มิ.ย.162019ศาสนา620616_วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ เมืองไทยมีพระอรหันต์เมืองไทยก็คือชมพูทวีป อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1eOSiHZ4z5Nfy_erH1t5p2qw5mqR5nb7F0SV6M22-hXg/edit?usp=sharing ดาวโหลดเสียงที่ .. https://drive.google.com/open?id=1CsR4DcHVvXYkzzpQi-jt4JzMW669FfVw สมณะฟ้าไท…วันนี้วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน 2562 ที่ บวร ราชธานีอโศก รายการนี้เป็นรายการสร้างสรรสังคมให้เป็นโลกุตระ คือ เหนือโลกโลกีย์ ปฏิบัติธรรมอย่างมีผัสสะตามมรรคมีองค์ 8 แม้แต่การเมืองเราก็ไปชุมนุมประท้วงอย่างสงบสันติอหิงสาเพื่อประโยชน์ตนประโยชน์ท่านได้อย่างดี พ่อครูว่า..ที่จริงแล้ว การเกิดเป็นคนแล้ว ถ้าเผื่อว่าไม่เจริญ ไม่ศึกษา ไม่พัฒนามาในทางคุณธรรม ในทางความรู้ความเฉลียวฉลาด ที่จะเฉลียวฉลาดว่ามนุษย์นั้นเจริญเอาอะไรเป็นเครื่องตัดสินความเจริญ มนุษย์ที่จะเจริญนั้นเราใช้กรรมเป็นเครื่องชี้บ่ง พฤติกรรม กรรมทางกายกรรม วจีกรรม ซึ่งเกิดได้จากมโนกรรมเป็นประธาน มโนปุพพังคมาธัมมา มโนเสฏฐามโนมยา จิต มโน เป็นตัวประธานของสัตว์โลกที่ชื่อว่ามนุษย์ ที่เกิดมาได้ร่างได้องค์ประกอบของร่างกาย ดิน น้ำไฟ ลม กับ องค์ประกอบในข้างในทั้งหมด 32 อาการ 32 อาการนี้มันก็ทำงาน ตามรูปธรรมสรีระของมันไป แต่ใน 32 องคาพยพทั้งหมด ตั้งแต่ผม ขน เล็บ ฟัน หนังไปจนกระทั่งถึงเนื้อ เลือด ไขมัน จนกระทั่งถึงตับไตไส้พุง ครบ พระพุทธตรัสรู้ว่ามันมี 32 อาการ ก็ทำงานไปตามอัตโนมัติของจิตนิยาม นี่คือความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า จิตนิยาม พีชนิยาม ก็แตกต่างจากพลังงานการสังเคราะห์สังขารของอุตุนิยาม ซึ่งยังไม่มีธาตุของความเป็นชีวะครบพร้อม ความละเอียดละออพวกนี้ผู้ที่เกิดมาเป็นมนุษย์สามารถมีธาตุรู้ เรียนรู้ศึกษาเข้าไปรู้ความจริงพวกนี้ได้อย่างถูกต้องลึกซึ้งครบสมบูรณ์ พระพุทธเจ้าตั้งแต่ท่านเกิดเป็นคน บรรลุอรหันต์แล้วศึกษาต่อเป็นโพธิสัตว์ เป็นโพธิสัตว์ถึงจะรู้ว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร เกิดมาเพื่อศึกษาต่อจนจบสุดเรียกว่าสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่รู้สูงสุดเลย ในประดาสัตว์โลกที่ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์โลกมาเป็นมนุษย์และเป็นมนุษย์สูงสุดได้ก็คือเป็นพระพุทธเจ้า อาตมาเป็นพระโพธิสัตว์ จึงรู้ว่ากว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าก็ต้องเป็นโพธิสัตว์มาไม่รู้กี่ชาติ สั่งสมบารมี โพธิสัตว์ 9 ระดับ 1.โสดาบันโพธิสัตว์ 2.สกิทาคามีโพธิสัตว์ 3.อนาคามีโพธิสัตว์ 4.อรหันต์โพธิสัตว์ 5.อนุโพธิสัตว์ 6.อนิยตโพธิสัตว์ 7.นิยตโพธิสัตว์ 8.มหาโพธิสัตว์ 9.พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งขึ้นมาในโลก จึงรู้ว่าพระพุทธเจ้านี้เกิดมาไม่ได้ศึกษาอะไร นอกจากศึกษาเรื่องคนกับเรื่องสังคมมนุษยชาติ อาตมาพูดมาย้ำซ้ำไม่รู้กี่ทีแล้ว พระพุทธเจ้าเห็นสำคัญว่าไม่มีอะไรน่าศึกษาเท่ากับความเป็นมนุษย์กับความเป็นสังคม เมื่อรู้ชัดเจนในเรื่องของมนุษย์กับสังคมแล้ว เมื่อชัดเจนแล้วก็ทำงานนี้ตลอดไม่เคยทำงานอื่นเลย ผู้บรรลุธรรม เสร็จแล้วก็รู้ว่าเกิดมาเป็นคน ต้องทำงาน งานที่ทำก็ให้คนรู้ตัวเอง รู้เกี่ยวกับมนุษย์ ก็ต้องให้คนมาบรรลุธรรม แล้วก็รู้จักเกี่ยวข้องกับความเป็นมนุษย์เกี่ยวกับสังคมอยู่กับสังคม แล้วเป็นคนที่ทำงานอันนี้แหละสุดยอดในงานแล้ว งานที่ทำงานกับสังคมมนุษยชาติ ให้มนุษยชาติดี มนุษยชาติได้ทำกายกรรมวจีกรรม โดยมีมโนกรรมเป็นประธานให้เป็นสิ่งที่ดี นี่เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คนสามารถที่จะอยู่เหนือ ควบคุมคนด้วยกัน แล้วก็ควบคุมสัตว์ สัตว์ใหญ่ขนาดไหนถ้าเผื่อว่าในยุคนี้มีไดโนเสาร์คนก็เอาไดโนเสาร์มาใช้ได้เหมือนกับช้าง คนขี่ไดโนเสาร์เดินอยู่บนถนนกัน เพราะฉะนั้นความเป็นคนมันยิ่งใหญ่ได้เพราะความรู้ความฉลาด ธาตุรู้ที่สามารถพัฒนาการได้ รู้ได้ทุกอย่าง รู้สิ่งใดก็ควบคุมสิ่งนั้นได้ ไม่รู้สิ่งใดก็ควบคุมสิ่งนั้นไม่ได้ มันจะเล่นงานเอาด้วย คุณไม่รู้เรื่องของจิตวิญญาณก็ควบคุมจิตวิญญาณไม่ได้ คุณไม่รู้เรื่องไฟฟ้า คุณไปยุ่งกับเรื่องไฟฟ้าเข้าก็ตายควบคุมมันไม่ได้ คุณไม่รู้เรื่องน้ำเน่า คุณไปควบคุมน้ำเน่าไม่ได้ น้ำเน่าเอาคุณตาย คุณไม่รู้เรื่องแก๊สพิษ แก๊สที่มีประโยชน์มีโทษคุณไม่รู้ มันเอาคุณตาย เพราะฉะนั้นผู้ที่มาศึกษาความรู้ที่พระพุทธเจ้าสรุปแล้วว่ามาศึกษาให้เป็นพระอรหันต์ แล้วจะรู้ทั้งดินน้ำไฟลม อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม ธรรมนิยาม 5 อย่างนี้ นักวิทยาศาสตร์ขั้นสุดยอดของมหาจักรวาลจึงจะรู้จริง รู้ในศาสตร์นี้ ที่แยกได้เป็น อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม ยิ่งใหญ่ที่สุด อาตมาเป็นพระโพธิสัตว์ที่ศึกษาตามพระพุทธเจ้ามาปางนี้ปางเจ็ดจึงรู้ว่า พระพุทธเจ้าศึกษาอันนี้เองเราก็ศึกษาตาม ในความเป็นมนุษย์และสังคม แล้วก็ช่วยมนุษย์ช่วยสังคม เมื่อช่วยมนุษย์ช่วยสังคม มนุษย์ก็ไปช่วยสังคม แล้วก็จะไปช่วยสิ่งแวดล้อมทั้งหมด พืชพันธุ์ธัญญาหาร สิงสาราสัตว์ วัตถุ พลังงานทุกอย่างเลย ถ้ายังมีกุศลเจตนา ซื่อสัตย์ ปรารถนาดีมีความมุ่งหมายในสิ่งที่ดี แล้วก็จะช่วยทุกอย่างในโลกได้ เพราะฉะนั้นจึงเป็นสิ่งที่มีความรู้มีอำนาจ มีความสามารถในการที่จะช่วยทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ เมื่อเป็นผู้ที่รู้และช่วยอะไรได้ต่างๆทุกสิ่งทุกอย่าง มันก็จะทำให้เกิดความสมดุลความเป็นอยู่ที่ดีไปตั้งแต่สัตว์โลกมนุษย์ จนกระทั่งพืชพันธุ์ธัญญาหาร ชีวะระดับพีชะ จนกระทั่งดินน้ำไฟลม โลกียะศึกษาวัตถุ ศึกษาอย่างเก่งก็ศึกษาพืชะ ศึกษาสัตว์ พอสูงขึ้นไปเป็นศาสดาก็ศึกษาคน แต่ศาสดาอย่างเก่งก็ศึกษาได้แค่โลกียะ ศึกษาได้แค่สัจธรรมในระดับตีเทวะไม่แตก ธาตุ 2 นี่ตีไม่แตก แยกแยะไม่ออก จึงทำงานไม่ได้พิสดารไม่ได้ครบถ้วน แยกไม่ออกก็ปล่อยให้ธาตุ 2 คือบวกกับลบหรือเทวะ พลังงานที่มีแยกไม่ออก พลังงานนี้เป็นจิตนิยาม คนสามารถศึกษาบวกลบของวัตถุ ของพืชพันธุ์ธัญญาหาร