621016_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ เอาร่างกายออกป่าเขาถ้ำยิ่งไกลจากวิเวก
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1PR4JOqjXBz4GLo5sr-18ga2isHZXUTw2oLkj51JkCZI/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1dbTUVClrWQuYgiCp6fQAHTOMr2RF_NNx
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้เป็นวันพุธที่ 16 ตุลาคม 2562 ที่บวร ราชธานีอโศก น้ำท่วมใหญ่คราวนี้ทำให้พวกเราลดละกิเลสเรื่องของการสะสมข้าวของลงไปได้มาก แม่เป็นคนมีวรรณะ 9 เป็นมนุษย์พัฒนาเลี้ยงง่ายบำรุงง่ายมักน้อยสันโดษ แค่นี้ก็พอ เป็นคนขัดเกลา มีศีลเคร่ง จึงเป็นคนมีอาการที่น่าเลื่อมใส แล้วยังไม่สะสมอีก และยังเป็นคนยอดขยัน เรามาเป็นคนที่เบาภาระจึงจะเป็นคนที่เอาภาระ
พ่อครูว่า…
SMS วันที่ 14 – 15 ต.ค. 2562
_วิวหก วิวหก : ศีลเสมอคือเข้าใจในสิ่งที่พูด เข้าใจว่าผู้นั้นอยูระดับไหน และประเมินตัวเองได้ว่า อยู่ตรงไหน / ศีลเสมอคือ เข้าใจแล้วในเรื่องนั้น ๆ
ก็อเมกา คนไม่มีบ้านมากมายไม่มีอาหารกินก็มาก หนี้รัฐ 440 ล้านล้าน
พิมพ์เงินให้ทหารใช้ เพราะใช้ในประเทศไม่ได้
สันติอโศกมีบ้านให้ทุกคน /เศรษฐศาสตร์เข้าใจได้ แบบเห็นๆ
พ่อครูว่า…จริง! อโศกทุกวันนี้บ้านมีเหลือเฟือแต่คนไม่ค่อยมาอยู่ ทุกวันนี้ชุมชนชาวอโศกทุกชุมชนยินดีต้อนรับคนภายนอกจะมาเป็นชาวอโศกมาประพฤติปฏิบัติกัน ที่นี่มีความประพฤติพื้นฐานคือมีศีล 5 ละอบายมุขทุกอย่าง เป็นอย่างต่ำ อย่ามาเป็นหมาหัวเน่าก็แล้วกันขี้เกียจเกินไปขี้โกงกันไปหรือว่ามีเล่ห์เหลี่ยมเกินไปไม่มีศีล คนเก่าก็คงไม่อยากจะให้อยู่ด้วยก็คงมีวิธีการเอง
_ถึกไท ณ ห้วยขาแข้ง : นิยาย ดีดี ก่อเกิด ตามพลังโพธิสัตว์ ที่ต้องสืบสาน พุทธแท้ๆ
_อําพร กันทะ : วันนี้ลูกขอกลับมาเพิ่มพลังค่ะรู้สึกใจหายค่ะ ตอนนี้ลูกขอเอาวัดมาอยู่บ้านค่ะ
_ใบฟ้า…รายการที่เยี่ยมยอดอีกรายการคือรายการเวียนธรรมออกพรรษา มีท่านสมณะและสิกขมาตุ มีท่านสมณะ 7 รูป สิกขมาตุ 6 รูป เสียดายหลายรูปที่ไม่ได้มาโปรดโยม งานต่อไปขอความกรุณานิมนต์มาทุกท่านให้พร้อม เป็นรายการที่อบอุ่นจริงๆ
พ่อครูว่า…ความสนใจในธรรมะ จะว่าไปแล้วแม้แต่อาตมามาเป็นผู้เทศน์ผู้บรรยายก็ไม่สนใจฟัง ใช้สามัญสำนึกธรรมดาก็ดูได้ไม่ใช่เรื่องลึกลับ เพราะฉะนั้นคนเราไม่มีสำนึก ชีวิตก็เสื่อมเป็นธรรมดา มันก็ควรจะสำนึกก็รู้กาละสำคัญหรือสาระสำคัญในความสำคัญ ถ้าใครมีความสำคัญในสิ่งเหล่านี้ก็จะเจริญ ไม่เช่นนั้นก็เหมือนกับขี้หมาลอยน้ำไป สู่กองฟอนอยู่ๆไปกินๆนอนๆไม่น่าจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ใฝ่ธรรมเป็นผู้ที่แสวงหาสิ่งที่ดีให้กับชีวิต
