ก.ย.302019ศาสนา620930_รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 71 อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1dC2wfJhSqk6M7YqsQFCZlh4SmCf1OyL79DGBnowyRZk/edit?usp=sharing ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1kwhtpGvOzr0_2uG0wh7-jPXjrthCts76 พ่อครูว่า…วันนี้วันจันทร์ที่ 30 กันยายน 2562 ที่บวรปฐมอโศก วันนี้รายการสำมะปี๋ สำมะปี๋แปลว่าทุกอย่างยำเละกันทุกอย่างหรือพูดอย่างวิชาการคือปกิณกะ มโนสาเร่ สัพเพเหระ _SMS วันที่ 26 ก.ย. 2562 _1182กินเจลดโรคภัยเวรกรรม!กินเจลดวิบากกรรมพิบัติภัย!กินเจลดมหันตภัยโลกปรวนแปร! 10วันกินเจลดกิเลสอนุสัยอวิชชาสวะพ้นวัฎฎจักรกรรมวิบาก ทุกกัปป์กัลล์!สาธุ พ่อครูว่า…พืชพันธุ์ธัญญาหารเป็นอาหารแท้ๆของคน เอาอะไรมายืนยัน ก็เอารูปธรรมเช่น 1 สัตว์มีฟันกรามไม่ได้มีแต่ฟันเขี้ยวอย่างเช่น เสือ สิงห์ เขี้ยวคือฟันแหลมๆเอาไว้ฉีกอาหาร ส่วนสัตว์กินพืชจะมีฟันกราม เล็บก็เป็นกีบ(nail) แต่ถ้าเล็บของสัตว์กินเนื้อ ก็จะเป็นลักษณะ claw เป็นลักษณะของสัตว์กินเนื้อ แม้แต่สัตว์กินเนื้อจะเลียกินน้ำสัตว์กินพืชจะดูดกินน้ำ แล้วคนอยู่ในประเภทไหน เลียหรือดูดน้ำ ฟันเป็นฟันกรามหรือเขี้ยว มังสะ แปลว่าเนื้อสัตว์ วิรัติ แปลว่างดเว้น มังสวิรัติแปลว่างดกินเนื้อสัตว์ อาตมาพยายามย่อเป็น การกินมังฯ สัตว์ตั้งแต่สัตว์เซลลเดียวก็มีกรรมของตน คนอื่นจะไปแบ่งแย่งเอากรรมคนอื่นไม่ได้ อยากแบ่งให้ก็แบ่งไม่ได้ แบ่งกุศลอกุศลก็ยังไม่ได้เลย อย่าว่าถึงแบ่งบุญบาปเลย กรรมเป็นการกระทำ อย่างเช่นการทำดีทำแล้วเป็นของคุณ แต่อีกคนไม่ได้ทำกรรมนี้ด้วย ก็บอกว่าเอาไปครึ่งหนึ่ง เขาก็ไม่ได้ เพราะกรรมมันอยู่ที่ตัวเองกระทำ ยกตัวอย่าง ตีหัวคนแตกต้องเย็บ 10 เข็ม แต่คุณแบ่งเอาไปสัก 5 เข็มก็ไม่ได้ ไปตีหัวคนอื่นแล้วจะบอกว่าไม่ทำไม่ได้ จะทำในที่ลับหรือในที่แจ้งก็ต้องรับสิ่งที่ตนกระทำทั้งหมด แบ่งให้คนอื่นไม่ได้ คนจะรู้หรือไม่รู้ก็แบ่งกันไม่ได้ กรรมนี้ยิ่งใหญ่กว่า God พระเจ้า พิสูจน์ได้ เปลี่ยนแปลงให้เจริญได้ ทำให้ถึงบุญคือการชำระกิเลสได้ ทำให้จิตในจิตของตนล้างกิเลสได้ ทำให้เกิดบุญ กรรม กาย วาจา ใจ พฤติกรรมของจิต 1. รู้กิเลส 2. ล้างกิเลสได้ ฆ่ากิเลสได้ก็เป็นบุญ ทำในปัจจุบัน พอเสร็จก็ไม่ตกค้างที่ไหน บุญหรือฌานก็ไม่ตกค้างที่ไหน แต่ฌานกับบุญมีประเด็นต่างกันสำคัญมากคือ ฌาน พระโสดาบัน พระสกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ทำได้ ทำให้จบกิจฆ่ากิเลสได้ก็ยังทำฌานเป็น แต่บุญเป็นตัวยอดของการประหารกิเลสเท่านั้น ทำพลังงานฌานนั่นแหละ ฆ่ากิเลสในปัจจุบันเสร็จ แม้กิเลสไม่หมด บุญก็ไม่ตกค้าง ทำใหม่อีกเป็นฌานฆ่ากิเลสอีก เมื่อกิเลสตัวใดฆ่าไปได้ครึ่งค่อนแล้วก็ทำฌานมาฆ่ากิเลสอีก กิเลสตัวใดจบหมดบุญก็หมดด้วย เป็นผู้หมดบุญ ปุญญปาปปริกขีโณ พระอรหันต์ไม่มีบาปไม่มีบุญ คนไม่รู้ก็ทำไม่เสร็จไม่มีปรินิพพานเป็นปริโยสานไม่รู้จุดจบ ทำจบไม่เป็นทำเสร็จแล้วก็ทำใหม่อีก เขานึกว่ามันมีใหม่อยู่เรื่อยก็ทำซ้ำซากต่อไป เข้าใจแล้วก็ถึงจะทำได้ แม้เข้าใจแล้วก็ยังทำไม่ได้ง่ายๆ ความรู้จบเป็นนิพพานอย่างนี้ก็ยังไม่รู้กันง่ายๆ คนที่รู้จุดจบเป็นสุญญตา นิพพานอย่างที่ว่าไม่ได้ เขาก็เป็นพระอรหันต์ไม่ได้ อาตมาถึงบอกว่าทำไมว่าตนเองเป็นอรหันต์ ทำไมไปว่าคนอื่นไม่ใช่ ก็เพราะเขาไม่รู้ หากเขารู้และทำได้เขาจะบอก จุดสำคัญของพระพุทธเจ้าของศาสนาไม่เปิดเผยไม่ได้ ต้องเปิดเผยเพราะไม่มีสิทธิ์จะรู้เองได้ง่ายๆ ไม่มีใครรู้ได้เอง พระเจ้าไม่รู้เรื่องนี้ พระเจ้าแบบเทวนิยมไม่รู้เรื่องนี้ พระพุทธเจ้าเป็นเจ้าของความรู้นี้เอามาถ่ายทอดให้คนอื่นรู้ต่างๆ พระโพธิสัตว์ พระพุทธเจ้าองค์ต่อๆมาก็รู้มาจากพระพุทธเจ้าองค์ต่อมา แล้วมีคนถามว่าพระพุทธเจ้าองค์ที่เป็นองค์แรกมีหรือไม่อย่างไร มีคนถามพระพุทธเจ้าท่านก็ตอบว่าไม่รู้ที่ต้น เราไม่จำเป็นต้องรู้ที่ต้น หรือรู้ที่จบ แต่เรารู้ที่เรา พุทธเจ้าตรัสไว้ว่าคุณเกิดมาจากอวิชชา อวิชชาความไม่รู้พาให้คุณเกิด จากดินน้ำไฟลมปรุงแต่งเป็นไปได้สารพัดวัตถุ สสาร หรือไม่ใช่นามก็เป็นอรูป พลังงานความร้อนแสงเสียงแม่เหล็กไฟฟ้า วิทยาศาสตร์สามารถเรียนรู้ได้เอามาใช้งานได้เก่ง พระพุทธเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้พวกนี้ ส่วนที่พัฒนาจากอุตุนิยามมาเป็นพืช มีคนถามมาให้แยกนิยาม 5 ขั้นพีชะ ก็เริ่มเป็นชีวิตแต่เป็นชีวิตที่เป็นธาตุรู้เกิดแค่สัญญากับสังขาร ในขันธ์ 5 ก็มีพลังงานดินน้ำไฟลม วิทยาศาสตร์สามารถแยกแยะเอามาใช้งานได้ จากการข้ามเขตจากอุตุมาเป็นพีชะตามธรรมชาติมันก็ทำได้แต่ยาวนาน แต่ถ้าจากพีชะไปเป็นจิตได้ด้วยรู้และทำได้ ถ้าไม่รู้ก็เป็นเองได้แต่นานวนเวียนยาวนาน จนกว่าจะเต็มรูปอัดอั้นไม่ไหวก็แตกมาเป็นพีชะ แต่อันที่มันเป็นโดยตัวมันเองมันก็ไม่รู้แล้วคนอื่นจะไปรู้ได้อย่างไร พระพุทธเจ้าสามารถทำจิตให้ลดลงมาเป็นพีชะ ทำให้เป็นอุตุได้ สุดท้ายสลายจิตตนเองให้เป็นอุตุได้เลย ไม่มารวมปรุงแต่งเป็นพีชะหรือจิตได้อีกเลย จึงสูญ สูญความเป็นตัวตนจิตนิยามของอัตภาพใดๆได้ นี่คือความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทางจิตวิญญาณของพระพุทธเจ้า อาตมายังไม่ถึงขั้นพระพุทธเจ้า รู้แล้วก็ทำได้ เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ยังไม่ใช่พระพุทธเจ้า ก็ยังรู้ได้ด้วยตัวเอง ในชาตินี้ ก็ที่พูดมานี้ถ้าไม่มีอาตมาไม่มีใครเอามาพูดหรอกในยุคนี้เพราะไม่อาจหาได้ในตำรา นิยาม 5 นี้ไม่มีในพระไตรปิฎกแต่มีในอรรถกถาจารย์ อาตมาเห็นก็รู้ว่านี่เป็นของพระพุทธเจ้าตรัสไว้แน่นอน _งามใบตอง นิลมณี ฟังธรรมวันนี้เบิกบานแจ่มใสรื่นเริงในธรรมมากค่ะ เนื้อหาดีมากๆค่ะ _P R ไม่ใช่คนอโศก แต่ชอบฟังธรรมะจากท่าน _ยายทองแดง สุริยะ ศรีราชาค่ะ เสียงชัดเจนคะ _SMS วันที่ 27 กันยายน 2562 (พุทธศาสนาตามภูมิ) _นันท์มนัส กราบนมัสการค่ะ ชมจากครัว ชั้นลอย เฮือนบวร ผู้อพยพ รวมตัว กันฟัง ธรรมพ่อครูตามจุดต่าง ในราชธานีอโศก โปรดเมตตา อธิบายเพิ่ม แยกกายแยกจิต ด้วยค่ะ พ่อครูว่า…มันไม่ง่ายนะ เป็นมูลกรรมฐานของนักบวชศาสนาพุทธมาบวชเพื่อมุ่งนิพพาน หากไม่สามารถแยกกายแยกจิตอย่างสัมมาทิฏฐิ หมดสิทธิ์ไปนิพพาน กายกับจิตเป็นคำสองคำ กาย พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า กายเราหมายถึง จิต มโน วิญญาณ พลังงานที่เรียกว่าจิต กับพลังงานที่เป็นวิญญาณต่างกันอย่างไร จิต มโน วิญญาณต่างกันอย่างไร วิญญาณเป็นความหมายพลังงานรวมทั้งหมด เวทนาสัญญาสังขารทำงานร่วมกันเรียกว่าวิญญาณ รูปคือสิ่งที่ถูกรู้ นามคือธาตุผู้รู้ เรา เป็นเจ้าของเวทนา สัญญา สังขาร เราเป็นผู้มีความรู้ ความรู้อย่างนี้เรียกว่าเวทนาความรู้อย่างนี้ด้วยข้อสัญญา ความรู้อย่างนี้เรียกว่าสังขาร อย่างนี้เป็นต้น ก็แจกออกมาอีก เวทนา เป็นความรู้สึก พุทธเจ้าว่าเป็นตัวสำคัญที่ต้องเรียนรู้เป็นกรรมฐาน ท่านก็แยกเวทนาออกอย่างละเอียดเป็น 108 คนที่สามารถแยกจิตให้เป็น 1 เป็น 0 ได้ ไม่มีชีวะแม้แต่ 1 กลายเป็นอุตุไปหมดเลย ชีวะหายไป สูญจากชีวะ เหลือแต่อชีวะหรือดินน้ำไฟลม หรือจะพิเศษเหรือพีชะนิดหน่อยก็รวมกันไม่ติด …ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวงมะม่วงเมื่อขาดจากขั้วแล้ว ผลใดผลหนึ่งที่ติดขั้วอยู่ ย่อมติดขั้วไป ฉันใดดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพชาติแล้วก็เหมือนฉันนั้น ยังดำรงอยู่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายย่อมเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ ต่อเมื่อกายแตกสิ้นชีวิตแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจะไม่เห็นตถาคต” แยกนามไม่ให้มีพลังรวมเป็นอัตตา ทุกอย่างก็แยกไปหมด เหมือนพวงมะม่วงแตกกระจายกลายเป็นอุตุไปหมด ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง แยกได้เหมือนกันหมด เอาอันใดอันหนึ่งมาอธิบาย เอาเล็บมาอธิบายก็แล้วกัน อันอื่นจะละเอียดแยกยากกว่าเล็บ เล็บส่วนที่ยาวออกมาไม่มีจิตมาร่วมไม่ใช่กาย เป็นพีชนิยาม มีสัญญากับสังขารอยู่ เล็บส่วนที่ตัดออกไปแล้วเป็นอุตุ ไม่ยาวขึ้นได้อีก เล็บส่วนที่ไม่มีความรู้สึกไม่ใช่กายของสัตว์แล้ว ส่วนที่เป็นพีชะแล้วไม่เรียกกาย ไม่รู้สึกเจ็บปวด รัก ชัง ไม่มีวิบากผูกพันจองเวรไปถึงชาติหน้าได้ ไม่มีบาปไม่มีบุญ คนกินได้ไม่มีวิบาก ก็แยกกายแยกจิตอย่างนี้ เรื่องจิต มันจะผูกพันจองเวรจองกรรม รัก ชังได้ จึงอย่าไปสร้างวิบากกับจิตนิยาม สรุป จิตวิญญาณหากไม่รู้ก็อวิชชา โง่ ทั้งรักทั้งชัง สัตว์เดรัจฉานเราอย่าไปต่อวิบาก แค่คนนี่ก็มากแล้ว คนที่ห่างไกลไม่มีวิบากร่วมก็อย่าไปหาวิบาก แค่คนที่อยู่ใกล้กันนี้ก็ให้อโหสิกรรมกันเสีย รัก ชัง แค้น อย่างไรก็อโหสิกรรม จะรักจะชังกันอย่างไรก็วนเวียนเป็นล้านๆชาติแล้ว เมื่อยเสียที แค่พูดก็เมื่อยแล้วจะไปเป็นจริงอีกขนาดไหน เรื่องวิบากของจิต รัก ชัง จะรอจนกว่าใช้หนี้บาปหมดไม่ได้ พระพุทธเจ้าทรงให้เรียนรู้ แยกธาตุจิต ของเราให้เป็นอุตุ พีชะ มันก็เลิกไป คนที่จองเวรจองกรรมกับเรา ก็จองเวรกับดินน้ำไฟลมไม่ได้แล้ว ก็เลิกไปโดยปริยาย ใครจะไปล้างวิบากได้หมด เราใช้วิธีแยกธาตุอัตภาพเราเป็นอุตุไปหมด ดินน้ำไฟลม วิบากก็ตามไม่ได้ การจะรวมตัว ถ้าโง่ อวิชชามันรวม จองเวรจองกรรม จองเวรร้าย จองเวรรัก เป็นนิยายรักนิยายชังฆ่าแก้แค้นไม่รู้กี่เรื่องกี่ลีลามากมาย จนน่าเบื่อ วนเวียน สมบัติผลัดกันชม ผู้รู้แล้วมันน่าเบื่อจริงๆ จึงเลิก จะเลิกได้ต้องแยกกายแยกจิตเป็น แล้วแยกธาตุเป็นอุตุได้ คนแยกธาตุจิตเป็นอุตุไม่ได้ เป็นพระอรหันต์ไม่ได้ คนที่เขายกกันว่าเป็นพระอรหันต์ ทุกวันนี้ เช่น อาจารย์มั่น มหาบัว ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่พระอรหันต์ ท่านทั้งหลายเป็นภันเตอาตมา ท่านก็ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แต่มิจฉาทิฏฐิไม่ถูกทางของพระพุทธเจ้า ท่านจึงไม่ได้ผลของพระพุทธเจ้าที่เป็นพระอรหันต์แท้ เป็นพระอรหันต์ที่เข้าใจผิด อรหันต์เก๊ ไม่สามารถทิฐิไม่ถูกแบบของพระพุทธเจ้า อาตมาเอาคุหัฏฐกสุตตนิทเทส มาอธิบาย เรื่องวิเวก จะได้เข้าใจชัดเจนว่าอาตมาไม่ได้พูดเล่นอาตมาพูดจริง ตามคำของพระพุทธเจ้า แม้เป็นเรื่องที่ คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) . ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น) (พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 34) อาตมาพูดไม่ได้ชังท่านเหล่านั้น ท่านก็เป็นผู้ปฏิบัติดีเป็นประโยชน์คุณค่า แต่ประเด็นเรื่องการเรียนรู้จิตเจตสิกรูปนิพพาน ล้างกิเลสในตนให้ไม่เกิดไม่ตาย สูญไปเลยหรือแม้ไม่สูญก็มีแต่ดีถ่ายเดียวไม่ทำชั่วไม่ทำบาปอีกเลย มีแต่ดีถ่ายเดียว นั่นเป็นหลักประกัน และรู้วิธีเลิกจิตวิญญาณสูญได้ อันนี้เหนือกว่าเทวนิยม ไม่ได้ยกตน แต่ว่าเป็นสัจธรรม ใครสนใจมาเอาก็มา ใครไม่สนใจจะทำแต่ดี แล้วไปเป็นศาสดาเทวนิยมก็ตามก็ต้องวนเวียน