620623_วิถีอาริยธรรม สันติอโศก ธรรมะ 2 รวมเป็น 1 ของสภาวะกับพยัญชนะ
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1AdI1N6JFgaBd9psNP5nht3YyP7xxcUzIMrLm35xBxm4/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ .. https://drive.google.com/open?id=1_W7aE6wmEb575LfT0escolhoAFGOqe4t
สมณะเดินดิน…วันนี้วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2562 ที่ บวร สันติอโศก ช่วงนี้พ่อครูมาเยี่ยมเยียนสันตินาคร ก่อนช่วงเข้าพรรษา ก็คงจะได้อยู่ยาวไปถึงงานคืนสู่เหย้าเข้าคืนรังนักศึกษาผู้ปฏิบัติธรรม แต่เดิมดำริจัดที่บ้านราชฯแต่ย้ายมาจัดที่สันติอโศกจะได้ให้พ่อครูไม่ต้องเดินทางไปมา งานนี้มีแตงโมไร้สารพิษมาให้ถึง 1 คันรถปิคอัพประมาณน้ำหนัก 4 ตัน
ในบ้านเมืองตอนนี้จะมีข่าวการแย่งชิงตำแหน่งรัฐมนตรีกัน พ่อครูบอกเรื่องพยัญชนะกับสภาวะ เขาแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีกัน แต่สภาวะจริงนั้นเป็นทรราช
กูรูแป้งเขาได้เขียนตอบกับคนอื่นทางไลน์ ที่มาแย้งกับพ่อครู ตอบไปว่า ทำความจริงของเราให้ถูกต้องที่สุด พ่อครูพูดเสมอว่า ท่านใช้แต่ความจริงไปต่อสู้ จบที่ความจริงที่เรามี เราทำความจริงของเราให้ถูกต้องที่สุดแล้วเชื่อกรรมวิบากของเราเท่านั้น คนอื่นจะเป็นคนให้ราคาเรา หากว่าเขาให้ราคาเราต่ำกว่าความเป็นจริงอันนี้ดีถือว่ากำไร หากว่าเขาให้ราคาเราสูงกว่าความเป็นจริงอันนี้ต้องระวังเพราะเหมือนขาดทุน
ทำความจริงของเราให้ถูกต้องที่สุดแล้วเชื่อกรรมเชื่อวิบากของเราเท่านั้น จะเสียใจไปทำไมไม่ต้องหวั่นไหว แต่ถ้าเขาให้ราคาเราสูงกว่าที่เราเป็นเราเป็นหนี้
พ่อครูว่า..อาตมากำไรตลอด เพราะเขาให้ราคาอาตมาต่ำตลอด ได้กำไรตลอด ถ้าหากว่าเราชัดเจนในสัจธรรม (ป่องเอี้ยมมากราบหลวงปู่) เสื้อสไปเดอร์แมนนี้ ใส่แล้วซักบ้างมั้ยนะ.. นี่ก็ทักทายกับเด็กๆให้ฟัง
ทักทายกับ sms
_ขอไม่เปิดเผยชื่อ….มีเรื่องอยากปรึกษาค่ะ พอดีคุณอาได้ไปอยู่ที่บ้านราชธานีอโศกค่ะ เข้าใจค่ะว่าที่นั้นได้มีการรักษาศีล ปฎิบัติธรรมกัน แต่พอดีว่าคำสอนบางอย่างค่ะที่คุณอาบอกให้คนอื่นทำตาม แต่ตัวคุณอาเองกลับทำไม่ได้เลยคือเรื่องของการรักษาสัจจะวาจาและเรื่องการปล่อยวางค่ะ คุณอาเองเวลาโกรธบันดาลโทสะ ไม่รู้จักรักษาคำพูดที่ตัวเองเคยลั่นวาจาไว้ หูเบาไม่ฟังเหตุผลคนอื่น เชื่อแต่คนที่มายุแยง เลือกไว้ใจคนนอกมากกว่าคนในบ้าน เลือกที่จะเชื่อคำพูดของคนนอกบ้านที่ทำให้คนในสายเลือดแตกคอกัน ครอบครัวน่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่เลือกที่จะด่าว่าคนในครอบครัว ไม่ไว้ใจคนในครอบครัว เคยลั่นวาจาไว้แบบไหน พอโกรธขึ้นมาก็ใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ไม่รู้จักปล่อยวางรักษาไม่ได้แม้กระทั่งคำพูดค่ะ อยากจะรบกวนขอให้เน้นย้ำเรื่องนี้ให้มากทีนะคะ คุณอาไม่เลือกที่จะฟังใครค่ะ คุณอาเลือกที่จะฟังแต่คำสอนของที่นี้ค่ะ อยากจะขอความเห็นใจค่ะ ไม่อยากให้คุณอาโดนคนไม่ดีหลอกลวงเอา พอพูดก็ไม่ฟังค่ะ พอเตือนก็ไม่เชื่อ ไม่เคยเชื่อใจคนในสายเลือด กลับเลือกเชื่อคนนอกที่คอยมาหลอกลวง เห็นคนอื่นดีกว่าคนในครอบครัว มองคนในครอบครัวในแง่ร้าย คิดแต่ว่าจะอยากได้เงินของคุณอา แต่จริงๆแล้วคุณอาไม่เคยเปิดใจมองเลย แต่กลับคิดว่าคนอื่นดีกว่าทั้งๆที่เขามาหลอกลวง พอใครเตือนก็ไม่ฟังเลย
อยากขอร้องขอความเห็นใจค่ะ หมดปัญญาแล้วจริงๆ คุณอาไม่เลือกฟังใครนอกจากคำสอนของที่นี้ คุณอาฟังธรรมทุกวันค่ะ ดูบุญนิยิมทีวีทุกเย็น ช่วยทีนะคะ เห็นแก่เด็กและคนพิการที่กำลังเดือดร้อนด้วยค่ะ
อยากขอให้ถ่ายทอดเรื่องราวที่นำมาปรึกษานี้ค่ะ แต่ไม่ขอเปิดเผยตัวตนนะคะ
ขอบคุณค่ะ
พ่อครูว่า..อาตมาว่ามันวนนะ ท้วงกันไปท้วงกันมา ยังไม่รู้จริงๆว่าเหตุปัจจัยต่างๆที่พูดมา ก็ได้แต่ว่าท้วงกันไปท้วงกันมา ไม่รู้เหตุปัจจัยมันคืออะไร ไม่รู้รายละเอียดเลยก็ไปตัดสินอะไรให้ไม่ได้ เขาถูกหรือคุณถูก ตัดสินไม่ได้เลยเพราะคุณไม่บอกข้อมูลหลักฐานเหตุปัจจัยอะไรมาด้วย
อาตมาว่าคุณอามาอยู่บ้านราชฯเถอะ ปล่อยให้ครอบครัวเขาอยู่กันไปไม่งั้นก็ต้องขัดแย้งกัน ทั้งนั้น อาจจะไม่เห็นดีด้วยไม่ทำตาม หรือว่าแม้จะเห็นดีด้วยแต่ไม่มีภูมิที่จะทำได้ เขาก็ทำได้แค่นั้น คุณอาก็จะเอาอย่างที่ใจว่า อาตมาก็ว่าแยกกันอยู่ดีกว่านะ เอาครอบครัวอยู่บ้านราชฯให้อาอยู่บ้านหรือให้อาอยู่บ้านราชฯเราอยู่บ้านก็ได้นะ
อาตมาเป็นคนเปิดเผยตัวเอง ทำอะไรแล้วก็ไม่รู้ว่าใครทำนี้อาตมาว่ายาก รู้สึกชื่นใจว่าอยู่เหนือเขา เพราะเราทำอะไรต่ออะไรได้ เช่นว่า อาตมาอยู่หอพักตอนวัยรุ่น เขานอนหลับกัน เราก็ตื่นมาทำงาน แล้วคนอื่นตื่นมาเห็นเราก็ดีใจ
อาตมาแต่งเพลง ชอบเพลงริอ่านแต่งเพลง ก็แต่งแล้วให้เพื่อนร้อง เขาไปร้องกันเผยแพร่กันเขาก็บอกว่าเพลงเอ็งไม่ได้เรื่องเราก็เสียใจ ต่อจากนั้น แต่งเพลงก็จะไม่บอกว่าเป็นเพลงของเราเอง เขาร้องเพลงเราเราก็เลยภูมิใจว่าเขาร้อง ทุกวันนี้ก็เลยเปิดเผย อะไรก็เปิดหมดไม่ปิดบังเลย คนไม่รับเพราะมันมากไปเกินไปเว่อร์ไปไม่เชื่อ ก็ไม่เป็นไร เมื่อไม่เชื่อเราก็จะต้องพิสูจน์ตัวเอง ใช้เวลาพิสูจน์สาระนั้นแล้วก็จะต้องยืนยาวแม้จะเหนื่อย ๆๆๆ
