621208_วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ทานและบุญที่ฆ่าตัวตนและของๆตน
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1mhpLtfue9RMaFjS1cYXDXdVvAfQXQACCi07IMUGD_nQ/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1f-hPgfwzlD9PCfn-2w5hj1ZQi72MqEV7
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก หากว่าห้องนี้มีผู้ชายมากกว่าผู้หญิงหรือเท่าๆกันคงจะเจริญมากขึ้นอีก
พ่อครูว่า…เพราะอะไรทำไมผู้หญิงสนใจทำไมผู้หญิงหรือผู้ชาย เพราะว่าผู้หญิงมีทุกข์มากกว่าผู้ชาย ผู้ชายมีทุกข์น้อยกว่าจึงประมาทเลินเล่อ ไม่ดิ้นรนไม่แสวงหามากเท่าผู้หญิง
สมณะฟ้าไทว่า…เดี๋ยวนี้ผู้หญิงแท้ก็ดูยาก มีผู้หญิงเทียมที่แปลงเพศจากผู้ชายมาแทบจะเหมือนกับผู้หญิงทั้งหมดตัว
พ่อครูว่า…สังเกตดูได้จากกระดูกเชิงกรานได้ ผู้ชายจะมีกระดูกเชิงกรานที่เล็กกว่าผู้หญิงเป็นสิ่งที่แปลงเพศไม่ได้
วันนี้มีข่าวดีๆน่าชื่นใจเกี่ยวกับโลกุตรธรรมเดี๋ยวจะได้พูดถึง
SMS วันที่ 6 ธ.ค. 2562
_เพ็ญจันทร์ ภูมิเทศ : สัญญานที่ขอนแก่นค่อนข้างเบานะคะ
_ศิริ หินทอง: ยังคงจำ วลีว่า พี่น้องยังคงก้อง ในใจไม่รู้หายยังชื่นชม ท่านปรีชามาทักทายในรายการ ตำนานเพลงบรรเลงนั้นเป็นผู้ใหญ่ ที่รัก และเคารพสัมปรายภพ ท่านคงสู่สวรรค์จากแต่ร่าง คุณความดี นี้นิรันด์อยากให้ท่าน มาเกิดใหม่ ในหมู่เราด้วยรักและเคารพ
พ่อครูว่า…ทำไมว่าไม่ไปเกิดที่ไหนไกลหรอก พลเอกปรีชาเป็นคนรักบ้านรักเมืองรักพี่รักน้องเป็นโพธิสัตว์
อาตมากำลังเขียนถึงพลเอกปรีชากำลังคิดว่าจะเขียนให้สั้น
บอกอยากมาอยู่บ้านราชฯแต่รักครอบครัว ครอบครัวยังยาก ก็เลยต้องตามใจลูกเมียจนกระทั่งสุดท้ายก็เสียชีวิต จิตวิญญาณที่ฝังอยู่ในจิตลึกๆพวกนี้ไม่ต้องห่วงหรอก และคุณธรรมมีพอที่จะมาอุบัติ ณ ที่นี้ได้ แล้วมันจะไปไหนเสีย
ปัญญาเกิดจากมิตรดีและศัตรูผู้มุ่งร้าย
_อรุณวรรณ ทาทา : ดิฉันมีพ่อและแม่นับถือพ่อท่านมาตั้งแต่ตัวดิฉันอยู่มัธยม ปัจจุบันคุณพ่อป่วยและมีแม่เป็นผู้ดูแล ด้วยลูกๆมัวแต่ทำมาหากินทางโลก อันนี้เพิ่งมาเพ่งพิจารณาตนเองหลังจากติดตามและทบทวนฟังพ่อท่านเดิมฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ทิ้งเวลาโง่มานานเกือบ 30 ปี จนวันที่พ่อรอวันตายท่านพร่ำบอกว่าอยากให้สิ่งนี้เพื่อยกจิตวิญญาณลูกเอง ดิฉันเลยลองมาตั้งใจศึกษาและตามอ่านพ่อท่านอย่างจริงจังในปี 2562 นี้ ซึ่งดิฉันพบว่า ตนเองช่างโง่แท้ แค่ศีล 5 ยังหยาบเหลือเกิน
พ่อครูว่า…เกิดปัญญา ฟังอาตมาแล้วก็เกิดความเข้าใจ ดูทั้งหมดหนูมีพฤติกรรมสังคมมีการปฏิบัติอย่างไร จนเกิดปฏิภาณเห็นว่าศีล 5 ของเรานี้ยังหยาบเหลือเกิน ก็หมายความว่าต้องเห็นว่าคนอื่นต่างๆ ไม่ใช่ว่าเฉพาะอาตมา แต่ศีล 5 ของพวกเราชาวชุมชนที่ร่วมกันอยู่ในนี้ เทียบได้เลยว่าศีล 5 เราช่างแย่กว่าเขา แย่กว่าหมู่เขาจริง มิตรสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดีเป็นทั้งหมดทั้งสิ้นของพรหมจรรย์ นี่แหละคือสนามแม่เหล็กที่เราเป็นเหล็กอ่อนแท่งหนึ่ง เข้ามาอยู่ในนี้พลังงานของสนามแม่เหล็กมันจะจับเราจะช่วยเรา ปรับตัวเราเลย แม้แต่แค่วัตถุเป็นเหล็กอ่อนเข้าไปในสนามแม่เหล็กมันก็จะจัดเรียงขั้วเหนือขั้วใต้ออกตกให้ได้เลย อย่างที่เหล็กอ่อนอันนั้นแข็งคือไม่ได้จะต้องเป็นไปตามสนามแม่เหล็กทันที นั่นเป็นเรื่องของวัตถุ คนก็มีนัยยะที่จะมีสนามแม่เหล็กของสังคมเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นสังคมสิ่งแวดล้อมที่ดีจึงมีอิทธิพลอย่างมากที่คนจะต้องเข้ามาอยู่ในที่นี้แล้ว อยากจะเจริญในธรรม สังคมจะช่วยคุณเจริญในธรรมได้อย่างดีเพราะมันมีพลังมีอะไรต่างๆเยอะแยะ อันนี้ก็แนะนำไม่ใช่พูดอ่อยให้คุณเข้ามา แต่พูดแนะนำว่าพวกที่เข้ามาก็อยากจะเจริญ อย่าไปอยู่กับทางโลกที่มันหลอกมันอ่อยว่าอย่างนั้น ไปหลงคารมมัน นี่แหละฉลาดน้อย แปลไทยเป็นไทยว่าโง่
_รักธรรม สรหงษ์ “ไอ้โง่ กราบหมา” ช่างตั้งชื่อและนามสกุล ได้เหมาะสมกับตัวผู้ถามจริงๆ เหมาะสมแล้วด้วยประการทั้งปวง
