620830_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ คิดต่างมุมกันได้แต่อย่าโกรธกันเลย
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/14pO48g0l6W9ifRrSnqMNnkoGkOjIVw5M8EZRje2nuFs/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=18jmt1Lls-5NrMJp7EaP471m56KC-k1J5
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม 2562 ที่บวร ราชธานีอโศก เขาบอกว่าปีนี้ฝนจะแล้งแต่ตอนนี้น้ำก็จะท่วมแล้ว แต่เราก็อยู่สบายได้ วันนี้มีข่าว เด็กนักเรียนกินส้มตำปูปลาร้า ติดเชื้อในทางเดินอาหาร ตายเลย แต่เราชาวอโศกปฏิบัติศาสนาพุทธ ทำให้เป็นคนวรรณะ 9
พ่อครูว่า..เป็นคนที่ไม่มีวันขาดแคลน แต่เป็นคนจน เพราะเป็นคนที่มีเศรษฐศาสตร์สูงสุด ส่วนคนรวยนั้นยังอีกนานกว่าจะเลิกโง่ ตั้งใจจนเต็มใจจนภาคภูมิใจว่าเป็นความประเสริฐของมนุษย์จริงๆ
สมณะฟ้าไท…คนจนนี้เบาภาระแต่เอาภาระอย่างยิ่ง ขยันกว่าคนรวยอีก ขยันมากแต่ไม่เอาเข้าตัวเอง
พ่อครูว่า…SMS วันที่ 28 ส.ค. 2562 (พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช)
สื่อธรรมะพ่อครู(พระวินัย) ตอน ดื่มน้ำฉี่เป็นหนึ่งในนิสสัย 4 ของภิกษุ
_1182วันธรรมดาว่าจะนั่งฟังธ.พ่อครูเงียบๆ!ส่งแต่วันหยุดสุดสัปดาห์!แต่วันนี้ขอเป็นกำลังใจให้ดร.หมอเขียวกลุ่มแพทย์วิถีธ.อาสาฯเรื่องกินปัสสาวะรักษาโรค หายบ่หาย?แล้วแต่ความเชื่อส่วนตัว! เพราะฉี่คนกินมังสะวิรัติไร้สารพิษขาวใสไร้คาวเลือดเนื้อสัตว์มลพิษ ไม่เหมือนฉี่คนกินมังสาหารสารพัดสัตว์สารพัดสีตามอาหารปลอดไม่ปลอดสารปนเปื้อน? ฉี่ใครฉี่มันแล้วแต่ใจใครใจมัน!
พ่อครูว่า..ขนาดมีคนจบเปรียญ 9 ยังบอกว่าพระพุทธเจ้ายังไม่เคยตรัสให้คนกินเยี่ยว ส่วนนิสสัย 4 พระท่านก็ได้รับกันมา หนึ่งในสี่นั้นก็คือดื่มน้ำมูตรเน่า มูตรคือฉี่ เยี่ยว เป็นยา พระพุทธเจ้าสอนภิกษุต้องเลี้ยงตนด้วยนิสสัย 4
-
บิณฑบาตเลี้ยงตน
-
อยู่โคนไม้นอนโคนไม้โคนไร่ก็ได้ มีชีวิตสบายๆ
-
ใช้ผ้าที่เขาทิ้งแล้วเป็นผ้าบังสุกุลผ้าคลุกขี้ฝุ่น ผ้าที่เลอะเทอะแล้วเปื้อนน้ำเลือดน้ำหนองจากศพอะไรต่ออะไรมาก็นำมาย้อมน้ำฝาดใช้ไปได้
-
ดื่มน้ำมูตรน้ำเยี่ยว
นี่เป็นนิสสัย4 ท่านภิกษุผู้เจริญท่านบวชมาได้อย่างไรจบเปรียญ 9 ด้วย เป็นอาจารย์ที่สังคมเขารับรู้ท่านก็พูดไป บอกว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้พูดเรื่องนี้ ขนาด นิสสัย 4 ยังมีเลย บอกได้อย่างไร ไม่พูดเรื่องนี้ แล้วเป็นพระได้อย่างไร มันก็น่าสงสารศาสนาพุทธนะ
เรื่องฉี่ ใครจะนับถือไม่นับถือใครจะอะไรก็แล้วแต่ สำหรับอาตมาไม่มีปัญหาสำหรับน้ำฉึ่ ทุกวันนี้อาตมาก็ดื่มน้ำฉี่ทุกวัน ตื่นเช้ามาเขาก็เอามาเสิร์ฟ 1 จอกทุกวัน เป็นปกติ เป็นกิจวัตร routine ก็แข็งแรงสบาย
จริงๆแล้วมีประเด็นที่สำคัญคนที่ดื่มน้ำฉี่ใช้น้ำฉี่หยอดตาทาตัว อาตมาก็ใช้ทั้งหมดนั่นแหละ ลูบหน้าลูบตาแต่ก่อนนี้ใช้ลูบตัวก่อนอาบน้ำด้วย แต่เดี๋ยวนี้ไม่ขยันอย่างนั้นแล้วก็ได้แต่ดื่มอย่างเดียว เนื้อตัวก็ผ่องใสดีอยู่แล้วก็เลยไม่ได้ใช้ ก็เลยดื่มอย่างเดียว ก็รู้สึกดี อาตมาไม่เห็นโทษ หรือใครๆที่ดื่มฉี่ใช้ฉี่เป็นเครื่องรักษาตัวในเรื่องไหนก็ตามยังไม่เคยเห็นโทษ เรื่องฉี่ แล้วก็ยังไม่เคยได้ยินว่าใครกินแล้วเป็นโทษ เห็นแต่คุณ ถึงขั้นรักษาโรคมะเร็ง อย่างโยมปราณี มั่นใจว่าหายจากโรคมะเร็งเพราะดื่มฉี่ โยมปราณีแก่กว่าอาตมาปีหนึ่ง
คือประเด็นสำคัญคือไม่เคยเห็นโทษภัย แต่ที่พูดกันขนาดเป็นนายแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขเป็นเมืองพุทธอีกต่างหาก แล้วก็พูดอย่างที่เรียกว่าขัดแย้งกับคำสอนพระพุทธเจ้าเลย แม้แต่เป็นพระเปรียญ 9 ก็ยังค้านเลย น่าสังเวชใจน่าสงสารประเทศไทย