ทั้งรักทั้งชัง อาตมาเคยผ่านมาหมดแล้ว ชาติก่อนๆก็เป็นมา บางครั้งก็พูดไปบ้างแต่ไม่อยากให้ไปงมงายให้เอาปัจจุบันนี้แหละดีกว่า อาจารย์มั่น ท่านเองไม่เข้าสัมมาทิฏฐิ คือ ภพชาติ ก็ยังไม่เข้าใจ จิตวิญญาณ ที่พระพุทธเจ้า ตรัสว่า ภิกษุสาติ เรื่องวิญญาณล่องลอยจากร่าง แบบนั้นเรียนรู้ไม่ได้ ให้เรียนรู้จิตวิญญาณที่อยู่กับตาหูจมูกลิ้นกาย ทำให้กิเลสหมดตรงนี้ได้ แต่หากไปเรียนรู้วิญญาณนอกตัว เป็น นิรมาณกาย สัมโภคกาย อาทิสมานกาย ก็ไม่รู้เรื่องกันได้หรอก ที่อาตมาว่าอาจารย์มั่นหรือมหาบัวไม่เป็นอรหันต์ ไม่ได้ต้องการยกตนข่มท่าน อาตมาก็เคารพนับถือบูชา แต่ความไม่ถูกต้องอาตมาก็ต้องบอกมันไม่ถูกต้องของพระพุทธเจ้า เพราะว่าปล่อยให้คนไปงมงายอย่างนั้นไม่ดี หากคุณเลิกมาทำตามสิ่งถูกก็จะดี แต่ถ้าไม่เชื่อทำสิ่งผิดก็จมกับความผิดไปอีกนาน คุณมาลองดูอย่างที่อาตมาพูดบ้างแล้วคุณจะได้ 2 อย่าง ที่อาตมาพูดและพาทำ ไม่ต้องสงสัย คุณจะได้ผลและเปรียบเทียบดูทั้ง 2 อย่าง เมื่อเทียบเสร็จคุณก็จะตัดสินได้ว่าอย่างไหนที่น่าจะรับ น่าเอา ดีกว่ากัน คุณก็จะได้อันนั้น ที่สู่แดนธรรมเรียบเรียงมา ว่า…หากว่ามีอรหันต์เกิดแล้วมีองค์ไหนอธิบายสัมมาทิฏฐิ 9 ข้อได้ สัมมาทิฏฐิข้อแรกทาน มีใครอธิบายทานอย่างลดกิเลสได้ไหม เป็นทานที่มีผล หรือยิฏฐัง วิธีปฏิบัติศีลพรตที่ลดกิเลสได้ ข้อที่สามผลของทาน ศีล คือหุตัง เขาแปลว่าสังเวยที่บวงสรวงแล้วก็คือได้ผลจาก ทาน ศีล ที่เป็นสัมมาทิฏฐิหรือไม่ สามข้อนี้เกิดจากกรรม สุกตทุกฎานังกัมมานังผลังวิปาโก คือสุข ทุกข์เป็นผลจากวิบากรรม แยกโลกนี้(โลกียะ) แยกโลกหน้า(โลกุตระ) โลกหน้าคือโลกอื่น คืออัญญะ เป็นโลกต่างดาวกันแล้ว เป็นความรู้ใหม่ แยกมาตา ปิตา สัตตาโอปปาติกา คำว่าแม่มีนี้ไม่ใช่แม่ที่คลอดลูกมาหรือแม่ออกไข่ หรือแตกตัวออกมาก็ไม่ใช่ แต่นี่เป็นสัตว์ทางจิตวิญญาณ เปลี่ยนจากสมมุติเทพ เป็นอุปัติเทพ จนเป็นวิสุทธิเทพ อธิบายแล้วปฏิบัติได้ตามนี้ อะไรเป็นคู่ มีศีลกับปัญญา ช่วยกันทำให้เกิดอธิจิตเป็นแม่เป็นพ่อ เหมือนล้างมือด้วยมือล้างเท้าด้วยเท้า หรือโพชฌงค์เป็นพ่อมรรค 8 เป็นแม่ ร่วมกันทำให้เกิดสัตว์โอปปาติกะเป็นอาริยะได้จริงๆ โดยมี สองนี้ได้ หรือมีสติปัฏฐาน 4 กับโพชฌงค์ 7 ทำให้เกิดจิตวิญญาณใหม่ได้ หรือปฏิจจสมุปบาท อวิชชา แล้วสังขาร มีกาย วจี จิต สังขาร เป็นสังขารโลกีย์ พอมาเป็นสังขารโลกุตระ เป็นปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร อเนญชาภิสังขาร อธิบายแล้วคนเอาไปลดกิเลสได้จริงไหม ทำได้ก็ปัจจัตตัง เป็นคนเจริญ มาเป็นคนจนคือเจริญ ไม่ใช่คนรวยคือคนเจริญ เป็นคนรวยนั้นเป็นคนซวยไม่ใช่เจริญ รวยเอารวยเอา อย่างคุณเจริญอยู่ในโลกมีแต่ทำความฉิบหายให้แก่โลก เราไม่ส่งเสริม เป็นคำกดข่มจะว่าดูถูกก็ใช่ ไม่น่าไปสะสมความรวย แต่มาเป็นคนจนน่ายกย่องเชิดชู จนอย่างเป็นประโยชน์คุณค่าต่อคนอื่น แต่รวยแล้วไปเอาเปรียบเอารัดคนอื่นรวยอย่างชั่วรวยไปทำไม แต่อรหันต์ที่เขาประกาศกันทั่วไป แต่ไม่ได้ประกาศอธิบายสัมมาทิฏฐิ 10 นี้ได้หรือว่าเป็นอรหันต์ยังไม่มีบารมีในข้อที่ 10 หรือพระในเมืองไทยไม่มีอรหันต์เลย นอกจากอรหันต์ในทำเนียบของชาวอโศก อาตมาประกาศแม้แต่ฆราวาสอโศกก็มีอรหันต์ ที่อื่นมีหรือไม่? ถ้าประกาศแล้วคนอื่นก็จะมาซักถาม หากซักถามแล้วตอบไม่ได้ก็หน้าแตกนะ กว่าจะรับรองก็ต้องรู้ว่าอธิบายได้นะ ต้องมีหลักฐานพอจะอธิบายได้ ประเทศไทย ตอนนี้กำลังพัฒนาการเมืองการศึกษาการเศรษฐกิจ มันก็คือมาทำให้คนเป็นคนเป็นนักการเมืองเป็นนักการศึกษา แล้วก็ต้องมีพฤติกรรมของการเมืองพฤติกรรมการศึกษาที่ทำให้คนได้เรียนรู้ ได้ร่วมปฏิบัติประพฤติเป็นผลต่อสังคม และเป็นผลดีเป็นผลการเสียสละไม่มีโทษภัย มีแต่ประโยชน์คุณค่า เป็นลักษณะการเสียสละ ไม่ใช่ลักษณะการไปเอาเปรียบกดขี่ ไม่ใช่ลักษณะแค่เป็นตรรกะปรัชญา เป็นสำนวนโวหารที่พูดกันเท่านั้นเดี๋ยวนี้มีมากมายที่ได้ยินกันมากๆ สายอนาคตใหม่เป็นต้นที่พูดกันอยู่ มีหลักการวิธีการแต่ไม่ได้ปฏิบัติจริงสักที ที่จริงก็อยากให้เขาลองแต่มันก็เสี่ยงให้เกิดความชิบหายวายป่วง ไม่ใช่ของน่าลอง พวกนี้มือเติบด้วย ที่จริงอนาคตใหม่ เขามีทุนรอนตั้ง 5,000 ล้าน เขาน่าจะเสียสละเอามาทำก่อน จะกล้าไหม เขาให้พรรคยืมก็ยังคิดดอกเบี้ยอีก _ใจกลั่น…การที่พ่อครูเทศน์ประกาศอรหันต์ พวกเราบางคนรู้สึกว่าไปลบหลู่ท่านทั้งหลายแม้ไม่ใช่อรหันต์แต่ท่านก็ปฏิบัติดี พ่อครูว่า..ก็คุณยังไม่มีภูมิพออย่าไปลบหลู่ อย่างอาตมาไม่ได้ลบหลู่ แต่พวกเราหากภูมิไม่สูงกว่าจริงก็อย่าไปพูด มันจะไปยกตนข่มท่าน หากคุณยังไม่สูงกว่าก็อย่าไปหลู่ แต่หากคุณสูงจริงก็มีสิทธิ์พูดว่าสูงกว่าอย่างไร อย่างอาตมาอธิบายยืนยัน หากจริงก็ยืนยันความจริง _ใจกลั่น.. นักเรียนบางคนรู้สึกทุกข์ ฝืนกิเลส ทำอย่างไรจะกล้ายอมรับผิดหากทำผิด แล้วรับการลงโทษ พ่อครูว่า..คนใดที่รู้สึกว่าตนเองผิด รู้จริงๆว่าตัวเองผิด นอกจากคนหลงไม่รู้ว่าตัวเองผิด ก็ต้องปล่อยให้ลงนรกไป เราไม่อยากให้ลงแต่ก็เพราะความผิดของเขาต้องลง แต่คนที่รู้ตัวเองว่าผิดแต่ไม่ยอมรับผิดคนนี้ปิดประตูเจริญ แล้วคุณมาเกิดเป็นคนจะอยากเจริญหรือเสื่อม คุณก็ต้องทำให้ถูกต้องตามสัจธรรม เดี๋ยวไปปิดบังอย่าไปปฏิเสธว่าเราเองไม่ผิด เมื่อถึงเวลาวาระ ต้องปลงอาบัติสารภาพ เพราะเรารู้แล้วว่าเราผิดจะไปปิดบังทำไม ก็ยอมรับผิดแล้วก็แก้ไข หากคุณปิดบัง คนอื่นก็นึกว่าคุณไม่ได้เป็นคนผิด คนอื่นก็จะไม่ได้ช่วย หากคุณยอมรับผิดคนอื่นก็จะเบาใจไปหมดแล้ว คนนี้รับแล้วว่าผิด แม้คุณยังไม่แก้ไขคนอื่นก็จะสบายใจขึ้น อย่างพวกคุณรู้ว่าคนนี้ผิด แต่มันไม่ยอมรับผิด คนอื่นก็ไม่สบายใจ ยิ่งรับผิดแล้วเขาแก้ไขตัวเองด้วยก็ยิ่งอนุโมทนาสาธุ นี่คือสัจธรรมง่ายๆ นี่คือความเจริญของมนุษยชาติ ต้องการเป็นคนเจริญหรือคนเสื่อม ก็คนเจริญแล้วจะทำอย่างไร ก็ต้องปฏิบัติให้ตรงตามความจริงอันนี้มันถึงจะเจริญ ถ้าไม่ปฏิบัติคุณก็โง่ จะโง่ต่อไปหรือจะฉลาดก็ตามใจ _ช่วยบุญ…เช่นว่า ทำผิดกันสี่คน แต่ตนเองรักเพื่อนก็รับผิดแทนเพื่อน จะเป็นความรักที่ถูกหรือไม่ พ่อครูว่า..ไม่ถูก ทำเก๋ เท่ คนอื่นผิดมากหรือน้อยก็ตามจริง เราผิดน้อยผิดมากก็บอกตามนั้น เพื่อนผิดมากหรือน้อยก็บอกตามจริง อย่าไปผิดเพี้ยนไปจากความจริง ถ้ามันไม่สามารถรู้ความจริงได้ก็สุดวิสัย นึกว่าจริงแต่มันผิดไปก็เรารู้เท่านี้จะไปบังคับให้เรารู้หมดได้อย่างไร _ใจกลั่น ผู้ชายชื่นชมกันว่า มีความรักเพื่อนมากสามารถเก็บความลับเพื่อนได้ พ่อครูว่า…ก็โง่ต่อไป แต่ที่จริงไม่ต้องเอาไปโพนทะนา แต่ควรเอาไปบอกแก่ผู้รู้ที่จะช่วยแก้ไขได้ ไม่จำเป็นต้องเอาไปประจานกัน ก็ต้องบอกในผู้ที่ควรบอกในสิ่งที่ควรบอก ก็จะดี _ช่วยบุญ…การเปลี่ยนแปลง อยู่นานได้เห็นอะไรมากขึ้น พ่อครูเคยพูดว่าอยู่ไปเถอะจะรู้ว่าอาตมาคือใคร พออยู่มาได้ฟังได้ปฏิบัติก็เห็นความรัก เมตตาของพ่อครูว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหน เพื่อมนุษยชาติทั้งโลก พ่อครูว่าไม่ให้สร้างความผูกพัน ช่วยบุญเป็นคนโสด เคยคิดว่าเราไม่เคยรักใคร ชาติต่อไป จะไม่มีใครรัก แต่ตอนนี้เลิกแล้วไม่รักแบบนั้นแล้ว แต่เราต้องรักด้วยสาราณียธรรม น้ำท่วมครั้งนี้ ช่วยบุญได้เห็นตัวนี้ตัวเองไม่ได้ไปแต่มีความห่วงใยคนที่เขาลำบาก ได้ฟังโคกหนองนาโมเดลของอ.