นหรือไม่ การสรรหา ส.ว. ครอบงำสื่อ แทรกแซงองค์กรอิสระ สืบทอดอำนาจ นั้นทำให้พรรคประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้งเช่นนั้นหรือ หรือมันเป็นความผิดพลาดของ “อภิสิทธิ์” ล้วนๆ ความผิดพลาดเกิดจากจุดไหน เมื่อไหร่ เป็นสิ่งที่ “อภิสิทธิ์” ควรจะหาคำตอบให้ตัวเอง แต่สำหรับประชาชนเขารู้ก่อนเลือกตั้ง และเขาลงโทษประชาธิปัตย์ ด้วยการเลือกพลังประชารัฐ ส่ง “บิ๊กตู่” ไปสู้กับระบอบทักษิณแทน หากการส่ง “บิ๊กตู่” ไปต่อสู้กับระบอบทักษิณคือการทำบาป ประชาชนยังคงต้องทำบาปกันอีกนาน โดยไม่มี “อภิสิทธิ์” ร่วมทางด้วย. พ่อครูว่า…ขนาดนั้นยังปริ่มน้ำเลย ข้อสรุปของอาตมาคือ เพราะอภิสิทธิ์ไม่รู้จักประชาธิปไตยเลย อภิสิทธิ์เรียนรัฐศาสตร์มาจากมหาวิทยาลัย Oxford จากอังกฤษ ที่เป็นต้นประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อังกฤษและประเทศไทยก็เป็นประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขทั้งคู่ ใครจะเป็นประชาธิปไตยที่ศิวิไลกว่ากัน บทความของคุณเปลวสีเงิน คอลัมน์คนปลายซอย “ชวน หลีกภัย” ที่ใครๆ ก็ชม ตื่นสายไปนิด…. เลยพลาด ไม่ทันได้ดู “คุณอภิสิทธิ์” แถลงลาออกจากการเป็น ส.ส.ที่รัฐสภา เมื่อเช้าวาน (5 มิ.ย.62) ด้วยเหตุผล “ไม่อาจฝืนใจ” ยกมือสนับสนุนให้ “พลเอกประยุทธ์” เป็นนายกฯ ตามมติพรรคที่ตัวเองสังกัด!? ต่อกรณีนี้ ผมไม่รู้สึกบวก, ลบ เพราะเข้าใจ ว่ามันเป็นสิทธิ์ของแต่ละคน เพียงแต่แปลกใจนิดๆ คือประชาธิปัตย์นั้น การบริหารได้ชื่อเป็น “พรรคต้นแบบ” ทุกคนอิสรเสรี แตกต่างทางความคิดเห็นได้ แต่ทุกความอิสรเสรี ย่อมต้องร้อยรัดอยู่ใน “หลักการบริหาร” เมื่อความหลากหลายสรุปเป็น “มติพรรค” ออกมาแล้ว ทุกคนต้อง “ยอมรับ”! คุณอภิสิทธิ์เป็นผู้ใหญ่ เคยบริหารทั้งพรรค ทั้งประเทศ ยิ่งประกาศตนเป็นสาวกประชาธิปไตยเข้มข้น ย่อมต้องเข้าใจหลักการ “เสียงส่วนใหญ่” นี้ แต่ทำไมจึง “ยึดตนเป็นที่ตั้ง” แบบหัวลูกเต๋าขนาดนั้นล่ะ แทนที่จะยึด “เสียงส่วนใหญ่” เป็นที่ตั้ง ตามปรัชญาประชาธิปไตย ที่ไม่ยึดใจ แต่ยึดมือ ว่าใครจะมากกว่ากัน? การลงทุนถึงขั้น “ลาออก” จาก ส.