_ชมพูนุช เหมือนเพ็ชร …..พ่อครูแข็งแรงมากๆเลยค่ะ-เป๊ะมากๆ-ไม่น่าเชื่อเลยค่ะว่า 85-น่าจะ 58ยังจะพอเป็นไปได้ค่ะ-แต่จริงๆแล้วเหมือน 40 กว่าๆค่ะ-เพราะหนุ่มจริงๆค่ะ-กระฉับกระเฉงมากๆเจ้าค่ะ
พ่อครูว่า…จริงๆอาตมายังไม่ได้ออกท่าทางเต็มที่ ที่จริงแล้วออกท่าทางให้หนุ่มมากกว่านี้ก็ได้ เดี๋ยวเขาจะหาว่าไม่เจียมแก่ ก็เลยถนอมไว้หน่อย เดี๋ยวเขาจะหาว่าไม่เจียมแก่ ที่จริงออกได้แต่ก็สังวรไว้ ขนาดนี้เขาก็เห็นว่ายังมีกำลังเยอะ อันนี้เป็นเรื่องจริงอาตมาพยายามเสริมสัมประสิทธิ์ พยายามที่จะให้ธรรมะ 2 คือกายกับจิตให้เจริญอย่างได้สัดส่วน ปรุงแต่งกันพัฒนากันให้มันดีขึ้น สูตรสัมประสิทธิ์ E=C(mc2 + A)
สูตรนี้อาตมาว่าเป็นเรื่องจริงเลย แต่ยังไม่สามารถที่จะมีผู้รู้คนอื่นเอาไปขยายเอาไปพิสูจน์เอาไปทดลอง อาตมาทดลองกับตัวเองพิสูจน์แล้วพวกเราก็เชื่อและพัฒนาตามมา พวกเราก็จะอายุยืนมากกว่าที่ควร อาตมามั่นใจ พวกเราที่อยู่ด้วยกันพิสูจน์ไป เห็นจริง มันไม่ได้เสื่อมทรุดแต่ว่ามันเจริญก้าวหน้าไปได้จริง
_Panya Prachachit….. ทำไมถึงวิจารณ์คนที่เห็นต่างกับตัวเอง(เช่นคุณอภิสิทธิ์) ไปในแต่ทิศทางที่ไม่ค่อยดีทั้งนั้นเลยอะครับ
พ่อครูว่า…ก็เป็นธรรมดาธรรมชาติ สิ่งที่แตกต่างจากกัน 1. เราเป็นเช่นนี้ 2.เราไม่เป็นเช่นนี้ มันก็แตกต่างกัน สิ่งที่เราเห็นเป็นเช่นนี้เราก็เห็นดีแล้วยึดถือ เราก็ยืนหยัดยืนยันว่าจะเป็นเช่นนี้ ส่วนที่มันไม่เป็นเช่นนี้ เราเห็นว่ามันไม่ดีก็ต้องวิเคราะห์วิจัยวิจารณ์ว่าไม่ดี มันต่างกัน หากเราว่ามันไม่ดี แล้วจะวิจัยวิจารณ์สิ่งนี้มันดีต่างจากที่เราคิดว่ามันไม่ดี เราก็บ้า มันเป็นไปไม่ได้ เราจะไปวิจารณ์สิ่งที่เราเห็นว่าดีแล้วทำไม นอกจากความไม่แน่นอนไม่แน่ใจแล้วก็วิจารณ์ แล้วอะไรมันดีหรือไม่ดีเราไม่แน่ใจ แต่ถ้าเราแน่ใจว่าอันนี้ดีแล้วยืนยันว่าเป็นเช่นนี้ ที่ต่างคนนี้เราก็ว่าไม่ดี เพราะฉะนั้นทำไมต้องไปว่าเขาทำไม ทำไมต้องวิจารณ์คนที่เห็นต่างกับตัวเองเช่นคุณอภิสิทธิ์ ไปไหนไปทิศทางที่ไม่ค่อยดีทั้งนั้น ก็เพราะว่ามันต่างและมันไม่ดีเราก็ต้องวิจารณ์ให้มาดีอย่างเราสิ เรามั่นใจเรามีความจริงใจ จะเป็นคุณอภิสิทธิ์หรือใครก็แล้วแต่ที่แตกต่างเราก็ต้องวิจารณ์ แม้แต่เถระสมาคม มีความเห็นที่ต่างไปจากบัญญัติคำเดียวกันกับของพระพุทธเจ้าคุณเห็นอีกอย่างเราเห็นอีกอย่าง ที่เราเห็นเป็นอย่างนี้อาตมาก็ว่าไม่ได้เห็นด้วยความรู้เท่านั้น อาตมาได้มาเห็นแก่ทางนี้และเป็นได้ด้วยแล้วให้คนอื่นมาพิสูจน์เป็นตามที่อาตมาว่าได้ก็มีหลักฐานยืนยันมากพอ อันนี้คนเขาก็แย้งไม่ได้ แต่เขาก็ยังเข้าใจไม่ครบนึกว่าของเขายังถูกอยู่
1.ของเรามีสิ่งที่เป็นจริงแล้ว พากันพิสูจน์จนเป็นจริงแล้วในหมู่กลุ่มชาวอโศก
2.อาตมาเข้าใจอย่างนี้ว่า หมู่ก็ดีถูกดี แต่อาตมาว่าเป็นสุขเจริญ สัมประสิทธิ์ที่จะทำให้เจริญก็มีจริงพวกเราก็มาพิสูจน์
- ตรงกับหลักธรรมพระพุทธเจ้าไหมก็ตรงอีกประมาณว่าแค่นี้ก็พอแล้ว พิสูจน์ 3 หลักใจอาตมาก็พอแล้ว ยิ่ง
- สิ่งนี้แหละมันจะยืนยาวนานไปอีก แข็งแรงมั่นคงเที่ยงแท้ไม่เสื่อมง่ายอีก อันนี้ก็เป็นการพิสูจน์ เรายังเหลืออีกว่าจะต้องยาว และในการที่จะพิสูจน์ความยืนยาวมันจะมีอัตราการก้าวหน้าอีก ก้าวหน้าในตัวมันเองว่ามันจะเจริญทวีขึ้น ก้าวหน้าในมวลที่จะมีผู้อื่นมาเพิ่มปฏิบัติด้วย อาตมามั่นใจว่าจะมีคนปฏิบัติอย่างชาวอโศกเพิ่มขึ้นอีก
ถามใครว่าจะลดน้อยลงบ้างยกมือ สังคมโลกทุกวันนี้เขาต้องการสัจธรรมเรามั่นใจว่าอันนี้เป็นสัจธรรมที่เจริญตรงกับของพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นจะต้องมีเพิ่มขึ้นอีก เพราะว่าคนแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดซึ่งเป็นของพระพุทธเจ้านี่แหละ สังคมทั่วไปส่วนใหญ่ยังอยู่ในโลกียะเท่านั้น ยังไม่ได้มาเข้าใจโลกุตระด้วย โลกุตระของเราพัฒนาได้แล้ว โลกียะก็จะตามมาไม่ได้ไม่ทันโลกุตระก็จะก้าวหน้าไปเรื่อยๆไม่มีถอยหลังมีแต่ก้าวหน้า เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงไม่ต้องเป็นกังวลและไม่ต้องท้าทายด้วย มันจะเป็นเช่นนั้น เพราะฉะนั้นเหลือแต่ว่าคุณอย่าเพิ่งรีบตาย อยู่พิสูจน์อันนี้ไปจะเห็นความจริงอันนี้
_ กูรูสู่แดนธรรม ผมเห็นว่า ๘ อ. นั้นเป็นประโยชน์ตนที่จะมีอายุยืนยาวได้สำเร็จ
เป็นประโยชน์ตนได้แน่แท้ แต่ยังมีอีก ๑ สภาวะ ที่ควรเป็น อ. ที่ ๙
อันเป็นของพิเศษสำหรับพระโพธิสัตว์ นั่นก็คือ “อ. เอนกคุณาการ” ครับ
จะเป็นสัมประสิทธิ์ของการมีอายุยืนยาวอย่างมีความสมบูรณ์ของผู้มีโพธิกิจ ครับ
พ่อครูว่า…เขียน เอนก เป็นนกตัวหนึ่ง เอ นก ส่วน อเนก ก็แปลว่ามากมาย อเนกคุณาการ ของคุณไม่ได้ขยายความมาว่ามีอะไรบ้าง
สู่แดนธรรมว่า…พระโพธิสัตว์ที่ใช้ อเนกคุณาการ ก็จะวนกลับไปให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นเพิ่มขึ้น
พ่อครูว่า…ของเราที่ทำได้เรามีกำลังแข็งแรงด้วย 8 อ. เราก็จะมีกรรมกิริยาการงานที่เป็นประโยชน์ เพราะว่าเราทำการงานที่ไม่ได้ยึดถือเป็นเราเป็นของเรา เราอาศัยกินใช้ส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง เราไม่ได้เป็นคนขาดทุน เราทำแล้วมีเหลือเฟือจากที่เรากินใช้ ความเหลือเฟือเหล่านั้นก็เอาไปแจกจ่ายให้คนอื่น เราเลิกแล้วที่จะหวงแหนกักตุน เราก็เผื่อแผ่เกื้อกูลด้วย เรามีเวลาเราก็จะไปแจกเองด้วยแล้วรู้ว่าแจกใครควรจะเหมาะ ไม่ใช่ว่าแจกแบบไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แจกไปแล้วเขาก็ไปเอาจากคนอื่นต่ออีกขี้โลภมือใครยาวสาวได้สาวเอา ไม่ใช่อย่างนี้
