620722_รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 59
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1-EpziAsEcp_xStKMnndLjZR8J4KvyVOJj3YvY-k5v_U/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1LoDNBYMIb9KRqbcNfFCsXQl0ft7bYK1L
จุดแยกโลกียะกับโลกุตระอยู่ตรงจุดนี้
พ่อครูว่า…วันนี้วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 6 ค่ำเดือน 8 ปีกุน ขานวันเวลาแล้วเรียบร้อย (ดช.ธรรมะ กับ ดช.ธัมโม มากราบ) เขาก็ได้ซึมซับสิ่งดีๆ สังคมพวกเราเป็นสังคมที่ไม่ละเลยในเรื่องคุณธรรมของคน หรือคือธรรมะ เป็นเรื่องหลักเลยในสังคมมนุษยชาติ ใช่ไหมเด็กๆใช่ไหม ไม่ถามหรอกผู้ใหญ่ เป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะในสังคม ถ้าคนเดียวมันก็ยังสำคัญแล้วในเรื่องของคุณธรรม คนเดียวก็ควรจะต้องเพิ่มคุณธรรมของตัวเองให้เจริญพัฒนาขึ้น ให้มันก้าวหน้าขึ้น ยิ่งอยู่กับสังคมมีผลกระทบ มีผลที่จะต้องเป็นปฏิกิริยากันจะเกิดเจริญจะเกิดความสุขความทุกข์ความเดือดร้อนเกิดความสงบเย็น เกิดพัฒนาการอะไรก็แล้วแต่ คุณธรรมนี้เป็นหนึ่งในโลก เป็นยอดในเรื่องของมนุษยชาติ
เพราะฉะนั้นอาตมาถึงภูมิใจในตนเองที่เกิดมาในชาตินี้แล้วไปเสียเวลาอยู่ 36 ปี เสร็จแล้วก็รู้ตัวว่าเราเสียเวลา ก็รีบมาใช้เวลาต่อจากนั้น มาใช้ทุกกรรมกิริยาทุกเวลามาทำงานที่จะเสริมคุณธรรมให้แก่มนุษยชาติ โอ้โห ได้ทำได้ปฏิบัติจนทุกวันนี้ ภาคภูมิใจที่เราหายโง่ในตนเอง ประเด็นนี้ คนยังโง่ในประเด็นนี้เยอะมาก เขาไปหลงลาภยศสรรเสริญโลกเยอะที่สุด
ในสังคมโลกเขาก็มีคุณธรรม แต่คุณธรรมของศาสนาพุทธนั้นเป็นคุณธรรมระดับโลกุตระ อาตมาก็มั่นใจว่าจะมาเสริมโลกุตระให้แก่มนุษยชาติ ซึ่งมันยิ่งใหญ่ ศาสนาใดๆก็ไม่เข้าถึงโลกุตระเหมือนศาสนาพุทธ พูดแล้วก็เหมือนกับยกตัวตน โอ่อวด แต่มันเป็นเรื่องจริงอาตมาไม่ได้มีจิตสาเฐยะ ไม่ได้มีจิตอยากอวดโอ่ แต่มันเป็นสิ่งที่ต้องยืนยันประทับลงไปบอกลงไป ให้รู้กัน ให้ชัดเจนกันในโลก ว่านี่มันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ของมนุษยชาติ เพื่อยืนยันสัจธรรม ใครจะฟังอย่างหมั่นไส้ว่าเป็นการคุยตัว ยกย่องเลิศเหนือชั้น ข่มเขาก็ใครจะว่าก็ไม่เป็นไร จิตใจของมนุษย์ที่จะเพ่งโทษ ที่จะมองในแง่ร้าย แต่อาตมาว่านี่เป็นแง่ดีที่สุดที่จะได้บอกย้ำในสังคม เพราะคนมันงมงาย หลงโลกียะ