วิจารณ์แค่นั้นก่อน
_6963ผมก็คงเป็นคนที่ฟังพ่อครูมาหลายชาติแล้วมั้ง จึงฟังรู้เรื่องเกือบหมด บางเรื่องที่ฟังยากก็ฟังหลายๆเที่ยวก็สามารถเข้าใจได้ คุณสุพัฒน์คงเพิ่งจะมาหัดฟังในชาตินี้จึงดูเข้าใจยากจัง
พ่อครูว่า..อันนี้จริงพูดเรื่องสัญญาข้ามชาติ พูดเรื่องภูมิธรรมสิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องจริงด้วย เป็นเรื่องที่อธิบายยากเป็นเรื่องอจินไตยแต่จริง
_อำภา รื่นใจดี · วันนี้ไม่มีใครทำหน้าที่เตือนให้ท่านพ่อครูดื่มน้ำหรือค่ะ
พ่อครูว่า.. มี วันที่ผ่านมา มี ขอบคุณ
_คุณคมกฤษ ประเสริฐวงษ์ : ผมอยากสร้างละครเรื่องชีวิตของชาวบุญนิยม เป็นละครที่จะใช้นักแสดงของคนอโศกโดยส่วนใหญ่และรับสมัครจิตอาสามาเล่น จะสร้างตัวละครใหม่ และอาจเชิญดารารับเชิญมาเป็นบางท่าน เรื่องราวจะเป็นชีวิตของพ่อครู คำสอน เป้าหมายของละครนี้เพื่อให้คนดูแล้วสามารถนำไปคิดเพื่อการลดกิเลสของตนเองครับ ผมจะไปขออนุญาตพ่อครูเมื่อมีโอกาสครับผมเป็นนักเรียนแพทย์แผนไทยของศีษะอโศก รุ่น 5 และเป็นอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ นครนายก ครับ
พ่อครูว่า..ก็คงทำได้นะอาตมาว่าก็ลองดู ให้กำลังใจ
SMS วันที่ 29 ส.ค. 2562
_พุทธรักษา นรลักษณ์ · วันนี้บุญนิยมทีวีไม่มีข่าวในพระราชสำนักรึคะ?
พ่อครูว่า..ช่วงนั้นไม่มีใครอยู่ห้องคอนโทรลที่สันติอโศกครับ เป็นการเปิดเผยความจริงว่าบริษัทบุญนิยมทีวี ห้องส่งก็ปล่อยเครื่องรันไป คนควบคุมสักคนก็ไม่มี เพราะพวกเราเป็นพวกที่ทำงานอย่างอาสาสมัคร มีจิตมาอาสาช่วยทำงานให้ ไม่ว่าจะเป็นศิษย์เก่าศิษย์ใหม่ หรือว่าคนที่ไม่ใช่ศิษย์เก่าก็พร้อมจะมาช่วยทำงานฟรี เพราะเราไม่ได้จ้างและก็ทำมาได้เป็นสิบกว่าปีแล้ว โทรทัศน์อื่นล้มละลายไปเยอะแล้ว เค้าเสียค่าใช้จ่ายเดือนละหลายล้าน ของพวกเราก็เป็นล้านเหมือนกัน แต่ก็พอถูไถไปได้ หนักก็เป็นค่าเช่าสัญญาณดาวเทียม แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาก็จะลดลงมากทีเดียวก็ต้องใช้สื่อด้วยระบบนั้น แต่ระบบจะเปลี่ยนจากดาวเทียมก็จะลดลงเยอะ อาตมาต้องขอบคุณจริงๆ ขอบคุณยิ่งๆเลย ทั้งนักเรียนที่มาช่วยนักเรียนเก่านักเรียนใหม่หรือที่ไม่ใช่นักเรียนเก่านักเรียนใหม่ เป็นจิตอาสามีความรู้ความสามารถมาช่วยก็ทำให้ทีวีของเราเผยแพร่ไปสู่มนุษยชาติ ผู้ที่อยู่ต่างประเทศก็ได้รับรู้ เราก็จะนำมาเพื่อสื่อสารธรรมะสิ่งที่เป็นประโยชน์คุณค่าต่อมวลมนุษยชาติจริงๆ อุตสาหกรรมเหน็ดเหนื่อยจริงๆผู้ที่ทำรายการก็ทำ ไม่ใช่ธรรมดาหรอกการทำงานโทรทัศน์ อาตมาชีวิตธรรมดาแต่ฆราวาสก็ทำงานโทรทัศน์มาตลอดชีวิต ตั้งแต่เรียนไม่จบทำพาร์ทไทม์ จบแล้วก็full time ออกมาแล้วก็ยังมีโอกาสมีบารมีกุศลได้มีโทรทัศน์พวกเราก็ช่วยกัน ก็ต้องขอบคุณจริงๆในเรื่องที่พวกเราช่วยกัน ไม่รู้จะว่าอย่างไรก็ไปรอด ขลุกขลักบ้าง บางทีจอดับ บางทีไม่มีเจ้าหน้าที่ไปประจำ แต่ของบริษัททั่วไปเขาจะต้องมีเจ้าหน้าที่ประจำตลอด แต่พวกเราก็บกพร่องบ้างก็ต้องขออภัยท่านผู้ชมทั้งหลาย เราทำได้ตามประสาพวกเรา
อาตมาไม่เคยไปขอร้องงอนง้ออ้อนวอนใครมาช่วยทำ แต่เป็นน้ำใจของคนที่ช่วยทำอยู่จริงๆ จึงขอบคุณจริงๆ อยู่ตลอดเวลา ที่อื่นล้มไปเพราะขาดคนมาทำ ขาดทุนรอน
…ต่อไปนี้เป็นคอมเม้น จาก คลิป youtube…ครับ
สื่อธรรมะพ่อครู(การตำหนิ การชม) ตอน ปรับปวาทะผู้หลงเข้าใจผิด