พ.ศ.2577 ประชาชนอินเดียจะมีจำนวนแซงหน้าจีนในอีก9ปี ตอนนี้จีนมีประชากรมากที่สุดในโลก 1395 ล้านคน ส่วนอินเดียนั้นมี 1,347 ล้านคน
พ่อครูจิบน้ำ
สมณะเดินดินว่า…เราส่วนใหญ่เห็นว่าพ่อท่านอายุยืนก็ดี แต่พวกเราจะอยู่ตามหรือเปล่า อาตมามาสันติอโศก เห็นว่าคนของเราขยันออกกำลังกายกันดีนะ หากจะอยู่นานตามพ่อท่าน ต้องขยันออกกำลังกาย มีอารมณ์เบิกบานมากขึ้น สองอย่างนี้มั่นคงแข็งแรงจะไปกับพ่อครูได้
พ่อครูว่า… ขออ่านกวีของ อ.เป็นต้น นาประโคน
ตี๋น่อยหิวนม
ไร้เดียงสาเด็กน้อย หิวนม
แหกปากร้องระงม เอ็ดอื้อ
อภิสิทธิ์ชนชม เป็นเด็ก ดีเฮย
บัณฑิตบอกเด็กดื้อ ส่อเค้าอันธพาล
ตายประชดป่าช้า ทำไม
อภิสิทธิ์ชนล้าสมัย หมดแล้ว
หัวเดินต่างตีนไฉน ควรคิด เถิดคน
เปิดรัฐสภาไทยแผ้ว ผ่องพื้นใหม่สมัย
เรียกชื่อสภาหากไร้ บัณฑิต
อมนุษย์พาวิปริต แน่แท้
อนาคตใหม่ควรคิด ตี๋น่อย ควรคะนึง
บอกรัฐธรรมนูญต้องแก้ พูดกล้วย เหลือเกิน
เป็นต้น นาประโคน
18 มิถุนายน 2562
พ่อครูว่า…มันห้ามไม่ได้หรอกสังคมมันจะต้องมีตัวประพฤติปฏิบัติจริง ถ้าไม่งั้นก็เป็นสังคมตรรกะ สังคมที่ฝันเพ้อ สังคมอุดมคติอะไรไป ก็ต้องพูดกัน เพราะว่าจะเป็นจริงได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ แต่ขณะนี้มันเป็นจริงมีพฤติกรรมจึงมีความทุกข์ความสุขจริงมีการเข่นฆ่าเอาเปรียบเอาลัดกันจริงเสียสละจริง อันนี้ต่างหาก ก็มาเอาสาระแท้ที่เป็นพฤติกรรมมนุษย์ตามสังคมที่มันเป็น พูดถึงตรงนี้แล้วอาตมายิ่งมั่นใจชาวอโศก เราว่าเป็นมนุษย์เหนือกว่าทั่วไป
ยกตัวอย่างเรามาจน จนกันจริงไหม
เฉพาะตัวเราเองแต่ละคนจน แต่สังคมส่วนรวมเราอุดมสมบูรณ์ (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
สมณะเดินดินว่า…เป็นคำตอบเหมือนกันว่าทำไมคนมาวัดเราน้อย สมัย 20 กว่าปีก่อน ญาติธรรมเป็นพ่อค้า พ่อครูยังไม่ได้พูดถึงขนาดนี้ พูดแต่เพียงว่าขาดทุนของเราคือกำไรของเรา ญาติธรรมที่เป็นพ่อค้าก็รับไม่ได้แต่เขาได้จากไปแล้ว แต่หากเขามาใหม่ ให้มาจนนี่ พวกเรารับได้แล้ว พูดให้ฟังเพราะว่าการเผยแพร่สัจจะในตั้งแต่ตอนเริ่มต้น แค่บอกว่าให้ขาดทุนขายขาดทุนวิญญาณพ่อค้าก็รับไม่ได้แล้ว แต่เขาก็จากโลกนี้ไปแล้วล่ะ แต่หากเขากลับมาเกิดใหม่แล้วพ่อครูบอกว่าให้มาจนเขาจะรับได้หรือไม่ พ่อครูจึงถามพวกเราว่าจนกันจริงไหม
พ่อครูว่า..เรามาเน้นถามกันตรงนี้ ตรวจสอบกันจริงๆในแต่ละบุคคลว่าเรามาจนกันจริงๆหรือว่าหลอกลวงกันอยู่บ้าง
จนคืออะไร ต้องมานิยามกันตรงนี้ จนในรูปของสมบัติวัตถุ คือเราไม่มีสมบัติวัตถุที่มีราคาของสมมุติโลก เช่น กระดาษชำระ-หนี้ได้ตามกฏหมาย เรามีน้อย เรามีกระดาษชำระ-หนี้ได้ตามกฎหมายน้อย เรามีเพชรทองคำที่มันหายากที่เขาตีราคากันแพงเรามีน้อย เป็นวัตถุที่แทนค่า มันก็มีคุณสมบัติกันไปบ้างตามสมมุติโลกเราก็วิเคราะห์วิจัยไป เราไม่มีสิ่งที่มีค่าในโลกมาก เราอยู่ในระบบสาธารณโภคีส่วนตัวเราไม่มีเลย อาศัยกินใช้กับส่วนกลาง พวกเราพิสูจน์มาครบแล้ว ว่าเราเป็นคนจนจริงๆ แต่ส่วนกลางนั้นอุดมสมบูรณ์ นี่แหละเป็นเศรษฐศาสตร์บทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลย ที่คนยังเข้าใจได้ยากมาก นักเศรษฐศาสตร์ที่จบปริญญาเอกมา 10 ใบก็ตามทางด้านเศรษฐศาสตร์ยังยากที่จะเข้าใจอันนี้ มันเกิดได้เพราะจิตวิญญาณของแต่ละคน จิตวิญญาณของแต่ละคนไม่มีตัวตนไม่มีตัวเราไม่มีของเราแต่ขยันหมั่นเพียรสร้างสรรค์มีความรู้ความสามารถมันก็เกิดผลผลิตเกิดแรงงาน แรงงานที่เป็นประโยชน์คุณค่าก็เอาไปช่วยคนอื่นอีก ผลผลิตอื่นก็ดีขึ้นอีก มันก็เกิดผลผลิตทั้งทางวัตถุและทางแรงงานแม้แต่ผลผลิตทางความรู้ก็ตามให้คนอื่นไปอย่างนี้เป็นต้น
ซึ่งมันเป็นประโยชน์เพื่อผู้อื่นได้ทันทีจริงๆ แต่เราเองไม่ต้องสะสมไว้ เรามีระบบสาธารณโภคีมีส่วนกลางแต่ละคนเข้าใจอย่างนี้ 100 คน 200 คน พันคน สร้างคนขึ้นมาก็มีประสิทธิภาพทวี มีของเหลือมากพอที่จะสะพัดออกไปได้ มันหมดไปเกินกว่าที่เรามีเราก็ไม่มีอะไรจะไปแจกได้ แต่เราไม่ได้เป็นหนี้ ไม่ได้ไปกู้คนอื่นเพื่อมาแจกเราไม่เอา เราแจกเท่าที่เรามีหมดตัวก็เท่านั้น แต่เราก็ไม่ได้หยุดผลิตไม่ได้หยุดทำงานเราทำอยู่นอกจากจะไม่มีแรงทำจะป่วยเจ็บพิการทำไม่ได้ ผู้ที่ยังแข็งแรงอยู่ก็มีจำนวนมากในธรรมชาติสังคม ก่อสร้างรวมกันไม่มีหมด เด็กรุ่นใหม่ที่เติบโตมาก็จะแข็งแรงเพื่อมาสืบสานทำต่อไป ไม่มีหมดมันมีแต่จะทวีเพิ่มขึ้นปฏิภาคทวี อาตมาดูที่สัจธรรม ไม่ใช่อยากจะอยู่ให้นานอะไรหรอก มั่นใจว่าใครอยากจะตรวจสอบสัจธรรมอันนี้ว่าโลกในยุคนี้มันจะดีมันจะเป็นแบบอย่าง เพราะมันไม่มีความดีให้เห็น มันดีมันเจริญกว่ามนุษย์มนา
ตอนนี้มีการประชุมอาเซียนซัมมิทก็ดีมาก มาประชุมเพื่ออะไร เขาให้เกียรติประเทศไทยนี่ก็เป็นค่าของที่ดี ถือว่าไทยเป็นผู้นำ พร้อมทุกอย่างทั้งสถานที่ทั้งบุคคล ทั้งองค์ความรู้ทั้งความน่าไว้ใจ เพราะฉะนั้นอย่าเชียวนะ อย่าเหมือนกับในยุคอภิสิทธิ์ ตายเลยนะประเทศไทย อย่าเชียวนะ เชื่อว่าบิ๊กแดงคงไม่ยอมแน่ๆ อย่าลองของก็แล้วกัน แต่คิดว่าลองไม่ได้หรอกไม่ใช่ประมาทเขานะ อาตมาว่าเขาคงไม่มีแรงแล้ว ไม่มีแรงที่จะมาลองของมาออกฤทธิ์เดชปั่นป่วนอะไรขึ้นมาอีก
