621209_รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 83
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/1q4LXK3Tfe2NgEbDogWbmfV6PzXRYgIGBvJLFT8VbuZY/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=10SAfPGa8lb97KtDh0mvWC3Q7vIF9FRZB
พ่อครูว่า… วันนี้วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก
SMSวันที่8ธ.ค.2562(วิถีอาริยธรรม พ่อครู ราชธานีอโศก)
_จักรพล พุทธพัฒนา : อริยุปาวาท .การติเตียนพระอาริยะเป็นบาป11ประการครับ(มาในพระสูตร)
พ่อครูว่า…การตำหนิเป็นการทำให้คนอื่นจะเกิดความไม่พอใจได้อย่างหนึ่ง ต้องตำหนิติเตียนด้วยความเมตตาด้วยความปรารถนาดี ด้วยความรู้ความจริง ติเตียนอย่างรู้ว่าตัวเองเป็นผู้ควรติเตียน เพราะว่ารู้ว่าตัวเองเข้าใจและอยู่เหนือ จะต้องตำหนิผู้ที่อยู่ต่ำและไม่ถูกต้องเป็นเรื่องที่เป็นสัจจะ แต่การติเตียนก็หลีกเลี่ยงวิบากไม่ได้ การติเตียนจึงเป็นเรื่องการเสียสละอย่างหนึ่งของผู้ที่รู้ว่าสมควรต้องติเตียน แต่ผู้ที่ยังไม่สมควรตัวเองยังไม่มีความจริงรู้ความจริงพอที่จะไปติเตียนคนอื่นได้ ก็ไม่สมควรจะไปติเตียนคนอื่น ถ้าทำอย่างนั้นก็จะเป็นวิบากหนักโดยเฉพาะที่กิเลสหหลงตัวหลงตนยกตัวยกตน ไปติเตียนพระอาริยเจ้าเข้า ก็ถึงได้มีวิบากทั้ง 11 ประการตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้
_สนอง นิละกุล : สัญญาณสะดุดบ่อยครับผม
พ่อครูว่า…เป็นได้จากเครื่องรับของคุณเอง องค์ประกอบต่างๆหลายอย่าง เป็นได้ทั้งจากเครื่องส่งมันสะดุด เราก็ยอมรับว่า เทคโนโลยีของเรา low tech ไม่ high tech เราไม่ได้ซื้อแต่ของชั้นยอดมีคุณสมบัติเก่ง เราไม่มีสตางค์ถึงขนาดนั้น แต่ทุกวันนี้เราทำได้ก็ถือว่าเก่งพอสมควรนะ คนอย่างเรา
โทรทัศน์เดือนหนึ่งๆมีค่าใช้จ่าย 20 ล้าน ถึง 100 ล้านพันล้านบางเจ้า อย่างช่องของรัฐบางช่องเขาให้เดือนละ 1 ล้าน ข้าวของก็ใช้อย่างชั้น 1 ดีๆทั้งนั้นเลย เป็นเรื่องธรรมดาธรรมชาติ ของเราอย่างไรก็ต้องขออภัย เราพยายามสุดที่ คนทำงานของเราก็ทำงานด้วยหัวใจไม่มีใครรับเงินเดือน ช่วยกันด้วยจิตใจทำงานฟรีกันทั้งนั้น ทำได้อย่างต่อเนื่องมาเกิน 10 ปีแล้ว ตั้งแต่พศ. 2550 จนกระทั่งถึงวันนี้ก็ครบ 12 ปีแล้ว
_สมนึก ลายลักษ์ :พ่อครูเป็นผู้ช่วยจิตวิญญาณลูกๆให้ก้าวต่อไปไม่ทัอ
_ป๊อกกี้ คำมหา :อากาศเย็นมากขอพ่อท่านรักษากายให้อบอุ่นอยู่เสมอๆครับ ลูกๆทุกคนเป็นห่วงครับ???
พ่อครูว่า…มีคนช่วยดูแลกันอยู่หลายคน ส่วนอาตมาก็ดูแลเรื่องของธรรมะ ดูแลตรวจสอบ ตัวเองต้องพยายามอยู่กับธรรมะ แล้วดึงธรรมะขึ้นมา อาตมาจะอยู่กับธรรมะตลอดจะปรุงแต่งจะนึกคิดอย่างไรก็อยู่กับธรรมะ เดี๋ยวนี้ก็ปลดเกษียณตัวเอง การดูแลบริหารก็ปล่อย นอกจากจะสะดุดตรงนี้ตรงไหนแล้วจะเพิ่มเติมเอาตรงไหน ก็นิดหน่อย นอกนั้นก็มีผู้ช่วยขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือเฟือฟาย แล้วเราก็มารวมกันเป็นหมู่กลุ่มที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นจริงๆ นำพาช่วยผู้อื่นให้เจริญในทิศทางเป็นอาริยบุคคล ไม่ใช่เจริญด้วยลาภยศสรรเสริญโลกียสุข
_5562 :กราบเรียนถามพ่อครู ผู้ที่มาปฏิบัติธรรม แต่มักแสดงกาย วจีท่าทีพูดข่มเบ่ง และแสดงความเกลียดชังคนในแวดวงธรรมะ แบบหยาบคายรุนแรงบ่อยครั้ง พฤติกรรมเช่นนี้จะมีวิบากหรือไม่ อย่างไร?
พ่อครูว่า…ตอบไปแล้วว่ามีวิบาก แสดงออกเชิงกระทบผู้อื่นทำให้เขาไม่ชอบใจ แม้จะเป็นสิ่งที่ดีสิ่งที่ถูกต้องอย่างเช่นอาตมาแสดง แสดงออกซึ่งเป็นสัจธรรม แต่ว่ากระทบเขา เขายึดถือผิดเขาก็ไม่ชอบใจก็เป็นวิบาก เรื่องกรรมวิบากเป็นเรื่องลึกซึ้งซับซ้อนมาก แต่จำนน และในสัจธรรม ก็เป็นวิบากที่ไม่แรงและไม่เหมือนกับอกุศลกรรม อกุศลจิต มันบาปแรงบาปหนัก แต่กุศลกรรมในอกุศลจิตก็เบากว่าเมื่อกี้นี้
แต่ถ้ากรรมเป็นอกุศลกรรม แต่จิตเป็นกุศลจิต ก็เบากว่าที่อกุศลทั้งกรรมทั้งจิต
ถ้าดีสุด กรรมก็ต้องเป็นกุศล จิตก็ต้องเป็นกุศล
อาตมาจิตเป็นกุศลแน่นอนแต่กรรมก็อาจเป็นอกุศลได้ เพราะอกุศลอาตมาไม่ได้หยาบคายเลวร้าย ไม่ได้ทำทายกายกรรมไปทุบตีเขา มันก็มีแต่ทางวาจา ว่าไปแล้วก็ต้องใช้สำเนียงภาษาที่มันดูรุนแรง โดยเฉพาะ แรงๆ กระทบทุจริตใครก็แรงแล้ว ยิ่งลงน้ำหนักซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ยิ่งแรง ก็ถือว่ามีวิบากอกุศลบ้าง
คำว่ากุศลกับบุญก็สำคัญ อาตมาไม่มีบาปแต่จะเป็นอกุศลที่เป็นโลกียบ้าง บาปเป็นโลกุตระ กุศลอกุศลเป็นสมมติของโลก เป็นโลกียะ แต่บาปกับบุญเป็นโลกุตระ
นัยซับซ้อนอาตมาค่อยอธิบายไปเรื่อยๆ