คนข้างนอกเขาไม่รู้โดยเฉพาะแม้แต่ชาวพุทธทั่วไปในสังคมประเทศชาติ เขาก็ไม่ค่อยจะชัดเจนในเรื่องของโลกุตระกับโลกียะ
อาตมาจะถามก่อน ก่อนจะให้พวกคุณถามอาตมา วันนี้สำมะปี๋แปลกๆ
ถามว่า…ใครจะบอกได้ว่า ประเด็นสำคัญหลักๆ โลกียธรรมกับโลกุตรธรรม จุดต่างชัดเจนง่ายดายว่าเป็นเครื่องแบ่งระหว่าง โลกียธรรมกับโลกุตรธรรม
โยมตอบว่า ตรงลดกิเลสได้ ตรงศีล 5 มีตอบว่าเนกขัมมะกับเคหสิตะ ตรงที่การให้กับการเอา เทวะกับอเทวะ คนที่อ่านกิเลสได้
พ่อครูว่า…ที่มันชัดมากก็คือตรงที่อ่านกิเลสจากจิตได้ แล้วก็ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นก็คือ กำจัดกิเลสได้ด้วย
ศาสนาโลกียะ ไม่มีเลยที่เขาจะเรียนรู้เรื่องกิเลส มันเป็นตัวสำคัญเป็นจุดร้ายของมนุษยชาติเป็นจุดร้ายของคน ความเป็นคนจุดร้ายอยู่ตรงนี้ ศาสนาพุทธเอาตรงนี้แหละมาประกาศแก่โลกเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ใช้ทั้งพระชนม์ชีพของพระองค์มาประกาศจุดนี้ ประกาศ ว่าความสำคัญตรงนี้ ละกิเลสนี่แหละ ขยายความไปได้ว่า กิเลสนี่มันไม่รู้จัก มันอวิชชา
ไม่รู้จักสังขาร วิญญาณ นามรูป อายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ จึงจมอยู่ใน โศกะ ปริเทวะ ทุกขโทมนัส อุปายาสะ ตลอดกาล
ศาสนาพุทธนั้นมีวิชา รู้จักสังขาร พ้นอวิชชา รู้จักสังขาร
สังขารมันปรุงแต่งกันด้วยกิเลส แยกแยะวิเคราะห์กิเลสได้ พิจารณาไปถึงวิญญาณ ไปถึงเวทนา ด้วยรูปนาม หรือเรียกว่าตีแตกแยกแยะเทวะ
รูปนามเป็นสภาพสอง ตีแตกเทวะได้ นามคือจิต รูปคือสิ่งที่ถูกรู้
สักกายะหรือกิเลสที่อยู่ในจิตทุกรูปนั่นคือรูป ศาสนาพุทธชัดเจนมีธาตุรู้ที่เรียกว่าปัญญารู้จักกิเลส ด้วยการเห็นว่ามันเป็นอนิจจังไม่เที่ยงแท้เห็นไตรลักษณ์ มันเป็นเหตุแห่งทุกข์จึงดับความทุกข์ได้ดับความสุขได้ เทวะถึงถูกดับไปหมดเลย ตาย ศาสนาพุทธฆ่าเทวดาตายสนิท ไม่มีเทวฺเรียกว่า อเทวะ
เป็นเรื่องยิ่งใหญ่มากเลย เทวะ ที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดและเรียกว่าพระเจ้า ศาสนาพุทธกับพระเจ้าหมดเลย จึงยิ่งใหญ่ที่สุดตรงนี้
เอา sms ต่อ
_SMS วันที่ 21 ก.ค. 2562 (วิถีอาริยธรรม)
ศิลปะโลกียะคือความหลง ศิลปะโลกุตระคือมงคลอันอุดม
_2166ไอ้กุรุแป้งเพี่ยนรักเอ้ย!!นายก็โกนหนวดเคราให้มันดูดีหน่อย แบบนี้มันไล่แขกนะแป้งเพี่ยนรัก! อย่างนี้แหละคุณลุงเขาถึงไม่อยากมา?
