พ.ย.12019ศาสนา621101_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ มาทำ 777 สาธารณโภคีเผื่อพอเพื่อพ่อครู อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1nghy-kgjSWfa8BAiaWTvw3Uw_nnKtKgydnEFF1xcwm0/edit?usp=sharing ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1kWwGlSUXBHurOexBZkAcaIFJJwQnvSz1 สมณะเดินดินว่า…วันนี้วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2562 ที่บวรราชธานีอโศก ช่วงนี้บ้านราชฯอยู่ในช่วงฟื้นฟูจากอุทกภัย แต่ก็มีหลายองค์กรมาช่วยปรับปรุงฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง ปีนี้เป็นปีที่เราสูญเสีย แต่เราก็ฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว พื้นที่ต้นไม้ตายสีน้ำตาลตอนนี้ฟื้นฟูเป็นสีเขียวไปทั่วแล้ว ทำให้เราได้รับ ความซาบซึ้งใจจากเพื่อนพี่น้องหลายองค์กรที่มาร่วมช่วย ถ้าเป็นพวกเรากันเองคงทำอย่างหนักจนลุกไม่ขึ้น พ่อครูว่า…SMS ตำหนิหรือด่าคืออย่างไร _3393ปฏิบัติธรรมอยู่บ้านไม่มีคนด่าหรือทำหยาบคายด้วยรู้สึกไม่เจริญในธรรมพ่อท่านแนะนำด้วยค่ะ พ่อครูว่า..ที่จริงแล้วภาษาไทยการตำหนิ หรือด่า ที่จริงด่าคือด้วยกิเลสด่าออกไปด้วยความไม่ชอบใจ ด่าออกไปอย่างที่มีกิเลส คือด่าแท้ๆ แต่คำด่าที่เป็นการตำหนิผู้ที่ควรถูกตำหนิเขามีความบกพร่องเขามีความผิดแล้วก็เลยถูกคำตำหนินี้ กระแทกเข้าไปกระทบตัวผู้ไม่ดีให้เขารู้สึกตัว มันมีมาแต่ดึกดำบรรพ์ พ่อแม่ด่าลูกหรือตำหนิลูก ถ้ามันแรงหยาบหน่อยก็เรียกว่าด่า ถ้ามันไม่แรงก็เรียกแค่ตำหนิ อยู่ที่บ้านไม่มีใครด่าหรือทำหยาบคาย หากชอบใจที่ตนเองถูกด่ารู้สึกว่าเป็น masochist ส่วนพวกที่เห็นคนอื่นถูกทำร้าย เช่นพวกดูมวยชอบดูมวยคือสั่งสม sadist ให้แก่ตัวเอง มาโซคิสทำตัวเองให้บาดเจ็บเดือดร้อนแล้วจะสุขใจ พระพุทธเจ้าให้ตำหนิอย่างแรงได้ ท้วงอย่างแรงได้ดังๆได้ ว่ามากๆหนักๆได้ ปฏิกโกสนา อย่างอาตมารู้ว่าอาตมาพูดตำหนิแรง คนก็เลยหาว่าไปว่าเขาไปเรื่อยๆ แต่คือการตำหนิสิ่งผิด เพราะเขามาทำลายศาสนา อาตมาก็ต้องตำหนิแรง คนข้างนอกไม่ค่อยเข้าใจอาตมา เพราะอาตมาเกิดมาในชาตินี้เห็นศาสนาถูกทำลาย ถูกทำให้ผิดเพี้ยนเอาไปปู้ยี่ปู้ยำ เอาไปค้าขาย เอาธรรมะพระพุทธเจ้าไปทำยิ่งกว่า คือเอาธรรมะไปทำมาหากิน เทียบเคียง คือมันเลวร้าย สำหรับผู้ที่ใช้ธรรมะพระพุทธเจ้าหากิน แล้วหากินอย่างไม่ประมาณ ทำเละเทะอย่างไรก็เอา แล้วอาตมารักศาสนาเทิดทูนศาสนา ธรรมะ แล้วจะให้อาตมาไม่ว่าผู้มาปู้ยี่ปู้ยำศาสนา ธรรมะได้อย่างไร เขาจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็คือความอวิชชาความโง่ของเขา อาตมาก็จะต้องว่าต้องด่า ชาตินี้อาตมาเกิดมาเมื่อรู้ตัวแล้วอายุ 36 อยู่ทางโลก ลิงลมอมข้าวพอง ทำงานอยู่ทางโลกหาลาภยศสรรเสริญให้แก่ตัวเองจนอายุ 36 ปี เมื่อรู้ตัวแล้วก็รีบมาทำงานนี้ มาใช้ชีวิตกับสิ่งที่ควรจะใช้ ไปเสียเวลาทางโลก 36 ปีเพราะไม่รู้เรื่อง แต่เมื่อรู้ความแล้วก็ไม่ไปเสียเวลาอีก กว่าจะบรรลุนิติภาวะก็เสียเวลาไปอีกตั้ง 16 ปี จนถึงอายุ 36 อาตมาทำงานศาสนายังตัดปล่อยทางโลก ทิ้ง อะไรที่เป็นทางโลกก็มอบให้สละให้แก่คนอื่น แล้วไม่คิดจะหันหลังกลับไม่หันหลังกลับจนมาถึงบัดนี้ อย่างมั่นใจด้วย ไม่มีความคิดมาแทรกแซงให้อาตมาหวั่นไหว มาทางนี้ทางเดียวแท้จริง อาตมาเป็นคนสืบสานธรรมะพระพุทธเจ้า มารับผิดชอบร่วมกระทำของพระพุทธเจ้า ทุกวันนี้โลกุตระธรรมของพระพุทธเจ้ามันหมดไปแล้วฉิบหายวายป่วง ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ว่าโลกุตรธรรมจะสูญหายไป เหมือนกลองอานกะ ต่อไปคนจะมาเปลี่ยนแปลงกลอง จะด้วยเจตนาหรือไม่ก็ตาม สิ่งที่ประกอบอยู่เป็นตัวกลองอานกะ เดี๋ยวนี้ไม่มีของเก่าแล้วไม่เหลือแล้ว ถูกเปลี่ยนหมดเอาของปลอมมาประกอบมาแทนหมดเลย ไม่เหลือ สองพันห้าร้อยกว่าปีเอง แต่ที่เอามาใส่เข้าไปก็เป็นพิษเป็นภัยด้วย เห็นแล้วสังเวชใจน่าเศร้าใจมาก จะเห็นใจพ่อแม่ที่มีลูกแย่ๆจะด่าไหม ต้องตำหนิต้องว่า เหมือนอาตมารักศาสนา แต่คนมาทำศาสนาพระพุทธเจ้าชิบหายวายป่วง อาตมาจะต้องว่าเขา ต้องตำหนิเขา สรุปคือคุณคนนี้ ได้รับประโยชน์ในการถูกตำหนิ แม้ไม่มีคุณก็ต้องพยายามสิ อยู่ที่บ้าน ถ้าไม่มีใครก็มาที่นี่สิเปิดประตูรับทุกวินาทีอยู่แล้ว ที่นี่ก็ไม่ได้ด่าหยาบคายเก่งหรอกนะ แต่มานี่เจอแน่ มาเถอะ _7630 ทำไมพล.ต.อเสรีพิสุทธิ์ แกเปลี่ยนไปได้ปานฉะนี้อยากจะให้พ่อท่านวิเคราะห์ทางด้านจิตวิญานให้ฟังด้วยครับ ขอบพระคุณครับ พ่อครูว่า..อาตมาวิเคราะห์ไปแล้วพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์จะไม่หันปากกระบอกปืนมาที่อาตมาเหรอ แต่ไม่เป็นไร เพราะเป็นการศึกษาจากสิ่งที่ปรากฏจริงจากมนุษยชาติจริง อยู่ในยุคที่เราเกี่ยวข้องสัมผัสอยู่ สามารถนำมาใช้เป็นตัวอย่างแนะนำบอก อาตมาก็เอามาประกอบยกตัวอย่างเข้าไป จะว่าตำหนิแรงถึงขั้นด่าก็ขออภัย ก็ไม่เชิงถึงขนาดนั้น อาตมาก็ไม่ได้หยาบขนาดนั้น แม้คำดูแรง แต่ไม่หยาบคาย ใช้ภาษาที่เหมาะสมกับสภาพจริง ถูกต้อง แต่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนพูดหยาบ ไม่ได้ใช้คำหยาบ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ถ้าจะพูดให้ชัดคือเป็นคนที่หลงตัวเอง แล้วก็ไม่สำนึก แม้ใครจะมาตำหนิอะไรเขาก็ไม่สำนึก ขนาดถูกปราม ถ้าเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้ทั้งตำแหน่งหน้าที่ฐานะที่ผ่านมารับมา ได้ผ่านวาระมาถูกไล่ออกจากห้องประชุมสภาไป มันไม่ใช่เรื่องเล่น มาเป็นคนจนเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ _1614 เศรษฐกิจพอเพียง คือคำปลอบใจคนยากคนจนให้ยอมรับสภาพของตน ให้พอใจในสิ่งที่มีอยู่ อย่าได้ดิ้นรนต่อไปเลย เป็นวาทกรรมที่นำมาช่วยเสริมเรื่องบุญกรรมให้แข็งแรง ให้คนยากจนสบายใจให้เป็นที่ยอมรับยิ่งขึ้น สู่แดนธรรมว่า…ไอเดียอย่างนี้คล้ายมาจากพรรคสีส้ม พ่อครูว่า..คนที่พูดนี้ไม่รู้จักสัจธรรมที่ลึกซึ้งที่ว่าความจนเป็นสิ่งประเสริฐคนนี้จะไม่รู้จริงๆแปลง่ายๆว่าโง่ เขาจะไม่รู้ ว่าคนที่เข้าใจความจนแล้วสมัครใจมาเป็นคนจนอย่างพวกชาวอโศก หรือพระพุทธเจ้า มีเงินทองทรัพย์สินแต่ท่านก็ทิ้งมาเป็นคนจน สมัครใจมาเป็นคนจน เพราะท่านมีภูมิปัญญาอันนี้รู้ว่ามาเป็นคนจนประเสริฐกว่าคนรวย เป็นเรื่องสัจจะไม่ใช่เรื่องโมเม คนที่สมัครใจมาจนจริงๆ ทั้งๆที่ไม่ได้ขี้เกียจการงาน แต่ขยันหมั่นเพียรมีความรู้ความสามารถสร้างสรรค์อยู่ตลอดเวลา แต่ตัวเองไม่สะสมให้แก่ตัวเองไม่ได้ยึดถือมาแต่ของตน มีไว้น้อย มีเป็นสมบัติของตนน้อย อย่างชาวอโศกทำงานฟรี เอาเข้ากองกลางแบ่งกันกินใช้ เป็นระบบสาธารณโภคีที่เป็นเรื่องสุดยอดแล้วสำหรับผู้ที่มีปัญญารู้จักความประเสริฐของคนจนความจน หากคนมาส่งเสริมให้คนมาเป็นคนจนแบบนี้ได้ สังคมโลกจะเจริญทั้งโลก สังคมโลกจะเจริญทั้งโลกเลย ถ้าคนมีภูมิปัญญาหรือว่าความจนประเสริฐอย่างนี้ แล้วพากันมาที่บ้านความจนให้คนเข้าใจแล้วมาปฏิบัติอย่างสมัครใจมาเป็นคนจน อย่างมีปัญญา ไม่ใช่มาเป็นคนจนอย่างโง่เง่า ชาวอโศกเป็นผู้ที่มาเป็นคนจนอย่างมีภูมิปัญญา เหมือนอย่างพระพุทธเจ้า ใครจะปฏิเสธว่าท่านไม่สมัครใจมาเป็นคนจนไม่ได้หรอก ท่านมาเป็นคนจนอย่างไม่มีอะไรจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ อาตมาเองก็สมัครใจมาเป็นคนจน อาตมาอยู่ทำงานไปจนกว่าจะสิ้นชีพ มั่นใจว่าชาวอโศกมาเป็นอย่างนี้เยอะ อย่างน้อยท่านเดินดินก็มานี่ ให้น้องสาวรับมรดกของพ่อแม่ไปเลย พ่อแม่มีสมบัติพัสถานนะคนนี้ แต่ไม่เอา มันมีภูมิปัญญาที่แท้จริง เราไม่ได้โกงใครละเมิดใคร เราขยันหมั่นเพียรสร้างสรรค์ควรจะเป็นเจ้าของสิ่งนั้นแต่เราก็ไม่เอาเราก็สะพัดเผื่อแผ่ จึงเป็นคนมีประโยชน์ต่อโลกเป็นคนช่วยเศรษฐกิจให้แก่โลกให้แก่สังคม คนจนชนิดนี้ ไม่ได้พูดโมเม หลงตน ไม่ได้พูดทวงบุญคุณแก่ใคร แต่พูดสัจธรรม ผู้บริหารประเทศถ้าเข้าใจความเป็นคนจนและมาศึกษาเศรษฐศาสตร์ของพระพุทธเจ้า อาตมารู้จักความจนแล้วพาคนมาจน ถ้าหากผู้บริหารประเทศไทยเป็นพุทธศาสนิกชนเข้าใจธรรมะพระพุทธเจ้าและพากันมาจนเป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ อย่างสมบูรณ์แบบ สำเร็จด้วย อาตมาพูดแล้วสบายใจทำงานกับชาวอโศกประมาณนี้ ที่ฟังอาตมาไม่รู้เรื่องเข้าใจไม่ได้ พูดให้ตายยังไงเขาก็ไม่มาเอา เขาปิดประตู นอกจากคนที่แสวงหาไม่ได้ปิดประตู ฟังอาตมาเข้าใจแล้วเข้ามาเป็นมวล อย่างชาวอโศก มีอีกได้ จะเกิดได้บ้าง เรื่องนี้ จึงเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ฌานของพุทธไม่มีทางได้จากการนั่งหลับตา _ประสงค์ ศุกลนันทน์ • พ่อครูและชุมชนสันติอโศกประสบความสำเร็จทางพุทธธรรมและนำพาหมูศิษย์รอดพ้นจากความทุกข์ยากได้อย่างดี ขั้นต่อไปหากเมตตาช่วยราษฎรตาดำๆ ที่ยังทุกข์สาหัสอยู่ ก็น่าจะเป็นประโยชน์โดยรวมครับ พ่อครูว่า..พวกนี้มาจนสำเร็จแล้วพ้นทุกข์ด้วย สู่แดนธรรม…ปี 40 เศรษฐกิจต้มยํากุ้ง เขาทุกข์ร้อนกันทั่วประเทศแต่อโศกไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย สบม ทมด ปกต หห จจ มชยลล สมณะเดินดิน…ยุคนั้นฟองสบู่แตก แต่ไหซีอิ๊วเต้าเจี้ยวเราไม่แตก พ่อครูว่า…ก่อนขึ้นมาวันนี้อยากจะสารภาพกับคนทั่วไป ว่าอาตมาตั้งใจเทศนาธรรมะพระพุทธเจ้า ตั้งใจจะอายุ 151 ปี แต่วันนี้มีความรู้สึกจริงๆว่า รู้สึกเปลี้ยๆ มันน่าจะพอ อย่างเราย่าง 86 ปี อาตมาก็รู้สึกเปลี้ยๆ รู้สึกว่ายังไงไม่รู้ อาตมาได้แสดงธรรมมา บรรยายธรรมะมาโดยเฉพาะเอาโลกุตรธรรม อารยธรรมพระพุทธเจ้า มาสถาปนา แต่ในวงการศาสนาพุทธที่มันหมดไปแล้ว ขอยืนยันว่าโลกุตรธรรมหมดไปจากสถาบัน หรือวงการศาสนาพุทธแล้ว อาตมาเอามาสถาปนาลงไป เอามาปฏิบัติให้ทุกคนเข้าใจแล้วเอาไปปฏิบัติ โลกุตระคืออะไร คือ ผู้มีโลกุตรธรรม ผู้มีโลกุตรธรรม คือ ผู้มีปัญญามีความรู้ รู้อะไร รู้จิตตัวเองที่มีกิเลส แล้วก็ทำกิเลสนั้นให้ออกไปจากจิต จะเก่งหรือไม่เก่งก็แล้ว แต่ผู้นี้พยายามทำจิตตนให้ออกจากกิเลส เป็นผู้รู้จักกิเลสนั้นและเป็นผู้ทำกิเลสออกอย่างสัมมาทิฎฐิ ทำให้กิเลสตนออกจากจิตยังไม่สัมมาทิฏฐิยังไม่ใช่โลกุตระชน กดข่มบ้าง ผู้ที่ทำกิเลสออกจากจิตได้ คือผู้ที่เนกขัมมะเป็น เนกขัมมะคือการเอากิเลสออกจากตัวเอง หรือตัวเองออกจากกิเลสนั้นมา คนที่เนกขัมมะคือคนที่ต้องรู้จัก จิต เจตสิก รูป นิพพาน อ่านจิตตนเองเป็น แยกจิตตนเองเป็น แยกกิเลสแยกจิตได้ แล้วมีวิธีทำให้กิเลสลดได้ เนกขัมมะคือคนที่ทำกิเลสลดได้คือคนที่ทำฌานเป็น ทำให้กิเลสลดได้ แม้เป็นส่วนๆ ไม่ได้ดับหมดสิ้นอาสวะ แต่ทำได้เป็นส่วนๆก็คือผู้มีส่วนสำเร็จส่วนแห่งบุญ ฌาน คือ การเผา อาตมาอ่านพจนานุกรมบาลีไทย ในพจนานุกรมฉบับภูมิพโลภิกขุ ก็อธิบายยาวกว่าอันอื่น และทำให้เข้าใจได้ว่า Concept ของคนในยุคนี้ ได้เข้าใจว่า ฌานคืออย่างนี้ เข้าใจว่า ฌาน คือการเพ่ง ทั้งที่ฌาน ตัวรากต้น แปลว่าเพลิงไฟ ไฟกองใหญ่ ไฟพิเศษ ฌานต้องประกอบไปด้วยปัญญา ฌานอยู่ที่ไหนปัญญาอยู่ที่นั่น ไม่มีปัญญาไม่มีฌาน ฌาน พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในวิชชาจะระณะสัมปันโน ซึ่งเป็นพุทธคุณของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ถ้าไม่มีวิชชาจะระณะ ไม่ใช่พระพุทธเจ้า นี่ยิ่งใหญ่นะ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์จะต้องบรรลุในวิชชาและจรณะ ผู้ที่รู้จัก วิชชาที่มาจากเหตุคือจรณะการปฏิบัติและมีความรู้ตั้งแต่ต้นจนสุดท้ายอาสวักขยญาณ นี่คือความรู้ทั้งหมดที่ประมวลไว้ คือวิชชาจะระณะสัมปันโน ก็ขอแวะบอกติงเตือน พวกที่นั่งหลับตาปฏิบัติ ฌาน ตรงนี้ คุณไปหลับตาปฏิบัติฌานนั้นโมฆะจากศาสนาพุทธ เพราะไม่ได้อยู่ในวิชชาจะระณะสัมปันโน ฌาน 4 เกิดจากการปฏิบัติศีล อปัณณกปฏิปทา 3 อย่าง ฌานที่เป็นแบบเดียรถีย์ก็มีแต่ไม่ใช่ของพระพุทธเจ้าปฏิบัติ อปัณณกปฏิปทา 3 อย่างนี้ผิด หากไม่ได้ปฏิบัติสำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคและไปนั่งหลับตาปฏิบัติอันนั้นผิดอันนั้นโมฆะจากศาสนาพุทธ ไม่ใช่ฌานของศาสนาพุทธ ต้องสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 มีการประมาณในการกิน การใช้ และมีความตื่นจากกิเลส คือชาคริยานุโยคะ หากไปหลับตาปฏิบัตินั่นก็ผิดทางแล้ว ไม่ตื่น หากปฏิบัติไม่มีสามข้อนี้ก็ไม่เกิด ศรัทธา หิริ โอตัปปะ พหูสูต วิริยะ สติ ปัญญา นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ… _สู่แดนธรรมว่า…เมื่อกี้นี้ ผู้ชมทางบ้านให้พ่อท่านไม่ต้องท้อให้พ่อท่านเจริญอิทธิบาทอีก พ่อครูว่า…ขอบคุณ ต้องตำหนิและต้องบอกให้รู้ต้องย้ำ เพราะมันเต็มไปหมดเลยในวงการศาสนาพุทธทุกวันนี้ ว่าการปฏิบัติ ฌาน สมาธินั้นต้องไปปฏิบัติหลับตา อาตมาว่ามันออกนอกรีตออกนอกทางศาสนาพุทธแล้วจะดันทุรังไปอย่างไรก็ไม่เกิด ดันสุรังได้ ทุ มันคือไม่ดี จะดันไปอย่างไรก็ดันสุรังไม่ได้ สุระนี้แปลว่าดี กล้าแข็ง มันดันทุรังมันไม่ดี มีแต่เสื่อม ให้หยุดได้แล้วนั่งหลับตา ทำไมอาตมาต้องพูดแรงกับพวกนั่งหลับตาพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้พูดแรงอย่างนี้ พระพุทธเจ้าประกาศศาสนาพุทธ 2500 กว่าปีที่แล้วคนเขานั่งหลับตาปฏิบัติกันทั้งหมด พระพุทธเจ้าจึงไม่ตีแรง หากตีแรงเขาเอาตายเลย ศาสนาพุทธจะไม่ได้สร้างขึ้นก็เลยต้องประนีประนอมมา แต่อาตมาเกิดมาในยุคนี้ พูดกับวงการศาสนาพุทธที่เป็นพุทธศาสนิกชน แต่พระพุทธเจ้าท่านให้เลิกการปฏิบัติหลับตา ซึ่งมันไม่ใช่ศาสนาพุทธแต่เป็นเพียงว่าท่านไม่ได้ปฏิเสธนั่งหลับตา เพราะถ้าจะใช้การนั่งหลับตาเป็นเตวิชโช นั่งหลับตาเพื่อพักผ่อนบ้างก็เป็นประโยชน์ หรือนั่งหลับตาเพื่อที่จะพิจารณาอะไรก็ได้ มันก็สงบดีและมันก็พิจารณาได้เงียบๆดี เป็นการทบทวนเป็นการทำความละเอียดของธรรมะบ้าง หลับตานึกคิดถึงข้างในจิตมันก็คิดได้ไม่มีอะไรรบกวนมันก็สะดวกดี ก็เป็นประโยชน์ในอีกด้านหนึ่ง ถ้าหากสัมมาทิฏฐิแล้วก็จะเข้าใจเอาไปทำประโยชน์คุณค่าแต่ไม่ได้ไปปฏิบัติฌานหรือสมาธิด้วยการนั่งหลับตานี่คือประเด็น ต้องเข้าใจถึงประเด็นที่ผิดพลาดอย่างนี้ ถ้าเข้าใจว่าการนั่งหลับตาแล้วจะเกิดฌานกับสมาธิอันนั้นไม่ใช่ของพระพุทธเจ้า อย่าทำอันนั้น แต่จงทำสิ่งที่เป็นประโยชน์จะทำเตวิชโช เป็นต้น หากมุ่งมั่นว่าจะปฏิบัติหลับตาเพื่อบรรลุธรรมคนนั้นไปจะเกิดมาทำอีกก็โมฆะไปอีกไม่รู้กี่ชาติ อย่างมหาบัวบอกว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย จ้างให้ก็ไม่ใช่ชาติสุดท้ายแล้วจะหลงไปยิ่งกว่า อาฬารดาบส อุทกดาบสที่ พระพุทธเจ้าอุทานว่าชิบหายแล้วหนอ ถ้าหากหลับตาปฏิบัติได้ดีแล้วพระพุทธเจ้าจะอุทานอย่างนั้นทำไม เขาติดยึดอย่างหนาแน่นแล้ว แล้วเขามีลูกศิษย์ลูกหาที่นับถือครูบาอาจารย์อย่างนั้นมาไม่รู้กี่ร้อยปีแล้ว สมณะโพธิรักษ์ไปพูดอย่างนี้เขาก็ไม่เชื่อ เพราะไม่มีเสน่ห์อย่างนั้นเลย มาพูดสิ่งจริงก็เหมือนไก่ได้พลอย สู้ข้าวสารเม็ดหนึ่งก็ไม่ได้ แต่เขาไม่รู้เลยว่าโลกุตระนั้นเป็นของมีค่า _วิวหกวิวหก: รูป นอก เรียนรู้ง่ายกว่า ฝึกดีแล้ว คอยเอาไป ฝึกทำพายในใจ (ใจในใจ) เมื่อไม่ได้เรียนรู้ พายนอก จึงเข้าใจไม่ได้ และจะไปทำสมาธิพายในไม่ได้เลย คนที่ไม่คบ 32จึงบวชไมได้ เพราะไมมีโอกาศบรรรุธรรม /แต่สามารเรียนรู้ เพื่อต่ออนิสง _1614เศรษฐกิจพอเพียง คือคำปลอบใจคนยากคนจนให้ยอมรับสภาพของตน ให้พอใจในสิ่งที่มีอยู่ อย่าได้ดิ้นรนต่อไปเลย เป็นวาทกรรมที่นำมาช่วยเสริมเรื่องบุญกรรมให้แข็งแรง ให้คนยากจนสบายใจให้เป็นที่ยอมรับยิ่งขึ้น ทิพยโสตญาณคืออะไร _กมล จำปีkamonchompee: กราบเรียนถามครับ ทิพยโสตญาน นั้นหมายถึงแยกเสียง2ของกิเลสในจิตตน หรือหมายรวมถึงฟังเสียง2การหาเสียงของพรรคอนาคตใหม่(แยกเสียง2กิเลสผู้อื่นได้)ครับ พ่อครูว่า..ถูกต้อง ผู้ที่มีทิพยโสต คือรู้จักเสียงสอง เสียง 1 หมายถึงเสียงที่เป็นสัจจะ เสียงสองหมายถึงเสียงที่เป็นองค์ประกอบที่เกิดจากกิเลส อยู่ในสิ่งที่พูด มันมี 1. คือสัจจะ 2. คือกิเลสที่ติดอยู่ด้วยกัน ผู้ที่มีโสตทิพย์สามารถฟังแล้ว ฟังแล้วจะรู้ว่ามีอะไรแฝงอยู่ จิตไม่บริสุทธิ์ไม่มีหนึ่งเดียว จิตมีสองคือมีตัวตนกิเลสคือมานะอุปกิเลสต่างๆ หยาบกลางละเอียดแค่ไหนก็แล้วแต่ ผู้ที่มีประโยชน์ก็จะแยกแยะได้อย่างเก่งก็ละเอียดอย่างไม่เก่งก็แยกได้อย่างหยาบ ก็ขออธิบายเสริม วิปัสสนาญาณ มโนมยิทธิ อิทธิวิธญาณ ทิพยโสต ท่านเทียบเหมือนผู้ได้ยินเสียงจากระยะไกลก็แยกแยะได้ ว่าเป็นเสียงกลอง เปิงมาง หรือตะโพน แม้เสียงมาไกลๆก็แยกได้ ถ้าของตนเองก็แยกของตนเองเสียก่อนแล้วจึงไปแยกเสียงคนอื่นได้ หากแยกของตนเองไม่ออกแล้วจะไปแยกของคนอื่นมันอวดดีเกินไป มันจะมีสำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล นัจจะคือท่าทาง คีตะคือสุ้มเสียงสำเนียง วาทิตะคือคำที่เลือกสรร คนที่แสดงออกมา คนรับฟังที่มีทิพยโสตญาณ เห็นด้วยตา เห็นท่าทางก็แยกออกได้ยินเสียงสำเนียงก็แยกออกได้ยินคำพูดที่เลือกมาพูด ก็แยกได้ว่ามีกิเลสปนมาหรือไม่อย่างไร _วิวหกวิวหก : ผู้หญิงที่ไมแต่งงานชาติ นี้ อนิสงชาติหน้าจะเป็นผู้ชาย ผู้ซื่งจะสามารถบรรลุธรรมได้ พ่อครูว่า..เป็นอจินไตย อาตมาไม่สามารถชี้ได้ _กฤติยาภัทร อินทสระKrittiyaphatIntasara:กราบนมัสการพ่อครูค่ะตอนนี้หนูกำลังเช็คตั๋วจะไปบ้านราชตอนวันหยุดยาวปีใหม่ค่ะ สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน สมณะฟ้าไท สมณะแสนดิน สู่แดนธรรมถามว่า พ่อครูเคยบอกว่าตั้งใจที่จะทำเผื่อพอ ทำอย่างไร พ่อครูว่า..ความตั้งใจที่จะทำเผื่อพอ ทุกวันนี้ก็ทำเผื่อพอแล้ว ไม่ใช่ทำครั้งเดียวแล้วก็เผื่อพอหรือทำแรงๆเผื่อพอทำทีเดียวเผื่อพอได้ ทำก็ต้องทยอยทำเผื่อพอ ที่จริงอาตมาทำเผื่อพอมา 50 ปีก็ไม่น้อยแล้วนะ ถ้าจะว่าไปแล้ว อาตมาเทศน์เกือบทุกวัน ที่จริงเทศน์ทุกวัน เทศน์ไม่ได้เป็นทางการ ตื่นขึ้นมาก็มีพวกเรามานั่งฟังเทศน์ คือพวกเราเป็นชาวธรรมะ เวลาจะพูดอะไรขึ้นมาไม่มีอย่างอื่นหรอกนอกจากธรรมะ ถามเรื่องธรรมะซักไซ้เรื่องธรรมะทั้งนั้นพวกเรา ในวงการพวกเราไม่ได้พูดเรื่องฟุ่มเฟือยเละเทะ ไม่หรอก มันมีแต่ธรรมะ ชีวิตแต่ละวันมีแต่เนื้อหาสาระทำมาทั้งนั้น แม้เราจะพูดเรื่องข้าวเรื่องน้ำ เรื่องบ้านเรื่องเมืองเรื่องสังคมเรื่องดีเรื่องชั่ว ก็แฝงไปกับธรรมะหรือผสมไปกับธรรมะทั้งนั้น จะไม่ใช่เรื่องที่จะไปแย่งกัน เป็นเดรัจฉานกถา เดรัจฉานคาถา หมายความว่าพูดอย่างเดียรัจฉาน คืออะไร พูดอย่างที่มันขวางทางนิพพาน พูดไปแล้วมันไม่เป็นไปเพื่อนิพพานไม่เป็นไปเพื่อธรรมะ พูดไปแล้วมันสั่งสมกิเลส เพิ่มให้ตัวเองมีกิเลสหนายิ่งขึ้น ซึ่งในวงการศาสนาโดยไม่รู้ตัวโดยไม่เข้าใจ ที่เขาทำกันอย่างเช่น สอนทาน สอนทาน มีแต่เพิ่มกิเลสนั่นแหละคือเดรัจฉานกถา แนะนำให้สอนทาน แล้วตั้งใจมีภพชาติ ถ้าเข้าใจว่าการได้ภพชาติคือเป็นบุญ มันไม่ใช่ บุญมันคือการล้างภพชาติ ที่จริงถ้าทำทานมากๆได้อยู่เป็นผลของกุศลแต่ไม่เป็นอานิสงส์ ทำทานมากๆได้กุศลมาก เป็นธรรมชาติธรรมดา คุณเสียสละวัตถุมากๆคุณเสียสละแรงงานมากๆแต่คุณไม่ได้ทำใจให้ได้ลดกิเลส คุณไม่มีอานิสงส์เลย คนที่ทำทานไม่มาก แต่ลดกิเลสเป็น ลดกิเลสได้มาก คนที่ปฏิบัติธรรมมีอานิสงส์ มีประโยชน์คุณค่าทางธรรม อย่างคนมาที่นี่เสียสละหมดตัวไม่มีวัตถุทาน ก็ทานแรงงาน เสียสละแรงงานหรือว่าอธิบายธรรมทาน หรือว่าทำ ธรรมทาน หรือแม้แต่คุณเองไม่ได้อธิบายแต่คุณเองเป็นคนประพฤติมีกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ประพฤติเป็นธรรม