_ใจธรรม:ขอรายงานว่า เมื่อเช้าตลาดบุญนิยมสันติอโศก คนเยอะมากกกค่ะ
พีระมิดสาธารณโภคี
_งามใบตอง นิลมณี: น้อมกราบนมัสการค่ะ ดีใจที่ได้รู้จักหมู่กลุ่มมิตรดีอยู่ต่างแดนค่ะ(ชาวญี่ปุ่น)
พ่อครูว่า…เป็นนิมิตรดีอย่างหนึ่งที่คนต่างชาติต่างประเทศเขาซาบซึ้งใจจนกระทั่งไปตั้งกลุ่มชุมชนสาธารณโภคี เขาทำได้เก่งกว่าเราเพราะเรายังเล็ก มีสมาชิกจริงๆ 92 คน และมีผู้มาสมทบทดลองร่วมอีก 18 คน รวมแล้วเป็น 120 คนขณะนี้ และสาธารณโภคีของเขาคือสมาชิกที่อยู่ในนั้นไม่มีใคร ยักเงินของตนไว้เลย สมบัติทุกอย่างเอาเข้าส่วนกลางหมดเลย เป็นที่ดินวัตถุ สังหาริมทรัพย์ คือทรัพย์ที่เคลื่อนที่ได้ ส่วนอสังหาริมทรัพย์เคลื่อนที่ไม่ได้ ก็ขายหมดแล้วเอาเงินเข้าส่วนกลางหมด เขาทำได้ แต่อโศกเรา ทำไม่ได้ถึงขนาดนั้น อยู่ในชุมชนนี้ทุกคนทำงานเสียภาษีร้อยเปอร์เซ็นต์ จะยักไม่เป็นของตัวเองบ้างนิดๆหน่อยๆก็ไม่ไปเคร่งครัดขนาดนั้น เราสนใจในภูมิธรรมจิตสูงจึงทำให้ตัวเองบริสุทธิ์ก็เป็นธรรมะส่วนตัว เป็นโลกุตรธรรมส่วนตัวที่จะพัฒนาตัวเองขึ้นเป็นพระอริยะสงฆ์ขึ้นด้วยตัวเอง ใครที่ทำไม่ได้เขาก็ไม่ใช่ เขาก็ไม่เป็นอาริยะสูงขึ้นไปเอง แต่คนที่ไม่ติดยึดแล้วก็มั่นใจ จะมามั่นใจว่าส่วนกลางของเรามีเสนาสนะสัปปายะ อาหารสัปปายะ บุคคลสัปปายะ ธรรมะสัปปายะ เป็นองค์ประกอบของมนุษยชาติที่มั่นคง คุณอาศัยพึ่งพาเกิดแก่เจ็บตายได้หมดไม่ต้องกังวลเลย พึ่งได้จริงๆ
ผู้ที่เข้าใจผู้ที่มีภูมิปัญญาแล้วก็ไม่มีปัญหา อยู่ที่นี่อย่างสบายใจได้ แต่ที่เราไม่เหมือนเขาเพราะว่าของเรามีเยอะ มันมีตัวเชื่อมต่อไปสู่ตั้งแต่ยอดพีระมิดไปจนถึงฐานพีระมิดเลย มีทุกระดับ เพราะฉะนั้นคนในโลกปัญญาชนจะค่อยๆเข้าใจถึงเรื่องสาธารณโภคีที่เต็มรูปพีระมิดนี้ แน่นอนคนเก่งๆก็อยู่ที่ยอดพิรามิดก็มีน้อย อยู่ที่ยอดชั้นกลางชั้นล่างไล่ไปตามลำดับละเอียดลออ อย่างเป็นจริงที่สุดกันไป ผู้สูงอายุยืนยาวก็จะได้เห็นการก้าวหน้าไปเรื่อยๆ
มีความก้าวหน้าที่ซับซ้อนตัวอย่างเช่นคนจนนี้เป็นคนเจริญ คนไปร่ำรวยสะสมเป็นคนไม่เจริญ ง่ายๆตื้นๆ แต่คนจนก็จะมีเงื่อนไขเยอะ จนอย่างแย่ไม่เอาถ่าน จนไร้สมรรถนะ ขี้เกียจ ผลาญพร่าเละเทะ อย่างนั้นก็ไม่รับหรอก แต่นี่จนอย่างประเสริฐ จนอย่างเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ขยันหมั่นเพียรสร้างสรร แต่ตัวเองไม่สะสมเอาไว้เป็นของตน ก็เลยจน มีแต่น้อยใช้พอตามเหตุปัจจัย ไม่ถึงกับแก้ผ้าเดินอย่างพวกเชน แต่อยู่อย่างพอเหมาะเสื้อผ้ามีแค่ 2-3 ชุด ง่ายๆสบายๆ ไม่ไปยึดถือว่าจะต้องเอาราคาแพงแบรนด์เนมหรูหรา ใช้แต่ของ ง่ายๆไม่หรูหรา มันมีรายละเอียดเยอะมาทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกในนัยยะละเอียดของสาธารณโภคี ได้อีกเป็นร้อยๆนัยยะ ตั้งหัวข้อขึ้นทำวิทยานิพนธ์ได้มากมาย ซึ่งจะมีคนมาศึกษาและทำในอนาคต
ภาวรูป 9 อย่าง
_ผีเสื้อ เพื่อธรรม: กราบนมัสการขอรับ..กระผมทำทานด้วยเพื่อลดความโลภความโกรธความหลงในจิตใจเท่านั้นมิได้หวังอันใดดอก
พ่อครูว่า…คุณพูดถูก และต้องพยายามทำให้ถูก ทำให้ถูกคืออะไร คุณต้องทำใจในใจของคุณนี้ต้องทำให้ถูก
คุณพูดง่ายๆว่าเข้าใจ แต่คุณยังไม่ได้ทำให้เข้าถึงใจ หรือเข้าใจจิตใจไม่ได้ เข้าใจสภาวะยังสับสน ยังเป็นมิจฉาทิฐิอยู่ เช่นคนที่ทำใจในใจ การนั่งหลับตาก็เป็นการสะกดแล้วเขาเข้าใจว่านี่แหละคือความสงบด้วยสมถะ ไม่ใช่สมถะด้วย หลงว่าเป็นสมาธิแบบพุทธด้วย แต่ไม่ใช่
สงบของพระพุทธเจ้านั้นต้องรู้จักกิเลส ต้องรู้จัก อุปธิ
อุปธิ ง่ายๆ 1. รู้กิเลส 2. รู้ขันธ์ 5 และ 3. รู้จักอภิสังขาร
คนที่เข้าใจกิเลสไม่ได้ไม่รู้จักกิเลสก็โมเมก็เดาไปเรื่อย กิเลสจะต้องเป็นสภาวะของจิตที่มันเกิด แล้วถ้าปฏิบัติกับกิเลสตัวจริงได้จริงจะเป็นผลจริงก็คือตัวที่เป็นปัจจุบันสัมผัสอยู่เดี๋ยวนี้เป็นปัจจุบันมีตาหูจมูกลิ้นกายภายนอก มีองค์ประกอบ ปัญญา ญาณ วิชชา อาโลก แสงสว่าง เปิดรับทวารทั้ง 5 ตาหูจมูกลิ้น กายและโผฏฐัพพะ
ตัวจริงที่จะไปก่อกิเลสหลักคือตาหูจมูกลิ้น
ใจร่วมกับ โผฏฐัพพะเป็น 1 เรียกว่ากาย รูปนามรวมเป็น 1 ในภาวะ 2
ภาวะของรูปที่จะต้องเป็นสิ่งที่ถูกรู้ชัดเจนด้วยนาม แยกนามไว้เป็นตัวรู้จึงมีแค่ 9 รวมแล้วเป็นอุปาทายรูป 9
ก็มี 4 ภายนอก โผฏฐัพพะคือภายนอก กายกับใจอีก 1
จะมีรูปกับนาม ตากับรูป หูกับเสียง จมูกกับกลิ่น ลิ้นกับรส นอกนั้นก็โผฏฐัพพะกับใจรวมเป็น 1 คือรวมเป็น ภาวรูป 9 ที่เป็นโคจรรูป วิสยรูป อันนี้อธิบายยากกว่า วิการรูป 5 ที่รวมกายวิญญัติ วจีวิญญัติ ในวิการรูปด้วย