ในสัตว์นั้นพอรู้บ้างแต่ในคนนั้นยากเกินจะรู้ พระพุทธเจ้าสามารถรู้ชัดเจนเลยว่า บวก มันอยู่อย่างไร ลบ มันอยู่อย่างไร แล้วจะจัดการกับบวกกับลบ ให้เกิดความอยู่ร่วมกันอย่างสันติทำให้เกิดภาวะสะเทิน สภาวะที่เป็นกลาง สภาวะนิวตรอน นี่พูดเป็นภาษาวิทยาศาสตร์ พระพุทธเจ้าทำได้โดยเรียนรู้ได้จากของตัวเองก่อน แล้วพยายามให้คนอื่นรู้ตาม ก็เกิดการเรียนรู้ตามโดยไปทำของตัวเอง เมื่อทำให้เกิดการสามารถควบคุมจิตวิญญาณตัวเองได้ ทำภาวะนิวตรอนของตัวเอง ความสงบความอยู่ร่วมกันอย่างสงบ อยู่กันอย่างเป็นประโยชน์แก่กันและกันไม่ทำร้ายไม่ทำลายกัน ไม่สปาร์คให้เสียพลังงานไปเปล่าๆ มีแต่มาร่วมกันเอาพลังงานมาร่วมกันรังสรรค์ เป็นเรื่องสูงสุดเลยตั้งแต่ความเป็นคน จนถึงพลังงานบวกลบเป็นนิวเคลียร์สามารถควบคุมมันได้ ถึงสามารถควบคุมทุกอย่างตั้งแต่คนจนถึงพลังงานบวกลบ มันชัดๆง่ายๆแต่คลุมหมดเลย เพราะฉะนั้นไม่ต้องศึกษาวิชาอื่นเลย มาศึกษาวิชาพุทธศาสตร์นี้ให้ชัดเจน อย่างอาตมาสามารถทำได้ แม้ทำเรื่องรายละเอียดเฉพาะทางวิทยาศาสตร์เรื่องย่อยๆก็ให้เด็กๆเขาทำเราเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ดูแลในกรอบไม่ให้เกิดความเสียหาย หรือดูแลในผู้ที่เขาให้เราดูแล อาตมาจะไม่ไปแส่ ไปดูแลที่เขาไม่ให้ดูแล ใครเขาไม่ให้เราดูแลไม่เกี่ยวข้องเราก็ไม่ไปดูแล เราก็ทำเท่าที่เราทำ แล้วมันจะได้สัดส่วนที่ดี อาตมาทำงานปางนี้ชาตินี้ก็มีมาให้อาตมาทำงานประมาณหนึ่งสบายๆ ไม่มีความวุ่นวายเดือดร้อนเหมือนนายกฯตู่ ที่ต้องทำมาก มีเสือสิงห์กระทิงแรดคนไม่ดีมีมาเยอะ แต่สำหรับอาตมาคนไม่ดีไม่เข้ามา อาตมาไม่ได้ปิดกั้นไม่ได้ทำรั้ว แต่คนไม่ดีเข้ามาไม่ได้เอง อันนี้เป็นนัยยะสำคัญลึกซึ้งเป็นเรื่องสัจจะ คนไม่ดีเขาไม่เข้ามา ถ้าจะเข้ามาเขาจะเข้ามาทำร้าย ข้อสำคัญเราต้องระวังอย่าไปแหย่หนวดเสือ ให้มันดุ ให้มันเข้ามาทำร้ายเรา อันนี้เราต้องระวัง อาตมาก็ประมาณระวัง อาตมานี้ปากจัดไม่ใช่เล่น ด่าเก่ง แต่ประมาณแล้วอย่างใช้สัปปุริสธรรม มหาปเทส ประมาณได้พอดี ถ้าไม่พอดีก็คงจะมีอะไรที่เป็นพิษเป็นภัยเข้ามา ไปแหย่หนวดเสือ เสือก็ต้องมากัดในนี้ แต่นี่ไม่มีเสือเข้ามากัดในนี้ สงบเรียบร้อยดี สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่อาตมาทำ ยถาวาที ตถาการี พูดอย่างไรทำอย่างนั้น ทำมาเกือบ 50 ปีแล้วมนุษย์และสังคมตามมาอยู่ร่วมด้วย ทั้งสอน ทั้งอธิบาย ทั้งนำพา มีชีวิตกินอยู่ร่วมกันสร้างสรรค์เป็นสังคมกลุ่มเรียกว่าชาวอโศก เกือบจะ 50 ปีแล้ว มีมวล ปรากฏการณ์เป็นรูปธรรมชัดเจนยืนยันได้ ว่าสังคมนี้เป็นสังคมที่มีสาราณียธรรม 6 เป็นสังคมที่มีวรรณะ 9 เป็นสังคมที่มี ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ มีวิมุติญาณทัสนะด้วย มีความรู้ในเรื่องความเป็นวิมุติ อธิบายง่ายๆตั้งแต่วิมุติหลุดพ้น ไม่คลุกคลีเกี่ยวข้อง อย่างอสังสัคคะ มาเลย อย่างพวกชาวอโศก อบายมุข พวกเราวิมุติมาหมด ไม่มีใครมีอบายมุขหยาบคายอย่างชาวโลก อบายมุขที่พูดง่ายๆชัดๆคือพฤติกรรมทุจริต อบายมุขแล้ว พฤติกรรมที่จัดจ้านไปในทางบันเทิง จัดจ้านไปในทางแข่งขันแย่งชิงเอาชนะคะคานชาวอโศกเราไม่มี อบายมุขบันเทิงเริงรมย์ไม่มีที่สิ้นสุด สนุกสนานเอร็ดอร่อยไปเป็นนรกปหาสะไป แล้วเขาไม่เข้าใจสัจจะธรรมพวกนี้ เขาก็นึกว่ามี นำหน้าจัดจ้าน สะใจถึงใจ รสชาติทางบันเทิงก็ดี รสชาติแก่งแย่งแข่งขันแข่งดีแข่งเด่นเอาชนะคะคานกันก็ดี เขาตั้งหน้าตั้งตาทำ แล้วก็ได้เป็นแชมป์เปี้ยน เขาก็ได้หน้าได้ตา Champion ทางเซ็กซี่เป็นภาษาฝรั่ง Champion ทางกามารมณ์ Champion ทาง ราคะจริต ถ้ารู้ความหมายของภาษาแล้วน่าอายมาก แต่เขาไม่อายกัน เขาหัวเราะ ภาษาของเขาดูดี แต่เขาก็ทำของเขาโดยไม่รู้ไม่เข้าใจไม่รู้ตัว หลง คนที่โง่ด้วยกันก็สนับสนุนตีกลองเชียร์ใหญ่ ว่าเป็นยอดแห่งความเซ็กซี่เบอร์ 1 มา 4 ปี 5 ปี 6 ปีแล้ว เขาไม่รู้ตัว นึกว่าคนชมเชยยกย่อง หลง หลงขี้เป็นข้าว หลงข้าวเป็นขี้ คนละขั้วกันไป เพราะฉะนั้นคนในโลกนี้ที่ไม่รู้ เห็นแล้วน่าสงสาร น่าเวทนาว่าเขาไม่รู้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านโลกีย์ จะเป็นทางด้านลาภยศ ไปทางบันเทิงเริงรมย์ หรือการแย่งชิงอำนาจ ยิ่งใหญ่ด้วยลาภ ยิ่งใหญ่ด้วยยศ ยิ่งใหญ่ด้วยสรรเสริญแม้ที่สุดยิ่งใหญ่ด้วยสุข หลงเสพสุข แล้วก็อวดสุขกันทั่วโลก สุขที่เป็นอบายมุขเท่าไหร่ก็ยิ่งโชว์น่าเกลียดเขาก็ยิ่งไม่รู้ เขาก็เอามาโชว์แข่งโชว์ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการบันเทิงเริงรมย์ จะได้รางวัลไม่ว่าจะเป็นรางวัลแกรมมี่ รางวัลออสการ์ เป็นการอวดเรื่องโง่ อวดเรื่อง Champion เอาชนะคะคานเขาได้ มีกลเม็ดกลยุทธ์กลวิธีแทคติกต่างๆเอาชนะคะคานเขาได้ เพราะฉะนั้นคนเราจะไม่เข้าใจว่ามาเป็นผู้แพ้มาเป็นคนที่ไม่ต้องหลงใหลได้ปลื้ม ในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ก็เห็นว่ามันสามัญเป็นอย่างนั้นจริงของมันรูปก็เป็นอย่างนั้นของมัน รสก็เป็นอย่างนั้นของมัน เปรี้ยวหวานมันเค็มก็แล้วแต่ กลิ่นก็เป็นอย่างนั้นของมัน สัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็งก็เป็นอย่างนั้นของมันตามความเป็นจริงของมัน แล้วเราก็เลือกสรร เอามาใช้ในสิ่งที่เหมาะที่ควรสิ่งที่เป็นประโยชน์ เหมาะควรกับที่สังคมเขานิยมไม่รังเกียจ เราก็ต้องจัดสรรให้มันถูก อยู่กับสังคมก็อย่าไปฝืนสังคมเขามากนัก สิ่งที่เป็นสาระประโยชน์ก็ใช้ประโยชน์ให้มันเป็นไปได้ ประโยชน์สูงประหยัดสุด เป็นคนเข้าใจองค์ประกอบของทุกสิ่งทุกอย่างในมนุษย์โลก ตั้งแต่ อุตุ พีชะ จิต กรรม ธรรมะให้มันทรงอยู่ ธรรมะ มีคุณค่ามีประโยชน์ ได้อย่างดีที่สุดเพื่อรักษาให้ได้ยาวนานที่สุดจะได้ประโยชน์สูงประหยัดสุด คนก็จัดสรรชีวิตให้เป็นอย่างนี้ให้ได้ จนกระทั่งได้เป็นผลผลิตของความสามารถที่เราทำ แล้วเราก็เป็นอยู่ร่วมกับสิ่งที่เราทำ อย่างชาวอโศกเรารวมกลุ่มกันแล้วมีชีวิต ทำสิ่งที่ควรทำแล้วก็อาศัยอยู่ โลกเขาจะไปแย่งชิง โลกที่แข่งอะไรก็แล้วแต่แบบโลกๆ ที่เขาให้ราคาให้ค่าอย่างโน้นอย่างนี้พวกเราก็เข้าใจไม่ไปแย่งกับเขา แต่เรารู้ความเป็นสาระดีที่สุดที่เราจะอาศัยไม่ว่าจะเป็นเครื่องกินหรือเครื่องใช้ ที่เหมาะควรที่สุดดีที่สุด เราก็มีปัญญาคัดเลือกแล้วก็อาศัยใช้สอยได้ตามพอเหมาะพอดี ชีวิตของเราก็มีประโยชน์สูงประหยัดสุดสบายๆ อาตมาไม่เก่งที่จะขยายความให้ละเอียดได้ครบครันมากกว่านี้ แต่ถ้าที่อาตมารู้สึกลึกๆในตัวอาตมา ชาวอโศกนี้เป็นกลุ่มชุมชนที่สูงสุด พูดไปแล้วมันน่าหมั่นไส้ คนจะหมั่นไส้ว่าหลงตนเองจัด ยกยอตัวเองหนัก ที่จริงอาตมาว่าอาตมายังยกยอตัวเองน้อยไป เพราะมันไม่มีสิ่งอะไรที่ดีที่สุดกว่านี้แล้ว อาตมาคนเดียวยกยออยู่มันไม่มีพลัง แล้วคนก็จะรู้สึกว่า หลงอยู่คนเดียว แต่ก็มีคนมาช่วยยกย่องยกยอกัน มาเป็นมวลเสริมว่า สิ่งเหล่านี้มันควรต้องทำในโลก คนที่ไม่รู้สัจธรรมอย่างที่ชาวอโศกมีอยู่ เป็นอยู่ มีจำนวนมากอยู่ในโลก ในโลกอันกว้างขวาง 200 กว่าประเทศ คนไม่รู้อย่างนี้มากกว่ามาก ที่รู้แล้วก็รู้ว่ามีคุณค่ามามีอยู่เท่านี้ แต่มันเป็นแก่นแกนของความเป็นมนุษยชาติ ซึ่งจริงๆลึกๆของความเป็นมนุษยชาติแล้วเขาต้องการอันนี้เขาต้องการอย่างนี้ ลองไล่เป็นภาษานิดๆหน่อยๆ 1.เขาต้องการความสงบ 2. ความต้องการความอุดมสมบูรณ์ ที่จะอาศัยใช้สอยตามจำเป็นต่อ ชีวิต ชีวะ และสังคม 3. เขาต้องการความเจริญ เอาแค่ 3 สงบ สมบูรณ์ เจริญ เอาแค่ 3 ความหมาย ชาวอโศกมีครบ สงบอย่างไร สงบอย่างแคล่วคล่องว่องไว ไม่ใช่สงบอย่างแข็งทื่อนิ่งดับไม่รู้เรื่อง แต่ยังมีความไวแคล่าวคล่องปราดเปรียวปรับตัวได้เร็วทัน เป็นมุทุภูตธาตุสูงส่งมาก เป็นกายมุทุตา แล้วก็เป็นคนที่ไม่ทำความรุนแรงให้แก่โลกเป็น กายลหุตา คือเบา เป็นพลังงานที่เบาไม่กระทบกระเทือนไม่ทำให้เดือดร้อนบาดเจ็บ ชาวอโศกเราทำได้แล้ว จึงเป็นความเจริญของความสงบ กับความอุดมสมบูรณ์ สิ่งที่กินอยู่ใช้สอย ความเป็นคน มีสิ่งอาศัยใช้สอย ในชีวิตที่ดี เทคโนโลยีแค่นี้ เราก็เอาที่พอสมควรเอามาใช้แค่นี้ก็พอแล้ว มันเกินเลยที่จะเอาไปฟาดฟัน เอาไปเข่นฆ่า เอาไปข่มเบ่ง แก่งแย่ง เกินเลยด้วยซ้ำไป มันเฟ้อเกินพอดีแล้ว จนกลายเป็นการทำลายกันแล้ว แต่ก็ยังจะคิดให้เพิ่มขึ้นมาเพื่อทำร้ายกันอีกก็เป็นอวิชชา ตอนนี้ใครกดปุ่มนิวเคลียร์ก่อนไม่ได้นะ ก็คุมกันอยู่ทุกวันนี้ แล้วทุกข์มั้ย แต่เรา ไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้เลย เราศึกษาสูงจนถึงจิตนิยาม จะเกิดจะดับ เกิดมาแล้วจะเป็นจิตวิญญาณที่ดี เป็นจิตวิญญาณที่สบายสะดวกสุขสงบ อย่างไร ทุกอย่างทุกประเด็นก็มี นัยยะมิติต่างๆ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ไว้หมดแล้ว อาตมานำมาขยายเท่าที่ทำได้ จะมีความสามารถและพวกเราก็ศึกษาได้จนมารวมตัวกันเป็นกลุ่ม เป็นรูปแบบให้แก่โลก อ้อ ว่าสังคมมนุษย์เป็นอย่างนี้ ถ้าหากนักวิจัยที่ลึกๆสูงๆเก่งๆมาเจอชาวอโศกจะรู้สึกทึ่งว่าอยู่ได้อย่างไร สรุปเข้าเป้าสูงสุด คืออยู่อย่างไม่ยึดถือตัวตนอยู่อย่างมีประสิทธิภาพสมบูรณ์ อยู่กันอย่างไม่ใช่คนขี้เกียจขี้คร้าน เท่านี้ก็เป็นสังคมที่จะยืนหยัดอยู่ได้ในโลกไปอีกนานเท่านาน คุณสมบัติแค่นี้แหละที่โลกเขาแสวงหา แต่เขาทำไม่สำเร็จ มันเป็นภาวะปาฏิหาริย์ที่คนเข้าใจไม่ได้คือ มันมีความสงบ มันมีความอุดมสมบูรณ์ ความสงบที่เรามีก็ใช้เป็นอุปกรณ์ปราบความเลวร้าย เอาความอุดมสมบูรณ์ประกอบสังคม ให้เห็นความอุดมสมบูรณ์ แม้แต่ความไม่มีตัวตน ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ขี้เหนียวไม่หวงแหน เราก็เอาไปแสดง เอาไปประกาศให้โลกเขารู้ เราไปชุมนุมประท้วง เราไปแสดงความสงบความอุดมสมบูรณ์ความไม่มีตัวตน ความไม่เห็นแก่ตัว อาตมาโมเมไหม เราทำยังเป็นความรู้เป็นความจริงเอาไปแสดง และไม่ได้มีความรู้เกิน มีความสงบความอุดมสมบูรณ์ความไม่มีตัวตนเอาไปทำงานได้สำเร็จ ไร้ความรุนแรงปราบรัฐบาลที่เลวร้ายที่มาบริหารปกครองประเทศไปไม่รู้กี่รัฐบาล รัฐบาลสุดท้ายนี้ผู้หญิงมาปกครองสุดเลวร้าย ผู้หญิงพิสดาร นายกฯตู่ยังต้องนั่งใช้หนี้อีกไม่รู้กี่ปี นี่เป็นสิ่งปรากฏที่อาตมานำมาพูด พูดอย่างเข้าใจไม่ได้พูดอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าเละเทะ นำมายืนยันให้เห็นให้ฟังกัน พวกเราไปทำงานให้เกิดความสงบความอุดมสมบูรณ์ความไม่เห็นแก่ตัว ทำให้แก่สังคมได้รับรู้ แต่คนก็ไม่ค่อยรู้ คนจะรู้หรือไม่รู้ แต่เราทำได้ผลแล้ว พวกเราทำงานให้เกิดความสงบความอุดมสมบูรณ์ความไม่เห็นแก่ตัวความเสียสละเราทำมาแล้วทั้งนั้นเลย (พ่อครูจิบน้ำ) เราไปนั่งสงบ ไม่ใช่นั่งแบบธรรมกาย เรามีพลังงาน และมีเพื่อนมาสงบกับเรา แม้ไม่นั่งจะเดิน ยืน ลีลาอะไรก็สงบซ้อนอยู่ในจิต ความสงบของศาสนาพุทธเป็นความสงบที่ยิ่งเร็วแรงมาก เป็นความสงบที่มี กายวิญญัติ วจีวิญญัติที่เร็วแรงมาก เป็นความสงบที่ลึกซึ้งที่สุด ความสงบทุกวันนี้เขาบอกว่ามาทำสมาธิ คือทำจิตให้สงบก็แบบ one way แต่ความสงบของพระพุทธเจ้าเป็นสภาพเทวดาเป็นธรรมะ 2 สงบอะไร ตัวที่ก่อความไม่สงบตัวร้ายที่สุดคือตัวกิเลสในจิตวิญญาณของคนแต่ละคน คนไม่มีปัญญาไม่มีฤทธิ์แรงที่กำหราบสำหรับตัวเอง ศาสนาพุทธ สามารถทำให้ตัวที่ทำให้เกิดความไม่สงบนี้ถูกปราบไปหมดเลยไม่มีฤทธิ์แรง จึงทำให้เกิดองค์รวมที่แคล่วคล่องว่องไวปราดเปรียว เป็นกายปาคุญญตา อาตมาแสดงธรรมนี้เป็น กายปาคุญญตา แต่มีแกนสงบของอาตมาสูงมาก เป็นนิจจัง ทุวัง สัสสตัง ฐาน static ที่แข็งแรงมากไม่มีใครมาตีแตกได้ แล้วแรงที่อาตมาจะ dynamic เร็วได้จัดจ้าน คนก็หาว่าสงบอะไรวะ เป็นธรรมดาเขาไม่รู้เรื่องเขาไม่เข้าใจสัจจะธรรมที่เราสงบนั้น เราไปทำความสงบอย่างเป็นรูปธรรม ฉากที่เราไปประท้วงเราทำเป็นตัวหนังสือไว้ สันติ อหิงสา ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ คมลึก แม่นประเด็น เป็นการปฏิบัติการชุมนุมประท้วงแนวใหม่ Neo protest แล้วเราก็ไปทำสำเร็จ ไปประท้วงสำเร็จ เรียบร้อย ใช้ความสงบ ความอุดมสมบูรณ์ ใช้เวลาตั้งเป็นปีๆหลายร้อยวัน ไปประท้วงอย่างสงบ แม้ฝั่งตรงข้ามจะมาทำร้ายเราจะมายิงมาฆ่ามาแกงด้วย ซึ่งมันก็ต้องมีตายบ้าง แต่ก็น้อย ว่าจริงๆ เสียหายตาย ถูกเขารังแก ถูกเขาทำร้าย น้อย แล้วเราก็อยู่กันอย่างสงบ อยู่กันอย่างอุดมสมบูรณ์ ใช้เวลาทำงานช่วยประเทศชาติช่วยมนุษยชาติ ช่วยประท้วงช่วยแสดงกายกรรมวจีกรรม เอาความจริงเอาความถูกต้องมาเปิดเผย มีองค์ประกอบมีกระบวนการ มีเวทีที่จะให้แสดงสัจธรรมมีหลักฐานอ้างอิงมีความจริงอะไรก็มาประกาศ ผู้รู้ที่เป็นตัวตนจริงๆออกมายืนยันต่างๆว่าเราทำงานกับสังคมอย่างนี้ๆ ส่วนมากเป็นคนดี คนที่มีประสบการณ์ในสังคม คนไม่ดีไม่กล้ามาโผล่ไปที่เวทีเราหรอก เขาไม่กล้า คนดีก็มาบอกความไม่ดีของคนไม่ดีและมีหลักฐานยืนยันจริง สมัยนี้มีทั้งรูปถ่าย ภาพวิดีโอ ก็เอามายืนยัน เพื่อยืนยันความถูกต้องกับความไม่ถูกต้อง ความถูกความผิด ความเลวร้ายกับความดีงาม จนกระทั่งความเร็วร้ายความไม่ดีงามพ่ายแพ้ไป โดยไม่ต้องไปใช้มีดใช้ปืนไปฆ่าแกงกันแต่ชนะด้วยความจริง คนไม่ถูกต้องคนเลวร้ายก็พ่ายแพ้ไป คนดีคนถูกต้องก็มาบริหารสังคม ประเทศไทยทำอย่างนี้ สำเร็จ มีภาวะซับซ้อนระหว่างพยัญชนะภาษากับสภาวะธรรม ไม่ต้องเอาอะไรมาก คำว่า เผด็จการ กับคำว่า สืบทอดอำนาจ สองคำนี้เท่านั้นก็ยังพูดกันไม่รู้เรื่อง พวกที่ยึดอำนาจคือทักษิณ เอาตัวตนบุคคลมายืนยัน เดี๋ยวนี้ก็ยังหลงเหลือเศษส่วนของพวกกลุ่มทักษิณ พฤติกรรมอย่างนี้ ยึดอำนาจ เบ่งอำนาจ ควบคุมอำนาจ กับพวกประชาชนคนไทย ส่วนใหญ่เลย ตั้งแต่แรกๆเริ่มๆเลย ทักษิณเขาหลงตัวว่าเขามีพวกมาก เลือกตั้งทีไรก็ได้มาเป็นร้อยๆล้าน เมืองไทยไม่ถึงร้อยล้าน หลายสิบล้าน 16 ล้าน เขาก็อ้างอิงตัวเลข แล้วเขาหลงตัวเองว่าส่วนใหญ่ แต่คนไทยมีมาก 67ล้าน ยังไม่ถึงครึ่งเลย แต่เขาก็ร้องว่าเป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่ คนเห็นด้วยกับเขาทั้งนั้นก็ต้องมาเลือกเขาทั้งนั้น แต่ประเทศไทยยังมีประชาชนกับทักษิณ ทักษิณเขาหลงตัวว่าเขาชนะแต่ไม่เคยชนะประชาชนไทย ทักษิณเผด็จการมาจนกระทั่งถึงขั้นเผด็จการรัฐสภาเลย ทักษิณทำมาหมด จอมเผด็จการเลย จอมเผด็จการที่ยิ่งใหญ่คนก็ไม่เข้าใจ ส่วนประชาชนทำหน้าที่ประชาธิปไตย เขาก็แยกไม่ออกว่า เผด็จการทักษิณกับประชาชน ฝ่ายทักษิณกับประชาชนปะทะกันเมื่อใดก็มีสองฝ่ายนี้ เขาก็มองความเป็นเผด็จการไม่ออก ก็มาตู่ว่าประชาชนเป็นพวกเผด็จการ ประชาชนเผด็จการหรือคณะผู้บริหารเป็นพวกมาสืบทอดอำนาจเผด็จการ ขอถามหน่อย ตอนนี้เขาว่า พลเอกประยุทธ์สืบทอดอำนาจเผด็จการ พลเอกประยุทธ์เอาอำนาจแบบทักษิณมาสืบทอดหรือเปล่า ก็ไม่ใช่ นี่มันฉลาดน้อยหรือฉลาดมาก พลเอกประยุทธ์ไม่ได้เอาอำนาจเผด็จการอย่างทักษิณมาใช้เลย เขาอำนาจประชาธิปไตยของประชาชนมาใช้ทุกวันนี้ ถ้าจะไปบอกว่าพลเอกประยุทธ์สืบทอดอำนาจ ก็สืบทอดอำนาจจากประชาชนไม่ได้สืบทอดอำนาจทักษิณ ชัดเจนไหม คือมันสับสนพยัญชนะกับสภาวะไม่เข้าเรื่อง ถ้าชัดเจนอย่างที่อาตมาพูดนี้แล้วมันไม่มีปัญหามากหรอก เมืองไทยทุกวันนี้มันเหลือพวกเศษเสี้ยวเศษสวะของอำนาจเผด็จการทักษิณ เรี่ยวแรงอ่อนลดลงไปอย่างเห็นได้มาจนถึงทุกวันนี้ แต่ต้องยอมรับเลยว่า ทักษิณเป็นจอมยึดอำนาจเผด็จการได้เก่งฉิบหายเลย เก่งจริงๆเป็นหายนะเลย เก่งฉิบหาย หายนะภาษาบาลีแปลว่า ฉิบหาย เสียหายมาจนถึงทุกวันนี้ ยังไม่สิ้นละอองธุลี แต่ก็ประชาชนชนะมาเรื่อยๆ อาตมาไม่ได้พูดเล่น ว่าประชาชนไทย ประเทศไทยมีประชาธิปไตยสวยงามสูงสุดแล้วที่อื่นยังไม่เท่า สังเกตพฤตินัยพฤติกรรมของสังคม อเมริกาที่เขาว่าเขาเป็นประเทศประชาธิปไตย สงบสู้ประเทศไทยไม่ได้ ความอุดมสมบูรณ์ก็สู้ไม่ได้ ถ้าอเมริกาไม่สร้างอำนาจของอาวุธอำนาจเทคโนโลยี เทคโนโลยีในจอเล็กๆนี้ทุกวันนี้ทำลายคน ทำให้คนสูญเสียพลังงานไปกับกล่องเหล่านี้ทั้งทางเศรษฐกิจสังคม แม้แต่การเมือง สูญเสียไปกับความงมงายพวกนี้ ก็เลยมีมุมกลับ ทำให้สังคมโลกสงบลงบ้าง เพราะมันไปจมอยู่กับไอ้นี่ ต่างคนต่างไม่เอาเรื่องกัน ดีไม่ดีเดินชนกันก็ชนกันไปเฉยๆ พูดไม่รู้เรื่องกัน เสียเวลาอยู่กับไอ้นี่ แต่ถ้ามันช๊อตก็ฆ่ากันเลย ทุกวันนี้ดูเหมือนโลกสงบ เพราะไอ้นี่ กระดานชนวนสมัยใหม่จอเล็กนี่ อาตมาไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไรภาษาไทยชัดๆ กระดานชนวนพ่อมด แป้นพ่อมดนี่ ก็เลยเหมือนดูดีสงบแต่เสียพลังงานโลกทางเศรษฐกิจสังคมการเมืองจมลงไปในนี้ พวกเราก็เอามาใช้ สิ่งสูญเสียพวกนี้พวกเราเอาคืนมา เราก็ใช้บ้าง พอสมควร แต่เราไม่ไปใช้อย่างเป็นโทษเป็นภัยเป็นพิษเราเอาสิ่งที่เป็นพิษภัยมาใช้อย่างพอดีพอเหมาะก็เป็นคนฉลาด รู้จักอะไรที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่มีอยู่ในสังคมโลก แล้วก็เอามาใช้ให้พอเหมาะพอดีอย่างไม่เป็นพิษเป็นภัย ก็เป็นคนฉลาด ประเทศไทยในหลวงร.9 ตรัสคำว่าความพอเพียง sufficiency มันยิ่งใหญ่มากเป็นความพอเหมาะพอดีในสัดส่วนที่อยู่กันอย่างสงบ อุดมสมบูรณ์ไม่ทะเลาะไม่เห็นแก่ตัว ดีไม่ดีเป็นประโยชน์คุณค่าแก่ผู้อื่น พออยู่พอกินพอใช้สอย เหลือเฟือ เกินกินเกินใช้ ไม่ขี้เหนียวไม่หวงแหน แจกจ่ายผู้อื่นไป ขายให้ถูกๆแล้วสร้างใหม่ขยันหมั่นเพียรเป็นคนมีวรรณะ 9 ตามทฤษฎีพระพุทธเจ้า สมบูรณ์แบบครบหมดแล้วในมนุษย์และสังคม ในวิชาการทั้งหลาย ศาสตร์ทั้งหลายไม่ต้องศึกษาศาสตร์แขนงไหนเลยศึกษาศาสตร์แขนงของพระพุทธเจ้าจะได้ครบ ถ้าศึกษาได้แล้วจะมีเวลา เอามาศึกษาเชิงวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ ต่างๆนานา เจริญมากเลย แต่มันทำไม่ค่อยถูก ทำไม่ค่อยได้ ชาวอโศกเราพยายามทำ แต่พวกเราก็ต้องเป็นตัวอย่างแก่สังคมอื่นๆในโลก เราทำได้แล้วแต่เราก็ต้องเป็นตัวอย่างแก่สังคมอื่น มนุษย์อื่นๆในโลก เราจึงไม่มีเวลาทำสิ่งที่เป็นภาวะรองคืออุตสาหกรรม ภาวะเอกคือกสิกรรม เมืองไทยเป็นเมืองที่อยู่ในโซนกสิกรรมได้ดี สัปปายะ 4 ครบ เราจึงมาเน้นเรื่องกสิกรรม สำหรับอุตสาหกรรมหรือเทคโนโลยีเราไม่เน้น เราอาศัยพอสมควร แต่ไม่เก่ง อย่างที่ในหลวงเราตรัส เราไม่ต้องการก้าวหน้าแบบเขา เป็นการถอยหลังอย่างน่ากลัวเรามาเอาอย่างนี้ แล้วซ้อนลึกมาถึงสังคมศาสตร์ คือเรามาอยู่อย่างคนจน แล้วอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ ดูมันจะขัดแย้งกันไหมภาษาน่ะ ก็เราเห็นความจริงกันไหม เราอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์แต่เป็นคนจนขัดแย้งกันไหม นี่แหละมันเป็นสัจจะเกิดจากคำว่าเทวะ มีภาษาคำพูดกับสภาวธรรม ใครชัดเจนว่า ผู้ที่สำเร็จหนึ่งในสองอย่างไม่ขัดแย้งอย่างกลมกลืน อย่างได้สัดส่วน harmony ultimate absolute อยู่ในตัวครบเลย