621216_รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 84
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/1l1alX_1GL8WfQqh6p_XS1boFIFm0smZ3Vf-07LIN_SM/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1flg3nADggIlpa-O0cew_54QgMo0xTHB1
พ่อครูว่า… วันนี้วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก
SMS วันที่ 15 ธ.ค. 2562 (วิถีอาริยธรรม : บ้านราช)
_นิมรัตน์ทีวี : คนไทยทะเลาะเบาะแวงกันเยอะมากครับ ตั้งแต่ระดับหมู่บ้านต่อหมู่บ้านผิดกันอันนี้ระดับรากหญ้านะ ส่วนระดับรัฐบาลก็แบ่งกันหลายฝ่าย ต่างฝ่ายก็หาผลประโยชน์เข้าตัว.
ท่านประยุทธคนเดียวทำไม่ได้หรอก ระบอบนี้นะเป็นมาเกือบร้อยปีแล้ว พร้อมๆกับ จ.ป.ร.ละ คนรวยอยู่ด้านบนควบคุมประเทศไทย ท่านอย่าเอาศาสนาพุทธไปยุ่งกับพวกนี้เลย
พ่อครูว่า…อาตมากำลังเขียนเกี่ยวกับประชาธิปไตย ซึ่ง คอมมิวนิสต์เป็นเชิงบังคับ แต่ประชาธิปไตยเป็นการให้อิสระเสรีภาพ อังกฤษหรืออเมริกาเขาก็ให้อิสระ แบบ freedom แต่อาตมาไม่ใช้คำว่า freedom แต่ใช้คำว่า independent
เมืองไทยทุกวันนี้เป็นประชาธิปไตยสุดยอด รัฐศาสตร์ฟังแล้วก็คงจะสมเพชอาตมาหาว่าเป็นเด็กวานซืน ไม่รู้จักเรื่องประชาธิปไตยตามที่เขาเรียนกันมาศึกษากันมาบริหารกันมา ตั้งเท่าไหร่แล้ว เขาก็ทำได้ผลของเขาเราก็ทำได้ผลของเรา เราก็ทำมา 40-50 ปีแล้วก็ได้ผล ซึ่งมันยากกว่าแน่นอน เป็นประชาธิปไตยของยอดพีระมิด เป็นฐานยอด มันจึงต้องค่อยๆอธิบายกัน
_กมล จำปี : น้อมกราบพ่อครูครับ ท่านอธิบายประชาธิปไตยชัดเจนกระจ่างยิ่งๆ ขึ้นอีก
_ประดิษฐ์ อินทหอม: พ่อครูเจริญประชาธิปไตยตามพระพุทธองค์นี้แหละสุดยอด
พ่อครูว่า…เข้าสู่สำมะปี๋ อาตมาตอนนี้อายุ 85 ปี 6 เดือน กับ 1 วัน ในวันที่ 5 ธันวาคม เพราะอาตมาเกิดเดือนมิถุนายน ในหลวงร.9 พระราชสมภพ 5 ธันวาคม อาตมาเกิด 5 มิถุนายน ห่างกัน 6 ถ้านับเฉพาะเดือน แต่นับปีท่านต่างกับอาตมา 7 ปี ท่านปี 70 อาตมาปี 77 สมเด็จพระบรมราชินีองค์ที่10 ยังไม่เรียกสมเด็จพระบรมราชินีนารถ เพราะยังไม่ได้สำเร็จราชการแทนพระองค์อย่างน้อย 1 ครั้งเป็นต้นไปถึงได้เป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ก็เป็นความรู้ให้ฟัง
_หายโง่…ประชาธิปไตยเทวนิยมคือมีฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาล
พ่อครูว่า…ประชาธิปไตยที่เป็นเทวนิยมกับประชาธิปไตยที่เป็นอเทวนิยม
หายโง่ ..โลกโลกีย์มีฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลจึงเรียกว่าเทวนิยม ถ้าทั้งสองฝ่ายไม่ได้คิดถึงประโยชน์ประชาชนก็ไม่ดี สมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช วิธีการที่เป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พระมหากษัตริย์มีอำนาจเต็มในบ้านเมืองสงบสุข ประชาชนมีอิสระเสรีภาพ ใครใคร่ค้าช้างค้าใครใคร่ค้าม้าค้า เป็นการทำตามพระพุทธเจ้าเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนเป็นอันมาก พ่อครูกรุณาช่วยอธิบาย พฤตินัย วุฒินัย สัจจนัย
พ่อครูว่า…อาตมานำเอาความรู้ของพระพุทธเจ้ามาให้พวกเราปฏิบัติ ฝึกฝน โดยเอาจิตใจเป็นประธาน จิตใจละกิเลสละตัวตน สรุป คือ จะเป็นคนมีวรรณะ 9 เป็นคนชั้นสูง the classes และผลของศาสนาที่จะเห็นเป็นหมู่มวลมีคุณสมบัติสาราณียธรรม 6 เป็นสองหลักใหญ่ๆของพระพุทธเจ้า มีไตรสิกขา วิชชาจรณสัมปันโน
จรณะ 15 วิชชา 8 เป็นคุณธรรมเป็นธรรมะของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เป็นธรรมะสุดยอด เป็นกระบวนการของคุณธรรม ที่เป็นศีล สมาธิ ปัญญา ไตรสิกขาอันสุดยอด
วิชชา 8 คือปัญญา ศีลก็คือศีล ส่วนสัทธรรม 7 อปัณกธรรม 3 คือ อธิจิต เป็นตัวการพัฒนาการไปเป็นสัทธรรม มี หิริโอตตัปปะ พหูสูตร วิริยะ สติ ปัญญา
ปัญญาจะพัฒนาเป็นญาณปัญญา วิชชา 8
พฤตินัย วุฒินัย สัจจนัย
พฤติ หมายความว่าความประพฤติ อาการกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมของแต่ละคน เรียกว่าพฤตินัย