พ่อครูว่า..คำเรียกหามีจิตที่เป็นความรักใคร่สนิทสนม คนเราบางทีพูดภาษาพยัญชนะหยาบก็ไม่ได้หมายความถึงเป็นความเลวทีเดียวแต่เป็นเชิงภาษามันก็ไม่สวย แต่เป็นเรื่องที่แสดงออกไม่ถือสา แสดงออกถึงจิตใจของเพื่อนที่สนิทกันไม่ได้ติดใจ บางทีเพื่อนฝูงทักกัน ไม่ใช่แค่ภาษา เตะพลั๊วเลย บางทีเจ็บนะ แต่เราไม่ถือสา เรารู้ว่าไม่ได้โกรธเกลียดทำร้ายกันแต่แสดงความสนิทรุนแรง ถึงขนาดนั้น มันเป็นเรื่องของกิริยา กายวิญญัติวจีวิญญัติ
มีคนพิสดารไว้หนวดยาวๆ แต่เรียกแขก พยายามไว้หนวดเรียกแขก ก็มีนะ
แต่ที่นี่ไม่ได้ติดใจอะไรมันออกไปทางธรรมชาติ คนที่เจตนาไว้ก็เพื่อเรียกแขกเขาก็รู้เจตนา บางคนไว้จนหนวดโง้งงาม บางคนก็ไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์อะไรบางอย่างเช่นไม้ร่มอย่างนี้เป็นต้น ซึ่งมันไม่เหมือนกันมันมีแทคติกหรือทริคเป็นของตนเอง อันนี้เป็นทริคชนิดหนึ่ง ซึ่งคนในโลกที่เป็นศิลปินศิลปะมีแต่การหาแทคติก แล้วถือว่าอันนี้เป็นอัตลักษณ์ของตนเอง ให้แตกต่างจากคนทั่วไป เพื่อจะนำพาให้คนมาชมมาใช้มายึดงานของตน นี่คือสิ่งที่เรียกว่าเป็นศิลปะทั่วโลก ไม่ใช่เป็นมงคลอันอุดมตามคำตรัสพระพุทธเจ้า แต่เป็นงานช่างธรรมดา craft ไม่ใช่งาน art คนหลงศิลปะทั้งนั้น ก็เลยมีชื่อของศิลปะชื่อนั้นชื่อนี้ เซอร์เรียลลิสต์ เป็นต้น เขากำหนดมาอาตมาจำไม่ไหวเลย มีศิลปะเหนือโลก ศิลปะนามธรรมทั้งที่มันควรจะเป็นโลกุตระธรรม แต่อันนี้ไม่ได้เรื่องเลย ไม่มีความรู้ในเรื่องโลกุตรธรรมเลย สร้างสรรค์อะไรแปลกๆ คิวบิซึ่มเป็นเรื่องแปลกๆ หาแทคติก อัตลักษณ์ในตนให้คนติดยึดได้ ใครเห็นก็จะรู้ว่าอันนี้ของคนนี้เลย เลยได้แฟนานุแฟน หาชื่อเสียง หาแทคติกต่างๆ จะปั้นอะไรก็ตาม เดี๋ยวนี้เอาเศษไม้เศษฟืนมากอง ก็เสร็จแล้ว อะไรก็แล้วแต่ เขี่ยๆเรียกเป็นศิลปะไปหมด แล้วพอมีชื่อแล้วคนก็บอกว่าเป็นศิลปะทั้งนั้นขายได้เป็นเงินเป็นทอง เป็นเอกลักษณ์เป็นอัตลักษณ์ของตัวเอง ก็แสดงอย่างนั้น เขียนอะไรมาก็ขายได้หมด นี่คือโลกถูกครอบงำถูกหลอกได้สนิทแล้วก็เสร็จเขา นี่คืองานหากินชนิดหนึ่งของโลก
อาตมาศึกษาศิลปะ แล้วอาตมาไม่ได้มีความรู้ศิลปะมาแต่ในชาตินี้ อังคาร กัลยาณพงศ์ก็บอกว่าผมไม่ได้เป็นศิลปินมาแต่ในชาตินี้นะ เป็นมาหลายชาติแล้ว ชาตินี้อาตมาไม่ได้ใช้ศิลปะที่ไม่ใช่ศิลปะเลย แต่อาตมาใช้ศิลปะที่เป็นศิลปะ ยืนยันว่าอาตมาเป็นศิลปินของโลกที่ไม่มีใครรู้จัก แม้แต่ในประเทศไทยก็ยังไม่ให้อาตมาเป็นศิลปินแห่งชาติเลย ไม่มีปัญหาหรอก อาตมานี่แหละศิลปะแห่งโลกโลกุตระ ใช้ศิลปะในการทำในการแสดงธรรมในการทำงานทุกวันนี้ นี่เป็นการแสดงนะ เป็นการแสดงธรรม