630108_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ รู้รูปนามจึงพ้นการถูกฆ่าด้วยหอก100เล่ม
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1_CvJrEltxUAsQJbrsYZVYjSaOoY6FlfMfSJzqkWDKbs/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1NZKtAmlmIkrIp899xC2LJ8jD0qYLAJ5I
สมณะฟ้าไทว่า..วันนี้วันพุธที่ 8 มกราคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก เราได้จัดงานเผาศพยายบุญงาม คำภิเดชไปแล้ววันนี้ ยายบุญงามหรือยายยู้ มีจิตใจเข้มแข็งมาก สามารถนำพาลูกหลานมาสู่ทางธรรมที่สัมมาทิฏฐิได้หลายคน
พ่อครูว่า…
_SMS วันที่ 7 ม.ค. 2563 (พุทธศาสนาตามภูมิ สมณะ สิกขมาตุ สันติอโศก)
พ่อครูว่า…ยังมั่นใจว่าเรื่องเศรษฐกิจที่อาตมาพูดนั้นไม่เหมือนกับเศรษฐกิจที่โลกเขาสนใจสากลเขาสนใจ เศรษฐกิจของอาตมามันยาก ซึ่งอาตมาเข้าใจนั้นเป็นแนวเดียวกับพระพุทธเจ้า สังคมที่มีเศรษฐกิจดีอย่างเช่นชาวอโศกถือว่าเป็นเศรษฐกิจดี เป็นคนอย่างไรก็คือเป็นคนจน เหมือนอย่างที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้เป็นคนที่ขาดทุนให้แก่สังคมที่คือเศรษฐกิจดี ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา นั่นคือคนที่เศรษฐกิจดี ฟังแค่นี้คนก็ หูหักแล้ว
สรุปง่ายๆ สังคมนี้มีอยู่มีกินอุดมสมบูรณ์จึงขาดทุนให้แก่สังคมได้ อย่างนี้ไม่เรียกเศรษฐกิจดีได้อย่างไร แต่ไม่เป็นหนี้นะ เราอุดมสมบูรณ์ ซึ่งเข้าใจยาก เศรษฐกิจโลกีย์ไม่รู้จักโลกุตรธรรม เขาเบียดเบียนกันและกัน ในโลกต้องขยันหมั่นเพียงพออยู่พอกิน มีวรรณะ 9 สาราณียธรรม 6 มีผลผลิต เหลือกินเหลือใช้ก็ขาดทุนให้แก่คนอื่นได้
อาตมาอธิบาย GDP ที่ยืนยัน Gross รายได้องค์รวม เศรษฐกิจดีคือรายได้ของเราไม่ได้เอามาก มีเหลือน้อย นั่นคือเจริญ เราไม่ไปเอาของคนข้างนอกมาคิดรวมเป็นรายได้ของเรา แต่เราเอาจากการสร้างผลผลิตของเราเอง จะต้องสร้างได้มากขึ้น ได้Gross น้อย แต่product ของเรามากๆๆนี่คือเศรษฐกิจ
แล้วเมื่อมีมากเราก็สะพัดแก่คนอื่น เราไม่ต้องรวย คนก็ไม่ทำร้ายเรา เราก็เกื้อกูล ได้น้ำใจมนุษยชาติ ไม่ใช่ว่าเราทำเพื่อจะได้น้ำใจแต่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปตามธรรม
_Aumporn Kul · เทศน์เรื่องเศรษฐกิจ เหมือนเกาถูกที่คันเลยครับ
_7230 : ผมรู้ว่าพ่อครูเป็นพระโพธิสัตว์ระดับ๗ ควรชวนคนมาศึกษาความไม่มีคนจะมามากขึ้นเมื่อสติสมาธิปัญญาศัรธาความเพรีญเขาแก่กล้า นะเตภะวังอัฏฐะมะมาทิยันติเมื่อจิตเข้า ถึงพระโสดาบันไม่มีชาติที่๘
พ่อครูว่า…ทั่วไปเขาเข้าใจการเกิดเป็นชาติที่เป็นตัวตนบุคคลเราเขา ซึ่งไม่ใช่ชาติที่ในความหมายของโลกุตรธรรม ปรมัตถธรรมเลย
_กราบนมัสการพ่อท่านที่เคารพรัก
คำสอนที่พ่อท่านสอนลูกๆ ให้รู้จัก “ความรัก 10 มิติ” นั้น
ถ้าลูกๆ ทำงานกล้าแกร่งมีผลสำเร็จขึ้นมาด้วยความสามารถของเขา
แต่แล้ว ความกล้าแกร่งนั้นไม่มีความรักต่อกัน มองตากันไม่อบอุ่นเหมือนเดิมอีก
แล้วพ่อจะสอนให้ใช้ความรักขั้นไหนแก้ปัญหา “ความไม่รู้รักสามัคคี” ของลูกๆ ครับ
สู่แดนธรรม
พ่อครูว่า…ก็ใช้ทั้ง 10 ข้อ ใครอยู่ที่ฐานไหนก็พัฒนาตัวเองให้สูงขึ้นในส่วนตน
_SMS วันที่ 06 ม.ค. 2563 (พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครู)
_Gahroon Worapoo : กราบนมัสการพ่อครูและสมณะทุกรูปครับกราบนมัสการ พ่อครูท่าน
ผมเคยหมดศรัทธาในพระพุทธศาสนา จนได้มาฟังธรรมจากพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ผ่าน youtube
จึงได้มีความเลื่อมใสศรัทธาขึ้นมาอีกครั้งติดตามรายการมาหลายเดือนแล้ว เห็นมีการแจกหนังสือ ของพ่อครูท่านผมขอรับหนังสือของพ่อครูท่านได้ไหมครับเพื่อมาปรับปรุงนิสัยและจิตวิญญาณของกระผมเอง นายธงรัก สีลา120 หมู่ 9 ต.พนอม อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม 48120
_CHEE6395 : อยากอ่าน คนจะมีธรรม 3 เล่มนี้ ขอเป็นเดือน แล้วยังไม่ได้เลยค่ะรบกวน สักเล่ม ได้ไหมคะ
_ขุนเด่อ แม่สอดใส้ : ชุมชนชาวอโศกเป็นแหล่งหลอมรวมจิตใจของผู้ใฝ่ธรรมเพื่อไม่ต้องลอยคออยู่ในทะเลแต่ลำพัง
_Dao Phanh : กราบนมัสการท่านพระครูที่เคารพเป็นอย่างยิ่งค่ะขออวยพรให้ท่านพระครูแข็งแรงอายุยืนนะคะสาธุสาธุจะได้เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของบ้านราชเมืองเรือของลูกของหลานนะคะฝรั่งเศสค่ะ
_สวนบุญ โคตรบุญอารยะ : ทำไมวิทยุฟังไม่ได้คะ
_บุญนิยมทีวี : กราบพ่อครูค่ะ อยากทราบว่าทำอย่างไรจะทำให้พูดช้าลงได้ เราก็ว่าเราประมาณดีแล้ว แต่ก็ยังเร็วอยู่ดี แต่ถ้าเทียบกับตัวเองในอดีตถือว่าพูดช้าลงมาก ๆ แล้ว ตอนนี้ก็แก้ปัญหา
ด้วยฟังคนอื่นพูดให้มากขึ้น คิดว่าต้องพัฒนาต่อไปค่ะ กราบสาธุค่ะแต่พอไปเจอเรื่องที่เรารู้ก็จะเผลอสติพูดเร็วอีกแล้ว กราบขอบพระคุณค่ะตอบก็ได้ไม่ตอบก็ได้ค่ะ เคยมีคนบอกว่าถ้าพูดเร็วแล้วคนฟังไม่รู้เรื่องเขาก็จะไมได้ประโยชน์และเราจะกลายเป็นคนเพ้อเจ้อ แต่ถ้าพูดช้า ๆ เขาก็ว่าเราไม่เป็นธรรมชาติ และไม่เป็นตัวของตัวเองก็จะพากเพียรฝึกต่อไปค่ะ
(พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
สมณะฟ้าไท…
_วิชาญ คำสุข : ฟังผ่านfbที่อำเภอวารินชัดเจนมากไม่สะดุดครับ
_หายโง่…ขอได้โปรด กรุณาอธิบายซ้ำเรื่อง อุปาทายรูป 24 อีกครั้งหนึ่ง และหากเวลาพอ กรุณาอธิบายวิเวกโดยพยัญชนะและอรรถะด้วยค่ะ
พ่อครูว่า…อาตมาเอารูป 28 มาสอน เพราะเป็นเรื่องสำคัญยิ่งใหญ่ ทุกวันนี้นักปฏิบัติธรรมไม่เอารูป 28 มาเรียนกัน
รูป 28 กับ นาม 5
ต้องเข้าใจความหมายของรูปนาม
ในปุตตมังสสูตร อาหาร 4
-
กวลิงการาหาร (อาหารคำข้าว ให้รู้กิเลสเบญจกาม) . .