_One Once • พระอรหันต์นักการเมือง ผู้นำกองทัพทัพธรรมที่ยิ่งใหญ่ ไปหาความสงบวิเวกด้วยการประท้วงอยู่บนถนน ท่านผู้มีความเมตตตาสรรพสัตว์ ทำให้รถราติดขัดบนถนน เมตตาของท่านทำบ้านเมืองลุกเป็นไฟ โอท่านสมณะผู้ยิ่งใหญ่ ท่านผู้ละเรื่อนออกบวช อยากไปเป็นนักการเมืองอยู่ในสภา โอท่านผู้เหนื่อยกว่าพระพุทธเจ้าท่านอดอาหารประท้วงเพื่อเรียกร้องความเห็นใจ จากคนโง่เพราะคนโง่มากกว่าคนฉลาด ทุกวันนี้ท่านไม่รับเงินและทอง รูปิยะของรัฐอิสระอโศก หาใช่เรียกว่ารูปิยะ แต่เรียกว่าเงินซึ่งไม่ใช่รูปิยะ จึงไม่ต้องอาบัติเพราะรูปิยะไม่ใช่เงิน ๕๕๕แต่เรียกว่าธาตุดิน โอสมณะอรหัตนที่เสพมังสะวิรัตเช่นเดียวกับเทวทัต โอท่านผู้ไปแล้วด้วยดี ท่านผู้กระหายหิวเช่นนักการเมือง พระพุทธเจ้าชี้ทางให้เดินบนถนนของนักการเมืองโอ โอมาดูเร็วพระอรหันต์ ทำงานเหนื่อยกว่าพระพุทธเจ้า ท่านละป่าออกมาประท้วง อยู่ในที่สงบวิเวกท่ามกลางฝูงคนที่ก่นด่านักการเมืองที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้าม โอสมณะผู้ทรงสาก โอพ่อท่านที่ดีแต่พูด พูดแล้วทำไม่ได้ สักแต่พูดบาลี ทำให้ดูขลังน่าเชื่อถือ ท่านผู้มากด้วยอาสวะกิเลส โอมายก็อด มรรคมีองค์๗ แล้วอีกข้อนึ่งไปไส คิดคำใหม่แปลกๆแผลงๆ มั่ว จัดฉาก
พ่อครูว่า..ให้อาตมาเป็นอรหันต์นักการเมือง ก็ขอรับไว้ ไม่ได้รับอย่างประชดประชันนะ เราทำอย่างเป็นผลสำเร็จ ทำให้เกิดความสงบได้ เราทำรถติดก็ขออภัยกันไปแล้ว ก็มีช่องทางให้รถไปได้อยู่ ตำรวจก็เข้าใจอนุโลมอยู่ ก็ติดขัดบ้าง แต่พวกเราไม่ได้ทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ แต่มีคนทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟคือคนโง่คนชั่ว เราไปทำเพื่อให้คนโง่คนชั่วหยุดทำชั่ว แต่เขาก็ยิ่งทำความชั่วให้ปรากฏ ตามประสาคนชั่ว เราไม่ได้อยากให้ทำ แต่เขาก็ไปทำตามประสาที่มันเป็นธรรมดาธรรมชาติของสังคมที่มันมีอย่างนี้
ขอบคุณที่ให้เกียรติเป็นสมณะผู้ยิ่งใหญ่ อาตมา ละเรือนออกบวชไม่ได้ละล้าละลังเลย แต่เราไม่ได้อยากไปเป็นนักการเมืองในสภา อันนี้เป็นความเข้าใจผิดของคุณ เอามาให้อาตมาผิด จะเป็นการประชดแดกดันอะไรก็แล้วแต่ ขอแก้นะ อาตมาไม่ได้จะไปเป็นนักการเมืองในสภา ไม่เข้าไปในระบบ คุณเข้าใจผิดก็ขอแก้
แต่ว่าคุณน่าจะโง่กว่าพระพุทธเจ้าเยอะนะ คุณไปบอกว่าพระพุทธเจ้านั่งประท้วงเพื่ออดอาหารเรียกร้องเพราะว่าคนโง่มากกว่าคนฉลาด คุณคนนี้นับถือศาสนาพุทธหรือเปล่านะว่าพระพุทธเจ้าได้ขนาดนี้
แล้วอโศกเป็นรัฐอิสระหรือ? คุณมาให้ข้อหาเรานี้ผิดกฎหมายนะ เป็นข้อหาเท็จ แต่เราไม่ฟ้องร้องหรอกแต่เราบอกว่านี้เป็นอกุศลเป็นบาป
คุณก็อธิบายรูปียะ กับเงินต่างกัน เลี่ยงพยัญชนะอีก อันนี้คุณเป็นพระหรือเปล่าแต่มันชอบกลอยู่
แต่บอกไปแล้วอาตมาเป็นอรหันต์ อาตมามีสุคโต สุคติแล้วจริงๆ
คุณว่ากระหายหิวเช่นนักการเมือง อันนี้คุณว่าอาตมาผิด
ในพระไตรปิฎกว่า จิตไม่มีเพื่อนสองเป็นจิตวิเวกจิตสงบอาตมาทำได้ แล้วพวกเราก็พากันทำได้ ไม่ใช่ทำได้แต่คนเดียวด้วย เราก็ตำหนิหรือด่านักการเมืองเลว ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามเพราะอาตมาอยู่ฝ่ายถูก
อาตมาไม่เกี่ยวกับสากเลย อาตมาเป็นสมณะผู้ทรงศีล แต่คุณแดกดันมา
อาตมาไม่ใช่ดีแต่พูด อาตมาทำดีด้วย อาตมาเป็นยถาวาที ตถาการี อาตมาพูดอย่างไรทำได้อย่างนั้น อาตมาไม่ใช่พระพุทธเจ้า ไม่ใช่โพธิสัตว์ระดับ 8 ระดับ 9 แต่เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ก็ทำอย่างเท่าที่ทำได้
อาตมาไม่ได้สักแต่พูดบาลี อาตมาขยายความด้วย ก็มีผู้ที่เชื่อถืออยู่นะ ถ้าหากทำให้ไม่น่าเชื่อถือจะทำไปทำไมมันโง่ คุณจะทำให้ไม่น่าเชื่อถือไม่นับครั้งก็ช่วยไม่ได้