อาตมาทำงานมาจะ 50 ปีสรุปว่าอาตมาทำงานได้ผลแล้ว พวกเรามีพฤติกรรมมีความรู้มีความเข้าใจแล้วช่วยกัน ให้แต่ละคนทำให้ดีที่สุดได้ มารวมกันแล้วก็เป็นมวลรวมที่ดีที่สุดได้แล้ว สุดยอด GDP นี่แหละพวกเรา GDP ไม่ไปเลอะเทอะกับคำว่า Domestic ด้วย แต่เขาคิด GDP ช่วยเอารายได้ที่ได้มาจากข้างนอกมาคิดด้วย อันนี้มันไม่ใช่ GDP ที่ถูกต้อง Domestic คือรายได้ภายในผลผลิตภายในของเราเองที่เราผลิตได้เป็นรายได้องค์รวมของเรา ของเรามีแต่การให้ รายได้มวลรวมของเราDomestic ของเราทำได้มีตัวเหลือส่วนเกินสามารถไปช่วยภายนอกด้วย สะพัดให้สู่ภายนอกได้มีอยู่มีกินเหลือเฟือ Gross รายได้มวลรวมของเรานะไม่ใช่เอาของเขามา แต่เรากลับเผื่อแผ่แจกจ่ายแก่คนอื่นด้วยนะ เรามี productของเรา นี่คือยอด GDP นักเศรษฐศาสตร์ทั้งหลาย จริงทำไม่ง่าย แต่ทำได้เพราะมี คนใจถึง เป็นคนไม่เห็นแก่ตัว เป็นคนพอ ขยันหมั่นเพียร เป็นคนไม่สะสม มีวรรณะ 9 ตามทฤษฎีหลักเกณฑ์ของพระพุทธเจ้า เราทำได้สามารถพิสูจน์ธรรมพระพุทธเจ้าว่าเป็นอย่างนี้ได้ เพราะฉะนั้นเมืองไทย ถ้ามีหลักนี้ ถ้าเมืองไทยฉลาดกว่านี้ ถ้าคนไทยส่วนใหญ่ ผู้นำผู้บริหารคนไทยส่วนใหญ่ที่เป็นนักวิชาการมีภูมิปัญญา ฟัง จะรู้ว่าเมืองไทยมีสังคมสุดประเสริฐอยู่ในนี้ คือชาวอโศก เป็นคนที่มี GDP สุดยอดของโลก มีเศรษฐศาสตร์ถึงขั้นสาธารณโภคีทำงานเสียภาษีให้ส่วนกลาง 100% ในโลกจะมีประเทศไหนทำได้ มีชุมชนไหนทำอย่างนี้ ยูโทเปียยังคิดไม่ออกเลย โทมัส มอร์เขาคิดไม่ออก เขียนยูโทเปียออกมาได้อย่างนี้ ตอนนี้ของพระพุทธเจ้าเลยกว่าที่โทมัส มอร์คิด เลยกว่าสังคมยูโทเปีย นี่เป็นสังคมชาวอโศกที่เป็นสังคมพุทธศาสนาที่เป็นโลกุตรธรรม อาตมาพูดออกท่าทางลีลาแรงเพื่อปักหมุดให้แข็งแน่น แต่จะปักลงหรือเปล่าพื้นมันแข็งมันด้านจนปักไม่ลงหรือเปล่า จำเป็นต้องปักอย่างแรง ปักอย่างเต็มที่ เป็นหัวเจาะไพโอเนียร์ พวกรุ่นแรก พวกเราเป็นพวกบุกเบิกของโลกเลย ทฤษฎีพระพุทธเจ้าที่อาตมานำมาพิสูจน์ทุกวันนี้แม้แต่ผู้รู้ในเมืองไทย ไม่ต้องพูดถึงวงการศาสนาเลย เพราะว่าศาสนาล้มเหลวหมดแล้ว ของพระพุทธเจ้า ไม่มีโลกุตระแล้ว ถึงอย่างนี้ผู้รู้ก็รู้ไม่มาก เมืองไทยยังไม่ยอมรับ ในอนาคตต่อไปที่ไม่น่าจะนาน เพราะว่าคนในโลกนี้แสวงหาทฤษฎีองค์รวมที่ยิ่งใหญ่ คือทฤษฎีของพระพุทธเจ้านี่ล่ะ เจริญคืออะไร ที่จริงคือเจริญแล้ว เจริญหมายความว่า กระแสสังคมส่วนใหญ่เล็งเห็นมาเข้าใจ ทฤษฎีที่ยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนี้เหรอ โพธิรักษ์ นำมาปัดฝุ่น นำมาดึงจากที่ถูกเขาทำสูญเสียจมก้นทะเลไป 500 โยชน์ อาตมาต้องดำดิ่งลงไปนำเอาทฤษฎีพระพุทธเจ้าเอามาประกาศใหม่ เอามาแสดงยืนยันให้แก่มนุษย์โลก ให้รับรู้ใหม่ คนก็ไม่รู้ว่าคนนี้เอาอะไรมา ถ้ามันจำไม่ได้ มันไม่รู้จัก หลงผิดไปแล้ว ไปยึดผิดเป็นถูก เมื่อเราเอาของที่ดีของที่ถูกมา แม้แต่ในประเทศไทยคนไทยส่วนใหญ่กระแสหลักสังคมไม่ว่าจะเป็นกระแสหลักทางด้านการเมือง กระแสหลักทางด้านศาสนา กระแสหลักทางสังคมก็ไม่รู้ ยังไม่เข้าใจ ว่านี่คือยอดสังคมมนุษย์ ไม่ใช่ชมชาวอโศก ชมทฤษฎีของพระพุทธเจ้าที่เราทำได้แม้แต่เล็กน้อย ของพระพุทธเจ้านี้ยิ่งใหญ่ ชาวอโศกมาผู้ประพฤติ มาทำตามเรียนรู้ ได้นิดหน่อย มาทำตามพระพุทธเจ้า แต่มันจะยั่งยืน อาตมาไม่กลัวเลยว่าที่อาตมานำธรรมะของพระพุทธเจ้ามาถึงทุกวันนี้ อาตมามั่นใจว่ามันปักหมุดในเมืองไทย จึงได้ประกาศว่าชมพูทวีปย้ายจากอินเดียมาอยู่ที่เมืองไทยแล้ว ชมพูทวีป สุรภาโว มีภาวะรูปนามทั้งบุคคลจริงประกอบกันเป็นกลุ่มแข็งแรงแล้ว เป็น static สุรภาโว และมีสติมันโต เป็น dynamic เป็นพลังธาตุรู้เป็นความรู้ด้วยที่เป็นไปได้จริง แล้วก็มีสติมันโต คือความรู้รอบทั้งภายนอกและภายใน สติต้องมีทั้งภายนอกและภายใน รู้รอบ เป็นแรงเป็นอธิปไตย เป็นพลังงานใหญ่ ควบคุมจัดการอยู่ในนิวเคลียสของมนุษยชาติ นิวเคลียสของสังคม จะเกิดอิธพรหมจริยวาโส จะเกิดความบริสุทธิ์บริบูรณ์ได้ได้เท่าไหร่เท่าที่ทำได้สำเร็จพรหมจรรย์บรรลุสูงสุดพรหมจรรย์ก็เป็นอรหันต์ ในอโศกมีอรหันต์ อิธ คือ นี้ อโศกนี้มีอรหันต์ มีผู้บรรลุตรงกัน กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมที่บริสุทธิ์อยู่ในนี้ แดนชมพูทวีปมีมวลมนุษยชาติที่สุรภาโว และมีสติสัมปชัญญะ ปัญญา สติมันโต เป็นประสิทธิภาพของสังคมถึงขั้นมีพรหมจรรย์ เพราะฉะนั้นประเทศไทยนี้มีสิ่งนี้จริง จึงได้ชื่อว่าชมพูทวีป ทวีปที่มีมนุษย์อย่างนี้ มนุษย์ที่มี สุรภาโว สติมันโต อิธพรหมจริยวาโส ในยุคพระพุทธเจ้ามีพระพุทธเจ้าอยู่ประเทศอินเดียจึงมีสิ่งเหล่านี้จึงเป็นชมพูทวีปแต่ต่อมาเสื่อมรักษาไว้ไม่ได้ ก็เลื่อนไหลมา พุทธศาสนาก็เลื่อนมาอยู่ที่เมืองไทย เมืองไทยก็มี สุรภาโว สติมันโต อิธพรหมจริยวาโส อยู่ในนี้ก็เป็นชมพูทวีป ถ้าคนเข้าใจความหมายของ สุรภาโว สติมันโต อิธพรหมจริยวาโส มันมีจริงไหมในมนุษย์ในสังคมมนุษย์ มีจริง อาตมาก็ไม่ได้พูดเพ้อเจ้อ ลอยลมปากเปล่าเลอะเทอะ ชมพูทวีปอยู่ที่เมืองไทยแล้ว คือความจริง แล้วจะเป็นแดนชมพูทวีป อาตมาพยากรณ์ว่า จะเป็นแหล่งสุดท้ายเหลือในวัฏสงสารยุคภัทรกัปนี้ ไม่มีที่นี่ก็เลิกแล้ว ต่อจากนี้ก็จะกลายเป็นกลียุค เมืองไทยเราจะรักษาไปอีกสองพันกว่าปี พ้นจากนั้นไปจะเลวร้ายกลียุค คิดไม่ออกว่าจะเลวร้ายแค่ไหนแต่ชั่วระยะที่เราอยู่เราทำสิ่งที่ดีที่สุด ตัวเราและมนุษย์ชาติ ได้อาศัยก็ทำแค่นี้ก่อน ไม่ตะกละ ทำให้มนุษย์รู้สิ่งนี้และเป็นสังคมแบบนี้อยู่กันไปอย่างสุขสำราญเบิกบานใจ ลักษณะของความจนแล้วก็อยู่อย่างจน เป็นคนจนอย่างมหัศจรรย์อุดมสมบูรณ์ สุขสำราญเบิกบานใจ จนอย่างสงบสันติ จนยังมีประโยชน์คุณค่า พูดเหมือนหลงตัวเอง พูดคุยยกตัวเองอะไรต่ออะไรไป อาตมาก็เห็นใจคนที่เขาไม่เชื่อถือก็จะหมั่นไส้ว่าเป็นคนโอ้อวด มันมีอะไรดีน่าอวดเท่าอันนี้ บอกมาหน่อย มีอะไรดีกว่านี้ที่น่าอวด สมณะฟ้าไท…เท่าที่ดูที่รู้ก็ไม่มีดีกว่านี้แล้ว พ่อครูว่า…ท่านก็พูดอย่างจริงใจเท่าที่รู้ พวกเราเป็นคนซื่อไม่ใช่คนตลบแตลง สู่แดนธรรมว่า…คนหมั่นไส้ก็หาว่าชมกันเอง พ่อครูว่า..