ธ.ค.272019ศาสนา621227_ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 พ่อครูบวชมาย่าง 50 ปี มีผลอะไร 1 อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1_df1VrqMz9t-0gGXjd0eMcyOdSvNsnKc1mXJFEEMurI/edit?usp=sharing ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1lrsMnKm3V5iXEMoH-7elTTKZfxHARpyl พ่อครูว่า…วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก ขึ้น 2 ค่ำเดือน 2 ปี 12 รู้ไหมปีอะไร? ปีกุน มีถามมาว่าสัมภเวสี อยากจะให้อธิบาย ..ก็ดี คำว่าสัมภเวสี ก็คงยังเข้าใจไหมละเอียดพอไม่ชัดเจน _จาก เล็ก : ถามว่า สัมภเวสี ที่ทางศาสนาพุทธสายตรงหมายนั้น หมายถึงจิตวิญญาณของคนทั่วๆไปในโลกนี้ที่ยังเป็นปุถุชน กัลยาณชน หรือคือพุุทธศาสนิกชนและพุทธมามกะหรือไม่คะ พ่อครูว่า…สัมภเวสีก็แปลว่า คือในโลกของจิตวิญญาณของมนุษย์ที่ตายไป ตายแล้วก็ไม่มีร่าง จึงต้องแสวงหาที่เกิด แสวงหาร่างที่ๆเกิด แต่.. ในขณะที่เขาเองเขามีวิบากต่างๆ วิบากนั้น ยังไม่ให้มาสู่ร่างที่จะได้ดินน้ำไฟลม ร่างที่เป็นสัตว์โลก แน่นอน จิตวิญญาณนั้นไม่ไปเกิดเป็นพืชแน่ สัมภเวสีนี้ยังไม่ได้เข้าร่างที่มีดินน้ำไฟลมของสัตว์ มันมีวิบากจะต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ตาม แต่ยังไม่ถึงวาระที่จะต้องมาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานที่มีร่างดินน้ำไฟลมหรือจะมาเกิดเป็นคน มีวิบากดี ถึงขั้นที่ได้ร่างคน คนก็ยังมีระดับอีกเยอะแยะหลายขั้น ตั้งแต่คนอีเดียด โมรอน จนกระทั่งถึงคนเต็มๆร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นคนชั้นอบาย คนที่เต็มไปด้วยกามภพหนาแน่น หรือคนที่สูงขึ้นไปเป็นอริยบุคคล พ้นกาม เป็นพระสกิทาคามีเป็นอนาคามีขึ้นไป จนกระทั่งเป็นอรหันต์เป็นโพธิสัตว์ จนถึงปัจจุบันสัมมาสัมพุทธเจ้า ฟังธรรมะอาตมาแล้วก็จะเข้าใจพอสมควร ที่ยังไม่มีดินน้ำไฟลม 1. จะต้องไปตามวิบาก จะต้องไปเสวยสวรรค์ หรือจะไปเกิดในนรก ทุกข์อยู่ เหมือนคุณนอนฝัน คุณก็มีสวรรค์ในทุกข์หรือฝันเป็นสุข ก็ตามวิบากของใครของมัน ก็ยังไม่ได้มาเกิดมา ต้องใช้วิบาก หมดฤทธิ์หมดอำนาจของวิบาก ก็ถึงจะเปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิเปลี่ยนที่มาเกิด ในภพอย่างนั้นไม่ต้องอธิบายเลย ในตอนที่ไม่ได้ร่างเป็นคนเรา แก้ไขอะไรมันไม่ได้ ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปจัดการไปกำหนด ทำอะไรไม่ได้ เพราะเราไม่ได้ร่างดินน้ำไฟลม เรายังไม่มี สุรภาโว สติมันโต อิธพรหมจริยวาโส มนุษย์ชมพูทวีป มนุษย์ชมพูทวีป ไม่ได้หมายถึงว่านอกจากจะได้ร่างมาครบ ก็ต้องประกอบไปด้วย สุรภาโว องค์ประกอบของสภาวะที่พร้อมที่สัปปายะ 4 จะต้องมีสถานที่ที่ดี มิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี มีบุคคลที่ดีมีสิ่งอาศัยที่ดี มีธรรมะที่ดี สัปปายะ 4 ต้องมีด้วย ถ้าไม่มีจะยากมาก ถ้าเป็นโพธิสัตว์คุณถึงจะอยู่ได้โดยไม่ต้องมีสัปปายะ 4 ถ้าอย่างนั้นหากอยู่นอกสนามแม่เหล็กโลกุตระจะถูกโลกดึงไป ต้องมีพลังในตัวเอง เป็นดวงดาวที่เป็นดาวฤกษ์เอง มีแสงสว่างในตัวเอง สั่งสมบริวารจนมีครบ 9 …. กลับมาที่สัมภเวสี สัมภเวสีที่ยังไม่มีร่างกาย มีจริง แต่พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าอย่าไปพูดถึงเลย ท่านได้บริภาษภิกษุสาติ บอกว่า วิญญาณอย่าไปวุ่นวายกับวิญญาณสัมภเวสีวิญญาณที่ล่องลอยเลย พูดไปก็เท่านั้นมันทำอะไรไม่ได้ อธิบายกันก็ไม่รู้เรื่อง ถึงรู้ก็ไม่รู้หรอก ถ้าภูมิไม่ถึงว่า ล่องลอยอย่างนั้นจะเป็นอย่างไร จะเป็นอย่างไรก็จะไปยุ่งกับวิญญาณเหล่านั้นทำไม คุณศึกษาอันนี้ในปัจจุบันธรรมที่มีร่างกายแล้วมีดินน้ำไฟลมแล้ว