พ่อครูว่า…เขาตั้งชื่อด้วยเจตนาจะมาด่าเราเมื่อเราอ่านชื่อเขา ครั้งอาตมาก็ไอ้โง่เป็นหมาตัวหนึ่ง พวกคนก็ไอ้โง่เป็นหมาตัวหนึ่ง ขบวนการนี้เลยเป็นกระบวนการเป็นไอ้โง่ที่เอาแต่กราบหมาทั้งนั้นเลย เขาฉลาดจริงๆ ที่จริงก็ดีนะมีคนที่ไม่ชอบหน้าเราเท่าไหร่แต่เขาก็ฟังและติดตามดูกันไป ทนไม่ได้เขาก็แสดงออกมา การแสดงออกมาที่คุณส่งมาก็ขอบคุณ ส่งมาอีกก็ได้ เราไม่ได้รังเกียจหรอกส่งมาอีกก็ได้
_0015 : คนนามสกุล”กราบหมา” ถ้ามีเจตนาบริสุทธิ์ แต่เข้าใจผิดและว่าพวกเราเสียหายอย่างนั้นจะบาปไหมครับ
พ่อครูว่า…อาตมาก็ไม่อยากจะไปพูดความจริงต่อไปหรอก ก็ขอฝากคืนไปก็แล้วกัน จะบาปหรือไม่บาปก็พยายามคิดดูให้ดี จะต้องศึกษาให้ดีว่าถ้าทำอย่างนี้ คุณทำแล้วจะบาปไหม คนอื่นชัดเจนว่าถ้าเราทำอย่างนี้จะบาปไหมก็เข้าใจด้วยตัวเองได้ บาปมันไม่เข้าข้างว่าชื่อนี้คนคนนี้มันไม่เข้าข้างใครนะบาป คนคนนี้ทำบาปแล้วไม่บาปเพราะว่าเป็นคนคนนี้ก็ไม่ใช่ คนไหนถ้าทำบาป มันคือบาปก็ต้องบาป ถ้ากรรมนั้นเป็นกรรมที่เป็นบาป ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ต้องมีบาปนอกจากคนที่ทำแล้วไม่มีบาปก็จะไม่มี พระอรหันต์ถือว่าเป็นคนที่ไม่มีบาปทั้งปวงแล้ว สัพพะปาปัสสะอะกะระณัง มีความชัดเจนเข้าใจเพียงพอที่จะรู้กรรมกิริยา กายวาจาใจ ที่เป็นบาป ต้องมีความรู้และมีพลังพอที่จะไม่ให้บาปนั้นขึ้นมาได้ ต้องตัดสินถึงขั้นเป็นพระอรหันต์จึงจะมีพลังจิตที่เพียงพอที่จะสู้อำนาจกระทบกระเทือนกระทบกระแทกที่จะมาชวนให้ทำบาปจากข้างนอก อำนาจของข้างนอก จากคนทั้งหลายนี่แหละเป็นสำคัญ แล้วก็สร้างทั้งวัตถุทั้งพฤติกรรม ตั้งตัวคนเอง ชวนกัน เพื่อที่จะให้เราไปทำบาปตามที่เขาต้องการนั้น เราไม่ทำ พระอรหันต์จะไม่ทำ ตายดีกว่าที่จะทำบาปนั้นอย่างนี้เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้พระพุทธเจ้าค้นพบแล้วเอามาพิสูจน์ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ยืนยันถูกต้องตามแนวเดียวกัน เพื่อเอามาสร้างคน ทฤษฎีของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์เอามาสร้างคนให้เป็นไปตามทฤษฎีที่ท่านมีสำเร็จแล้ว พระพุทธเจ้ามีมาแล้วไม่รู้กี่ล้านองค์ นับไม่ถ้วน คนจะไปตามว่าพระพุทธเจ้าองค์แรกคือใครก็ตามไม่เจอ แต่เท่าที่ตรวจสอบระลึกไปได้ พระพุทธเจ้าก็เหมือนกันหมด มีทฤษฎีการศึกษาความเป็นมนุษยชาติอันเดียวกันหมด ไม่มีอันอื่น ไม่มีอะไรที่สูงสุด เป็นทฤษฎีสูงสุดอันหนึ่งอันเดียว
_ดีทน อินสะพรหม : ขอบคุณ”ไอ้โง่ กราบหมา” ไห้เขาหน่อยที่ช่วยเป็นอุปกรณ์ในการปฎิบัติธรรมไห้ใครหลายๆคน สาธุ
พ่อครูว่า…มีการกระทบและดูแลเราว่าเป็นอย่างไร มีความชอบใจหรือไม่ชอบใจ แม้แต่คุณเกิดอาการอื่นๆ เราก็ได้ปฏิบัติได้ฝึกวางใจ มันวางใจได้สนิทมันรู้สึกเฉยๆนอกจากวางใจแล้วยังรู้สึกสงสารเขาเมตตาเขาไม่อยากให้เขาเป็นคนเช่นนี้ เป็นอาการจิตที่คนแต่ละคนตรวจสอบตามที่อาตมาพูดไปนี้ได้ว่าเรามีไหม
ความชั่วของเราเองก็ต้องตรวจสอบ แต่ความชั่วอันเก่าของอาตมานั้นไม่ค่อยได้เข้ามาพูดเพราะว่า ของคนอื่น พูดกันชั่วกว่านี้เยอะแยะแล้วเราก็เลยได้แต่พูดความดี พวกคุณบางอย่างเป็นความดีที่พวกคุณอ่านไม่ออกเป็นความลึกซึ้งก็เลยต้องพูดให้ฟัง ให้รู้ว่าดีอย่างนี้ก็มี คุณก็จะได้ติดตามแล้วค่อยๆดูความลึกของความดีงามนี้ ซึ่งเป็นไปได้ยาก
_งามใบตอง นิลมณี : นัอมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพยิ่งค่ะน้อมกราบท่านสมณะท่านสิกขมาตุค่ะ ฟังพ่อครูอ่านSMSของคนที่เข้ามากวนกิเลสแล้วรู้สึกฮาดีค่ะ แทนที่จะโมโห เพราะเรามีผู้นำทางจิตวิญาณที่ประเสริฐสุดในยุคนี้ที่โลกีย์ร้อนแรง แต่เรากลับอยู่เย็นเป็นสุขไม่เดือดร้อนใจ เพราะเราปฏิบัติตามเส้นทางสัมมาทิฏฐิที่พ่อครูเป็นผู้นำพาน้อมกราบขอบพระคุณพ่อครูมากค่ะ
_จักจั่นทิพย์ สว่างล้ำ : เห็นด้วยกับคุณงามใบตองค่ะรู้สึกเช่นนั้นเหมือนกันค่ะ
_ปิ่น คำเพียงเพชร น้อมกราบนมัสการเจ้าค่ะ…ธรรมะที่พ่อครู และท่านสมณะ ท่านสิกขมาตุ นำมาสอนนำมาเผยแพร่คือธรรมะแท้ๆที่จับต้องได้ สามารถนำมาปฏิบัติแล้วได้ผลจริงคือทำให้ลดทุกข์ได้จริง พาออกจากทุกข์ได้จริง พ้นทุกข์ได้จริงตามลำดับ …ท่านคือนักบวชที่ข้าเจ้า น้อมกราบแทบเท้าท่านด้วยจิตคารวะทุกครั้งอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจเลย เจ้าค่ะ สาธุ…
_จักรพล พุทธพัฒนา : เป็นโสด…โคตรทันสมัย!!!
