621026_วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ เลิกอิจฉาคนรวยกันเถิด
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1w5HfRLesUSLrtPbdtDPFoOwu98qGWNPtqMVTTVoqkSA/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1bnLhiD4UGEtJet0gsY28owisQqjj8hTK
สมณะฟ้าไทว่า… วันนี้วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก วันพรุ่งนี้ที่บ้านราชฯจะมีการพูดคุยเรื่องโคกหนองนาโมเดลกับอ.ยักษ์ วิวัฒน์ ศัลยกำธร
หลังน้ำท่วมมีหลายหน่วยงานมาช่วยปรับพื้นที่ให้คืนมาอย่างเดิม วันนี้ก็มีทหารมาช่วยอีก เขาประทับใจในการเป็นอยู่ของชาวบ้านราชฯ
พ่อครูว่า…SMS วันที่ 25 ต.ค. 2562 รายการพุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครู : บ้านราช
_ริชชิเลิฟ แจ๊คแจ๊ค : ฅนมีอัตตามากจะอกแตกไหมครับ ช่วยตอบด้วย สาธุ สาธุ
พ่อครูว่า…ถามพยัญชนะ แต่โดยสภาวะคนที่ตายเพราะอกแตกตายมีเยอะ แต่เขาไม่รู้ว่าตายเพราะอกแตกตาย ที่จริงคืออัดอั้นด้วยกิเลสมากตาย แต่เขาไม่รู้จักกัน โดยเฉพาะหมอทางปัจจุบันไม่รู้เรื่องหรอก บางทีคนตายเขาก็บอกว่าหัวใจล้มเหลว คือขาดใจตาย เพราะมันไม่เจอโรคไม่เจอเหตุอื่นเลยก็บอกว่าหัวใจล้มเหลวช็อกตาย ทางจิตวิญญาณมีฤทธิ์แรงเอาเป็นเอาตายได้เลย
_เสรี สุขเกษม ทีวีเสียงหายครับ เน็ตเสียงดีครับ
พ่อครูว่า…ทางบุญนิยมทีวีเราขอสารภาพเลยว่าเรื่องเทคนิคเราไม่เก่ง เครื่องของเราก็เก่า 10 กว่าปีแล้ว ทุนรอนก็น้อย พูดไปก็เหมือนแก้ตัวแต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ 2 คนของเราก็ไม่ใช่คนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ เก่งทางงานเลย คนเก่งจริงๆเขาก็ไปอยู่สถานีอื่นๆแล้ว ถ้าจะว่าจริงๆแล้วคนเก่งจริงๆก็จะอยู่ แต่คนเก่งไม่จริงจะไม่อยู่หรอก เก่งจริงๆคือตั้งใจทำงานเต็มที่ไม่ได้ขึ้นกับเงิน เพราะฉะนั้นทำได้ด้วยความสามารถก็จะเก่ง แต่เก่งเท่าไหร่มันก็เท่านั้นเก่งเท่าที่เรามีได้ ก็ต้องค่อยๆเป็นไป แต่คนก็ยังไม่มากพอ ยังขาดเจ้าหน้าที่ที่ครบครัน ข้างนอกเขามีเหลือเฟือเขามีสำรองช่วยกันเยอะ ของเรานี่เต็มยังไม่ได้เลย ขาดอยู่ ยิ่งมีสำรองก็อย่าไปฝัน ก็ค่อยๆเป็นไป ทำไปตามประสาเราด้วยความสมัครใจของเรานี้สุดยอดอิสระเสรีภาพ
มีคนบอกอาตมาว่าให้จ้าง อาตมาว่าจ้างแล้วจะเกิดลักลั่น เราไม่เอา มันมีข้อเปรียบเทียบ เพราะฉะนั้นช่วยกันได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น ก็บอกสังคมว่าเราได้ขนาดนี้แหละ อาตมาว่าก็น่าจะดีขึ้นเพราะคนเจริญขึ้นสังคมเจริญขึ้น คนไทยมีคนเจริญขึ้นเห็นแก่คุณค่าเห็นแก่อะไรต่างๆนานา ยกตัวอย่างง่ายๆ
อย่างสถานีโทรทัศน์นี้เป็นสถานีโทรทัศน์เพื่อมวลประชาชนจริงๆ อย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ทำไปเพื่อแลกลาภยศสรรเสริญโลกียสุขให้ตัวเองเลย และที่สำคัญก็คือผู้ที่มีภูมิปัญญาจะรู้ลึกซึ้งว่าเป็นสถานีโทรทัศน์โลกุตระ เป็นสถานีโทรทัศน์ที่เผยแพร่พุทธศาสนาในขั้นโลกุตระธรรม คนที่รู้จักจริงๆจะเห็นค่า ได้ทำมาขนาดนี้ก็สุดยอดแล้ว พูดไปก็จะหาว่าอาตมาหว่านล้อม ก็เท่าที่มันได้ประคองไปเรื่อยๆอย่างนี้แหละเป็นประโยชน์