พฤตินัยแต่ละคนจะมีคุณวุฒิ มีการศึกษา ความเจริญ วุฒิ ขนาดไหนอย่างไรแค่ไหน แล้วความเจริญมีแบบโลกียะกับโลกุตระ
สัจจนัยคือ นัยยะที่เป็นสัจจะสองอย่าง สัจจะของโลกียะกับโลกุตระ
สัจจะของโลกุตระเป็นปรมัตถสัจจะจากของโลกียะเป็นสมมติสัจจะ เป็นสัจจะที่ร่วมกับโลก แต่ สัจจะที่เป็นโลกุตระนั้น เป็นสัจจะเฉพาะที่ทวนกระแส เป็นสัจจะที่หยั่งเข้าไปถึงปรมัตถ์ ไปถึงจิตเจตสิกต่างๆ แล้วลดกิเลสได้ การกระทำไม่มีกิเลสในตัวบุคคลเป็นอรหันต์ได้จริงเป็นคุณสมบัติที่เป็นคุณวิเศษของศาสนาพุทธ ของคนที่ลดกิเลสได้จริงนั้นเป็นพระอรหันต์จริงนั้น
จะเป็นคนที่เห็นแก่ผู้อื่นทั้งหมดเลยไม่มีตัวตนทำงานเป็น พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก)
อาศัยคำว่าสุขมาใช้ แต่สุขที่จะทำให้คนโลกีย์พัฒนาเป็นสุขชั้นดี ที่สุดที่โลกียะเขาจะมีดีอย่างไรก็อย่างนั้น เช่นดีอย่างเป็นคนมีคุณธรรมมีธรรมะสูงเป็นพระพรหมมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ไม่มีความโหดร้ายรุนแรง ไม่มีความบีบคั้น อะไรอย่างนี้เป็นต้น ซึ่งจะซ้อนลึก
โลกียะมีเงื่อนไขอยู่ว่าโลกียะมีความรู้สูงที่จะให้เกิดสุข แต่ไม่รู้จัก จิตสมบูรณ์แบบ และทำลายหรือทำให้จิตแยกกัน เป็นตัวทำลาย
สามารถรู้จักเจตสิกต่างๆแล้วเข้าใจพลังงานเจตสิกทำให้เป็นชีวะสุดยอดหรือจะมาสู่ความเป็นสภาวะของธาตุที่มีในโลก อุตุธาตุ พีชธาตุ จิตธาตุได้ อย่างแท้จริง แล้วแยกธาตุของจิตตัวเองได้
เมื่อเวลาตายลง เป็นที่สุดปรินิพพานเป็นปริโยสาน สามารถทำจิตในจิตมนสิการ แตกสลายเป็นอุตุนิยาม หมดตัวตนจะมาจับตัวเป็นอัตภาพได้อีกเลย เพราะมีความรู้ในอัตตา สามารถทำให้อาตมันสลายเป็นอุตุได้
ศาสนาเทวนิยมสลายจิตนิยามของตัวเองให้เป็นอุตุธาตุไม่ได้ มันเป็นจิตวิญญาณนิรันดร ตีไม่แตก แล้วก็จะไปรวมกับพระเจ้า พระเจ้าไม่มีความรู้ที่จะแยกจิตได้ แต่สามารถเป็นจิตวิญญาณที่ดีที่สุดเป็นธาตุที่ดีที่สุดในความมีที่อยู่ที่นิรันดร ถือว่ามนุษยชาติมีอย่างพระเจ้าไม่ได้ก็เป็นได้ มนุษยชาติไม่สามารถมีจิตอย่างพระเจ้า เขาไม่รู้ว่าพระเจ้าคือใคร เขายกไว้ว่าพระเจ้าเป็นจินตนาการ Imagine อย่างสุดยอด แล้วสิ่งที่ยืนยันว่ามีพระเจ้าคือมีคำสอนของพระเจ้า คำสอนของศาสนาอิสลามคือพระเจ้าองค์นั้น เรียกว่าพระอัลเลาะห์ ส่วนทางด้านคริสต์เรียกว่า God ทางด้านศาสนาฮินดู กับพราหมณ์ ก็ปนกันอยู่ แต่ทางด้านตะวันออกกลาง เขาก็จะมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่ง
อิสลามเขาไม่ใช่ตะะวันออกกลางนะ ไม่ได้เรียกพระเจ้าเป็นพระอัลเลาะห์ แต่เรียกว่าพระยะโฮวา แล้วก็ยังมีอีกเยอะ อาตมาไม่เก่งที่จะรวบรวมพยัญชนะต่างๆพวกนี้มา ซึ่งมีความแตกต่างกันตามความเห็นตามความรู้
ศาสดาของเทวนิยมทุกองค์ก็คือพระเจ้าของแต่ละองค์ ไม่เหมือนกัน จริงๆก็คือตัวพระศาสดานั้นเองนั่นแหละ เป็นความรู้ของพระศาสดานั้นเองนั่นแหละ แต่พระศาสดาของแต่ละศาสนานั้น ไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้จักความเป็นอาตมันของตัวเอง แต่ศาสนาพุทธนั้นรู้จักอาตมันของตัวเอง รู้จักอัตตาตัวเองสูงสุด จนกระทั่งอยากให้มีได้นิรันดรก็ได้ จะให้สลายอัตภาพหรือ อัตตา ของตัวเองก็ได้ นี่คือศาสนาของพระพุทธเจ้า
ที่พูดเชิงข่มศาสนาเทวนิยมก็ขออภัย พูดโดยที่มีสภาวะอย่างนั้น หากมาศึกษาเอาจิตตนเองมาศึกษา แล้วจะรู้ว่าจิตเราสามารถรู้ได้
อาตมาเป็นพระโพธิสัตว์แค่ระดับ 7 พอมีความรู้เรื่องจิตวิญญาณที่เป็นเทวนิยมเป็นศาสดาได้แล้ว ศาสดาที่เป็นเจ้าของทฤษฎีเจ้าของศาสนา เจ้าของลัทธิ ก็เป็นแต่ละศาสดา เจ้าลัทธิมีเยอะ ประกาศแล้วไม่มีพลเมืองจะมานับถือได้ก็มี แล้วคุณลักษณะคุณธรรมคุณวิเศษ ของแต่ละศาสดาก็ยังมีขีดคั่นอีก ที่ยังไม่ถึงโลกุตระก็มีเยอะ แม้ท่านที่มีความรู้ศาสนาพุทธมากมาแย้งก็มีได้
อิสรเสรีภาพ ภราดรภาพ สันติภาพ สมรรถภาพ บูรณภาพ สุนทรียภาพ กับสุญญภาพ
_หยาดทิพย์…อาหาร 4 มีอะไรบ้างคะ ?