เป็นคนมีคุณค่าทางธรรมเป็นคนมีความสงบ เป็นคนมักน้อยสันโดษมีคุณค่าทางโลกุตระ คนไหนมาสัมผัสเขาก็สัมผัสได้เขามีปฏิภาณปัญญาก็จะรู้ ก็เป็นการให้ (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย) สมณะเดินดิน…อย่างคุณพรพิชัย อยู่ชมร. คนสัมผัส จะเห็นว่าเหมือนมีพระมาอยู่ที่นี่มีการสำรวมมีความขยัน พ่อครูว่า…เป็นผู้ที่มีธรรมทานอยู่ในตัว พรพิชัยชัดเจน เป็นก้อนธรรมะที่ไม่มีตัวตนไม่ได้ทำอะไรเพื่อตัวเอง อาตมาอธิบายไปผู้ที่มีปฏิภาณปัญญาจะเข้าใจ เป็นผู้ที่ไม่ได้ระลึกถึงตัวเองทำเพื่อคนอื่นตลอด สังคมต้องการสิ่งนี้ คนประเสริฐที่ไม่มีอัตตาตัวตนไม่มีตัวเองไม่เห็นแก่ตัว ทำงานเพื่อผู้อื่นเสียสละเพื่อผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา พูดให้สวยก็คือรับใช้ผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา อย่างอาตมานี่ขอยืนยันว่าเป็นผู้รับใช้ผู้อื่นตลอดเวลา ตัวเองไม่ได้รับสิ่งตอบแทนเลยแต่พวกเราเองก็ต้องอนุเคราะห์ เลี้ยงอาตมาไว้ ทุกวันนี้ก็เกินพอ จะกินจะใช้จะมีอะไรต่ออะไรเกินพอ อาตมาไม่ได้ไปกล่าวอยากได้เพชรสิบกะรัตหรอก แต่อย่าพูดเลยสิ่งที่เป็นพอสมควรแค่พูดก็พร้อมสนอง ราคาเป็นล้านก็ได้แต่อาจไม่เร็วเท่าไหร่ แต่คนที่เห็นว่าเหมาะสม ท่านควรได้อันนี้ก็ให้เลย เขาจะหามาให้เลย ถ้ายิ่งอาตมามีคนศรัทธา เขามีสตังค์มีความจริง ของ 10 ล้านเขาก็หาให้ได้ซึ่งเป็นสัจจะที่คนเราปฏิบัติแล้ว จะมีสิ่งที่สนองสนับสนุนจะเรียกว่าบารมีก็ได้มาส่งเสริมมาอนุเคราะห์ มาอุดหนุนจุนเจือช่วยเหลือ Support จะมีอย่างนั้นจริงๆ อาตมาภาคภูมิใจที่มาทำงานศาสนาแล้วอาตมาไม่ได้พาพวกเราเรี่ยไร ตลอด 50 ปี ใครจะมาศรัทธาเลื่อมใสคนจะมาทำทานมาบริจาคกับพวกเราง่ายไหม …ไม่ง่าย เรามีหลักเกณฑ์ จะหมั่นไส้เราว่า แอคชิบเป๋ง ต้องท่านั้นท่านี้ ต้องมาที่นี่ 7 ครั้งต้องอ่านหนังสือเจ็ดเล่มเป็นต้น บางคนอาจจะรู้สึกหมั่นไส้แต่ไม่แสดงออก _สู่แดนธรรมว่า…มีคนอยากทำทานแต่ท่านถักบุญให้ไปอ่านหนังสือ เขาก็ไปหาหนังสือ 7 เล่มเล็กๆมาอ่านแล้วบอกว่าบริจาคได้หรือยัง? พ่อครูว่า…อาตมาภาคภูมิใจ ที่ไม่ได้พาเรี่ยไร แต่ศาสนาพุทธทุกวันนี้ทำการเรี่ยไรโดยตรงโดยอ้อมอย่างเช่นธัมมชโย เป็นการใช้ลีลากลเม็ดเด็ดพรายทุกอย่างเลย ที่จะรีดนาทาเร้น จนคนปิดบัญชีเอามาบริจาคหมดเลย มันใจดำอำมหิตขนาดไหน เขาพูดจริงทำจริงไม่ได้พูดเล่นนะ คือเขานึกอย่างนี้ คนไหนก็แล้วแต่ แม้เขาจะกล้าทำทาน ถอนจากบัญชีมาทำทานหมดก็ไม่หมด ไม่อย่างนั้นเขาจะอยู่ได้อย่างไรแต่คนที่ใจอำมหิตรีดนาทาเร้นเขาสิ คุณก็พูดได้แต่มีผู้สนอง อนันต์ อัศวโภคินมาบอกว่าปิดบัญชีกันดีไหม จ้างให้ก็ไม่ปิดบัญชีตัวเอง แต่ไปชวนคนอื่นให้ปิดบัญชีอย่างนี้เป็นต้น เป็นคนที่เป็นลูกกะโล่เป็นหน้าม้า ให้คนอื่นปิดบัญชี แต่ตัวเองไม่ได้ปิดบัญชีของตัวเองของตัวเองมีตั้งเยอะแยะอย่างนี้เป็นต้น แล้วคนจนที่ปิดบัญชีจริงๆมีศรัทธาเลื่อมใสจริงๆก็ทำเต็มที่ ไม่รู้มีคนฆ่าตัวตายหรือเปล่า แต่เขาไม่เปิดเผยกัน นอกนั้นศาสนาทุกวันนี้เป็นที่หาเลี้ยงชีพกัน สิ่งที่จะมีผู้เอาจริงปฏิบัติประพฤติ มาบวชเพื่อปฏิบัติประพฤติอย่างเจตนาดี แต่เข้ามาในวงการศาสนาแล้วมันไม่มีครูบาอาจารย์ที่ปฏิบัติได้จริง มันมีสายที่ปฏิบัติคือสายวัดป่าเป็นสายที่ เดียรถีย์สุดโต่งไปทางมักน้อยสันโดษยังดีที่ไม่ถึงขนาดพวกเชนที่ไม่นุ่งผ้าเลย ศาสนาพุทธไม่ต้องสุดโต่งขนาดออกจากสังคม ขอยืนยันว่าศาสนาพุทธไม่ใช่ให้คนออกป่า คนที่ออกป่าคือคนที่ไกลจากวิเวก ตามที่เอาคุหัฏฐกสูตรมาอธิบาย ผู้ที่เริ่มต้นปฏิบัติให้มีกายวิเวก แต่คุณก็เอาร่างกายออกป่าก็เป็นมิจฉาทิฐิแล้ว จิตวิเวก คือ จิตที่จะต้องปฏิบัติให้เกิดกิเลสลดดับกิเลสได้ เป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ แล้วก็ปฏิบัติอย่างสัมมาทิฏฐิโดยมีภายนอกสัมผัส ในท้ายบทของจิตวิเวกก็บอกต้องมีภายนอก พวกที่ปฏิบัติอย่างไม่มีภายนอกคือพวกที่ไกลจากวิเวก พวกที่อ่านพระไตรปิฎกไม่แตก ก็จะบอกว่าทำสมาธิทำฌาน มีฌาน 1 2 3 4 คือจิตวิเวก แต่ท่านมีลงท้ายว่าต้องมีภายนอก ในภายนอก อย่างนี้เรียกว่าจิตวิเวก กายวิเวกเขาก็ไกลจากวิเวก โดยเอาตัวเองออกป่าเขาถ้ำ แล้วเดินคนเดียวอยู่คนเดียวบิณฑบาตคนเดียวอยู่คนเดียวเป็นคนโมฆะ 2.