630106_รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 85
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/1cVsiwlHpsUhOeqoku1HhkLD7ksRG5HafD9iKCsccy0U/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=17pzgfKO0n7Jm-gR_gAaBysFsl68GZOG7
พ่อครูว่า… วันนี้วันจันทร์ที่ 6 มกราคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก
SMS วันที่ 05 ม.ค. 2563 (วิถีอาริยธรรม)
_วันทิพย์ :กราบนมัสการพ่อครูด้วยศรัทธายิ่งเจ้าค่ะ ลูกขอใช้หนี้ให้หมดก่อนนะเจ้าคะ ลูกถึงจะไปอโศกอย่างสะบายใจ ฟังพ่อทางทีวีและยูทูบอยู่ค่ะ ฟังธรรมของอโศกแล้วเริ่มฉลาดขึ้นมากค่ะ รู้จักคิดเป็นคิดถูกต้องตามธรรม มองโลกมองธรรมได้ชัดขึ้นเหมือนยืนอยู่ที่สูงมองลงเห็นที่ต่ำฉนั้นเลยเจ้าค่ะ
พ่อครูว่า…คำว่าธรรมะคือลดละโลกธรรม คนก็พอฟังเข้าใจ แต่ไม่ได้ลดละจริง ไม่ได้ทำความเข้าใจด้วยปัญญาลดลงๆได้จึงไม่เกิดผลอะไร คนเราถ้าตั้งใจจริงๆพากเพียร พอเข้าใจในความหมาย แต่ตั้งใจจะพูดจริงๆมันจะได้ ชาวอโศกตั้งใจประพฤติ ก็มีมรรคผล ในแต่ละบุคคลแล้วมารวมกันเป็นหมู่กลุ่ม เป็นคนที่ได้ปฏิบัติธรรม ลดโลกธรรม มามีธรรมะตามบารมีแต่ละคนมากบ้างน้อยบ้างก็ตามจริงแต่ละคน บางคนกดข่ม บางคนไม่ได้กดข่มทำได้สบายก็อยู่ที่ตัวบุคคล
พระพุทธเจ้าให้มามีความรู้ลดกิเลสโลภโกรธหลง ศึกษามาไม่รู้กี่ล้านชาติแล้วท่านก็ทรงงานนี้ เป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็มาทรงงานนี้ไม่ได้ทำงานอื่น งานบริหารบ้านเมืองทรัพย์ศฤงคารต่างๆนานาไม่ได้ทำแล้ว แต่มาทำงานนี้ คิดดูสิ ว่าอันนี้ยิ่งใหญ่สำหรับมนุษยชาติขนาดไหน แต่ทำไมไม่เห็นความสำคัญนี้ ถ้าโลกใส่ใจเห็นความสำคัญ ไม่ได้หมายความว่าถ้าเราทำอย่างนี้แล้วจะมาเป็นคนเสื่อมต่ำเป็นคนไม่เจริญเป็นคนมีชีวิตอย่างอับเฉา มีชีวิตอย่างต่ำเตี้ย มันไม่ใช่เลย
อาตมาแต่ก่อนนี้อยู่ทางโลกหาเงินหาทองมีเงินมีทองมีชื่อเสียงก็ไม่เห็นว่าเหมือนมาทางนี้ มาทางนี้รู้สึกว่าคนมาคบเรานับถือเรา ต่างกัน นับถือนายรักรักพงษ์กับนับถือศาสนาโพธิรักษ์ มันมีความนับถือต่างกันเลย นี่ชัดๆ อย่างนี้เป็นต้น
_หยุ่งชิน เกตุธานี : พระสอนธรรมมะ พระอะไร โยมพูดไร้สาระ,,,ไปไล่ประยุทไป,,
พ่อครูว่า…ก็น่าเห็นใจที่เขาเข้าใจไม่ได้ เขาเข้าใจว่าทำไมจะต้องไปรดน้ำมนต์ ใบ้หวยแจกเลขอะไรไป มันก็น่าเห็นใจที่เขาเข้าใจอย่างนั้น เขาก็แสดงออกชัดเจนนั่นแหละเป็นธรรมดาของคน ความรู้ความเห็นความเข้าใจแตกต่างกันนะ
_จักรพล พุทธพัฒนา : คนโง่มีปัญญาทรามเท่านั้นที่จะเข้าใจผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแท้ๆเป็นอื่นไป.
_สาราล สราล นี: พ่อครูคะเยี่ยมเลยค่ะถ้าจักส่งผักปลอดสารได้
_จากผู้ฟัง
คำว่า มรรค นั้นมีความหมาย 2 นัยะ นัยะหนึ่ง หมายถึงว่าผู้นั้น กำลังปฏิบัติธรรมเพื่อสะสมผลไปสู่เป้าหมาย ส่วนอีกนัยะหนึ่งนั้นหมายถึงการที่เขาคนนั้นได้มาศึกษาธรรมะแล้วรู้วิธีที่จะปฏิบัติแต่ยังไม่ได้ลงมือทำตามแต่อย่างใด
ขอเรียนถามว่า คำว่า มรรค นั้นหมายถึงอย่างหนึ่งอย่างใดหรือทั้ง 2 อย่าง หรือไม่
นมัสการขอบพระคุณ
พ่อครูว่า…หมายถึงอย่างเดียวก็ได้แค่ตื้นๆรู้ แต่อีกอันหนึ่งรู้แล้วปฏิบัติ ปฏิบัติแล้วเกิดผลลัพธ์ละกิเลสได้อย่างนี้เป็นต้น เขาจะได้ผลไปตามลำดับ
_ฝั่งดาว…มีข้อสอบ จิตเริ่มเป็นโลกุตระตัวแรกตั้งแต่
ก. โสดาบัน ข. กัลยาณชน
ค. ปุถุชน ง. กึ่งโคตรปุถุชน
ข้อใดถูกต้อง
พ่อครูว่า…คำว่าโคตร เขามีศัพท์คำว่าข้ามโคตร กึ่งโคตรนี่ไม่เคยได้ยิน