พ่อครูว่า เข้าคิวรออธิบายในวันพุธนะ
อาหาร 4 มี
-
กวลิงการาหาร (อาหารคำข้าว ให้รู้กิเลสเบญจกาม) . .
-
ผัสสาหาร (อาหาร คือ ผัสสะกระทบให้เกิดเวทนา) ท่านเปรียบว่าเหมือนวัวไม่มีหนัง มีแต่เนื้อกับน้ำเลี้ยงทั้งตัวเลย เดินไปแตะอะไรก็แสบ ถูกอะไรสัมผัสก็มีปฏิกิริยา คือผัสสาหารของคนที่อวิชชาแต่ไม่รู้ตัวว่ามีทุกข์ วัวที่ไม่มีหนังหุ้ม มีแต่น้ำเลี้ยง มันทุกข์ไหม? เหมือนคุณหนังถลอก ไปแตะอะไรก็แสบ คัน รับเชื้อได้เร็วมากเลย ทุกข์ทรมานขนาดนั้นแต่ไม่รู้ทุกข์
-
มโนสัญเจตนาหาร (อาหารใจที่เจตนามุ่งกับตัณหา) . .
-
วิญญาณาหาร (อาหารของวิญญาณ กำหนดรู้นาม-รูป . อันเป็นปัจจัยให้ตั้งอยู่แห่งสังขาร เพื่อการเกิดในภพใหม่ คือมีปัจจัยเกิดชาติชรามรณะ ทุกข์ และความคับแค้น) .
(ปุตตมังสสูตร พตปฎ. เล่ม 16 ข้อ 241-244) .
ทั้ง 4 อาหารคือคนอวิชชาทั้ง 4 ตัวเองทุกข์เจียนตายแต่ไม่รู้ตัวเอง
_ใสกลางเพ็ญ …อุเบกขา 5 แปลว่าอะไรคะ ?
พ่อครูว่า…แปลว่า จิตบริสุทธิ์ อุเบกขาแปลว่าความว่างความบริสุทธิ์ แต่จะมีมิติของความบริสุทธิ์ที่สูงขึ้น
-
ปริสุทธา (บริสุทธิ์ปราศจากกิเลสนิวรณ์ ๕) .
-
ปริโยทาตา (ผุดผ่องขาวรอบแข็งแรงแม้ผัสสะกระแทก) กระทบแล้วก็เอากิเลสออกจากจิตได้ทันที ขาวผ่องตลอดกาล อะไรแตะก็หลุดเอง ถ้าไม่หลุดก็ทำให้หลุดอีก จึงเก่งขึ้นในการทำให้บริสุทธิ์มากขึ้น อันที่สองเป็นสมรรถภาพที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
-
มุทุ (รู้แววไว อ่อน-ง่ายต่อการดัดปรับปรุงให้เจริญ) คือจิตควบคุมความบริสุทธิ์ และทรงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์และก็เจริญในความบริสุทธิ์ ปริโยทาตา เก่งมากขึ้นดีด้วย
-
กัมมัญญา (สละสลวยควรแก่การงาน ไร้อคติ) . จึงสามารถมีกรรมกิริยา อยู่กับโลกควบคุมด้วยอัญญธาตุ ควบคุมด้วยความเฉลียวฉลาดพิเศษ ทำกรรมต่างๆให้เจริญขึ้นอีก จึงสุดยอดบริสุทธิ์ สุดขีด ปภัสสรา
-
ปภัสสรา (จิตผ่องแผ้วแจ่มใสถาวรอยู่ แม้มีผัสสะ)
(ธาตุวิภังคสูตร พตปฎ. เล่ม 14 ข้อ 690)
_ไม้ร่ม..ศาสนายิวกับศาสนายูดาห์ เป็นศาสนาที่มาจากพระเจ้าองค์เดียวกันแต่เรียกชื่อต่างกัน ยิว เรียกตามภาษาฮิบรู ว่าพระยะโฮวา แต่ของภาษาอาราบิกของมุสลิมเรียกว่าพระอัลเลาะห์ ทั้งหมดมาจากมนุษย์ต่างดาวมีตัวตนจริงๆ มนุษย์ต่างดาวได้สัญญา กับ 2 คนนี้ คือ ยิวกับมุสลิม จริงๆแล้วเป็นลูกพ่อเดียวกันแต่คนละแม่
ฟสัญญาว่าเมื่อไหร่ ให้พวกยิวมีประเทศเป็นของตัวเอง ตอนประเทศอิสราเอลเป็นประเทศของชาวยิว แล้วเมื่อไหร่ ยิวมีประเทศเป็นของตัวเอง เมื่อใด ยิวได้ วิหารSolomon มาครอง เมื่อนั้นพระยะโฮวาห์ จากต่างดาว จะมารับชาวยิวไป 444,000 คน
ชาวคริสต์นั้น มีความเชื่อว่า พระเจ้าสร้างคนแรกคืออดัม ส่วนอีฟ ทำจากส่วนของอดัม
พ่อครูว่า…อีฟ ทำมาจากซี่โครงของอดัม
_ไม้ร่ม…มีอีกตำราว่า อดัมมาจากอีฟ ให้เป็นผู้ช่วย
ความคิดและความรู้สึก
_เยาวชนใต้ร่มโพธิ์ ..
1.ทำอย่างไรจะตามจิตหรือตามความคิดทันคะหลวงปู่ ?