คุณเป็นสัตว์เดรัจฉานเป็นสัตว์เซลล์เดียว ให้มันคิดมันก็คิดไม่เป็นเป็นแบคทีเรีย มันอยู่ในร่างกายคุณมันทำร้ายคุณ คุณพูดกับมันไม่รู้เรื่องหรอก สัตว์เดรัจฉานเป็นแมงหวี่แมงวันคุณพูดกับมันไม่รู้เรื่องหรอก คุณพูดกับไส้เดือนกิ้งกือคุณพูดรู้เรื่องไหม สัตว์เดรัจฉานหลายอย่างคุณพูดไม่รู้เรื่องหรอก สอนให้มันเชื่อง สัตว์บางชนิดเริ่มจะเชื่องได้ ไม่ระแวงรู้เชื่องแล้ว รู้ว่าจิตวิญญาณต่อจิตวิญญาณนี่คบได้นี่คบไม่ได้ สัตว์มันรู้แล้วมันก็พอไป เพราะฉะนั้นมาเอาจิตวิญญาณที่อยู่ในร่างมนุษย์ ได้เป็นมนุษย์แล้ว มนุษย์ที่ยังไม่ได้ภูมิอาริยะ มนุษย์เหล่านี้แหละ ที่เป็นสัมภเวสี อยากเกิดในแดนอาริยะ เขาจะค่อยๆศึกษา กว่าจะมีความรู้ว่าเราอยากเกิดเป็นอาริยะก็ไม่ใช่ธรรมดา ยากนะ ไม่งั้นวนในโลกเหมือนหนอนอยู่กับกองขี้ หาว่าเทวดาน่าโง่ โกงขี้นี่อร่อย อบายมุขนี่อร่อย จะเป็นนักการเมืองขี้โกงได้นี่แหละอร่อย ฉันมีความสุขเพราะฉันโกงมาได้ จนป่านนี้ยังใช้แค่ดอกนะ เงินต้นไม่ได้ใช้เลย แค่ดอกไหลเป็นน้ำก๊อกก็ใช้ไม่หมดแล้ว นั่งเครื่องบินส่วนตัวไปไหนก็ได้ จ้างช่างเครื่องมาไว้ดูแลอย่างดี จ้างคนขับอย่างดีไว้ คนขับไม่ดีเดี๋ยวพาไป มีสตางค์พอที่จะยังชีพไป ฝืนวิบาก เขายิ่งโกงยิ่งทำชั่วอีก อาตมาว่า ถ้าตายจะดีขึ้นกว่าเก่า ไม่ต้องมาใช้วิบากในฐานะที่มีอลังการมีทรัพย์สินเงินทองยศศักดิ์ เขาจะได้ไม่ทำชั่วเพิ่มขึ้นอีกสร้างวิบากเพิ่มขึ้นอีก อาตมาว่าตายดีกว่า พูดไปอย่างไรเขาก็ไม่ฆ่าตัวตายหรอกเขายังมีเงินทองมีอำนาจมากมาย เขาก็ไม่ฟังอาตมาด้วย ฟังอะไรรำคาญหู อยากตั๊นหน้า จะฟังทำไม สรุปแล้วสัมภเวสีคือจิตวิญญาณคุณได้ร่างแล้ว แต่คุณยังเป็นสัตว์สัมภเวสี อยากจะได้ภูมิภพของอาริยะ เป็นคนระดับอาริยะ คุณก็แสวงหา ถ้าคุณเองยังภูมิไม่ดี จบเปรียญ 9 จบดร.ทางศาสนาพุทธด้วย ก็ไม่รู้โลกุตระได้ เขาเจอพระพุทธเจ้าแลบลิ้นใส่ เขาคงนึกว่าพระพุทธเจ้านี่คงจะต่างจากคนทั่วไป ไม่เห็นจะเหาะมาเลย แต่นี่ไม่เห็นต่างจากคนทั่วไปเลยเราจะหล่อกว่าด้วยซ้ำ สู่แดนธรรมว่า…เขาก็บอกว่าเป็นให้พอเถอะพ่อ ประชดให้ พ่อครูว่า..อาตมาคงมีคนแดกดันว่า จะเป็นโพธิสัตว์ให้พอเถอะพ่อ อะไรอย่างนี้ เข้าใจสัมภเวสีนะ ภูมิยังไม่ถึงจะเจอมนุษย์ที่เป็นอาริยะ หรือเจอแล้วก็ไม่รู้ งมงาย เขาจะต้องแสวงหาเพิ่มเติม เดี๋ยวนี้มีสื่อมากมายก็จะเข้าหูเข้าตาไปเรื่อยๆ หากเขาไม่หยุดแสวงหา ก็พยายามได้ บารมี การศึกษา ภูมิฉลาดก็จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สู่แดนธรรมว่า…มีผู้มิจฉาทิฎฐิคิดว่าปฏิบัติธรรมแล้วไม่ปรารถนาจะเกิดอีกก็เลยไม่แสวงหาภพภูมิที่สูงขึ้น ก็เลยเอาแต่นั่งหลับตา พ่อครูว่า..พวกคุณนั่งหลับตาก็ไกลจากวิเวก ในคุหัฏฐกสุตตนิทเทส อาตมาว่าครบ ตั้งแต่ผู้ไกลจากวิเวก ไปหลงในป่าข้องอยู่ในถ้ำ แล้วก็นั่งหลับตาอีก อาตมาว่าอธิบายละเอียดได้อีก คนที่จมอยู่ในถ้ำก็จะไม่แสวงหาที่เกิด เหมือนกับคนที่จมในการนั่งหลับตา ยึดในป่า เป็นเดียรถีย์ อาตมาจะพูดให้ตายอย่างไรเขาก็จมอยู่ในถ้ำ เป็นสัมภเวสีที่ไม่ได้ออกจากถ้ำ เขาก็เป็นคนที่จะพายเรือแล้วไม่แก้เชือก เชือกมัดอยู่ที่ฝั่ง เขาพายจ้ำพายๆเป็นอย่างนั้น ก็ดูน่าสงสาร เป็นอุทาหรณ์ที่จะชัดเจนขึ้น เหมือนกับพระพุทธเจ้ายกตัวอย่างพ่อแม่กินเนื้อบุตร วัวไม่มีหนังล คนเขาช่วยหิ้วปีกกลับก็วิ่งลงหลุมนรกอีก ฟังแล้วมันชัดเจนทำไมโง่ วิ่งไปลงหลุมนรกใหม่ คนที่ไม่รู้จักเจตนา ที่เป็นอาหารข้อที่ 3 ก็ยังไม่เท่าไหร่นะ เขาอยากขึ้นจากนรก แต่ตัณหามันจะพาไปลงนรก อาตมาพูดกลับกันแต่พวกคุณก็เข้าใจได้ ก็ยังไม่เท่าอันที่ 4 วิญญาณาหาร ไม่รู้จักนามรูป