มีในหนังสือคนจะมีธรรมะได้อย่างไรเล่ม 3 หน้า 134 …
โกณทัญญะคือคนโง่ อัญญาโกณฑัญญะคือคนโง่คนแรกที่เริ่มมีญาณปัญญาของพุทธ ซึ่งในพระพุทธเจ้านั้น ชื่อแต่ละคนๆ เป็นชื่อบอกสภาวะที่แท้จริง แม่ชื่อสิริมหามายา พ่อชื่อสิทธัตถะ ยโสธราพิมพา พระราหุล ชื่อต่างๆบอกสภาวะของสัจธรรม สภาวธรรม
คำว่า กึ่งโคตรปุถุชน ก็เป็นการขยายความเป็นการอธิบายสภาวะ ให้รู้ว่า เข้าใจความหมายให้ลึกๆเข้าไปว่าในเนื้อแท้ ถ้าเราพูดใช้ภาษาสมัยใหม่ก็แปลว่า DNA คือยีนคือตัวต้นตระกูลแท้รากเหง้ามันเริ่มจะเปลี่ยนตัว เริ่มจะมีสภาพคุณสมบัติคุณธรรมเข้าไปสู่ อาริยธรรม
พอบอกว่า กึ่ง คือเริ่มต้นเข้าไปไม่เต็มตัว แต่มีสภาพกึ่ง คืออัญญาแล้วอัญญะ ความรู้อื่นที่แตกต่างจากโลกโลกีย์ คนเรามีความรู้เป็นโลกีย เมื่อมีความรู้ใหม่อันอื่นขึ้นมา คืออัญญะ เต็มตัวก็คืออัญญา ความรู้อันนี้เต็มรูปเรียกว่า อัญญธาตุ หรือกึ่งโคตรปุถุชน อาริยชนครึ่งหนึ่ง โลกุตรชนครึ่งหนึ่ง
น่าจะเป็นข้อ ง ถูก เพราะว่ามันยาก มันต้องมีสภาวะ มันเริ่มเข้า คำถามว่าเริ่มเป็นอาริยะ โลกุตระ ถ้าเป็นโสดาบันก็เต็มตัว กัลยาณชนก็ไม่ใช่ ปุถุชนก็ยิ่งไม่ใช่ใหญ่ มันละเอียด ก็ไม่เป็นไร อะไรที่ไม่ตรงนักก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องไปยึดถือ เข้าใจสภาวะธรรมแล้ว ถ้าเราทบทวนดูแล้ว แต่ก่อนเราก็รู้เท่านี้ เมื่อเราศึกษาไปมันละเอียดขึ้นสูงขึ้น อันเก่าแต่ละเอียดขึ้น
แต่ก่อนเราเข้าใจคำว่าบุญก็ได้กุศล แต่เดี๋ยวนี้อีกอย่างนึง ที่จริงคำว่ากุศลมันก็ไม่ผิดมันเป็นความดีงาม แต่ความดีงามที่เป็นโลกียะเท่านั้น
อาตมาเอามาอธิบายทุกวันนี้ไม่ใช่แค่กุศล แต่เป็นคนดีที่ยิ่งกว่าความดีมากมายมันไม่เป็นโลกีย์เลยมันเป็นโลกุตระเต็มรูปเพราะมันได้ครบ บุญแล้ว
พลังงานบุญคือ สันตานัง ปุนาติ วิโสเทติ มันเป็นพลังงานที่กำจัดกิเลสจากสันดานให้บริสุทธิ์สะอาด เพราะฉะนั้น บุญ ถ้าพลังงานมันเกิดฌาน ฌานคือไฟโลกุตระ เป็นไฟที่จะมาฆ่าไฟโลกียะ ไฟราคะโทสะโมหะ อุณหธาตุ ไฟที่มีฤทธิ์สามารถกำจัดพลังงานราคะโทสะโมหะได้ เมื่อกำจัดได้หมด ก็คือบุญ บุญคือพลังงานพิชิตประหารกิเลสสำเร็จ เป็นนัยละเอียดที่รู้เพิ่ม หากว่ารู้ไม่เต็มไม่ครบบ้างก็ค่อยศึกษาไปให้รู้เพิ่มเติม
_จากลูกหนึ่งในเจ็ดร้อย..พ่อครูได้ทราบเรื่องที่บ้านราชฯจะมีการเลือกกรรมการชุมชน
พ่อครูว่า..แต่บอกได้เลยว่าอาตมาวางภาระเกือบจะหมดแล้วล่ะ ให้ช่วยกันดูแล อาตมาจะไม่ช่วยดูแล อาตมาจะปลดเกษียณ อาตมาจะสอนแต่ธรรมะบรรยายแต่ธรรมะ มันก็เลย 85 แล้ว อายุ ก็ต้องรู้จักตัวเองบ้างไม่เจียมแก่เสียเลยไม่ได้ นี่วันนี้ โยมยู้ก็อายุเท่ากันก็ไปแล้ว (มีศพโยมยู้ บุญงาม คำภิเดช) ไม่กินน้ำไม่กินอาหารอยู่เป็น 10 วัน จะไป-ไม่ไปหลายงวดแล้วแต่ไม่ยอมไปง่ายๆ มาคราวนี้ก็เลยบอกว่าเอาเถอะยอมไปก็ไปแล้ว พวกเราพูดถึงการตายการเป็นไม่ได้มีความโศกเศร้าอะไร พูดกันเฉยๆยิ้มแย้มเบิกบานร่าเริงธรรมดาเพราะเรารู้จักความตายความเกิดของชีวิต ความตายคือการเปลี่ยนร่าง ความตายคือการเปลี่ยนร่างถ้าไม่ตั้งจิต ตายอย่างสุญญตนิพพาน ตายอย่างสูญ อปณหิตะ ไม่ตั้งเครื่องหมายอะไรเลย อปณิหิตนิพพาน สูญวางปล่อยเฉย ไม่ตั้งจิตไปนั่นไปนี่ อยู่นั่นอยู่นี่ ไม่ตั้งเลย จบสูญไปเลย
ส่วนพระอริยะเจ้าเป็นพระอรหันต์ก็ตายด้วยสุญญตนิพพาน ตายอย่างสงบ แต่บางองค์ก็ตั้งนิมิตของท่าน นิมิตนิพพาน นิมิตคือเครื่องหมาย เพราะฉะนั้นผู้ที่มีฐานบุคคลหรือมีบารมีมีฐานะ อย่างอาตมาตั้งสร้างนิมิตเพื่อจะก้าวหน้าไปเป็นอย่างนี้ ก็ตั้งเพื่อจุดหมายก้าวไปแต่ละก้าวก็ตั้ง เป็นนัยละเอียด