สรุปแล้วเมืองไทยกำลังมีพฤติกรรมองค์ประกอบทุกอย่างที่ต้องการของมนุษยชาติ กำลังนำพาให้เป็นไปแต่ผู้ที่อยู่ใกล้เคียงพวกเราก็ยังไม่เชื่อในพลเอกประยุทธ์ ก็เป็นเรื่องที่สองคนยลตามช่องคนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกคนตาแหลมคมมองเห็นดาวอยู่พราวพราย มันบังคับกันไม่ได้จริงๆ สุดท้าย จะรักกันแค่ไหนก็ต้องจบตรงนี้ สุดท้ายก็ต้องเป็นนานาสังวาส คุณเข้าไปทำแบบของคุณเถอะ เราก็ทำแบบของเรา เราก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามแบบ ของเธอ เราก็ไม่บังคับเธอมาให้เป็นแบบเรา ให้เป็นแบบคางคกเลือดหัวไม่ตกยางไม่ออกไม่รู้สึกสำนึก ก็คงไม่ต้องเจ็บหลายที สิ่งที่คงอยู่จะต้องเปลี่ยนแปลงให้เขาหาความจริง สัจจะมันจะเป็นอย่างนี้ไปตลอด
อาตมาสรุปมาหลายทีว่าเมืองไทยจะเป็นตัวอย่างของโลกใน 200 ประเทศ เมืองไทยกำลังนำ นำเพราะว่ามีแกนมาจากอนุสัย เมืองไทยมีพุทธศาสนามาตั้งแต่ก่อนประเทศไทยเริ่มต้นเกิดประเทศไทยก็มีพุทธศาสนาเป็นแกนหลักของจิตวิญญาณ แล้วแต่ก่อนนี้มันก็ยังมีโลกุตรธรรมอยู่ แต่มันได้มาผิดเพี้ยนไปไกลเลยในยุคนี้
800 ปีของประเทศไทยนี้ได้ทำความบิดเบี้ยวให้แก่โลกุตรธรรม ทำลายจนดำดิ่งลงไปในมหาสมุทรไม่รู้กี่ยอดอาตมาต้องดำลงไปงมขึ้นมามันมืดจริงๆ เขาก็โฆษณาชวนเชื่อทางโน้น โฆษณามาหลายร้อยปีแล้ว 400-500 ปี เขาก็ไปเชื่อเขาอีกอาตมาก็ต้องมาดึงกลับ
การดึงกลับนี้จะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยาก ยากก็คือว่าความเห็นของคนทั้งโลกที่จะมาเอาจุดสำคัญอันนี้ การคือข้างตัวของเรานี่แหละ เถระสมาคม เขาได้ยึดหัวหาดไว้ก่อนแล้ว ชาตินี้ก็อาภัพไม่มีอลังการอะไรติดตัวมาเลย มาแต่ตัวกับความรู้ของตัวเองมา แล้วก็เป็นความรู้ที่ตรงกันข้ามกับพวกเขาด้วย ก็เลยต้องใช้เวลาพิสูจน์มากเลย
มันเป็นผลดีที่อาตมาต้องพิสูจน์ 1. สัจธรรม 2. สัมประสิทธิ์ 3. ทฤษฎีที่อาตมาเชื่อว่าจะตรงกับของพระพุทธเจ้าจริงไหม 3 หลักใหญ่นี้
- สัจธรรมก็คือสิ่งที่ถูกที่สุด
- สัมประสิทธิ์ อัตราการก้าวหน้าที่กำลังพัฒนากัน
- ในอนาคตข้างหน้าต้องมากพอยาวนานพอแล้วก็ต้องพิสูจน์สัจธรรมกับความหมายทั้งสัมประสิทธิ์ มันมีอัตราการก้าวหน้า จนเต็มรอบที่ 2 3 4 มันก็คงจะเต็ม มันจึงต้องใช้เวลามากเหลือเกิน อาตมาเคยพูดไปตามจริงที่คิดว่ามันไม่ผิดหรอก อาตมาอายุขัย 72 ปีอาตมาก็ดันสุรังอยู่ต่อ ดันมาได้1 นักษัตรแล้ว เป็น 84 ปีแล้ว จะต้องทำไปอีก 3 รอบ
108 ได้สัมประสิทธิ์ขึ้นไปอีก 1 กลุ่ม ทำไปอีก 36 เป็น 144 ปี มันโอ้โห อาตมายังนึกเลยว่า วาสนาเราจะต้องดันทุรังไปจนถึง 144 จริงเหรอ ถ้าหากอาตมาทำไปถึง 144 ปี แน่นอนว่าอาตมาจะมีสัมประสิทธิ์ จะมีความเชี่ยวของสัมประสิทธิ์สูงมากเลยอาตมาจะต่อไปอีกเท่าไหร่ก็ได้ ความเสื่อมมันก็คงจะมากทางสรีระ ใจจะเก่งเท่าไหร่มันก็จะไม่ไหวนะ ก็คงจะต้องพอ เพราะฉะนั้น แถมให้อย่างเก่งก็อีก 7 ปี นอนนั่งดูเหตุปัจจัยเพื่อสรุปผลสุดท้ายเท่านั้นแหละ สูงสุด นี่คือ roadmap ความเป็นจริงจะถึงเท่าไหร่ก็ไม่รู้
ประเด็นที่จะอยู่พิสูจน์ในยุคนี้สมัยนี้อาตมาเป็นคนจริงตัวจริงๆตัวเป็นๆ นำพาพวกเรากระทำช่วยกันทำไปแล้วก็พัฒนาตัวเองไป มันก็จะพิสูจน์ภาวะของกรรมที่เราได้กระทำสั่งสมเป็นรูปธรรมสังคมมนุษยชาติประวัติศาสตร์ที่จะยืนหยัดยืนยัน ให้มนุษย์โลกเห็น ก็ทำอยู่ในเมืองไทยกลุ่มฆราวาสกลุ่มประชาชนคนไทย
ชาวอโศกตอนนี้เรากำลังทำกันอยู่อย่างอุตสาหะวิริยะกันไป มีประมาณเท่าไหร่ ตอนนี้ก็มีตัวเลข 777 คนที่จะให้ไปรวมกันที่ราชธานีอโศก แต่ตอนนี้นับหัวกันจริงๆไม่ถึง 500 คนหรอก แต่บ้านเยอะนะ แต่ตัวคนไปอยู่ไหนกัน ถ้าราชธานีอโศกมี 777 คนเราจะเห็นพลังงานรวม เราจะเห็นบทบาทในการสร้างสรรค์ในการเมตตาในการเสียสละ ทางด้านอะไรก็แล้วแต่ มันจะเกิดสัจธรรมพวกนั้นจริงๆขึ้นมา ปรากฏ พวกเราเป็นคนจริง แล้วก็ทำกันอย่างสุขสำราญเบิกบานใจด้วย ไม่ได้มีใครมาบังคับ มันก็จะมีฝืนและเหนื่อยบ้าง คนช่วยมีน้อยแต่หาคนช่วยมีเพิ่มขึ้นมันก็จะเบาขึ้น แต่เชื่อไหมว่าถ้ามีคนช่วยมากขึ้นพวกเราไม่เบาลงหรอก พวกเราจะขยันเต็มที่เหมือนอย่างเก่านั่นแหละ เพราะว่ามันจะขยายตัวได้ แล้วคุณก็ทำการสะพัดออกได้อีกเพราะว่าคนที่จะรอรับจากพวกเรามันมีอยู่ ไม่ต้องห่วงว่าสินค้าเราจะเน่า สินค้าผลผลิตเราจะไม่เน่าหรอก เพราะว่าเป็นของดีไร้สารพิษตลอดกาล มีคุณค่าทางอาหารและประโยชน์ชัดเจน เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงหรอก พวกเราขายไม่ได้ก็ไม่เน่า เดี๋ยวก็เอาไปแจกกันเอง
พ่อครูจิบน้ำ
สมณะเดินดิน..ที่รัตนราชธานี เป็นแหล่งของความอุดมสมบูรณ์สูงสุด ความอุดมสมบูรณ์ไหลมาตามแม่น้ำมูล ฮิวมัสมากับน้ำท่วมทุกปี นับวันยิ่งปลูกอะไรก็ยิ่งงาม เป็นแต่เพียงปลูกไปแล้ว ไม่ค่อยมีคนไปช่วยเก็บ
พ่อครูว่า…777 คนไม่ใช่ว่าจะไปเป็นสมาชิกทั้งหมด ถ้าหากว่าชาวอโศกเป็นคนงมงายคนที่ผิดคุณไปก็ได้สิ่งที่ผิด แต่ถ้าหากชาวอโศกเป็นผู้ที่ถูกต้องดีประเสริฐแท้ คุณไปก็จะได้อันนั้น มันเป็นสัจจะอย่างนั้นข้อสำคัญตรวจสอบให้ดี อโศกนี้ดีจริงหรือดีแน่มีอะไรบ้างตรวจสอบข้อมูลหลักฐานว่าดีคืออะไร ซึ่งมันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเข้าใจได้ง่าย
