620714_วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ บรรลุอรหันต์มีลำดับตามจูฬสุญญตสูตร
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1zoBy5dNDlQKFC_rQw1QoAGJ50yCcQJV018zarHt-Xtg/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ ..https://drive.google.com/open?id=1I9DaMLPLwu-a1892PSSgku98eyYNiu7_
สมณะฟ้าไท…วันนี้วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก ใกล้ถึงวันเข้าพรรษาแล้ว ชาวโลกียะ เขาก็ทำอีกอย่าง ชาวโลกุตระก็จะทำทวนกระแสกับชาวโลกุตระ ชาวโลกุตระจะไม่ทำเดรัจฉานวิชชา ตามที่พระพุทธเจ้าห้ามไว้ในจุลศีล
พ่อครูว่า..อาตมาว่าอาตมาเกิดมาในชาตินี้เรียกกันอย่างโลกว่าเกิดมามีบุญ จริงๆแล้วอาตมาเป็นคนไม่มีบุญแล้ว บุญหมดแล้ว เพราะว่าอาตมาไม่ต้องฆ่ากิเลสให้แก่ตัวเองอีกแล้วบุญเป็นเรื่องฆ่ากิเลสเป็นอาวุธยิ่งใหญ่ที่สุด อาวุธที่ทำลายกิเลส อาตมาประกาศตนไปแล้วว่าเป็นอะไร ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องฆ่ากิเลสอีก ก็ไม่ต้องใช้บุญอีกเลยบุญก็ไม่ต้องมี
ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจน หลายสูตร ท่านยืนยันว่า ท่านเป็นผู้ไม่มีบุญแล้ว อย่างเช่น ใน ล.32 ข้อ 392
สิ้นบุญสิ้นบาป
-
ว่าด้วยบุพจริยาของพระองค์เอง
ในกาลก่อนเราเป็นเด็ก(ลูก) ของชาวประมงอยู่ในบ้านเกวัฏฏคาม เห็นคนทั้งหลายฆ่าปลาแล้วเกิดความโสมนัส ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ความทุกข์ที่ศีรษะ (ปวดศีรษะ)ได้มีแล้วแก่เราในเมื่อเจ้าศากยะทั้งหลายถูกเบียดเบียน พระเจ้าวิฏฏุภะฆ่าแล้ว เราได้บริภาษพระสาวกทั้งหลาย
ในศาสนาของพระพุทธเจ้าพระนามว่าผุสสะ ว่าท่านทั้งหลายจงเคี้ยว จงกินแต่ข้าวแดง แต่อย่ากินข้าวสาลีเลย ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เราอันพราหมณ์นิมนต์แล้ว อยู่ในเมืองเวรัญชา บริโภคข้าวแดงตลอด ๓ เดือน
ในกาลนั้น เมื่อนักมวยกำลังชกกัน เราได้ห้ามบุตรนักมวยปล้ำ ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ความทุกข์ที่หลัง (ปวดหลัง) ได้มีแล้วแก่เรา
เมื่อก่อนเราเป็นหมอรักษาโรคได้ถ่ายยาให้เศรษฐีบุตร (ตาย) ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น โรคปักขันทิกาพาธจึงมีแก่เรา
เราชื่อว่าโชติปาละ ได้กล่าวกะพระสุคตเจ้าพระนามว่ากัสสปะ ในกาลนั้นว่า จักมีโพธิมณฑลแต่ที่ไหน โพธิญาณท่านได้ยากอย่างยิ่ง ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เราได้ประพฤติกรรมที่ทำได้ยากมาก(ทุกกรกิริยา) ที่ตำบลอุรุเวลาเสนานิคมตลอด ๖ ปี แต่นั้น จึงได้บรรลุโพธิญาณ แต่เราก็มิได้บรรลุโพธิญาณอันสูงสุดด้วยหนทางนี้ เราอันบุรพกรรมตักเตือนแล้ว จึงแสวงหาโพธิญาณโดยทางที่ผิด
(บัดนี้)เราเป็นผู้สิ้นบาปและบุญ เว้นจากความเร่าร้อนทั้งปวง ไม่มีความเศร้าโศก ไม่คับแค้น เป็นผู้ไม่มีอาสวะ จักนิพพาน พระชินเจ้าทรงบรรลุกำลังแห่งอภิญญาทั้งปวงแล้ว ทรงพยากรณ์โดยทรงหวังประโยชน์แก่ภิกษุสงฆ์ ที่สระใหญ่อโนดาต ด้วยประการฉะนี้แล.