แสดงแล้วพวกเราก็จะได้เกิดประโยชน์จากงานที่อาตมาแสดง งานเข้าไม่มีปัญญามีธาตุรู้เป็นเกิดความรู้สึก ศิลปะที่สูงส่ง ใครดูแล้วกระทบแล้วจะเกิดความรู้สึก ที่จิตวิญญาณจึงถือว่าเป็นจิตวิญญาณชั้นสูง แล้วไปปรับอารมณ์ปรับจิตวิญญาณให้ดีขึ้น เด็กศิลปะขั้นAbstract นามธรรม เข้าใจถึงจิตเจตสิกรูปนิพพานแยกกิเลสออกจากจิตได้ทำลายกิเลสได้ นี่คือศิลปะที่เป็นมงคลแท้อันเป็นอุดมคติจริงๆตามที่พระพุทธเจ้าท่านนิยามให้ชัดๆ แต่โลกไม่รู้จักมีแต่งานอาชีพหากิน ขออภัยมีแต่งานลวงให้คนหลงเส้นแสงสีเสียงที่ขีดเขียนบ้าบอเบี้ยวเบนไปตาพึด ซึ่งเป็นเรื่องของโลกจินตา คิดกันมาหลอกเท่าไหร่ก็ได้ไม่รู้จักหมดบนอันเก่ามาอีก เป็นของใหม่ของใหม่ก็มาวนเป็นของเก่าหาอะไรมาให้แปลกเป็นเส้นแสงสีเสียง ในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส
วันนี้ได้เปิดฉีกหน้าคนที่หลงว่าเป็นศิลปะคนยุโรปไม่รู้จักว่าเป็นศิลปะ ต่างจากประเทศไทยต่างจากอเทวนิยม แล้วเขาอาศัย ถ้าเผื่อว่าศิลปะจะใช้คำว่าถอดแบบเขียนภาพเหมือน เขียนภาพธรรมชาติ ที่จะใช้เป็นประโยชน์แก่งานนั้นได้ อย่างนี้ก็จะดี อย่างคนที่เรียนรู้เรื่องสัตว์ เขาก็สเก็ตภาพสัตว์ นก หมา เพื่อทำความเป็นจริงเรียนรู้สรีระ Anatomy ของมัน อันนี้เป็นประโยชน์ในการใช้เขียน หรือจะเอาไปใช้ทางสถาปัตยกรรม ใช้การคิดเขียน ในการสร้างบ้านเรือน เส้นแสงเงาเสียง ที่เละเทะ แล้วบอกว่านี่เป็นศิลปะเทคนิคเขาเรียกว่าเป็น ที แทคติกของแต่ละคนเป็นอัตลักษณ์ ใครทำได้จนติดใจคน คนยอมรับว่านี่แหละคือของคนนี้เป็นสัญลักษณ์คนนี้ยอดเยี่ยม จะเป็นแวนโก๊ะ ปิกัสโซ่ จะเป็นใครก็แล้วแต่ ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นศิลปิน จะมีเอกลักษณ์ของตนเอง เท่านั้นเอง เสร็จแล้วถ้าทำอะไรออกมาก็เป็นงานที่คนนิยม เขียนเก้าอี้ตัวเดียวตั้งอยู่ที่ห้องราคาก็เป็น 10 ล้าน เขียนรองเท้าของเพื่อน ก็มีราคา เป็นร้อยล้านอย่างนี้เป็นต้น ฟังแล้วน่าสังเวชใจ ที่สังเวชใจคือตัวเองก็หลอกลวงแล้ว แล้วไปส่งเสริมความหลอกลวงอันนี้อีก ที่เขาได้ชื่อว่าศิลปินจะคิดความแปลกใหม่บ้าบอทับถมขึ้นไปให้คนหลง ซึ่งมันเลยกลายเป็นซ้ำเติมให้คนโง่จัดๆมัวเมาหลงใหล
_สู่แดนธรรม…ไม่กี่วันมานี้ ผมประทับใจพ่อท่านที่ได้เปิดเผยทางออกที่ตำหนิศิลปินที่มัวแต่แสวงหาอะไรที่เป็นของใหม่ๆ แต่พ่อท่านบอกว่าสิ่งที่เป็นของใหม่ควรจะเป็นของโลกุตระนี่ต่างหาก ที่ศิลปินควรจะมาแสวงหา ให้เป็นอันอื่น อัญญะที่ควรแสวงหา อันใหม่เป็นโลกจินตานั้น คิดกันได้ไม่รู้จบหรอก บ้าๆบอๆ
เปรมจิต ต้องใหม่ออกนอกโลกไป