_เกษรา ตั้งฉัตรกมล : สาธุ สาธุ สาธุ
_ถึกไท ณ ห้วยขาแข้ง : ท่านที่ฝึกฝนมาตามขั้นตอนที่ พ่อครู สอน(ตนเองไม่มีสภาพเฉโก)ย่อมมีผล อาริยะ จริงๆ ครับ
_ปิ่น คำเพียงเพชร : ยอดผู้เข้าชมพ่อครูแสดงธรรมไลฟ์สดวันนี้ สูงสุด ที่ 212 ท่านเจ้าค่ะ
_กล้ายอม ชาวหินฟ้า เป็นศิษย์ใหม่ในจิตอย่าคิดมาก ทุกหลุมขวากทุ่มแรงให้แกร่งกล้า มุ่งใจเข้มเต็มฟัดมั่นอัตรา เพื่อสัมมาเต็มแก่นเป็นแกนจริง ๗ ธันวาคม ๒๕๖๒
พ่อครูว่า…กล้ายอมตอนนี้อาการหนักมากแล้ว เอามาอยู่ที่ปฐมอโศกแล้วก็ต้องออกกลับไปโรงพยาบาลอีก ก็เป็นไปเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปวาระนี้ก็ต้องทน
มาดูข่าวคราว ตั้งใจจะพูดถึงเรื่องการทาน
นิมนต์จิบน้ำ
สมณะฟ้าไท…ประเด็นสำคัญคือบาปไม่เข้าข้างใคร
พ่อครูว่า…วันนี้ไปตอนรับแขกเป็นชาวญี่ปุ่น เขาอยู่เชิงเขาฟูจิ เขาตั้งชุมชนขึ้นชุมชน 1 เรียกว่าชุมชน โคโนฮานา Family ก็มีผู้ที่นำพาบอกกล่าวให้มาที่นี่ มาพบอาตมา ก็คุยกัน เขาก็บอกเล่าว่าเขาเองตั้งหมู่บ้านตอนนี้มีสมาชิกอยู่ 120 คน และพลเมือง 120 คนนี้ สูงกว่าเราสูงกว่าสังคมสาธารณโภคีเรา คือทุกคนนี้ไม่มีเงินของตัวเองเลย เอาเข้ากองกลางหมดทุกคนเลย 120 คนนี้ ทุกคนใช้กับกองกลางจริงๆ แต่คนอโศกของเราบางคนมีเงินเป็นร้อยล้านก็มี เราก็ไม่มีปัญหาอะไร อาตมาว่าอย่างเรานี่แหละมันจะขยายได้กว้าง จะขยายได้อย่างเชื่อมโยงกันไป เป็นชาวสาธารณโภคีที่เข้มข้นจนถึงจางไปเชื่อมกันหมดเลย พวกที่อยากเอาไว้เป็นของตัวเอง จนกระทั่งไปเชื่อมต่อกับโลกียะเลย
กรรมของเขาแต่ละคนจะหวงแทนหรือจะสูงขึ้นมันไม่มีปัญหาอยู่กับสาธารณโภคีเพราะเราเป็นคนมีวรรณะ 9 สมบูรณ์มีสาราณียธรรมเต็มรูป ตามหลักธรรมพระพุทธเจ้ามีวรรณะ 9 คืออย่างไร สาราณียธรรมคืออะไรก็ต้องอธิบายกันไปสุดยอดเลย
คนต่างประเทศแท้ๆไม่ใช่คนประเทศไทย เขาก็บอกว่าเขาถือพุทธ แต่เขาบอกว่าพทธของเขาไม่ได้มีความรู้ไม่ได้มีทฤษฎีอย่างที่อาตมาอธิบายกับพวกเรา โดยเอาหลักตามพระไตรปิฎกไปใช้เขาไม่ได้มี แต่เขาก็มีคุณธรรมอันนี้ได้ และมีระบบเดียวกันคือ ส่วนกลาง อาตมาเคยบอกว่าสังคมของเราเป็นสังคมสาธารณโภคี คนในสมาชิกชุมชนเราทำงานอยู่ในนี้แล้วไม่รับรายได้เลย คุณจะไปทำงานข้างนอกแล้วเอาใส่กระเป๋าตัวเองเราไม่ได้ไปตามวุ่นวาย แต่คุณอยู่ในนี้ก็บริสุทธิ์ใจ ได้แล้วก็เอาเข้ากองกลาง
ทำเสียภาษีร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำได้เท่าไหร่ก็ให้ไปหมด ถือว่าสูงสุดแล้ว เราทำได้มาขนาดนี้ ส่วนพวกที่จะมี Error ส่วนตัว เขาก็บังคับตัวเองไม่ได้เขาก็อยากจะเป็นอย่างนี้สูงสุดเหมือนกัน แต่ธรรมะมันยังไม่ถึงแล้วจะไปบีบบังคับได้อย่างไร เราก็ต้องเข้าใจอย่างนี้ก็ต้องให้เขาเป็นไป เขาก็เห็นจริง
สัจจะของปัญญาหรือความเฉลียวฉลาดแบบโลกุตระ คือมันไม่มีตัวตนและไม่มีของของตน 2 คำนี้ยิ่งใหญ่
เอาเงินทองเป็นตัวละคร มันไม่ใช่ของของตนจริงๆ ก็เอาเข้าส่วนกลางหมด เราก็ใช้สอยอยู่ในส่วนกลางก็มีสิทธิ์ใช้อยู่ มันจะจริงใจด้วยความฉลาดด้วยปัญญา มันไม่มีตัวตนมันไม่มีความเป็นของของตน เราไม่มีตัวตน อันนี้ก็ไม่ใช่ของของตน ปัญญามันเห็นว่าไม่ใช่ของของเรามันเป็นของส่วนกลางของโลก แล้วเราก็มีสิทธิ์ใช้อยู่ที่นี่ที่นี่ก็มีระบบวิธีของเขา เขาไม่ได้บอกว่าเราไม่ได้มีสิทธิ์ใช้นะ ก็เห็นเห็นอยู่
เพราะฉะนั้นถึงบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องธรรมดา มันซ้อน ขออธิบายอีกนิดนึง คุณยิ่งมีมาก คุณก็คิดว่าเป็นของของเราเราก็อยากไว้ถือว่าเป็นของของเรา ถือเป็นความบริสุทธิ์ว่าเป็นของของเรา ยกตัวอย่างเรามี 1000 ล้าน เราก็เอาเข้ากองกลาง 1000 ล้าน แล้วคุณคิดดูคุณสละให้ส่วนกลาง 1000 ล้าน คนเขาจะรู้สึกกับคุณอย่างไร คุณจะขอเบิกใช้จะง่ายกว่าคนที่ไม่ได้เอาเข้าสักล้านเลยไหม นี่คือสภาพของสัจธรรม ซึ่งมันเป็นไปอย่างนี้ เป็นแต่เพียงว่าคุณจะรู้สึก guilty ตัวเองหรือเปล่า เราเอาเข้าตั้ง 1 ล้านจะเบิกอย่างสุรุ่ยสุร่าย 100 ล้าน 200 ล้านหรือเปล่า ดีไม่ดีเบิกเกินไปด้วย ดีไม่ดีเขาบอกว่าเบิกเกินกว่าที่เอาเข้าแล้วนะ
สรุปแล้วจิตวิญญาณนี้มันจริง โลกทั้งโลกก็กำลังเดินทางเข้าสู่โลกุตรธรรมอันนี้ โดยเฉพาะสังคมมนุษยชาติที่มีลักษณะจิตที่เป็นโลกุตระธรรมของพระพุทธเจ้า ที่เราเอาตำราคำสอนพระพุทธเจ้ามายืนยัน เป็นสังคมหมดเนื้อหมดตัว สังคมที่ไม่มีตัวตน ไม่มีของของต้น มันมีความลึกซึ้งวิเศษล้ำอย่างไร และเป็นอยู่กันอย่างไรสังคมที่ไม่มีของของตน และไม่ต้องยักไว้มีไว้เป็นของของตน หรือเราจะเบิกมาทำงานใช้ก็ไม่ได้เห็นว่าเป็นของของตน จะใช้ก็ใช้และเราก็เป็นคนที่มีคุณธรรมไม่ได้สุรุ่ยสุร่าย มันจะค้างเราไว้สักพันสองพัน รู้สึกว่ามากแล้วเอาไปคืนเขาเถอะ จะต้องใช้อีกก็ไปเบิกมา 1,000 บาท 2,000 หรือจะเบิกมากกว่านั้นน้อยกว่านั้นก็ตาม ก็จะเห็นว่าไม่ต้องมีหรอก เหลือสัก 10 บาทก็ไม่คืนเลย หรือเอาเข้ากองกลางไม่ต้องมีสักบาทเลยก็ได้ ก็แล้วแต่คุณ ไม่เห็นเป็นเรื่องประหลาด เป็นเรื่องกุศลเป็นเรื่องดีแน่และเป็นเรื่องของบุญแน่ๆ เป็นคนที่ลึกซึ้งมากมาย
บุญคือฆ่ากิเลสความเป็นตัวตนความเป็นของของตน ถ้ามันมีของของตน ยึดไว้เป็นของของตน
บุญนี้คือเครื่องประหารตัวตน ประหารของของตน คุณยังไม่มีนะ แต่บุญจะฆ่าคุณประหารคุณ โหดนะบุญนี่ นักฆ่ามือหนึ่ง เป็นนักฆ่าตัวตน นักฆ่าของของตน นักฆ่ากิเลสโลภโกรธหลง
ฟังแล้วรู้สึกว่าประหลาดไหม
พวกคุณก็คงจะไม่ประหลาดแต่มันเป็นจริงไหม …จริง
ใช้พยัญชนะคำว่าบุญ เดี๋ยวจะได้เทศน์เรื่องทานที่ไม่มีบุญ หรือรักษาศีลที่ไม่ได้บุญก็มีทานกับศีล เป็นตัวภาคปฏิบัติที่ยิ่งใหญ่
ทำทานถือศีลก็มีแบบที่เป็นบาปก็ได้ ต้องเอาที่สภาวะเป็นหลัก
ขอสรุปว่าวันนี้เป็นวันได้ พบกับ โคโนฮาน่า เขาเป็นpresident เอง ชื่อเล่น ดร.จีจี้
มันมีเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดแล้วเขาก็เป็นจริงมีสถานที่จริงตัวตนพฤติกรรมเกิดจากจิตวิญญาณแล้วก็ทำจริงแล้ว เข้าเป็นมาแล้ว 20 กว่าปีแล้ว ตั้งชุมชนนี้มาได้ 20 กว่าปีแล้ว ก่อตั้งเมื่อปี 2524
ต้องขายทรัพย์สินส่วนตัวและเอาไปเป็นทรัพย์สินส่วนรวมโดยมีคณะกรรมการบริหารดูแลทรัพย์สินและดูแลกิจการทางด้านสังคมวัฒนธรรม การดำเนินชีวิตการผลิตการพึ่งพาตนเองและกิจกรรมในทุกๆด้านที่เป็นปฏิสัมพันธ์ ระหว่างชุมชนกับสังคมภายนอก โคโนฮานา Family เป็นชุมชนที่อยู่บนรากฐานการผลิตการเกษตร ปัจจุบันมีสมาชิกชายหญิงผู้สูงวัยและเด็กจำนวน 92 คน มีแขกที่มาศึกษา และผู้ที่มาขอทดลองอยู่ร่วมแล้วร่วม 120 คน
โคโนฮานา เป็นชื่อของเทพธิดา แห่งภูเขาฟูจิ โคโน่ หมายถึงแต่ละคน ส่วนฮานา หมายถึงหมู่มวลดอกไม้นานาชนิดในญี่ปุ่น มวลดอกไม้เหล่านี้ซึ่งหมายถึงความงดงามของมวลมนุษยชาติความงดงามของสุขภาพและความงดงามของสังคมพระศรีอารย์ แล้วเขาบอกว่าพระศรีอารย์ก็คือยูโทเปีย เขาพยายามใช้สิ่งเหล่านี้เป็นบัญญัติ เขาก็เข้าใจสังคมเป็นแบบนี้ก็จะพยายามทำให้เป็นสังคมยูโทเปีย
นับตั้งแต่โคโนฮานา Family เด็กเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านพระโพธิสัตว์ ณ บริเวณเชิงเขาฟูจิ ร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือกันและกันในการที่จะอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติ และบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งปวงที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ โพธิสัตว์เล็งเห็นว่าเราควรปฏิบัติต่อผู้อื่นให้เกิดความสุขเสมอ เหมือนกับที่เราจะปฏิบัติต่อตนเอง และเราควรมีชีวิตอยู่เพื่อทำให้ผู้อื่นมีความสุข เป็นเนืองนิตย์ ถึงต้องหมั่นเพียรลดละตัวกูของกูให้ได้อย่างจริงจังเพื่อเพียงปฏิบัติแรงกายของตนให้กลายเป็นดอกไม้ที่งดงามดอกหนึ่ง เขาเชื่อว่าหากคนๆหนึ่งสามารถเปลี่ยนร่างแปลงกายเป็นดอกไม้ที่งดงามดอกหนึ่งได้ ชุมชนของพวกเขาก็สามารถที่จะกลายเป็นหมู่มวลดอกไม้ที่สวยงามจำนวนมาก ที่เชื่อมโยงเข้ากับระบบนิเวศทางธรรมชาติของบรรดาสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกนี้
พวกเขากลับมาทานอาหารเที่ยงร่วมกัน พวกเขาเชื่อในพลังแห่งจักรวาลที่ส่งทอดมายังโลกและมนุษย์ที่เป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขามุ่งสร้างความรัก ความดีและความสุขแก่เพื่อนมนุษย์และระบบนิเวศน์ทางด้านธรรมชาติ. ทุกเช้าในห้องประชุมและเป็นห้องอาหารด้วย เด็กๆจะมาทานอาหารเช้าก่อนไปโรงเรียน ผู้ใหญ่จะมีการแบ่งสรรกันไปทำงานตามความถนัดเช่นออกไปปลูกพืชผลการเกษตรทุกชนิดที่เอาไว้กิน เหลือจึงเอาไปขาย พวกเขากลับมาทานอาหารเที่ยงร่วมกัน นอนพักสองชั่วโมงแล้วจึงกลับไปทำงานต่อ ตอนเย็นเวลา 18:00 น.ทุกคนจะกลับมาอาบน้ำและทานอาหารร่วมกัน เด็กๆจะลุกขึ้นยืนเล่าเรื่องราวของตัวเองในวันนั้นๆ ก่อนที่ผู้ใหญ่จะร่วมกันร้องเพลงและเต้นรำกันอย่างมีความสุข.