-
ผัสสาหาร (อาหาร คือ ผัสสะกระทบให้เกิดเวทนา) .
-
มโนสัญเจตนาหาร (อาหารใจที่เจตนามุ่งกับตัณหา) . .
-
วิญญาณาหาร (อาหารของวิญญาณ กำหนดรู้นาม-รูป . อันเป็นปัจจัยให้ตั้งอยู่แห่งสังขาร เพื่อการเกิดในภพใหม่ คือมีปัจจัยเกิดชาติชรามรณะ ทุกข์ และความคับแค้น) .
(ปุตตมังสสูตร พตปฎ. เล่ม 16 ข้อ 241-244)
ผู้ไม่รู้รูปนามคือเหมือนกับพระราชาเอานักโทษไปฆ่าด้วยหอกร้อยเล็ม เช้ากลางวันเย็นก็ยังไม่ตาย พวกที่ไม่รู้จักนามรูป คือพวกนั่งหลับตาเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติหลับตา เป็นคนที่ไม่รู้จักวิญญาณไม่มีนามรูป ไม่เข้าใจความเป็นนามรูป ไม่รู้รูป 28 นาม 5 ไม่ได้เอามาพูดถึง ไม่ได้เอามาปฏิบัติเลย แม้ว่ามีในพระไตรปิฎก คนที่ศึกษาพยัญชนะก็คงจะผ่านตาบ้างแต่ก็คงจะมีน้อยคน แต่ก็ไม่มีคนเอาภาระไปเรียนรู้ คุณก็เหมือนกับโจรที่พระราชาให้เอาไปฆ่า หมายความว่าโจรคือคนทำลายศาสนา ให้เอาไปฆ่าทิ้งเสีย เพราะมันเป็นโทษร้ายแรง แต่ดันฆ่าไม่ตาย ก็เลยมายึดหัวหาดของศาสนาพุทธอยู่ทุกวันนี้ ซวยอภิมหาบรมซวย นี่คือสัจจะความจริงทุกวันนี้
อุปาทายรูป 24(ในรูป มี 28) ที่เหลือ 4 คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม คือมหาภูตรูป แยกไว้เป็นอุตุธาตุ
อุตุธาตุที่เราต้องเกี่ยวข้องสัมผัสแตะต้องดินน้ำไฟลม เราต้องเข้าใจอุปทายรูป 24
ก. ปสาทรูป 5
-
จักขุ (ตา)
-
โสตะ (หู)
-
ฆานะ (จมูก)
-
ชิวหา (ลิ้น)
-
กายา (กาย)
ข. โคจรรูป, วิสัยรูป 4
-
รูปะ (รูป)
-
สัททะ (เสียง)
-
คันธะ (กลิ่น)
-
รสะ (รส
-
โผฏฐัพพะ (สัมผัส)
(กายกับโผฏฐัพพะ ถือว่าเป็นอันเดียวกัน)
ค. ภาวรูป 2
-
อิตถัตตภาวะ, อิตถินทรีย์ (ญ)
-
ปุริสสัตตภาวะ, ปุริสสินทรีย์ (ช)
ง. หทยรูป 1 = 12.หทัยรูป ที่ตั้งการเกิดอาการของรูป
จ. ชีวิตรูป 1 = 13.ชีวิตินทรีย์ รู้ความมีชีวิตอยู่ของกิเลส ให้เรียนรู้อาการความมีชีวิตของกิเลสให้มันหมดความมีชีวิตของกิเลสให้ได้ เมื่อเราจับกิเลสที่หทยรูปได้ ก็ฆ่าอินทรีย์หรือชีวิตของกิเลสให้ได้
กิเลสมันอาศัยอาหาร 4
ฉ. อาหารรูป 1 = 14.กวฬิงการาหารจนถึงวิญญาณาหาร
อาหารกินเข้าไปทางปากจะมีเวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะให้เรียนรู้ คนปฏิบัติธรรมไม่มีผัสสะไม่ได้ศึกษาศาสนาพุทธหรอก
อาหารในวิชชาสูตร ..