ก็จะให้ไปชมคนตอแหลหรือ ก็ถ้าไม่ชมคนอย่างนี้แล้วจะชมคนยังไง ถ้าผู้ฟังธรรมเป็น ที่เราพูดมานี้อาตมาว่าพวกเราพยายามนำเสนอ สิ่งที่มนุษย์ควรรู้ อาตมาไม่ได้เสียเวลาเปล่านะ อาตมาว่าทำงานนี้ให้กับสังคมมนุษยชาติไป มันเป็นสุดยอดแห่งแก่นสารสาระของความเป็นมนุษย์ และความเป็นสังคม ถ้าสังคม เอาง่ายๆ อย่างชาวอโศก มีอยู่ในประเทศไทยที่มีประชากร 70 ล้าน หากว่ามีในประเทศไทยสัก 10 ล้านคน อาตมาว่าดังระเบิดเถิดเทิงเลย เมืองไทยได้อย่างชาวอโศกสัก 10 ล้าน 700 น่าจะถึงอยู่นะ 7,000 ก็น่าจะถึง 70,000 ก็พออนุโลม แต่ถ้า 7แสนนี้ไม่แน่ใจ นับคนที่พอเห็นด้วยแต่เขายังไม่มา ก็มีเยอะ 7 แสนก็น่าจะถึง ทุกวันนี้การต่อต้านจากกระแสหลัก ที่มาตีพวกเราหาว่าพวกเราเป็นกบฏเป็นพวกที่ไม่ใช่ศาสนาพุทธ แต่ทุกวันนี้เราแสดงตัวตน เราแสดงความจริงออกไปยืนหยัดยืนยัน ทั้งพฤติกรรมและที่ยืนยันเอาหลักฐานความจริงพระพุทธเจ้ามาอ้างอิงยืนยันไปเรื่อยๆ เขาก็จำนนไปเรื่อยๆ อาตมาถึงบอกว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน อาตมาก็ยังต้องพยายามไม่อยากตายง่ายๆ ต้องใช้เวลานำพาประพฤติไปยาวๆ (พ่อครูจิบน้ำ) สมณะฟ้าไทว่า…ธรรมะในยุคสมัยนี้เหมือนเราไปชุมนุม เราก็รอเวลาให้เขาเข้าใจเขาพ่ายแพ้ไป ศาสนาก็เหมือนกันรอแต่ให้ช้า เดี๋ยว ขออภัย คนชั่วก็ตายไปหมด คนดีก็เหลืออยู่ก็จะชนะ ไม่รู้จะทำอย่างไร ต้องทำอย่างนี้ พ่อครูว่า…คุณพูดสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คือคนชั่วตายหมด ในโลกมันสรณะ ปฏิสรณะต้องอาศัยสงครามเป็นสรณะ สรณะแปลว่าประกอบด้วยสงคราม คนต้องลดล้างกิเลส คนใดไม่ได้ล้างกิเลสตัวเอง คนนั้นเป็นคนที่ ซวย จะเสื่อม คนไม่ได้ลดกิเลสตนเองก็เสื่อม คนที่ได้รบกับกิเลสตัวเองคือคนที่มีสรณะมีที่พึ่ง โดยเฉพาะที่พึ่งสรณะนี้คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นไตรรัตน์ ก็มีสิ่งเหล่านี้เป็นที่พึ่งเป็นสรณะ ซึ่งรู้ว่าเป็นที่พึ่งต้องรบ หากหยุดรบเป็นอรณะ ไม่ต้องรบแล้วจบเป็นพระอรหันต์ ก็มีแต่ช่วยผู้อื่นให้ผู้อื่นนะรบให้ชนะ ชนะกิเลสตัวเองนั่นแหละ นี่เป็นสัจจะซ้อนๆอยู่อย่างนี้ แล้วก็ทำงานนี้ อาตมาเป็นโพธิสัตว์รู้ดีว่างานที่มนุษย์จะทำนั้นไม่มีอะไรประเสริฐที่สุดเท่ากับงานนี้ เพราะฉะนั้นอาตมารู้ตัวแล้วจึงมาทำงานนี้ แม้แต่พระพุทธเจ้าบรรลุสูงสุดแล้ว พอรู้ตัวว่าเป็นพระพุทธเจ้าก็ไม่เอาแล้วที่จะไปบริหารประเทศเป็นพระมหาจักรพรรดิ ยังพระบาทเปล่าผ้า 2 ผืนบาตร 1 ใบตลอดพระชนม์ชีพ ถ้าฟังอันนี้จะเข้าใจว่าอะไรมันจะยิ่งใหญ่เท่ากับความรู้ หรือธรรมดา ประเสริฐ เพราะฉะนั้นงานใดงานไหนก็ไม่สุดยอดทำงานนี้ นี่แหละคืองานที่คนฉลาดเลือกทำ งานที่คนฉลาดจริงๆเลือกจะทำ คืองานสอนให้คนรู้โลกุตระธรรมมาเป็นโลกุตระบุคคลแล้วจะช่วยโลกได้ทั้งโลกเลย คุณจะสร้างเทคโนโลยีต่างๆมา มันก็ช่วยโลกให้คนแบบนั้นเอาไปห้ำหั่นแย่งชิงแข่งขันกัน ยิ่งจะทำให้เกิดสงครามซ้อน แต่อันนี้เราทำให้เกิดความสงบจบ ช่วยลดความเป็นสงครามแก่มนุษยชาติอันนี้แหละสุดยอด เป็นอรณะ ไม่อย่างนั้นก็สรณะอยู่ตลอดกาลนานแหละ คนเข้าใจสภาวะและพยัญชนะบาลีที่ได้อธิบายไปแล้วก็จะชัดเจน “ลุงตู่” พอใจประเทศไทยรั้งอันดับ 1 ประเทศที่มีความทุกข์ยากน้อยที่สุดจากการจัดอันดับของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก สั่งเร่งแก้ทุจริต-อาชญากรรม และดูแลค่าครองชีพ คนที่ไม่มีความรู้หรอกว่าแต่ละก็ยังรู้เลยว่า คนที่บรรลุธรรมแล้วจะทุกข์น้อย แม้กระทั่งโลกียะ ก็พ้นทุกข์ ยิ่งโลกุตระพ้นทุกข์อาริยสัจ พระอรหันต์ก็จะหมดทุกข์หมดสุข ทุกข์ที่เกี่ยวกับโลก ก็พ้นได้บ้างแล้ว ส่วนจิตวิญญาณก็ทำให้หมดทุกข์ได้เลยแต่ทุกข์โดยสภาวะโลกเลี่ยงไม่ได้อีก 6 อย่าง สูงสุดแล้ว มีความทุกข์ยากน้อยที่สุด ดีใจ นายกฯตู่เข้าใจเรื่องทุกข์ แล้วก็ดีใจ จุดสำคัญของสังคมมนุษยชาติ ไม่ได้ดีใจที่รวยที่สุด ประเทศไทยไม่ได้ดีใจที่ประเทศไทยรวยที่สุดในโลก แต่ดีใจที่ทุกข์น้อยที่สุดในโลก แต่จะบอกว่าไม่ทุกข์เลยไม่ได้ มันมีทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้อีกที่จะมีอยู่ 6 อย่าง ดังนั้น วิมุตินิยม …ว่า แม้ฝรั่งจะล้ำหน้าเรื่องวัตถุนิยมใช่ว่าจะสมบูรณ์อะไรนักไปเสียทุกด้าน ใครจะเชิดชูอเมริกาตัวอย่างประชาธิปไตยจ๋า ได้ประธานาธิบดีแบบ ทรัมป์ เทียบชั้นอะไรกับประธานาธิบดียากจนที่สุดในโลก คือ Jose Mujica(โฮเซ มูฮิกา) ของอุรุกวัยผู้ซึ่งได้รับการนำเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปีนี้ด้วยผลงานนโยบาย กัญชา ถูกกฎหมายเป็นประเทศแรก คนไทยที่ตามก้นฝรั่งอย่างอนาคตใหม่ อุตริจะพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินขนาดใหญ่ ไม่แน่ใจว่ารู้จักประชาธิปไตยสมัยสุโขทัยแค่ไหนเชียว ไทยก้าวไกลก่อนเกิดอเมริกาเกือบ 800 ปีมาแล้ว ที่พ่อขุนรามนำพาประเทศนี้มา นี่เป็นเรื่องที่ท้าวความและมีหลักฐานอ้างอิงยืนยันด้วยประวัติศาสตร์ได้ คำว่า ประชาธิปไตย เขาจะเข้าใจกันแค่ไหน ก่อนอื่นอาตมาขอยืนยันว่า ประชาธิปไตยนั้น ที่อาตมาใช้ศัพท์ว่าขาเดียว คือ ประชาธิปไตยที่ไม่มีจิตวิญญาณเป็นหลักแกน จิตวิญญาณต้องเป็นหลักแกนของประชาธิปไตย และต้องเป็นจิตวิญญาณที่เป็นแกนต้องเป็นเอกเป็นแก่น static มาตลอดกาลนาน ผู้สืบทอดแก่นมาอภิบาลบริหารมนุษยชาติ ตั้งแต่มนุษย์จับกลุ่มกันขึ้นมา เป็นผีตองเหลือง เป็นมวลหมู่คณะมีหัวหน้าเผ่า ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มาจนถึงทุกวันนี้ มันก็ต้องมีหัวหน้าเผ่า สืบทอดทางจิตวิญญาณ หัวหน้าเผ่าเมื่อสมัยโบราณถ้าไม่มีความรู้เรื่องจิตวิญญาณเป็นหัวหน้าเผ่าไม่ได้นะ ต้องเก่งทางจิตวิญญาณ ไม่รู้ว่าจะมีความรู้มากมายเท่าไหร่ก็แล้วแต่ แต่ต้องเก่งทางจิตวิญญาณ เมื่อมาในยุคสมัยใหม่ทางวิทยาศาสตร์ก็ต้องเก่งทางจิตวิญญาณ พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่มีความรู้จิตวิญญาณสูงสุด ศาสนาเทวนิยมไม่รู้ความจริงอันนี้ ก็เลยตู่ว่าพุทธไม่ใช่ศาสนาเป็นปรัชญาไม่ใช่ศาสนาเพราะไม่มีจิตวิญญาณไม่มีพระเจ้า เพราะฉะนั้นพุทธไม่ใช่ศาสนา พุทธเป็นแค่ปรัชญา หารู้ไม่ว่า คุณนั่นแหละไปยึดจิตวิญญาณ แต่คุณตีจิตวิญญาณไม่แตก คุณไม่รู้จักจิตวิญญาณ คุณจมไปกับจิตวิญญาณ จิตวิญญาณครอบงำคุณสนิท คุณแยกจิตวิญญาณไม่ออก