หากว่ารู้ผิดนึกว่าตัวเป็นอรหันต์แต่ทำจิตผิด เป็นอรหันต์ผิดๆ อย่างที่อาตมาเคยบอกเป็นพระอรหันต์เก๊ แต่บอกว่าตัวเองเป็นชาติสุดท้าย แล้วก็จะเป็นไปตามสัจจะ
_1.พ่อครูได้ทราบเรื่องที่บ้านราชฯจะมีการเลือกกรรมการชุมชน พ่อครูคิดว่าการกำหนดการเลือกตั้งเร็วไปหรือไม่ แจ้งเรื่องให้ชุมชนทราบในวันเสาร์และช่วงในระหว่างวันอาทิตย์และวันจันทร์ก็มีการเลือกกรรมการในตามฐานงาน แล้วจะแจ้งผลในวันอังคารที่จะถึงนี้
ข้อ2.การเลือกตั้งในแบบสากล ถ้าใครได้รับคะแนนมากก็จะเลือกเข้ามาทำงาน แต่การเลือกตั้งกรรมการชุมชนของชาวราชธานีอโศกมองแล้วแปลกๆ ตรงที่ว่าอยู่แบบ static เลย 7 หรือ 8 คนเนี่ย ไม่แน่ใจ แต่ไม่มีการเลือกเข้ามาใหม่ เป็นการครองอำนาจแบบถาวรยาวนานหรือไม่
-
การเลือกตั้งไม่ใช่ว่าประชาชนแต่ละคนออกมาใช้สิทธิ์พร้อมกัน ในวันเดียวกันหรือคะ หรือเป็นการเลือกตั้งแบบพิเศษ เลือกกันเป็นก้อนเป็นกลุ่ม แล้วจึงค่อยสรุปประกาศให้ชาวบ้านรู้มันใช่หรือไม่
จริงๆแล้วดิฉันอยากถามปัญหาพ่อครูอีกหลายข้อเกี่ยวกับความคิดเห็น ของพ่อครูในการบริหารของทีมบริหารราชธานีอโศก ก็เกรงว่าจะเป็นการทำแบบยื่นดาบหรือยื่นดอกไม้ให้ก็ของดคำถามดีกว่า ค่ะ
พ่อครูว่า..แต่ก่อนนี้พวกเราชาวอโศก ไม่ได้มีความวุ่นวายยุ่งยากเรื่องพวกนี้เลย แต่เดี๋ยวนี้ทำไมมันเกิดกิเลสพวกนี้มากขึ้น อยากได้ตำแหน่ง อยากได้อำนาจ อยากได้ฐานะอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ก่อนนี้ยัดเยียดให้ ให้เป็นอันนี้ ก็ไม่ค่อยจะรับกัน แต่เดี๋ยวนี้มันชักจะเสื่อมหรืออย่างไร มันถึงมีลักษณะพวกนี้ขึ้นมา อาตมาก็..เอ้อ มันยิ่งทำไปยิ่งทำไปยิ่งเสื่อม มันเป็นได้เหมือนกัน
พระพุทธเจ้าสร้างศาสนาขึ้นมาตอนแรกก็ดี เจริญๆ เมื่อถึงวาระหนึ่งก็เสื่อม เริ่มต้นตั้งแต่พระพุทธเจ้ามีพระชนม์ชีพก็มีคนแทรกเข้ามา แม้แต่มาบวชเป็นพระก็เป็นพระกเฬวราก ในพระไตรปิฎกก็มีเป็นธรรมดา เราก็จำนนในความเกิดขึ้นตั้งอยู่เสื่อมไปถึงที่สุดก็ดับไป ก็ช่วยกัน แล้วก็รู้ความจริง มันมีลางบอกแล้วไม่ค่อยดี ปรับปรุงให้ดีๆตั้งใจให้ดีๆ อย่าไปหลงในลาภยศ สรรเสริญ ยศศักดิ์ ฐานะ ตำแหน่งหน้าที่ ขนาดไม่มีเงินไม่มีรายได้ให้ แต่มาติดยศฐานะ ลาภไม่มี แต่ติดยศฐานะหรือมีสรรเสริญซ้อนลึกไปอีก ยศฐานะซ้อนลึกไปสรรเสริญแต่ลึกๆเป็นสุข นี่เป็นโลกธรรม เพราะฉะนั้นเรามาปฏิบัติธรรม มาล้าง ลาภยศสรรเสริญสุข เรียนดีๆ ถ้ารู้ตัวแล้วก็ ลดกิเลสตัวที่เรามี ลดได้มากหรือหมดก็ดี ลดไม่ได้ก็ซวย
_หายโง่…งานเพื่อฟ้าดินที่ผ่านมา พ่อครูไขรหัสนัยของคำว่า “เพื่อฟ้าดิน” อย่างไร มีนัยลึกอย่างไรคะ
พ่อครูว่า…ก็มีนัยลึกสิ ในโลกจะมีอะไรเหนือกว่าฟ้าดิน ก็รวมไว้หมด ในฟ้าดินก็มีมนุษยชาติด้วย ทั้งดินน้ำลมไฟ ทั้งสัตว์ ต้นไม้ พืชพันธุ์ธัญญาหาร ทั้งสัตว์มนุษย์
_กรุณาอธิบายนัยต่างกันของ สุภระ กับ สุโปสะ
พ่อครูว่า…สุภระ แปลว่า เลี้ยงง่าย เอามาให้เป็นอยู่มีชีวิตอยู่ธรรมดา เลี้ยงให้มีชีวิตไป ให้ยังชีวิตไปได้ไม่ยากไม่เรื่องมาก เหมือนเราเลี้ยงหมู ก็เลี้ยงง่ายๆ เลี้ยงหมูกับเลี้ยงหมา เลี้ยงง่ายกว่าเลี้ยงหมา หมามันดิ้นมากกว่าเยอะ หมูกินง่ายอยู่ง่ายกว่า ไม่เรื่องมาก กินง่าย ไปง่าย มาง่าย
ส่วน สุโปสะ หมายถึงว่า เป็นความเจริญ เจริญทางความรู้ เจริญทางความจริงที่เป็นโลกุตระ เจริญทางธรรมะ เจริญทางพฤติกรรม กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ให้เจริญขึ้นได้ง่าย อันหนึ่งเลี้ยงให้มีชีวิตยังอยู่ง่าย อีกอันหนึ่ง เสริมขึ้นไปอีกนอกจากเลี้ยงไว้แล้ว อย่างเราเลี้ยงเด็กให้อยู่สบาย แล้วทำให้เจริญก็ได้อีก สุโปสะ