_กุญแจ เงินทอง : กราบนมัสการ ค่ะ ขอทราบญาณพระอริยะ
พ่อครูว่า…ปัญญา ญาณ วิชชา เป็นอาริยภูมิ แต่คำว่าปัญญาเขาเอาไปใช้เสียหายเอาไปเรียกความฉลาดโลกียะ จึงปนเละอยู่ทุกวันนี้แยกไม่ออกแต่เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เราก็เลยเอาจากบันทึกพระไตรปิฎกมาอธิบายไป
มีตั้งแต่พระโสดาบันเริ่มต้น อาตมาอธิบายปัญญา ญาณ วิชชา
เริ่มต้นตั้งแต่พระโสดาบันเรียกว่ามี ญาณ 7
พระโสดาบันเป็นพระอาริยะระดับต้นของศาสนาพุทธ แต่วันนี้คงลงรายละเอียดไม่ได้ต้องขออภัย ก็ขอเสนอสั้นๆไปก่อนก็แล้วกัน
-
รู้จักปริยุฏฐานกิเลสกลุ้มรุม คือกิเลสนิวรณ์ 5 (ยังวิวาทกันด้วยหอกคือปากเพราะคิดเรื่องโลกนี้/โลกหน้า) แม้ยังละปริยุฏฐานกิเลสไม่ได้ ก็รู้ ไม่มีที่จะไม่รู้จักปริยุฏนั้น และย่อมมีทิฐิตั้งปณิธานจิตไว้เพื่อไปสู่การตรัสรู้สัจจะทั้งหลาย
-
อริยสาวกเมื่อได้ความระงับเฉพาะตน (ลภามิ ปัจจัตตัง สมถัง ลภามิ ปัจจัตตัง นิพพุตตินติ). ย่อมเสพคุ้น(อาเสวนา) ทำให้มีผลเจริญ.(ภาวนา) ย่อมทำให้มากในทิฐินี้(พหุลีกัมมัง). .
-
อริยสาวกเชื่อมั่นในทิฐิเช่นนี้ ไม่ทั่วไปกับสาธารณะปุถุชน หรือไม่อาจหาทิฐิเช่นนี้ได้จากลัทธิอื่นนอกธรรมวินัยนี้เลย
-
อริยสาวกผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิ มีธรรมดาของผู้สำนึกรีบออกจากอาบัติ เปรียบเหมือนกุมารอ่อนนอนหงาย ที่ถูกถ่านไฟด้วยมือหรือด้วยเท้าเข้าแล้ว ก็ชักหนีเร็วโดยฉับพลัน นี้ญาณที่ 4 เป็นอริยะ เป็นโลกุตระ ไม่เป็นของดาษดื่นทั่วไปกับพวกปุถุชน .
-
อริยสาวกถึงความขวนขวายในกิจใหญ่น้อยที่ควรทำ ของเพื่อนสพรหมจารีโดยแท้อย่างไร ถึงอย่างนั้นความเพ่งเล็งกล้าในอธิศีลสิกขา อธิจิตสิกขา และอธิปัญญาสิกขาของอาริยสาวกนั้นก็มีอยู่ เปรียบเหมือน แม่โคลูกอ่อนย่อมเล็มหญ้ากินด้วย ชำเลืองดูลูกด้วย ฉันนั้น ฯลฯ
-
มีพลังทำประโยชน์ ทำไว้ในใจ กำหนดด้วยจิตทั้งปวง เงี่ยโสตฟังธรรมวินัยของตถาคต อันบัณฑิตแสดงอยู่ .
-
ได้ความรู้อัตถะ-รู้ธรรม ปราโมทย์ รู้จริงครบถ้วนธรรม (เป็นทิฐิที่นำออกซึ่งบุคคลผู้ทำตาม ให้ไกลจากข้าศึก (กิเลส) เป็นนิยายิกธรรม เป็นญาณมีองค์ 7 เพื่อตรวจสอบดีแล้วแก่ผู้แจ้งในผลโสดาบัน โกสัมพีสูตร ล.12 ข. 543 – 550)
ตรวจองค์คุณโสดาบัน ส่วนดับและส่วนเกิด
ก.) ส่วนที่สิ้นไปจากจิต . .
-
ขีณนิรยะ(สิ้นจากนรก, ปิดนรก ดับความเร่าร้อนได้) .
-
ขีณปิตติวิสยะ (สิ้นจากวิสัยความอยากอย่างเปรต)
-
ขีณติรัจฉานโยนิ (สิ้นจากความโง่ ที่ขวางเจริญ)
-
ขีณาปายทุคติวินิปาตะ (สิ้นจากอบาย ทุคติ วินิบาต)
ข.) ส่วนที่เกิดทางจิต (โอปปาติกโยนิ)
-
โสตาปันนะ (เข้าสู่กระแสโลกใหม่คือโลกุตระ) . .