เช่นว่าความจนนี้ดี เพราะว่าโลกทั้งโลกเขาบอกว่าความรวยนี้ดีความจนมันจะดีที่ไหน ไม่มีของตัวเองดี เขาก็บอกว่า มีแต่ว่าเขาจะต้องมีของตัวเองให้มากๆเป็นสิทธิให้มากๆมีหลักฐานยืนยันจดสิทธิบัตรอะไรไว้ในโลกเลย ว่าเป็นของฉันมากมายดี แต่นี่กลับไปเอาออกให้หมดนี่แหละดี คือนี่แหละ โลกทั้งโลกมันทวนกระแสกันเราจึงชัดเจนของเราได้ ว่าความจนนี้ดี
- จนตามหลัก วรรณะ 9 ของพระพุทธเจ้า เลี้ยงง่ายบำรุงง่าย มนุษย์ที่เลี้ยงง่ายเป็นคนว่านอนสอนง่ายไม่เรื่องมาก สุภระ และ สุโปสะ พัฒนาการให้เจริญได้ง่าย 2 อย่างนี้ที่จริงก็จบแล้วแต่คนยังไม่เข้าใจก็ต้องมาอธิบาย และที่มันไม่ สุภระ ไม่สุโปสะ เพราะอะไรเพราะมันยังมักมาก มันยังไม่พอมันยังไม่ขัดเกลาตัวเอง มันยังต้องเริ่มต้นไปตามลำดับตั้งแต่ศีลทีละข้อ แล้วก็เจริญเป็น ธูตะ ๆๆ ได้ไปเรื่อยๆก็สมบูรณ์เป็นศีลที่เคร่ง แต่ผู้ที่ได้แล้วไม่เคร่งไปได้เรื่อยๆ ทำให้เกิดกรรมกิริยากายวาจาใจ ปาสาทิโก เป็นอาการทางกายที่น่าเลื่อมใสเป็นอาการทางวจีที่น่าเลื่อมใสทางมโนก็น่าเลื่อมใส
สรุปจบอีก 2 อปจยะ กับวิริยารัมภะ ไม่สะสมและยอดขยันสร้างแต่สิ่งที่ดี แล้วไม่สะสมเป็นของตัวเองเลย มันก็กลายเป็นสมบัติของส่วนกลาง มากขึ้นแล้วก็กระจายสะพัดออกไป
ตัว อปจยะ กับวิริยารัมภะ เป็นการพิสูจน์ความอุดมสมบูรณ์ที่ไม่มีหมดสิ้น เป็นตัวยืนยันว่าคนมีภูมิปัญญา ทั้งเป็นคนที่เลี้ยงง่ายอยู่ง่ายไปง่ายมาง่ายกินง่าย พร้อมไปหมดเลยกับเป็นคนมีน้อยไม่เอามาก แล้วก็เป็นคนที่พัฒนาตัวเองขัดเกลาตัวเองไปตามลำดับของศีลจนสำเร็จมีอาการน่าเลื่อมใส ซ้อนกันอยา่งนี้ เป็นสภาพหมุนรอบเชิงซ้อนในวรรณะ 9
นี่เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าที่สูงสุดแล้ว อาตมาเอาความรู้ตามคำสอนพระพุทธเจ้าและพิสูจน์มาจนเป็นพระโพธิสัตว์จึงมีสิ่งเหล่านี้มาขยายความให้พวกคุณฟัง ซึ่งถ้าไม่มีความรู้จริงขยายความไม่ได้หรอก ไม่มีความรู้ความเห็นความเข้าใจจริงๆเป็นสารัตถะที่แท้ขยายออกไม่ได้ ขยายออกไปแล้วจะยิ่งงง แต่หากขยายแล้วเข้าใจยิ่งขึ้นก็ใช่ ถ้ายิ่งคนปฏิบัติแล้วมีผลเกิดกับตัวเองด้วยคนจะยิ่งเข้าใจมากยิ่งขึ้น ยิ่งจะพิสูจน์ยืนยัน
ในหลักสัจธรรมต่างๆที่อาตมาได้กล่าวมา สิ่งเหล่านี้อาตมามั่นใจ พวกคนข้างนอกเขาก็ไม่เชื่อ จึงจำเป็นต้องยืนหยัดยืนยันพิสูจน์ให้เห็นความจริงอันนี้ ไม่ใช่ว่าอวดเก่ง แต่เพื่อยืนยันให้เห็นจริง ให้เป็นจริงแล้วจนคุณจำนนว่าอันนี้จริง ก็จบแล้วนี่ คนก็จะต้องมาเอาสิ่งที่จริงคุณจะไม่เอาสิ่งที่จริงก็แล้วแต่ มันบังคับไม่ได้
ย้อนกลับมาอยู่สภาวะ จะเรียกภาษาว่าการเมือง เป็นภาษาที่สื่อให้รู้กันว่าการเมืองคืออะไร การเมืองคือพฤติการณ์ของมนุษย์ในสังคม การเมืองในประเทศก็เป็นพฤติการณ์ของมนุษย์ในประเทศ การเมืองในครอบครัว ก็เป็นเรื่องพฤติการณ์ในครอบครัวของคุณ การเมืองในหมู่กลุ่ม เราก็ไม่ต้องพูดกว้าง เราพูดเราทำการเมืองในประเทศไทยเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แล้วเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของมนุษย์เพราะว่าอยู่ในโลกมนุษย์มันก็ต้องเป็นอันเดียวกันสัจจะมีหนึ่งเดียวในโลกสัจจะไม่มีสอง ต้องทำอย่างเดียวนี่แหละให้ได้ทำอันนี้ให้ชัดเจน อาตมาก็มั่นใจที่พูดมาอย่างนี้ อาตมาว่าจะต้องฝืนชีวิตร่างกายให้ยาวยืนเพื่อจะพากันทำความจริงอันนี้ให้ปรากฏจริงขึ้นมา จนกระทั่ง จะต้องถึง 144 ปีจริงหรือไม่ จะได้นอนดูผลงาน
ถ้าถามดู จะมีความเห็นอยู่ 2 อย่าง อยากให้อาตมาอยู่ยาวไหม ..อยู่ แล้วจะให้อาตมาอยู่เมื่อยต่อไปหรือ จะมองอีกมุมว่าท่านอยู่ก็เหนื่อยเมื่อยให้ท่านไปสบายๆเถอะ มองไม่ออกเลยแค่นี้ เห็นแก่ตัว ไม่ให้อาตมาตาย
สู่แดนธรรมว่า พ่อครูว่า เรื่องหนักให้มองเป็นเรื่องเล่นๆ
พ่อครูว่า..ใช่ถ้าเรามองเป็นเรื่องที่หนักก็ต้องเข้ม
มีเรื่องหนึ่งที่อยากให้เอาไปคิดกัน
อาตมาทุกวันนี้ชีวิตยืนอยู่บนจุดเล็กที่สุดของปัจจุบัน ฟังดีๆ แล้วไปทำความเข้าใจให้ดีๆมันสบ๊ายสบาย เล็กที่สุดจน invisible เล็กที่สุดจนไม่มีใครเห็นตัวแล้ว แล้วก็มีเท่านี้อยู่กับปัจจุบันเท่านี้ผ่านปัจจุบันไปแล้ว ใครจะไปคว้าเอาไว้ก็ไม่ได้ หรือคุณยังไม่ได้ในอนาคตคุณก็จะเอาให้ได้ก็มีเท่านี้ สั้นที่สุดลัดที่สุด สบายที่สุดเลย นี่เป็นจุดที่อาตมาว่า เราก็อยู่กับอันนี้ก็แล้วกัน
และอาตมาเชื่ออีกว่าอาตมาอยู่กับจุดปัจจุบันที่เล็กที่สุด นี่แหละ จะยาวนานที่สุดจะใหญ่ที่สุด เอาภาษาคำว่าใหญ่มาบอกว่าเล็กมันก็เลยงง มันไม่มีพยัญชนะก็ต้องใช้พยัญชนะ 2 ตัวกลับไปกลับมาอย่างนี้แหละ สภาวะกับพยัญชนะมันก็มีอยู่เท่านี้
เพราะฉะนั้นจนกว่า คนจะเห็นจริง ซึ่งก็จะไม่มีใครไปบังคับ แต่ละคนเห็นจริงด้วยตัวเองตัวเองเห็นจริงเองแล้วก็ยอมรับเอง เมื่อมีปริมาณมากพอ คุณไม่ต้องไปอยากให้เขามายกย่องเชิดชู ให้เขามายอมรับไม่ต้องหรอก หลบหนีได้ยากด้วย ถึงเวลาให้คนหลบหนีก็ยากด้วย จิตเขาจะตามคนไม่ว่าคุณจะไปอยู่ในถ้ำไหนเขาก็จะดึงคุณขึ้นมาถึงเวลานั้น แล้วเราก็ไม่มีด้วย
สู่แดนธรรมว่า..พ่อครูเคยว่า อาตมาไม่หาบริวารพ่อจะได้คนโง่มากับเรา