_สม.กล้าข้ามฝัน…อ่านคำตอบของ ญาติธรรม ก็ซึ้งใจ ที่เขาตั้งใจฟังธรรม อ่านหนังสือพ่อท่าน คนได้คะแนนน้อยเขาก็บอกว่าอยากจะสอบ
ยกตัวอย่าง คำตอบของเด็ก
คำถาม ว่างจากภพกับภพที่มีความว่าง ต่างกันอย่างไร เขาตอบว่า อันหนึ่งมี อันหนึ่งไม่มี
การทำบุญตัวท่านเอง ทำอย่างไร ลกิเลสเช่นไม่กินไอศครีม
การทำทานที่มีการทำบุญ ทำอย่างไร คือ การเราได้ให้ ได้ลดกิเลส
แต่ข้อไหนที่ยากเขาตอบว่า ….ไม่รู้
ทำบุญ ไม่ต้องทำทานก็ได้..แต่ทำทานต้องทำบุญด้วยคืออย่างไร …ทำบุญคือต้องได้ลดกิเลสด้วย ส่วนอันอื่นเขาก็ตอบว่าไม่รู้
คนที่ตอบคือ ดญ.ใสกลางเพ็ญ โพธิ์ใบ ได้ 40 คะแนน
พ่อครูถาม ดญ.ใสกลางเพ็ญ อายุเท่าไหร่แล้ว ….7 ขวบ
_อีกข้อหนึ่ง จงยกตัวอย่างการได้ฌานแบบพุทธ …เขาตอบว่า เผากิเลส มันตรงเรื่องนะ
พ่อครูว่า…เข้าใจสภาวะเลย นี่เด็กเรา อายุ 7 ขวบ ไปถามเปรียญ 9 หรือดอกเตอร์ทางธรรมะศาสนา ก็ตอบไม่ได้
_รักบุญ…มีความสงสัยไม่ชัดเจนในคำว่า “บรรลุธรรม” ยกตัวอย่างเช่น พระอริยะทั้งหลายในชาดก ฟังธรรม 4 ประโยคก็บรรลุธรรม บางองค์บรรลุธรรมขณะเอนกายลงนอน แม้แต่พ่อท่านเองก็บรรลุธรรมขณะเข้าห้องน้ำปัสสาวะ
ดิฉันขอยกตัวอย่างสภาวะจิตตัวเอง
เรื่องที่ 1 เวลาผ่านร้ายขายเพชรทอง คนก็เลือกซื้อกันอย่างชอบอกชอบใจ ก็หันมาตรวจตัวเองว่าทำไมเรา ไม่นึกจะอยากได้ ไม่เห็นคุณค่า แต่ก่อนก็หลงใหลได้ปลื้ม ชอบใจมาก ตอนนี้เห็นแล้วก็เฉยๆ จริงๆ
เรื่องที่ 2 น้ำท่วมบ้านราชฯ เห็นความทุกข์ในการย้ายสิ่งของมากมาย ก็เราเกิดสภาวะลดบ้างก็ดี อันดับแรกลดผมเผ้าลง มันหมดภาระเรื่องยาสระผม เรื่องเสื้อผ้า
เรื่องที่ 3 งานเพื่อฟ้าดิน ได้ฟังเพลงวงฆราวาส ได้ยินเสียงร้องเพลงทั้งวัน เมื่อก่อนจะรู้สึกคึกคักอยากจะไปเต้น แต่เที่ยวนี้รู้สึกเฉยๆเหมือนกับการเห็นทอง
ในสามตัวอย่าง จะเรียกว่าบรรลุธรรมก็ไม่กล้าพูด
พ่อครูว่า…ตามที่พูดมาอธิบายสภาวะจิตของตัวเอง เป็นการพัฒนาจิตเป็นการปฏิบัติธรรมมีมรรคผลของจิต ก้าวหน้าจริง เป็นจริง แล้วมันถาวร ยืนยาวต่อไปเรื่อยๆ หรือเป็นชั่วคราว ขณะที่เรามีสติรู้ตัวสัมผัสสิ่งต่างๆ เราก็มีสติเต็ม รู้ตัว ปรับทันที ตามที่เราเรียนมาก็ปรับได้ ชั่วคราว แต่คราวหลังมันก็กลับไปมีอาการอย่างนั้นอีก มันไม่แน่นอนไม่เหมือนอย่างที่มันเคยเป็นแล้วก็เป็นได้ แต่ถ้าเป็นแล้วเป็นเลยได้ เจออีกทีมันก็ได้อย่างนั้นมันวางเฉยอย่างที่อธิบายเล่ามา นั่นคือมรรคผล ปฏิบัติตามมรรคมาแล้วได้ผลๆ (ตรวจสอบหลายครั้งแล้ว)
จุดสำคัญของศาสนาพุทธนั่นคือ ความเฉย อุเบกขา ความวาง ความปล่อย คือจิตมันบริสุทธิ์จากกิเลสกวน จิตมันสะอาดจากกิเลส เป็น ปริสุทธา ปริโยทาตา
ปริสุทธา คือ ลักษณะของความสะอาดบริสุทธิ์ จิตเรากระทบสัมผัส การจะบริสุทธิ์ไม่ใช่หมายความว่าไปนั่งหลับตาแล้วสะอาด อันนั้นเป็นของโลกโลก เดียรถีย์เขาทำกัน มันก็เป็นความบริสุทธิ์แต่เป็นแบบสะกดจิต ไม่ให้มันไปดิ้นไม่ให้ออกไปสัมผัสอะไร มันก็อยู่กลางและเฉย แต่ของพระพุทธเจ้าที่เป็นปกติในขณะสัมผัสทางตาหูจมูกลิ้นกาย สัมผัสสิ่งต่างๆที่เราเคยกิเลสเกิด เกิดอาการชอบ อาการชัง แต่ที่มัน เฉย วาง ว่าง อุเบกขา บริสุทธิ์อยู่ทั้งที่มันสัมผัสอยู่ มันจึงต่างกับไปนั่งหลับตา ของพุทธนั้นสัมผัสอยู่จิตก็บริสุทธิ์สะอาด ตอนนี้ทำได้ เวลาอื่นขณะอื่น กาละอื่น สัมผัสอันนี้อีกแบบนี้อีก มันก็บริสุทธิ์ได้อีก