พ่อครูว่า…ต้องฝึกหัดต้องเรียนรู้จริงๆว่าจิตเป็นอย่างไรมันอยู่ในตัวเรา ท่านใช้พยัญชนะว่า หทยรูป ให้จับอาการ ใช้คำว่า อาการ หรือใช้คำว่า กิริยาของนามธรรมของจิตมันอยู่ในตัวเรา เรียกคูหาสยัง หรือครรธโภ มันอยู่ที่ไหนบอกไม่ถูกหรอก สัมผัสตรงไหนก็รู้สัมผัสได้ นอกจากตัวเราด้านรับไม่ได้ แต่ถ้ารับได้ทั่ว ข้างนอกเรียกโผฏฐัพพะ จิตเรารู้ได้ แม้ข้างใน หทยรูปมันอยู่ข้างใน โผฏฐัพพะ มันอยู่ภายนอก แต่ข้างในเป็นตัวรู้สืบทอดจากข้างนอก
หทย จะแยกจาก โผฏฐัพพะไม่ได้แต่ หทยรูปเป็นตัวถูกรู้ เป็นอาการเคลื่อนไหวของจิตที่ถูกรู้
อาการเศร้ามันอยู่ตรงไหน? พระอภิธรรมสอนว่าอยู่หัวใจช่องที่ 4 ทางธรรมกายบอกว่าจิตจะอยู่ที่เหนือสะดือสองนิ้ว รวมกันกลางกาย ฟังแล้วก็น่ากลัวกว่าจิตที่อยู่ในหัวใจ ไม่ได้อยู่ที่รูสะดือคงน่าเกลียดเลยบอกว่าเหนือสะดือสองนิ้ว
ที่จริงไม่มีที่อยู่แน่นอนแต่อยู่ในคูหาสยัง หรือครรธโภนี้ อยู่ในห้องในโครงร่างนี้
ต้องหัดที่ความคิดความรู้สึก ความรู้สึกมันเจ็บ มันปวดอย่างไรมันทุกข์ต้องตามความรู้สึก สอง ความคิด
ความคิดเป็น dynamic ส่วน ความรู้สึกเป็น static
ความรู้สึกมันเป็นอาการอารมณ์อย่างนี้รู้สึกอย่างนี้ มันอยู่กับที่ แต่ความคิดมันเคลื่อนไหว มันก็เป็นคู่กันระหว่างความรู้สึกกับความนึกคิด
ความรู้สึกเป็นตัวฐานนิ่ง static แกน เป็นพลังงานบวก ความคิดคือฐานวิ่ง dynamic คือพลังงานลบ
ต้องเรียนรู้รูปนามเป็นสภาวะคู่ที่แยกกันไม่ได้หรอก เป็นเหรียญ 2 ด้าน เอาหน้าหัวมาโชว์ หรือด้านก้อยอยู่หลัง จะพลิกด้านไหนมาแสดงตัวก็ได้ แต่ไปด้วยกันมาด้วยกัน ศาสนาพุทธแยก 2 อย่างนี้แล้วเอามาใช้งานเอามาทำงาน แต่จริงๆแล้วแยกกันไม่ออก ถ้าจะทำลายต้องทำลายทั้งสอง ทำลายความรู้สึกและความคิดเลิกเลยให้เป็นอุตุธาตุเป็นดินน้ำไฟลม หรือทำแค่พีชะ ไม่มีความรู้สึกแต่มีความรู้
ความคิดก็อยู่ในกรอบของตัวกูของกู จะต้องเป็นตัวกูของกูเท่านั้นก็พยายามรวมให้ได้ธาตุตัวกูของกู ไม่บุกไม่รุกรานใคร ได้ก็เอา ไม่ได้ก็ไม่เอา สุภาพ ธาตุพีชะนี้สุภาพที่สุด มีพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ค้นพบพลังงานธาตุรู้ในตัวกูของกู สามารถทำให้จิตเป็นอุตุก็ได้ พีชะก็ได้ จิตก็ได้
ก็เอาไปประกอบกรรมอย่าให้เป็นธาตุที่เลวร้าย ดีสุดเป็นพืช มีแต่เป็นตัวเองที่เป็นประโยชน์ต่อพืชไม่เป็นโทษกับใครและไม่มีความสุขไม่มีความทุกข์ไม่มีบาปไม่มีบุญ ใช้พยัญชนะเรียกสภาวธรรมพวกนี้จึงสุดยอดแล้วธรรมะพระพุทธเจ้า แล้วทำให้จิตเป็นอย่างนี้ได้จริงๆจึงเป็นจิตที่ประเสริฐสุดเป็นพระอรหันต์
ถ้าตามอ่านจิตที่มันยังคิดและความรู้สึกอย่างนี้ ตามให้ได้ทั้งความคิดและความรู้สึกให้ทันเสมอ ฝึกเรื่อยๆแล้วจะได้เร็วได้รู้ทัน
การแสวงหา 3 อย่างของคน
_สิ่งที่มนุษย์แสวงหามี 3 อย่าง คือ กาม ภพ และพรหมจรรย์ ผู้ไม่รู้ก็จะแสวงหา กามกับแสวงหาภพ ส่วนผู้รู้ก็จะแสวงหาพรหมจรรย์
กาม ความหลงในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส หลงในกามใช่ไหมคะ จึงเรียกว่ากามคุณ 5
พ่อครูว่า…พรหมจรรย์คือความบริสุทธิ์ของอาการจิตเป็นจิตบริสุทธิ์ เป็นพรหมจรรย์ ในการสัมผัสคือ โผฏฐัพพะ ข้างนอกมี รูป รส กลิ่น เสียง ไปข้างในจึงจะมีจิต
ในโคจรรูป กับวิสยรูปกับปสาทรูปทำงานร่วมกันจึงเหลือ 9 เพราะว่า โผฏฐัพพะ กับกายแยกกันไม่ออกจึงเป็น 1 จะใช้งานก็ตา หู จมูก ลิ้น กายรวมทั้ง โผฏฐัพพะ