ทราบว่า พระผู้มีพระภาคได้ทรงภาษิตธรรมบรรยายพุทธาปทานชื่อ ปุพพกรรมปิโลติ
อันเป็นบุพจารีตของพระองค์ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ พุทธาปทานชื่อปุพพกรรมปิโลติ.
————————
พ่อครูว่า…ทุกรกิริยาไม่ใช่แค่ทรมานตนเอง แต่ว่าทำสิ่งที่ผิดที่ชั่ว พวกที่เข้าใจผิดออกป่าไปบำเพ็ญในป่าก็ผิดทาง
พระพุทธเจ้าท่านผ่านอะไรมามากมาย อาตมาก็เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ที่ผ่านอะไรมามาก
ผู้ที่มีความจริงจะพูดอะไรโดยไม่เก้อเขินทำเป็นเหมือนผู้หญิงถูกจีบ จริตจก้าน คำมังกุ ซึ่งตัวเองไม่มีความแน่ใจชัดเจนแน่จริงว่าฉันเป็นอรหันต์ จะพูดอย่างนี้ เท่ๆ ฟังทั้งมวลทั้งหมด อาตมาจะอ่าน ของหลวงปู่หล้า
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต
ตอบปัญหาธรรมและการปฏิบัติธรรม
คำถาม :
บุคคลกลุ่มหนึ่งชอบกล่าวอ้างพระองค์นั้นพระองค์นี้เป็นพระอรหันต์ หลวงปู่เองก็มีผู้จดหมายถามว่าหลวงปู่เป็นพระอรหันต์หรือเปล่า และบางครั้งยกยอให้หลวงปู่เป็นพระอรหันต์ หลวงปู่ก็ได้เมตตาตอบจดหมายเขาเหล่านั้น
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ตอบ :
ที่ให้คะแนนหลวงปู่เป็นพระอรหันต์ แท้จริงแล้วหลวงปู่หาพระอรหันต์ในสกลกาย สกลใจ สกลวาจามาช้านานแล้วไม่พบเลย พบแต่กายสังขาร วจีสังขาร จิตสังขารเท่านั้น แม้จิตสังขารเล่าก็เกิดดับเร็วยิ่งกว่าพยับแดด ติดต่อกันเป็นรอบๆ เป็นพืดหาระหว่างมิได้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็คือผลลัพท์
การปฏิบัติกาย วาจา ใจให้ถูกทางเป็นหนทางไปสู่พระอรหันต์เท่านั้น ไม่ใช่กาย วาจา ใจเป็นพระอรหันต์
พ่อครูว่า…กาย วาจา ใจ ไม่ใช่เป็นพระอรหันต์แล้วจะเอาอะไรมาเป็นพระอรหันต์ พูดเหมือนคนตาบอดจูงคนตาบอดไปดูหนังใบ้ แล้วพูดกันว่าหนังสนุกมากเลย ตีกัน อย่างนั้นอย่างนี้ ฟังแล้วน่าสงสาร
ถ้าปฏิบัติผิดเล่าก็เป็นทางไปสู่ความเสื่อม จิปาถะนรกก็ว่าเพราะมันรกอยู่ที่ใจเดือดร้อน เมื่อมีผู้สรรเสริญว่าหลวงปู่เป็นพระอรหันต์ หลวงปู่ก็เฉยเสียไม่รับไม่ปัด
พ่อครูว่า…ที่จริงแล้วไม่รู้ตัวเอง ถ้าไปบอกว่าไม่เป็น แต่เขาก็ว่าเราเป็นอรหันต์ เป็นเรื่องไม่ชัดเจนไม่จริงจังไม่แน่นอนไม่รู้กันเลยคลุมเครือโมเม มั่ว น่าสงสารศาสนา
มีผู้ยกยอปอปั้นว่าเราเป็นพระอรหันต์ก็อย่าดีใจ เพราะพระวินัยทรงห้ามปรามไว้แจ่มแจ้งแล้ว
พ่อครูว่า….ในโลหิจสูตรก็ชัดเจนว่าไม่ได้ห้าม ในอภิณหปัจเวกขณ์ก็บอกว่าให้บอกได้อย่างไม่เก้อเขิน ไม่มังกุ ไม่อุทธัจจะ เมื่อคนมาถามว่าเราได้บรรลุหรือไม่?