แยกไม่เป็น จมอยู่กับวิญญาณเหมือนหนอนกินขี้ แล้วคนก็ไปชี้ให้ ว่าขึ้นมาเถอะ แล้วมาล้างตัวจากสิ่งสกปรกก็ไม่เอา จะจมอยู่กับสิ่งนั้น จมอย่างไม่รู้ อย่าว่าแต่แยกนามรูปเลย คุณรู้ได้พยัญชนะภาษาเป็นได้ แยกเป็น 2 คุณก็พอเข้าใจได้เหมือนกัน Static Dynamic แต่ไม่เข้าใจถึงขั้นที่ว่าแรงเคลื่อนนี้มันเป็นนามธรรมมันเป็นธาตุรู้นะ ธาตุรู้ก็ต้องเป็นธาตุรู้ที่เข้าใจในรูปต่างๆ รูปเป็นอุตุ เป็นพีชะ เป็นจิตนิยามก็มีกรรมจัดการ เราตีแตกธรรมะ 2 เทวธัมมา ฟังไม่เป็น อาตมาอธิบายธรรมะเขาฟังไม่เป็นหรอก เขาไม่รู้ว่าพูดอะไร แล้วจะให้อาตมาไปพูดภาษาที่ไม่ใช่ธรรมะ อาตมาก็ไม่พูดไม่ไหวมันยาวมากจะใช้เวลานาน จะต้องไปยกตัวอย่างแม่น้ำร้อยสาย ไม่ใช่แม่น้ำ 5 สาย จะมาเกิดในแดนอาริยะ ศิวิไลซ์อยู่ไหนคุณก็จะต้องมีวาสนาบารมีพอ ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นกามนิต ที่แม้ว่า อาตมาบอกเราเป็นโพธิสัตว์เราเป็นผู้รู้คุณก็จะแลบลิ้นใส่ ตีทิ้ง แต่ถ้าคนที่มีภูมิก็จะรับฟัง ก็ได้เข้าไปซึมเข้าไปบ้าง แต่ช้า แต่ถ้าบอกว่าน่าสนใจ ที่จริงก็พูดดีเหมือนกันเนาะ จะลดอคติ ลดชังอาตมา แม้ไม่ดูดก็ลดผลักก็ยังดี เมื่อเหตุปัจจัยมากพอ จนกระทั่งสุดท้ายเข้าใจ จนมีอาริยธรรมอาริยภูมิในจิตมากพอ จนกว่าจะยอมรับเห็นไหมว่าไม่ใช่ง่ายๆกว่าสัมภเวสีจะตื่นกว่าจะมีภูมิที่รับได้ สัมภวะ + เอสี สู่แดนธรรม…จะได้ทำใจก็คือสัมภเวสีได้ทุกคน พ่อครูว่า…เอสี แปลว่าอันนั้นๆ เช่น เอเสวมัคโค ทางนี้ทางเดียว คุณเป็นผู้ที่มีภาวะที่จะรู้ว่า อ๋อ อันนี้ๆ อันนี้กับอันนั้นคนละอย่างแล้วแยกออกได้ มีการแยกอาการ ลิงค นิมิต สามารถแยกสิ่งที่ต่างกัน มีลิงค โลกียะกับโลกุตระไม่ต่างกันเลยใช่ไหม…ต่าง พวกที่ยังไม่แน่ใจ ก็นึกว่าภาษาสิริมหามายา แต่ไม่ใช่นี่พูดตรงๆว่าโลกียะกับโลกุตระนั้นต่างกัน ต่างกันสิ มันคนละขั้วกันเลย คุณก็จะรู้ความต่างได้ชัดเจน หรือว่าไม่ชัดเจน จะว่าไม่ต่างกันได้อย่างไร ดำกับขาวเลย มันชัดเจน สรุป สัมภเวสีก็มีอีกหลายขั้น ละเอียดขึ้น คนที่รู้จักแดนเกิด รู้จักที่ที่จะเกิดแล้ว ต้องเกิดในแดนที่เป็นสัปปายะ 4 นี้ อย่างไรๆ เขาก็อุ้มคุณไปแล้ว ไม่อุ้มก็ลากถูลู่ถูกังกันไป อย่างน้อยมาปฏิบัติธรรมหน้านองน้ำตาอยู่ ไม่ใช่หลงระเริงกับโลกียะก็หนาเปรอะเต็มไปด้วยโลกีย์เขลอะไปเรื่อยๆ อย่างน้อยมาอยู่ในนี้ ถูกลากไปถลอกปอกเปิกก็ยังดี ไม่อย่างนั้นมันก็หนาแน่น แม้หน้านองน้ำตาอยู่ อัดอั้นตันใจไป ก็ยังดีกว่าที่จะไปเสียเวลาอยู่กับอันนั้น สรุป สัมภเวสีคือแสวงหาที่เกิด ถ้ารู้ที่เกิดชัดแล้วอย่าเสียเวลา นี่พูดเท่าไหร่ก็ยังไม่เต็ม 777 เรามีเกิน 5 คนอยู่แล้ว 500 ก็ยังพอได้ รวมกันทีๆหนึ่ง วันนี้ถึง 500 ไหม ก็ถึงอยู่นะ _ปุตตมังสสูตรที่พ่อครูเอามาขยายอย่างเต็มอิทธิบาท ลูกคนนี้เข้าใจอย่างที่สุด เนื้อบุตรสุดที่รัก ที่คัมภีราแจ่มแจ้งมากยิ่งขึ้น กราบสารภาพว่ายังอร่อยและไม่อร่อยอยู่หลายเมนู หน้าที่ของเราคือเพียรลดละหน่ายให้สนิท เหลือเพียงรับรู้รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสตามความเป็นจริงทุกเมนูเจ๊า (อรหันต์จ้อย) เป็นจริงทุกเมนู เห็นทางเดินอยู่ชัดๆ รู้ด้วยธรรมะ 2 และ 2 ตาเปิดอีกที่พ่อครูได้พร่ำสอน (กราบขอยืนยันที่ตายของใบฟ้าคือแผ่นดินพุทธเจ๊า) พ่อครูว่า..