ทีนี้ถ้าขยายลิ้นนี้ออกมาเป็นผิวหนังก็อันเดียวกัน ถ้าขยายลิ้น นี้คือลิ้นของตัวเราทั้งตัว มันสัมผัสได้รับรู้ได้ ลิ้นนี้ต้องแตะ หู มันห่างๆได้ เสียง ห่างๆได้ รูปห่างๆได้ แต่ลิ้นหรือสัมผัสแตะต้องแตะห่างไม่ได้ ต้องมาแตะที่ร่าง โผฏฐัพพะ ส่วนหู ไกลมา เสียงกลอง เปิงมาง ตะโพนดังแต่ไกล คนที่มีโสตทิพย์ก็สามารถแยกแยะออก ว่านี่เสียงอะไร อันนี้เสียงบัณเฑาะว์ เราก็แยกได้ ได้ยินไกลๆก็แยกได้ พวกคุณก็แยกได้ เสียงตะโพนอย่างนี้เป็นต้น กลองก็แยกไปอีกไม่รู้กี่กลอง
กาม ภพ พรหมจรรย์
กาม คือสิ่งที่สัมผัสแล้วติดยึดรสชาติของมัน ภพ คือภายใน มีรูปภพ อรูปภพ หากเอาภพมาเรียกข้างนอก คือกามภพโลกข้างนอก โลกข้างในเรียก รูปโลก อรูปโลก หรือ ภวภพ เหลือข้างใน ต้องเรียนรู้กามก่อน เพราะมันข้างนอกเบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย เป็นลำดับ
บางคนไม่ได้เรียนรู้ตามลำดับ พวกนั่งหลับตาปฏิบัติทั้งหมดเป็นพวกมักง่ายใจเร็วด่วนได้ จะหลับตาเอา คุณไม่ได้เริ่มต้นตั้งแต่หยาบ จะเอาใบมีดโกนยิลเลตต์มาสู้กับง้าวกวนอู มีดโกนยิลเลตต์ก็ยับเยินไม่มีทางสู้ได้ แล้วพวกนี้หยาบ แรง ร้าย คุณสู้หยาบๆนี้ไม่ได้เลย แล้วจะไปสู้ละเอียด มาสู้หยาบไม่ได้ ต้องสู้หยาบได้ก่อนแล้วสู้ละเอียด มันก็ง่ายมันก็เล็กมันก็เบา จะเรียกว่าคม จะมีฤทธิ์อำนาจ แต่จะสร้างฤทธิ์ให้ยิ่งใหญ่ เร็วไว เก่ง ก็ต้องสร้างตั้งแต่หยาบแต่ตื้นมาก่อน ไม่มีอาจารย์ที่ไหนวิเศษจะมาสร้างได้หรอก
สรุป กามกับภพ ให้เรียนรู้สองอย่าง ภพ คือข้างในเรียกว่าอัตตาก็ได้ อันนอกเรียกว่ากาม ก็เรียนรู้กำจัดความเป็นกามกำจัดความเป็นภพก็สะอาดมากขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่าพรหมจรรย์
หมดกามหมดภพได้บริสุทธิ์ เรียกว่า เป็นผู้อยู่จบพรหมจรรย์
แยกของจริงกับของเก๊ได้อย่างไร
_เราจะเรียนรู้ได้อย่างไรว่า สิ่งที่เราเห็นหรือสัมผัสนั้นเป็นของจริง
พ่อครูว่า…หากตาไม่บอดไม่ถั่ว คุณเห็นอะไร อันนี้คือสี่เหลี่ยมวงกลมสีแดงสีเหลืองสีเขียว คุณก็เห็นสิ่งนั้นตามที่มันบอกลักษณะจริงของมัน ก็มันคือเป็นความจริงของมัน ก็คือแดง มันไม่จริงก็คือจิตของคุณหาเรื่องว่าแดงนี่คือสวย ความสวยไม่สวยนั่นแหละคือคุณบ้าของคุณเอง คุณหาเรื่องเอง ชอบ ไม่ชอบ คุณเองไม่มีอื่น แต่ความจริงมันมีหนึ่งเดียวคือแดงก็คือแดง แดงอย่างไรมันมีหลายเฉด คุณก็เห็นเฉดเดียวกัน เจ๊กฝรั่งแขกไทยลาว ผู้หญิงผู้ชายก็เห็นเหมือนกันตามที่รู้สภาวะจริง
แดง ไทยเรียกว่าแดง เจ๊กเรียกว่าอั๊ง ฝรั่งเรียกว่า red แล้วยังแยกอีกไม่รู้กี่เฉด
สิ่งที่เห็นแล้วกระทบด้วยตา ทุกคนก็เห็นตรงกันเป็นหนึ่งเดียวกันนั่นคือความจริง ส่วนความรู้สึกที่คุณชอบหรือไม่ชอบ อะไรก็แล้วแต่ หรือสุขหรือทุกข์เมื่อสัมผัส มันเป็นความรู้สึกส่วนตัวที่เป็นของปลอมแต่ของจริงมันก็เป็นของจริง ทำอย่างไรจะรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นของจริงก็ต้องดูตามความเป็นจริงเหมือนทุกคนที่เห็นกัน ส่วนความรู้สึกนั้นไม่ตรงกันความคิดไม่ตรงกัน ความรู้ที่กระทบสัมผัสเห็นเหมือนกันได้ยินเสียงเหมือนกัน ได้หากว่าประสาทลิ้นไม่เสียก็ตรงกันหมด กายสัมผัสเสียดสีภายนอกก็ตรงกันอย่างนี้เป็นต้น
_ถึงแม้ มีกลุ่มใหญ่ที่เห็นว่าธรรมะอโศกเป็นของแท้ แต่ก็มีอีกกลุ่มใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าอันไหนเป็นของจริง
พ่อครูว่า..คุณก็ต้องเรียนรู้ทั้งสองฝ่าย เป็นคำสอนพระพุทธเจ้าเลยว่าคุณต้องไปฟังทั้งสองฝ่าย อะไรที่คุณเห็นว่าดีคุณก็ตัดสินเอง คุณตัดสินผิดคุณก็ผิด คุณตัดสินถูกคุณก็ถูก อันนี้เป็นส่วนตัวไม่มีใครตัดสินให้คุณหรอก พระพุทธเจ้าท่านให้อิสระเสรีภาพ คุณก็ตัดสินเอง ใช้ความรอบรู้ของคุณเองเท่าที่ทำได้ ตัดสินถูกก็ดีไปตัดสินผิดก็ผิด นี่แหละสำคัญ