อภิณหปัจเวกขณ์ ข้อที่ 10 อัตถิ นุ โข เม อุตตะริมะนุสสะธัมมา อะละมะริยะ ญาณะทัสสะนะวิเสโส อะธิคะโต, โสหัง ปัจฉิเม กาเล สะพรหมะจารีหิ ปุฏโฐ นะ มังกุ ภะวิสสามีติ ปัพพะชิเตนะ อะภิณหัง ปัจจะเวกขิตัพพัง
บรรพชิตพึงพิจารณาโดยแจ่มชัดอยู่เนืองนิจว่า, ญาณทัสสนะอันวิเศษควรแก่พระอริยเจ้า, อันยิ่งกว่าวิสัยธรรมดาของมนุษย์, ที่เราได้บรรลุแล้ว, เพื่อเราจะไม่เป็นผู้เก้อเขิน เมื่อถูกเพื่อนสหพรหมจารีด้วยกันถามในภายหลัง, มีอยู่แก่เราหรือไม่, ดังนี้
การพูดอย่างเก้อเขินก็เหมือนผู้หญิงไม่เดียงสา เอียงอาย ดูแล้วก็จะว่าน่าเอ็นดูก็น่าเอ็นดูแต่ว่ามันไร้เดียงสา
พระอรหันต์ไม่มีในรูปกาย นามกายคือขันธ์ ๕ เพราะรูปกายนามกาย ขันธ์ห้าเป็นขันธมาร กิเลสมารก็เข้าไปสิ่งถือเอาเป็นตัวตน เรา เขา สัตว์บุคคล ชนะกิเลสมารด้วยพระปัญญาอันถ่องแท้แน่ใจ มารทั้งหลายก็หายหน้าไปพร้อมกันทันเวลาพริบตาเดียว
พ่อครูว่า…เขาพูดแต่ภาษาแล้วมันสับสนไม่รู้เรื่อง
รู้เท่าอันใดนั้นก็หายไปเพราะไม่ได้มาสงสัยอันนั้นอีกใช่หรือไม่ ใจที่ฝึกฝนดีแล้วกลายเป็นทรงธรรมอันไม่ตาย ไม่ได้มาบัญญัติว่าใจอีก แต่เพียงบัญญัติว่าธรรมอันไม่ตาย ธรรมทรงธรรม นิพพานทรงนิพพานก็ว่าได้
พ่อครูว่า…พยายามอธิบายคำว่า ว่าง คือไม่มีอะไรเลย แต่ไม่รู้ว่าอะไรที่ควรวางอะไรไม่ควรว่าง ควรจะว่างจากอะไร
ความว่าง จะต้องไม่มีในสิ่งใด สิ่งใดที่มีอยู่ เป็นลำดับ ในจูฬสุญญตสูตร แต่สายหลับตาก็จะโมเมว่าตนเองว่างแล้ว นึกว่าตัวเองบรรลุแล้วด้วยอย่างเช่นมหาบัว แต่เป็นวิธีปฏิบัติอย่างผิดๆ
จดหมายของลูกๆ นั้น หลวงปู่ได้รับแล้วรู้สึกซาบซึ้งในสัมมาวาจาที่ลูกๆ พูดลูกๆ ปรารภ การที่ลูกให้คะแนนว่าหลวงปู่เป็นพระอรหันต์นั้นมันเป็นเรื่องของลูกๆ ต่างหาก ไม่ใช่เรื่องของหลวงปู่เลย หลวงปู่มาตรวจดูในรูปขันธ์ก็สักแต่ว่าเป็นรูปขันธ์ไปเสีย มาตรวจดูในนามขันธ์ก็เป็นแต่สักว่านามขันธ์เสีย มาตรวจดูในคำว่าหลวงปู่ก็เป็นแต่สักว่าคำว่าสมมติหลวงปู่ไปเสีย พระอรหันต์ไม่มีในหลวงปู่เสียแล้ว เหตุนั้นหลวงปู่จึงไม่ดีใจเสียใจในเรื่องนี้
(พ่อครูไอตัดออกด้วย)
อนึ่ง รูปขันธ์ก็ดี นามขันธ์ก็ดีที่เรียกว่าเราๆ เขาๆ ท่านๆ ตลอดจนถึงจิตใจและผู้รู้ ถ้าปฏิบัติถูกก็เป็นศีล สมาธิ ปัญญา เป็นหนทางเดินเข้าสู่พระนิพพาน ถ้าทำถูกทางก็เป็นหนทางเพื่อเข้าสู่พระอรหันต์ ถ้าทำผิดก็ตรงกันข้าม หนทางเข้าสู่พระอรหันต์กับหนทางสู่พระนิพพานก็รสชาติอันเดียวกัน ต่างกันก็แต่คำว่าชื่อเท่านั้น