และคุณไม่เหนือจิตวิญญาณ ถ้าอยู่เหนือจิตวิญญาณควบคุมจิตวิญญาณได้ มีวสวัตตี สุดท้ายสามารถสลายจิตวิญญาณเป็นอนัตตาได้เป็นอุตุธาตุ ทำให้จิตวิญญาณเป็นอนัตตาสลายไปสิ้นหมดความเป็นชีวะไปหมดเลยไม่เหลือเลย ได้ เพราะฉะนั้นพระเจ้าไม่มีสิทธิ์จะมาทำอะไรเราควบคุมสวรรค์นรกของเราได้ เราสามารถทำลายสวรรค์นรกหมด ไม่ตกเป็นทาสของสวรรค์และนรกไม่มีสวรรค์และนรก จบ ความรู้ทางจิตวิญญาณและปฏิบัติได้จริง เพราะรู้จักเวทนาในเวทนา รู้จักจิตในจิต แล้วเทวนิยมเขามาหาว่า ศาสนาพุทธไม่มีความรู้ทางจิตวิญญาณ แต่เขาไม่รู้จักเวทนาสัญญาสังขารของจิตวิญญาณ ในนาม 5 เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ ของนามธรรมแล้วต้องทำงานคู่กับรูปอีก 28 ร่วมกันเป็นนิวเคลียส บวก ลบ รู้จักสังขารทีละคู่ ศาสนาพุทธสุดยอดเลยในความรู้ต่างๆนานา เพราะฉะนั้นคำว่าประชาธิปไตยโลกุตระ ก็คือเหนือโลก เป็นประชาธิปไตย คือ อำนาจของประชาชนเป็นใหญ่ คำว่าประชา กับ อธิปไตย ประชาชนเป็นพลังอำนาจนั้นๆ คนที่รู้จักพยัญชนะและสภาวะที่จริง ทำได้ ขออภัยต้องคุยตัวเอง อาตมามีอันนี้ จึงไปทำงานประชาธิปไตย พาไปไล่พวกที่เป็นเผด็จการพวกที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย แล้วพยายามปลูกฝังประชาธิปไตยขึ้นมาโดยให้ชาวอโศกทำก่อน เป็นประชาธิปไตยที่บรรลุถึงจิตวิญญาณเป็นโลกุตระ ทำให้จิตวิญญาณอยู่เหนือโลกได้ เหนือโลกนี่ไม่ได้ไปข่มโลกนะ แต่อนุโลมไปตามโลกตามตัวเรา เข้าใจว่าโลกมันเป็นอนิจจัง โลกมันไม่เที่ยงหรอก ต้องศึกษารายละเอียดของ อันตคาหิกทิฏฐิ 10 โลกมันไม่เที่ยง จะทำให้เที่ยงก็ได้ โลกไม่มีที่สิ้นสุดจะทำให้มีที่สิ้นสุดก็ได้ ชีพก็อย่างหนึ่ง สรีระก็อย่างหนึ่ง จะแยกชีพ สรีระ ก็ต้องแยกให้เป็น หากมีความรู้เรื่องนิยาม 5 ก็จะรู้จักชีพชีวะ ชีวะระดับนี้เป็นพีชะ เป็นจิตแล้วจิตจะไปสร้างกรรม ก็ต้องรู้พยัญชนะแล้วจัดการทำสภาวะให้ตรงพยัญชนะได้แล้วมีชีวิต แล้วก็มีชีวิต พฤติกรรมจัดสรรพฤติกรรมให้ถูกต้องให้ดีที่สุด ซึ่งไม่มีอะไรเที่ยงเลย ปัจจุบันเท่านั้นที่เที่ยงที่สุด เมื่อผ่านปัจจุบันแล้วไม่เที่ยง ยิ่งอนาคตยิ่งไม่เที่ยงใหญ่เลย เพราะฉะนั้น ศาสนาพุทธรู้จักความเที่ยงรู้จักความไม่เที่ยง รู้จักสิ่งที่มีจริงและสิ่งที่ไม่มีจริง แล้วก็ทำความไม่มีถึงขั้นจิตวิญญาณได้ ว่าจิตวิญญาณอะไรที่ไม่มี แยกได้จิตวิญญาณอะไรที่มีแล้วอาศัย แม้ว่ามีก็สักแต่ว่ามี ไม่ยึดถือเป็นเราเป็นของเราด้วย นี่สุดยอด จบแล้ว พยัญชนะที่อาตมาพูดคร่าวๆศึกษาแล้วทำให้ได้จริง สำเร็จผลจริง จบ ชีวิตมนุษย์ก็เป็นอรหันต์ ชีวิตมนุษย์ก็จบ ในยุคของพุทธเจ้ามีพระอรหันต์ในยุคนี้ก็มีพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ตราบใดยังมีผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ โลกจะไม่ว่างจากพระอรหันต์ อาตมายืนยันว่าอาตมาปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ พวกเรามาเรียนรู้และปฏิบัติประพฤติดีปฏิบัติชอบก็มีอรหันต์ แต่เขาไม่รู้จักอรหันต์แล้ว เขาไปเห็นอรหันต์เก๊เป็นอรหันต์ ก็น่าสงสารที่สุด หลงบูชาเคารพยกย่อง โปรปากันด้าว่านี่คืออรหันต์ ซึ่งมันไม่ใช่อรหันต์จริง มันเป็นอรหันต์เก๊ แต่เมื่อเจออรหันต์จริงเขาก็บอกว่าไม่ใช่ เห็นของจริงเป็นของเก๊เห็นของเก๊เป็นของจริง โอ้โฮ มันน่าสงสารสุดสงสารสุดเวทนา สุดเห็นใจ คุณก็จมอยู่กับสงสารไม่รู้จักเวทนา อรหันต์คือผู้ที่ไม่มีทุกข์ไม่มีสุขแล้ว ก็อยู่กับสิ่งที่มันปรุงแต่งไป ด้วยจิตใจของเราไม่มีอาการสุขไม่มีอาการทุกข์เลย แล้วก็ช่วยคนที่เขายังมีความสุขความทุกข์อยู่ ถ้ายังมีความสุขความทุกข์อยู่ก็ยังมีภพมีชาติทั้งนั้นแหละ จะมากหรือน้อยจะละเอียดหรือหยาบเท่านั้น ผู้ที่หมดแล้วละเอียดสุดละเอียด ทุกข์ละเอียดก็ไม่มีหมดแล้วหมดเกลี้ยงสนิทเลย ปฏิบัติแล้วอ่านจิตเจตสิกของเรา เห็นอาการ ลิงค นิมิต อุเทส คือคำอธิบายที่อาตมาอธิบายไป แล้วก็ไปอ่านอาการ ลิงค จับนิมิต เป็นกิเลสให้เอากิเลสออกอย่างนี้ คุณก็ปฏิบัติติดตามไป แล้วมันก็ทำได้ ทำได้ก็เป็นของตน ปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิติ เรารู้ด้วยตนเองคนอื่นจะมารู้แทนเราไม่ได้ เอาได้จริงเป็นจริงอย่างนี้นะ คุณบรรลุอรหันต์คุณก็รู้เองของคุณ คุณอาจจะเป็นอรหันต์หลงๆ ก็ได้ มันยังไม่หมดก็นึกว่ามันหมดมันก็เป็นอรหันต์หลงๆ บางอย่างสิ่งหยาบเราได้หมดก็เป็นอรหันต์ไล่ลำดับมา จนกว่าจะหมดครบแล้ว ถ้าในสังคมมันมีวัตถุมีการกระทบสัมผัสอย่างนี้ เราอยู่เหนือมันหมดเราก็เป็นอรหันต์ เป็นอรหะ ไม่ลึกลับ อย่างสูงสุด อรหะ แปลว่าไม่ลึกลับ อันตะ แปลว่าสูงสุดที่สุด เป็นอรหันต์ก็เป็นผู้ไม่ลึกลับแล้ว มีอะไรเกี่ยวข้องมาเราก็ชัดเจนว่าเราอยู่เหนือมันหมดเราไม่ได้ทุกข์ไม่ได้สุขกับมันสักอย่าง อรหันต์ไม่มีอย่างอื่นที่ยิ่งใหญ่มีเท่านี้ ไม่มีสุขไม่มีทุกข์สูงสุด ความดีความชั่วเป็นสมมติกับโลกเท่านั้น ประเทศไทยสมมุติว่าอย่างนี้ดี อเมริกาสมมุติว่าอย่างนี้ดี เกาหลีเหนือสมมุติว่าอย่างนี้ดี สำหรับเกาหลีเหนือนี้ พวกทหารข้าราชการเต็มไปด้วยเหรียญตรา เต็มแผงหน้าอก เขาจะต้องใช้(พ่อครูไอ ตัดออกด้วย) สมณะฟ้าไท..พ่อครูแนะนำบรรยายให้เราลดกิเลสจนเป็นพระอรหันต์ได้ในยุคสังคมสมัยนี้ เป็นอกาลิโก หากเราหลงก็รีบกลับตัวทำให้เร็ว หลงไปแล้วรู้แล้วก็ทำใหม่ เพราะผัสสะมันอยู่รอบตัวเรา เป็น ราคะ โทสะ โมหะ ได้อยู่แล้ว พ่อครูว่า…อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ทำงานกับมนุษยชาติก็ยังไม่ตั้งจิตที่จะจบชีวิต ยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน คำว่า ปรินิพพานเป็นปริโยสาน นี่ก็ไม่เคยได้ยินสำนักไหนอาจารย์ไหนเอามาพูด ทั้งๆที่มันเป็นตัวจบสูงสุดเลย ของการสลายธาตุอัตตา จิตวิญญาณ มีอยู่ในมูลสูตร ก็ยังไม่เคยได้ยินสำนักไหนเอามาบรรยาย ก็เข้าใจเพราะเขายังไม่มีปัญญาไม่มีภูมิรู้เขาก็พูดไม่ได้ อย่างมูลสูตร10 ชัดเจน บอกรากเค้าของการปฏิบัติ 10 หลัก มีความยินดีเป็นรากเค้าของการปฏิบัติ มูลกา หากไม่มีความยินดีในการปฏิบัติศาสนาพุทธ ซึ่งมันเป็นความจริงของจิต ว่ามัน อ๋อ.. ยินดีชื่นชอบ มันพอใจอย่างนี้หรือ ขนาดนี้หรือวิเศษประเสริฐอย่างนี้เหรอ ถึงจะเป็นตัวจูงนำให้เรามีวิริยะ จิตตะ วิมังสา ต่อไป ถ้าไม่มีความยินดีตัวนี้เกิดตัวแรกเลย ศาสนาโลกุตระ ศาสนาพุทธไม่ติด ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ เมื่อคุณยินดีคุณก็จะเริ่มปฏิบัติ คุณจะได้ยินดี คุณจะต้องได้สัมผัสได้ยินได้ฟังจากสัตบุรุษจากผู้รู้จริงเสียก่อน คุณรู้เองไม่ได้ มีแต่พระพุทธเจ้ารู้เองได้ แต่ที่บอกว่ารู้เองก็รู้มาจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆทั้งนั้น มีแต่พระพุทธเจ้าเป็นธรรมะสามี พระพุทธเจ้าบอกว่าเราเป็นมิตรดีของเธอ เราได้ยินได้ฟังจากสัตบุรุษแล้วเราก็ยินดี ในสุริยเปยยาลสูตรก็ต้องพบเจอมิตรดีสัตบุรุษก่อน แล้วเราก็ยินดี มีศีล เรียนรู้ล้างอัตตา ไปจนทิฏฐิไม่ผิดพลาดแล้วก็ไม่ประมาท คุณจึงจะครบการทำใจในใจโยนิโสมนสิการได้อย่างดี นี่คือสุริยเปยยาลสูตร 7 ข้อ ก็ไม่เห็นในวงการศาสนาเข้ามาบรรยายกัน ถ้าไม่มี 7 ข้อนี้มาก่อน คุณปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ให้ตายก็ไม่บรรลุผล พระพุทธเจ้ายืนยันว่าต้องมีแสงอรุณก่อนจะเห็นพระอาทิตย์ คนที่สัมผัสแสงอรุณ 7 นี้แล้วจึงจะเจอกับพระอาทิตย์แล้วจะทำงานร่วมกับพระอาทิตย์ได้ คือปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ได้ ถ้าไม่มี 7 นี้ก่อน คุณปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ก็เหลวไหลเลอะเทอะ เพราะไม่มีพื้นฐาน เพราะฉะนั้นคุณไม่มีทางที่จะโยนิโสมนสิการ ซึ่งเป็นตัวที่ 7 ของสุริยเปยยาล นะ คุณจะทำใจในใจไม่เป็น แม้จะทำใจในใจได้ก็จะไปนั่งหลับตาทำ มนสิการแต่เป็น อโยนิโส ไม่ถูกต้อง เป็นไปไม่ได้เลย อาตมาพูดถึงเรื่องหลับตาไม่ลืมตานี่ พวกที่ปฏิบัติธรรมะแบบหลับตามันไม่มีอยู่ในสารบบของศาสนาพุทธพระพุทธเจ้าท่านมีแต่ตีทิ้ง แต่เขาอ่านพระไตรปิฎกไม่แตก ไปเข้าใจไปยึดถือเปลือกผิวที่ผิดเพี้ยนแล้ว ไม่รู้จะทำยังไงก็น่าสงสารเขา คือเขาไม่เข้าใจ ถ้าเมื่อไหร่ประเทศไทย เถรสมาคม นักบวชของพระพุทธศาสนาส่วนใหญ่เข้าใจอันนี้แล้วเลิกนั่งสมาธิ แล้วมาปฏิบัติสัมมาทิฏฐิตามมรรคมีองค์ 8 ให้ได้ หรือมาเตรียมพร้อมเรียน สุริยเปยยาลสูตรให้ครบ 7 ต้องยินดีในโลกุตรธรรม แล้วเป็นไปเพื่อหมดเนื้อหมดตัวจริงๆ นะ แล้วก็มีศีลไปตามลำดับ มีศีลไปเพื่อขจัดอัตตา 3 ต้องทำให้ถูกต้องเสมอเป็นสัมมาทิฏฐิสัมมาปฏิบัติ สัมมาปฏิเวธให้ได้ ตลอดกาลนานเลยนะเป็นตัวที่ 5 ตัวที่ 6 อย่าประมาท ผู้จะมนสิการได้โยนิโสเป็นโยนิโสจริงต้องได้พบสัตบุรุษ แล้วได้ฟังธรรมจากสัตบุรุษอย่างบริบูรณ์ ถึงจะเข้าใจ จึงจะรู้ จึงจะศรัทธาบริบูรณ์ ถึงจะทำการโยนิโสมนสิการได้บริบูรณ์ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อวิชชาสูตร อาหารสูตร วิชชา วิมุติ ล.24 ข้อ 61 เป็นต้นไป ไปค้นอ่านดู ศาสนาพุทธทุกวันนี้ไม่เอาตำราหลักฐานจากพระไตรปิฎกมายืนยันอธิบายศึกษาให้ปฏิบัติการ แต่ไปทำกับเดรัจฉานวิชา ไปอยู่กับดอกใบไม้ผล มาให้ผลชัดๆโลกียสุข แย่งกัน โกหกกันทุจริตกัน ดูแล้วน่าสังเวชใจ ขออภัยอยากใช้ศัพท์ว่าทุเร สะ หรือไม่สุเรศ มหาสาโรปมสูตรอุปมาพรหมจรรย์กับแก่นไม้ ล.4 ข้อ [347] “เขามีความยินดี มีความดำริเต็มเปี่ยมด้วยลาภสักการะและความสรรเสริญนั้น. เพราะลาภสักการะและความสรรเสริญ อันนั้น เขาย่อมยกตนข่มผู้อื่นว่า เรามีลาภสักการะและความสรรเสริญ ส่วนภิกษุอื่นนอกนี้ ไม่ปรากฏ มีศักดาน้อย. เขาย่อมมัวเมา ถึงความประมาท เพราะลาภสักการะและความสรรเสริญนั้น เมื่อเป็นผู้ประมาทแล้ว ย่อมอยู่เป็นทุกข์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความต้องการแก่นไม้แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นอยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ละเลยแก่น ละเลยกระพี้ ละเลยเปลือก ละเลยสะเก็ดไปเสีย ตัดเอากิ่งและใบถือไป สำคัญว่าเป็นแก่น. บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาผู้นั้นแล้ว พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญนี้ ไม่รู้จักแก่นไม้ ไม่รู้จักกระพี้ ไม่รู้จักเปลือกไม่รู้จักสะเก็ด ไม่รู้จักกิ่งและใบ จริงอย่างนั้น บุรุษผู้เจริญนี้ มีความต้องการแก่นไม้แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่ มีแก่นตั้งอยู่ ละเลยแก่นละเลยกระพี้ ละเลยเปลือก ละเลยสะเก็ดไปเสีย ตัดเอากิ่งและใบถือไป สำคัญว่าแก่นและกิจที่จะพึงทำด้วยไม้แก่นของเขา จักไม่สำเร็จประโยชน์แก่เขา ฉันใด กุลบุตรบางคนในโลกนี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน มีศรัทธา ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ด้วยคิดว่า เราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปยาส ท่วมทับแล้ว ถูกความทุกข์ท่วมทับแล้ว มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า ไฉนหนอ ความกระทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้จะพึงปรากฏ. เขาบวชอย่างนั้นแล้ว ยังลาภสักการะและความสรรเสริญให้บังเกิดขึ้น. เขามีความยินดี มีความดำริเต็มเปี่ยม ด้วยลาภสักการะและความสรรเสริญอันนั้น เพราะลาภสักการะและความสรรเสริญอันนั้น เขาย่อมยกตนข่มผู้อื่นว่า เรามีลาภสักการะและความสรรเสริญ ส่วนภิกษุอื่นนอกนี้ ไม่ปรากฏ [หรือมีคนรู้จักน้อย] มีศักดาน้อย เขาย่อมมัวเมา ถึงความประมาทเพราะลาภสักการะและความสรรเสริญนั้น เมื่อเป็นผู้ประมาทแล้วย่อมอยู่เป็นทุกข์. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้เราเรียกว่า ได้ถือเอากิ่งและใบของพรหมจรรย์และถึงที่สุดแค่กิ่งและใบนั้น. ส.ฟ้าไท สรุป …คนที่แสวงหาแก่นคือ ชาวอโศก จะรู้ว่าแก่นหรือไม่ต้องอยู่กับพ่อครู มิตรดีสหายดีนั้นสำคัญเบื้องต้นเป็นประการแรกเลย Category: ศาสนาBy Samanasandin16 มิถุนายน 2019Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรมสำมะปี๋ซี่วิต Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:620614_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ปฐมบทของประชาชนปฏิวัติที่สำเร็จงดงามNextNext post:620617_รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 53Related Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024