ส. หวังใช้การ “ปฏิเสธ” พลเอกประยุทธ์ เป็นตัวขับเน้นประชาธิปไตยในหัวใจนั้น ต้องบอกว่า สูงส่งทางปัญญา แต่ลีลาทารกไปนิด! (พ่อครูว่า…สำนวนอาตมาว่า…สูงส่งทางไม่เดียงสา แต่ปัญญาทารกไปนิด) เพราะกระเดียดไปทาง ประชด, สะใจ ด้วย “มีความในใจ” อย่างใด-อย่างหนึ่ง ในตัวพลเอกประยุทธ์ มากกว่า รักษาเกียรติ รักษาสัตย์ ตามอ้าง! ขอบอกว่าเสียดาย ด้วยรักใคร่ หวังดี รักประชาธิปไตย ก็ไม่ควรประชดรักแบบนี้ เพราะมันยากจะ “คืนดี” ได้เหมือนเดิม สำหรับตัวเอง ในเส้นทางนี้ การลาออกจากหัวหน้าพรรค เมื่อผลเลือกตั้งไม่เป็นตามประกาศ แบบนั้น โอเค ถือเป็นสปิริตประชาธิปไตย ในเส้นทางนำ แต่กรณี มติพรรคไม่เป็นดั่งใจ แล้วลาออกจาก ส.ส. แบบนี้ ไม่โอเค เพราะมันเป็น “อัตตาธิปไตย” อาจสะใจตัวเองชั่วครั้ง-ชั่วครู แต่ทำให้คำว่า “มติพรรค” ของประชาธิปัตย์ ที่ศักดิ์สิทธิ์มาตลอด ถูก “ประชด-ท้าทาย” จากคนได้ชื่อว่า “อดีตหัวหน้าพรรค”! ถึงแม้ลาออกแค่ ส.ส. ไม่ลาขาดจากสมาชิกพรรค แต่ก็นั่นแหละ มันเหมือนเมล็ดพืชผักสวนครัวในทุกวันนี้ไปแล้ว นำมาเพาะใหม่ ก็ไม่งอก……. ถึงงอก ก็มีแต่ใบ จะไม่ให้ดอก ไม่ให้ผล! จากย่างก้าวคนศึกษาสูง หน้าที่การงานสูง ทำให้ต้องหยุดคิดว่า…….. ทั้งรัฐธรรมนูญ ทั้งระบบราชการ, งานการ และสังคมปัจจุบัน ล้วนยึดใบปริญญาเป็นคำตอบและทางเดินคน ทำให้คนทุกวันนี้ เอาแต่เชิดหน้า….ยึดความเวิ้งว้างท้องฟ้าเป็นอาณาจักรของคนศึกษาสูง ตาติดดาว ขณะเดียวกัน เท้าไม่ติดดิน คือไม่รู้จัก อดทน มุ่งมั่น มานะ พยายาม ล้มแล้วลุก สรุปคือ ไม่รู้จัก อิทธิบาท 4 อ่านแต่วรรณคดีอังกฤษ ตาไม่แลนิทานอีสปเรื่อง “ลองใหม่อีกที” สังคมทุกวันนี้ จึงมากด้วยคนประเภท นอนอ้าปากรอให้ฝนเงิน-ฝนทองหล่นใส่ งานการอะไรก็ต่ำกว่าปริญญาฉันไปหมด อีโก้ หยิบโหย่ง ไม่มีดีจะอวด แต่ชอบอวดดี เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ วันๆ เอาแต่โทษเศรษฐกิจไม่ดี ค้าขายไม่ดี ไม่มีเงิน ไม่มีจะกิน ในขณะที่พวกพม่า, เขมร, แขก ……….. แค่ไม่เลือกงาน ไม่ขี้เกียจ, หนักเอา-เบาสู้ โกยเงิน โกยทอง กัน ปี-สองปี กลับไปเป็นเศรษฐี ทองแดงครึ่ดทั้งตัว! “การเมือง” ก็เหมือนกัน ตอนนี้ ธุรกิจนักการเมือง เป็นอาชีพใหม่ กำลังฮิตในกลุ่มคนที่ยึดอายุเป็นคำตอบ “รุ่นใหม่-รุ่นเก่า” หรือไม่ก็ โคตรเหง้ารวยหน่อย มีดีกรี-มีชาติสกุล ขึ้นชื่อหน่อย ก็หวังมีตำแหน่งนักการเมืองประดับเกียรติ นึกว่ามันง่ายเหมือนเป็นดารา…. ปั่นกระแสหน้าจอ หน้าเฟซ ไอจี ทวิตเตอร์ พักเดียว ก็เปรี้ยงปร้าง ได้เป็น อีโก้กับคำว่า “คนรุ่นใหม่” แต่เข้าไม่ถึงเนื้อหา เป็นแค่รุ่นใหม่ “ไร้สาระ” แห่ตามกันไป-ตามกันมา เหมือนสวะลอยน้ำ เห็นลาออกคึ่กๆ จากประชาธิปัตย์ ถามว่าลาเพราะเหตุใด? ก็ใช้วาทะประชาธิปไตยที่เขาปั๊มโหลขายมาอ้างกันไปเรื่อยเปื่อย ออกตามอภิสิทธิ์น่ะ ไม่เท่าไหร่หรอก เนื้อแท้แล้ว มัน “หายเห่อ” น่ะ เลือกตั้งไม่ง่าย ไม่ได้อย่างที่หวัง ก็หมดอยาก หมดสนุก หมดเห่อ เมื่ออภิสิทธิ์ออก ฉวยโอกาสเกาะกระแสอภิสิทธิ์ออกด้วย จะได้ดังติด “หางข่าว” มันก็เท่านั้น………. ผมถือว่า โชคดีตามโฉลกของประชาธิปัตย์แล้วที่ “ลอกคราบ” แบบไม่ตั้งใจ ถูกตามกาล-ตามเวลา! “คนรุ่นใหม่” ทุกคน อยากให้ยึด “สมจิตร จงจอหอ” เป็นไอดอล “ผมเจ็บมาเยอะ” นั่นแหละ คำว่า “เจ็บมาเยอะ” ของสมจิตร กว่าจะได้เหรียญทอง มันสะท้อน “อิทธิบาท 4 ” ได้อย่างดี คนที่ต้องการความสำเร็จ คนที่ท้อแท้ชีวิต ให้นึกคำว่า “ผมเจ็บมาเยอะ” ของสมจิตรให้ขึ้นใจ จะทำให้มีพลังฮึดสู้ อิทธิบาท คือ รากฐานแห่งความสำเร็จ ๔ ประการ เป็นคาถาแก้จน ที่ “พระพุทธเจ้า” ตรัสสอนไว้ -ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น -วิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น -จิตตะ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น -วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น เนี่ย…ทำตามคาถาพระพุทธเจ้า 4 ข้อนี้ ถึงสมัยนี้ ไม่ได้เป็นนายกฯ ไม่ได้รัฐบาล สมัยหน้า บากบั่น พากเพียร สู้ต่อไปเรื่อยๆ ด้วย “วิริยะ” คือพากเพียรที่ต่อเนื่อง ไม่ขาดตอน เป็นระยะยาว ทำให้พบความสำเร็จ ด้วยกล้าหาญ ด้วยฮึดสู้ ล้านเปอร์เซ็นต์! ไม่ใช่ พอไม่ได้ ไม่เป็นดั่งใจ ก็ลาออก แบบนี้ จะมีแต่ “ร้อยล้ม” จะหา “หนึ่งลุก” ก็ทั้งยาก! ครับ….คุยมายืดยาว คงสงสัย เอ๊ะ ไม่เห็นคุยเรื่องเลือกนายกฯ ในรัฐสภาเมื่อวานนี้เลย ก็อยากจะคุยอยู่หรอก คิดอีกที เรื่องที่คุย เกือบทุกท่านก็นั่งจ้อง “ตาดู-หูฟัง” เห็นกับตา รู้กับใจ อยู่แล้ว เลยไม่อยากคุย เพราะคุย ก็มีแต่เรื่องนินทาว่าร้ายคนนั้น-คนนี้ ทำใจซะว่า รัฐสภาเป็นเวทีวาทะของ ส.ส.-ส.ว.