พ่อครูว่า…น่าสงสารผู้ที่ไม่รู้เรื่องศาสนาพระพุทธเจ้าเหล่านี้ ก็จะอ่านของมหาบัวให้ฟัง
มหาบัวเขาบอกว่าเขารู้ของเขาเลย แต่ของหลวงปู่หล้านี้ทำเหมือนเขินสะเทิ้นอายแต่มหาบัวนี้บอกแบบนักเลงเลย
เล่าเรื่องคืนบรรลุอรหันต์ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
“จิตกับธรรมเป็นอันเดียวกัน สว่างจ้า” ในวันที่หลวงตาบัวได้บรรลุธรรมขั้นสูงสุด
“จิตกับธรรมเป็นอันเดียวกัน สว่างจ้า” ในวันที่หลวงตาบัวได้บรรลุธรรมขั้นสูงสุด
วันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๓ เป็นวันที่หลวงตามหาบัวบรรลุธรรมขั้นสูงสุด ตรงกับวันแรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๖ เวลา ๕ ทุ่มตรง ณ วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร
“..บทสุดท้ายที่จะคว่ำวัฏจิตวัฏจักร ความหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงการเกิดการตายทับถมกันนี้ มายุติในวัดดอยธรรมเจดีย์ วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ เวลา ๕ ทุ่มพอดี หลังเขาวัดดอยธรรมเจดีย์ ไปฟ้าดินถล่มที่นั่นละ ฟ้าดินถล่มนี้เราไม่เคยเห็นนะ เพราะเกิดมาก็ไม่เคยคาดเคยหมายว่าสวรรค์เป็นอย่างไร พรหมโลกเป็นอย่างไร นิพพานเป็นอย่างไร เราก็ไม่เคยรู้เคยเห็น มีแต่คาดแต่หมายไปอย่างนั้น แต่ในคืนวันนั้นพูดให้มันชัดเจนเสีย เป็นอยู่หลังเขาวัดดอยธรรมเจดีย์ เวลา ๕ ทุ่มเป๋งเลย วันที่ ๑๕ เดือนพฤษภา ๒๔๙๓ นั่นละตอนที่ฟ้าดินถล่มถล่มในตอนนั้น พอฟ้าดินถล่มตัวนี้พุ่งขึ้นบนอากาศมันขึ้นไปได้อย่างไร ฟังซิน่ะมาอวดท่านทั้งหลายเหรอ นั่งอยู่ธรรมดานี่ละร่างกายของเรานี้มันพุ่งขึ้นมันขึ้นไปได้อย่างไร เราเองก็อัศจรรย์เองนะพอพุ่งขึ้นไปลงมาแล้วมันสั่นไปหมดในร่างกาย ตัวสั่นเหมือนโลกธาตุนี้คว่ำหมดเลย สว่างจ้าขึ้นมาครอบหลังวัดดอยธรรมเจดีย์
มองไปที่ไหนว่างหมดไม่มีอะไรเหลือเลย โอ้โห เป็นอย่างนี้เหรอ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ตรัสรู้อย่างนี้ละเหรอๆ พระธรรมแท้เป็นอย่างนี้ละเหรอ พระธรรมแท้ก็คือธรรมชาติ จิตกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วนั่นละธรรมแท้ เป็นอย่างนี้ละเหรอ พระสงฆ์แท้เป็นอย่างนี้ละเหรอ หือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างไร มันเป็นแล้วนะนั่น นั่นละเป็นวาระสุดท้าย ฟ้าดินถล่มวันนั้น จากนั้นมาเรื่องภพเรื่องชาติขาดสะบั้นไปพร้อมๆ กันหมดไม่มีอะไรเหลืออยู่ภายในจิตใจเลย เป็นในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ เวลา ๕ ทุ่มพอดี นั่นละกิเลสขาดสะบั้นลงจากใจ สว่างจ้าขึ้นมา อัศจรรย์ตัวเอง ถึงขนาดพูดว่า เหอ..