ที่พูดนี้มีสภาวะรองรับ บางทียังมีสัญญาวิปลาสกำหนดผิดพลาดอยู่บ้าง คนที่ไม่รู้ไม่ศึกษาแท้จริง ไม่รู้จักรูปนาม โดยเฉพาะอุปาทายรูป 24 แล้วใช้นาม 5 ไปเรียนรู้
นาม 5 เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ ในพระไตรปิฎกเล่ม 16 วิภังคสูตร สูตรแรก
หากไม่มีนาม 5 ปฏิบัติธรรมครบ ไม่มีรูป 28 ทั้งดินน้ำไฟลมและอุปาทายรูป 24 คุณปฏิบัติอย่างไรก็ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ แยกไม่ออกไม่เข้าใจ แล้วคุณจะรู้จักกิเลสและไม่เป็นกิเลสได้ครบบริบูรณ์ได้อย่างไร พระพุทธเจ้าจึงยกให้ ว่าดับอาสวะบางอย่าง ยิ่งไปนั่งหลับตาปิดทวาร 5 จะได้กี่อย่างกันภายใน
การไปหลงผิดนั่งหลับตาไม่ได้ดับกิเลสแต่ลืมกิเลส หรือว่าคุณนั่งปฏิบัติก็ได้แต่สิ่งที่คุณเคยทำได้ แล้วก็แยกไม่ออก เขาก็มีบารมีเคยทำได้อาสวะบางอย่างสิ้น จะเป็น สัทธานุสารี ผ่านสัทธาวิมุติมาบ้างแล้ว หรืออาจมีกายสักขีบ้างนิดหน่อย แต่ก็จะไม่มีรายละเอียด เพราะคนที่เป็นกายสักขียังไม่ได้เข้าใจวิโมกข์ที่บริบูรณ์ สัมผัส วิโมกข์ 8 ด้วยกาย อันนั้น ซึ่งเป็นผู้ที่อาสวะหมดสิ้น
ถ้าจะให้อาสวะหมดสิ้นต้องเป็นผู้ที่สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย
กายสักขี ก็ต้องสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย อาสวะบางอย่างหมดไปได้
ฐานะของพ่อครูสมัยพุทธกาล
_สะพานบุญ…ในสมัยพุทธกาล พ่อครูเกิดในฐานะอะไรครับ
พ่อครูว่า…อาตมาก็เคยบอก บอกไปแล้วก็ไม่อยากบอก เพราะว่าบอกไปแล้วคนไม่เชื่อและทำให้ศรัทธาตก อาตมาก็ไม่มีปัญหาหรอกเชื่อหรือไม่เชื่อ ปัจจุบันนี้อาตมาเป็นโพธิรักษ์ แล้วอาตมาก็ทำงานทางศาสนาพุทธเต็มที่ คุณก็ติดตามฟังดูตรวจสอบตามพระไตรปิฎก ที่เป็นหลักฐานสูงสุด ยิ่งรู้ภาษาบาลีเป็นภาษาที่ตายแล้วดิ้นไม่ได้ ท่านแปลเป็นภาษาไทยมา ฉบับที่ท่านแปลมาก็ดี ไม่ว่าจะเป็นฉบับจุฬาลงกรณ์ฯ มหามกุฏฯก็ใช้ได้ อาตมาใช้ฉบับหลวงเป็นหลัก ออกตีพิมพ์เป็นครั้งแรกพศ. 2500 รัฐบาลช่วยกันทำเลยเรียกว่าเป็นฉบับหลวง อาตมาก็ใช้ฉบับนั้นเป็นหลักตรวจสอบดีๆ จะบอกไปอีก ว่า
อาตมาอธิบายความเป็นพระสารีบุตร และอาตมาก็เคยอธิบายยืนยันเคยบอกกับคนว่า มีคนถามว่าท่านเป็นพระสารีบุตรมาเกิดใช่ไหม อาตมาก็บอกว่าใช่ อาตมาก็ขยายความพระสารีบุตรด้วยอธิบายอย่างชัดเจน หลายนัยเลย
นัยยะหนึ่งอาตมาบอกว่าเป็นสารีบุตร แต่ใครอย่ามาเข้าใจว่าอาตมาเป็นพระสารีบุตรเพราะว่าพระสารีบุตรตายไปแล้วตั้งแต่ยุคพระพุทธเจ้าโน่น ตายก่อนพระพุทธเจ้าด้วย เพราะฉะนั้นมาเกิดในร่างนี้ไม่ใช่พระสารีบุตร ร่างนอนตายไปแล้ว หรือแม้แต่จะเป็นนามธรรมของพระสารีบุตรมาเกิดเป็นอาตมา ก็ไม่ใช่นามธรรมของพระสารีบุตรองค์นั้น ถ้าใครว่าอาตมาเป็นพระสารีบุตรพระองค์นั้น บอกว่าเป็นนามธรรมของพระสารีบุตรแท้ๆเต็มๆเลยมาเกิด คุณดูถูกอาตมา ว่าอาตมาไม่เจริญเลย คิดดูสิ ถ้าเกิดตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้วตั้งแต่ตอนโน้นจนถึงตอนนี้ เกิดมาไม่รู้กี่ครั้งแล้วไม่เจริญเลย ยังเป็นพระสารีบุตรอย่างเดิมอยู่ คุณดูถูกอาตมามากซึ่งมันไม่ใช่อาตมาไม่ใช่พระสารีบุตรอันนั้น นี่คือรายละเอียดของสัจจะ เพราะฉะนั้นอย่าไปศึกษาอย่างนั้น เราทำความเข้าใจเป็นแต่เพียงเป็นฐานศึกษาปฏิบัติ ว่าทุกอย่างปฏิบัติมาแต่เหตุและต่อเนื่องกันไปหมด ถ้ายึดมั่นเป็นอันเดิม คุณปรินิพพานไม่ได้
เพราะอันเดิมคืออวิชชา คนนั้นเกิดมาจากอวิชชา คนที่ไม่สามารถเรียนรู้สิ่งที่เป็นปรินิพพาน สูญได้ เขาจึงหลงอัตภาพเป็นอวิชชา เป็นเทวะพระเจ้าใหญ่สุดสูงสุดเป็นพระศาสดา ที่จริงความรู้ของพระศาสดาก็คือความรู้ของตัวเอง เขาฝากแฝงไปกับพระเจ้า ว่าเป็นสิ่งสูงสุดแล้วไม่มีใครแก้ไขความสูงสุดนี้ได้ยึดมั่นถือมั่นความสูงสุดของพระเจ้า
พระศาสดาแต่ละองค์ก็มีพระเจ้าต่างกัน เขาก็ยืนยันว่าของเขาเป็นพระเจ้าจริงอันอื่นไม่ใช่พระเจ้า ก็แย้งกันไปด้วยความไม่เข้าใจจริง
ของพระพุทธเจ้านั้น ยืนยันสูงสุดว่าศาสนาพุทธไม่มีพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าเป็นวิญญาณนิรันดร วิญญาณคือธาตุที่เป็นจิตนิยาม ศาสนาพุทธได้เรียนรู้แล้วทำลายจิตวิญญาณจิตนิยามตนเองหายสาบสูญ แยกธาตุเป็นอุตุนิยามได้ อย่างมีหลักเกณฑ์มีสัจจะยืนยัน เพราะฉะนั้นจิตวิญญาณถึงไม่ใช่ขึ้นกับพระเจ้า ไปแล้วสลายเองศูนย์หมดเลย พระเจ้าเป็นเจ้าของจิตวิญญาณของเราเองไม่ได้ อย่างนี้เป็นต้น ศึกษาให้ดีจะรู้ความจริงที่ซับซ้อนลึกซึ้งเหล่านี้มากมายเยอะแยะเลย
อภัพพ อาภัพพะ
_สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน…พ่อครูพูดถึง อาภัพ ใจดิฉันคิดย้อนแย้ง มันคิดว่ามันไม่ใช่อาภัพของพ่อท่านหรือพระโพธิสัตว์ ปางยิ่งสูงขึ้นต้องไม่อาภัพ แต่มันเป็นกรรมชุดหนึ่งที่รอบนี้ต้องมาแบบพรรคกระยาจกหรือเปล่า ยิ่งลูกพ่อท่านชาวอโศกก็ต้องอาภัพมากกว่าอีก
พ่อครูว่า…เรื่องนี้เกินกว่าความพ้นทุกข์มันเป็นนัยยะสำคัญที่บอกความจริงให้รู้ ลิงค ที่มีความแตกต่าง 3 นัย
ภัพพ แล้วก็มาเป็น อภัพพะ แล้วก็ อาภัพพะ
ภาษาไทยก็ตัด พ พานอันหลังทิ้งก็เป็น อาภัพ
ทีนี้รากศัพท์แท้ๆ ภัพพ ก็แปลว่า ควรมี ควรเป็น
ภัพพ ก็มาจากคำว่า ภพ ชาตินั่นแหละ เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดแล้วมีแล้ว เราก็ต้องอาศัย ภพอาศัยชาติอยู่ ภพชาติที่เราควรจะอยู่มันก็ควรเป็นภพชาติที่ดีใช่ไหม ปัจจุบันคุณมีภพอาศัย ภพเป็นรูปและมีชาติเป็นนาม เป็นเทวะ หรือเป็นกาย static และ dynamic เป็นสภาพ 2
เราเกิดเราก็ควรเป็นคนที่ควรมีควรเป็นอย่างไร เป็นอาริยะ หรือเป็นโพธิสัตว์ก็ควรเป็นได้ ก็เป็นสิ หรือเป็นพระพุทธเจ้า ยิ่งควรเป็นใหญ่เลย อย่างอาตมาพากเพียรสั่งสมบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า
ภัพพ แปลในฐานะ เป็นสิ่งที่มีสิ่งที่เป็นไม่ใช่สิ่งที่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน
ยังมียังเป็น ก็ควรจะเป็นคนที่มีที่เป็นอย่างแท้จริง ก็สั่งสมบารมีให้เป็นพระอริยบุคคลจนกระทั่งเป็นพระอรหันต์ เป็นพระโพธิสัตว์ สูงที่สุดจนเป็นพระพุทธเจ้าก็เป็นคนที่ควรมีควรเป็น อาตมาก็ปฏิบัติให้ควรมีควรเป็น จนเป็นพระโพธิสัตว์ระดับ 7
อาตมานี่แหละคือ อภัพพะ คือเป็นคนที่ควรมีควรเป็น แต่มาเกิดกับประชาชนในยุคนี้ที่เป็นคนตาบอด เป็นคนตาถั่ว เป็นคนที่ตาไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นไม่เคยเข้าใจ ก็เลยมอง อภัพพะ เปิดสิ่งที่ควรมีควรเป็น อาตมาเป็นอภัพพบุคคล โดยสมมุติพยัญชนะ แต่สภาวะจริงๆ อาตมาเป็นคนควรมีควรเป็น แต่พยัญชนะ อภัพพ แปลว่าไม่ควรมีควรเป็น ส่วน อาภัพพะคือ จะว่าใช่ก็ไม่ใช่ จะว่าจริงก็ไม่จริง ดีไม่ดี สับสน เพราะฉะนั้นคนที่ยังไม่มีภูมิรู้ก็สับสนเลอะเทอะไม่เชื่อเราด้วย
เพราะฉะนั้นผู้ที่จริง ผู้ที่เกิดมาเป็นพระอริยะเป็นพระโพธิสัตว์คนที่ยังไม่มีภูมิเป็นคนอาภัพ มองคนที่เป็นพระโพธิสัตว์ตัวจริง ไม่เอา คนนั้นก็ยังอาภัพอยู่ตลอดกาล รู้จักคนที่จริงคนที่ควรมีคนรู้จัก อภัพพะ ก็ปฏิเสะ อภัพพะ คนนี้คือคนอาภัพที่แท้จริง จบไว้แค่นี้ดีกว่าเดี๋ยวจะวน
พ่อครูเป็นไก่ตัวพี่ในยุคนี้อย่างไร
_ทำไมเปรียบพระโพธิสัตว์ผู้พี่ว่าเป็นไก่มีนัยยะอะไรหรือเปล่า
พ่อครูว่า…เป็นคำเปรียบเทียบของพระพุทธเจ้า เรียกผู้ที่รู้ก่อนเจาะไข่ออกมาได้เป็นคนแรกและก็เป็นไก่ตัวพี่ นอกนั้นออกมาจากเปลือกไข่ไม่ได้ เน่าตายอยู่ก็ออกจากกรอบโลกียะไม่ได้ ยังเกิดตายอยู่ในไข่อยู่ในกรอบ ออกจากไข่ไม่ได้ จะไข่อะไรก็แล้วแต่ต้องเจาะกระเปาะออกมาทั้งนั้น ท่านก็เอาไก่มาเป็นตัวอย่าง เราเป็นไก่ตัวเกิดได้ก็เจาะกระเปาะไข่ออกมาได้เป็นคนแรก เป็นคนที่รู้จักโลกุตระธรรมของศาสนาพุทธที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ตรัสรู้เหมือนกัน ท่านเป็นคนแรกในยุคนี้ ซึ่งไม่มีศาสนาพุทธเกิดมา อยู่ในยุคพุทธันดรที่ไร้ศาสนาพุทธมาพอสมควรแล้ว ท่านก็มาอุบัติขึ้นในยุคนี้ที่สมควรจะเกิดสมควรจะต้องโปรดมนุษย์ได้แล้ว
พระพุทธเจ้าก็มาโปรดกับมนุษย์ในยุคที่แย่ มีมาฆบูชาครั้งเดียว มีพระอรหันต์มาร่วมโดยไม่ได้นัดกัน 1,250 พระพุทธเจ้าองค์อื่นก็จะมีมากกว่านั้น เอาละไม่ขยายความต่อ แล้วอย่าไปเข้าใจว่าพระพุทธเจ้าสมณโคดมฐานะต่ำต้อยกว่าองค์ที่มีมาฆบูชาหลายสิบครั้ง ครั้งละเป็นล้านคน อย่าไปเปรียบเทียบ ภูมิธรรมเท่ากัน อันนี้ก็เป็นอจินไตยที่เป็นพุทธวิสัย อย่าไปคิดเดี๋ยวหัวแตก 7 เสี่ยง
ไก่ที่เจาะฟองไก่หรือฟองไข่ออกมาเป็นคนแรกได้
อาตมาบอกว่าอาตมาเป็นไก่ตัวพี่ในยุคนี้ล้อเลียนกับยุคพระพุทธเจ้า อาตมาเกิดมาชาตินี้มีภูมิรู้ของตนเองมาแต่อดีตชาติ ไม่ได้เรียนรู้ธรรมะจากใครเลยในยุคนี้
นิยตโพธิสัตว์ชัดเจนจะเกิดต้องมาเปิดฉากในยุคหนึ่งได้โดยไม่ต้องมีใครมาเป็นอาจารย์อย่างเช่นอาตมาเกิดมาในยุคนี้ อาตมาก็ประกาศอยู่ว่าโพธิสัตว์ผู้พี่อยู่ที่ไหน มาหาน้องหน่อย แต่โพธิสัตว์ผู้พี่เกิดมาต้องสะสมได้มวลมากกว่าอาตมาอีก แต่อยู่ไหน มวลเป็นรูปธรรม มวลมีตัวตนบุคคลเลย มีพฤติกรรมสังคมมีองค์ประกอบ สัปปายะ 4 อย่างพร้อมมูล ยืนยันได้ มีการปกครอง รัฐศาสตร์แบบนี้ เศรษฐกิจแบบนี้สังคมแบบนี้ ซึ่งความรู้นี้เป็นสากลเขาก็ศึกษากัน ของเราก็มาศึกษากันสิเป็นสิ่งวิเศษเป็นเรื่องมหัศจรรย์ เศรษฐศาสตร์ก็มหัศจรรย์มาก รัฐศาสตร์ก็มหัศจรรย์มาก บริหารโดยไม่ต้องบริหารเพราะว่าพวกคุณเลี้ยงง่ายบำรุงง่าย มักน้อยใจพอ เพราะฉะนั้น เลี้ยงง่าย จริง กินอยู่ไปมาง่ายกว่ากันเยอะบริหารทางเศรษฐกิจก็ง่าย เป็นเศรษฐกิจที่วิเศษง่ายไม่ต้องวุ่นวายมากมายเงินทอง ต้องคิดบัญชีต้องคิดวิธีการหมุนเวียนอะไรไม่ต้องมากเลยพวกเราสบายๆไม่ต้องคิดหนักใจ