เขา ฉะนั้น ก็ดูเขา ชอบ-ไม่ชอบ เปิดใจระบายอากาศออกไปซะบ้าง แต่เห็นคนชม “ท่านประธานที่เคารพ” คุณชวน หลีกภัย ตรึมเลย ว่าทำหน้าที่ “แม่นเป๊ะ” อีกทั้ง ส.ส.-ส.ว. แสดงถึงวุฒิภาวะ “สมาชิกรัฐสภา” ได้งามพอสมควร ว่าที่นายกฯ ประยุทธ์ “เหวอะหวะ” ไปพอสมควร สรุปแล้ว ได้โหวตกันตอนเกือบ 4 ทุ่ม ระหว่างพลเอกประยุทธ์ กับนายธนาธร คุมเกมรัฐสภาที่คาดว่าจะลากยาว แต่สามารถโหวตได้ในวันเดียว ก็ต้องชม “ท่านประธานชวน” อีกนั่นแหละ ใครจะได้เป็นนายกฯ จากเสียงโหวตสมาชิกรัฐสภา เกินกว่า ๓๗๕ เสียง ขึ้นไป ก็ไม่ต้องตอบนะครับ ฟังขานชื่อแค่ 4 ทุ่มครึ่ง ประเมินได้ว่า รัฐบาล “ใหม่” แต่นายกฯ “เก่า”!. พ่อครูว่า…ก็ฟังขยายความที่คุณผักกาดหอมเขียน ก็กลับมาที่คุณผักกาดหอมเขียน นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ ทำไมการลาออกจาก ส.ส.ของ “อภิสิทธิ์” ถึงกระเทือนไปถึงเสถียรภาพของรัฐบาล? คำตอบง่ายๆ เพราะขนาด “อภิสิทธิ์” ยังยืนยันว่า ไม่ควรปล่อยให้รัฐบาล คสช.สืบทอดอำนาจ ถ้อยแถลงของ “อภิสิทธิ์” “จนถึงวันนี้ยังยืนยันจุดยืนเดิม เพราะมองว่าทั้งพฤติกรรมและเหตุการณ์จากวันที่ยืนยันจุดยืนจนถึงวันนี้ยังเป็นเครื่องยืนยันว่าประเทศชาติต้องการให้ประชาชนเป็นใหญ่ พ่อครูว่า…พูดถูกแต่สภาวะจริงตรงไหม? ประชาธิปไตยสุจริต ซึ่งสิ่งที่ได้ประสบมาในการเลือกตั้งทั้งการใช้อำนาจรัฐ อำนาจเงิน พฤติกรรมการได้มาในสิ่งต่างๆ โดยมิชอบ จนถึงการกระทำอื่นๆ เช่น การสรรหา ส.ว. การแทรกซึมในสื่อมวลชนบางแขนง การทำให้องค์กรอิสระไม่สามารถตรวจสอบ ทัดทานรักษาความถูกต้องตามกติกาได้ ซึ่งพฤติการณ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่ผมยืนยันว่ายังมีอยู่จริง(พ่อครูว่า…อาจจะมีอยู่แต่น้อยกว่าสมัยของทักษิณหรือแม้แต่สมัยอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ) ทำให้การใช้คำว่าสืบทอดอำนาจไม่ใช่เป็นเพียงแค่วาทกรรมทางการเมือง แต่เป็นความจริงที่ไม่แตกต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2548 ในวันที่ผมยืนหยัดต่อสู้กับสิ่งที่เรียกว่าระบอบทักษิณ (พ่อครูว่า…พวกเราสู้หนักกว่าอภิสิทธิ์เสียอีก) มหาตมะ คานธี เคยส่งจดหมายให้หลาน พูดถึงบาป 7 ประการในสังคม หนึ่งในนั้นคือการเมืองปราศจากหลักการ ผมไม่สามารถทำบาปนั้นได้” (พ่อครูว่า…อภิสิทธิ์ยึดหลักการจนหน้ามืดแล้ว ประเด็นคือบริบทของการเมืองไทยขณะนี้เป็นอย่างไร (พ่อครูว่า…ณ บัดนี้ สัมปติ suddenly เลย) สิ่งที่ “อภิสิทธิ์” มองพลาดไปคือ การเป็นนายกรัฐมนตรีของ “บิ๊กตู่” ไม่ใช่เป้าหมายหลักของคนที่ร่วมต่อสู้ระบอบทักษิณด้วยกันมา การไม่ให้ระบอบทักษิณกลับเข้าสู่อำนาจต่างหากคือความต้องการของประชาชนฝั่งที่เข็ดขยาดกับรัฐบาลโกงทั้งโคตร สิ่งที่มีอยู่จริงตามที่ “อภิสิทธิ์” ระบุเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการสรรหา ส.ว. ครอบงำสื่อ แทรกแซงองค์กรอิสระ สืบทอดอำนาจ ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า มันมีอยู่จริงๆ รุนแรงกว่าการแทรกแซง ครอบงำ ในยุคระบอบทักษิณหรือไม่ “อภิสิทธิ์” ก็น่าจะรู้ดี แต่ความผิดพลาดในการนำพรรคประชาธิปัตย์ จนแพ้เลือกตั้งย่อยยับนั้น เกี่ยวกับสิ่งที่มีอยู่จริงข้างต้นหรือไม่ การสรรหา ส.ว. ครอบงำสื่อ แทรกแซงองค์กรอิสระ สืบทอดอำนาจ นั้นทำให้พรรคประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้งเช่นนั้นหรือ หรือมันเป็นความผิดพลาดของ “อภิสิทธิ์” ล้วนๆ ความผิดพลาดเกิดจากจุดไหน เมื่อไหร่ เป็นสิ่งที่ “อภิสิทธิ์” ควรจะหาคำตอบให้ตัวเอง แต่สำหรับประชาชนเขารู้ก่อนเลือกตั้ง และเขาลงโทษประชาธิปัตย์ ด้วยการเลือกพลังประชารัฐ ส่ง “บิ๊กตู่” ไปสู้กับระบอบทักษิณแทน หากการส่ง “บิ๊กตู่” ไปต่อสู้กับระบอบทักษิณคือการทำบาป ประชาชนยังคงต้องทำบาปกันอีกนาน โดยไม่มี “อภิสิทธิ์” ร่วมทางด้วย. พ่อครูว่า..ถ้าจะใช้คำว่าสืบทอดอำนาจนายกฯตู่ก็สืบทอดอำนาจแต่เป็นอำนาจของประชาชน ไม่ใช่สืบทอดอำนาจของผู้ที่เป็นเผด็จการ แต่มันซ้อนตรงที่ว่านายกฯตู่เป็นหัวหน้าคสช. เป็นทหารเป็นพลเอก มีหน้าที่ตำแหน่งแล้วก็ ใช้ภาษาว่าขอยึดอำนาจ มันก็เลยตื้นติดอยู่กับพฤติกรรมและภาษาที่นายกฯตู่ประพฤติและพูด แต่แท้จริงเนื้อแท้ของสาระระหว่างภาษาคำพูดกับพฤติกรรม เนื้อแท้ของความเป็นประชาธิปไตย นายกฯตู่มายึดอำนาจหรือสืบทอดอำนาจจากประชาชน นายกฯตู่สืบทอดอำนาจจากประชาชน ประชาชนได้ปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาลมาตั้ง 4 รัฐบาล จากที่เป็นอำนาจใหญ่ต้นตระกูลทักษิณ และมีนอมินีเป็นสมัครเป็นสมชายเป็นยิ่งลักษณ์ ใครปฏิเสธความจริงนี้ สิ่งนี้มีอยู่จริง และประชาชนทำทั้งนั้น อาตมาพูดว่า นายกฯตู่ปล่อยให้ประชาชนเหนื่อยอยู่ได้ พูดจริงๆแล้วนายกฯตู่มาชุบมือเปิบ ประชาชนทำแทบตายกว่าจะชนะ แต่ประชาชนก็ทำอย่างสวยที่สุดปฏิวัติด้วยความสงบสยบความรุนแรง ได้สำเร็จหมดเลย นี่คือประวัติศาสตร์หน้านี้ต้องบันทึกการให้สำคัญ ประเทศไทยทำได้ยืนยันตั้งหลายรัฐบาล เพื่อความชัดเจนเพื่อความจริงแท้ ว่านี่คือบทบาทของการปฏิวัติโดยประชาชน แล้วพลเอกประยุทธ์จึงเข้ามารับ ไม้ผลัด เป็น Corridor เป็นการยื่นระเบียงออกไปเป็นเส้นทางที่ไม่ขรุขระ เขายกตัวอย่างเป็นความหมายว่าเหมือนเส้นทางการบินบนท้องฟ้า ไม่มีอะไรมาขวางเลย ไม่มีอะไรมาคั่น มันไปในอวกาศ มันเหมือนเส้นทางการบิน Corridor อาตมาก็อธิบายลักษณะพวกนี้มาตลอด การสืบทอดอำนาจคำนี้ก็ขอย้ำยืนยันว่าสืบทอดอำนาจอะไรก็สืบทอดอำนาจประชาธิปไตยไม่ใช่สืบทอดอำนาจเผด็จการ อำนาจประชาธิปไตยโดยประชาชนที่เป็นผู้ปฏิวัติ เป็นผู้ทำรัฐประหารแล้วเขาก็มาสืบทอดอำนาจนี้ อำนาจที่นายกฯตู่รับมานี้ไม่ใช่อำนาจเผด็จการ ..ฟังให้ดีตี๋น้อยหรือดร.ปิยบุตรก็ตาม อำนาจนี้ ก่อนอื่นต้องรู้ว่าอำนาจที่สืบทอดนี้ไม่ใช่อำนาจเผด็จการแต่เป็นอำนาจประชาธิปไตยโดยประชาชน ไปศึกษาให้ดีจะรู้จักเนื้อหาสาระอันนี้ของคนไทย เพราะฉะนั้นอำนาจนี้จึงไม่ใช่ของผู้ที่เป็นเผด็จการอันใด แต่เป็นอำนาจของประชาชนโดยประชาชนและทำเพื่อประชาชน เมื่อพลเอกประยุทธ์มารับไม้ผลัด ประชาชนก็ให้ทำต่อไปได้ มีคู่เปรียบเทียบคือพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าปฏิวัติตอนนายกทักษิณ แต่ว่าพลเอกสนธิไม่เหมือนพลเอกประยุทธ์ ที่ประเดี๋ยวเดียวก็เห็นลายว่า ตกอยู่ใต้อำนาจทักษิณอีกจึงเสร็จไป ประชาชนต้องออกไปปฏิวัติอีกนี่คือประวัติศาสตร์การเมืองไทย พวกเราอยู่ในเหตุการณ์อาตมาก็ไปด้วย ตอนแรกพลเอกสนธิปฏิวัติก็ได้ดอกไม้จากประชาชน แต่พลเอกสนธิไม่จริงเองสุดท้ายประชาชนก็ต้องไปไล่อำนาจทักษิณอีกรอบ เพราะว่าพลเอกสนธิไม่มั่นคงไม่เหมือนพลเอกประยุทธ์ ตอนนี้พลเอกประยุทธ์ก็ยังยืนยันพิสูจน์ตัวเองอยู่ ถ้าพลเอกประยุทธ์จะมีอะไรที่เหมือนพลเอกสนธิเหมือนสมัครสมชายยิ่งลักษณ์ ถ้าเหมือนก็ถือว่าไม่เข้าตาเรา