พระพุทธเจ้าตรัสรู้อย่างนี้ละเหรอๆ พระธรรมแท้เป็นอย่างนี้ละเหรอๆ พระสงฆ์แท้เป็นอย่างนี้ละเหรอๆ เอ๊..พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างไร มันเป็นแล้วนะนั่น
แต่ก่อนพอระลึกพุทโธ ธัมโม สังโฆ จะมาพร้อมกันๆ แต่ในขณะใหญ่นี้ผ่านไปแล้วกลายเป็นว่าพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างไร เป็นอันเดียวกันแล้วธรรมทั้งแท่ง จิตกับธรรมเป็นอันเดียวกัน สว่างจ้าเลย นี่ก็อยู่วัดดอยธรรมเจดีย์ เราไม่ได้ลืมนะ วัดนี้จึงเป็นวัดที่สลักปักลึกในหัวใจเรามากทีเดียว ไปทีไรต้องจ้องอยู่นั่นละ แต่ทุกวันนี้มันขึ้นข้างบนไม่ได้ ก็ไปอยู่ที่ศาลาข้างล่าง แต่ก่อนไปปั๊บขึ้นเลย ไปชมอะไรพูดไม่ถูกละ ชมธรรมอัศจรรย์ของเราที่เป็นในที่เช่นไร มันจะวิ่งเข้าถึงนั้นเลย แต่เวลานี้ขึ้นไม่ได้ มีแต่มองไปด้วยจิตเท่านั้นละ เห็นบุญเห็นคุณวัดดอยธรรมเจดีย์ของเรา
เราได้ปฏิบัติมาก็อย่างนี้ละกับบรรดาพี่น้องทั้งหลายเวลาออกปฏิบัติทีแรกจิตมันดีดมันดิ้น มันฟัดมันเหวี่ยงกับเรานี้ โอ๊ยหัวคว่ำหัวหงายไปเลย ครั้นเอาไปเอามาก็มีกำลังฟัดกันๆต่อไปกิเลสก็หงายเลย พอกิเลสหงายฟ้ากระจ่างขึ้นมาเลยเรียกว่าฟ้าดินถล่มในสถานที่นั่นวัดดอยธรรมเจดีย์ เป็นวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ นั่นละวันเปิดโลกธาตุ ภพชาติต่างๆที่เกิดที่ตายมากี่ภพกี่ชาติตายกองกันทั้งเขาทั้งเรา เฉพาะเรื่องธรรมเรื่องความเกิดความตายความทุกข์ความทรมานในวัฏสงสารของเราเองได้ขาดสะบั้นลงไปแล้วในขณะนั้นอัศจรรย์เกินคาดเกินหมาย
คืนวันนั้นไม่นอนเลย พอนั่งแล้วก็คำนึงถึงความอัศจรรย์ของธรรมพระพุทธเจ้าก็มาอยู่อันเดียวกันเสีย พระธรรมก็เป็นอันเดียวกันเสียพระสงฆ์ก็เป็นอันเดียวกันเสียเลยไม่ปรากฏว่าเป็นสองเป็นสามเหมือนที่เราเคยคิดมาแต่ดั้งเดิมพอมาถึงจุดนั้นแล้วผางทีเดียวเท่านั้น พระพุทธเจ้าตรัสรู้อย่างนี้ละเหรอๆจากนั้นมาแล้วพระธรรมแท้เป็นอย่างนี้ละเหรอๆพระสงฆ์แท้เป็นอย่างนี้ละเหรอ โห พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างไร นี่เป็นแล้วนะนั่น มันเป็นแล้วอัศจรรย์ตั้งแต่บัดนั้นมา