คุณว่าอาตมามากด้วยอาสวะกิเลส อันนี้คุณว่าผิด อาตมาไม่มีอาสวะกิเลส อาตมาเปิดเผยไปหมดแล้วอย่างไม่ติดขัด(พ่อครูไอตัดออกด้วย) แต่ไอนะ
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สมณะฟ้าไท พ่อครูเอาคำตำหนิมาอ่านให้ฟัง
พ่อครูว่า..คุณตำหนิมาดี เขาอุตส่าห์พิมพ์มาเสียแรงนะ ก็ขอบคุณ
oh my god ของคุณก็ไปทางเทวนิยมอีก
ส่วนมรรค 7 องค์ อาตมาไม่ได้พูดเองด้วย เอาตำราพระพุทธเจ้าด้วย ปฏิบัติมรรคทั้ง 7 องค์เพื่อให้เกิด สัมมาสมาธิคือมรรคข้อที่ 8 ไง
ก็ต้องปฏิบัติด้วยมรรค 7 องค์ ถึงจะเกิดสัมมาสมาธิ
สมาธิคือจิตตั้งมั่น ในจรณะ 15 วิชชา 8 ซึ่งเป็นความรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้เองโดยชอบทุกพระองค์ หากไม่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาก็จะไม่มี วิชชาจรณสัมปันโน เกิดจรณะ 15 วิชชา 8
จรณะ 15 เป็นมรรค แล้วมีวิชชาเข้าร่วมสังเคราะห์สังขาร ออกผลมาเป็นจิตสะอาด ปริสุทธา เจริญขึ้นเป็นปริโยทาตา เจริญขึ้นไป มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา เป็นอุเบกขา 5ที่ยิ่งใหญ่ ทำได้สำเร็จเป็นภาวนาแปลว่าการเกิดผล จิตบริสุทธิ์สะอาดจึงมีได้ ทำทุกปัจจุบัน การกระทำทุกปัจจุบันก็เกิดอุเบกขา 5 ก็เกิดจากการมีความรู้ในเวทนา ในกระบวนการเวทนา 108 มีปัจจุบัน 36 ก็กระบวนการ 36 ปฏิบัติให้กิเลสดับสูญ ก็ทำซ้ำอาเสวนา เกิดอนาคตใหม่อีกเป็น 36 ทุกปัจจุบันมี
เวทนา 2 กายิกเวทนา เจตสิกเวทนา
เวทนา 3 สุข ทุกข์ อุเบกขา
(รู้กำลังของเวทนาทั้ง ๕ ได้แก่)
-
สุขินทรีย์
-
ทุกขินทรีย์
-
โสมนัสสินทรีย์
-
โทมนัสสินทรีย์
-
อุเบกขินทรีย์
(แยกเป็น ๖ เวทนา ได้แก่)
-
จักขุสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากประสาทตา
-
โสตสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากประสาทหู
-
ฆานสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากประสาทจมูก
-
ชิวหาสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากประสาทลิ้น
-
กายสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากประสาทกาย
-
มโนสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากใจปรุงแต่งเอง
เวทนา 18
ได้แก่ มโนปวิจาร ๑๘ (คือ เวทนา๓ ร่วมกับอายตนะ๖)
-
สุขเวทนาแบบโสมนัสสูปวิจาร (๖ทวาร+โสมนัส)
-
ทุกขเวทนาแบบโทมนัสสูปวิจาร (๖ทวาร+โทมนัส)
-
เฉยๆ ที่เป็นอุเบกขูปวิจาร (๖ทวาร+อุเบกขา)
ทำให้หมดสุขหมดทุกข์เป็นเนกขัมสิตอุเบกขา ซึ่งต่างจากเคหสิตอุเบกขาเวทนา ปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้าต้องแยก 2 อย่างนี้ให้ได้ด้วยอาการ ลิงค นิมิต อุเทส ต้องรู้อาการ แยกความแตกต่างของอาการ ปฏิบัติให้เกิดลงตัว เป็นเนกขัมสิตอุเบกขาสำเร็จ เกิดภาวนาปธานให้เกิดอุเบกขาตกผลึกเป็นอเนญชา ตั้งมั่นไม่หวั่นไหว นี่คือสมาธิ
สมาธิไม่ได้เกิดจากไม่มีกระบวนการแต่เกิดจากเวทนา 108 นี้อย่างสำคัญเลย มีความรู้และปฏิบัติได้พูดได้ปฏิบัติได้
ตรงนี้แหละเป็นหัวใจแท้ๆสามารถทำเวทนาในเวทนา เพราะศาสนาพุทธเรียนรู้จุดสำคัญคือสุขกับทุกข์ ซึ่งก็คืออาการของเวทนา ต่างกับการปฏิบัติของพวกหลับตาหรือเพ่งกสิณ เอากองขี้หมา 1 กองมาเพ่งกสิณก็ทำได้ อย่างนั้นมันไม่ใช่ของศาสนาพุทธ จะเอาดินน้ำไฟลมเป็นกสิณก็ได้หมด อรรถกถาจารย์ท่านพุทธโฆษาจารย์ในวิสุทธิมรรค 40 อย่าง
ปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้าถ้าไม่เข้าใจสัมมาทิฏฐิว่าวิธีปฏิบัติคืออย่างไร จะเกิดฌาน สมาธิก็ดี หากไม่อยู่ในแบบแผน ทฤษฎีของพระพุทธเจ้ามันก็เป็นความล้มเหลวก็ออกนอกศาสนาพุทธอย่างที่มันเป็นอยู่ทุกวันนี้ไปนั่งหลับตาสะกดจิต ไม่เข้ารูปเข้ารอยเข้าร่อง