ในคืนแรกที่เราไปถึงพวกเขาจัดพิธีต้อนรับเราอย่างเอาจริงเอาจัง มีการแสดงทางด้านวัฒนธรรมด้วย รุ่งขึ้นเช้าวันใหม่พวกเราพร้อมใจกันออกไปช่วยทำงานด้านการเกษตรอย่างแข็งขัน ในตอนเย็นมีการจัดงานวันเกิดสำหรับสมาชิกทุกคนที่เกิดเดือนพฤษภาคม มีการทานขนมเค้กร่วมกัน ในเช้าวันที่ 18 พฤษภาคม ก่อนออกเดินทางพวกเขาตระเตรียมขนมและของกินมากมายให้พวกเราใช้ทานระหว่างทางเข้าโตเกียวซึ่งใช้เวลาเดินทาง 3-4 ชั่วโมง บรรดาสมาชิกและหัวหน้าของพวกเขาคือคุณจีจี้ได้ให้เกียรติมาส่งพวกเราอย่างเนืองแน่นเหมือนการส่งญาติที่มาจากแดนไกล. ผมได้บอกกับพวกเขาว่าช่างเป็นคนดีของโลกและกล้าหาญอะไรถึงเพียงนี้ที่กล้าสละทิ้งสมบัติส่วนตัวทั้งหมดแล้วมาสร้างชุมชนแห่งอุดมคติในโลกมนุษย์ซึ่งผมเรียกว่าเป็นสวรรค์บนดิน วิถีชีวิตของพวกเขามิได้แตกหักกับสังคมใหญ่ของญี่ปุ่นที่เป็นระบบเศรษฐกิจทุนนิยม แม้ว่าวิถีการผลิตของพวกเขาเป็นแบบเป็นแบบเศรษฐกิจชุมชนพึ่งตนเอง แต่พวกเขาก็ยังทำเศรษฐกิจการค้าขนาดเล็กตั้งแต่ขายพืชผักผลไม้ออแกนิกและยังมีร้านอาหารขนาดเล็กที่เป็นอาหารออแกนิกรสเลิศ อาหารทั้งหมดมาจากนาข้าวและสวนไร่ที่พวกเขาลงแรงกันเองทั้งหมด ชุมนุมแห่งนี้มีปรัชญาการผลิตและการดำเนินชีวิตแบบเดียวกับ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พวกเขายกย่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 ดังที่ปรากฏพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์อยู่ทั่วไปในชุมชนแห่งนี้ วิถีชีวิตของพวกเขาที่เป็นมังสวิรัติสอดคล้องกับคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เรียกว่าสัปปายะ 4 ที่ว่ามนุษย์จะดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขที่จะบรรลุธรรมได้โดยง่ายคือ 1.มีบุคคลที่อยู่ร่วมกันอย่างเป็นกัลยาณมิตร 2. อาหารดีจากธรรมชาติ 3. อากาศดีและ4. มีครูบาอาจารย์อบรมสั่งสอนดี กล่าวได้ว่าวิถีชีวิตของพวกเขาสอดคล้องกับวิถีทางที่จะนำพวกเขาไปสู่การเป็นโพธิสัตว์ในโลกมนุษย์ จีจี้ผู้นำทางความคิดสอนว่า ชีวิตของเราเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล ชีวิตของเราประกอบด้วยธาตุ 4 คือดินน้ำลมไฟ เมื่อเราตายแล้วธาตุต่างๆที่ประกอบสร้างเป็นตัวตนของเราก็จะสูญสลายไปเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล คำสอนของจีจี้ในตอนต้นคล้ายคลึงกับคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่คำสอนส่วนท้ายแตกต่างกัน คำสอนของพระพุทธเจ้าไปไกลกว่าจีจี้ เพราะสำหรับพระพุทธเจ้าแล้วการแตกสลายของธาตุทั้ง 4 ไม่ได้ทำให้จิตหรือ รู้ แตกสลายตามไปด้วย จิตยังดำรงอยู่และไปจุติดีหรือชั่วแล้วแต่กรรมของผู้นั้นที่ได้กระทำในโลกนี้ อย่างไรก็ดีสิ่งที่ Konohana Familyได้ปฏิบัติดีเพียงเท่านี้ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งก็สมควรได้รับความชื่นชมเป็นอย่างยิ่งแล้ว.
ชุมชน Konohana เป็นชุมชน utopia ที่มนุษย์ในรอบหลายพันปีที่ผ่านมาต่างต่อสู้เพื่อสร้างชุมชน utopia ของตนเองขึ้น ชุมชนแบบนี้ไม่ได้ปรากฏให้เห็นเฉพาะในประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ในโลกยุคปัจจุบันชุมชนแบบนี้ยังปรากฏให้เห็นทั้งในยุโรป สหรัฐและในสังคมไทยด้วย. ในทางทฤษฎีเราอาจเรียกชุมชนแบบนี้ว่าเป็นชุมชนสังคมนิยม ( socialist community ) แบบหนึ่งเมื่อมองจากมุมมองเรื่องความรักและความเท่าเทียมกันของบรรดาสมาชิก แต่ชุมชน Konohana เป็นชุมชนที่มุ่งสร้างเศรษฐกิจสังคม มากกว่าเศรษฐกิจการเมืองในยุโรป ศตวรรษที่ 18-19 กล่าวคือชุมชน Konohana Family มุ่งสร้างความรัก ความสุขและการหลุดพ้นจากความเครียด ความสุขจากการเสพย์วัตถุจนเกินความพอดี การอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นที่มิใช่คนที่ผูกพันกันทางสายโลหิตในฐานะสมาชิกของคนในครอบครัวเดียวกัน มีชะตากรรมร่วมกัน สุขทุกข์ร่วมกันเพื่อสร้างอนาคตของลูกหลานของพวกเขาร่วมกัน.