-
อวินิปาตธัมโม (ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา)
-
นิยตะ (เที่ยงแท้แน่นอนสู่มรรคผลที่สูงขึ้น)
-
สัมโพธิปรายนะ (มุ่งตรัสรู้ในภายหน้า)
(พตปฎ. เล่ม 19 ข้อ 1475)
เราจักเป็นผู้ไม่ถอยหลัง จักเป็นผู้มีพรหมจรรย์เป็นที่ไปในเบื้องหน้าฯ อนิวตฺติ ภวิสฺสามิ พฺรหฺมจริยปรายโนติ ฯ (ล.12 ข.478)
พ่อครูว่า…ภูมิโสดาบันสูงขึ้นก็เป็นสกิทาคามี จะอ่านจิตในจิตของตนเป็น อ่านจิตเจตสิกของตนเป็นจึงเป็นพระอริยะของพระพุทธเจ้า
_2166 เสียงหายครับจาก 18.34-18.35 น. เกิดจากอะไรครับไครดูด เพราะพ่อท่านกำลังพูดถึงธนาธร?
_7630 ไครดูดเสียงว๊ะ 18.34–18.39. พ่อท่านกำลังพูดมันๆเลยโอ้ยไอ้จอมกวน!!!!!?
_บอย มุ่งจอมกลางBoy Mungchomklang : เมื่อประมาณสองนาทีที่ผ่านมาเสียงทางทีวีหายไปครับ…แต่ตอนนี้ฟังได้ปกติแล้วครับ ขอบคุณนะครับ
_เชวง กิจจะบรรณ์ : กราบนมัสการพ่อครูฟังเทศไปตลอดจนกว่าบรรลุธรรม
_Thai Ch : ท่านไม่รู้หรือบัวมีสี่เหล่าจะมาแซะเขาทำไมสอนได้ก็สอน สอนไม่ได้
จะเหนื่อยทำไมพระศาสดาทำเป็นตัวอย่างมาแล้วด่าเขาทำไม
พ่อครูว่า…อาตมาด่าให้เกิดบุญเป็นไฟฌานสลายกิเลสได้ พูดตรงนี้ ไม่มีใครนิยามคำว่าบุญอย่างอาตมาหรอก ในยุคนี้ขอยืนยัน อาตมาว่าอาตมาเป็นไก่ตัวพี่ คำว่าบุญนี้ลึกซึ้งละเอียดจนกระทั่งต้องตั้งคอลัมน์เปิดยุคบุญนิยมในหนังสือพิมพ์เราคิดอะไร ก็เพื่อยืนยันคำว่าบุญ อาตมาเห็นว่าคำว่าบุญนี้สำคัญมาก
การปฏิบัติทานก็ดี ศีลก็ดี อัตถิทินนัง อิตถิยิฏฐัง อัตถิหุตังก็ตาม แต่ทานทุกวันนี้ไม่ได้เกิดผล มีแต่ทำทานแล้วต่อภพชาติมีสาเปกโข แม้แต่ทานข้อแรกซึ่งทุกศาสนาเขาก็มีการทาน แต่การทานที่จะมีอานิสงส์ถึงขั้นโลกุตระมีแต่ในศาสนาพุทธ แล้วทุกวันนี้มิจฉาทิฏฐิกันไป จนอาตมาว่า อาตมาอีกแหละที่เป็นผู้อธิบายสัมมาทิฏฐิข้อแรกในสัมมาทิฏฐิ 10 ทานที่มีอานิสงส์ถึงขั้นเป็นบุญ ในทานสูตรก็ว่าไว้มีผลมากไม่มีอานิสงส์ หรือมีผลมากอานิสงส์มาก
ของพระพุทธเจ้าถ้าทำทานถูกต้องจะมีทั้งอานิสงส์มากและผลมาก
มีผลมาก คือทำทานแล้วทำจิต โยนิโสมนสิการ ทำได้ชัดเจนถูกต้องถ่องแท้ ทำจิตให้สูญ เลิก ไม่มีภพชาติต่อเลย ไม่มีสาเปกโข ทานังเทติ
สาเปกโขแปลว่าความหวัง หากยังมีความหวังอยู่ เป็นภพชาติ มีผลมาก แต่ไม่มีอานิสงส์
นอกจากตั้งความหวังแล้วยังมีจิตใจผูกพันอีก ปฏิพัทจิตโต อาศัยกุศลเกิดมามีกุศลมากก็รวยรูปหล่อมีโลกียะให้ได้เสพเยอะ แต่ไม่มีความรู้ทางโลกุตระ ดีไม่ดี ทวนกระแสกับโลกุตระด้วย มีเยอะมากมาย
ข้อต่อไป สันนิธิเปกโข มีภพชาติแล้ว ผูกพันแล้ว ต่อไปสั่งสมภพชาติ ใส่อนุสัยไว้เลย ต่อจากนั้นไป