-
การคบสัตบุรุษที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้การฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ . .
-
การฟังสัทธรรมบริบูรณ์ ย่อมทำศรัทธาให้บริบูรณ์
-
ศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมทำมนสิการโดยแยบคายให้บริบูรณ์
-
การมนสิการโดยแยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้ . . สติสัมปชัญญะบริบูรณ์ ที่จะรู้ทันผัสสะ รู้ทันเวทนา
-
สติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ . . ย่อมทำให้ความสำรวมอินทรีย์บริบูรณ์
-
ความสำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้สุจริต 3 บริบูรณ์ คือ กาย วาจา ใจ เลิกทำการงานทุจริต
-
สุจริต 3 ที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้สติปัฏฐาน 4 บริบูรณ์
-
สติปัฏฐาน 4 ที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้โพชฌงค์ 7 บริบูรณ์ .
-
โพชฌงค์ 7 ที่บริบูรณ์ ย่อมทำให้วิชชาและวิมุติ บริบูรณ์ (อวิชชาสูตร พตปฎ. เล่ม 24 ข้อ 61)
พ่อครูว่า…ถ้าเขายึดถือไม่ตรงสัตบุรุษ ก็ต้องแสดงออกมาไม่ตรงกับสัตบุรุษ แต่ถ้าเขายึดถือตรงกับสัตบุรุษก็จะแสดงออกมาตรงกับสัตบุรุษ แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นสัตบุรุษก็ต้องดูกันนานๆ ก็ต้องพิสูจน์ว่า สยังอภิญญาผู้นี้ อธิบายสอนสอดคล้องกับพระไตรปิฎกธรรมะพระพุทธเจ้าหรือไม่
อาตมาไม่ได้สงสัยกังวลติดใจเลย หรือไม่ก็อยู่ที่ภูมิปัญญาของเขา ตรงตามพระไตรปิฎกตรวจสอบหรือไม่ และอีกอย่างคือเอาในพระไตรปิฎกมาสอนให้คนปฏิบัติได้ผลตรงกับที่พระไตรปิฎกบอกหรือไม่
ปัจจัตตังแปลว่ารู้ได้ด้วยตน ตนเองรู้เองหากสัมมาทิฏฐิก็ใช้ได้ แต่หากไม่ตรงเป็นมิจฉาทิฏฐิก็ใช้ไม่ได้ อาตมาจึงไม่กังวล สัจจะใครเบี้ยวไม่ได้ อาตมามั่นใจว่าจะไม่ทำบาปให้แก่ตัวเอง ด้วยการเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาอธิบายผิดไปจากสัจจะ มันบาปหนักหนา เป็นสัจจะ คุณทำแล้วบอกว่าไม่บาปไม่ได้
อาตมาออกมาทำงานศาสนาไม่ได้ออกมาเล่นๆ ไม่ได้ออกมาทดลอง แต่มากันอย่างพร้อม จริงทุกอย่างไม่มีถอยหลังแม้ครึ่งเมล็ดงา ยังไม่เต็ม 50 ปีดี
แน่นอนโลกุตระรู้ไม่ได้ง่ายๆ ต้องมีคนส่วนน้อยเท่านั้นรู้ได้เห็นดี ยอมรับ ปฏิบัติตาม ได้มรรคผล ก็ต้องมีจำนวนน้อย มันมีได้ก็ดีนักหนาแล้ว หมดไปแล้วสูญหายไปแล้ว ได้แค่นี้ก็ชื่นใจนักหนา