เอ้า สวดพอสมควรแล้ว
_อโศกสัมปวังโก…พ่อท่านได้เน้นย้ำแนวทางการปฏิบัติธรรมว่า เวทนาคือหัวใจของกรรมฐาน และตามที่พ่อท่านได้เทศน์สอนหรือว่าเวทนาคือองค์ประกอบหนึ่งในห้าของนาม จึงเกิดมีคำถามขึ้นมาแล้วนามอีก 4 อย่างคือ 1. สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการนั้น มีบทบาทกับเวทนาอย่างไรหรือไม่ในขณะที่นักปฏิบัติอ่านเวทนาในจิตของตน
-
ความหมายของการแยกรูปแยกนามนั้นคืออะไร ชาวอโศกส่วนใหญ่แยกรูปแยกนามได้แค่ตามภาษาบัญญัติ ซึ่งก็คือรูปมี 28 อย่าง ส่วนนามนั้นมี 5 อย่าง การแยกรูปแยกนามได้ตามบัญญัติภาษาดังกล่าวยังไม่ถือว่าบรรลุเป้าหมายตามพุทธบัญญัติใช่หรือไม่
จะมีรายละเอียดของสภาวะจิตอย่างไรขอให้พ่อท่านได้อธิบายขยายความลงลึกในรายละเอียดดังกล่าว เพื่อให้เกิดความเข้าใจเรื่องการแยกรูปแยกนามให้ชัดเจน แก่ผู้ที่ไม่สามารถแยกรูปแยกนามได้ตามเกณฑ์ของนักปฏิบัติธรรม
พ่อครูว่า…หลับตาปฏิบัตินี้ไม่มีผล มันไม่ใช่ของศาสนาพุทธเลย เป็นการปิดเวทนาไม่มีผัสสะ เพราะฉะนั้นเวทนาที่จะเกิดนั้น ที่จะเป็นกรรมฐานให้เราปฏิบัติ 108 มันไม่มี แล้วพวกคุณจะไปปฏิบัติอะไร ในพระไตรปิฎกเล่ม 9 พรหมชาลสูตรท่านก็ได้ยืนยันไว้ว่า ถ้าไม่มีเวทนาก็ไม่มีฐานแห่งการปฏิบัติ ก็มีแต่ปัญหาเท่านั้นเป็นความแส่หาของตัณหาทั้งนั้น
ความผิดเพี้ยนของการปฏิบัติ ไปหลับตาปฏิบัติก็ดับองค์ประกอบแห่งการปฏิบัติออกไปหมดแล้ว ก็เลยไม่ได้เรียน ไม่มีผัสสะ ก็เลยไม่มีกายไม่มีภายนอก ขนาดนั้นเขาก็ไปนั่งหลับตาปฏิบัติอีก กายต้องต่อเนื่องจากภายในภายนอกขาดกันไม่ได้ ปฏิบัติธรรมะต้องมีทั้งนอกและในทิ้งกันไม่ได้
แล้วเวทนานี้สำคัญสุดที่มโนปวิจาร 18 ถ้าแยกเคหสิตเวทนากับเนกขัมสิตเวทนาไม่ได้ ก็ไม่มีจุดที่นักปฏิบัติธรรมจะได้เป็นพระอรหันต์ ไม่ได้มีคนรู้จิตเจตสิก เวทนา 18 อย่างไร เวทนาทางทวาร 6 แล้วมี สุข ทุกข์ อุเบกขา เป็น 18 หากไม่เข้าใจอาการ ลิงค นิมิต 2 สิ่งนี้ก็จบเห่ปฏิบัติอะไรไม่ได้
ปฏิบัติธรรมะต้องปฏิบัติกับรูป 28 กับนาม 5 มีผัสสะจึงทำมนสิการได้ เมื่อผัสสะก็จะเกิดเวทนาต้องใช้สัญญากำหนดรู้เจตนาในจิต หากเจตนาทางกามก็ให้มันลด ลดได้แล้วก็ทำที่รูปภพอรูปภพต่อ สำเร็จเป็นวิภวตัณหา เป็นปัญหาของพระอรหันต์ เป็นปัญหาของพระพุทธเจ้า คนไม่รู้สภาวะก็จะบอกว่าไปบอกว่าพระพุทธเจ้ามีปัญหาได้อย่างไร อาตมาพูดภาษาสิริมหามายา คนที่รู้สภาวะแล้วจะไม่สับสนต้องรู้ทั้ง 2 อย่าง
เช่นนิพพาน มันก็มี 2 อย่างแล้วก็ไม่มี 2 อย่างนี่แหละ
นิพพานคือไม่มีความสุขไม่มีความทุกข์ งงไหม สับสนไหม?
เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ คือนาม 4 ที่ต้องใช้ปฏิบัติ
ส่วนขันธ์มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มีบทบาทร่วมกับเวทนาที่เป็นกรรมฐาน
-
ความหมายของการแยกรูปแยกนามนั้นคืออะไร ชาวอโศกส่วนใหญ่แยกรูปแยกนามได้แค่ตามภาษาบัญญัติ ซึ่งก็คือรูปมี 28 อย่าง ส่วนนามนั้นมี 5 อย่าง การแยกรูปแยกนามได้ตามบัญญัติภาษาดังกล่าวยังไม่ถือว่าบรรลุเป้าหมายตามพุทธบัญญัติใช่หรือไม่
จะมีรายละเอียดของสภาวะจิตอย่างไรขอให้พ่อท่านได้อธิบายขยายความลงลึกในรายละเอียดดังกล่าว เพื่อให้เกิดความเข้าใจเรื่องการแยกรูปแยกนามให้ชัดเจน แก่ผู้ที่ไม่สามารถแยกรูปแยกนามได้ตามเกณฑ์ของนักปฏิบัติธรรม
พ่อครูว่า…ใช่แล้ว จะให้แยกรูปนามทั้งหมดก็คือทั้งหมดของศาสนาพุทธ อาตมาไม่เก่งพอที่จะอธิบายทั้งหมดที่คุณต้องการ
แยกรูป แยกนาม ไม่ง่าย หากคุณแยกรูปแยกนามได้จริง ผลก็มีอัตราการก้าวหน้าเป็นพระอรหันต์เรื่องจริง ถ้าคุณแยกรูปแยกนามได้จริง
ผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจะติดเครื่องอิทธิบาท 4 มีฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสาอยู่ตลอด
แยกรูปแยกนาม เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด
ใครที่แสวงหาไม่ติดยึดกับโลกีย์ที่เขาผิดเพี้ยนไป อาตมาไม่มีบารมีไปรู้จักอาจารย์สำนักใหญ่ๆ และยิ่งพูดโลกุตระด้วย แต่คุณได้ยึดมิจฉาทิฏฐิและคุณก็มีผลแล้ว ติดยึดมันก็จริง ทฤษฎีที่จะปฏิบัติต้องมีผลจริง ไม่อย่างนั้นจะมาสอนอะไรบ้าง
มิจฉาทิฏฐิที่เห็นไม่ใช่ไม่มีมรรคผล แต่เป็นมิจฉามรรค มิจฉาผล มิจฉาวิมุติ มิจฉาฌาน มิจฉาสมาธิ
-
ความหมายของการแยกรูปแยกนามนั้นคืออะไร ชาวอโศกส่วนใหญ่แยกรูปแยกนามได้แค่ตามภาษาบัญญัติ ซึ่งก็คือรูปมี 28 อย่าง ส่วนนามนั้นมี 5 อย่าง การแยกรูปแยกนามได้ตามบัญญัติภาษาดังกล่าวยังไม่ถือว่าบรรลุเป้าหมายตามพุทธบัญญัติใช่หรือไม่