ข้อที่ 4 ตายไปแล้วจะได้ผลไปถึงชาติหน้า อิมํ เปจฺจ ปริภุญฺชิสฺสามีติ(ให้ข้ามภพชาติ) ทานํ เทติ
นี่คือในทานสูตรมีผลมากแต่ไม่มีอานิสงส์ มีอานิสงส์หมายถึงผลทางโลกุตระ
_2600กราบนมัสการพ่อท่านค่ะ อยากให้พ่อท่านอธิบายสัตวาส 9 และวิโมกข์ อีกครั้งค่ะลูกยังไม่ชัดเจนค่ะ กราบขอบพระคุณค่ะ
พ่อครูว่า…สัตว์คือผู้ข้องอยู่ในโลก หลุดพ้นจากความเป็นสัตว์โอปปาติกะไม่ได้ คือสัตว์ทางจิตวิญญาณ คุณจะหลุดพ้นไม่ได้เลย คุณต้องมีความรู้ในวิโมกข์ 8 อย่างถูกต้อง แต่ขอฝากไว้ก่อน จะอธิบายทีหลัง
_นาย ศราวุธ สอนพิมพ์พ่อ : วิเวกคือ วิเวกจากกิเลส สงบนั้นเอง แม้อยู่ในอโศก ก็หาวิเวกไม่ได้ ถ้าไม่เข้าใจในพระธรรม / หยังรู้ใจคนอื่นได้หรอครับ พ่อครู /
พ่อครูว่า…ต้องครบคุณสมบัติของ กาย จิต อุปธิ ถ้าไม่มีความรู้ 3 อย่างนี้อย่างสัมมาทิฏฐิ คุณหาวิเวกใดก็ไม่ได้ คุณจะไกลจากวิเวก
คนที่บอกว่าวิเวกคือเอาร่างออกป่าเขาถ้ำ อยู่คนเดียวนั่งหลับตาสะกดจิต อย่างนั้นมันก็เป็นวิเวกแบบโลกีย์ แต่แบบโลกุตระนั้น กายก็หมดกิเลส จิตก็หมดกิเลส หมดอุปธิ ต้องแยกกายแยกจิตได้ อันหนึ่งเน้นมาหากาย อันหนึ่งเน้นมาหาจิต สงบทางกายนี้อยู่เหนือไม่ได้หนีจากผัสสะ แต่หากเอากายพรากแล้วบอกว่าเป็นความสงบสงัด มันเด็กๆ ของพระพุทธเจ้านั้น คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น) (พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 34)
แต่การเอากายออกปลีกไปนั้นไม่ได้วิเวก เป็นเรื่องแค่สามัญตื้นๆ
_ขอบอกก่อนนะครับ ผมไม่ได้อยู่ฝ่ายใด..คือท่านเหมารวมเกินไปครับไม่ได้จะบอกว่าอโศกไม่ดี แต่ดีมากกว่าทุกวัดที่เคยฟังมานี้คือจากใจครับ มหาบัว ก็ทำให้ผมเข้าใจไม่ได้เหมือนท่าน
_โค่ยไทติ๊ก คาร์ฟ Koithaitik Carp : กราบเคารพพ่อครูครับ ผมอ่านเจอว่ามีคนมาว่าพี่แป้งเรืยกชื่อว่า สู่แดนนรก ว่าหลงตัวเองว่าบรรลุ ชอบอวดออกสื่อคงหมายถึงเอาหน้า ว่าชอบประจบพ่อครู ผมอ่านแล้วจริงอย่างที่ท่านดินไทสอนผมว่า คนในวัดเองฐานก็ยังไม่เท่ากัน นับอะไรกับคนภายนอก ผมจึงมองว่าคนนั้นเขาคงอยู่ในตม แต่พี่แป้งของผมเมื่อพ้นน้ำแล้วจงเบ่งบานต่อไปในธรรม และผมจะคอยฟังธรรมที่พี่แป้งเสริมเติมให้พ่อครู ผมจะได้เบ่งบานตามพี่แป้งไปด้วยครับ สาธุ
_วิภาวี วงค์ศรีทา : สาธุ ส่งจิตไป ตัวจะไปในไม่ช้า สาธุ
_สุรีย์ ริมชลาSuree Rimchala : นมัสการพ่อครู นับถือคริสต์ แต่ก็ชอบทำศาสนสัมพันธ์ ใฝ่รู้ในเรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา.