คุณไปถามฝั่งหนึ่งเขาก็ว่าของเขาถูกของเขาดี ครั้นไปถามอีกฝั่งหนึ่งเขาก็ว่าของเขาถูกของเขาดี ไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว แต่เป็นความมั่นใจว่าของตัวเองถูก อาตมาไม่มีความเห็นแก่ตัวแต่มั่นใจในของตัว ทางอีกฝ่ายหนึ่งเขาก็มั่นใจของเขา มันบังคับกันไม่ได้ พระพุทธเจ้าตอบจบด้วยคำว่า ความเห็นของเธอกับความเห็นของเรามันเห็นกันคนละอย่าง จบ อย่าทะเลาะกัน คุณเห็นอย่างนั้นก็จะเอาของคุณไปของเราก็ทำของเราไป แล้วอนาคตข้างหน้าคุณก็จะช่วยคนที่มาเห็นตามคุณ คนไม่เห็นตามคุณก็ช่วยไม่ได้ ช่วยกัน
ถ้าสมมุติว่า อย่างนี้คือนรกคุณก็พาไปลงนรก อย่างนั้นคือสวรรค์เขาก็พาไปสวรรค์ ก็เท่านั้นเอง
พวกซาดิสม์ก็ชอบแบบซาดิสซึ่ม พวกมาโซคิสม์ก็อีกแบบ แต่พวกชอบเบาๆนิ่มๆแบบโรแมนติกอิซึ่ม ก็ไปกันสิ มีซาดิสซึ่มกับโรแมนติกอิซึ่มก็ดีคนละแบบ แต่ถ้าไม่ติดทั้งสองอย่างก็เข้าใจเขาก็เป็นสูญ ก็เป็นผู้ชี้ คุณก็บวกคุณก็ลบ เราไม่มีทั้งบวกและลบ แต่เราไม่ใช่กระเทยนะ กระเทยคือผู้หลงว่าตนเอง ไม่รู้ว่าเพศไหน ตกลงจะเอาเพศไหนรูปร่างเป็นผู้ชายแต่ใจเป็นผู้หญิงรูปร่างเป็นผู้หญิงแต่ใจเป็นผู้ชาย
_นักรบธรรม…จงพูดให้ดัง แล้วจงเงียบให้ได้ ผมซึ้งใจกับวลีนี้ (พ่อครูว่า..คำพูดของอาตมาเอง) ผมมีป้ายไว้อ่านสำนึกตนเอง แล้วก็มาซึ้งกับคำกล่าวคำนี้ พ่อครูทำมาจะ 50ปีแล้วที่พ่อครูไปเปิดเผย ความเป็นพระอรหันต์ที่พุทธสถานศาลีอโศก
อีกกาละหนึ่งที่ซาบซึ้งคือพ่อครูเป็นอรหันต์ในขณะปัสสาวะ
พ่อครูว่า..ความบกพร่องของคุณคือคุณมีตัวจริงอยู่แต่การแสดงออกของคน อาตมาบอกไปแล้วว่าทำให้สั้นลงกระชับลงทั้งมือไม้ท่าทีสุ้มเสียงให้เรียบร้อย คุณเรียบร้อยแต่ช้าไปหน่อยยืดยาดท่ามาก ไปฝึกเสีย เอาโทรศัพท์ถ่ายตัวเองไว้แล้วมาดู ว่าทำไมคนเขารำคาญ
_ซิกงิก แปลว่าอะไรคะหลวงปู่ ดินนาว่า เป็นคำอีสานว่ากันด้วยกิริยาไม่พอใจไม่ชอบใจ ซิกงิก หน้างอหงิก
ในน้ำคำ.. เพจ งอน เชิดหน้าหนี เชอะ ชิ อะไรอย่างนี้
พ่อครูว่า…เป็นภาษาที่หลากหลาย หากบอกว่าแซ็กแง็ก พอเข้าใจคือมันท่าทีเล็กๆน้อยๆที่ไม่เข้าท่า เป็นการประชดประท้วง งอนกันไปไม่ลงตัว แดกดันกระทบกระเทียบ ซิกงิกแซ็กแง็ก ส่วนซกงกคือลักษณะเหงาๆ
อธิปไตย 3
_อธิปไตย 3 ผู้ที่มีธรรมาธิปไตยจะต้องเป็นอย่างไร
พ่อครูว่า..ฝากไว้ก่อน
-
คนที่มีโลกเป็นใหญ่ (โลกาธิปไตย) มีปัญญาเพ่งพินิจไปกับการงานช่วยโลก โดยมีอิทธิวิธญาณต่างๆ มีจิตอันไม่หวั่นไหวกับโลกธรรม
โลกรวมทั้งข้างนอกและข้างในด้วย โลกนี้คือกายทั้งภายนอกและภายใน โลกจะรวมความเป็น 2 แต่เน้นมาหาข้างนอก แต่ไม่ขาดหากขาดความรู้ของจิต โลกไม่มีจิต โลกมันไม่รู้ตัวมันเอง โลกาธิปไตยคืออำนาจของโลกที่เรามีจิตรู้โลก เราต้องทำตนอยู่กับโลกอย่างไม่ให้โลกทำร้ายเรา เราไม่เป็นทาสโลก
-
คนที่มีตนเป็นใหญ่ได้แล้ว (อัตตาธิปไตย) มีสติพิจารณาละอกุศล จนเกิดอธิปไตยให้แก่ตน คือตัวจิตที่ยึดตัวเองเข้าไปๆ จะอาให้ได้ดังใจตนเอง มีอัตตาหนักแรงมาก กูจะต้องเอาแผ่นดินนี้ให้ได้ เจ็งกิสข่าน อเล็กซานเดอร์มหาราช ล่าอาณาจักร อย่างอังกฤษมีประเทศที่เล็กแต่มีฤทธิ์เดชเป็นจ้าวอาณานิคม เดี๋ยวนี้เขาเลิกทำแล้ว ก็มีอเมริกาลอกเลียนแบบไป ผู้บริหารประเทศจะเป็นเจ้าโลก great america คืออัตตาจิตตนหลงยิ่งใหญ่ ไม่เล็กไม่น้อยจะต้องใหญ่ ความรู้สึกแบบนี้ เป็นความรู้สึกที่มันเบียดเบียนผู้อื่น แย่งชิงผู้อื่น มันเห็นแก่ตัว ทำความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น แค่นี้คนก็เข้าใจกันมากขึ้น คนหลงจมในความเป็นจ้าวโลกจึงตกยุค