ฌาน นอกจรณะ 15 ไม่ใช่ฌานของพุทธ ฌานในจรณะ 15 จึงเป็นฌานของพุทธ
เมื่อปฏิบัติฌานของพุทธได้ถูกต้องจึงจะเกิดพลังงานไฟฟ้า อุณหธาตุ กำจัดไฟราคะโทสะโมหะ จิตสะอาดปราศจากกิเลส สั่งสมลงเป็นสัมมาสมาธิ
วิชชาจรณสัมปันโน จนถึงปลายข้อที่ 8 คือสิ้นอาสวะ จากเตวิชโช 3 เป็นตัวสุดท้ายของวิชชา 8 เตวิชโช บุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ พยัญชนะเหล่านี้สื่อให้รู้ถึงสภาวะ รู้ทุกอย่างของอาการจิตเจตสิกต่างๆ แล้วปฏิบัติจัดการเรียกว่าอภิสังขาร ทำให้จิตเกิดบุญ เกิดปุญญาภิสังขารแล้วก็กำจัดไฟกิเลสได้จริง จนกิเลสหมดก็หมดน้าที่ของบุญ เรียกว่า อปุญญาภิสังขาร แต่ต้องสั่งสมที่เรียกว่า อนุรักขณาปธาน การรักษาผล อาเสวนา ภาวนา พหุลีกัมมัง เป็นอนุรักขณาปธานให้ตั้งมั่นตกผลึกเป็นสัมมาสมาธิบริบูรณ์ จิตสะอาดด้วยอุเบกขา ถ้าคนทำแล้วทำซ้ำก็บริสุทธิ์ได้อีก จนจิตก็รวดเร็วว่องไว ทั้งเวทนา สัญญา สังขาร มีการกระทำการงานก็มีการประมาณได้อย่างดีกับสังคมก็ทำได้อย่างเหมาะควร
อย่างอาตมาพาทำ ทำให้เกิดกัมมัญญาได้ดี เกิดจิตปภัสสร อาตมาจิตปภัสสรได้เสมอๆ ช่วยให้พวกเราเกิดจิตปภัสสรไปด้วยได้
อาตมาก็นำเอาคำสั่งสอนนี้มาปฏิบัติแล้วก็ทำได้มาให้พวกคุณปฏิบัติ ทุกคนก็ทำได้จะไม่เก่งเท่าอาตมาก็ไม่เป็นไร แต่ทำได้มันก็เป็นการสื่อสารรักษาธรรมะพระพุทธเจ้าสืบทอดต่อไปอย่างแท้จริง ดี นี่คือสัจจะที่อาตมาใช้ อนุสาสนี คําสอนพระพุทธเจ้ามาขยายความให้ฟัง เพื่อยืนยันสืบทอดธรรมะพระพุทธเจ้า
อาตมาขอพูดตรงๆว่าคุณอย่าเพ่งโทษอาตมา อย่ามองอาตมาเป็นคนต่ำ อาตมาเป็นผู้เจริญแล้วเป็นอริยะเป็นขั้นอรหันต์ ไม่ได้พูดอย่างเก้อยากด้วย พูดอย่างตรงๆ
ก็คุณ one once คอมเม้นท์มานี่ก็ขอบคุณ ขอบคุณทุกคนที่คอมเม้นท์มา
คุณว่าคิดคำใหม่ แปลกๆ จัดฉาก มั่ว เป็นคำขี้ตู่ว่ามั่ว เราก็ไม่ได้จัดอะไรมากมาย คนจัดก็ไม่ได้จบปริญญาศิลปะกันหรอก ก็จัดตามประสาเราๆนี่แหละ ก็ดูสดชื่นดี เป็นศิลปะอันเป็นมงคลอันอุดมของพระพุทธเจ้า แต่ทุกวันนี้มีแต่สิ่งที่มอมเมาทำให้เกิดกิเลสเพิ่มขึ้น ไม่ได้ทำให้เกิดความเจริญทางจิตวิญญาณเลย แต่กลายเป็นเครื่องประดับตกแต่ง แล้วถือว่าเป็นของศิลปินใหญ่อีก คำว่าศิลปะคืออุปกรณ์ที่คนไปหาเทคนิคหลอกชาวโลก แล้วกลายเป็นคนมีชื่อเสียงเอาสิ่งเหล่านี้มาเลี้ยงตัวเองตลอดชีวิต
อาตมาไม่ได้คิดคำใหม่แปลกๆ มีแต่ขยายความให้ฟังได้ลึกซึ้งขึ้น แต่คุณยังไม่มีปัญญาแสดงความฉลาดพอ ไม่มีปัญญาพอที่จะรับฟังอาตมารู้เรื่องเข้าใจ คุณก็เลยว่าอาตมา คุณไม่เข้าใจก็ว่าก็ด่ามา อาตมาไม่ได้มีปัญหาหรอก ไม่ได้ติดยึด
_kavee Sansud • น่าสงสาร ถ้าเขานั่งหลับตาแล้วตรัสรู้ คนตาบอด ก็เป็นพระอรหันต์หมด อันนี้ คนทั่วไปที่สนใจธรรม เขาทราบ หลับตาแล้วตัด ผัสสะ ออกได้หมดจริงหรือ คนตาบอดก็สบายซิ กิเลสมันไม่เกิด คุณเข้าใจแค่สภาพกายภาพเท่านั้น ผลสภาวะที่เกิดจากการนั่งหลับตามันคือสติ มันมีกำลังตามรู้ กาย เวทนา จิต ธรรม มันค้ำจุ้นประคับประคองกัน พระอรหันต์ท่านตรัสรู้คาปากเสือยังมี
โอ้ย คิดไปเอง ทั้งนั้น ทำไม่ถึง ทำไม่เป็นด้วย อันนี้ยืนยันจากคลิปนี้ชัดเจน ถ้ายังเข้าใจแค่การนั่งหลับตาสะกดจิต เข้าใจผิดไปหลายขุมมาก น่าสงสาร องค์หลวงปู่พุธ ฐานิโย ท่านแน่ขนาดบอกปีตายของตัวท่านเองได้ กำลังจิตท่านเพ่งหลอดไฟแตก กิ่งไม้หัก ขอเตือนด้วยความเมตตา ถ้าท่านโพธิรักษ์เก่งขนาดบอกปีตายตัวเองได้ นี้ ค่อยว่ากัน