_ศุรธีร์ กําไรงาม : พ่อครูเทศได้ทันสมัยมากครับ
_ธัมมกาโม : ผู้ที่ทำงาน ไม่เอาจิตออกนอก ไม่เอาจิตไปคิดอะไร …เอางานเป็นกสิณ ถูกหรือไม่ครับ
พ่อครูว่า…ธรรมะของพระพุทธเจ้าจะมี 2 ไม่ถือว่าฟุ้งซ่าน ถ้ามันออกไปมากก็จะฟุ้งซ่าน มันจะเสียผล แต่อันนี้ไม่เสียผล งานที่ยึดเป็นแกนก็ไม่เสียผล คือมีแกนนิ่งกับแกนเคลื่อนที่ ไม่เสียผลทั้งสองอย่าง ซึ่งมีคุณประโยชน์ 2 อย่างเป็นคุณวิเศษที่ยอดเยี่ยม
_อรหันต์ที่มีสมาธิตั้งมั่นอย่างสมบูรณ์ไม่หวั่นไหวในราคะโทสะโมหะ ส่วนอาริยะ อนาคามี สกิทาคามีก็ตั้งมั่นในส่วนแห่งบุญที่ได้ใช่ไหมคะ
พ่อครูว่า..
_ผลไม้ที่ถูกเด็ดออกมาจากต้นถือว่าเป็นอุตุ แต่เมล็ดข้างในยังมีชีวิตสามารถนำไปเพาะให้เกิดพืชได้ ขอถามว่าเราจะเรียกเมล็ดของพืชผลไม้นั้นว่าเป็นพืชได้ไหม
พ่อครูว่า…ได้ สำหรับเมล็ดที่มีชีวะไปเพาะขึ้นได้ แต่เมล็ดลีบก็เป็นอุตุ
_การตอบ sms ของพ่อครูเป็นความมีเมตตาของพ่อครูเอื้อแก่คนใหม่ตามสมควร
แต่ก่อนดิฉันก็คิดว่าไม่ควรให้ไปเสียเวลากับ SMS อยากฟังธรรมะใหม่ๆบ้างแต่ตอนนี้เลิกคิดแล้วค่ะ และคิดว่าการฟังความเห็นต่างใน sms เป็นการ ปรโตโฆษะอย่างหนึ่ง
พ่อครูว่า..ดีถูกต้อง
พ่อครูว่า…อาตมาจะขออ่านบทความของคุณเปลว สีเงิน
ถึงยุค “เลิกอิจฉาคนรวย” 25 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 00:01 น.
ปี พ.ศ.๒๕๖๒ ปีกุน….
ปีสุดท้ายของรอบ “ปีนักษัตร”
นับจากวันพฤหัสบดีที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๒ นี้ไปอีก ๕ ปี จนถึงปีมะโรง พ.ศ.๒๕๖๖
ผมจะบอกว่า ถึงวันนั้น “ประเทศไทย” ของเราทุกคน ขอยืมสำนวน “โหรฟองสนาน” พูดว่า
ดุจ “เงาะถอดรูป”
มองย้อนกลับเข้าไปในบ้านเมืองของเรา แล้วเพ่งพิศ อาจต้องร้องกันว่า….โอ พวกเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไรกัน?!
ย้ำตรงนี้อีกครั้ง……….
ประเทศไทย โดยรัฐบาลประยุทธ์ โดยการเมืองรัฐสภา ประกอบด้วยฝ่ายค้าน-ฝ่ายรัฐบาล โดยภาครัฐ-ภาคเอกชน และโดยประชาชนคนไทยทุกคน
นับจากสิ้นตุลา.นี้ไป ทุกคน-ทุกฝ่าย จะเริ่มมีสติ รักชาติ รักบ้านเมือง มีชาติบ้านเมืองเป็นตัวตั้ง ในการพูด-คิด-ทำ
หัวเรือประเทศไทย “ตั้งตรง” มุ่งไปสู่ความรุ่งเรืองไพศาลที่รออยู่ข้างหน้าแล้ว ชนิดใครก็ยั้งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่
ในภาวะมหาอำนาจโลก “เขย่าโลก”….
คนไพ่ใหม่ทั้งสำรับ เพื่อการ “จัดระเบียบโลกใหม่” สู่ศตวรรษที่ ๒๑
ฉะนั้น อยากให้ตระหนักไว้อย่าง เราทุกคนที่ร่วมลำเรือไทย โต้คลื่นกลางมรสุมมหาอำนาจจัดระเบียบโลกขณะนี้
มือไม่ช่วยจ้ำ-ช่วยพาย ไม่เป็นไร
แต่อย่าเอาตีนราน้ำ!
ใครยังขืนเอาตีนราน้ำกลางคลื่น-กลางมรสุม ทั้งตีน-ทั้งตัว จะถูกเกลียวคลื่นกลืนหาย
ซึ่งนั่น จะโทษใครไม่ได้เลย……..
เพราะตีน “ทำตัวเอง”!