คนไทยจะไปแพร่เมนูไปทั่วโลกเป็นบาปของคนไทย ตอนนี้ก็รวยเพราะไปหลอกเขาคนโง่ก็หลงติด ถูกหลอกในเมนูอาหารปรุงแต่งใหม่ๆ อาตมาสมัยเป็นฆราวาสทำกับข้าวเอง ดัดแปลงเก่ง ตั้งแต่เด็กๆรอดตัวมาก็เพราะทำกับข้าวนี่แหละ อยู่กรุงเทพฯเรียนหนังสือไปรอดเพราะไปทำกับข้าวให้เขาบ้างเลี้ยงลูกให้เขาบ้างเอาตัวรอดมาได้ทำหลายที่ด้วย อิเลเซซังตอนมีวิบาก ตอนนั้นเลี้ยงลูกของคุณล้วน เจ้าแหลม เจ้าหลิม ส่วนลูกพี่เล็กนายหมึกยังอยู่ นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ ดูเหมือนน่าจะประมาทนะตอนตายจะไปรู้ตัวเหรอ หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตาย คุณจะรู้ได้อย่างไรหรือเชื่อมั่นตัวเองว่าตัวเองไม่ต้องทรมานตอนตาย เพราะฉะนั้นทรมานถึงจะวิ่งมาไม่ทรมานจะไม่มาอย่างนั้นหรือ หรือว่าตัวเองต้องการทรมานจะตายแล้วถึงได้หามมาอย่างนั้นเหรอ วาสนาเราคนจะมาเอาธรรมะต้องหามมาหรือ ถ้าไม่ถึงขั้นหามมาก็ยังไม่มา คุณเองประมาทไม่ใช่เรื่องของเหตุปัจจัยภายนอกหรอก คนประมาทอย่างนี้มีหลายนัย แม้แต่บางคนไม่ถึงขั้นควรจะออกก็ออกไปแล้วก็ยังไม่เข้ามา ก็ยังงงๆ ทำไมออกไป (สู่แดนธรรมว่า..เป็นสัมภเวสียังไปแสวงหาที่เกิด ทั้งๆที่ควรเกิดอยู่ตรงนี้) พ่อครูว่า…ยังไม่ชัดเจนว่าที่ควรเกิดอยู่ที่นี่ มีลงทะเบียน 701 คน ตอนนี้ เข้าสู่เรื่องที่ตั้งใจจะพูด อาตมาทำงานอยู่ทางโลก 36 ปี เป็นลิงลมอมข้าวพอง ก็มา พอ 36 ปีรู้ตัวก็ไม่เอาแล้ว เลิกมา เขียนใบลาออก เขาก็ยับยั้งไม่ยอมให้ออกมา สุดท้ายก็มาจนได้ พอมาแล้วก็มาทางนี้ ถือได้ว่า 2513 เริ่มต้นบวช ที่จริงอาตมาตั้งแต่เป็นฆราวาสก็ทำงานทางธรรมะแล้ว ตอบปัญหาทางหนังสือดาราภาพ มีเปิด Column ลำธารชีวิตบรรยาย ออกไปทางหนังสือดาราภาพ ที่เป็นแดนนรกเลย จนกระทั่งมาบวช เริ่มต้นมาบวช บวชมาได้ถึงปีนี้ก็ 50 ปี กำลังจะเต็ม 50 ในมิถุนายน 2563 เดือนพฤศจิกายน บวช อีกตั้งไม่ใช่น้อยจะเต็ม เพิ่งเริ่มเข้า 49 ปีกว่า นี่เพิ่งเข้าปีที่ 50 ได้เดือนเดียว ในวันที่ 7 พฤศจิกายน เมื่อ 7 ธันวาคมก็ 1 เดือน นี่ยังไม่ถึง 2 เดือนเลย ปีที่ 50 เพิ่ง 2 เดือนเอง อีก 11 เดือนถึงได้ครบ 50 เพราะฉะนั้นจะฉลองปีเกิดทางการบวช ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2563 ก็ครบ 50 ฉลองบวชครบ 50 ปีเต็ม ก็ค่อยว่ากัน ก็คงจะได้…. (สู่แดนธรรมว่า..ก็คงจะมีอรหันต์) ก็มีอยู่เรื่อยๆ หันซ้ายหันขวา มีอรหันต์ ทีนี้ทางด้านเวลาบวช อายุก็จะเต็ม 50 ปี มาทำงานตั้งแต่อายุ 36 เพราะฉะนั้นอายุอาตมาขึ้น 87 จะนับที่เดือนมิถุนายน เอาล่ะอย่าไปคิดให้ปวดหัว มาถึงวันนี้ก็ทำงานไปเรื่อยๆก็แล้วกัน ทำงานไปก็ได้คนที่มีศีล-มีสมาธิ-มีปัญญา มีวิมุติที่เป็นสัมมาวิมุติ ได้มาตามลำดับ ได้มาจริง จนกระทั่งรวมกันเป็นกลุ่มชุมชน ใครเป็นสมาชิกชุมชนไหนก็ได้ชาวอโศก เป็นสมาชิกถาวรแล้วยกมือขึ้นซิ คนที่ไปๆมาๆก็ยังไม่ใช่นะ คุณจะอยู่สีมาอโศก ราชธานีอโศกก็แล้วแต่ ถือว่าเป็นสมาชิกชาวอโศกแน่แท้ๆ ก็มีอยู่ไม่ใช่น้อย คนที่ยังไม่มาไม่ถาม เป็นสัมภเวสีอโศก แสวงหาที่เกิดแล้วก็ไม่มาเกิดเสียทีไม่เข้าสู่ครรภ์เสียที อยู่นอกครรภ์เป็นลูกนอกไส้ เดี๋ยวถูกขับออกจากไส้นะ เราพูดกันอย่างนี้เข้าใจดีเป็นรูปธรรมนามธรรมที่มันชัดเจน ใช้บัญญัติภาษามาใส่แทนก็ชัดเจนดี ก็อย่าประมาทว่าอาตมาจะอยู่เท่านั้นปีเท่านี้ปี จะไปอีก 151 ปีอีกตั้งนาน ไม่แน่หรอกจะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้เลย หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตาย แค่นี้แหละ หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตายเหมือนกันเลย เอาอะไรกันนักกันหนา ทำงานไปก็ได้คนที่มีศีลมีสมาธิมีปัญญาอย่างสัมมาทิฎฐิมีวิมุติพอสมควร ศีล สมาธิ ปัญญา มีคนที่ปฏิบัติศีล อย่างสีลัพพตุปาทานเยอะในชาวพุทธ ยังมี หยาบ กลาง ละเอียด อีก แต่ยังไม่อธิบาย สีลัพพตุปาทานต่างจาก สีลัพพตปรามาส สีลัพพตุปาทาน ปฏิบัติตามจารีตประเพณีไป ถึงวันวิสาขบูชาก็ล้มวัวมาทำลาบเลี้ยงกันไป