621021_รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 76
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/1rFsOvL5dsrMTgD6IT_338IGG0hZyNpbzthQIzqFGTOw/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=10dQ2A7neMkidrQ2V9xIw8gTcCOQtbQzJ
พ่อครูว่า…วันนี้วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู(โลกุตระ) ตอน เกิดเป็นมนุษย์โลกุตระนี้แสนยาก
SMS วันที่ 19-20 ต.ค. 2562
_1614เฉลิมชัย ล้อลีลา ยังจำได้ไหมว่าการได้เกิดเป็นมนุษย์แสนยาก ครับ
พ่อครูว่า…มีความหมายนะ รู้แต่ว่าเราเป็นคนเกิดมาพ่อแม่ให้เกิดมา ก็ไม่เห็นจะยากเลย แต่นัยที่เล็กและละเอียดนั่นก็คือความเกิดทั้งหลาย ตั้งแต่เกิดเป็นอุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม มีองค์ประกอบตั้งแต่ธาตุของดินน้ำไฟลมวัตถุ แต่มันมีพลังงานที่พัฒนาขึ้นเป็นชีวะ กว่าจะพัฒนาจากอุตุมาเป็นพีชะ ที่เป็นชีวในระดับแรกก็แสนยาก
ทุกวันนี้มนุษย์พยายามจะสร้างหุ่นยนต์แล้วให้หุ่นยนต์มันมีชีวเองเหมือนพืช พืชมันกำหนดธาตุกำหนดพลังงาน มาปรุงแต่งตัวมันเอง ให้เป็นพืชชนิดต่างๆ ซึ่งก็เกิดจากตัวธาตุละเอียดตั้งแต่วัตถุ ดินน้ำไฟลมที่เป็นอุตุมาผสมส่วนกันได้ที่ ได้เหตุปัจจัยแล้วก็จะเกิดเป็นพลังงานชีวขึ้นมาระดับหนึ่ง ทางวิทยาศาสตร์ก็พยายามศึกษาตั้งแต่ protoplasm cytoplasm แตกตัวออกมาเป็นสัตว์ เป็นต้น ซึ่งในความรู้เหล่านี้คนก็ศึกษาจนรู้ดีกันได้เยอะขึ้นมาเรื่อยๆ กว่าจะพัฒนาระดับพืชมาเป็นระดับจิตตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียวสัตว์เดรัจฉาน
พืชนี้สังเกตได้มันจะเกาะอยู่กับที่กับพื้นดินหรือตรงนั้นตรงนี้ พอหลุดจากที่เคลื่อนย้ายได้เป็นสัตว์ ตั้งแต่สัตว์เล็กจนเป็นสัตว์ใหญ่เคลื่อนที่ไปเองไม่อยู่กับที่ จากน้ำไปบกแล้วก็สามารถบินไปในอากาศก็ได้ กว่าจะมาเป็นจิตนิยามที่เป็นสัตว์ที่เรียกว่าเป็นมนุษย์ มันหลายเชิงขั้นปรุงแต่งจนกว่าจะมาเป็นมนุษย์ การได้เกิดมาเป็นมนุษย์จึงยากแสนยาก
เป็นมนุษย์แล้วจะมีอัตภาพมีกรรมเข้าร่วม สัตว์ก็เริ่มมีกรรมเข้าร่วมแล้วจิตนิยามมีกรรมเข้าร่วมแล้วแต่มันไม่รู้เรื่องมันเป็นเดรัจฉาน มันไม่สามารถควบคุมให้กรรมเป็นกุศลอกุศลมันก็ไม่รู้เป็นไปตามวิบากของมัน นานกว่าจะพัฒนาจากสัตว์เดรัจฉานมาเป็นสัตว์มนุษย์ แม้เป็นมนุษย์ก็อีกนานกว่าจะรู้โลกุตรธรรม สามารถที่จะควบคุมพลังงานเหล่านี้ แยกแยะพลังงานเหล่านี้ได้ว่าเป็นอุตุ พีชะ หรือจิต ซึ่งเกิดจากกรรมทำให้เกิดได้แล้วให้ตั้งอยู่เป็นธรรมะ ทรงไว้ผนึกไว้รวมไว้ กรรมเป็น dynamic ธรรมะเป็น static
กว่าจะทำได้เป็นโลกุตระเป็นมนุษย์ที่ สามารถจัดการจิตนิยามของตัวเอง จึงได้ชื่อว่าเกิดมาเป็นมนุษย์นี้ยากแล้วจะเป็นมนุษย์ที่เป็นโลกุตระก็นานมากแสนยาก ต้องวนเวียนอยู่ในโลกโลกียะ เก่งสุดก็เป็นพระศาสดาทางโลกียะ ก็ตกต่ำลงไปได้วนเวียนสูงขึ้นมาอีก ก็ได้ กว่าจะมารู้โลกุตระเที่ยงแท้แล้วก็สามารถสลายธาตุได้เลย สลายอัตภาพ หรือสลายธาตุชีวะมาเป็นอุตุเลย เลิกเลย อัตภาพก็หายไป ปรินิพพานเป็นปริโยสานเลย นี่เป็นความรู้ของศาสนาพุทธที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ตรัสรู้ อาตมาเป็นพระโพธิสัตว์ระดับ 7 ทำได้มาตามลำดับ แล้วก็จะพัฒนาต่อไปจะมีความรู้ที่ละเอียดละออประเสริฐสุดเท่าที่เป็นจิตนิยามที่จะสูงสุดได้ ก็คือระดับพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
_เชวง กิจจะบรรณ์ : ธรรมพ่อครูยากอุปมาเหมือนพีชคณิต ตอนผมเรียนมีเด็ก30คน สอบใด้คนเดียว
_ทองมี ศรีภักดิ์ : ท่านโพธิรักใช้ปัญญาตนเองมากใป..จนคนฟังงง.