พ่อครูว่า…อาตมาทำงาน 1. ไม่ต้องการทำเพื่อให้คนมานับถือ 2. ไม่ต้องการให้คนมาเป็นบริวาร 3. ไม่ต้องการให้คนเอาลาภยศสรรเสริญโลกียสุขมาให้ 4. ไม่ต้องการให้คนมาบอกว่าเอ็งเก่ง 5. ไม่ใช่เพื่อการโค่นล้มลัทธิอื่น ไม่มี มีอีก 2 อันสุดท้ายคือทำเพื่อยืนยันความจริงเท่านั้น ทั้งหมด 7 ข้อ พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้อันนี้พระสูตรนี้
สุดยอดเลยอาตมาว่าสุดยอดแล้วทำให้ตรงตามที่พระพุทธเจ้าตรัส พระไตรปิฎก รวบรวมไว้แล้วสุดยอดไม่ต้องไปเปลี่ยนแปลงหรอก แต่ละพระสูตรคุณพิสูจน์ไปเถอะ ตั้งแต่ภาวะที่เป็น 1 ภาวะที่เป็น 2 ไปเรื่อยๆจนถึงภาวะเยอะแยะมากมาย ถึงมงคล 38 ยืนยันสัจจะพระพุทธเจ้าได้เลย อาตมาจึงเชื่อว่าคนที่ชื่อว่าพระพุทธเจ้านี้จริง มีจริงเป็นจริง และเป็นความรู้ที่สุดประเสริฐสุดยอดจริงๆ ใครไม่เชื่อใครไปขัดแย้งก็แย้งไปเถอะ อาตมาว่าอาตมาไม่ขัดแย้ง นอกจากคนที่เขายึดถือคำสอนพระพุทธเจ้าผิดเพี้ยนไป อาตมาก็มาตรวจสอบมันไม่ตรงก็ขัดแย้งไปก็ต้องรู้ให้ได้ อันไหนที่มันตรงก็ใช่ของพระพุทธเจ้า
สรุปเข้าเป้าที่มามีพฤติกรรมจริงของมนุษย์ก็แล้วกัน มนุษย์ที่คุณยังมีชีวิตแต่ละคน คุณอยู่ไหนที่ไหน คุณก็ทำตนเองขึ้นมาให้ดี ก็จะเป็นประโยชน์ในที่นั้น ถ้าหากคุณทำตนเองมาไม่ดีมันก็เป็นโทษในที่นั้น เป็นสัจจะที่คุณขัดแย้งไม่ได้ แต่ความจริงที่จะตัดสินว่าใครที่จะเป็นโทษภัยใครมีดีหรือไม่มีดีมันก็เป็นสัจจะ สัจจะต้องตัดสินใจสัจจะเอง สัจจะก็ต้องไม่ผิดเพี้ยน ถ้าหากสัจจะมีความผิดเพี้ยนมันก็ไม่ใช่สัจจะ แล้วจะเอาตัวไหนมาเป็นตัวถูกล่ะทีนี้มันไม่มีแล้วภาษาก็พูดได้แค่นี้ ตัวสภาวะเองก็ต้องเป็นเช่นนั้น
เมื่อเข้าใจตัวสภาวะกับพยัญชนะเป็นหนึ่งเดียวแล้วก็จบ
อาตมาพยายามขยายความว่าทุกอย่างนี้มันมีแค่ 2 แล้วรวมเป็น 1 ได้ก็จบ มันไม่มีความย้อนแย้งอะไร หากเขาจะย้อนแย้งอยู่ก็รู้ว่าเขาย้อนแย้งมากหรือน้อยต่างกันมากต่างกันน้อยก็เท่านั้น ส่วนคุณจะปักใจว่าด้านไหน คุณก็ปักใจไว้ด้านนั้น ถ้าหากด้านหนึ่งของคุณถูก อีกด้านหนึ่งเขาก็ผิด ก็เกิดการกลับไปกลับมาเท่านั้นเองถ้าอันนั้นถูกอันนี้ก็ผิด
แล้วที่ว่าถูกผิดนี้มันใช้ได้ตามเหตุปัจจัยจริงในกาละนี้ไหม ถ้าใช้ได้กับเหตุปัจจัยต่างๆกับบุคคลที่มันเป็นความจริงเป็นประโยชน์คุณค่าที่แท้จริง ก็จบตรงนี้ เป็นการใช้พยัญชนะกับสภาวะที่เข้าใจได้ยาก
ยกตัวอย่างพวกเรามาจน ไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง แต่จนแล้วเป็นไง จนแล้วมีเยอะ อุดมสมบูรณ์ เห็นไหมมันพยัญชนะย้อนแย้งกัน เขาก็ว่าพูดผิด ความจนกับการมีเยอะนั้นมันขัดกัน ค้นหาพยัญชนะคำว่าจนกับคำว่ามีเยอะมันเป็นพยัญชนะทั้งคู่ แต่ความจริงแล้ว ตัวคนหรือมนุษย์ ที่เขาไม่มีทรัพย์สินเงินทองในตัวเองเขาจนจริงๆแต่เขาขยันสร้างสรรค์มันก็เลยมีมากจริงๆ สภาวะมันก็เลยจนจริงๆมีมากจริงๆหรือเหลือเฟือจริงๆ อันนี้ต่างหากที่มันเป็นสภาวะของจริงแต่คุณไปติดอยู่ที่พยัญชนะ 2 ตัวคุณตีไม่แตกแยกไม่ออกแล้วคุณก็รวมเป็นหนึ่งไม่ได้ คุณตีไม่แตกแยกไม่ออกระหว่างอุดมสมบูรณ์กับจน คุณก็ยืนยันถ้าจะพยัญชนะว่ามันขัดกัน ซึ่งที่จริงแล้วมันไม่ขัด ก็โดยตัวบุคคลคนนี้เขาไม่มีจริงๆเขาก็จน แต่เขาขยันสร้างสรร สร้างแล้วก็เอาไปให้ส่วนกลาง ให้แก่ผู้อื่นเขาก็ไม่มีอยู่อย่างเก่า แต่ส่วนกลางมันมีอีกเยอะมันอุดมสมบูรณ์มันก็เลยมีทั้งศูนย์และทั้งอุดมสมบูรณ์อยู่ 2 อย่าง นี่เป็นสภาวะนะ
อึ้งทึ่ง
เพราะฉะนั้นก็มายืนอยู่ตรงสภาวะจริง คนที่มีสภาวะแท้ๆจะชัดเจนในคนที่เมาในพยัญชนะสับสนในพยัญชนะจะชัดเจน แล้วทำไมถึงบอกว่าอาตมาไม่กลัวหรอก อาตมาบรรยายธรรมะ อาตมาบรรยายภาษาธรรมะต่างๆด้วยสภาวะ พยัญชนะต่างๆนานาอาตมาเอาสภาวะที่อาตมามีมาบรรยาย คนเขาจะเรียนบาลีแบบว่าชีวิตภาคว่าการสัมพันธ์ไวยากรณ์ก็เอามาเถียง อาตมาบอกว่าอาตมาไม่เก่งหรอก พวกคุณจะสร้างพยัญชนะ วากยสัมพันธ์ ไวยากรณะ อีกมากมายคุณก็ว่ากันไปอาตมาไม่รู้เท่าคุณด้วย แต่อาตมาเอาตัวจริงชีวิตจริงสัมผัสจริงมีเวทนาจริงมีความรู้สึกจริง แล้วก็มีความเป็นผู้ที่มักน้อยสันโดษ อัปปิจฉกถา สันตุฏฐิกถา ปวิเวกกถา อสังสัคคกถา วิริยารัมภกถา ศีลกถา สมาธิกถา ปัญญากถา วิมุตติกถา วิมุตติญาณทัสสนกถา
อาตมาไม่เอาสวรรค์นรก เอาปัจจุบัน 0 เท่านี้ ไม่มีสวรรค์ไม่มีนรก เป็นความสงบสบายพอแล้ว คุณจะไปสวรรค์เราก็ไม่เอาด้วยกับคุณ แต่เราก็ไม่หยุดขยัน ในกถาวัตถุ 5 อันแรกก็จบในตัวเหมือนกัน อาตมาก็พาพวกเราอยู่อย่างนี้ อาตมาอยู่ ใครจะตายก่อนอาตมาก็เผาให้ ไป ตายทีหลังก็มาเผาอาตมา ก็ไม่มีปัญหาพิสูจน์ยืนยันความจริงอันนี้ไป เป็นเรื่องสุดยอดแล้วอาตมามีที่จบ ส่วนใครจะไม่มีที่จบก็เชิญ คุณก็ต่อไปก็แล้วกันแต่อาตมามีที่จบ
เพราะฉะนั้นสัจจะที่จะเทียบกันด้วยภาษาว่าการเมืองหรือเกมอะไรก็แล้วแต่ เกม คือการไปแข่งขัน (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