ขาดสะบั้นเรื่องภพเรื่องชาติตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งป่านนี้ไม่ได้คิดได้คาดว่าตายแล้วจะไปเกิดที่ไหนเกิดแล้วจะไปตายที่ไหน จะขึ้นจะลงที่ไหน หมดปัญหาโดยประการทั้งปวงพอแล้วอยู่กับคำว่าธรรมธาตุ พอแล้วอยู่กับคำว่านิพพานเที่ยงรวมอยู่นั้นหมด ไม่ต้องไปหาพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ที่ไหนองค์ไหนก็แบบเดียวกันๆ ถามหาพระพุทธเจ้าองค์ไหนองค์นั้นชื่อว่าอย่างไรองค์นี้ชื่อว่าอย่างไร พระนามของท่านชื่อว่าอย่างไรไม่ถาม
ธรรมชาติที่บริสุทธิ์นี้เป็นอันเดียวกันเหมือนกันกับน้ำที่ตกลงมาจากฟ้านั่นละ เมฆก้อนไหนก็ตามลงมาสู่น้ำมหาสมุทรแล้ว เป็นน้ำมหาสมุทรอันเดียวกันหมดเลยไม่ได้แยกแยะว่าเมฆก้อนหนึ่งเป็นฝนมาจากเกาะไหนดอนใดไม่มีลงนั้นแล้วเป็นมหาสมุทรอันเดียวกันหมด อันนี้พอผางขึ้นมหาวิมุตติมหานิพพานแล้วเป็นอันเดียวกันหมด ถามที่ไหนเมฆก้อนไหนตกลงมาก็เป็นมหาวิมุตติมหานิพพาน เมฆหมายถึงธรรมก้อนไหนตกเข้ามาในหัวใจเราจากความเพียรของเราก็เป็นมหาวิมุตติมหานิพพานไปตามๆ กันหมด หายสงสัยตั้งแต่บัดนั้นมาหายสงสัยแล้ว การเกิดการตายเราจึงไม่ได้คำนึงถึงเรื่องการเกิดการตายของเรา เราพูดจริงๆ เปิดให้พี่น้องทั้งหลายฟังเสีย หมดเรื่องภพเรื่องชาติล้างป่าช้าในชาตินี้ล้างหมดเรียบร้อยไม่มีเหลือ ก็จะมีตั้งแต่เวลาเราตายนี้เขาจะเอาศพของเราไปให้ไฟเผาเท่านั้นเอง ข้อแม้อันหนึ่งนั้นคือว่าพินัยกรรมของเราได้ประกาศไว้แล้วตั้งแต่เรายังไม่ตายนี่เวลาเราตายบรรดาญาติโยมลูกศิษย์ลูกหาทางใกล้ทางไกลที่นับถือพุทธศาสนา เวลาเราตายนี้ ต่างคนก็ต่างจะเอาสมบัติเงินทองเข้ามาอนุโมทนา มันทนไม่ไหวแล้วจะต้องตายก็ต้องยอมรับ ปัจจัยทั้งหลายก็มาทุ่มให้เราๆ ศพเมรุเน่าๆ นั้นแหละ
พอเขาถวายหมดแล้วเราก็มีพินัยกรรมของเราอีก นี่เวลาเราตายนี้แล้วท่านผู้ใดที่มีศรัทธาความเคารพเลื่อมใสต่อเรา เห็นว่าสุดวิสัยแล้วต่างก็เอาจตุปัจจัยไทยทานมาบริจาค ทีนี้จตุปัจจัยไทยทานที่มาบริจาคเรามีพินัยกรรมไว้เรียบร้อยแล้ว เวลาเราตายพินัยกรรมของเราบอกว่า สมบัติเงินทองข้าวของที่พี่น้องทั้งหลายมาบริจาคทานเพื่อเผาศพของเรานี้ สมบัติเหล่านี้เราตั้งกรรมการรับผิดชอบไว้หมดเลย พอเสร็จเรียบร้อยแล้วจะยกเงินทองทั้งหมดนี้เอาไปซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวง ตัวเราเองจะเผาด้วยไฟเท่านั้น