จากผมเอง สังศิต พิริยะรังสรรค์ โตเกียว 19.5.61
ขอขอบคุณพระอาจารย์สังคมที่ข้อคิดและแนะร่วมกันนำการเขียนบันทึกฉบับนี้
ลดตัวกูของกูได้ก็เข้าข่ายสาธารณโภคี
พ่อครูว่า…ข้อความอันนี้ที่เอามาอ่านเป็นหลักฐานยืนยันว่าสังคมมนุษย์แสวงหาและได้ทดลองปฏิบัติตนจริง เอาชีวิตจริงมาทำ เงินทองข้าวของสมบัติก็เอามาเสียสละเอามาเข้ากองกลางจริง เอาชีวิตจริงๆของเรากล้าได้กล้าเสียทำจริงๆ นี่มันถึงขั้นนี้แล้วจะว่าไป แล้วเขาก็ยืนยันว่ามีสังคมอื่นในประเทศต่างๆยังมีอยู่ เขายังไม่ได้สำรวจจริง เพราะอะไร
เพราะสังคมที่มีส่วนกลางสูงสุดถึงสาธารณโภคีเอามารวมกันส่วนกลางหมด มันเป็นอุดมคติเป็นอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในมนุษย์โลก กำลังจะเริ่มเข้าใจกันได้ มนุษย์ในสังคมโลกกำลังเข้าใจ เพราะฉะนั้นก็เลยยังไม่มีการสำรวจ ก็เลยยังมีกลุ่มน้อย จริงๆแล้วก็เป็นกลุ่มน้อยที่บริสุทธิ์สะอาดจริงๆเหมือนยอดพีระมิด สะอาดบริสุทธิ์จริงๆก็มีจำนวนหนึ่ง นอกนั้นก็จะค่อยๆจางลงไป เชื่อมโยงต่อเนื่องเป็นลูกระนาดเป็นขั้นบันไดเป็นธรรมดาธรรมชาติเหมือนพีระมิด
ซึ่งมันเป็นสภาพที่เต็มบริบูรณ์ ไม่ใช่มีแต่เสียสละได้เต็มที่ แล้วก็ไม่มีตัวเชื่อมต่อ จากข้างล่างทำให้เกิดช่องว่าง พวกที่จนอยู่ข้างบนไม่ดึงแย่งพวกอยู่ข้างล่าง แต่พวกข้างล่างอยากเป็นคนอย่างนี้แล้วเกิดช่องว่างมันก็เลยไม่เชื่อมต่อ ข้างล่างอยากเกิด พวกไม่อยากเกิดก็จมอยู่เบื้องล่างก็แล้วแต่ จะมีจำนวนมากแน่นอน ก็มีโลกีย์ที่ยังจมปลักอยู่ในก้นบึ้งของโลกีย์
ถ้าเกิดช่องว่าง ก็จะไม่มีผู้ที่มีตัวอย่างมีการดึงขึ้นไปได้ แต่ถ้ามันไล่ระดับขึ้นมาเป็นขั้นบันได มันก็จะเป็นตัวที่ ลื่นไหลเลื่อนเหมือนบันไดเลื่อนขึ้นไปได้อย่างแท้จริง สังคมไทยเราทำได้อย่างนี้
เชื่อไหมว่าชาวอโศกนี้จริง ที่มีสาธารณโภคีไม่ได้ยินดียินร้ายจะมีของตัวเอง เอาเข้ากองกลางหมด มีชีวิตกินใช้กับส่วนกลางเบิกมาใช้เหลือก็คืน มีการงานที่จะต้องใช้เงินก็เบิกมาใช้เหลือก็คืน สบายใจจะตายไม่ต้องไปถือไว้ เขาเบิกแล้วไม่ให้ก็ทำเท่าที่มี เครื่องใช้มันเก่ามันเสียเราก็ซ่อม ซ่อมเราก็เกิดความรู้ความชำนาญ มันไม่ได้เสียหายอะไรเมื่อเราได้ซ่อม เราก็เกิดความชำนาญได้ของมาใช้อีก ใช้ไม่ได้ซ่อมไปซ่อมมามันพัง ขอเบิกซื้อใหม่เลย เบิกค่าซ่อมไม่ให้ ซ่อมไปซ่อมมามันพังก็เลยเบิกซื้อใหม่ มันจำเป็นต้องใช้ก็ว่าไปสิ มันเป็นเหตุการณ์เป็นสัจธรรมจริงใจซะอย่างก็ทำ เราก็ไม่มีเจตนาว่าซ่อมให้มันพังแล้วจะได้ไปเบิกใหม่ เราก็ไม่มีความคิดร้ายนั้น แต่ถ้าเป็นกรรมที่คิดร้ายอย่างนั้นมันก็เป็นจริงคนคิดอะไรอย่างนั้นมันก็เป็นคนเลว พวกเราศึกษาแล้วกรรมดีกรรมชั่วคิดดีคิดชั่ว คุณอยากคิดชั่วแล้วก็ทำชั่วคนก็ทำไปสิ แล้วใครได้อะไร เรื่องเงินทองข้าวของเป็นเรื่องปลีกย่อย เรื่องจริงของคนต่างหากคุณคิดและคุณทำนี่ต่างหากมันเป็นเรื่องกรรมเป็นของของตน กรรมตัวจริงอันนี้ต่างหากเป็นตัวสำคัญ
เพราะฉะนั้นที่พูดอธิบายสาธยายนี่แหละเป็นสัจธรรมของพระพุทธเจ้า
ธรรมะของโลกุตระเข้าใจผู้ที่เป็นปุถุชนเป็นโลกียะ ตายอย่างไรก็ต้องเกิดตามกุศลอกุศลของตนได้ดีหรือไม่ได้ดีก็ต้องเป็นจริงตามนั้น และถ้าไม่ได้เรียนกรรมที่เป็นโลกุตระ มันก็จะมีดีสูงสุดไป คุณจะไปยืนอยู่ที่สูงสุดอย่างไรมันก็ต้องเปลี่ยน จิตของคนไม่เที่ยงหรอกจะรักษาความดีไว้อีกหน่อยก็จะชะล่าใจผิดพลาด หรือว่ามีคนแย่งตำแหน่งดีนี้มีความดีกว่าอย่างนี้เป็นต้น มันจะเป็นอย่างนั้นผลัดกัน ทำไมถึงสรุปด้วยพยัญชนะว่าเป็นสมบัติผลัดกันชม โลกียะเป็นสมบัติผลัดกันชม มันไม่มีความยืนหยัดยืนยันเที่ยงแท้เลยเป็นแค่สมบัติผลัดกันชมเข้าใจให้ดีๆให้ลึกซึ้ง กับสำนวนว่าสมบัติผลัดกันชมคือโลกีย์แท้ๆ ไม่มีใครที่จะครองความร่ำรวยความสูงส่งเป็นศาสดา ล้านชาติ ไม่มี อย่าว่าแต่ล้านสมัยเลย แค่สองสามสมัยก็เป็นไปไม่ได้ เพราะโลกีย์ ไม่มีสูตรชาติต่อไปก็ต้องไปจะเกิดเป็นศาสดาทุกๆสมัยมันจะเป็นไปได้ไหม
ศาสนาเทวนิยมก็มีการแย่งชิงความดีสูงสุดเป็นศาสดากันทั้งนั้น และนัยยะของโลกีย์ศาสดาสูงสุดก็จนทั้งนั้นเหมือนกัน ไม่ได้รวย แต่จะจนต่างกันบ้าง ยกตัวอย่างจริงก็ได้ พระเยซูกับพระโมฮัมหมัดใครรวยกว่ากัน ก็เป็นอย่างนั้น
อาตมาเป็นพระพุทธศาสนาความเป็นพุทธเป็นพระโพธิสัตว์มาไม่รู้กี่ล้านชาติ อาตมาพูดความจริงให้ฟัง มาชาตินี้ถึงบอกว่าตัวเองเป็นโพธิสัตว์บอกไปคนก็ไม่เชื่อจะมาไม่ได้ประหลาดใจอะไร หากเขาเชื่อทันทีมันเป็นเรื่องแปลก ทุกวันนี้อาตมาต้องใช้ความอุตสาหะพยายามพากเพียรเพื่อที่จะเอาความจริงนี่มาขยาย เจตนาเป็นความรู้ความสามารถเป็นหลักฐาน ด้วยอะไรทุกอย่างที่จะเอามาประกอบอ้างอิงยืนยัน เพื่อที่จะให้คนเห็นจริงว่าใช่จนต้องจำนน ขนาดนั้นก็ยังไม่ได้ง่ายนะแต่ก็ไม่เคยท้อแท้ มันเป็นสิ่งดีที่ไม่มีอะไรดีกว่านี้อีกแล้วมันสุดทางเลือก
เป้าหมายของอาตมาจะเกิดมาเป็นความรู้เกิดมามีอัตภาพแห่งความเป็นสัตว์โลกสูงสุดความเป็นมนุษย์คือความเป็นพระพุทธเจ้า ตามหลักธรรมของศาสนาพุทธ ศาสนาอื่นเขาก็ว่ากันไปไม่วิจารณ์ต่อ พูดในบริบทของศาสนาพุทธเท่านั้นจะเป็นพระพุทธเจ้าให้ได้จริงๆ อาตมามีความมุ่งมั่นอย่างนั้นจริงๆ
อาตมาว่าอาตมาเอง เป็นคนที่มาประกาศมาบอกว่าโพธิสัตว์มี 9 ระดับ อาตมาไม่ได้เอามาจากอรรถกถาจารย์ได้เลย แต่เอามาจากภูมิธรรมของตัวเองเอามาพูด จะบอกว่าอาตมาบัญญัติเองก็ไม่ใช่ อาตมาแน่ใจว่าบัญญัตินี้มีมาก่อนแล้ว เพราะว่ามันจะไม่มีการผิดเพี้ยนไปจากของจริงสำหรับบัญญัติเช่นนี้ อาจจะไม่ใช่ภาษานี้ เป็นภาษาอื่นๆไม่ใช่คำนี้ แต่ว่าสภาวะธรรมอันเดียวกัน
โพธิสัตว์ 9 ระดับ 1.โสดาบันโพธิสัตว์ 2.สกิทาคามีโพธิสัตว์ 3.อนาคามีโพธิสัตว์ 4.อรหันต์โพธิสัตว์ 5.อนุโพธิสัตว์ 6.อนิยตโพธิสัตว์ 7.นิยตโพธิสัตว์ 8.มหาโพธิสัตว์ 9.พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