เมื่อวาน (๒๔ ต.ค.) ก็ต้องบอกว่า นับจาก “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าหัวอยู่หัว” รัชกาลที่ ๕
มีพระบรมราชโองการ ประกาศให้สร้างทางรถไฟสยามตั้งแต่กรุงเทพฯ ถึงเมืองนครราชสีมา
เมื่อ ๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๓๓
จนมาถึงรัชสมัยที่ ๑๐ “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว”
๑๒๙ ปี ผ่าน……
ก็ถึงกาลที่บ้านเมืองไทย ต่อยอดจาก “รถไฟสยาม” สู่ศตวรรษ “รถไฟความเร็วสูง”
เชื่อม ๓ สนามบิน “ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา”
สร้างประวัติศาสตร์อีกหน้าให้การคมนาคมประเทศ และนั่น………….
จะกระตุกเร้าคนไทยให้ตื่นตัวรับการปริวรรตสู่สังคมศตวรรษใหม่ ในรากไทยมั่นคง
รัฐบาลพลเอกประยุทธ์เปิดทำเนียบรัฐบาล “ลงนามสัญญาร่วมทุนรัฐ-ราษฎร์มูลค่าสูงสุดเท่าที่มีการลงทุนมาคือ “๒๒๔,๕๔๔ ล้านบาท”
“นับหนึ่ง” ประเทศไทย “เดินหน้า” แล้ว บ่ายวาน
“การรถไฟแห่งประเทศไทย” ในนามรัฐ โดย นายวรวุฒิ มาลา รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟฯ
ลงนามในสัญญากับ
“บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด”
โดย นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะประธานกลุ่มพันธมิตร
พันธมิตรประกอบด้วย……….
-China Railway Construction Corporation Limited จากสาธารณรัฐประชาชนจีน
-บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM)
-บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD)
-บมจ. ช.การช่าง
ดังนั้น เราจึงเห็นตัวแทน ๓ ประเทศ ร่วมเป็นสักขีพยาน
-นายหลู่ย์ เจี้ยน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย
-นายชิโร ซะโดะชิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และ
-นายโลเรนโซ กาลันตี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย
ช.การช่าง นั้น เป็นบริษัทของไทย มีกลุ่มทุนญี่ปุ่นร่วมทราบกันอยู่แล้ว
บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ หรือ BEM ที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ นี่ก็ “ช.การช่าง” ถือหุ้นรายใหญ่
ส่วนอิตาเลียนไทย หรือ ITD ของนายเปรมชัย กรรณสูต ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน ร่วมทุนกับชาวอิตาเลียนแต่ดั้งเดิม
เมื่อรู้ที่มา-ที่ไปแต่ละบริษัทที่จะร่วมสร้างศตวรรษใหม่ให้กับกิจการรถไฟในรูปไฮสปีดเทรนแล้ว ก็คงสบายใจไปขั้น
เพราะทั้ง ช.การช่าง อิตาเลียนไทย ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ
เรียกว่าสร้างทั้งทาง ทั้งรถไฟฟ้า ทั้งใต้ดิน-บนดิน เชี่ยวชำนาญ ชนิดหลับตาเห็นกันแล้วทั้งนั้น
ส่วน China Railway เห็นชื่อ ก็ไม่ต้องอธิบายสรรพคุณ
สำหรับเครือเจริญโภคภัณฑ์ ของคุณธนินท์ เจียรวนนท์ ถึงยุคลูกชาย “นายศุภชัย” รับบทถือธงนำ
ก็ต้องเชื่อมือด้านบริหาร มี JBIC ของญี่ปุ่น และ CDB ของจีน เป็นแหล่งเงินกู้พร้อม
ที่สำคัญ วิสัยทัศน์ มองผ่านกรวดเห็นทะลุถึงก้อนเพชรของเสี่ยธนินท์ ที่ใครบอกว่า ทำรถไฟมีแต่ขาดทุน ด้วยการนำของเครือเจริญโภคภัณฑ์นี่แหละ
๒๒๐ กิโลเมตร รายทาง ๓ สนามบิน ไม่เกิน ๑๕ ปี กรวดทรายในมือคุณธนินท์ จะเห็นประกายเพชร
ความเร็วสูง ๓ สนามบิน ๒๕๐ กม./ชม.นี้ จากไหน-ถึงไหนกันบ้าง ก็มาดูกันหน่อย
เริ่มต้นที่สนามบินดอนเมือง
วิ่งตรงเข้าสถานีกลางบางซื่อ
ผ่านสถานีมักกะสัน
เลี้ยวเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ
มุ่งหน้าไปต่อตามแนวทางรถไฟสายตะวันออก ผ่านแม่น้ำบางปะกง
เข้าสู่สถานีฉะเชิงเทรา
สถานีชลบุรี
สถานีศรีราชา
สถานีพัทยา และ
เข้าสู่สถานีสุดท้ายที่ “สนามบินอู่ตะเภา”
เนี่ย…
ตามจุดเหล่านี้ เมื่อมีรถไฟความเร็วสูงไปถึง ก็เหมือนมีคน ๒ คน คนหนึ่งขุดหลุมปลูกต้นไม้ อีกคน ถือฝักบัวรดน้ำ
เมื่อ ๕ ปีผ่านไป ต้นไม้ที่มีน้ำรด จะเปลี่ยนพื้นที่โล่ง ผืนดินแห้ง ไปเป็นแบบไหนนั้น
ก็ไม่ต่างกับพื้นที่รกร้างเมื่อเส้นทางคมนาคมไปถึง สิ่งที่เรียกหยาบๆ ว่า “ความเจริญ” ทุกรูปแบบ ย่อมงอกเงย
จะงอกเงยแบบไหน……..
ก็อยู่ที่จะวางรูปแบบ “บริหาร-จัดการ” ควบคู่ไปแต่แรกเริ่มอย่างไรเท่านั้น!
หลายเสียง ใช้ความเหลวแหลกร้อยละ ๙๙ โครงการไทย เป็นฐานมอง แล้วติงล่วงหน้าว่า ๕ ปี จะไม่เสร็จตามสัญญาบ้าง กลัวว่าจะทิ้งร้างค้างคาเหมือนโฮปเวลล์บ้าง กลัวจะเหมือนสนามบินสุวรรณภูมิ ร่วม ๕๐ ปี กว่าจะเสร็จบ้าง
ผมไม่เถียง เพราะคนไทยชอบ “กลัวผี”!
แต่ถึงวันนี้ ผีไปผุด-ไปเกิดหมดแล้ว โครงการก่อนๆ ทำกันแบบ “ผีไม่มีญาติ” จึงเป็นแบบนั้น
แต่วันนี้ มีญาติ ทั้งนั้น………
ญาติ คือ เครดิต-ชื่อเสียง เกียรติภูมิ เกียรติยศ ทั้งของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ของอิตาเลียนไทย ของ ช.การช่าง
และที่สำคัญสูงสุด
“เกียรติยศ-เกียรติภูมิประเทศไทย”!
อย่านึกแคบๆ ว่า นี่คือผลงานรัฐบาลประยุทธ์ ต้องแช่งมัน ต้องขัดขาทุกทาง อย่าปล่อยให้มันดีเกินหน้า เจ๊งแล้วจะได้สะใจ
อย่าคิดกันอย่างนั้นเลย พี่น้องเอ๋ย
ไม่ใช่ผลงานรัฐบาลประยุทธ์คนเดียวหรอก มันเป็นผลงาน เป็นหน้า-เป็นตา และเงินของพวกเราคนไทยทุกคน ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ทั้งคนรักชาติ ชังชาติ
เป็นเจ้าภาพและเจ้าของร่วมรถไฟความเร็วสูงเชื่อม ๓ สนามบินด้วยกันทุกคน
เพียงแต่งานในหน้าที่นี้ ตกมาเป็นภาระในคิวรัฐบาลนี้เท่านั้น
สมมุติ ๗ พรรคฝ่ายค้านเป็นรัฐบาล ก็ต้องทำ ต้องผลักดันให้เกิด อย่างที่รัฐบาลประยุทธ์ผลักดันนี่แหละ
“ทิ้งงาน” น่ะ…….
เท่ากับ ซีพี ช.การช่าง อิตาเลียนไทย “ฆ่าทิ้งประเทศไทย” และฆ่ายกโคตรตัวเอง
ถึงยุคนี้ วันนี้ ด้วยจิตสำนึก บวกวิสัยทัศน์คนรุ่นนี้ ผมเชื่อด้วยเกียรติ มันเลยจุดคำว่า “ทิ้งงาน” ไปแล้ว!
แต่จะล่าช้าบ้าง “ตามเหตุ-ตามผล” มันเป็นไปได้ และก็เป็นที่เข้าใจได้
เพราะพื้นที่เส้นทางตามโครงการ ด่านวิบากที่ต้องเผชิญก็คือความ “เห็นแก่ตัว” ของมนุษย์นั่นแหละ
สังคมไทยนั้น ไม่รู้ติดโรค “ริษยาคนรวย” มาจากไหน เอะอะก็เอาเปรียบสังคม เอะอะก็รัฐบาลประเคนนายทุน
ก็ว่ากันไป……..
แต่เฉพาะตัวผม ใครที่รวยแล้วเอาเงินมาลงทุน ผมสนับสนุนและยกย่องเขา
ลงทุนแล้วจะได้ผลประโยชน์ตอบแทนบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา แต่การลงทุนนั้น ผลประโยชน์ส่วนหนึ่งมันก็เกิดกับสังคมบ้านเมือง และประชาชนด้วย
จะว่าคนรวยผูกขาด ไม่มีใครผูกขาด ทุกคนมีสิทธิ์รับโครงการ หรือเข้าประมูลได้ทั้งนั้น
แต่มีเงินทุน มีคุณสมบัติ มีความสามารถ มีเครดิต มั้ยล่ะ ถ้ามี ก็เอาเลย
เหมือนป่านั่นแหละครับ มีทั้งไม้ใหญ่ ไม้เล็ก ไม้เลื้อย ไม้ล้มลุก และพืชคลุมดิน
แล้วมีไม้ต้นไหนสำคัญกว่ากันมั้ย?