หายห่วงไปเลย ลบป่าช้าความเกิดแก่เจ็บตายไปหมด นรกสวรรค์ชั้นไหน พรหมโลกอยู่ชั้นไหนลบหมดไม่มีอะไรเหลือ หากประจักษ์ในหัวใจนี้เอง เหลือตั้งแต่ นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ เหลือเท่านั้นละ คำว่านิพฺพานํ คือธรรมธาตุ จิตเป็นธรรมธาตุ จิตเป็นธาตุ ธาตุเป็นจิต เรียกว่าเป็นธรรมธาตุแล้ว หาอะไรอีก หมดโดยสิ้นเชิง นี่ละการปฏิบัติมาตั้งแต่ล้มลุกคลุกคลาน ตะเกียกตะกายแทบเป็นแทบตายก็มาเป็นในคืนวันนั้นละ เป็นที่วัดดอยธรรมเจดีย์ เวลา ๕ ทุ่ม วันที่ ๑๕ พฤษภา ๒๔๙๓ นี่ละกิเลสได้ขาดสะบั้นลงจากใจ
ตั้งแต่บัดนั้นมา เราจึงไม่เคยลืมบุญลืมคุณของวัดดอยธรรมเจดีย์นะ คุณอันนี้ฝังลึกมากทีเดียว เราระลึกย้อนหลังไปหาพระพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้ในต้นโพธิ์ใหญ่ ได้ถือต้นโพธิ์เป็นคู่เคียงของพุทธศาสนา เพราะพระองค์ทรงเห็นบุญเห็นคุณของต้นโพธิ์ใหญ่นั้น นี่ก็เห็นบุญเห็นคุณของธรรมกองใหญ่ ธรรมธาตุขึ้นในที่นั่น จึงไม่มีวันลืมเลย ขอให้พี่น้องทั้งหลายจำเอาไว้นะ ทุกคนให้จำเอาไว้ นี่ละการปฏิบัติศีลธรรม ปฏิบัติไม่หยุดไม่ถอยได้ไม่สงสัย คำว่าตรัสรู้บรรลุธรรมอย่างนี้ก็ไม่เคยได้คิดได้อ่าน แต่ก่อนพระพุทธเจ้าเป็นอย่างไร องค์นั้นเป็นอย่างไร องค์นี้เป็นอย่างไร มันไขว่มันคว้าไปหมด พอธรรมธาตุได้ผางขึ้นมาในหัวใจแล้วพระพุทธเจ้าเป็นองค์เช่นไรไม่ถามธรรมะแท้เป็นอย่างไรไม่ถาม พุทธะ ธรรมะ สังฆะ เป็นธรรมอันเดียวกันทีนี้ก็ไม่ต้องถามใคร เป็นอันเดียวกันหมด ให้พากันจำเอานะ
อาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
ที่มา tnews
สมณะฟ้าไท…ธรรมะพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องที่ไม่ลึกลับเป็นสิ่งธรรมดาที่ทุกคนสามารถทำได้ เป็นลำดับ พ่อครูสอนเรา ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นลำดับเบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย ไม่เป็นแบบกระโดดโลดเต้นแบบนี้หรอก สามารถอธิบาย
พ่อครูว่า…อธิบายศีลสมาธิปัญญาวิมุตติ จากศีล 3 ข้อเป็นพระอรหันต์ให้ฟัง
_SMS วันที่ 12 กรกฎาคม 2562
พล.ร.ต.มินท์ ..กราบนัสการพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ที่เคารพอย่างสูงยิ่ง กระผมขอให้พ่อครูโปรดพิจารณาให้รางวัล เหรียญทอง เหรียญเงิน เหรียญทองแดง แก่ความหมายของ ครม. ที่หมายถึง ต่อไปนี้
-
ควายรักม้า
-
คนรักเมีย
-
คณะรัฐมนตรี