เราก็ไม่เอาเหมือนกันแต่ตอนนี้อาตมายืนยันว่าพลเอกประยุทธ์ยังทำงานเข้าตาอยู่ ด้วยหลักฐานต่างๆ มีหลักฐานทางเศรษฐกิจการเมืองก็สงบ ไม่มีความวุ่นวายเดือดร้อน ตอนนี้ยิ่งไม่มีม.44 เพราะฉะนั้นมันจะทำให้พลเอกประยุทธ์ยิ่งสะอาดสวยงามมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นไม่ต้องเสียใจน้อยใจไม่มีอำนาจมาตรา 44 มันยิ่งจะทำให้เราผ่องแผ้ว สวยงามสะอาดสะอ้านขึ้นด้วยซ้ำไป ทำงานดังที่ได้ทำมาแล้วให้ดียิ่งขึ้น ยังอายุไม่ถึง 70 อาตมาเอาใจช่วยเต็มที่อาตมาย่าง 86 แล้วก็ยังสู้ จะทำต่อไปอีก 66 ปี อาตมาทำอย่างห้าวแต่ได้ศึกษาอบรมฝึกฝนสร้างสัมประสิทธิ์ให้แก่ตัวเองเพราะเป็นเรื่องของจิตวิญญาณที่เป็นประธานของตัวเราเอง เป็นประธานแม้กระทั่งวิบาก อาตมาวิบากจริง อายุขัย 72 กำลังย่างไปอีก 2 นักษัตร หากไปอีก 1 นักษัตรก็ 84 แล้วไปอีก เป็น 96 ปีหากอาตมาแข็งแรงคล่องแคล่วกว่านี้ก็อย่าว่าอาตมานะ มีกำลังกายปาคุญญตา เวทนาสัญญาสังขารแข็งแรงสดใสมีมุทุภูตธาตุ กัมมัญธาตุที่เป็นธาตุแข็งแรง แน่นอนคุณต้องเห็นด้วยกายวิญญัติ วจีวิญญัติ คุณไม่เห็นจิตใจอาตมาหรอกต้องอ่านทางความเคลื่อนไหวทางกายวาจา นัจจะ คีตะ วาทิตะต้องแสดงออกอย่าว่าอาตมานะ อาตมาก็ต้องแสดงออกยืนยัน คนอื่นจะเข้าใจผิดก็ตาม ว่าทำไมยังเด็กขึ้น มั่นใจว่าธรรมะพุทธเจ้าจะมีสภาพที่ตีกลับทวนกระแสได้ ดูไปอีก 5 ปีถ้าเห็น 5 ปีนี้เปลี่ยนแปลง 96 คงได้ฉลองกัน แค่ 90 ก็ได้ฉลองแล้ว แล้วไป 108 ให้อยู่ด้วยกันนะ อย่าเพิ่งรีบไปนะ ถ้าถึง 108 นี่กี่ปี อีก 23 ปี การพิสูจน์ที่ว่าจะมีสภาพหมุนรอบเชิงซ้อนที่ไม่น่าเชื่อ ควรจะตายได้แล้วแต่ทำไมยังแข็งแรงไปอีก พี่ไม่น่าจะเป็นไปได้มันย้อนแย้ง ความย้อนแย้งนี้มันจะมีความซับซ้อนขึ้นมาให้เห็น ขึ้นมาให้ดูขึ้นมาให้เป็นจริงเป็นสิ่งที่เกิดจริงเป็นจริงให้ดู ไม่เป็นการศึกษาตามความเป็นจริงไม่ใช่ศึกษาตามตำรา มีเหตุการณ์จริงพวกเราอยู่ในเหตุการณ์อยู่ในยุค เราเป็นตัวหมากอยู่ในงานนี้ด้วย อาตมาก็ร่วมไปด้วย เพื่อจะพิสูจน์ว่าธรรมะนั้นต้องดูแลสังคม ยิ่งเป็นการเมืองธรรมะต้องยิ่งเข้ามาร่วม เพราะการเมืองเป็นสัจธรรมของมวลมนุษยชาติ พรรคการเมืองไม่มีธรรมะเข้าไปร่วมอยู่ในการเมือง การเมืองก็ชิบหายวายป่วงไป