พ่อครูว่า…เขาพยายามให้เป็นอันใหม่ที่คนอื่นไม่มีแต่มันก็ไร้สาระวนเวียนอยู่ในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส มันไม่ต่างจากรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสเลยที่คุณกำลังค้นหาให้คนมารับทางตาหูจมูกลิ้นกายสัมผัส แล้วก็เกิดความรู้สึกจิตวิญญาณที่ใจของคน ทั้งนั้นเลย มันเป็นโลกียธรรมโลกๆ แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าอะไร
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าค้นพบโลกุตระ จึงมีศิลปะอันเป็นอุดมที่พาให้หลุดพ้น อาตมาใช้ศิลปะ ใช้ทั้งนั้น จะใช้ทั้งภาพเขียน ปั้น สถาปัตยกรรม Music Drama วรรณกรรม ใช้ทั้งหมด ที่จริงมันมี จิตรกรรม วรรณกรรม Music and Drama นาฏกรรม กับดนตรีการ ประติมากรรม เดี๋ยวนี้ไปตั้งชื่อหลากหลายสาขาออกไปอีกไปเรียนปริญญาตรีโทเอก ผสมเข้าไปอีก แล้วคนก็จะยิ่งฟุ้งซ่าน ฟุ้งเฟ้อ เลอะเทอะ มากมาย
ถ้าหากมาเข้าใจโลกุตระก็จะย่นย่อสรุปลงมาเป็นสัจธรรม ให้รู้ว่าจะต้องเกิดที่จิตวิญญาณจิตใจ ให้ติดใจเกิดอะไรก็เกิดความรู้อย่างน้อยก็รู้ความดีความชั่ว รู้ดีรู้ชั่วนี้เป็นโลกียะ สูงกว่านั้นให้รู้สุขรู้ทุกข์ เพราะฉะนั้นภาพหรือศิลปะงานอะไรก็แล้วแต่ พอสัมผัสแล้วให้เกิดความทุกข์แล้วก็รู้ความสุข เกิดสุขแล้วรู้ว่าไปหลงสุข ศาสนาพุทธชัดเจนว่าความสุขเป็นความหลง ความทุกข์นั้นเราต้องออกให้ได้แล้วเลิก ความสุขกับความทุกข์เป็นอันเดียวกัน เป็นเทวดา ศาสนาพุทธนั้นเรียนรู้ความทุกข์ความสุขแล้วตีแตกเทวดาจึงทำลาย เทวธรรมทั้งหมด นอกนั้นหลงเทวธรรมเป็นเทวศาสตร์ไปหมด
ก็ถือว่าเป็นความรู้ยอดเยี่ยมแต่เขาไม่มีความรู้นั้นแต่เขายกเป็นเทวศาสตร์ เพราะเขาตีเทวเป็นธรรมะ 2 ไม่ออก เป็นเทวธัมมาแล้ววิจัยวิจารณ์ในความโง่ความหลง ที่มีมากมายไม่ได้ เขาก็เลยจมอยู่ในโลกแล้วก็พาคนให้จมๆๆ ลึกลงไปอีก เพราะมีอะไรมาทับถมความงมงายเฟ้อฟุ้งไปอีก
เปรมจิต เขาตีไม่แตกเลยหาทฤษฎีมาไปเรื่อยๆหลากหลายมากมาย
พ่อครูว่า…ด้วยความไม่รู้สรุปแล้วเป็นอวิชชา
นิพพานมีทางไปทางเดียว แต่ไม่ใช่ไปนั่งหลับตาออกป่าอยู่แต่ผู้เดียว
_สุพัฒน์ เบ้าวันดี · ก็ยังไม่ชัดเจนอยู่ดี เขาถามท่านเรื่องป่าและเรื่องการอยู่คนเดียวในป่า แต่ท่านไปตอบเรื่องปรมัตถ์จิตหลุดพ้น พยายามเลี่ยงตอบคำถามตลอดผมก็รอฟังว่าท่านจะว่าอย่างไร ก็ไม่รู้เรื่อง แต่พอจะคำนวนได้ว่าท่านไม่มีอุปนิสัยในการปฎิบัติแบบพระมหากัสปะ ส่วนตัวก็เชื่อว่าท่านปฎิบัติจริงได้จริง ส่วนท่านอื่นเขาก็ปฎิบัติถึงอรหันต์เช่นกันแต่คนละทางกับท่านคนละวิธีการคนละนิพพาน ส่วนใครจะเป็นนิพพานของพระพุทธเจ้าต้องพิจารณาให้ดี สาธุ .