พ่อครูว่า..อาตมาก็เห็นว่าหลวงปู่นี้เป็นผู้นอกรีตแล้ว แค่นี้ก็ยืนยันว่า ไม่ใช่สายพุทธ นอกรีต ทำให้บริวารออกนอกรีตไปด้วย
_kavee Sansud • เขาก็สอนว่า ว่างแบบสมถะ ว่างแบบวิปัสสนา มันว่าง แต่ว่างแบบชั่วคราว และว่างแบบเด็ดขาด พวกคุณจับแค่ บ้างส่วนแล้วนั่งพูดแต่เรื่องเดิมๆ จนจะตายไปแล้วววว คนละรอบบ น่าสงสารรร ทำไมท่านจะไม่รู้ พระพุทธเจ้าเรียนกับอาจารย์สองท่านได้สมาบัติ 8 พระองค์รู็ว่าไม่ใช่ที่สุด อันนี้ทุกคนเขารู้ พวกคุณเข้าใจผิด ยังคงยืนยันว่า เข้าใจผิด และคงจะเจตนาเข้าใจผิดจนตาย หลวงปู่มั่นสอนหลวงตาว่าความสงบนิ่งคือหมูนอนบนเขียง เป็นสมุทัยทั้งแท่ง อันนี้พวกคุณเจตนาทำเป็นไม่ได้ยินหรือไม่ยอมศึกษา เลย นอกจากเรื่องของสมถะที่หยิบยกมาพูดซ้ำๆซากๆ เพื่อเป็นประเด็นโจมตีทั้งชาติ คนพุทธเหมือนกัน อย่าเอะอะก็พูดไปเรื่อย ไปลองศึกษาหาข้อมูลอื่นบ้างเถอะ คุณพ่อ
พ่อครูว่า..แทนที่คุณจะมาว่าอาตมา คุณน่าจะมองที่คุณเองไปศึกษาให้ดีๆ ที่จะมาห้ามอาตมาตอนนี้คุณไปศึกษาให้ดีๆ ที่อาตมาตำหนินี้ตำหนิด้วยใจอุตสาหะวิริยะพากเพียรมีเมตตาทำเพื่อให้เลิกออกมา แล้วเลิกที่ไหนนี่ ยังยึดติด
อาตมาก็ขอยืนยัน คุณ Kavee Sansud นี้ คุณนั่นแหละควรจะต้องไปอ่านดีๆไปศึกษาดีๆ แล้วมาช่วยอาตมาย้ำ อาตมาย้ำนี้ยังซ้ำน้อยไป ต้องตีแล้วตีอีก กระหนาบแล้วกระหนาบอีก ตำหนิแล้วตำหนิอีกตามคำสอนพุทธเจ้า เพราะว่าคุณทำให้คำสอนพระพุทธเจ้าผิดเพี้ยนอย่างไม่แก้ไขอีก อาตมาจึงต้องพูดตำหนิอยู่นั่นแหละ ไม่ได้แก้ไขกันเลยมันหนักหนา อาตมาจึงต้องทำ เป็นความจำเป็นและความสำคัญที่ต้องทำอาตมาทำตามความเป็นจริงตามเหตุผลตามสิ่งที่ควรทำ คุณห้ามอาตมาไม่ได้หรอก เพราะอาตมามีปัญญารู้ว่าเป็นสิ่งที่ควรจะทำถูกขออภัยที่หากคุณฟังแล้วฟังไม่ได้ก็ขอให้ฟังผ่านๆไปก็แล้วกัน แต่จะมาห้ามไม่ให้ตำหนินี้อาตมาทำไม่ได้หรอก ขอพูดตรงๆอย่ามาเข้าใจผิดอาตมาเลย อาตมาต้องตำหนิ โดยเฉพาะเรื่องหลับตานี้ทำลายศาสนาพุทธไปมากแล้วขอยืนยัน ถ้าเข้าใจศาสนาพุทธตั้งแต่พระสูตรเล่มที่ 1 ในพระไตรปิฎกเล่ม 9 พรหมชาลสูตร ก็ตีทิ้งหลับตา เพราะมีแค่อดีต 18 อนาคต 44 ต้องไปทำที่ทิฏฐธรรม
_Mk Mobile • หลอกให้ประชาชนมาเป็นชาวอโศกแล้วก็หลอกให้ทำบุญทำมากก็ได้มากก็คล้ายฯกับธรรมกายนั้นแหละแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเป็นเรื่องของชาวพุทธแต่ที่ข้องใจอย่างเดียวพระตั้งม็อบชุมนุมอย่างนี้ไม่ใช่กิจของสงฆ อนาคตไม่แตกต่างไปจากพุทธอิสระ พระเล่นการเมืองบ้าการเมืองบวชเปลืองข้าวสุก ไม่น่านับถือนรกรออยู่
พ่อครูว่า..ความเห็นของคุณกับความเห็นของอาตมาคนละอย่างเท่านั้นเอง คุณเห็นว่าอย่างนั้นถูกก็ทำตามความเห็นของคุณ ส่วนอาตมาเข้าใจว่าที่อาตมาทำมันถูก อาตมาก็ทำของอาตมา อย่ามาทะเลาะกันเลยนะขออนุญาตทำ คุณก็ทำแบบของคุณเองก็แล้วกันนะ คุณอนุญาตอาตมาบ้างสิ อาตมาอนุญาตให้คุณทำแบบนั้น ส่วนคุณจะเข้าใจว่าต้องตกนรกนั้นมันก็เป็นสัจจะ ไม่มีปัญหา ถ้าอาตมาผิดก็ตกนรก ไม่ผิดก็ไม่ตกนรก ก็ไม่มีปัญหา
_Nok Sumonrat • เคยอยู่ใกล้ปฐมอโศกเขาจะดีอย่างเขาจะอยู่ในชุมชนของเขา ของใช้เขาทำเองขายกันในชุมชนพวกเขาอยู่แบบพี่น้องรักใคร่กันดี มีความสามัคคีในชุมชนเขาผิดกับคนไทยบางที่ บ้านติดกันไม่เคยคุยกันก็มี
_Mano Tirak • ดูท่านแล้วรู้สึกมีพลังเหมือนอาจารย์ใหญ่วัดเส้าหลินหนังจีน
_Thailand in. Chinese • มาจากไหนนี่..บรรลุอรหันต์ทำที่สุดแห่งทุกข์ได้แล้วเสร็จกิจทุกอย่างแล้วยังจะต่อไปเป็นพระพุทธเจ้าอีก..มั่วมาก เห็นผิดแล้วยังว่าตัวเองเก่ง.เพี้ยน.น่าสงสาร