เสียหมด คนที่เป็นนักธรรมะจะมาร่วมทำงานการเมืองมันไม่ง่าย ยิ่งเป็นนักการเมืองตัวเอกเหมือนอย่างอาตมายิ่งทำแล้วไม่เอาตำแหน่ง พูดได้เลยเอาตำแหน่งอะไรให้ก็ไม่เอา เอาตำแหน่งที่อาตมาเป็นอยู่นี่แหละแล้วเขาก็บอกว่าคุณก็เป็นหัวหน้าชาวอโศก อาตมาก็บอกเลยว่าไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้าอะไรหรอก อาตมาไม่ได้ต้องการเป็นหัวหน้าแต่พวกคุณยกให้อาตมาเป็นหน้าเป็นตาต่างหาก เป็นหัวคิดหัวนำ เอาความรู้ความคิดความเข้าใจมาเปิดเผย ได้ อันนี้ใช่ แต่จะใช้พยัญชนะว่าหัวหน้า มีตำแหน่งหน้าที่แบบโลกีย์นั้นไม่ใช่ แต่อาตมาใช่เป็นผู้ที่นำความคิดนำความรู้เป็นหัวคิด เป็นหัวคิด นำหน้าได้ แต่เป็นหัวหน้าไม่ได้ แต่เป็นหัวได้เป็นหน้าได้ ไม่ได้น่างงตรงไหนเลยมันชัดเจน _ความจริงชีวิตคนสอนตัวเองง่ายสอนคนอื่นยาก คนมีกิเลสสอนคนมีกิเลสก็ทำให้สับสน หาประโยชน์ไม่ได้เสียเวลาชีวิต ต้องพัฒนาตัวเองไปสู่สูงต้องเอาภาระตัวเองไม่ติดยึดโลกกระทำไม่เอาเปรียบผู้อื่นไม่เบียดเบียนตัวเองอีกอย่างต้องมีวรรณะ 9 กำลัง 4 มีน้ำใจเป็นสาระตั้งต้นใหม่ต่อเชื่อมกับโลกโลกุตระเป็นต้นทุนของมนุษย์พันธุ์ใหม่ด้วยใช่ไหม น้ำใจและกำลังใจเป็นอริยทรัพย์เป็นทรัพย์โลกุตระด้วยหรือไม่ แล้วน้ำใจรดต้นอภัยบำรุงต้นสละต้นระกำได้ด้วยไหม มีคนพูดว่าน้ำใจช่วยคนอื่นบรรลุธรรมไม่ได้ แถมช่วยเขามากยิ่งจะทำให้เขาอ่อนแอซะอีก ทำให้เขาดูแลช่วยเหลือตัวเองไม่เป็น หรือไม่ คำว่าตายคือกิเลสตายใช่ไหม แล้วคนที่เป็นอรหังนต์แล้วต้องตายภายใน 7 วันใช่หรือไม่ พ่อครูว่า..อรหันต์แล้วไม่ตายภายใน 7 วันทั้งหมดหรอก ก็ดีนะติดตามเข้าใจอะไรได้ ยังจะพูดกันอีก เรื่องธรรมะ อาตมาจะอยู่ไปอีก 60 ปี แต่จะอยู่ถึงเท่าไหร่ก็อีกเรื่อง …จบ Category: ศาสนาBy Samanasandin10 มิถุนายน 2019Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรมสำมะปี๋ซี่วิต Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:620609_ พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 38 ราชธานีอโศกNextNext post:620612_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ครอบครัวพญาแร้งแห่งแดนโลกุตระRelated Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024