จิตวิเวก คือนั่งสมาธิหลับตา ที่จริงไม่ต้องไปนั่งหลับตาหรอกแต่ต้องทำจิตให้มันสงัดจากกาม ขออธิบายคำนี้ สงัดจากกาม กามนี้มีภายนอกไหม ตัวภายนอกแท้เลย เริ่มต้นควรจะมี ฌาน ต้องสงัดจากกาม แล้วคุณก็ปลีกเอาตัวร่างกายหนีหรือนั่งหลับตาก็ปฏิบัติไม่มีวิเวกแล้ว มีจิตวิเวกที่ไหน ยิ่ง 3. อุปธิวิเวก คือ กิเลส ขันธ์ อภิสังขาร คุณไม่มีทางจะรู้กิเลส กิเลสจะรู้ได้ต่อเมื่อคุณมีกายกลิ มีรูปนาม มีสัมผัสเป็นปัจจัยแล้วเกิดกิเลสในปัจจุบันนั้นเชียว ไม่ใช่ไปนั่งหลับตาแล้วนึกถึงอดีตอนาคต ที่เป็นกิเลส มันเป็นกิเลสที่อยู่ในภพ ไม่ใช่กิเลสจริงที่เกิดในปัจจุบัน ไม่ใช่ปัจจุบันไม่มีสัมผัสปัจจุบันยังไม่มีความจริง เป็นกิเลสไม่จริง กิเลสในอดีตกิเลสในอนาคต มีได้แต่มันไม่ใช่กิเลสจริงๆ คุณจะไปล้างอดีตได้หรือไม่ อนาคตมันยังมาไม่ถึงยังไม่มีแล้วจะไปล้างได้หรือ แล้วจะไปทำทำไมทำให้สูญเปล่าทำเป็นโมฆะ การไปล้างกิเลสในอดีตกับอนาคตสมเด็จพ่อของอาตมาไม่ได้สอนหรอก แต่ว่าพ่อของคุณสอนก็เรื่องของคุณ เป็นการใช้โวหารเป็นการใช้ศิลปะของอาตมาว่าเขา อาตมาพูดสบายๆไม่ได้ดุเดือดอะไร พูดสัจจะ แสดงธรรมทุกวันนี้ตัวอาตมาเองสบายๆ แต่ที่อาตมาแสดงธรรมให้แก่หมู่กลุ่มผู้หลงผิดนี่หนักฉิบหายยากฉิบหายเลย ใช้ภาษาไทยที่ชัดเจน มันเป็นคำที่หยาบแต่มันสื่อได้ชัดเจน ตัวอาตมาเองไม่มีปัญหาสบายๆ แต่แสดงกับท่านทั้งหลายกับพวกคุณก็ไม่หนักหนาแสดงธรรมดาทุกคนก็ตั้งใจฟัง แสดงโลกุตรธรรมพวกคุณก็มากันได้ทุกคาบ ถ้าไม่ติดธุระคุณก็มานั่งอย่างนี้ นั่งกันหนาแน่นพอสมควรอบอุ่นพอสมควร แสดงโลกุตรธรรม มีคนนั่งฟัง 3 คน 5 คนก็ดีแล้วแต่นี่มีคนเป็นร้อยก็ดีแล้วอย่างนี้เป็นต้น อะไรไม่อะไร อาตมาเอาโลกุตรธรรม มาอธิบายขยายความในยุคนี้ พวกคุณฟังได้เข้าใจได้เอาไปปฏิบัติได้ลดละกิเลสได้ เอาหลักธรรมมายืนยันได้ เอากถาวัตถุ 10 ก็ตาม เอาวรรณะ 9 ก็ตาม หลักตัดสินธรรมวินัย 8 ข้อก็ตาม มาจับกับพฤติกรรมจริงของพวกคุณ เช่น วรรณะ 9 พวกคุณมาเป็นคนเลี้ยงง่าย ถ้าหากเลี้ยงยากอาตมาเหนื่อยตาย ตอนนี้เลี้ยงง่าย กินอยู่หลับนอนไปมาก็สบาย อยู่ง่ายๆไปง่ายๆมาง่ายๆ ทำงานทำการก็ช่วยเหลือกันง่ายๆไม่ได้ยากอะไร ที่จริงมันน่าจะยุ่งยาก คุณจะทะเลาะวิวาทอะไรกันมันก็มีอีกหลายอย่างเมื่อคุณกระทบสัมผัสกันก็ไม่เห็นมีการทะเลาะอะไรกันมากมาย เป็นคนที่มีภูมิธรรม คนที่ไม่มีภูมิธรรมมาอยู่ที่นี่นิดๆหน่อยๆก็จะอยู่ไม่ได้ก็จะออก แล้วเขาก็ออกไปแล้วบางคนอยู่ไม่ได้ แต่คนที่อยู่ได้เพราะมีภูมิธรรม คนที่ทนไม่ได้อยู่ไม่ได้หรอกที่นี่ ผู้มีมรรคผลจะทนอยู่ได้ไม่มีมรรคผลก็ทนอยู่ไม่ได้เพราะเป็นดินแดนพระอาริยะอยู่ คนที่ไม่มีภูมิอาริยะที่แท้จริงอยู่ไม่ได้นี่ไม่ได้แปลว่า ใครที่มีความจริงที่ใจเรารู้สึกจะอยู่ได้ ถึงยังไงเราก็จะอยู่ที่นี่ จะถูกกระทบกระเทือนก็รู้สึกว่าตัวเราถูกกว่าโดนกระทบอัตตามานะโดนกระทบกิเลสแต่ก็ยังคิดว่าก็จะอยู่ พูดไปนี้คงถูกหลายคนบ้าง มากบ้างน้อยบ้างก็แล้วแต่ สัจธรรมที่พวกคุณรู้ตัว เอาตนอยู่กับมิตรสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดีในเสนาสนะนี้ในหมู่กลุ่มบุคคลที่มีอาหารเครื่องอาศัยที่ไม่ได้หรูหราฟู่ฟ่า ไม่ได้มากมายอะไร อย่างโลกๆเขา พวกคุณก็อยู่ได้ ไม่ได้แย่งชิงไม่ได้ทะเลาะวิวาท อาศัยใช้สอยกินอยู่ก็พอเป็นไป จะกระมิดกระเมี้ยนของตนไว้บ้างก็ไม่เป็นไร เราจะเสียสละกล้าไม่มีเพิ่มได้ไหมก็เสียสละเข้ากองกลางคนมีภูมิธรรมถึงแล้ว ก็มีส่วนมีสิทธิ์ในค่าแรงงานในผลผลิตนั้นๆบ้าง แต่คุณก็สบายทำแล้วก็เอาเข้ากองกลางหมดเลย แล้วเราก็อาศัยกินใช้อยู่ในที่นี้ ตามสถานะ ดีไม่ดีไปเบิกแล้วเขาไม่ให้ บางคนก็กระทบกระเทือนใจ บางคนก็บอกว่าเราคงยังไม่มีวาสนาพอ ไปขอเบิกเขาก็ไม่ให้ บางทีผู้ที่มีสิทธิ์อนุมัติก็ไม่ให้ ไม่เห็นว่าควรจะให้ มีส่วนตัวผสมก็ได้มันก็เป็นเรื่องที่เป็นอจินไตย ที่เป็นธรรมดาธรรมชาติในนี้แต่มันก็พอเป็นไป ที่จะพิสูจน์สาธารณโภคีแล้วไม่เกิดเรื่องทะเลาะวิวาทแย่งชิง มันเก่งแล้วนะ เก่งแล้วนะ ใครทำได้ก็ทำ อาตมาทำมา 50 ปีตั้งแต่เริ่มต้นชุมชนชาวอโศกมีสาธารณโภคีตั้งแต่ต้นจนถึงทุกวันนี้ ทุกวันนี้พวกเราทำเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ยืนยันกับสังคมโลกได้แต่เขาไม่มีปัญญาที่จะรู้ที่จะเห็นความสำคัญแล้วนักบริหารนักรู้ในโลก นักวิชาการนักศึกษาเขาจะได้มาศึกษามาเอาอันนี้อย่างใกล้ชิดมาขยายผลกับสังคมยังไม่ถึง มีบ้างมาทำ thesis ทำวิจัยทำวิทยานิพนธ์มีบ้าง แล้วคนที่เข้าใจจริงก็เอาตัวเองมาอยู่มาทำวิทยานิพนธ์เอาความรู้ บางคนก็มาคบคุ้นมาอยู่ก็มี บางคนไม่ถึงก็มาขออาศัยเพื่อได้ปริญญาแล้วก็ไป ได้ปริญญาโทปริญญาเอกไม่ได้เป็นเครื่องมือทำมาหากินลาภยศสรรเสริญสุขก็มี มันซับซ้อนในนี้ แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่พิเศษของพระพุทธเจ้าในยุคนี้ เป็นยุคที่กิเลสหนักหนาสาหัส แต่อาตมาก็ยังเอาสาธารณโภคีของพระพุทธเจ้ามาอธิบายมาให้คนรับรู้ แล้วคนพวกเราก็เข้าใจ แล้วก็มาปฏิบัติประพฤติ มาอยู่ในแวดวงสาธารณโภคีกันอย่างนี้เป็นหมู่บ้าน ซึ่งก็ไม่ง่าย อาตมาประกาศไป พยายาม ให้ราชธานีอโศกมี 777 คน ตอนนี้ 500 ก็ยังไม่ถึง ได้สัก 777 คนมันจะเกิด รูปธรรม พฤติกรรมสังคมที่สร้างสรร ที่จะมีอะไรให้แก่สังคมเด่นชัดมีรูปธรรม นี่มีแค่นี้ก็แค่นี้ คนข้างนอกเขาเข้ามาจะมีโอกาส เช่นวันนี้มีกลุ่มชาวไฟฟ้า