พ่อครูว่า..ก็เป็นความเห็นของคุณ คุณก็เข้าใจอย่างของคุณ อาตมาก็เข้าใจอย่างของอาตมา ต่างคนต่างเข้าใจก็แล้วกัน อย่าทะเลาะกันเลย
_บุญญฤทธิ์ แสนศิริ • สาธุครับพ่อท่าน ส่วนสาเหตุที่ชาวอโศกกินมังแล้วยังเป็นมะเร็งผมว่าน่าจะเกิดจากการกินอาหารปรุงแต่งมากเกินไป แป้ง เต้าหู้ โปรตีนเกษตร พวกอาหารเจ อร่อยต่างๆเพราะจะว่าพืชผักก็ไม่น่าจะใช่เพราะปลูกเองไร้สารพิษอยู่แล้ว ผมว่าถ้ากินอาหารสูตร1ของท่านอ.หมอเขียวผมว่าไม่เจ็บไม่ไข้ไม่ป่วยแน่นอน
พ่อครูว่า..เอาเลย ก็ศึกษาหาทางให้ตัวเองไม่เจ็บป่วย แข็งแรงด้วย
_Love You • (คลิปอย่าถือสาคนที่เขาข่มเรา) ฟังเหมือนสอนแบบกำปั้นทุบดิน แต่พิจารณาดีๆแล้วลึกซึ้ง ดูเหมือนง่ายแต่ทำยาก และสอนแบบ2in1 สอนทีเดียวได้ทั้ง2ฝ่าย ผู้ที่ยึดอัตตาฟังแล้วเจ็บทั้งหูทั้งใจ
พ่อครูว่า.. คุณคนนี้เข้าใจดี แต่อย่าเจ็บทั้งหูทั้งใจเลย ฟังดีๆจะเกิดปัญญา
สม.กล้าข้ามฝัน
ส.เดินดิน
สื่อธรรมะพ่อครู(สมาธิพุทธ) ตอน สยังอภิญญาผู้อธิบายสัมมาทิฏฐิ 10
_อธิวัน มูลทราย • ผมไม่เชื่อใดๆทั้งสิ้น เพราะสิ่งที่เห็นมันคือมนุษย์อยู่ใต้สัญชาติญาน ผมมีกิเลสย่อมเห็นคนมีกิเลสด้วยกัน ผมไม่เข้าข้างมหายาน ไม่เข้าข้างธรรมยุติ ไม่เข้าข้างเถรวาท แต่เลือกที่เอาสิ่งดีๆของแต่ละนิกายมาคิดวิเคราะห์ และเลือกทำตามตามจริตของตัวเอง ดูดีๆแล้วแต่ละลัทธินิกาย ก็จะสอนต่างกันแต่จุดมุ่งหมายเดียวกัน แล้วจะทะเลาะกันเพื่ออะไรในเมื่อเรานับถือพระพุทธเจ้าองค์เดียวกัน
พ่อครูว่า..การไปยืนยันว่าวิธีการต่างกันนั้นผิด ของศาสนาพุทธมีวิธีการเดียว ”มรรค มีองค์ 8″นั้นคือ “ทางเอกทางเดียว ไม่มีทางอื่น”(เอเสวมัคโค นัตถัญโญ) ล.25 ข.30
ล. 25 ข้อ[30 ] ทางมีองค์แปด ประเสริฐกว่าทางทั้งหลาย
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาเดียวที่มีมรรคมีองค์ 8 เป็นทางปฏิบัติทางเดียวเท่านั้นไม่มีทางอื่น เอเสวมัคโค นัตถัญโญ
แล้วทำไมจะต้องไปเถียง ก็ต้องเถียงต้องบอก ก็เพราะว่าพระพุทธเจ้าบอกว่ามีทางเดียว ซึ่งเข้าใจไม่ได้ง่ายๆเลยเข้าใจยากจริงๆไม่รู้จะว่าอย่างไร อาตมาก็ขอยืนยันตามคำสอนพระพุทธเจ้า เอเสวมัคโค นัตถัญโญ นี่แหละไม่มีทางอื่น ทางมรรคมีองค์ 8
ซึ่งทางมรรคมีองค์ 8 มีพระพุทธเจ้าตรัสไว้ปฏิบัติตามนี้แล้วจะเกิดสมณะ 4 เหล่า พระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ลัทธิอื่นศาสนาอื่นไม่มีมรรคมีองค์ 8 ทางที่นอกจากมรรคมีองค์ 8 ไม่ใช่ของพุทธจึงเป็นทางอื่น จึงต้องบอกว่าอย่าไปหลงทางผิด ให้อธิบายมรรคมีองค์ 8 ให้ตรงกันอย่างเดียว แม้แต่บอกว่า มรรคมีองค์ 8 อย่างเดียวกันยังอธิบายต่างกันเลย ก็ต้องให้มีสัมมาทิฏฐิตรงกัน
ปฏิบัติมรรคทั้ง 7 องค์จึงจะเกิดสัมมาสมาธิ อยู่ในมหาจัตตารีสกสูตรพระไตรปิฎกเล่ม 14 ข้อ 252 ถึง 281 ท่านตรัสไว้ชัด สมาธิของพระพุทธเจ้าต้องปฏิบัติมรรคทั้ง 7 องค์ จึงจะเกิดเป็นสัมมาสมาธิ
เริ่มต้น เป็นสัมมาทิฏฐิเป็นข้อแรกก็เป็นประธาน ก็ต้องให้เข้าใจสัมมาทิฏฐิ 10
นี่แหละสำคัญยิ่งยุคนี้ยิ่งสำคัญมาก ก็เพราะว่าผู้ที่จะเข้าใจสัมมาทิฏฐิ 10 จริงอธิบายอย่างสอดคล้องได้จะต้องเป็น สยังอภิญญาในข้อที่ 10 โลกใดที่ไม่มี สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง ในโลกนี้ มีอยู่ (อัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ) โลกนั้นก็เป็นโลกที่ไม่มีสัมมาทิฐิ