ยักษ์ คิดว่าเราจะต้องใช้เงินอีกมากเท่าไหร่กันนี่ ก็เลยคิดกันว่าราชธานีอโศกคือเมืองหลวง เห็นน้ำท่วมก็หดหู่ เราก็น่าจะทำทุกวิถีทางให้บ้านราชฯพ้นภัย อ.ยักษ์ที่พูดมาดีมากเลย ช่วยบุญจะทำงานให้มาก เพื่อช่วยพ่อครูทำสิ่งนี้ เราช่วยตัวเองได้และช่วยคนอื่นได้ด้วย นี่คือความรักที่ไม่ใช่แค่ปฐมอโศกแต่เป็นศูนย์รวมชาวอโศก เราต้องอยู่ร่วมกันอย่างข้าวเหนียวนึ่งที่อยู่รวมกันอย่างเหนียวแน่น แต่อย่าเปียกน้ำนะ หากเปียกน้ำแล้วจะคลายออก ก็เลยไม่อยากให้น้ำท่วม _การปฏิบัติเริ่มปฏิบัตินั้นยากทุกเรื่องแต่พอปฏิบัติลดละไปเรื่อยๆจากยากก็เป็นง่าย หากเราเอาจริงสู้กิเลส ไม่ยอมแพ้สู้เพื่อให้ตัวเองได้ดี มันไม่ยากเลยนะคะ พ่อครูว่า…จริง _การปฏิบัติที่ทำให้เกิดบุญนั้นมีพลังงานมาก เห็นด้วยตนเองเลยว่าศาสนาพุทธนั้นทำให้คนที่ทุกข์ พ้นทุกข์ได้สุดยอดจริงๆค่ะ ต้องขอบคุณพ่อครูที่มากอบกู้ศาสนา ให้กลับคืนมามีพลังอีกครั้ง _ใกล้จะถึงงานมหาปวารณาแล้ว น้ำจะลดทันไหมคะ .. พ่อครูว่า…ไม่รู้ รัฐบาลก็ช่วยกันอยู่ เอาเครื่องดันน้ำมาช่วยดันน้ำออก _เห็นภาพน้ำท่วมบ้านราชฯรู้สึกเศร้ามากๆเลยค่ะ หนูเห็นสมณะ สิกขมาตุ ผู้ใหญ่ เด็ก ช่วยขนของหนีน้ำ หนูประทับใจมาก แต่ตอนตั้งศูนย์ช่วยผู้ประสพภัยหนูไม่เข้าใจว่าทำไปทำไม เราก็เดือดร้อนแต่เราไปช่วยคนอื่นเราจะได้อะไร พ่อครูว่า…เราช่วยตัวเองก็ช่วยอยู่ เราเห็นคนอื่นเดือดร้อนเราก็ไปช่วยเขาบ้าง คนอื่นเดือดร้อนช่วยตัวเองไม่เก่งเท่าเรา เราก็ไปช่วยเขา หากปล่อยเขาก็ยิ่งแย่ ดีไม่ดีฆ่าตัวตายเราเห็นว่าเราพอทำได้ไม่ใช่แบบเตี้ยอุ้มค่อม อย่างกรณีหมูป่า 13 คน ติดในถ้ำท่วมก็ไปช่วยกัน มีคนต่างประเทศมาช่วย แต่นี่มีแต่คนไทย ขนาดนี้ก็มีการขยายผล จากกรณี 13 หมูป่ามา เป็นรูปธรรมเป็นความจริงใจเป็นพฤติกรรมจึงเป็นความเดือดร้อนที่กว้างกว่า 13 หมูป่า คนหลายแสนคนดีไม่ดีจะเป็นล้านคน เหตุปัจจัยก็มีเยอะกว่า พฤติกรรมที่จะช่วยงานนี้ การได้ช่วยเหลืองานนี้จึงเป็นอัตราการก้าวหน้าของพฤติกรรมสังคม ที่เจริญขึ้นอย่างเห็นทันตา คนละไม้คนละมือ เป็นพฤติกรรมตัวอย่างที่ขยายผลมาเยอะเลย อันนี้ก็ต้องเป็นเหตุเหมือนบังคับให้ช่วยกัน เหตุการณ์มันไม่น่าจะเกิดแต่มันก็เกิดเราไม่ได้ไปบังคับมัน บังคับมันไม่ได้มันเกิดแล้วเราก็ต้องช่วยกัน พฤติกรรมที่ไม่ดูดาย พฤติกรรมที่มีน้ำใจ พฤติกรรมที่แสดงออกถึงความจริงอย่างนี้ ถึงอย่างไรก็ตาม การไปช่วยคราวนี้ก็ยังไม่ถึงขั้นที่ว่า ผู้ที่ไปช่วยก็เอาตัวไปช่วยจนตัวเองตายตัวเองเดือดร้อน ก็ไม่เกิดอย่างนั้น มีอย่างน้อยของเราก็นายติ่ง ก็พลาด อันนั้นก็รู้แล้ว ก็มีราชการ เบื้องสูงก็มาช่วยแล้ว นี่คือการแสดงออกที่เป็นความเจริญทางด้านจิตวิญญาณของสังคมมนุษยชาติของประเทศไทย ปัญญาชนทั่วโลก ยุคนี้เป็นยุค ฟ้าบ่กั้น Globalization ข่าวสารถึงกันทั่วโลกก็จะเป็นการสื่อสารความจริงที่เกิดประโยชน์มากเลย นอกจากพวกทำมาหากินไม่สนใจ พวกนี้นรกเป็นที่ไป เป็นคนที่ไม่สร้างความเจริญให้แก่ตัวเอง _ผมหนีจากปฐมฯ นครแห่งความจงรักภักดีไปหลายปี จนฟันบนซ้ายผุ 1 ซี่ สายตาก็มองไม่เห็นชัด และเห็นกงจักรเป็นดอกบัว นครปฐมก็ยังเหมือนเดิม ถามว่า เมื่อไหร่จะเป็นนครมัธยม หรือนครมหาลัย พ่อครูว่า…ปฐมนี้ที่ 1 แล้วจะต้องไปลดลงทำไม ที่ยอดแล้ว จะไปลงเป็นที่กลางที่ต่ำทำไม _ผมเป็น FC(ติดตามพ่อครูตลอด) ทางทีวี รู้บ้างไม่รู้บ้างตามประสา ผมดูๆตัวเองผมว่าคงใคร่ในธรรม เคยไปบ้านราชฯก่อนนำ้ท่วม สบายดี ประทับใจ โดยเฉพาะสิกขมาตุกล้าข้ามฝัน ข้าวนอกนา จิตใจสวยมาก ติดตามฟังท่านทางทีวี ชอบฟังท่านมาก โดน ลูกชายคนโต แม่ใบใต้ ชีวิตในผ้าสีหม่น