สมณะเดินดิน…พ่อครูสะท้อนเรื่องพยัญชนะกับสภาวะได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดมีตัวอย่างหลากหลายมากมาย ถ้าหากดูตามพระไตรปิฎก ว่ามาบวชเพื่อไม่ได้เอาอะไรต่างๆนานา ไม่เอาอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าดูสภาวะคือไม่เอาอะไรแต่ได้หมด ก็เพราะว่าหมดทุกอย่าง มีผลหมดทั้งโลกียะและโลกุตระด้วย คนมีปัญญาจะเห็นว่าความไม่เอาอะไรที่เป็นความสูงความประเสริฐ แล้วจะได้จิตวิญญาณของคนมาสืบทอดต่อ แต่ก็มีตัวหมด 0 จริงๆก็มี มีทั้ง 2 อย่างสมบูรณ์อยู่ในตัวเป็นสภาวะ แต่ถ้าจับเพียงแค่ภาษา เคยมีพระที่ท่านมีชื่อเสียงท่านบอกว่า แค่พ่อครูออกโศลกว่า เน้นเนื้อให้เหนือกว่ามาก เน้นลากแม้ยากกว่าแล่น เน้นจริงให้ยิ่งกว่าแค่น เน้นแก่นให้แน่นกว่ากว้าง พระที่เขาฟังบอกว่าไม่รู้เรื่อง
พ่อครูว่า…แม้มันจะช้าจะต้องลากกันก็ต้องทำ เน้นจริงให้ยิ่งกว่าแค่น ทำอย่างแค่นทำไม่ดี ต้องทำจริง เน้นแก่นให้แน่นกว่ากว้าง 4 ประโยคที่สลักไว้ที่ หินฟ้า ที่ปฐมอโศก เอามาจากภาษาอังกฤษว่า Monolith เป็นแท่งหินฟ้า เราสลักประโยคนี้ไว้ เน้นเนื้อให้เหนือกว่ามาก เน้นลากแม้ยากกว่าแล่น เน้นจริงให้ยิ่งกว่าแค่น เน้นแก่นให้แน่นกว่ากว้าง มันเป็น motto ที่เราจะต้องใช้ไปตลอด แม้จบแล้วมันก็จะได้เนื้อ
เน้นเนื้อให้เหนือกว่ามาก เน้นลากแม้ยากกว่าแล่น เน้นแก่น เราเอาแก่น
สู่แดนธรรมว่า.. อนาคตใหม่นั้นจะตรงกันข้ามคือเน้นเอาปริมาณให้มาก
พ่อครูว่า… ก็ใช่ ไม่เป็นไร เขาก็เชื่อของเขา โลกมนุษยชาติมันห้าม 2 อย่างนี้เกิดไม่ได้ หากว่าสองอย่างนี้ไม่ขัดแย้งกันกลมกลืนกันอาศัยซึ่งกันและกันไปมันก็สงบ สงบแล้วสุดท้ายมันก็จะเสื่อม สงบแล้ว หากไม่มีอะไรมาเป็นตัวสะดุดให้มันก็พลังงานขึ้นอีกมันก็จะสลายไป
ในสูตร E=C(mc2 + A)
A ก็คือ mc2 เมื่อเกิดขึ้นต่อๆไปบวกกันไปเรื่อยๆมันก็เอาไปเป็นการคูณและเป็นการยกกำลัง ไม่มีจบ ก็รอดู ว่านักวิทยาศาสตร์นักคณิตศาสตร์ของโลกเค้าจะฟังแล้วเข้าใจเขาก็จะเอาไปพิสูจน์ทางวัตถุ แต่อาตมาไม่เก่งทางวัตถุอาตมาเก่งทางนามธรรม ก็เอานามธรรมนี้ว่าไว้ก่อนเช่นเดียวกับไอน์สไตน์เขาไม่ได้เก่งทางวัตถุ ไอน์สไตน์จึงใช้คำว่า จินตนาการ ไอน์สไตน์บอกว่าเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ใต้หมวก เขาก็คิดให้แต่คนอื่นเอาไปทำทางทำลายเสียอีก แกก็เลยเสียใจ
อาตมาคิดว่าตนเองเป็นผู้ที่ค้นพบว่าแสงเดินทางโค้งเป็นคนแรก แต่ที่จริงแล้วไอน์สไตน์คิดได้ก่อน อาตมาคิดว่าแสงไม่ได้เดินทางเป็นเส้นตรงมีแต่แสงเดินทางเป็นเส้นโค้ง เลยบอกกับน้องบอกว่าคิดได้เป็นคนแรกแต่น้องบอกว่าไอน์สไตน์เป็นคนคิดได้ก่อนก็ไปหาหลักฐานมา ก็เลยรู้ว่าไอน์สไตน์เป็นโพธิสัตว์เขาก็ต้องหาหลักฐานทางวัตถุมาประกาศ เป็นนักวิทยาศาสตร์ในหมวก คืออยู่ในสมอง แต่คนก็เอามาพิสูจน์ทางวัตถุ
อาตมาทั้งความคิดในสมองทั้งเอามาพิสูจน์ทางวัตถุ เอาพิสูจน์ทั้งทางชีวะ จึงทำได้ยากกว่าไอน์สไตน์เยอะ พิสูจน์ทั้งอุตุธาตุ พีชธาตุ จิตนิยาม แล้วทั้งสามเส้า คือปฏิกิริยาของกรรม กรรมก็เป็นตัว Dynamic ธรรมะก็เป็นตัว Static ก็จะเกิดทั้งสองสภาพ ธรรมะก็เป็นสภาพบวก กรรมก็เป็นสภาพลบ สองหน่วยของอาการในโลกสองอย่าง ในนิวเคลียสมีกระแสบวกกระแสลบ
อาตมาเคยไปปาฐกถา เรื่องสูตร E=mc2 + A ที่ คณะแพทย์ศาสตร์จุฬาฯ ตั้งชื่อว่าแพทย์เป็นเดรัจฉานวิชา เท่านั้นแหละมีคนมาฟังเต็มห้องเลย มีทั้งวิศวะทั้งแพทย์ทั้งคณะอื่น ถ้าหากอาตมาพูดไม่ดี ออกจากห้องไม่ได้นะแต่อาตมาก็รอดออกมาได้ พูดให้เขาได้ฟังจนเกิดความซาบซึ้งมีคนติดตามมาปฏิบัติตาม
E=mc2 + A อาตมาแถมจากไอน์สตน์ที่ว่า E=mc2 อาตมาบวก A ไป ตัว A ก็คือ mc2 นี่แหละ บวกกันก็มาเป็น C
ไอน์สไตน์ บ่นกับลูกสาวว่าอธิบายมากมายให้ตายคนก็ไม่ค่อยเข้าใจ ภาวะไอน์สไตน์เป็นคนที่เข้าใจทางนามธรรม แต่คนก็จะเอาไปใช้ทางวัตถุธรรม
อาตมาเอามาขยายต่อ จริงๆแล้วอาตมาใหญ่กว่าไอน์สไตน์ ก็เป็นโพธิสัตว์ใหญ่กว่า มาถึงวันนี้ก็มาอธิบายถึง E=C(mc2 + A) คิดว่าสูตรนี้จบแล้วเต็มแล้ว อาตมาไม่ได้เก่งทางคณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์แต่เก่งทางอักษรศาสตร์ อาตมามั่นใจว่าจริง
ถ้าเขาได้ขยายความให้ผู้ที่มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์เอาไปพิสูจน์จริงๆเลยกับวัตถุ ออกมาเป็นประโยชน์ซึ่งอาตมาเชื่อว่าเมื่อนั้นสังคมก็คงเข้าใจแล้วว่าอย่าเอาไปใช้ทางเลวร้ายทำลาย พลังงานนี้จะเป็นพลังงานที่สูงกว่า mc2 แน่นอน แล้วเขาก็จะมีสำนึกมีปัญญารู้แล้วว่าอย่าเอาไปใช้ทางทำร้าย ทุกวันนี้เขาก็ยังไม่ยอมกันจริงหรอกยังมีระเบิดนิวเคลียร์เอาไว้ขู่กัน
ถ้าตี๋น่อยของโลกคือ คิมจองอึน หากคิมจองอึนยอมคนอื่น ว่า ฉันเป็นตัวเล็กอยู่ในสังคมโลก แล้วก็ยอมปลดลัทธิอันนั้น มาเอาลัทธิประชาธิปไตย แล้วก็ทำประเทศตัวเองปรับเลย แล้วศึกษาประชาธิปไตยให้ดีแล้วก็จะจบด้วยเพราะว่าจะเป็นประเทศสุดท้องในโลกที่เป็นประเทศประชาธิปไตยใหม่ อย่างน้อยจีนก็จะดูแลเลี้ยงได้สบาย ให้ไต้หวันเลี้ยงก็ได้ พวกนี้เป็นหนึ่งในคลองดีกว่าเป็นสองในทะเล เป็น motto ของเขา
ไม่ต้องมีอัตตาในโลก ใครจะว่าเราเล็กเราก็เล็ก ประเทศเกาหลีเหนือมีประชากรแค่ 25 ล้านคน
มาเข้าสู่เนื้อหาของความเป็นตัวเราจิตวิญญาณของเรา สู่แดนธรรมคัดจากพระไตรปิฎกมา 2 หลักฐาน
การทำสมาธิอาริยะ ล.9 ข้อ 321
อริยสมาธิขันธ์
[321] ส. ข้าแต่ท่านพระอานนท์ สมาธิขันธ์อันเป็นอริยะที่ท่านพระโคดมได้ตรัสสรรเสริญ และทรงยังประชุมชนนี้ให้สมาทาน ให้ตั้งอยู่ ให้ดำรงอยู่นั้น เป็นไฉน.