เพิ่งจะกลับไป เข้ามาสัมผัสสัมพันธ์กับพวกเราก็มาช่วย เขาก็ได้รับการรู้ตามภูมิแต่ละคน แค่เขาสัมผัสบ้านที่นี่ทำไมไม่มีครัว ไม่ใช่เท่านั้น เขาว่าสายไฟฟ้ายุ่งฉิบหายแต่ทำไมไม่ไฟช็อตไหม้บ้านบ้าง เหตุอะไรมันไม่ไหม้ ก็มันไม่ได้ใช้มาก ทั้งที่มันสับสนวุ่นวายจะตายมันน่าจะไปไฟไหม้ ช่างไฟฟ้าที่นี่ก็รับมือพวกเราไม่ไหว พวกเราก็เละกันน่าดูเลย อย่างนี้เป็นต้น มีคนว่าผีต่อเอง มีเด็กเราคนหนึ่งถูกไฟดูดตาย มีติ่งก็ไม่ตาย นานก่อนนั้นมีคุณชัยยงค์ ก็มีบ้าง แต่เขาก็มาสัมผัสก็งงๆ แม้แต่แค่งงว่า ทำไมไม่มีครัว และสายไฟขนาดนี้ทำไมไม่ไหม้บ้าน มันมีอะไรหลายอย่างที่ลงตัวของมันก็เลยไม่สูญเสีย ไม่ได้หมายความว่ามันพิเศษหรืออะไรมันมีเหตุมีปัจจัยของมัน มันก็เลยได้แค่นั้น ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกของใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟมาก อธิบายง่ายๆว่าถ้าบ้านแต่ละบ้านมีตู้เย็นมีเตารีดมีโทรทัศน์ มีเครื่องอะไรที่จะต้องใช้ไฟฟ้ามากหน่อย พอบ้านนี้สับสวิตช์ก็กระชากไฟไปมา ไฟก็จะแรงจะตก สารพัด เหตุของมันคือพวกเราไม่ได้มีขนาดนั้น เขาก็งง แต่ทุกอย่างมาแต่เหตุ สมณะเดินดิน…สิกขมาตุกล้าข้ามฝันเปิดประเด็นว่าหากพ่อท่านจะเพลามือ รออายุ 90 ค่อยมาเร่งจะได้ไหม พ่อครูว่า..มันก็จะเรื้อไป คุณพักสามปีมาก็ทำต่อไม่ได้ สมณะเดินดินว่า…ผ่อนไม่เป็นไรแต่อย่าปลง พ่อครูว่า..ยังไม่ปลงสังขาร ยังไม่ถึงขนาดปลงสังขารแต่ปลงงานก็ไม่ขนาดนั้น ปลงเปลี้ย สังคมที่เป็นประชาธิปไตยอาตมาเคยยืนยันว่าพระพุทธเจ้านี่คือสุดยอดของนักประชาธิปไตย คนก็ฟังไม่เข้าใจ บอกว่าเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไรในยุคนั้นไม่มีความรู้เรื่องประชาธิปไตย ก็ใช่ มนุษยชาติต่างๆยังไม่มีความรู้เรื่องประชาธิปไตยเพราะโลกในยุคนั้นยังไม่มีประชาธิปไตย มีแต่ราชาธิปไตยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ กันทั่วโลก เป็นสังคมทาส แต่มีประชาธิปไตยแล้วพระพุทธเจ้าพาทำประชาธิปไตย พระพุทธเจ้านี่แหละคือองค์ธรรมะประชาธิปไตยและออกธรรมนูญของท่าน ผู้ที่มาเข้ารีตเข้าหมู่ของพระพุทธเจ้าเช่นภิกษุเป็นต้น ภิกษุคือนักประชาธิปไตยของศาสนาพุทธในยุคนั้น คนยุคนั้น ภิกษุ หรือพุทธศาสนิกชนที่ใส่ใจศึกษาตามพระพุทธเจ้าความเป็นประชาธิปไตยแล้ว ยิ่งภิกษุก็คือจริง ภิกษุมานี่ ญาติปริวัตตังปหายะ โภคขันธาปหายะ แล้วมาเดินทางของพระพุทธเจ้าเป็นสาธารณโภคี สาธารณโภคีนี่แหละคือสุดยอดประชาธิปไตย ผู้อยู่ในนี้เสียภาษีร้อยเปอร์เซ็นต์ พูดไปแล้วไม่รู้กี่ที สุดยอด หรือจะเป็นคอมมิวนิสต์ก็คอมมิวนิสต์ที่สุดยอดเสียภาษีให้แก่ส่วนกลาง 100% ไม่มีตัวตนไม่มีของของตัว ยุคโน้นพระพุทธเจ้าทำได้ สงฆ์ภิกษุของพระพุทธเจ้า ญาติปริวัตตังปหายะ โภคขันธาปหายะ ไม่มีสมบัติส่วนตัวจริงๆ จะมีพวกerrorบ้างเล็กน้อย องค์รวมเป็นไปได้อย่างแท้จริง ในยุคนี้ก็ทำได้ท่ามกลางทุนนิยมบริโภคนิยมที่สุดยอดหนักหนาสาหัส เรายังสามารถเอาสาธารณโภคีที่เป็นประชาธิปไตยสุดยอด คอมมิวนิสต์สุดยอดมาสถาปนาลงในสังคมไทยได้ อาตมานำมายังไม่ถึงขั้นพระพุทธเจ้า ในวงฆราวาสก็ทำได้ไม่ใช่อาตมาเก่งแต่ว่าธรรมะของพระพุทธเจ้ามีประสิทธิภาพมีอิทธิฤทธิ์มีอิทธิพลเด็ดขาด แล้วยุคนี้ ไม่ใช่ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มีสิทธิมนุษยชนกันแล้วพวกคุณมาที่นี่ไม่มีใครบังคับมาอย่างอิสระเสรีภาพสมัครใจมาเองไม่ได้ถูกล่อลวงมาด้วย ถ้าใครไม่มีภูมิปัญญาจริงๆเขาไม่เข้ามาหรอก จะเข้ามาอยู่ในชุมชนไม่มาหรอก จ้างก็ไม่มา เข้ามาเพราะเขามีภูมิปัญญาพอ ของคุณนี่แหละมาอันนั้นจริงๆ นี่คือสัจธรรมที่ยิ่งใหญ่ ในยุคนี้เอามาประกาศได้ เพราะมีองค์ประกอบพร้อม ไม่ใช่ยุคที่เป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์รู้จักสิทธิมนุษยชน สังคมเขาก็ต้องการอย่างนี้แต่เขาทำไม่ได้ หากประเทศไทยมีผู้บริหารประเทศที่เข้าใจอันนี้ของพระพุทธเจ้า อย่ามาเข้าใจว่าอันนี้เป็นของโพธิรักษ์ โพธิรักษ์ไม่มีน้ำยาอะไรที่จะมีความรู้ขนาดนี้เรื่องสาธารณโภคี แต่เป็นของพระพุทธเจ้า แล้วเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ คนไทยมีอนุสัยของโลกุตรธรรมฝังรากมา แม้ยังไม่มีใครขุดคุ้ย แต่อาตมาก็ขุดคุ้ยขึ้นมา ขอยืนยันว่าชาวอโศกเป็นพวกโลกุตรบุคคล เป็นแดนโลกุตระ แดนศิวิไลซ์ อย่างนายธเนศ วรากุลนุเคราะห์ร้องเพลง แดนศิวิไลซ์ ไม่เป็นหนี้ พึ่งตนเองรอดทำให้มากให้เหลือแล้วสะพัดแก่สังคมภายนอก เราทำมาตลอด แต่เราไม่ได้มีสถิติให้แก่คนอื่นเขาแต่เราทำทันที อย่างคนทำงานฟรี ทำแต่ละหน้าที่ก็ต้องมีผลผลิตจากแรงงานที่ทำ พฤติกรรมสังคมที่ผลิต แรงงานสร้างอันนี้ให้กับสังคมแล้วก็ออกไป หรือแม้แต่ให้เป็นความรู้ คนที่มาอยู่ในชาวอโศก 1. ปฏิบัติศีลเพื่อให้เกิด อธิจิต