แต่ถ้าโลกไหนมียุคไหนมีผู้ที่เป็น สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง อาตมายืนยันว่าอาตมาเป็น สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง ในโลกนี้ มีอยู่ (อัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ) ไม่ได้มีกิเลสในจิต ไม่มีสาเฐยจิต ไม่ได้อยากอวดโอ่ แต่บอกความจริงตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้นการที่ไม่รู้จักสมณะผู้ที่เป็น สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา ทั้งๆที่ประกาศบอกให้ฟังตรงๆก็ยังไม่เชื่อ ยังไปนับถือผู้ที่เห็นต่างปฏิบัติต่าง ผู้ที่เป็นมิจฉาทิฐิ ก็เลยปฏิบัติ สัมมาทิฏฐิ 9 ข้อต่างกัน
คุณก็เข้าใจไม่ได้
ทานที่ให้แล้วมันไม่เกิดผล นัตถิทินนัง ทุกวันนี้ศาสนาพุทธสอนการทำทานไม่สัมมาทิฏฐิ ทานแล้วยังมี
อันที่ 1 จาตุมหาราชิกา(ท้าวกุเวร ท้าววิรุฬหก ท้าวธตรฐ ท้าววิรูปักษ์) คือ ทำทานแล้ว มี 1.สาเปกฺโข(มุ่งหวัง) ทานํ เทติ 2.ปฏิพทฺธจิตฺโต(ผูกพัน) ทานํ เทติ 3.สนฺนิธิเปกฺโข(สั่งสม) ทานํ เทติ 4.อิมํ เปจฺจ ปริภุญฺชิสฺสามีติ(ให้ข้ามภพชาติ) ทานํ เทติ
อันที่ 2 ดาวดึงส์ คือ ทำทานเพราะว่าเห็นว่าเป็นความดี อันที่ 3 ยามา คือ ทำทานเพราะเพื่อเป็นประเพณี อันที่ 4 ดุสิต คือทำทานเพราะเห็นว่า สมณะหุงหาอาหารเองไม่ได้ อันที่ 5 นิมมานรดี คือทำทานเพราะทำตามฤาษีใหญ่ๆ อันที่ 6 ปรนิมมิตวสวัตตี ทำทานเพราะว่า อยากได้ปลื้มใจ(อตฺตมนตาโสมนสฺสํ)
เพราะสอนทำใจในใจไม่เป็น สอนให้ทำทานอย่างให้ได้สวรรค์วิมานอะไรต่างๆนานา
สรุปแล้ว ทินนัง ทานที่ทำทานเสร็จแล้ว จิตไม่เกิดอานิสงส์ไม่เกิดประโยชน์ที่จะไปตัดกิเลส เพราะทำใจในใจมนสิการ มันไม่มีการโยนิโส ไม่ถูกต้องถูกแท้ ทำใจในใจไม่เป็น ทำใจในใจให้ได้สวรรค์นิพพาน ได้ภพชาติตอบแทน ผิด ทานก็ต้องให้ ให้แล้วจบ จิตอย่าไปมีภพชาติต่อ ทำจิตอย่างนี้จึงเป็นอัตถิโลเก คือทานมีผล ไม่ใช่ทานแล้วไม่มีผล
ยุคนี้ ไม่มีที่ไหนสอนอย่างนี้ อาจจะมีนะแต่อาตมาไม่รู้ หากมีผู้รู้สอนอย่างที่ว่านี้ถูกตรงด้วย แต่ไม่ได้เกิดการปฏิบัติก็เสียผล
ศีลพรตอีก อัตถิยิฏฐัง เป็นวิธีการปฏิบัติ การนั่งหลับตาปฏิบัติคือการปฏิบัติที่ นัตถิยิฏฐังคือไม่เกิดผล ขอยืนยันว่านั่งหลับตาไม่มีผล ได้แต่สมถะไม่เกิดวิปัสสนาญาณ
ไม่เกิดกระบวนการครบเวทนา 108 จึงไม่ได้เกิดผลตามคำสอนพระพุทธเจ้า
สังเวยที่มีผล คือหุตัง ปฏิบัติทาน ศีลพรตแล้วเกิดผลเป็นข้อที่ 3
อาตมาก็อธิบายให้เกิดผลถูกตรงได้
แล้วข้อต่อไป
-
ผลวิบากของกรรมที่ทำดีทำชั่วแล้ว มีแน่ (อัตถิ สุกตทุกกฏานัง กัมมานัง ผลัง วิปาโก) ทำให้เกิดสุกต ไม่เกิดทุกกฎะ
-
โลกนี้ มี (อัตถิ อยัง โลโก) หมายถึง วนในโลกีย์เดิมๆ โลกนี้คือโลกโลกียะ ปรโลโก คือโลกอื่นที่ไม่ใช่โลกโลกียะ ต้องเข้าใจโลกียะคือความวนอยู่ในกิเลส ติดในลาภยศสรรเสริญโลกียสุข ปฏิบัติทาน ศีลพรต ก็เอาลาภยศสรรเสริญสุขใส่ตน
-
โลกหน้า มี (อัตถิ ปโร โลโก) หมายถึง โลกโลกุตระ เป็นโลกที่พระพุทธเจ้าค้นพบเป็นโลกที่เกิด อัญญธาตุ ปรก็แปลว่าอื่น แต่อัญญะ เป็นนัยซึ่งเป็นตัวบอกว่าจิตมันเกิดความเห็นความรู้แบบใหม่ที่ไม่ใช่วนอยู่ในโลกโลกีย์แล้ว มันเข้าใจต้องออกจากโลกีย์อย่างนี้หรือแล้วก็จะปฏิบัติเพื่อออกจากโลกเก่าได้ เข้าใจแล้วปฏิบัติด้วย
-
มารดา มี (อัตถิ มาตา)
-
บิดา มี (อัตถิ ปิตา) .
9 . สัตว์ที่ผุดเกิดอุปปัติเอง มี (อัตถิ สัตตา โอปปาติกา) .
อันหนึ่งเป็นแม่อันหนึ่งเป็นพ่อ อันหนึ่งเป็นรูปอันหนึ่งเป็นนาม หรืออันหนึ่งเป็นพ่ออันหนึ่งเป็นแม่ทำให้เกิดจิต โอปปาติกะ เป็นอุบัติเทพ วิสุทธิเทพ อธิบายได้ พาให้ปฏิบัติได้เพราะผู้นี้เป็น
-
สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง ในโลกนี้ มีอยู่ (อัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ) . . . . .