ผู้สละโลก _หลวงปู่ครับ การที่ผมแอบกินเนื้อสัตว์มีโทษอย่างไรครับ พ่อครูว่า…รู้นะว่าแอบ คือรู้ว่ากินเนื้อสัตว์ไม่ดี จึงแอบกิน จะมีโทษอย่างไร (ใจกลั่นว่าถูกหักคะแนน) แล้วโทษตามสัจจะวิบาก คนที่ทำชั่วทั้งๆที่รู้ว่าชั่ว คนทำผิดทั้งๆที่รู้ว่ามันผิดมันเป็นบาปยกกำลังนะไม่ใช่แค่บวก อย่าทำ พูดได้แค่นี้ ถ้าทำอยู่อีกก็โง่ไป จะโง่ไปถึงไหนไม่รู้จักหยุด ทำชั่วทั้งๆที่รู้ว่าชั่วไปทำทำไม ส่วนคนที่ไม่รู้ว่าชั่วไม่รู้ว่าผิดยังน่าให้อภัย เขานึกว่ามันไม่ผิดนะเขาก็ไปทำ ทำอย่างจริงใจ เขาไม่รู้ว่าเป็นสิ่งชั่วก็เลยทำอย่างนี้น่าให้อภัย ส่วนคนที่รู้ว่าชั่วและผิดแต่ก็ยังไปทำอยู่ไม่น่าจะให้อภัยมันต้องน่าเขกหัวซ้ำ _คานธีบอกว่า หากข้าพเจ้าไม่มีอารมณ์ขันข้าพเจ้าก็บ้าไปนานแล้ว พ่อครูว่า…จริง อาตมาจึงต้องมีอารมณ์ขันให้มาก อาตมาทำงานที่หนัก หากไม่มีอารมณ์ขัน มาผสมผสานมาช่วย มาแก้หรือมาบรรเทา ให้มันดูเบาบาง ค่อยยังชั่วไปบ้างมันก็ไม่ไหว จะเห็นว่าอาตมาเหมือนมีอารมณ์ขี้เล่น จึงเข้าใจคนที่พูดมานี้ _ผมขอส่งเรื่องขำขัน …หญิงคนหนึ่ง เดินไปที่ร้านขายผลไม้แล้วถามว่า แม่ค้าจ๊ะ สับปะรดศีรษะละเท่าไหร่จ๊ะ? แม่ค้าตอบ กระบาลละ 10 บาทค่ะ พ่อครูว่า…แสดงว่าแม่ค้าลูกค้าทันกัน _หากคนเราไม่มีธรรมะจะเป็นอะไรครับ พ่อครูว่า…คำว่าธรรมะเป็นคำกลางๆที่แปลว่าสิ่งดีงาม ถ้าเริ่มไม่มีสิ่งดีงามก็แปลว่าจะมีอะไร คนเราควรอยู่กับสิ่งที่ควรให้มีธรรมะเพิ่มขึ้นต้องรู้ว่าธรรมะคือความดีงามที่ทำให้เจริญขึ้น _พระมหากษัตริย์เป็นเทวนิยมหรือไม่ พ่อครูว่า…ไม่ใช่เทวนิยม แต่เป็นสัจจะเป็นความจริงของโลกที่เราจะต้องรู้ว่า พระมหากษัตริย์ไม่ใช่อยู่ๆจะไปเป็นได้ง่ายๆ คนจะเป็นได้ต้องมีคนยอมรับนับถือว่าเป็นรัฏฐาธิปัตย์เป็นผู้มีอำนาจในรัฐ เป็นพระเจ้าแผ่นดินเป็นกษัตริย์ หรือเกษตร แปลว่าขอบเขต คือ อยู่ในขอบเขตที่ผู้ที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินข้าวของดินน้ำไฟลมพืชพันธุ์ธัญญาหาร จนกระทั่งถึงสัตว์ถึงคน อยู่ในแผ่นดินนี้เป็นของท่าน นี่เป็นภาษาสมัยเก่า สมัยใหม่ กษัตริย์ก็ไม่ควรจะยึดเราเป็นของเรา นี่เป็นคำสอนของศาสนาพุทธไม่ควรจะยึดถือเป็นเราเป็นของเรา แต่ควรจะดูแลเหมือนกับเราเป็นพ่อในครอบครัว กษัตริย์เป็นเหมือนพ่อในครอบครัว ก็ต้องรู้ว่านี่เป็นสมบัติของเราทั้งหมด แล้วเราก็ต้องช่วยบริหารช่วยดูแลช่วยจัดสรรเป็นพ่อเป็นผู้ใหญ่กว่าในบ้าน เพราะฉะนั้นจะต้องเป็นผู้ที่ช่วยเหลือ ลูกหลานในบ้านทุกคนเท่าที่จะทำได้ ด้วยวัตถุด้วยพลังงานด้วยความรู้ด้วยพระเมตตา ด้วยอะไรทั้งหมด กษัตริย์ที่มีทศพิธราชธรรม ก็เป็นกษัตริย์ที่ดีที่ช่วยเหลืออยู่อย่างพระมหากษัตริย์ไทยอยู่อย่างมีทศพิธราชธรรม ทรงงานที่เห็นมาตลอดแต่ละพระองค์มีพระจริยวัตรให้ศึกษา พูดอย่างเป็นสัจจะนะ แต่พระมหากษัตริย์องค์ใดที่มีข้อบกพร่อง บางองค์มีเราก็ผ่านไป แต่ที่ท่านทรงเป็นสิ่งดีเราก็ยอมรับมันคือสิ่งนั้น ข้อบกพร่องท่านก็เป็นกรรมวิบากของท่านเอง เราไม่มีหน้าที่จะไปจัดสรร เราถือว่าเราได้ยกไว้สำหรับพระมหากษัตริย์ แม้แต่กฎหมายก็ออกยกเว้นให้แล้ว เพื่อจะได้เป็นอภิสิทธิ์ชนิดหนึ่ง เป็นศิลปะชนิดหนึ่งของสังคมโลก ไม่เช่นนั้นเราไม่มีข้อยกเว้นมันก็เลยไม่มีเรียงลำดับเป็น 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ลำดับในโลกจะไม่มี ผู้ที่เป็นกษัตริย์ก็รู้ว่าท่านเป็นเบอร์หนึ่งที่ต้องทรงทศพิธราชธรรม หรือจะเจริญยิ่งกว่าทศพิธราชธรรม อย่างพระมหากษัตริย์ของเราโดยเฉพาะรัชกาลที่ 9 ทรงงานมาตลอด 70 พรรษาจะได้เห็นพระจริยวัตรของพระองค์อย่างยอดเยี่ยมเลย