_สตาร์แอร์ ทุ่งคอก ผมว่าท่านถ่อมตนที่สุดแล้วนะครับ ท่านมีปัญญามากกว่าตรงนี้อีกมาก แต่คนฟัง รับตามได้น้อยครับ ภูมิต่างกัน
_ทองมี ศรีภักดิ์ : ตอบสตาแอ.เราว่าไม่นะ เขาตั้งใจให้คนฟังสับสนต่างหาก.
พ่อครูว่า…อาตมาไม่เอาด้วยกับวิธีนั้น ที่จะเป็นคนทำเองเลย ทำเพื่อให้คนฟังสับสน เสียเวลาไปทำทำไม ? คิดอย่างนี้ก็คิดได้นะ
_view6 view6 : เป้นอรหันแล้ว จะมีแต่สร้างกุศล /หรือ อนิสงส์ อานิสงส์นี้เพื่อนำพาไปเกิดเป็นพระโพธิสัตว์ อีกครั้ง จะรู้ว่าทุกข์เป็นเช่นไร อยากรู้ ก็ห้ามเยี่ยวห้ามขี้
เกิดเป็นสัตว์ มีศีล1ข้อเป็นคน มีศีล5เป็นมนุษย์ ตรงข้ามคือ อวตารต่างๆ (ในจิต)
พ่อครูว่า…ขี้เยี่ยวไปอั้นมันก็ทุกข์สิ ก็ไปปลดทุกข์เสียก็หาย เป็นทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้
_สมชาย ใจโต ผมเคยไปประท้วงปี49ท่านโพธิรักไม่จัดอีกหรือครับ คนคงเยอะกินข้าวฟรีใครๆก็ชอบ เพราะตอนนี้คนอดอยากเยอะกว่าปี49
พ่อครูว่า…เหตุผลที่เราออกไปประท้วงมันต้องครบพร้อม ถ้าไม่ครบพร้อมมันก็คงไม่เกิด แต่หากเหตุปัจจัยครบก็ไม่แน่ก็อาจจะไปได้ ก็บอกไว้ อย่าทำให้เหตุปัจจัยครบละกัน อย่านึกว่าอาตมาหมดน้ำยานะ แม้ว่าจะห้ามสามน้ำยานั้นไม่ให้เข้าประเทศ มี พาราควอต ไกลโฟเซต คลอร์ไพริฟอส
สู่แดนธรรมว่า…เราไม่ได้อดยาก แต่อดกิเลส ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรอดไว้
พ่อครูว่า…จะตีความอย่างนั้นก็ได้เป็นสภาพสภาวะ 2 ใครตีความได้ตรงอันนั้นเป็นผู้รู้ทันสิริมหามายา ว่าจะเอาหน้าไหนตามเหตุปัจจัย ใช้อันใด คนไหนจับได้ทันคนนั้นเป็นคนฉลาดที่เป็นจอมสิริมหามายา เหมือนนักมายากลที่รู้ทันความเร็วที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจะเอาหน้าไหนก็ได้ จนคนอื่นจับไม่ติด คนไหนจับได้คนนั้นเป็นสิริมหามายา
มุนนี้อาตมาเอามาเปิดเผย ซึ่งเป็นความลึกซึ้งมาก คนที่เกิดภูมิปัญญาถึงขั้นมีสิริมหามายา จิตในแต่ละคู่ มากคู่เข้า คนนั้นเป็นสิริมหามายายอดขึ้นเรื่อยๆ ต้องรู้ทันความเร็วความคิดของจิตที่มันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา มี 2 แบบ 1. เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบคนขี้โกงเป็นนักมายากลเหมือนกัน 2. แบบสิริมหามายารู้ทันนักเล่นกลและเป็นคนจริงที่จะมาปราบนักมายากล