ถ้ายิ่งมีจิตละเอียดอ่านได้ บริสุทธิ์ได้แล้วขึ้นสะอาดขึ้นคงทนมากขึ้นเรียกว่า ก้าวหน้าขึ้น ปริโยทาตา จนความบริสุทธิ์นั้นเชี่ยวชาญ ยิ่งขึ้นๆ เรียกว่า มุทุ
มุทุ แปลว่า อ่อน คือจิต จะดัด ปรับได้ง่ายขึ้นธาตุจิตตัวนี้ เราเป็นประธานจัดการจิตของเราได้ง่ายขึ้น เนียนขึ้น ไวขึ้น สูงขึ้น ลึกซึ้งมากขึ้น จากอันเดิมมันก้าวหน้ามากขึ้น มุทุ เป็นตัวสุดท้าย ของมุทุธาตุ
ธาตุมุทุ เป็นจิตที่ดีที่สุดในวิการรูป 5
จากมุทุตา ก็เป็น กัมมัญญา เมื่อจิตดีก็ไปทำกรรมอะไรก็ดีมีภูมิปัญญา อัญญธาตุควบคุมกรรมได้ดี การงานการกระทำ จึงเป็นการงานที่ดีและควรได้สัดส่วนที่พอเหมาะพอดี เขาแปล กัมมัญญตา ว่าการงานอันเหมาะควรได้สัดส่วนดีแล้วจิตจะผ่านโลกโลกีย์อย่างไร จิตก็คงความบริสุทธิ์ผุดผ่องประภัสสรอยู่ตลอดกาล นี่คือคุณสมบัติ 5 ของอุเบกขา
_ถ้าจะมีใครถามว่าคำว่า บรรลุธรรม ความหมายชัดๆ
พ่อครูว่า…ทำจิตให้อุเบกขาให้ได้ มีคุณสมบัติอันนี้ ฐานของศาสนาพุทธอยู่ตรงนี้อรหันต์อยู่ตรงนี้ จิตที่เป็นอุเบกขานี่แหละ แล้วไม่ใช่ไปหลับตาอุเบกขา อุเบกขาแบบนั้นเรียกว่า เคหสิตอุเบกขาเวทนา ยังเป็นโลกีย์ ทำให้กิเลสออกได้ ล้างกิเลสหมด ถึงจะเป็นเนกขัมสิตอุเบกขา ในมโนปวิจาร 18 ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ 6 ทวาร กระทบสัมผัสแล้วเกิดความสุขทุกข์หรือไม่สุขไม่ทุกข์ 3 ประการ ถ้าเป็นโลกีย์ก็เกิด สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ แบบโลกีย์ แต่ถ้ามาโลกุตระแล้ว เอากิเลสออกเป็นเนกขัมมะ กิเลสหมดก็เป็นมโนปวิจารโลกุตระ
อาริยะต้องรู้เวทนาในเวทนาแยกสองอันนี้ออกให้ได้ พิจารณาเวทนาในเวทนา แยกได้แล้วทำเนกขัมมะให้ได้เรื่อยๆ จึงเป็นพระอรหันต์ ไปนั่งหลับตาไม่ได้พิจารณาอย่างนี้ก็ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ ต้องทำอย่างที่พระพุทธเจ้าอธิบายไว้ ไม่อย่างนั้นก็แค่มานั่งหลับตาก็จบแล้ว ความจริงมันไม่ใช่นั่งหลับตา มันไม่ได้ เป็นพระอรหันต์ไม่ได้ แต่ต้องมาศึกษาอ่านความจริงที่กระทบสัมผัสด้วยนะ ต้องมีผัสสะเป็นปัจจัย ถ้าไม่มีผัสสะเวทนาก็ไม่เกิด แยกเวทนาไม่ออก
เวทนาอันหนึ่งมีกิเลสอันหนึ่งไม่มีกิเลส ต้องทำกิเลสให้ออกไปจึงเหลือเวทนาที่แท้ เจริญ กระทบอันนี้ตากระทบ สีแดง แดงก็คือสัจจะ กระทบแดงแล้วเกิดผลักดูด ชอบไม่ชอบอันนี้มันคือกิเลส เมื่อกำจัดเวทนาเก๊นี้แล้ว ชอบก็ไม่มี ไม่ชอบก็ไม่มี เฉยกลาง รู้ความจริงตามความเป็นจริงอย่างเดียว
_ทองแก้ว…เมื่อกี้นี้ที่พี่รักบุญพูดคือการสะสมหน่วยกิต
พ่อครูว่า…ใช่แล้ว ถ้าคุณมีสภาวะทุกอย่างที่พูดมา มันเป็นการก้าวหน้าเป็นการมีมาก่อนก็เป็นการเจริญเป็นพระอริยะจริงๆไม่สูญเปล่า
_ทองแก้ว…ดิฉันเป็นคนติดเส้นหมี่มาก สม.กล้าข้ามฝันก็จะบอกว่าคุณไปติดอะไรกับเศษแป้ง ก็ลองเลิก ใจก็คลายลง มันเฉยมาก เมื่อลองกินอีก ความอร่อยที่มันเคยมีมันไม่มีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นขนมแปรรูปอื่นๆก็เป็นเช่นเดียวกัน
พ่อครูว่า….ประสาทเราไม่ได้เสียก็รู้รสจริงของมัน เรื่องรสก็ตามสัจจะของความเป็นจริงจะเป็นไทยเป็นแขกเป็นฝรั่งก็มีรสเดียวกัน จะมีชื่อเรียกตามภาษาของแต่ละประเทศก็แล้วแต่ว่ากันไป มันคือของจริง ส่วนความชอบหรือไม่ชอบก็อยู่ที่แต่ละคน สภาวะธรรมพวกนี้ปฏิบัติเรียนรู้ทำใจในใจ ให้ออกจริงๆให้ลดและจริงๆแล้วเกิดปัญญาญาณ จนมีพลังปัญญาล้างสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่ไป กดข่มไว้ จนเกิดความชินและชำนาญ ไม่เกิดอาการชอบไม่ชอบได้เหมือนกัน แต่มันไม่ใช่ของพระพุทธเจ้า มันเป็นอัตโนมัติ