พ่อครูว่า..คุณพูดวนไปวนมาก็หลงตัวชัดดีใช่แล้ว แต่นิพพานของพระพุทธเจ้ามีนิพพานเดียว ทางปฏิบัติของศาสนาพุทธมีทางเดียวไม่ใช่หลายทาง นี่คือมิจฉาทิฏฐิของคนที่เข้าใจอย่างคนๆนี้ว่า จะบอกว่าพิจารณาให้ดีๆ พระพุทธเจ้าถ้าหากเป็นมิจฉาทิฏฐิก็เป็นพุทธเจ้าคนละองค์ แต่ที่จริงแล้วมีทางเดียว เอเสวมัคโคนัตถัญโญ เข้าใจตรงนี้ไม่ได้ก็ผิด ก็จึงจะไม่ว่าไม่ได้เพราะทำลายศาสนาพุทธจึงจำเป็นต้องพูด
อาตมาตีหนักเรื่องหลับตาเรื่องออกป่า การอยู่คนเดียวก็ดีมันเป็นแนวคิดอันเดียวกันหมดมันเป็นแนวคิดแบบหนีโลกแต่ศาสนาพุทธเป็นศาสนาเหนือโลกอยู่กับโลกแล้วทำตนให้หลุดพ้นจากโลก อยู่กับโลกแต่เหนือโลกได้เป็นโลกุตระ
พระพุทธเจ้าตรัสถึงเรื่องจิตวิญญาณ อาตมาอธิบายเรื่องจิต เรื่องของปรมัตถ์ มันก็เป็นหัวใจศาสนาพุทธ สิ่งอื่นมันเป็นเรื่องเยอะแยะ อาตมาจะไปพูดเลอะด้วยทำไม ต้องดึงเข้าหาจุดสำคัญแล้วมาโทษว่าอาตมาพูดผิดอีก ให้อาตมาไปงมออกป่าอยู่แต่ผู้เดียวหลับตา อาตมาก็ได้แต่ตีทิ้งไปเลย ก็เอาเข้าหาจุด ไม่เช่นนั้นก็ไม่จบไม่เจริญ
สู่แดนธรรมว่า…พ่อท่านจะพูดให้ตรงอย่างที่เขาต้องการก็ได้ เช่นการออกป่า พระพุทธเจ้าตรัสว่าป่ามันไม่เหมาะในการอยู่
พ่อครูว่า…อาตมาเขียนหนังสือว่าชัดเจนเรื่องป่ากับศาสนาพุทธ ไปค้นคว้าตามหาได้ถ้าสนใจก็ไปศึกษาให้ดี ขอยืนยัน ณ ที่นี้เลยว่า ศาสนาพุทธไม่ต้องออกไปอยู่ป่า แต่ที่เอาเรื่องบันทึกเป็นตำนานมาพูดกันในป่า พระพุทธเจ้าบรรลุเสร็จแล้ว พอได้สอนคนได้อรหันต์ 60 องค์แรกท่านก็บอกอีก พระพุทธเจ้าตรัสว่า เราไม่ได้บรรลุในทางนั้นที่ไปป่า แต่ท่านไประลึกของเก่าของท่านที่มีขึ้นมาเท่านั้น หากเข้าใจแตกฉานตำนานนี้
พอพระพุทธเจ้าสอนคนในป่า ซึ่งคนมีบารมี สอนก็บรรลุได้แล้วเป็นพระโพธิสัตว์ทั้งนั้นแหละที่จะมาช่วยงานพระพุทธเจ้า บางคนสอนแค่สี่ประโยค พระยสะสอนสองกัณฑ์ก็เป็นพระอรหันต์แล้วเพื่อนพระยสะมาอีก 55 คนรวมเป็น 60 คน ก็บรรลุหมดแล้วฟพระพุทธเจ้าก็บอกว่าให้เข้าเมือง เราก็จะไปยังอุรุเวลาเสนานิคม แต่ไม่เข้าใจในเหตุปัจจัยนิทานนี้ของศาสนา ก็ยังหลงเข้าป่าอีก พระพุทธเจ้าท่านให้ออกจากป่าไห้หมด