นักบัญชีการเงินมาทำงานที่นี่เบากว่าทำงานทางโลกไม่รู้กี่ต่อ มาที่นี่ไม่ซับซ้อน ไม่ยาก
คนเกิดมาในยุคนี้เป็นคนอาภัพ ไปเห็นสัตว์ใต้ต้นโพธิ์เป็นโพธิสัตว์ก็เลยน่าสงสาร ก็เลยเป็นคนอาภัพ เจริญไม่ได้
อาตมาขออธิบายซ้ำอีก อาตมาว่าอาตมาเกิดมาอาภัพ เพราะคนส่วนใหญ่เขาเห็นอาตมาไม่ใช่คนจริงๆไม่ใช่ อภัพพะ ตัวจริง ไม่ใช่ ภัพพะ ที่ควรมีควรเป็น เขาก็เห็นเป็นอภัพพะ ทั้งที่มันใช่ เขาก็เลย อาภัพ เป็นภาษาสิริมหามายา กำลังอธิบายให้รู้ความจริงชัดเจนเต็มรูป
_ใสกลางเพ็ญ.. วิโมกข์แปลว่าอะไรคะ
พ่อครูว่า…วิโมกข์ แปลว่า ความหลุดพ้น แล้วก็มีหลักเกณฑ์ของความหลุดพ้นนี้ 8 ข้อ
-
ผู้มีรูป ย่อมเห็นรูปทั้งหลาย (รูปี รูปานิ ปัสสติ) ต้องอาศัยตาหูจมูกลิ้นกายในการสัมผัส จึงมีข้อนี้ได้ ตาบอดแต่กำเนิดศึกษาไม่ได้ แต่ไม่แน่ ถ้าเด็กคนนี้มีภูมิธรรมเก่า แม้จะตาบอดตั้งแต่ไม่เดียงสา แต่ตาดีตั้งแต่เกิด แต่มาตาบอดตั้งแต่ 7 ขวบ เป็นต้น ก็ยังสามารถศึกษาได้ ถ้ามีบารมีเก่า แล้วได้สัมผัสโลกยุคนี้ตั้ง 7 ปี แม้เป็นเด็กก็มีบารมีจะรู้เร็วได้มากกว่ากัน ดีไม่ดีทำได้ด้วย เป็นบารมีของเขา เป็นอัจฉริยะ พรสวรรค์เก่า
อันผู้เข้าถึงแล้ว พึงทบทวนตรวจสอบอย่างอนุโลมบ้าง อย่างปฏิโลมบ้าง ทั้งอนุโลมและปฏิโลมบ้าง หรือบางขณะก็อยู่ในอารมณ์บางขณะก็ไม่อยู่ในอารมณ์แห่งวิโมกข์ 8 อยู่บ้าง-ไม่อยู่บ้างตามคราวที่ต้องการ ตามที่ปรารถนาและตามกำหนดที่ประสงค์ จึงบรรลุเจโตวิมุติ – ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะสิ้นไป เพราะทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน นี้เรียกว่า อุภโตภาควิมุติ
พตปฎ. เล่ม 10 ข.66 (มหานิทานสูตร)
_แจ๊ว น้อมยอดธรรม…ดิฉันก็ประทับใจเรื่องอาหาร 4 เมื่อสมัยไม่ฟังธรรม สักกายะชอบอาหาร แต่พอฟังธรรมก็ไม่ต้องชอบก็ได้ กินตัวอื่นก็ได้ คิดว่ามันอยู่ที่ใจเราแข็งแรงหรือไม่ คำข้าวนี้เป็นอาหารค้ำชูชีวิตหรือค้ำชูกิเลส เราไม่ได้คิด เราคิดแค่ว่าร่างกายเราแข็งแรงก็พอ ต่อมาสิกขมาตุบอกธรรมะ 2 ทำให้เลิกฝัน แต่ก่อนไปตามโลกีย์เขามีฉันก็ต้องมีได้ แต่ปัจจุบันฟังพ่อครูแล้ว ตอนนั้นไปทางทุรกันดาร แต่ตอนนี้กินพออยู่ได้ อาหาร 4 กับวิโมกข์ 8 มันเหมือนกันหรือไม่
พ่อครูว่า..มันก็ต่างกันแต่ก็เข้าใจได้เหมือนกันรวมกันเป็นหนึ่งได้นี่แหละเป็นเรื่องของอิทธิวิธญาณ ญาณที่มากมาย ปาฏิหาริย์ทำให้เป็นหนึ่งก็ได้ ทำให้เป็นมากมายก็ได้ ทำให้มีอยู่ก็ได้ทำให้ไม่มีก็ได้ ทำให้มากมายกลายเป็นศูนย์ทำให้ศูนย์กลายเป็นมากมายก็ได้ เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ
_พระอวโลกิเตศวร ใช่พระโพธิสัตว์กวนอิมหรือไม่ มีจริงหรือไม่ ท่านเป็นโพธิสัตว์ระดับใด
__สวรรค์นรกมีจริงหรือไม่แล้วมันคืออะไร ? เห็นหลวงปู่บอกว่าคติคือทางดำเนินแห่งจิต
_พญานาคมีจริงหรือไม่ จริงๆแล้วมันคืออะไร ผมเคยอ่านเจอในนิทานชาดกครับ
พ่อครูว่า…เป็นปัญหาโลกแตก คนก็คงอยากรู้ ถ้ายังเอาแต่ถามนี่จะนานมากและจะไม่ได้เข้าใจอย่างสมบูรณ์แบบ เหมือนอย่างคนคนนึงที่ถูกลูกศรอาบยาพิษยิงมา บาดเจ็บมาอย่างหนักเมื่อมาถึงเพื่อนพี่น้อง ก็บอกว่าต้องรีบผ่าลูกศรออกจากร่างกายจะได้รักษาให้หาย แต่คนที่ถูกยิงมานั้นก็บอกว่าไม่ได้ไม่ให้ผ่า จะต้องรู้สึกก่อนว่าคนยิงชื่ออะไร เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เป็นลูกใครหลานใคร ลูกศรนี้เอามาจากไหนอาบยาพิษอะไร ต้องดูก่อนถึงจะให้ผ่าคนคนนี้จะตายก่อนหรือไม่ ตายก่อน เพราะว่าสิ่งที่อยากรู้มันมีเยอะเหลือเกิน เพราะฉะนั้นให้เขาผ่าลูกศรออกเสียก่อนเถิดแล้วค่อยๆเรียนรู้ไปตามหลัง
สมมุติพวกนี้ พระพุทธเจ้าเปรียบเทียบไว้ เหมือนคนถูกลูกศร อยากรู้จังเลย พระพุทธเจ้าบอกว่าให้ทำการศึกษาไปตามลำดับจะปฏิบัติได้ผลเร็วที่สุดสั้นที่สุดอย่างน่าอัศจรรย์ เรียงตามลำดับ ศีล สมาธิ ปัญญา การศึกษาของศาสนาพุทธก็มี ศีล สมาธิ ปัญญา
จะไปทรมานร่างกายสะกดจิตอย่างไรไม่มีทางบรรลุหรอก
_พระอวโลกิเตศวรใช่พระโพธิสัตว์กวนอิมหรือไม่ แล้วมีจริงหรือไม่