ถือศีลเคร่งครัดนะ ไม่ลงละเอียดในการเคร่งคัดนะ คนที่เป็นเณรใส่ชุดลายเสือหากินทางติรัจฉานวิชา คนอ้วนๆ มีคนไปแน่นขนัดตลอดเวลา แต่อย่างนี้ชาวโลกุตระคนไม่แน่นตลอดเวลาหรอก ถ้าอย่างโน้นคนโง่ๆมีเยอะ คนที่หลงใหลในเดรัจฉานวิชาไสยศาสตร์มีเยอะ คนที่จะรู้จักสัจธรรม มันเป็นคนยอดปิรามิดมีน้อย คนฐานปิรามิดมีเยอะ ก็ต้องคัดเลือกเป็นธรรมดา สีลัพพตุปาทาน คือยึดมั่นในศีล แต่ก็ทำตามจารีตประเพณีของกลุ่มต่างๆ กลุ่มที่เจริญหน่อยก็ยังดี ไม่เจริญก็ไปตามเรื่อง คือ ปฏิบัติตามหมู่ที่ยังอวิชชาเรียกว่า สีลัพพตุปาทาน ทีนี้ผู้พ้นจากสีลัพพตุปาทานแล้วรู้จักทาน รู้จักศีลพรตที่สัมมาทิฏฐิพ้นจากสังโยชน์ 3 รู้จัก กาย ของตน สักกายของตน อ่านจิตเจตสิกเป็น รู้รูปรู้นาม รู้ทฤษฎี พ้นจากวิจิกิจฉาในสังโยชน์ข้อที่ 2 ไม่สงสัย อ่านรูปอ่านนามเป็น รู้ทฤษฎีรู้วิธีปฏิบัติศีลพรต ปฏิปทา ที่จะปฏิบัติอย่างสัมมาทิฏฐิแล้วด้วย รู้ในอุบายเครื่องออก ปฏิบัติอย่างไรเราถึงจะหลุดพ้น อุบายเครื่องออก จะต้องมีผัสสะเป็นปัจจัยจะต้องมีเวทนาเป็นตัวกรรมฐานเป็นตัวปฏิบัติ ถ้าไม่มีการจับเวทนาในขณะมีผัสสะ ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ ) ล.10 ข.60 ต้องมี 2 สภาพ มีการปฏิบัติสัมผัสกันอยู่แล้วเกิดเวทนา ต้องเข้าใจนาม 5 มี เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ คุณไม่มีผัสสะคุณทำใจไม่ได้ มนสิการในมูลสูตร ที่สู่แดนธรรมท้วง คุณไม่แสวงหาแดนเกิด คุณรู้แดนเกิดแล้วมาอยู่ในแดนเกิดแล้ว แต่ไม่ทำใจในใจคุณเอง ไม่มนสิการ คุณทำเป็นด้วยแต่คุณยังไม่ทำ คุณก็ยังเล่นหัวลูบคลำ อยู่กับกิเลส เหมือนกับสิงโต เล่นกับลูกกวาง ยังไม่กินเสียที ทำให้มันอ่อนแรง ทำอย่างนั้นสัตว์มันก็เกิดอะดรีนาลีนนะ มันยิ่งกลัวมันยิ่งไม่ดี กินมันขณะที่มีเอ็นโดรฟินมีสารสุขสิ แต่นี่กินตอนมีสารทุกข์ ขออภัยไปดูถูกสิงโต ที่จริงดูถูกแล้วมันไม่รู้หรอก แต่คนนี้สิ คิดผิด สรุป พ้นจากสีลัพพตุปาทาน แต่ไม่ทำให้พ้นสีลัพตปรามาส คุณก็ไม่ได้ ผัดผ่อนก็จมอยู่กับสีลัพตปรามาสที่เป็นสัมมามรรคด้วย ในทางที่ถูกแต่ไม่ทำ คนประมาทอย่างนี้ มันน่า เขกหัว เป็นลูกขี้ดื้อ ดื้อจริงๆ ทำไมประมาทเล่นหัวกับโจร ดีไม่ดีอาศัยโจรหากินอีกบาปซ้ำซ้อน ผิดทำผิด จะถูกเข้าคุกก็ไม่รู้ตัว สรุปแล้วก็คืออย่าประมาทอย่าผัดผ่อนโทษ แม้มีประมาณน้อยก็อย่าประมาท จงกำจัดเสีย ไม่อย่างนั้นมันจะกลับคืนกลับมาอีกได้ อย่าประมาท จงเร่งเดินทางไกล สู่จุดหมาย เมื่อคุณได้แน่นอนแล้ว เมื่อคุณได้ทิศทางได้เวลาได้โอกาสครบ ก็จงอย่าช้าคุณอย่าอยู่ในปปัญญจารามตา อย่าไปรื่นเริงบันเทิงใจกับความเนิ่นช้า อย่าอารามะ อย่าไปหลงเริงอยู่กับความเนิ่นช้า คําสอนพระพุทธเจ้าสุดที่จะละเอียดลออไปยินดีอยู่ใน กัมมารามตา ไปหลงในการงานเราทำเงินดี แล้วตายจะหอบไปด้วยหรืออย่างไร มีตำแหน่งหน้าที่ดีก็ยกอ้างมาได้ทั้งนั้น อย่าไปหลงใน กัมมารามตา มาอยู่ในนี้แล้วก็ควรจะปล่อยวางให้คนอื่นได้ อย่างอาตมาก็ปล่อยการงาน หลายคนก็อยากให้ไปช่วย แต่แน่นอนให้พวกเราโตขึ้นไปถึงจะบกพร่องบ้างก็ไม่เป็นไร พี่ๆก็มีภูมิมากกว่าก็ช่วยกันได้ ปปัญญารามตา ภัสสารามตา ติดในการพูดคุย นิทรารามตา ติดในหลับการนอน สังคณิการามตา ไปติดกับหมู่เกินไปนัก แต่ถ้าอยู่กับหมู่ที่ดีไม่ต้องทิ้งไปไหนหรอก มีรายละเอียดก็ต้องรู้ฐานะของหมู่ การงานการพูดการนอนการอยู่กับหมู่ก็ดี กาละนี้ การงานการพูดการนอนการอยู่กับหมู่ ตอนนี้ฟังธรรม ก็ละจากการงาน การงานก็ดี แต่อันนี้ควรกว่าไหม? เป็นกาละ อันนี้ควรกว่าก็ทิ้งมาเถอะ แต่ถ้าไม่ควรกว่า ถ้าเราไม่ทำไมได้นะ มันขาด ก็ต้องทำ แต่กาละนี้ต้องพูดก็ควรพูด