แต่ก่อนพวกคุณก็เป็นคนข้างนอกไม่ได้เข้ามาปฏิบัติธรรม คนมีกิเลสโลภโกรธหลง แล้วคุณจะปล่อยออกไปเรี่ยราดไหม ก็ไม่ คุณก็กดข่มเป็นธรรมดาธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่ต้องฝึกหรอก กดข่ม รู้แล้วว่ากดข่มเป็นอย่างนี้ คุณก็ทำเพิ่มขึ้นฝึกเอาไม่ได้ยากอะไร แต่มันต้องมีพลังงานด้วยความจริงด้วยปัญญา มันเป็นตัวแฝง อาคันตุกะมันเป็นตัวกิเลส รู้มันจนมันยอมแพ้มันสลายไป ล้างมันด้วยปัญญา
รับประทานอาหารให้ได้ธาตุอาหารอันนี้ เอาอันนี้ไปอย่างที่พระท่านปัจเวกขณ์ ก่อนฉัน ฉันเพื่อเลี้ยงขันธ์
_ใสกลางเพ็ญ…นิโรธ แปลว่าอะไรคะ
พ่อครูว่า…ดญ.อายุ 7 ขวบของชาวอโศกถามนิโรธ
เราจะถามนิโรธไปทำไม? …นิโรธ หมายความว่า จิตใจของเรากิเลสมันดับไปแล้ว กิเลสมันไม่มีในจิตก็ได้ นิโรธแปลว่า ดับ เรียกจิตอย่างนั้นว่านิโรธ อยากได้ไหม? …อยากได้เหรอ
ถ้าอยากได้ก็พยายามเรียนรู้ แล้วทำกิเลสออกให้ได้ จะมีนิโรธ
_Pen กราบเคารพพ่อแท้ เมตตา เปิดโอกาสนานา ถูกถ้วน การุณล้ำกว่าฟ้า สูงยิ่งเกินเทียบ สร้างสัปปายะครบล้วนลูกได้ฝึกธรรม
ท่านนำทางสว่างชี้มรรคผล สอนให้ลูกสละตน พ่อย้ำ ช่วยผู้อื่นเพื่อพ้น เห็นแก่ตัวเอง ทำให้มากฝึกซ้ำกว่าพ้น อวิชชา
พ่อครูว่า…ก็ได้ความรู้แต่แผนผังมันไม่ถูก มาก เขียนแล้วไม่ค่อยถูกแผนผัง
โคลงสี่สุภาพมี เอก 7 โท 4 มีอยู่ตามตำแหน่งเลย ชัดเจน เอก ใช้รัสสระแทนได้ ใช้แม่กด กบ แทนได้
_ผิดนัด กับผิดศีล แตกต่างกันอย่างไรคะ
พ่อครูว่า…คุณนัดก็แค่โลกๆธรรมดา เพลงอย่าบอน นัดกันตะวันแจ้งๆ ….
ศีล คือ หลักเกณฑ์ ศาสนาพุทธศีลเป็นใหญ่ ศีลเป็นตัวหลัก ถ้าไม่ปฏิบัติศีลเป็นตัวหลักศาสนาพุทธปฏิบัติไปแล้วไม่มีมรรคผล
เช่น ศีลข้อ 1 คุณจะต้องรู้ในการเกี่ยวข้องกับสัตว์ จะต้องมีตาหูจมูกลิ้นกายสัมผัส สัมผัสกับสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะคน คนนี้แหละสัตว์ตัวดี จะฆ่าแกงกันอยู่ โดนัลด์ทรัมป์ เอาโดรนไประเบิดใส่เขาตาย จะเป็นเรื่องอยู่นี่
ศาสนาพุทธสอนเรื่องของสัตว์ อย่าว่าแต่คนเลยแม้แต่สัตว์เล็กสัตว์น้อยก็อย่าไปเบียดเบียนกันและอย่าไปฆ่าเขา สุดยอด ถ้าคนมีศีลข้อ 1 ไม่ฆ่าสัตว์ใดๆ อย่างพระนี่มาบวชแล้วฆ่าสัตว์ก็ปาจิตตีย์ ฆ่าคนก็ปาราชิกเลย ไล่ออกจากศาสนาเลย ชาตินี้อย่ามาเกี่ยวข้องกับศาสนาเลย แต่ทุกวันนี้เละเทะ ปาราชิกแล้วก็ยังมาเป็นมัคนายก เขาก็เลยไม่กลัว ไม่ได้บวชอย่างเดียวทุกอย่างก็เหมือนเก่า มันไม่รู้โทษภัย สับสนหมด ปาราชิกนี้โทษหนักกว่าพรหมทัณฑ์ พรหมทัณฑ์คือแม้จะอยู่ร่วมแต่ก็ไม่บอกไม่สอน(พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
แต่ปาราชิกนี้หนักกว่า อย่าว่าแต่ไม่สอนเลย ไม่ให้อยู่ใกล้ส่วนที่ได้ฟังธรรมเลย ไม่ให้ได้ยินเลย ไม่อนุเคราะห์เลย (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
สู่แดนธรรมว่า…พวกเราชาวอโศกยังเข้าใจว่า การรักษาสัญญาเป็นสิ่งที่ควรรักษา การยึดมั่นในสัญญาก็เป็นอุปทานอย่างหนึ่ง พ่อครูเคยบอกว่า สัญญาไม่ใช่สัจจะสัญญามีความไม่เที่ยง
พ่อครูว่า…มันละเอียดเกิน ผิดนัดก็ธรรมดาสามัญ นัดกันอยู่ดีๆ สองร้อยนาทีไม่เห็นมา เพลงอย่าบอน อาตมาแต่งเอง ดังเหมือนกันนะ
ส่วนผิดศีลนั้น เป็นเรื่องสำคัญ ชีวิตคน ถ้าหากไม่มีศีลไม่ได้เรียนรู้ศีลไม่พยายามฝึกฝนตัวเอง ข้อแตกต่างของสัตว์ข้อเดียว คุณไม่ฆ่าสัตว์ให้ได้ โดยเฉพาะคนนี่ มันใหญ่นะฆ่าคน คนที่ไม่ฆ่าสัตว์เลยเขาก็ไม่ฆ่าคนมันก็วิเศษ โลกก็อยู่เย็นเป็นสุข ข้อเดียวถ้าหากปฏิบัติได้ทั้งโลก โลกจะสงบอบอุ่น วิเศษ ข้อเดียวนี้