ไม่มี……..
ล้วนพึ่งพาอาศัย กอบเกื้อ แล้วอยู่ด้วยกัน ต้นสักร้อยปีต้นเดียว ก็ไม่เป็นป่า หญ้าล้านกอ ก็ไม่เป็นป่า
ถ้าไม่มีไม้ใหญ่ ไม้เลื้อยจะอยู่กับอะไร ถ้าไม่มีหญ้า แล้วไม้ใหญ่จะมีอะไรคลุมดิน รินน้ำเลี้ยงราก?
คำว่า “ฐานานุรูป” นี้สำคัญนัก ถ้าเข้าใจ จะมองเขา-มองเรา ด้วยความสบายใจ
เมื่อใจสบาย บ่วงริษยาก็หลุด สิ่งที่ผุดมาแทนคือสุข
สุขจาก “มี-ไม่มี” อยู่ร่วม รวมเป็นสังคมเกื้อ
ฉะนั้น จะเสี่ยเจริญ เสี่ยซีพี เสี่ยเซ็นทรัล เสี่ยคิงเพาเวอร์ หรือเสี่ยไหนๆ ก็ตาม รวยแล้วก็ขอให้รวยยิ่งๆ ขึ้นไป
ขออย่างเดียว……….
เอาที่รวย “มาลงทุน” ในบ้าน-ในเมืองกันมากๆ ก็แล้วกัน.
พ่อครูว่า…อาตมาพูดแย้งเทวนิยม แต่ไม่ได้ตีทิ้งนะเพราะว่าเป็นของต้องมีคู่โลก แต่มันเป็นเทวะ
อย่าง GDP เขาไปอธิบาย ว่าคือ รายได้องค์รวมภายในประเทศ แต่ไปเอาเปรียบเอาสินค้าไปขายให้ได้กำไรจากต่างประเทศมากๆแล้วบอกว่ารวมเป็น GDP ของประเทศไทย ซึ่งคำว่าโดเมสติกมันหมายถึงภายใน คนที่มี GDP รายได้องค์รวมเจริญของพวกเรา เช่นชาวอโศกไม่ได้กำไรจากภายนอก เราเสียสละให้แก่ภายนอก อันนี้ GDP แท้ของเศรษฐกิจหรือเศรษฐศาสตร์แท้ที่ถูกต้อง แต่ที่เขาพูดกันเป็นความผิดเพี้ยนไปเพราะเอาของต่างประเทศมาเป็นรายได้ของตนเอง ภายในประเทศ
คุณเอาของข้างนอกไปเอาเปรียบเอารัดจากต่างประเทศเก่ามันก็เป็นสมบัติผลัดกันชม คุณเก่งก็แย่งชิงมาได้มาก แล้วมาพูดเล่นๆว่าเป็น GDP ซึ่งมันไม่ใช่เป็นของภายในของคุณ แต่ของชาวอโศกเป็น GDP แท้ ประเด็นนี้คนก็เข้าใจยากแม้แต่ดรทางเศรษฐศาสตร์ฟังแล้วจะไม่เข้าใจ
ขอให้อย่าทุจริตและลดความได้เปรียบมาให้ได้มากๆ นายทุนมักจะเอาเปรียบซึ่งมันเป็นบาป 1. อย่าทุจริต 2. ลดความได้เปรียบลงมาบ้าง เท่านั้นแหละที่อาตมาขอแถมจากคุณเปลวสีเงิน
ขยายความเพิ่มเติมว่า รวยนี้เป็นอย่างไร
-
รวยอย่าง CP เป็นนักธุรกิจที่เขาพยายามจะทุจริตให้น้อย และสร้างประโยชน์ส่วนรวมมากขึ้น สร้างงานให้มากขึ้นยิ่งๆขึ้น ก็ช่วยสังคม นี่นิยามสั้นๆของอาตมา
-
รวยแบบทักษิณ หรือนักธุรกิจนักการเมืองที่พยายามทุจริตให้มาก ต่างกันกับ CP อาตมาว่าอาตมาใช้คำเหมาะควรแล้วนะ คิดว่าไม่ผิดหรอก ทักษิณสร้างประโยชน์ตนให้มากสร้างงานให้น้อยลงทำลายสังคม ก็ฝากไว้ให้พิจารณากันแต่ละคน
-
รวยแบบเจริญ หรือนักธุรกิจ แนวเดียวกัน ในสายมอมเมา ขอภัยแม้แค่สายคาราบาว เป็นธุรกิจในสิ่งที่เป็นพิษอันนี้ทำลายสังคม