แม้แต่ต่างประเทศเขาก็ยอมรับในพระราชจริยวัตร ครองราชย์ 70 พรรษานานที่สุดในกระบวนการของกษัตริย์ที่มีบันทึกเอาไว้ ในโลกนี้ นอกจากจะครองราชย์ 70 ปีแล้วยังมีพระจริยวัตรทั้ง 70 ปีอย่างน่าบูชาเคารพนับถืออีกต่างหาก มีคนบอกว่าท่านทรงงานอย่างไม่หลับไม่นอนเลยในบางครั้ง แม้แต่ทรงพระประชวรอยู่ก็ยังทรงงานเพื่อประชาชน เป็นความจริงในพระราชหฤทัยของท่านที่ท่านแสดงออกมาตลอด คนถึงเคารพนับถือท่าน _หากเราทำงานก็จะได้คำชมว่ายึด แต่ถ้าทำไปแล้วไม่ยึดก็จะเสียหายก็ปล่อยให้เสียหายไป แบบนี้ถูกต้องหรือไม่ ยึด ไม่ยึด ดีไม่ดี อย่างไรดี? พ่อครูว่า..ไม่ถูก ยึดอย่างไม่ยึดมั่นถือมั่น ยึดในสิ่งที่ควร ตอนนี้ควรยึดทำ ตอนนี้ควรวางได้ ยึดไว้ก็ไม่ได้ประโยชน์ทำไม่ไหวเราก็ปล่อย ยึดหรือไม่ยึดก็ประมาณเอาตามควร _บุคคล 2 ประเภท เกิดเป็นชายแต่บุคลิกจิตวิญญาณเป็นหญิง เกิดเป็นหญิงแต่บุคลิกจิตวิญญาณเป็นชาย 2 ชนิดนี้ดีหรือไม่อย่างไร พ่อครูว่า..ไม่ดีทั้งคู่ มันไม่ลงตัวมันก็ดูประดักประเดิด ไม่ดูดี เราต้องเข้าใจพฤติกรรมมาตั้งแต่จิตวิญญาณ มาเป็นวจีกรรมเป็นกายกรรม อย่างนี้เป็นพฤติกรรมของบุรุษ แข็งแรง กายกรรม วจีกรรมแข็งแรง เราก็ทำให้ได้ มันไม่เสียหายอะไร แต่กิริยาอ้อนแอ้น ก็เป็นผู้ชายจะไปดัดจริตเป็นผู้หญิงก็ไม่ดี หรือเป็นผู้หญิงจะทำเป็นผู้เหมือนผู้ชายก็ไม่ดี ก็ต้องทำตามสรีระเรา ประกอบด้วยกระดูกกล้ามเนื้อมันไม่เท่ากันหรอก ต้องทำให้สมสัดส่วน แต่กายกรรมวจีกรรมอันไหนที่แข็งแรงมีน้ำหนัก มีสิ่งประโยชน์คุณค่าได้มากคุณก็เอาเนื้อหาสาระของพลังงานหรือ พฤติกรรมที่มีประโยชน์อันนั้น ส่วนกายกรรม ท่าทีกาย ท่าทีคำพูดก็ไม่ต้องให้แข็ง กระโดกกระเดก หรือจิตใจก็ยังไม่ต้องเลยก็ทำตามจริง แต่จิตไม่มีใครเห็น จิตควรจะให้แข็งแรงเป็นอย่างผู้ชายเลยก็ยิ่งดี แต่ภายนอกต้องประมาณ หรือกายวิญญัติไม่เกินความเป็นหญิงไม่ดูแข็งกระด้างเกิน ต้องให้พอเหมาะ _หนูครองตัวเป็นโสดและอยากโสดอย่างมีความสุข แต่เวลาเห็นคนมีแฟนแล้วหมั่นไส้ หนูควรจะทำอย่างไรให้อาการนี้หายไปคะ พ่อครูว่า..มันเป็นภาวะตีกลับ แทนที่จะเห็นดีเห็นด้วยอยากมีแฟนตามแต่เราก็ไปรู้สึกหมั่นไส้เพื่อป้องกันตัวเอง ก็ดูอาการว่าหมั่นไส้เป็นอาการที่ผลัก ทำเป็นไม่ชอบ ใช้ศัพท์คำว่าหมั่นไส้ก็น่าจะจริงตามที่รู้สึก ก็เข้าใจ ว่าคนที่เขาเป็นไปทำไมน่าเกลียดน่าชัง ก็เขาเป็นอย่างนั้นด้วยความไม่รู้ เมื่อเรารู้เสียแล้วเราก็ไม่ต้องมีอาการหมั่นไส้ ระวังหมั่นไส้มากๆจะอ้วกแตก แล้วคุณก็ทรมานตัวเองเปล่า ก็รับรู้ความจริงตามความเป็นจริงเสีย เราเห็นเขาทำในสิ่งที่ไม่น่าทำ เราไม่ทำแล้วตามที่เขาเป็นก็ดีแล้วก็จบ จริงๆก็ควรจะมีเมตตามีจิตที่รู้สึกว่าเขาก็น่าเห็นใจน่าจะบอกจะช่วยเหลือ เพราะว่าไม่ควรส่งเสริม การไปส่งเสริมให้มีแฟนหรือส่งเสริมให้คนแต่งงานกัน โดยเฉพาะเป็นพระเป็นเจ้าแล้ว ไม่ควรจะไปส่งเสริมมันเป็นอาบัติ สังฆาทิเสสด้วย ไปส่งเสริมให้คนเป็นผัวเป็นเมียกันเป็นอาบัติที่หนักรองจากปาราชิกเลย เพราะว่าการเป็นโสดนี้พระพุทธเจ้าก็ยังตรัสไว้ว่า การเป็นโสดเป็นความคิดของบัณฑิต การไปคิดมีคู่เป็นความคิดของคนโง่ไปสู่ความเศร้า คนที่ฉลาดเรียกว่าบัณฑิตคือคนโสด เหมือนอย่างหลวงปู่ จบ Category: ศาสนาBy Samanasandin30 กันยายน 2019Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:620929_วิถีอาริยธรรม สันติอโศก อจินไตยของปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า และวิเวก 3NextNext post:621002_รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 72Related Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024