ข้อ 2 เรื่องของกับพืช ซึ่งไม่ใช่สัตว์ ก็อย่าไปทุจริต หากเป็นของเรา เรามีสิทธิ์ในของในพืชนั้น ก็เป็นสิทธิ์ของคุณ แต่อย่าไปละเมิดไปเอาของคนอื่น อย่าไปผิดในเรื่องที่ไม่ใช่ของของเราในฐานะอันเป็นขโมย ละลาบละล้วงอย่างโน้นอย่างนี้ก็ไม่ควร
นี่เป็นพฤติกรรมของมนุษย์ ไม่ฆ่าและไม่ขโมยของพืชวัตถุ ไม่ทุจริต
ข้อ 3 ตาหูจมูกลิ้นกาย สัมผัสแล้วมันเกิดกิเลส กาม ราคะ
ศีลข้อ 3 ข้อนี้ครบหมดแล้ว หากเรียนรู้สามข้อนี้ปฏิบัติให้เคร่งละเอียด บรรลุอรหันต์ได้เลย
ศีลข้อ 4 ก็เรื่องวาจา ต่อของศีล 1-3
ศีลข้อ 5 ก็เรื่องของจิต คือความเมาในเรื่องต่างๆ สุราเมระยะมัชชะ
อาตมาภาคภูมิใจที่เอามาให้พวกเราปฏิบัติ เช่นกลายเป็นบุคคลที่มีศีล ไม่ว่าจะวัยไหน ปฏิบัติศีลกันทั้งนั้น มากหรือน้อย แล้วมาอยู่ในนี้มันมีสนามแม่เหล็กของศาสนาพุทธ อย่างน้อยศีลห้าคุณจะปฏิบัติศีลสูงขึ้นก็ได้ แม้แต่มหาศีล เป็นเดรัจฉานวิชชา พวกเราไม่ทำแล้วก็สะอาด แต่ในวงการศาสนาพุทธทั่วไปก็ทำพวกนี้หมด จึงได้เสื่อม นี่เป็นธรรมนูญของศาสนาพุทธแต่พระไม่รู้เรื่อง จึงเสื่อม ไม่เรียนไม่เอาภาระวงการสงฆ์ก็ไม่รู้ โดยเฉพาะมหาศีลเป็นเรื่องของสังคมสงฆ์เลย เขาละเมิดหมด ไม่ประสีประสา พูดไปแล้วก็ทำให้เขาอาจเกลียดน้ำหน้าก็ได้ว่าเอาๆ ก็เห็นใจแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรต้องพูดสัจจะ
_สีเลน นิพพุติงยันติ คือคำนี้ศีลพาให้บรรลุนิพพาน
พ่อครูว่า…ไม่มีศีลบรรลุนิพพานไม่ได้ ศีลข้อที่ 1 คุณเกี่ยวข้องสัมผัสกับสัตว์ ก็ไม่ฆ่าวางอาวุธ วางศาสตรา มีจิตกรุณาเอ็นดู หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ หากคุณปฏิบัติอย่างนี้จริงๆ จิตของคุณก็เกิดพัฒนาการ สัมผัสกับสัตว์ต่างๆจะมีใจอย่างนี้เกิดขึ้น มีความเมตตากรุณามีความเอ็นดู จะช่วยเหลือเกื้อกูลอย่างไม่มีความประสงค์ร้าย แม้เขาจะทำร้ายเรา ก็ไม่ทำร้ายตอบ หลีกเลี่ยงได้ก็หลีกเลี่ยง อย่างพระโมคคัลลานะก็ยอมให้ถูกฆ่าเพราะว่าเป็นวิบากเก่าของท่าน ท่านก็ยอมตาย
คนที่ปฏิบัติศีลข้อที่ 1 จนกระทั่งสามารถอยู่กับสัตว์ อยู่กับคน จิตลึกซึ้ง มีคุณสมบัติคุณธรรมจนกระทั่ง จิตไม่มี โลภ โกรธ รัก ชัง ก็มีจิตบริสุทธิ์ในศีลช้อ 1 เป็นจิต เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
สมณะเดินดิน…พูดถึงเรื่องศีลข้อที่1 มีข่าวคนทะเลาะกันเรื่องปลา คนฆ่าเป็น พตท.เป็นรองผกก. ทะเลาะกันเรื่องปลา พอน้ำแห้ง ปลาไปรวมกันที่ตำรวจคนนี้ เสี่ยก็เรียกให้แม่มาเคลียร์ แต่ตำรวจนี้บอกว่าผมไม่สบายใจ หากให้ลูกมาเคลียร์ก็จะดีกว่า ลูกก็มาแต่ก็เอาตำรวจมาด้วย แต่มาถึงสถานที่ ตำรวจคนนี้ก็ถือปืนรอยิง มาถึงก็ยิงต่อหน้าตำรวจคนอื่นจนตาย
ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเขาคิดไม่ออก ไปยิงต่อหน้าตำรวจด้วยทำให้หมดอนาคต อาจเพราะว่าเบ่งจนเคยชิน ก่อนหน้านี้ก็เอาปืนจ่อหัวลูกน้องตอนทะเลาะกัน แต่เหตุการณ์นี้ก็เลยยิงโดยไม่คิดอะไร ตัวเองก็ต้องไปเข้าไปในคุกรับวิบาก คิดว่าเกิดจากการสะสมความโกรธ ความไม่ชอบใจ แล้วบันดาลใช้อำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่งก็เลย ได้ฆ่าคนแบบสะใจ ตัวเองก็ต้องติดคุก อย่างนี้มันเจตนาจะฆ่าโดยตรง เสียอย่างเดียวว่าเขาไม่ได้ฟังเรื่องศีลข้อ 1 จากพ่อครู
พ่อครูว่า…