กาละนี้ควรนอนสุขภาพจะเสียก็ต้องนอน ตอนนี้ต้องอยู่กับหมู่ หรือตอนนี้ควรพักได้หมู่ก็ว่าไป เราก็ขอเวลาที่จำเป็น มันเป็นกาละอันควร ที่ละเอียดขึ้น ยังมี ปปัญจรามตาอีก เข้าเรื่องอีก อาตมาได้พวกเราได้ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติที่เป็นสัมมา แล้วมีวิมุตติญาณทัสสนะมาพอสมควร มารวมกันจนกระทั่งเป็นกลุ่มคนมีศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ วิมุตติญาณทัสสนะได้ประมาณนี้ เป็นชุมชนชาวอโศก เป็นชุมชนจริงๆ มีสมาชิกประจำ ชุมชนของชาวอโศกมีมากกว่า 10 ชุมชน ชุมชนที่มีสมาชิกเกิน 100 คน มีรูปธรรมมีวัฒนธรรมสังคม มีความเป็นอยู่สาธารณโภคี มีสาราณียธรรม 6 มีวรรณะ 9 ยืนยันได้ตามธรรมะพระพุทธเจ้า อาตมาเอาสาราณียธรรม6 วรรณะ 9 มาที่บ้านสังคมมนุษย์กลุ่มคน ที่มีเศรษฐศาสตร์แบบนี้มีรัฐศาสตร์แบบนี้มีสังคมศาสตร์แบบนี้ เป็นบวร บ้านวัดโรงเรียนร่วมกันอยู่ มีทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่คนแก่คนพิการ คนติดเตียง ก็ดูแลกันไป นี่แหละวัฒนธรรมอย่างนี้ที่เราเป็น มีน้ำใจ ในที่สุดท้ายก็ไปร่วมกันเผา สะดวกสบายไม่ต้องมากเรื่อง แม้จะไม่หรูหราฟู่ฟ่าอัครฐานอะไร แต่ก็ไม่ได้น่ารังเกียจอะไร อยู่กันอย่างเป็นสุข คำว่าความสุขคำนี้ก็ขอยืมภาษาของโลกมาใช้ มันเป็นวูปสโมสุโข คือมีความสุขอย่างมีสัมมาทิฏฐิ สุขอย่างเป็นสังคมที่สัมมา ไม่ใช่เป็นสังคมที่ไม่เข้าเรื่อง แล้วก็ช่วยพัฒนากันไปมีเมตตากายกรรม วจีกรรม มโนกรรม สาราณียธรรม 6 แล้วก็มีหลักเกณฑ์ที่เรียกว่า ศีล อย่างต่ำนี่ศีล 5 เคร่งครัดบ้าง ไม่เคร่งครัดบ้าง เคร่งครัดจัดไปก็มี ศีล5ก็รู้กันจริงได้ประโยชน์จากศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ไม่ได้ลงรายละเอียดตอนนี้ อธิบายพอเป็นตัวอย่าง ศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับสัตว์กับคน ศีลข้อที่ 2 เกี่ยวกับข้าวของเพชรนิลจินดาแม้กระทั่งพืชผักผลไม้ต่างๆ มันเป็นของไม่ใช่สัตว์ สัตว์มันก็เป็นอีกชนิดหนึ่ง อธิบายแยกกันให้ชัดเจน ใครยังแยกจิตวิญญาณ หรือธาตุรู้วิญญาณคือธาตุรู้ที่แบ่งเป็นพีชะกับธาตุรู้ที่เป็นจิต ถ้ายังแยกไม่ออก ….มีจำนวนหนึ่งคนในหลายร้อยคนนี้ ก็ค่อยๆศึกษา ก็ช่วยกันอธิบาย บางคนนึกว่าอธิบายดี ก็ไม่เข้าใจก็มี บางคนอธิบายเละเทะก็เข้าใจก็มี ลางเนื้อชอบลางยา ก็เป็นไปได้เหมือนกันก็ช่วยกัน เราได้คนมีสาราณียธรรม 6 อยู่กันอย่างมีเมตตากายกรรมคืออย่างไร ก็จะเห็นว่าเราช่วยเหลือกันทางกายกรรมที่เห็นเป็นรูปร่าง มีกายวิญญัติ ช่วยกันทางวจีกรรม มีคำพูดคำจาเมตตาเกื้อกูลกัน มีประธานคือจิตที่มีเมตตา จิตที่เมตตาก็เลยออกมาทางกายวาจา อยู่ร่วมกันอย่างนี้ เราไม่ได้ตบตีอะไรกันรุนแรงไม่ได้ทำร้ายอะไรกัน ไม่มีคดีขึ้นศาลขึ้นโรงพักให้ตำรวจมาจับ ละเมิดทางกายตบตีกันหัวร้างข้างแตก ทำร้ายกันจนกระทั่งรุนแรงไม่มี มีบ้างก็น้อยเป็นความ error ตบกันลับหลังไม่รู้มีหรือเปล่า ก็ไม่เห็นได้ข่าวคราว ทำร้ายกันจนเจ็บตัวก็ไม่เห็นได้ข่าวคราว อยู่กันอย่างเรียบร้อยมากเลย อยู่กันอย่างด้วยเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม ปากหอกก็มีแต่หยาบๆไม่เห็น ทิ่มแทงกันด้วยภาษาธรรมะ บางคนคมจนกระทั่งไม่เจ็บเลย แต่คนนี้ไม่คมเลย ทื่อๆนี่เจ็บนะ ไม่ค่อยคม ทิ่มมาหยาบๆเหมือนเสียมเหี่ยน ห้อเลือดเลย เราก็เข้าใจ อยู่กันอย่างมีเมตตามีศีลสามัญญตามีหลักเกณฑ์ ศีล 5 เสมอศีล 5 ศีล 8 เสมอกับศีล 8 ศีล 10 เสมอกับศีล 10 ศีล 20 เสมอศีล 20 จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล เสมอสมานกันไปเราก็พอเข้าใจ รู้กันว่าอยู่กันยังมีศีลสามัญญตา มีความเห็น ทิฏฐิสามัญญตา