ซึ่งจะสั่งสมลงเป็นสมาธิในที่สุด สมาธิเป็นเรื่องลึกซึ้ง สมาธิของพระพุทธเจ้านั้นไม่ได้มีเกิดได้ง่ายๆ ต้องเกิดหลังจรณะ 15 วิชชา 8 เป็นจิตที่ตั้งมั่น จะต้องเป็นจิตที่อุเบกขา จิตสะอาด ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา สั่งส้มตกผลึกเป็นอนุรักขนาปธานตั้งมั่นแข็งแรงกันนั่นแหละคือสมาธิ ทำสมาธิของศาสนาพุทธไม่ได้ง่ายๆตื้นๆ แต่ทุกวันนี้พูดหรือทำสมาธิกันไม่ได้เป็นเรื่องลึกซึ้งเลยทำอย่างง่ายๆ ตื้นๆ มันไกลจาก สภาวะปรมัตถ์เป็นจิตเจตสิกที่จะสั่งสมจิตที่ไม่มีกิเลสไม่มีนิวรณ์ สะอาดแล้วตกผลึกแล้วมารวมตกผลึก จับตัวกันตั้งมั่นแข็งแรง มันไกลหลายโยชน์ กับสมาธิของพระพุทธเจ้า ผู้ที่ไม่มีสมาธิอวดอุตตริมนุสสธรรมว่าเป็นสมาธินี่แหละความเสื่อมของศาสนาพุทธ อาตมาเข้าใจสมาธิของศาสนาพุทธพยายามจะอธิบายและพาให้คนเกิดสมาธิของพระพุทธเจ้า สมาธิไม่ใช่การนั่งหลับตาปฏิบัติได้สมาธิคือชีวิตที่ทำจิตใจเราสะอาดเป็นอุเบกขาได้ อุเบกขาสั่งสมตามบารมีในฐานะ พระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ หรือสูงกว่าพระอรหันต์ก็สั่งสมไปได้ ก็มีผลจริงในพวกเรามีของจริงได้อาศัย สังคมชาวอโศกจึงเป็นสังคมที่มีสถานภาพ ที่มีคุณสมบัติโลกุตรธรรม อาศัยจริงๆ สบาย นอกจากคนที่ไม่มีคุณธรรมพอ เหมือนคุณเป็นเหล็กอ่อนที่มีแต่กิเลส โยนเข้ามาในนี้ก็เด้งออกไป แต่ถ้าเหล็กอ่อนขั้นดีโยนเข้ามาในอโศกก็มาถูกจัดระเบียบถูกสนามแม่เหล็กจัดระเบียบก็มาเข้าที่เลยเป็นสนามแม่เหล็กด้วยเลยอยู่เข้าที่ นอกจากคุณจะโมเลกุลเป็นเหล็กอ่อนที่เกเรเกตุง คุณจะอยู่ไม่ได้เอง นี่คือเรื่องที่เป็นสัจจะในตัวของมันเอง ในกลุ่มของชาวอโศกคนเลอะเทอะเข้ามาไม่ได้หรอก มันเป็นสัจจะเหมือนกัมมันตรังสีมันกัันเอาไว้ทำให้เข้ามาไม่ได้ เป็นเรื่องที่ อจินไตยอย่างหนึ่ง คนอยู่ในนี้เหมือนมีอะไรคุ้มครองเหมือนขยายความไปไกลๆกว้างๆ ว่า ประเทศไทยมีพระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง ก็นัยคล้ายกัน หลายอย่างในประเทศไทยเป็นต้นว่าธรรมชาติรุนแรง ประเทศไทยเราก็ไม่ค่อยมี ไม่เหมือนประเทศข้างเคียง โดนเยอะแยะ โดนธรรมชาติรุนแรงต่างๆนานา แต่ประเทศไทยไม่โดน หรือว่าเป็นเรื่องหางๆเข้ามาเท่านั้นเอง จริง เมืองไทยนี้ไม่เจออย่างนั้น สู่แดนธรรมว่า..แต่ประเทศไทยมีนักการเมืองที่ร้ายกว่าทุกประเทศ พ่อครูว่า…อย่าว่าแต่นักการเมืองเลย นักธรรมะที่เลวร้ายกว่าใครก็มี เลวร้ายประเทศที่คนไม่รู้เท่าทัน ขนาดชาวพุทธคนไทยยังหลงว่าเขาดีเลย แต่เป็นผู้ที่อยู่ในฐานะสูงด้วยนะ ช่วยป้องกันเขาไว้ เท่านั้นเอง มันซับซ้อนหลอกทั้งๆที่เค้าแย่เต็มทีเหมือนเขาทำดีมีประโยชน์ แต่เขาก็สร้างอำนาจซื้อ เถรสมาคมเขาซื้อไว้หมด อยู่ในอำนาจเขาหมดจนบัดนี้ก็ยังระลึกถึงบุญคุณเขาอยู่ในอำนาจของเขา ตอนนี้ก็เท่ากับธัมมชโยถูกธรณีสูบ ใครเห็นบ้าง ถูกธรณีสูบอยู่ แล้วคน ลูกศิษย์ที่มีความศรัทธา เขาจะมองว่าท่านมีอภินิหาร ท่านสามารถล่องหนหายตัวได้ทำอะไรท่านไม่ได้ท่านอยู่เหนือชั้น เขามองไปอีกแง่หนึ่งเลย แต่เรามองว่าขณะนี้เขาคือผู้ที่ถูกธรณีสูบ เห็นไหม มันต่างกัน มองเข้าใจต่างกัน อาตมาเห็นอย่างนี้ก็พูดตรงๆ ขออภัยที่พูดเหมือนไปลงโทษธัมมชโย แต่ไม่ได้ลงโทษ เขาเป็นอย่างนั้นก็เลยเอามาอธิบายความรู้ทางศาสนาทางธรรมะสู่กันฟัง อาตมาไม่ได้มีจิตใจอำมหิตลบหลู่ ไม่ได้มีอุปกิเลสพวกนี้ มายา สาเฐยยะ มักขะ ปลาสะ อิสสา มัจฉริยา มานะ อติมานะ มทะ ปมาทะ ก็ไม่มีหรอก ไม่ใช่อวดดี พูดอย่างประมาทก็ไม่ใช่พูดอย่างมีเจตนาให้เห็นพอสมควร มีแต่เจตนาที่จะพูดหรือไม่พูด เมืองไทยไม่ว่าจะเป็นด้านการเมืองหรือด้านศาสนา ในโลกเขาก็ยกให้เมืองไทยเป็นเมืองศาสนาพุทธ ยิ่งทุกวันนี้เมืองไทยสามารถกู้โลกุตรธรรมมาได้บ้างแล้ว ยิ่งเป็นเมืองแห่งพุทธศาสนา อาตมาจึงบอกว่าเป็นเมืองชมพูทวีป แม้แต่การเมืองก็เป็นประชาธิปไตยที่ดีที่สุดในโลกขณะนี้ แต่คนไม่เข้าใจถึงความเป็นประชาธิปไตยที่ดีที่สุดได้ มีฝ่ายค้านก็เข้าใจ ฝ่ายค้านที่เป็นกิจจะลักษณะเขาจะทำ นอกจากพวกหมาเห่าใบตองแห้ง หมาเห่าเครื่องบินก็มีบ้าง มันก็อย่างนั้นเท่านั้นเอง ทำอะไรไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นฝ่ายค้านก็จะค้านอย่างเป็นประชาธิปไตย โลกหรือ สังคมประชาธิปไตยไม่มีฝ่ายค้านไม่ได้ เขาก็ทำหน้าที่ของเขาดีแล้ว สมณะเดินดินสรุปจบ Category: ศาสนาBy Samanasandin1 พฤศจิกายน 2019Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:EBOOK หนังสือ“รวมคนจะมีธรรมะได้อย่างไร? (เล่ม ๓)”โดยสมณะโพธิรักษ์รวบรวม จากคอลัมน์ “คนจะมีธรรมะได้อย่างไร?” ในหนังสือพิมพ์ “เราคิดอะไร”NextNext post:621103_วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ปัญญาโลกุตระพากำจัดเวทนาเก๊Related Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024