คุณถามศึกษาว่าอาตมาขี้โม้หรือไม่ยกตัวยกตนหรือไม่ มันยากตรงที่ไม่มีโพธิสัตว์มาก แต่เมืองไทยมีโพธิสัตว์ระดับ 5 ระดับ 6 มันไม่ใช่มีมากนะ มันไม่มากนะสำหรับระดับ 5 ระดับ 6 ระดับ 7 เป็นต้นไป แม้แต่ระดับ 8 อาตมาก็ยังถามอยู่ว่าพี่อยู่ไหน ถ้ายังมีอยู่ในโลกขณะนี้ในยุคนี้ก็มาหาน้องหน่อย
ถ้าเป็นโพธิสัตว์ของพุทธศาสนาอันเดียวกันมันก็จะไม่ขัดแย้งกันมีแต่จะเสริมส่งกันไปเลย แต่บัดนี้ก็ยังไม่มีโพธิสัตว์ระดับ 8 มาแสดงตัว อาตมาต้องยืนยันว่าอาตมาเป็นไก่ตัวพี่ แล้วพี่ไก่อยู่ที่ไหน มาหาไก่ตัวน้องหน่อย เมื่อไม่มีไก่ตัวพี่มายืนยันตัวตนอาตมาก็ต้องยืนยันว่าอาตมาเป็นไก่ตัวพี่ ไม่ใช่เป็นการพูดยกตัวตนหรือพูดเล่นหัว แต่เอามาอธิบายสัจธรรมให้ฟัง
ทานสูตร ล.23
[49] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ฝั่งสระโบกขรณีชื่อคัคคราใกล้จัมปานครครั้งนั้นแล อุบาสกชาวเมืองจัมปามากด้วยกัน เข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึงที่อยู่ อภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กล่าวกะท่านพระสารีบุตรว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ธรรมีกถาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาค พวกกระผมได้ฟังมานานแล้ว ขอได้โปรดเถิด พวกกระผมพึงได้ฟังธรรมีกถาของพระผู้มีพระภาค ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลายถ้าอย่างนั้นท่านทั้งหลายพึงมาในวันอุโบสถ ท่านทั้งหลายพึงได้ฟังธรรมีกถาในสำนักพระผู้มีพระภาคแน่นอน อุบาสกชาวเมืองจัมปารับคำท่านพระสารีบุตรแล้วลุกจากที่นั่ง อภิวาทกระทำประทักษิณแล้วหลีกไป
ต่อมา ถึงวันอุโบสถ อุบาสกชาวเมืองจัมปาพากันเข้าไปหาพระสารีบุตรถึงที่อยู่ อภิวาทแล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรข้างหนึ่ง ลำดับนั้น ท่านพระสารีบุตรพร้อมด้วยอุบาสกชาวเมืองจัมปา เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่ควรข้างหนึ่งครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ทานเช่นนั้นนั่นแลที่บุคคลบางคนในโลกนี้ให้แล้ว มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก พึงมีหรือหนอแลและทานเช่นนั้นแล ที่บุคคลบางคนในโลกนี้ให้แล้ว มีผลมาก มีอานิสงส์มากพึงมีหรือพระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรสารีบุตร ทานเช่นนั้นนั่นแลที่บุคคลบางคนในโลกนี้ให้แล้ว มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก พึงมี และทานเช่นนั้นนั่นแล ที่บุคคลบางคนในโลกนี้ให้แล้ว มีผลมาก มีอานิสงส์มากพึงมี ฯ
สา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องให้ทานเช่นนั้นแลที่บุคคลบางคนในโลกนี้ ให้แล้ว มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มากอะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้ทานเช่นนั้นนั่นแล ที่บุคคลบางคนในโลกนี้ ให้แล้ว มีผลมาก มีอานิสงส์มาก ฯ
พ. ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้
-
ยังมีความหวังให้ทาน สาเปกฺโข(มุ่งหวัง) ทานํ เทติ
- มีจิตผูกพันในผลให้ทาน ปฏิพทฺธจิตฺโต(ผูกพัน) ทานํ เทติ
- มุ่งการสั่งสมให้ทาน สนฺนิธิเปกฺโข(สั่งสม) ทานํ เทติ
- ให้ทานด้วยคิดว่า เราตายไปจักได้เสวยผลทานนี้ ปริภุญฺชิสฺสามีติ(ให้ข้ามภพชาติ) ทานํ เทติ
เขาให้ทาน คือ ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีปและเครื่องอุปกรณ์ แก่สมณะหรือพราหมณ์ ดูกรสารีบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ พึงให้ทานเห็นปานนี้หรือ ฯ
สา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรสารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลมีความหวังให้ทาน มีจิตผูกพันในผลให้ทาน
มุ่งการสั่งสมให้ทาน ให้ทานด้วยคิดว่าตายไปแล้วจักได้เสวยผลทานนี้ เขาผู้นั้นให้ทานนั้นแล้วเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นจาตุมมหาราช สิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่แล้ว ยังมีผู้กลับมา คือ มาสู่ความเป็นอย่างนี้
พ่อครูว่า…ที่จริงแล้วยังเป็นผู้ที่ต้องกลับมาเป็น อาคามี คำว่ามีหรือเป็นมันแปลได้คำเดียวกันคือ อาคามี ยังเป็นผู้กลับมา
ดูกรสารีบุตร ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ ไม่มีหวังให้ทาน ไม่มีจิตผูกพันในผลให้ทาน ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน ไม่คิดว่า ตายไปแล้วจักได้เสวยผลทานนี้ แล้วให้ทาน แต่ให้ทานด้วยคิดว่าทานเป็นการดี เขาให้ทาน คือ ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอมเครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีปและเครื่องอุปกรณ์แก่สมณะหรือพราหมณ์ ดูกรสารีบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้พึงให้ทานเห็นปานนี้หรือ ฯ
สา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรสารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลไม่มีความหวังให้ทาน ไม่มีจิตผูกพันในผลให้ทาน ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า ตายไปแล้วจักได้เสวยผลทานนี้ แต่ให้ทานด้วยคิดว่า ทานเป็นการดี เขาผู้นั้นให้ทานนั้นแล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นดาวดึงส์ เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่แล้ว ยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ฯ
พ่อครูว่า..อันแรกเป็นจาตุงฯ คือทำทานแล้วหวังจะได้ 4 อย่างนี้ เป็นลักษณะเทวดาที่เป็นยักษ์ มีเขี้ยวใหญ่ อย่างเช่นโดนัลด์ ทรัมป์ ตายไปแล้วจะเป็นจตุมหาราช ฟังดูแล้วไม่ใช่สิ่งที่น่าจะเป็นเลย เป็นเทวดาที่ร้ายที่สุดแล้ว เทวดาชั้นต่ำที่สุดคือจตุมหาราชเป็นเทวดาตัวร้ายแย่งชิงเขาทั้งนั้น ฆ่าแกงแย่งชิง เทวดามีทั้งเขี้ยวเล็บอาวุธ สมัยนี้อาวุธก็ยิ่งกว่านิวเคลียร์เพื่อจะแย่งชิงเอามา
ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ฯลฯ ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่าทานเป็นการดี แต่ให้ทานด้วยคิดว่า บิดามารดาปู่ย่าตายายเคยให้เคยทำมา เราก็ไม่ควรทำให้เสียประเพณี เขาให้ทานคือ ข้าว ฯลฯ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นยามา เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศหมดความเป็นใหญ่แล้วยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ฯ
ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ฯลฯ ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า บิดา มารดา ปู่ ย่าตา ยายเคยให้เคยทำมา เราก็ไม่ควรทำให้เสียประเพณี แต่ให้ทานด้วยคิดว่า เราหุงหากิน
สมณะและพราหมณ์เหล่านี้ ไม่หุงหากิน เราหุงหากินได้จะไม่ให้ทานแก่สมณะหรือพราหมณ์ผู้ไม่หุงหาไม่สมควร เขาให้ทาน คือ ข้าว ฯลฯ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นดุสิต
เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศหมดความเป็นใหญ่ แล้วยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ความเป็น
อย่างนี้ ฯ
(พ่อครูว่า… ก็คือเป็นปุถุชน)
ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ฯลฯ ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่าเราหุงหากินได้
สมณะและพราหมณ์เหล่านี้หุงหากินไม่ได้ เราหุงหากินได้ จะไม่ให้ทานแก่สมณะหรือพราหมณ์ผู้หุงหากินไม่ได้ ไม่สมควร แต่ให้ทานด้วยคิดว่า เราจักเป็นผู้จำแนกแจกทาน เหมือนฤาษีแต่ครั้งก่อน คือ อัฏฐกฤาษี วามกฤาษี วามเทวฤาษี เวสสามิตรฤาษี ยมทัคคิฤาษี อังคีรสฤาษี ภารทวาชฤาษีวาเสฏฐฤาษี กัสสปฤาษี และภคุฤาษี บูชามหายัญ ฉะนั้น เขาให้ทาน คือ ข้าว ฯลฯย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นนิมมานรดี เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่แล้ว ยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ฯ
ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ฯลฯ ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า เราจักเป็นผู้จำแนก
แจกทาน เหมือนอย่างฤาษีแต่ครั้งก่อน คือ อัฏฐกฤาษี ฯลฯและภคุฤาษี แต่ให้ทานด้วยคิดว่า
เมื่อเราให้ทานอย่างนี้ จิตจะเลื่อมใส เกิดความปลื้มใจและโสมนัส(อตฺตมนตาโสมนสฺสํ) เขาให้ทาน คือ ข้าว ฯลฯ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัสดี เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่แล้ว ยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ฯ
ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ฯลฯ ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า เมื่อเราให้ทานอย่างนี้ จิตจะเลื่อมใส เกิดความปลื้มใจและโสมนัส แต่ให้ทานเป็นเครื่องปรุงแต่งจิต(จิตฺตาลงฺการ จิตฺตปริกฺขารํ ) เขาให้ทาน คือ ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอมเครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีปและเครื่องอุปกรณ์แก่สมณะหรือพราหมณ์ดูกรสารีบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้พึงให้ทานเห็นปานนี้หรือ ฯ
สา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรสารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลผู้ไม่มีความหวังให้ทาน ไม่มีจิตผูกพันในผลให้ทาน ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า เราตายไปแล้วจักได้เสวยผลทานนี้
-
ยังมีความหวังให้ทาน สาเปกฺโข(มุ่งหวัง) ทานํ เทติ
- มีจิตผูกพันในผลให้ทาน ปฏิพทฺธจิตฺโต(ผูกพัน) ทานํ เทติ
- มุ่งการสั่งสมให้ทาน สนฺนิธิเปกฺโข(สั่งสม) ทานํ เทติ
- ให้ทานด้วยคิดว่า เราตายไปจักได้เสวยผลทานนี้ ปริภุญฺชิสฺสามีติ(ให้ข้ามภพชาติ) ทานํ เทติ
ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่าการให้ทานเป็นการดีไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยายเคยให้เคยทำมา เราไม่ควรทำให้เสียประเพณี ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า เราหุงหากินได้ สมณะหรือพราหมณ์เหล่านี้หุงหากินไม่ได้ จะไม่ให้ทานแก่ผู้ที่หุงหากินไม่ได้ ไม่สมควร ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า เราจักเป็นผู้จำแนกแจกทาน เหมือนอย่างฤาษีแต่ครั้งก่อน คือ อัฏฐกฤาษี วามกฤาษีวามเทวฤาษี เวสสามิตรฤาษี ยมทัคคิฤาษี อังคีรสฤาษี ภารทวาชฤาษี วาเสฏฐฤาษี กัสสปฤาษีและภคุฤาษี ผู้บูชามหายัญ ฉะนั้น และไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า เมื่อเราให้ทานนี้ จิตจะเลื่อมใสจะเกิดความปลื้มใจและโสมนัส แต่ให้ทานเป็นเครื่องปรุงแต่งจิต(จิตฺตาลงฺการ จิตฺตปริกฺขารํ ) เขาให้ทานเช่นนั้นแล้ว เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นพรหม เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่แล้ว เป็นผู้ไม่ต้องกลับมา คือ ไม่มาสู่ความเป็นอย่างนี้
ดูกรสารีบุตร นี้แลเหตุปัจจัยเป็นเครื่องให้ทานเช่นนั้นที่บุคคลบางคนในโลกนี้ให้แล้ว มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก และเป็นเครื่องให้ทานเช่นนั้นที่บุคคลบางคนในโลกนี้ให้แล้ว มีผลมาก มีอานิสงส์มาก ฯ
จบสูตรที่ ๙
ล.23 ข.49 ทานสูตร ทำทานแล้วได้สภาวะของ เทวดา 6 อย่าง พรหม 1 อย่าง
อันที่ 1 จาตุมหาราชิกา(ท้าวกุเวร ท้าววิรุฬหก ท้าวธตรฐ ท้าววิรูปักษ์) คือ ทำทานแล้ว
-
ยังมีความหวังให้ทาน สาเปกฺโข(มุ่งหวัง) ทานํ เทติ
-
มีจิตผูกพันในผลให้ทาน ปฏิพทฺธจิตฺโต(ผูกพัน) ทานํ เทติ
-
มุ่งการสั่งสมให้ทาน สนฺนิธิเปกฺโข(สั่งสม) ทานํ เทติ
-
ให้ทานด้วยคิดว่า เราตายไปจักได้เสวยผลทานนี้ ปริภุญฺชิสฺสามีติ(ให้ข้ามภพชาติ) ทานํ เทติ