ศีลข้อที่ 1 ข้อเดียว ถ้าคนฟังเข้าใจซาบซึ้ง นอกจากมันเป็นเรื่องในปัจจุบัน มันจะต้องไปฆ่าคนจะต้องไปอะไรต่ออะไรมันก็ต้องติดคุก ดีไม่ดีต้องถูกฆ่าตกตายไปตามกันก็ได้ นี่เป็นปัจจุบันแล้วมันมีวิบาก ศาสนาพุทธนี้สอนลึกซึ้งไปถึงกรรมวิบาก ต่อไปไม่รู้กี่ชาติๆๆ ศาสนาเทวนิยมเขาไม่ได้เรียนรู้เรื่องกรรมวิบาก เขาไม่รู้จักชาตินี้ ชาติหน้า ศาสนาเทวนิยมตายแล้วเขาก็คิดว่าไปอยู่กับพระเจ้า แล้วจบแค่นั้น ความรู้อยู่แค่พระเจ้าเกิดชาติเดียว เขารู้จักความมีชีวิตแค่ชาติเดียว ชาติต่อไปจะมีกรรมวิบาก จะมีบาปบุญมีกุศลอกุศลอีกเยอะแยะ เขาไม่ได้เรียนกันเลยในศาสนาเทวนิยม เพราะฉะนั้นเขาจึงรู้เรื่องกรรม เรื่องการกระทำ น้อยมาก
เพราะเขาไม่รู้จักวิบาก ไม่รู้จักผลของกรรมก็เลยไม่เชื่อกรรมวิบาก เขาเชื่อแต่ว่าตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้า อ้อนวอนประจบพระเจ้าไว้ ตายไปแล้วไปอยู่กับพระเจ้าไปสวรรค์ นรกความทุกข์ร้อนจะเป็นอย่างไรเขาไม่รู้
ศาสนาเทวนิยมไม่สามารถทำให้สังคมสงบสุขให้เลิกเบียดเบียนกัน ให้มามีสังคมที่สร้างสรรช่วยเหลือมนุษยชาติอย่างไม่เบียดเบียนใครเลยไม่ได้ ขนาดพวกเราชาวอโศก อาตมาว่า ความเบียดเบียนผู้อื่นสัตว์อื่นน้อยที่สุดแล้วนะ ก็ยังเบียดเบียนน้ำใจกันเบียดเบียนด้วยวาจา กายกรรมไม่มีหยาบอะไรมากมาย หากศึกษาธรรมะให้ละเอียด พิสูจน์ยืนยันในปัจจุบันได้เลย ชาวอโศกศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าแล้วมันเป็นความสงบอบอุ่นเป็นความเกื้อกูลเป็นสิ่งที่มีคุณค่ากับโลกกับมนุษยชาติ ศาสนาพุทธในกระแสหลักหากสอนให้เข้าเป้า ให้คนเข้าใจ หากอาตมาไม่ถูกทางเถรสมาคมดิสเครดิต หาว่าไม่ใช่พุทธจะได้มวลมากกว่านี้ แต่เถรสมาคมสร้างบาปเสียเอง มาต้านอาตมา ก็เลยได้แค่นี้ก็เป็นวิบากของโลก ของสังคมไป ก็ไม่มีปัญหาอาตมาพอเข้าใจ เป็นเรื่องที่อาตมาต้องมาเผชิญกับสิ่งเหล่านี้
เพื่อที่จะพิสูจน์ว่า คนจะรับสัจจธรรมที่เป็นธรรมะของพุทธเจ้าแท้ๆนี้ได้หรือไม่ ยากแน่แต่ก็ต้องทำ อาตมาเป็นผู้ที่มาสืบทอดธรรมะพระพุทธเจ้าจริงๆ ใครจะหาว่าอวดดีก็ไม่เป็นไรเพราะเขาก็อวดความชั่วกันเยอะแยะ ถ้าจะมีความดีจะให้พวกชั่วเขาอวดอยู่ฝ่ายเดียวทำไม
ผิดศีลก็บาปลึกซึ้ง ผิดนัดก็ทางโลก เท่านั้นเอง
_รับปากคนอื่นแล้วมีเหตุไปตาม รับปากเลยไม่ได้ไป
_กิ่งธรรม…วันนี้อยากจะเล่าของดีเมืองอุบลฯ ขณะอยู่เวร ก็จะมีผู้อำนวยการ สำนักงานสนับสนุนบริการสาธารณสุข เขต 10 พาเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขมาเยี่ยมบ้านราชฯแวะมาโฮ่งปัว มาดูการทำงาน เขาบอกกับผอ.สำนักงานสนับสนุนของจังหวัดอุบลฯว่า ให้พามาดูของดีของจ.อุบลฯหน่อย แล้วเขาก็พามาที่บ้านราชฯ กลายเป็นว่าบ้านราชฯ เป็นของดีของจังหวัดอุบลฯ แต่ตัวเองบอกว่า จริงๆแล้วมันเป็นของดีของโลกมากกว่า เขามาก็ชื่นชมการทำงานของบ้านราชฯ ไปฐานอื่นๆด้วย เขาชื่นชมว่าพวกเราพึ่งพาตนเองได้ ให้พวกเราภาคภูมิใจ
พ่อครูว่า..จริง ถ้าคนที่ไม่มีอคติในจิต จิตไม่ชัง กลางๆ หรือจิตที่มีความเข้าใจและชื่นชอบ ก็มาจะเห็นว่าที่นี่มีของดีเยอะ ที่ว่าของดีนี้พูดอย่างเหมือนคุยตัวหลงตัว แต่ไม่ใช่ เป็นเรื่องจริงเพราะอาตมาเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาปลูกฝังให้พวกเราเรียนรู้ปฏิบัติมันก็เลยได้ จนกระทั่งเป็นพฤติกรรมสังคม (สม.กล้าข้ามฝันว่า..ควายยังชอบมากินหญ้าที่นี่เลย เขาว่าหญ้านิ่มดี)
เราไม่มีสารเคมี อย่านึกว่าสัตว์ไม่รู้ อย่านึกว่าวัวควายโง่นะ แต่มันจำนน ก็เลยต้องกินที่มีสารเคมี แต่ถ้ามันเลือกได้มันก็จะเลือก มันรู้นะ