พ่อครูว่า…ท่านเป็นโพธิสัตว์ระดับใด ..พระอวโลกิเตศวรตามตำนานที่ได้เล่ากันมา คือพระโพธิสัตว์ใหญ่ มีปณิธานสูงยิ่ง แล้วท่านก็เป็นโพธิสัตว์มานาน แน่นอนว่านานก็ต้องใหญ่กว่าอาตมาแล้วท่านจะไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ง่าย เพราะว่าท่านมีปณิธานจะสอนให้คนในโลกมนุษย์ชนเป็นพระอรหันต์ให้ได้หมดเสียก่อนและท่านจึงจะปรินิพพานสุดท้าย
เพราะฉะนั้นจึงเป็นอุดมคติเป็นปณิธานที่อุดมคติ ถ้าเราเข้าใจปณิธานอุดมคตินี้ จะเป็นตัวตนบุคคลเราเขาจริงหรือไม่ ก็ไม่ต้องไปคิด แต่ปณิธานนั้นดีไหม ดีสุดๆเลยก็เอาอันนี้เป็นตัวหลักก็แล้วกัน แต่เป็นจริงไม่ได้อย่างนั้น อาตมาไม่เอาหรอกปณิธานอย่างโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร แม้ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าก็ขอเป็นสมัยเดียว ไม่ขอเป็นสมัยที่ 2 สร้างศาสนาและ หรือไม่แน่อาตมาอาจจะไม่ได้สร้างศาสนาแม้จะบรรลุแล้วเหมือนพระพุทธเจ้าแต่ก็จบ ตอนนั้นก็อยู่ที่ อนิจจตา อาตมาอาจจะไม่ประกาศศาสนาเลยในโลกแต่อาตมาบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณเท่ากับพระพุทธเจ้าแล้วเป็นพระโพธิสัตว์ ตัวเองไม่ตัดสินใจประกาศศาสนาในโลกในยุคใดยุคหนึ่ง ปรินิพพานเป็นปริโยสานเลยก็เป็นสิทธิของอาตมาก็ไม่ต้องไปคิดไม่ต้องกังวลเรื่องเหล่านี้ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละบุคคล
อาตมาก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ อาตมาตั้งใจจะไปเป็นพุทธเจ้า อย่างน้อยได้สยัมภู แล้วก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไป แต่ก็ได้ช่วยศาสนาพุทธมามากมายจนเมื่อยน่าดูแล้ว มันหมดความเบื่อรำคาญแล้ว แต่ก็เบื่อ เป็นสิทธิของเรา ศาสนาพุทธมีสิทธิเป็นสิทธิของเจ้าของตัวเองทำได้ตัดสินเอาเอง
สรุปว่าพระอวโลกิเตศวรจะมีตัวตนจริงหรือไม่มีตัวตนจริง ก็ได้
จะเป็นเจ้าแม่กวนอิมหรือไม่ก็เขาว่าอย่างนั้นโดยอวตารมาเป็นปางหนึ่ง เชิงคิดคือ ผู้หญิงเป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้เป็นหลักการของศาสนาพุทธ แต่ก็สามารถเป็นผู้ที่เป็นพระโพธิสัตว์ สามารถที่จะช่วยเหลือมนุษยชาติได้ยิ่งใหญ่ ถ้าหาก กวนอิมคือ อวตารของพระอวโลกิเตศวรคือคนที่ยังไม่ยอมตายไม่ยอมพัฒนา แต่เอาภาคที่เป็นผู้หญิงก็มาใช้งาน บางคนว่าหากเป็นผู้หญิงก็เป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้ก็เลยเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมก็แล้วกัน ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว ไม่เป็นไร ศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าให้จริงก็แล้วกันเพราะคนนั้นอาจจะรักสภาพความเป็นผู้หญิง
แต่ถ้าจริงๆแล้ว ถ้าผู้นั้นเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมจริงๆ ถ้าหากท่านจะคลายปณิธานแบบพระอวโลกิเตศวร เพราะว่ากวนอิมก็คือพระอวโลกิเตศวร ถ้าจะคลายความเป็นผู้หญิง ไปเป็นผู้ชาย ท่านก็เป็นผู้ชายแล้วท่านก็ตรัสรู้ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปเลยก็ได้ ไม่มีปัญหาเพราะว่าท่านมีภูมิธรรมมากพอ หลังวิบากไปในชุดนั้นก็มาเป็นองค์ใหม่ เป็นผู้ชายแล้วก็จะปรินิพพานเป็นปริโยสาน แค่อรหันต์ก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้แล้ว แต่ถ้าสยัมภู คือเป็นพระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว แต่ไม่ประกาศศาสนา เป็นพระโพธิสัตว์ใหญ่มานานแล้วจนกระทั่งเมื่อไหร่ไม่รู้ก็เท่านั้นเอง
จริงหรือไม่…จริง แต่เป็นโพธิสัตว์ระดับยอดด้วย ก่อนพระพุทธเจ้ามาไม่รู้กี่องค์แล้ว เพราะว่าท่านทำงานมา รื้อขนสัตว์ยังไม่หมดโลกเสียที
_สวรรค์นรกมีจริงหรือไม่แล้วมันคืออะไร ? เห็นหลวงปู่บอกว่าคติคือทางดำเนินแห่งจิต
พ่อครูว่า…สงสัยอย่างนี้บรรลุยาก เป็นวิตักกจริต แทนที่จะบรรลุใน 20 หรือ 40 อสงไขย แต่ก็เป็น 80 อสงไขยนะ วิตักกจริตอย่างนี้ไม่จบง่ายหรอก
สวรรค์มีจริงในสัจธรรม แต่ในรูปธรรมมันไม่มี สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ ตายไปแล้วก็ในอกในใจคนตายนั่นแหละมันก็มี วิญญาณของคุณมันไม่สูญมันก็อยู่ในอกในใจของวิญญาณที่ยังไม่ศูนย์นั่นแหละ นรกสวรรค์มีจริง จนคุณสามารถดับนรกสวรรค์ในใจได้มันก็ไม่มี แต่นรกสวรรค์มีจริงสำหรับคนที่ยังไม่บริบูรณ์ยังไม่จบยังต้องแสวงหาสวรรค์ แน่นอนคุณไม่เอานรกหรอก แต่นรกสวรรค์แยกกันไม่ได้คุณเอาสวรรค์อยู่นรกก็ต้องมี มีจริงหรือไม่ก็มี แล้วมันคืออะไร คติคือทางดำเนินแห่งจิต ก็คือจิตไปตั้งภพชาติอุปาทานว่าสวรรค์นรกคืออะไรไม่ไปทำความเข้าใจอย่างแท้จริงว่าสวรรค์คืออะไรนรกคืออะไร สวรรค์คือความสุขนรกคือความทุกข์ ย่นย่อมาง่ายๆ