จะเทียบกันจริงๆ โดนัลด์ ทรัมป์กับคิมจองอึน
คิมจองอึน เขาก็ยังไม่ได้คิดอยากจะเป็นเจ้าโลกใหญ่ แต่เขาเล็กมาก เกาหลีเหนือคอมมิวนิสต์เพียวๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกือบหมดแล้ว จีนและรัสเซียก็เคยเป็นคอมมิวนิสต์มา เพราะไปหลงในลัทธิของเลนินของมาร์ก แต่เหมาเป็นลัทธิแปลงมา
สรุปแล้วมนุษยชาติมีความเข้าใจมีความยึดถือ ก็เข้าใจว่าอย่างนี้ดีก็ทำเอา ก็จะมีความหลากหลาย ผู้รู้จะรู้ว่าเขายึดอันนี้ๆ อะไรร่วมกันได้ก็ร่วม อะไรร่วมไม่ได้ก็ไม่ร่วม อย่าทะเลาะกัน ข้อสำคัญคือเรามีชีวิตของเราอยู่รอด มีอยู่มีกินมีหมู่มวลมีเครื่องอาศัยใช้สอย พอเป็นไป สุขสำราญเบิกบานใจ มีความพอ ไม่มีความโลภ อยากใหญ่โตหรูหรา ใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุดเป็นพระพรหม กูนี่แหละใหญ่ ข้านี่แหละใหญ่ ความรู้สึกนึกคิดอย่างนี้เป็นคนตกยุคแล้ว แต่คนไม่รู้ตัวยกตัวอย่างคิมจองอึน บังอาจจะไปคิดอย่างโดนัล ทรัมป์
เพราะว่าโดนัล ทรัมป์ถูกปลูกฝังมาจากปู่ย่าตายาย ได้รับการยอมรับจากโลก เพราะเขาสร้างเทคโนโลยีสร้างระเบิดนำหน้าคนอื่น ซึ่งจริงๆแล้วอเมริกาก็ไม่ใช่พวกแรก แต่เยอรมันฝรั่งเศสตะวันตกมีการทำมาก่อน เอเชีย จะเก่งทางกสิกรรม ทางตะวันตกเก่งทางอุตสาหกรรมก็เท่านั้นเอง จะแบ่งอุตสาหกรรมที่เป็นประโยชน์ ไม่ได้สร้างแต่เครื่องมือฆ่าแกงกัน เป็นคอมพิวเตอร์ก็เอาเถอะ เอามาใช้กันไป แต่นี่จะสร้างระเบิดเป็นอำนาจให้แก่ตัวเอง ที่ยังสร้างอาวุธยุทธภัณฑ์เป็นคนตกยุค เข่นฆ่าคนให้ยิ่งใหญ่ เป็นคนตกยุค เป็นคนอำมหิตเป็นคนเถื่อนเป็นพวกมิลักขะ ไม่ใช่ อาริยกะ เป็นคนเถื่อน
เข้าใจชัดเจนแล้วเราก็มาอยู่อย่างคนเป็นอาริยะ ไม่ใช่อยู่อย่างมิลักขะใช้เรี่ยวแรงเอาชนะคนอื่น คนเข้าใจแล้วจะเห็นว่าแบบนั้นเป็นแค่เดรัจฉาน เข้าใจแล้วก็จะเริ่มเป็นคนที่ใช้สมอง เป็นคนที่เมตตาเกื้อกูลผู้อื่น เป็นจิตวิญญาณที่ประเสริฐกว่า เป็นความละเอียดละออเข้าถึงจิตวิญญาณที่มีความรู้ความสามารถ เอาความรู้ความสามารถเหล่านี้ไปทำประโยชน์ ให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์หิตายะ พหุชนหิตายะ คนส่วนมากจะได้รับสิ่งที่ควรได้รับ สิ่งที่ไม่ควรได้รับก็อย่าไปสร้างไปทำให้
ผู้ที่รู้จักสิ่งที่ควรทำสิ่งที่ควรสร้างเรียกว่า สุภะ สิ่งที่น่าได้น่ามีน่าเป็นน่าสร้าง คนก็รู้จักสุภะ ส่วนคนทุภะ ก็ทำสิ่งที่ไม่น่าได้ไม่น่ามีไม่น่าเป็น
อันหนึ่งน่าได้น่ามีน่าเป็น อีกอันไม่น่าได้ไม่น่าเป็นไม่น่ามี
มีสองอย่างอยู่ที่กรรมกิริยาจะทำ
ที่สุดมี 2 อย่างเปรียบเทียบเทวะ ผู้ที่รู้จักรายละเอียด 2 สิ่งนี้ทุกสิ่งทุกอย่างได้มากที่สุดเท่าไหร่คนนั้นคือพวกที่ เทวะ คือพระเจ้า
-
คนที่มีธรรมเป็นใหญ่ (ธัมมาธิปไตย) ประพฤติโดยทำธรรมนั่นแหละให้เป็นใหญ่ แล้วละอกุศล เจริญกุศล ละกรรมที่มีโทษ เจริญกรรมที่ไม่มีโทษ บริหารตนให้บริสุทธิ์ (อธิปไตยสูตร พตปฎ. เล่ม 20 ข.479)
_สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน..ดูข่าว tpbs พูดถึงอเมริกา ขายอาวุธได้เป็นอันดับหนึ่งของโลก อาวุธสงครามได้เป็นแสนล้าน รองลงมาก็คือรัสเซีย ได้เป็นระดับ สี่ห้าหมื่นล้าน รองลงมาคืออังกฤษกับเยอรมัน ประเทศเกาหลีอยู่ระดับท้าย อีกประเทศที่ไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาคิดเท่าไหร่คือประเทศจีน เขาล้วงข้อมูลออกมาไม่ได้