มีความรู้ความเห็นเข้าใจเสมอสมานกันได้ คนนี้เข้าใจระดับนี้เป็นระดับน้องคนนั้นเข้าใจระดับนั้นเป็นระดับพี่ คนนี้เป็นระดับอา น้า คนนี้เป็นระดับป้าระดับลุง คนนี้เป็นระดับพ่อระดับแม่ คนนี้เป็นระดับตาระดับปู่ ก็ว่าไป พอเข้าใจกันนะ มันก็มีหลากหลาย ก็รวมกันอยู่อย่างนี้อบอุ่น ได้ทั้งผู้ที่จะช่วยกันอธิบายช่วยกันพาทำ จนไม่ต้องอธิบายไม่ต้องจับมือทำ ทำเอาเองได้ซึมซับเอาเองได้ มันก็ต่างคนต่างปรุงแต่งอาหาร คำว่า อาหาร คำนี้คลุมรอบหมดเลย มาปรุงอาหารเมนูชั้นพรหมอาหารอาริยะ เราจะเข้าใจสาราณียธรรม 6 มาถึงสาธารณโภคี สาธารณโภคี เป็นสิ่งสำคัญสำหรับโลก มีความสำคัญทางเศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ทางสังคมศาสตร์ เป็นสาธารณะที่ร่วมกัน ประชาธิปไตยมีร่วมกันทั้งทางความเป็นเศรษฐกิจ ความเป็นรัฐกิจความเป็นสังคมกิจ เป็นทั้ง 3 อย่างเลย มันเป็นหมดเลย เหมือนร่วมกันอย่างมีน้ำใจ อย่างมีจิตไม่มีอัตตา ทำอะไรก็ไม่มีตัวกูของกูไม่มีพรรคพวกกูของกู ไม่มีอคติไม่ลำเอียงให้ใคร แม้แต่หมู่ฝูงญาติพี่น้อง มันเอาสัจจะเป็นหลักไม่เอาอย่างอื่นเป็นหลัก คนที่จะมีประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบจึงเป็นคนที่ไม่มีอัตตา สุดยิ่งใหญ่มาก ศาสนาพุทธสอนเรื่องอัตตา เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธนี่แหละเป็นประชาธิปไตยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เพราะศาสนาพุทธรู้จักความเป็นอัตตา ศาสนาอื่นเป็นเทวนิยมตีอัตตาไม่แตก แยกอัตตาไม่ออกแยกอาตมันไม่ได้ เพราะฉะนั้นเขาจะไม่รู้จักการแยกเป็น โอฬาริกอัตตา มโนมยอัตตา อรูปอัตตา เขาไม่เข้าใจแยกแยะไม่ได้ แม้แต่ชาวพุทธก็แยกไม่ได้ง่ายๆ ได้แต่พยัญชนะ จับสภาวะโอฬาริกอัตตาไม่ออก โอฬารคือหยาบใหญ่ ไม่ฝากไว้ได้ไงมันขยับไม่ได้เลย นี่ก็หิน 77 ตันเอามานี่จะไปตั้งที่ไหน มีสามก้อนมาเมื่อวาน เป็นนิมิตเหมือนกัน ปี 63 มาเป็นรูปธรรมเบ้อเร่อ สังคมที่มีสาราณียธรรม 6 มีวรรณะ 9 มีวรรณะ 9 เลี้ยงง่าย (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ) อัปปิจฉะ น้อยได้เท่าไหร่ก็ยังพอ น้อยจนเป็น 0 คนที่ไม่มีหนี้เลยคือเริ่มต้นได้แล้ว มาในอโศกก็ใช้หนี้ให้เสร็จก่อน มาแต่ตัวกับหัวใจอย่าพกหนี้มา หรือพกหนี้มาก็อย่าให้ยุ่งกับหมู่ ปิดบังไว้ก็ทำหนี้ให้หมด มาก็มาเถอะ แต่อย่าให้มาวุ่นวายกับหมู่เขา เพราะที่นี่หมู่เขาไม่มีหนี้แล้ว มันเป็นทุกข์จริงๆเรื่องหนี้ อาตมานึกถึงชีวิตตัวเอง ผ่อนหนี้เก่งด้วยนะ ธนาคารชมเลย พอผ่อนส่งปั๊บก็มีใบมาบอกให้กู้อีก เพราะว่าเราเครดิตดี ส่งได้ไม่ขาด เขาจะรู้ คนไหนเป็นลูกหนี้ชั้นดี คนไหนเป็นลูกหนี้ไม่น่าคบ มักน้อยมีน้อยก็พอ ไม่มีเลยก็ยังอยู่ได้ไม่มีทรัพย์สินศฤงคาร ส่วนตัวไม่มีบ้านช่องเรือนชานส่วนตัว เป็นอนาคาริกชน อยู่กับหมู่นี่ ใครเป็นคนอย่างนี้ยกมือสิ…เราไม่เป็นหมาหัวเน่า ถึงขนาดเขาไม่อยากให้อยู่ใกล้ๆอย่างนี้ก็ยาก แต่ไม่ถึงขั้นหมาหัวเน่าก็อยู่ได้ พักบ้านโน้นบ้านนี้จะกินจะอยู่กับส่วนกลางสบายอยู่แล้ว นี่เป็นรายละเอียดของสังคมสาธารณโภคีสังคมที่กินใช้ร่วมกัน ต่างคนต่างขยันหมั่นเพียรสร้างสรร ใครสร้างสรรมาก แต่เรากินน้อยใช้น้อยก็ไม่ได้ขาดทุนอะไร คุณจะสร้างสรรมากแล้วเอาเข้ากองกลางกินใช้ร่วมกัน ไม่ต้องไปคิดหรอกวิบากจะจัดสรรของมันเอง ไม่ต้องเป็นห่วงกังวลว่าไม่ได้ลงบัญชีไว้ เราทำได้ 5000 เรากินแค่ 200 ไม่ต้องลงบัญชีว่าของเรา 4800 ไม่ต้องเลย เสียเวลา วิบากจะจัดสรรของมันเองตามสัจธรรมสบายจะตาย ข้อสำคัญต้องรู้ตัวจริงๆว่า อันนี้คุณกินใช้มากกว่า หรือคุณทำงานเข้ากองกลางมากกว่า