เพราะฉะนั้นอารมณ์เวทนาคือความสุข คนโง่ก็จะเอาแต่ความสุข แต่คนก็จะขาดความสุขไม่ได้เพราะว่าความสุขความทุกข์มันแยกไม่ออก เหมือนกระดาษมี 2 หน้า คุณไม่สามารถแยกออกกันได้ แม้ว่ากระดาษจะบางเท่าไหร่ก็ยังมี 2 หน้า ศาสนาพุทธก็เลยดับมันทั้งคู่เลยจบไม่ทุกข์ไม่สุข ไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่มีทั้งสุขและทุกข์ก็อ่านอาการสุขอาการทุกข์ อาการทุกข์อ่านง่ายแต่อาการสุขมันยอดมหาอภิบรมหลอก ละเอียดลึกซึ้งซับซ้อนมาก
คติคือจุดมุ่งหมายที่จะต้องไปให้ถึงจุดนั้น คติแปลว่าไป คุณก็ไปตามสัมมามรรค ก็เดินให้ถูกทางก็แล้วกัน
_พญานาคมีจริงหรือไม่ จริงๆแล้วมันคืออะไรผมเคยอ่านเจอในนิทานชาดกครับ
พ่อครูว่า…พญานาคคืองู เขาก็มาแต่งองค์ทรงเครื่องใส่ลายกนกให้หัวมัน ใส่เกล็ดเข้าไปตกแต่งเข้าไป งูคือสัตว์ที่ช้า เลื้อยนอน หลับ ติด เพราะฉะนั้นขยายความกันว่า ผู้มาปลอมตัวบวชคือพญานาค ปลอมตัวมาเป็นคนแต่ตัวเองคือนาคคืองู พอเสร็จแล้วยังไม่ได้บวช มาขอบวชก็เรียกว่า นาค เป็นผู้ขอบวชได้ฐานะนาค อยู่มาวันหนึ่งก็ไปนอนหลับ ก็เลยกลายเป็นงูนอนเลื้อยอยู่ในห้อง คนเข้ามาดูก็รู้ว่าเป็นงูเป็นนาค มันจะมาขอบวชปลอมตัวมาบวช ฉะนั้นจึงมีคำถามที่อุปัชฌาย์จะซักถามผู้จะบวช ว่าเป็นนาคปลอมตัวมาบวชหรือเปล่า…นัตถิภันเต….หากโกหก ก็ได้บวช แต่อามะภันเตก็รับว่าเป็นก็ไม่ได้บวช นี่คือเรื่องที่ผูกกันมา
สรุปก็คือเป็นผู้ที่ไม่ได้ตั้งใจมาบวชปลอมตัวมาบวชก็ไม่ให้บวชคนนี้ไม่ได้ตั้งใจจริงไม่ได้สมเหมาะสมควรที่จะบวชเป็นเดียรถีย์ไส้ศึกมา เท่านั้นเอง
พญานาคคืองูทรงเครื่องที่นักศิลปินเขียนหงอนเขียนลายให้บอกว่าเป็นงูใหญ่ที่มีฤทธิ์มาก จะเป็นผู้ที่มีลักษณะนิสัยที่เลวที่ไม่เหมาะสมจะบวชได้ จบ
_หินเย็น…โดยลักษณะของปุคลาธิษฐานทำให้ผมได้คิดถึงกวฬิงการาหาร ทศกัณฐ์มีจิตปฏิพัทธ์กับบุตรของตนคือนางสีดาซึ่งไม่รู้ว่าเป็นบุตรของตน ได้ฟังกวฬิงการาหารว่าการเสพกามคือเหมือนการกินเนื้อบุตร แล้วทางอัตตา
พ่อครูว่า…คนกินเนื้อบุตรก็ยังไม่รู้ตัว ก็มีทั้งกามและอัตตา กามต้องทำให้หมดก่อนอัตตา
_หินเย็น..บางครั้งนิมิตที่ผมมองบางคนว่าไม่เดินทางสายกลาง ทางสายกลางไม่ให้โต่งทางกามและอัตตาแต่บางคนเดินขาเป๋ ผมเห็นคนเดินนำหน้าผมก็เดินขาเป๋ทางอัตตาอยู่เรื่อย ผมก็เลยไม่ศรัทธา
พ่อครูว่า..ต้องหมดกามก่อนจะเหลือรูปราคะ อรูปราคะเชื้อของกาม
ก็อย่าไปไม่ศรัทธา เราก็ไม่เชื่อถือแต่ไม่ใช่ว่าเราจะต้องไปมีความชัง แต่รู้ความจริงตามความเป็นจริงว่าคนนี้มีสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
_สมองสั่งจิตใจคนได้อย่างไรครับ
พ่อครูว่า..สมองไม่ได้สั่งจิตใจ จิตใจคนอาศัยสมองเป็นเครื่องทำงาน เป็นสรีระ ทวัตติงสาการ อาการ 32 สมองก็เป็นหนึ่งในทวัตติงสาการ มีอาการทำงาน จนกว่าจะไม่มีชีวะ ร่างกายก็จะขับออก สิ่งที่ไม่มีชีวิตในร่างกาย อาการ 32 ไม่ว่าจะเป็นตับไตไส้พุงแม้กระทั่งน้ำเสลดขี้อ้อนขี้แก่ จนกระทั่งถึงเลือดน้ำเหลืองอะไรต่างๆ
อย่างผู้หญิงมีเลือดที่จะเป็นไข่ ที่จะเกิดเป็นคน เกิดเป็นชีวิต แต่เมื่อชีวิต เลือดที่เป็นก้อนไข่มันเสีย ไม่ได้รับการผสมมันหมดอายุมันเสียมันก็จะขับออก ก็จะกลายเป็นของเสีย จะมากับสิ่งที่เลี้ยงคือเลือดด้วย ก็ไหลออกเป็นเลือดระดู ที่เป็นอุตุแล้ว ในพจนานุกรมภาษาบาลีแปลคำว่าอุตุว่า เลือดระดูด้วย ไม่เป็นพีชะไม่เป็นชีวะด้วยเกิดเป็นดินน้ำไฟลม เลือดระดูของผู้หญิงจึงเรียกว่าเป็นอุตุอย่างนี้เป็นต้น
_อู๊ดคารโว…พรสวรรค์หรือจะสู้พรแสวง ผมอยากพูดต่อหน้าโพธิสัตว์ระดับ 7 ไม่มีอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านี้แล้ว คนที่ออกจากอโศกไปด้วยข้อหาหลากหลาย ผมก็เคยมีคนกล่าวหา แต่เห็นความเมตตาของพระโพธิสัตว์ที่ให้อภัย ผมเชื่อว่าองค์นี้เป็นไก่ตัวพี่ ผมจะสนับสนุนทุกชาติไป ชัดเจนชัดแจ้งแม่นมั่นตรงธรรม
พ่อครูว่า…แสดงใจจริงอย่างมั่นใจ แต่อาตมาว่าคนอื่นจะรำคาญมากกว่าจะซาบซึ้งให้ไปกลับกริยาท่าทีไปดูกระจกเอากระจกส่องและแสดงดูก่อน แสดงเร็วและแรงไปอยากแสดงออกมาก ให้ลดความอยากแสดง ดีอย่างหนึ่งว่าคุณจริงใจ แต่ให้ลดความอยากแสดงลงไป อยากจะแสดงออก มันลึกนะ คุณศรัทธาสิ่งนี้ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่ายอดเพชรยอดทอง มาเจอแล้วคนอื่นทำไมไม่เอาอย่างกูวะ มันซับซ้อนอัตตามานะ ไปลดความต้องการที่จะให้คนอื่นเห็นคนอื่นหรือคนอื่นเอาให้เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ
_หินทอง…ผมได้ยินพ่อท่านเทศน์ว่าคนอโศกมีผู้ชายมากกว่าจะไชโย (พ่อครูว่า..ถ้าผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเป็นการแสดงสัจธรรมชนิดหนึ่ง มันดี มันจะเป็นน่าจะเป็น) คนที่เป็นผู้ชายแต่เกิดชาติหน้าเป็นผู้หญิง ทำอย่างไร เมื่อเป็นผู้ชายแล้วชาติหน้าจะไม่เป็นผู้หญิง ถ้าเขาเป็นผู้หญิงอยู่แล้วแล้วจะมาเป็นผู้ชายเขาจะทำอย่างไร สมมุติว่าพ่อท่านจะอยู่อีกยาวแล้วบางคนต้องไปก่อน
คนที่เป็นกะเทยแก้ไขอย่างไรในชาติหน้าไม่ให้เป็นกระเทย
พ่อครูว่า…อย่าทำทุจริตอย่าทำผิด โดยเฉพาะเรื่องเพศ ทำให้ดีๆๆ ทุจริตผิดอะไรก็แล้วแต่ทำให้ตรงโดยเฉพาะเรื่องเพศ เพราะว่าเรื่องเพศคือเรื่องกลับไปกลับมา ไม่เป็นผู้หญิงก็อย่าไปทำผิดพลาดสำส่อน ไปผิดเพศเป็นกระเทยนี้อีกนาน ไม่ได้ไปว่ากะเทยแต่กะเทยเขาทำตัวเองแล้วมันจะเสียเวลา อย่าเป็นอันขาด อย่าไปยินดี อย่าไปพยายามเลย คุณเป็นผู้หญิงอยากเป็นผู้ชายในชาติหน้าคุณก็ต้องพยายามศึกษา คุณลักษณะ ไม่ใช่เอาจริตร่างกายท่าทีให้เหมือนผู้ชายนะ ทำให้เป็นผู้หญิงจะทำจิตวิญญาณให้เด็ดเดี่ยว ทำจิตวิญญาณให้เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวในเรื่องเพศเรื่องผู้หญิงผู้ชาย ถ้ามีคู่ก็มีคู่ไปตามฐานะ ผู้หญิงไม่มีคู่ได้ก็ต้องเป็นผู้หญิงนี่แหละไม่ต้องอยากทำท่าทีให้เหมือนผู้ชาย ยิ่งจะกลายเป็นเหมือนกะเทยไป ไม่ต้อง ทำเป็นผู้หญิงนี่แหละแล้วศึกษาสัจจะทำให้ถูกต้องแล้วจะได้เป็นผู้ชายเมื่อมีภูมิธรรมถึงจะได้เกิดเป็นผู้ชาย
_พ่อครูช่วยเรียกแม่ครัวที่จัดทำอาหารขาย ลาป่วยทั้งหมด 3 คนสองเดือนยังไม่มา คนทำอาหารเป็นช่วยอุทยาน พ่อท่านว่าที่อุทยานทำขายได้แต่ขาดคนทำ คนที่อยู่เพิ่มสัมประสิทธิ์ อาหารก็เพิ่มชนิดก็หนักร้านเปิดอังคารถึงอาทิตย์ จิตอาสาข้างนอกมาบ้างไม่มาบ้าง หัวปานรุ้งก็ไม่อยู่ 1 อาทิตย์ ลูกค้าถามว่าวันไหนจะมี ทุกวันนี้ขนมจีนเป็นหลัก ดิฉันไปอย่างไม่มีวันหยุดทุกๆวัน เป็นแม่ค้า 5:00 น.ชวนเพื่อนไปเป็นแม่ครัวช่วยเพื่อนพอได้ เพื่อนบอกว่าต้องฟังย่อยธรรมะ ไม่ไป รถออก 4:00 น ไปช่วยเก็บใบไม้กวาดลาน เอารถไปเองจะอยู่กี่ชั่วโมงก็ได้ ตามแต่คิดชอบไม่ชอบไป จะได้ธรรมะ 2 , 1 ลงสนามรบที่อุทยานบุญนิยม เราไปร่วมงานเป็นเจ้าของอุทยานร่วมกัน แม่ครัวทุกวันต้องทำหน้าที่ ล้างผัก มีหน้าที่ต้องช่วยตัวเอง สามัคคีมีน้ำใจ
พ่อครูว่า..สรุปแล้วเรียกร้องไปเป็นแม่ครัวอุทยานบุญนิยมหน่อย ร้านสหกรณ์ไม่เรียกร้องเท่าไหร่หรือมีคนไปช่วยเยอะกว่าหรือเปล่า ก็มีร้านข้างนอกของเราสองร้านคือร้านสหกรณ์บุญนิยมกับร้านอุทยานบุญนิยม
มี 2 ร้านที่มีรายได้หมุนเวียนประจำวัน นอกนั้นก็มีร้านของแห้งอยู่ที่บวร แล้วไม่มีที่อื่นหรอก นอกนั้นก็มีแต่รายจ่าย ก็ขอให้พวกเราเห็นความสำคัญเป็นหน้าที่การงานของชาวราชธานีอโศกเรา ก็มีพวกนี้จะต้องช่วยกันมันก็จริง คนนิยมมากขึ้น แต่คนไปช่วยกลับน้อยลง ถ้าผู้ใดที่จะหาโอกาสไปช่วยกันบ้าง ก็ดี บอกไปก็คงจะมีคนได้คิดมีคนตั้งใจช่วยกันบ้าง ผู้ที่อยู่ว่างๆไม่มีอะไรมากมายอาตมาว่าพอเห็นเดินๆกันอยู่ หรือว่านอนอยู่ในบ้าน จะปล่อยเวลาเสียไปหรือเปล่า พระพุทธเจ้าตรัสว่าเวลาล่วงไปล่วงไปกายกรรมวจีกรรมที่ดีกว่านี้ยังมีอีก แค่กายกรรมวจีกรรมนะท่านบอก ส่วนจิตนั้นท่านให้สำนึกเอง ว่าเวลาล่วงไปๆ กายกรรมวจีกรรมที่ดีกว่านี้ยังมีอีกเธอกำลังทำอะไรอยู่ พระพุทธเจ้าสุดยอดเลยให้สำนึก กำลังทำอะไรอยู่ กำลังนอนอยู่ ทั้งๆที่ก็นอนมามากแล้วกำลังเล่นอยู่อะไรก็แล้วแต่ เราสมควรจะทำกายกรรมวจีกรรมที่เป็นประโยชน์คุณค่าที่ดีกว่านี้กว่าที่เรากำลังทำอยู่ขณะนี้ไหม ถ้าเราคิดว่าเราควรจะเปลี่ยนกรรมที่เราเป็นอยู่ขณะนี้มันสะสมอัตตาสั่งสมความเสพ สั่งสมความพอใจสั่งสมสิ่งไร้สาระ หรือสั่งสมสิ่งที่เป็นสาระน้อยกว่า ไปทำสิ่งที่เป็นสาระดีกว่ามากกว่า มันก็เป็นประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ก็ของคุณนั่นแหละ กรรมเป็นของของตน ก็สำนึกอย่าขี้เกียจอย่าเห็นแก่ตัวอย่าเสพ อย่าติดเสพ
_ขอพ่อครูกรุณาขยายความเกี่ยวกับอนุสัย ที่เป็นกุศลของพระอรหันต์ด้วย และอุเบกขาธรรมะคืออะไร
พ่อครูว่า…ยังไม่ถึงความเป็นอรหันต์ก็อยากจะรู้ก่อน เอาให้คุณอาสวะก่อนไหม อนุสัยเป็นสิ่งที่นอนนิ่งอยู่ในจิต พระโพธิสัตว์จะรู้ดี จิตที่เราไม่ยอมสลายอยู่ เป็นอนุสัย
-
มันไม่สลายของตัวเองเพราะว่ามีปัญญา ก่อนจะสลายอนุสัยของตัวเองก็ต้องสลายอาสวะก่อน เมื่อสลายอาสวะแล้วถึงขั้นเป็นพระอาริยบุคคลในระดับที่จริงๆแล้ว อรหันต์จริงๆนั่นแหละ อย่างน้อยเป็นอรหันต์ขั้นที่ 4 แล้ว อนุโพธิสัตว์ขึ้นไปนั่นแหละจึงควรจะเรียนรู้อนุสัยที่เป็นกุศล