ปี 2562 ทำไมอเมริกาขายได้เยอะ เพราะประเทศต่างๆกลัวอาวุธนิวเคลียร์ ก็เลยซื้อเครื่องป้องกันเยอะ ขายได้มากเป็นแสนล้านดอลลาร์
อีกข่าวก็ต่อมา เอาข่าวของคนที่เป็นนักสิทธิมนุษยชนที่เราไม่ชอบอองซานซูจี เพราะเขาไม่ได้ออกมาปกป้องโรฮิงญา
เขาก็เอารูปพวกโรฮิงญา ที่ถูกทรมาน เห็นแล้วน่าสังเวช ไปไหนก็ไม่มีใครต้อนรับ ล่องเรือไปเขาให้ข้าวกินแล้วก็ให้ล่องเรือไปต่อ มันอาภัพ แต่หน้าตาเขาดีนะ แต่มันไม่มีแผ่นดินจะอยู่เลย
พ่อครูว่า..สิ่งเหล่านี้ ทางศาสนาพุทธ มันเป็นวิบากของคน ที่เขาสร้างวิบากมา เขาไม่อยากได้แต่เขาต้องเป็นต้องมี
__สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน..อเมริกา หรือเราก็ตาม หากมีโอกาสจะเอาไว้หมด เป็นเจ้าโลก แต่ถึงระดับหนึ่งก็จะไม่มีจะกินแบบโรฮิงญา
พ่อครูว่า..อย่างพวกโรฮิงญา เป็นทุกข์อย่างหนึ่ง เหมือนพวกสัตว์ซื่อๆที่ อยู่ไปวันๆ พวกนี้เกิดจากการสร้างกรรมวิบาก เรามาพิสูจน์ว่าเราทำอย่างนี้ จะได้เกิดเป็นอย่างไร พระพุทธเจ้าท่านรู้ว่า ไปเป็นสัตว์ที่ตกต่ำเพราะว่าทำกรรมไม่ดี กรรมวิบากเป็นเรื่องจริงใหญ่เป็นเรื่องจริง ผู้ที่เชื่อกรรมวิบากแท้จริง เรียนรู้วิบากเรียนรู้กรรมดีกรรมชั่วที่แท้จริง ละเว้นกรรมชั่วทำกรรมดี ก็จะเจริญดีเป็นสุขได้จริง สูงกว่านั้นก็คือคุณเกิดมาไม่พ้น ทำดีทำชั่วสุขทุกข์วนเวียนเกิดแล้วเกิดอีก ไม่รู้จบ ทางออกของพระพุทธเจ้าคือ อะไรคือสิ่งที่จะทำให้เกิด เลิกวนเวียน จนรู้ธาตุอาตมันอัตตา เป็นทางแยกพลังงานสอง เทวะหรือนิวเคลียส แยกธาตุบวก ลบได้ เทวะได้ จนถึงนามธรรม นิวเคลียสเป็นวัตถุบวกลบ พอมาเป็นชีวะคือ พีชะ จิตนิยาม
พอเป็นจิตนิยามก็ทำจิตให้เป็นพีชะ เป็นอุตุได้ ชีวะผู้นั้นก็หายไป
ดินน้ำไฟลมก็ไม่มีตัวกูของกู จะจับตัวเป็นชีวะ แล้วพัฒนาเป็นพืช พัฒนาเป็นจิตตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียว เป็นหลายเซลล์ก็เป็นสัตว์
สัตว์เซลล์เดียวเริ่มจากธาตุน้ำมา ละเอียดมาก จะเห็นสัตว์ต่างๆในน้ำ ที่สัมผัสได้กับที่ละเอียดยิ่งกว่าแพลงตอนอีก มันเกิดจากชีวะน้ำ ธาตุดิน มันยังไม่เป็นชีวะ พอมีน้ำก็จะมาผสมกันกับธาตุดิน ที่มีน้ำประกอบ ก็จะค่อยๆ มีชีวะขึ้นมาในสิ่งเหล่านั้นอีกทีหนึ่ง ถ้ามีแต่ดินไม่เป็นชีวะได้ง่ายๆ แต่พอผสมกับน้ำเป็นชีวะได้ง่ายหรือในน้ำมีชีวะ แต่ในดินมีชีวะไม่มากเท่าอยู่ในน้ำ ในน้ำเหลวไหลเลื่อนละเอียดกว่ามาก
_ใบฟ้า…ขอชื่นชมอโศก 10 ประการ (พ่อครูว่า…คนนี้เขียนมาแต่ตัวไม่มา อายุมากแล้วนะ จะตายนอกอโศกหรือ)
-
มีผู้นำที่เป็นพ่อครู ซึ่งมีโลกุตรธรรมสูงสุด ณ กาละนี้ = ” พ่อครู “
- มีหลักธรรม สัมมาที่สุด ของพระพุทธเจ้าสืบสาน โดยพ่อครู = ไตรสิกขา อาริยสัจ4
- มีหลักการอยู่ร่วมกันอย่างสัมบูรณ์(พ่อครูว่า… Absolute ครบพร้อมด้วยมวล หาก Ultimate ครบด้วยความสูงส่งคุณภาพ = สาราณียธรรม 6 พุทธพจน์ 7 ที่จริงหากจะบอกว่า สาราณียธรรม 6 กับ วรรณะ 9 จะครบกว่า ก็พุทธพจน์ 7 ก็จะมีอยู่ด้วย )
- มีแนวทางการทำบุญ-กุศล ที่เป็นทาน 4 ระดับ ทำมา
- มีเศรษฐกิจที่ยอดเยี่ยมเป็นสาธารณโภคี
- มีหลักการพึ่งพาที่ยอดเยี่ยม =พึ่งเกิดแก่เจ็บตายที่ยิ่งกว่าญาติ
- มีชุมชนที่มีองค์ประกอบที่สัมบูรณ์ =บวร
- มีปรัชญาการศึกษาที่สมบูรณ์ 3 ระดับ ศีลเด่น เป็นงาน ชาญวิชา
- มีเป้าหมายที่เป็นประชาธิปไตยสูงเยี่ยมสุดยอด ที่สูงส่งเพื่อมวลมนุษยชาติ
- เป็นมนุษย์สุดประเสริฐด้วยวรรณะ 9 จนมีอาริยบุคคล 4 ระดับ จึงมีเอกลักษณ์ = คนจนที่สุขสำราญเบิกบานใจอย่างแท้จริง