_ทองมี ศรีภักดิ์ : วิธีบรรลุธรรมง่ายที่สุด.แค่คุณคิดชั่วอย่างเดียว : ภัทรกัป.เราแปลว่ากลับด้าน ยุคนี้ต้องสอนกลับด้านกัน.ถ้าคุณสอนคนให้เป็นคนดีเขาจะเป็นคนชั่ว
พ่อครูว่า…คนนี้เป็นนักเล่นกลได้เลยคิดอย่างนี้ไม่น่าเชื่อ สังคมมันกลับกัน เช่นรถคันนี้สีขาว แต่แท้จริงสีดำ เจตนาเล่นก็มี แต่เจตนาที่ต้องการให้คนอื่นรู้ไม่ทันตัวเองเพื่อให้ตัวเองที่จะมีอำนาจใช้เป็นประโยชน์แก่ตัวเองเอามาเป็นบริวารเอามาเป็นลูกน้องเป็นลูกไล่อย่างนี้เป็นต้น นี่คือกลเม็ดกลยุทธ์ธรรมดาสามัญของชาวโลก แต่พวกเราไม่เอา ไม่ไปทำให้คนอื่นลำบาก เราจะเป็นคนทำเองถ้าใครจะสมัครใจช่วยก็ได้ เราจะเป็นแบบนั้นจิตใจแบบนั้นจึงเป็นคนที่มีคุณลักษณะที่ดี พลังงานรวมสังคมมนุษย์มีพฤติกรรมที่ประเสริฐ
_โค่ยไท ติ๊ก : ใจผมอยู่ที่บ้านราชตั้งแต่งานพุทธาปีนี้แล้วครับ แต่สังขารผมยังโดนถูกโลกๆดึงอยู่ครับ อย่างท่านเดินดินตั้งชื่อผม คอยใคร ถ้าไปตอนนี้เหมือนคนหนีคุกเข้าวัดสักวันก็ต้องถูกจับออกมา ให้ผมหมดโทษทางโลกก่อนผมเข้าวัดแน่ครับ
พ่อครูว่า…ก็ยินดีต้อนรับ ผู้จะมาควรมีศีล 5
_หินทอง…เล่าเรื่องที่ได้มาเป็นสมาชิกบ้านราชฯได้ 4 วัน และได้ร้องเพลง 1 เพลงที่แต่งมา เพื่อชวนคนมาอยู่บ้านราชฯ
อิทธิปาฏิหารเป็นเรื่องน่ารังเกียจเหมือนขี้
_ดุลเพชร…อยากถามพ่อท่านว่า อาเทสนาปาฏิหาริย์ กับวาสนาบารมีเกี่ยวข้องกันไหม ได้เจอพ่อท่านก็ตั้งใจว่าพ่อท่านเป็นพ่อเรา
พ่อครูว่า…มันเป็นใครก็แล้วแต่ถ้าเจตนาสะสมพลังงานที่มันจะเป็นอิทธิฤทธิ์แบบไหนก็แล้วแต่ เป็นอิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ หรือว่าอนุสาสนีปาฏิหาริย์ก็ตาม มันชอบแบบไหนก็พากเพียรสะสมพลังงานที่ให้มันเกิดตามลักษณะอย่างนั้นๆ หยั่งรู้ใจคน หรือของหายก็หาได้เป็นต้น สะสมอย่างไรก็ได้อย่างนั้น
แต่อิทธิปาฏิหาริย์ กับอาเทสนาปาฏิหาริย์นั้นพระพุทธเจ้าท่านรังเกียจเหมือนขี้
ดูกร เกวัฏฏะ เราทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองแล้ว จึงได้ประกาศให้รู้ ปาฏิหาริย์ 3 อย่าง เป็นไฉน ? คือ
-
อิทธิปาฏิหาริย์ (แสดงฤทธิ์ทางใจ ไปซ้ำกับพวกคันธารี)
-
อาเทสนาปาฏิหาริย์ (หยั่งรู้จิตคนอื่น ไปซ้ำกับมณิกา)
-
อนุสาสนีปาฏิหาริย์ (สอนวิชชา๘ เป็นปัญญาสัมปทา)