ตอนแรกที่ไปปฏิบัติในป่าก็เป็นลิงลมข้าวพองเป็นทางผิด พระพุทธเจ้าสอนในพระสูตรแรกๆพรหมชาลสูตรก็ตามแม้ใน อัมพัฏฐสูตรก็บอกว่าออกป่าเป็นความเสื่อม อาตมาจึงเมื่อยในการตีแตกความยึดมั่นถือมั่นของเขา พูดยังไงเขาก็ไม่ค่อยศรัทธาไม่ชัดเจน
เขาฟังอย่างไรก็ไม่ตีแตกหรือยึดมั่นถือมั่นเป็นอุปาทานงมงายอยู่อย่างเดิม อาตมาจะตีแรงขนาดไหนก็ไม่แตก
ก็คนละนิพพาน ไม่เข้าใจว่ามีหลายทางให้เรียนรู้เสียใหม่ ทางเดียวคือสัมมาอาริยมรรคมีองค์ 8 สัมมาสมาธิ เกิดจากการปฏิบัติมรรค ทั้ง 7 องค์ ทั้งการพูดการคิดการทำการอาชีพ ไม่ได้ไปนั่งหลับตาที่ไหน เข้าใจแค่นี้ให้ได้ก็จะรู้ว่า สัมมาสมาธิไม่ได้ไปนั่งหลับตาทำ
การเข้าใจปฏิบัติธรรมต้องไปนั่งหลับตาออกป่าอยู่แต่ผู้เดียวนี้มันเป็นการล้มล้างศาสนาพุทธทั้งศาสนา อาตมาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรทำงานศาสนาพุทธก็ต้องกอบกู้ศาสนาพุทธแต่จุดที่เขาหลงผิดกันเต็มไปหมดจะตื่นกันมาสักกี่คนมีเท่านี้ อาตมาก็ต้องตอกซ้ำให้มีเพิ่มขึ้นกว่านี้ถ้ายังติดอยู่อาตมาก็ต้องถูกลงฝง
ตอก อาตมาจะอยู่ไปอีก 60 กว่าปีเพื่อจะตอบเรื่องนี้
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
_เปรมจิต …คำว่ามรรคมีองค์ 8 มันมีคำว่าสัมมาอาชีพ ปกติคนปฏิบัติธรรมต้องมีอาชีพ มันก็ย้อนแย้งกันแล้ว
อีกจุดหนึ่งที่พ่อท่านว่าเป็นศิลปะ พ่อท่านแสดงออกคือกับทุกคนพ่อท่านทำเท่าๆกันเทคแคร์เหมือนกัน ดิฉันประทับใจตรงนี้มาก ลีลาที่พ่อท่านเทศน์ก็เป็นศิลปะ
พ่อครูว่า…การไปนั่งนิ่งหลับตาจะเป็นการอาชีพได้อย่างไร แล้วอย่าให้คิดด้วยนะนั่งหลับตาอย่าคิดอีกต่างหากนั่นไปนู่นเลย คุณสัมผัสได้มองออกแต่คนต่างๆไม่ได้ดูก็ไม่รู้ คุณกำลังให้อาตมาเป็นศิลปินแห่งอโศกไม่ใช่แห่งชาติ
-
_วางสุข จึงสิ้นทุกข์ ·฿ เรื่องอยู่ป่าท่านเทศน์ไว้เยอะแล้วครับ ลองย้อนดูที่ผ่านมาสิครับ