อันนี้เป็นสิ่งที่ควรจะคำนึงควรจะตรวจสอบตัวเอง ว่าอยู่ไปยิ่งเป็นหนี้หรือไม่ การเป็นหนี้ของคนอยู่ในแดนนรกกับการเป็นหนี้ของคนอยู่ในแดนนิพพานหรือแดนของคนสะอาด การเป็นหนี้บาทเดียวของแดนนรกก็เป็นหนี้บาทเดียวในแดนนิพพาน อะไรมีค่าแพงกว่ากัน …แดนนิพพาน บาทเดียวนี่แพงกว่า 1 บาทในแดนนรก หรือเงิน 1 ล้านบาทในแดนนรกกับ 1 ล้านบาทในแดนนิพพาน อะไรมีค่าสูงกว่า แดนนิพพาน แม้แต่บาทหนึ่งของแดนนิพพานกับ 1 บาทของแดนนรกมันชัดเจน 1 บาทของเศรษฐีกับ 1 บาทของยาจก อาตมาเขียนไว้ในเพลงชีวิตหมายเลข 9 สรุปแล้วสังคมของเรามีวรรณะ 9 สาราณียธรรม 6 มีคนเลี้ยงง่ายบำรุงง่ายมีคนมักน้อย 0 ก็พอ สบาย มีความจริงใจไม่เดือดร้อนลำบากใจเลยเรามีศีลอยู่ในนี้สบายจริงๆ สบม ธมด ปกต หห จจ มชยลล สบายมากปกติ หายห่างสามัญธรรมดาหายห่วง ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เราสามารถเป็นคนที่ ใจพอ ในหลวงรัชกาลที่ 9 คำว่าพอมาใช้เป็นตัวกลาง เป็นตัวสำคัญมากเลย ที่จะต้องเรียนรู้สิ่งใดของคน บางคนมีหมื่นล้านก็ยังไม่พอ มีลูก 200 คนหรืออย่างไร ก็ไม่ใช่ ใจที่รู้จักพอ มีเท่านี้เราก็พอ อยู่กับหมู่ แม้ไม่มีเราไม่ต้องสะสมเลยก็พอ แล้วมันไม่สบายหรืออย่างไร สบายจะตาย ที่จริงเราก็ควรจะดูแลรับผิดชอบบ้าง ตอนนี้เราไม่ต้องดูแลอะไรเลยตัวล่อนจ้อนมันก็มากไป ก็ต้องช่วยกันบ้าง อย่างน้อยก็ช่วยเก็บงำไม่ให้หกตกหล่น ไม่ควรจะสุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือยให้เอาภาระกันบ้าง หากเราไม่ช่วยกันดูแลไม่ช่วยกันเลยปล่อยลอยชายไปลอยชายมา เราช่วยกัน เราก็เป็นคนมีกรรมเป็นกุศลความชำนาญก็เกิดประโยชน์ก็เกิดวิบากก็ดี คนที่ขยันหมั่นเพียร คุณเองคุณก็ได้ดีของคุณไม่มีใครไปแย่งคุณได้เลย ไปแย่งวิบากกันไม่ได้ วิบากกรรมวิบากมันแย่งกันไม่ได้ เราเป็นทายาทของกรรม ความเป็นคนใจพอจึงเป็นคนที่ยิ่งใหญ่มากในโลก เราพอแล้วแต่เรามีสมรรถนะที่สูงเราก็สร้างสรรได้เกินที่เราใช้เผื่อแผ่ให้แก่สังคมสังคมก็ได้ประโยชน์นี่เป็นนัยยะของสังคมเศรษฐศาสตร์ที่ลึกซึ้งซับซ้อน อยากให้ดอกเตอร์หรือPost Doctorทางเศรษฐศาสตร์มาทำวิจัย เมื่อไหร่จะมีมาสัก 5 คน 10 คน มานั่งฟังโพธิรักษ์อธิบายเศรษฐศาสตร์ประเทศไทยจะไปได้อย่างเจริญรุ่งเรืองดีมหาศาลเลย สัลเลขะ ขัดเกลาตัวเองในกายกรรมที่ควรจะเปลี่ยนแปลงจากไม่ดีไม่งามไม่เหมาะสม คุณก็เรียนรู้แล้วขัดเกลาทางวาจาของเราให้มันเหมาะสมกันดี หากว่ายังมีคำหยาบคำส่อเสียด คำพูดปด คำเพ้อเจ้อ คุณก็เก็บรายละเอียดของพฤติกรรม มโนกรรมคุณก็ปรับปรุงของคุณไป สัลเลขธรรมขัดเกลา กายกรรมวจีกรรมมโนกรรม ขัดเกลาตัวเองด้วยหลักเกณฑ์ของพระพุทธเจ้าด้วยหลักเกณฑ์ของศีล ศีลที่สูงขึ้นเคร่งครัดขึ้นปฏิบัติได้เพิ่มเป็นอธิศีลเป็นธูตะ ศีลที่ทำไม่ได้ปกติก็เคร่งเครียด สิ่งที่ทำได้เรียกว่าเคร่งครัดศีลที่ไม่ต้องเคร่งเลยเป็นปกติธรรมดาสามัญ ไม่เคร่งเลย หายเคร่งไม่ต้องเคร่งเลย คนที่มีศีล 10 แล้วไม่ต้องใช้เงินทองได้แล้วก็ไม่ต้องเคร่งเลย ไม่เห็นจะยุ่งยากอะไรเลย สบายมากไม่ต้องใช้เงินไม่ต้องสะสมเงินไม่ต้องมีเงินในตัวเลย เสื้อผ้าหน้าแพรก็มีแค่ 3-4 ชุด ไม่ต้องไปอวดอ้างไม่ต้องไปโชว์ แค่นี้ก็เหลือแหล่ หอบไว้ข้อเสียพื้นที่ใส่ตู้แมลงสาบมากินอีก Category: ศาสนาBy Samanasandin27 ธันวาคม 2019Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:621220_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ปุตตมังสสูตร ว่าด้วยอาหาร 4 ตอน 2NextNext post:621228_ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 อาหารของนิวรณ์ทั้ง 5Related Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024