อ. ดูกรมาณพ อย่างไร ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย? ดูกรมาณพ
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เห็นรูปด้วยจักษุแล้ว ไม่ถือนิมิต ไม่ถืออนุพยัญชนะ เธอย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมจักขุนทรีย์ ที่เมื่อไม่สำรวมแล้ว จะเป็นเหตุให้อกุศลธรรมอันลามก คืออภิชฌาและโทมนัสครอบงำนั้น ชื่อว่ารักษาจักขุนทรีย์ ชื่อว่าถึงความสำรวมในจักขุนทรีย์ ภิกษุฟังเสียง
ด้วยโสต … ดมกลิ่นด้วยฆานะ … ลิ้มรสด้วยชิวหา … ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย … รู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยใจแล้ว ไม่ถือนิมิต ไม่ถืออนุพยัญชนะ เธอย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมมนินทรีย์ที่เมื่อไม่สำรวมแล้ว จะเป็นเหตุให้อกุศลธรรมอันลามกคืออภิชฌาและโทมนัสครอบงำนั้น ชื่อว่ารักษามนินทรีย์ ชื่อว่าถึงความสำรวมในมนินทรีย์ ภิกษุประกอบด้วยอินทรีย์สังวรอันเป็นอริยะเช่นนี้ ย่อมได้เสวยสุขอันไม่ระคนด้วยกิเลสในภายใน ดูกรมาณพ ด้วยประการดังกล่าวมานี้แล ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย.
เช่นสีแดงนี้ มันมีสีแดงของจริง แต่คุณบอกว่าชอบหรือไม่ชอบสีแดงนี้ สีแดงนี้ไทยบอกว่าแดง ฝรั่งบอกว่า red จีนบอกว่าอั๊ง สีแดงก็เป็นของมันเองสีแดง แต่ว่า ความชอบหรือไม่ชอบนี้มันเป็นอุปาทานของแต่ละคน เป็นเวทนาแฝงเวทนาเก๊ เวทนาปลอม เป็นได้สอง คือไม่ชอบก็ชัง หรือเป็นสามก็ได้คือมีเฉยๆอีก แต่เฉยๆที่รู้ว่าไม่ชอบไม่ชัง ก็เฉยๆแบบรู้ๆแบบนี้ดี
คุณก็เห็นความจริงตามความเป็นจริง แดงก็คือแดง หนึ่งดียว ภาษาก็ต่างกันไปได้ อธิบายชัดแล้วนะ จบไม่มีดิ้นอะไรหรอก หากคุณมีดิ้น มีชอบนิดนึงก็ดิ้นนิด มีชังนิดก็ดิ้นนิด มีมาร ผี ซาตานความไม่จริงไม่แท้ ธรรมะมีอยู่เท่านี้ คุณก็ดูให้ได้ คุณมีแต่คุณปฏิเสธว่าไม่มีก็โกหกตัวเอง แต่หากแยกไม่ออกก็มีภูมิเท่านี้ก็จำนน แต่หากแยกออกแต่คุณไปโกหกซ้ำซ้อนก็บาปซ้ำซ้อน หากรู้แล้วอย่าไปสร้างบาปทับถมก็ยอมรับก็จบ
ในโลกนี้พระพุทธเจ้าสรุปจบที่เวทนา เวทนา 108
คำว่า สุขนี้ขอยืมภาษามาใช้ว่าสุข สุขไม่ระคนด้วยกิเลส สุ คือ ดี ข คือ ว่าง ว่างนี่แหละดี แต่เขาแปลไปเป็นรสโลกีย์ไม่ดี แต่อันนี้นิรามิสสุข คือสุขไม่ปนด้วยอามิส
มีอีกอันหนึ่งล.7 {647}
หลักฐานที่ 2 อรหันต์บอกกันว่าเป็นอรหันต์
ท่านพระสัพพกามีกล่าวว่า “ท่านเรวตะ ทราบว่า เวลานี้คุณอยู่ด้วยวิหารธรรมที่เรียบง่าย นั่นก็คือเมตตา”
ท่านพระเรวตะตอบว่า “ท่านผู้เจริญ เมื่อก่อนคราวเป็นคฤหัสถ์ ผมได้ประพฤติสั่งสมเมตตา ฉะนั้นเวลานี้ผมก็ยังอยู่ด้วยเมตตาวิหารธรรมเป็นส่วนมาก แต่ผมบรรลุอรหัตตผลนานแล้ว ท่านผู้เจริญ เวลานี้พระเถระอยู่ด้วยวิหารธรรมอะไรเล่าเป็นส่วนมาก”
ท่านพระสัพพกามีตอบว่า “ท่านเรวตะ เวลานี้ผมอยู่ด้วยสุญญตวิหารธรรมเป็นส่วนมาก”
ท่านพระเรวตะกล่าวว่า “ท่านผู้เจริญ ทราบว่า เวลานี้ พระเถระอยู่ด้วยวิหารธรรมของพระมหาบุรุษ นั่นก็คือ สุญญตสมาบัติ”
ท่านพระสัพพกามีกล่าวว่า “ท่านเรวตะ เมื่อก่อนคราวเป็นคฤหัสถ์ ผมได้ประพฤติสั่งสมสุญญตสมาบัติ ฉะนั้นเวลานี้ ผมก็ยังอยู่ด้วยสุญญตวิหารธรรมเป็นส่วนมากแต่ผมบรรลุอรหัตตผลนานแล้ว”
พ่อครูว่า…แล้วคนสมัยนั้นท่าน พูดความจริงไม่ได้พูดความเท็จกัน ก็เป็นธรรมดา เมตตาคือ dynamic สุญญตาคือ static คุณไม่ทำงานก็อยู่กับสุญญตา แต่หากทำงานก็อยู่กับเมตตา ปรุงไปทำงานไป เมตตาคือปรารถนาให้คนอื่นพ้นทุกข์ กรุณาก็ลงมือช่วย ช่วยเสร็จกฺ็จบเขาพ้นทุกข์แล้วเป็นสุขสบาย แล้วก็จบ มุทิตาคือยินดีด้วยกับเขา แล้วก็อุเบกขาจบเลยวาง แล้วจบไม่ทวงบุญคุณจบแล้วก็จบไป นี่คือพรหมวิหาร 4 ที่สมบูรณ์แบบ
สมณะเดินดินสรุปจบ