กวฬิงการาหาร เหมือนพ่อแม่คู่หนึ่งพาลูกเดินทางไกลกันดารไปหานิพพาน เหมือนกับคนนั่งหลับตาปฏิบัติจะไปนิพพาน พ่อแม่คู่นี้เดินทางไปเสบียงหมดก็ต้องฆ่าลูกตนเองทำเป็นเนื้อแห้งไว้เป็นเสบียงเดินทาง โดยโมหะ เสร็จแล้วก็ยังมาพูดว่าลูกที่น่ารักของเราหายไปไหน ทั้งที่กินอยู่หมับๆ มันโมหะไม่รู้กี่ชั้นซับซ้อนเป็นมิจฉาทิฏฐิที่ยังมืดบอด
ผัสสาหาร จะต้องศึกษาธรรมะมีผัสสะแล้วมี ถึงมีเวทนาเป็นตัวปฏิบัติ
การปฏิบัติต้องมีฐานผัสสะมีเวทนาเกิดแล้วจะปฏิบัติกรรมฐาน คือเวทนา 108 อาตมาก็ชี้ชัดลงไปแล้ว ปฏิบัติที่เวทนา 108
หากปฏิบัติเวทนา 108 ได้แล้ว เป็นอรหันต์ จริง ไม่เป็นอรหันต์ อย่างต่ำก็ต้องบรรลุอนาคามี อาตมาขอยืนยัน แต่ทีนี้ไม่แล้ว ไปหลับตา ทิ้งผัสสะ ก็เลยยิ่งออกนอกไปไกลจากวิเวก ไกลแสนไกล ไม่มีทางแม้จะทำความสงัดให้แก่จิตวิญญาณก็ไม่มีทาง นั่นคืออาหารรูป
เมื่อไม่มีผัสสะไม่มีเวทนา คุณก็อ่านนาม 5 ไม่ได้
เวทนา สัญญา เจตนา คือมโนสัญเจตนา เกิดจากผัสสะ
ผัสสะมีเวทนา แล้วจึงอ่านเจตนา อ่านตัณหาได้ใน มโนสัญเจตนาคือกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา
เมื่อไม่มีผัสสะจะมนสิการไม่ได้ จะทำให้เกิดวิภวตัณหาไม่ได้
กามตัณหา ต้องล้างกามตัณหา เหลือภวตัณหาก็ล้างภวตัณหาคือรูปภพอรูปภพ หมดภวตัณหาก็เป็นวิภวตัณหา เป็นตัณหาไม่มีภพ เป็นพระอาริยะ พระอรหันต์ พระพุทธเจ้า เป็นตัณหาอุดมการณ์
พูดสภาวะกัน ก็เข้าใจ จะไปเอาบัญญัติหาว่าพระพุทธเจ้าไปมีตัณหาอีก ก็ไม่รู้จักว่าท่านใช้วิภวตัณหา
ความต้องการของพระพุทธเจ้า…หากภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ผู้เป็นสาวกและสาวิกาของเราจักยังไม่เฉียบแหลม ยังไม่ได้รับคำแนะนำ ไม่แกล้วกล้า ไม่เป็นพหูสูต ไม่ทรงธรรม ยังปฏิบัติธรรมไม่สมควรแก่ธรรม ไม่ปฏิบัติชอบ ไม่ประพฤติตามธรรมที่เรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว
ยังบอกแสดงบัญญัติแต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก กระทำให้ง่ายไม่ได้ ยังแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ และข่มขี่ปรัปปวาทะที่บังเกิดขึ้นให้เรียบร้อย โดยสหธรรมไม่ได้เพียงใด เราจักยังไม่ปรินิพพานเพียงนั้น ฯลฯ . (มหาปรินิพพานสูตร พตปฎ.เล่ม 10 ข้อ 102)
อาตมาเอาคำสอนพระพุทธเจ้ามาให้คนปฏิบัติเกิดอนุสาสนีปาฏิหาริย์ตามคำสอนพระพุทธเจ้าจริง มาเป็นคนจน เกิดเป็นชุมชนสาธารณโภคีได้ ตามหลักการของวรรณะ 9 สาราณียธรรม 6 ยืนยันได้
ในวงการศาสนาพุทธกระแสหลัก น่าสงสาร พูดอย่างไรก็เหมือนคนที่เอาไปฆ่าด้วยหอก 100 เล่มตอนเช้าก็ยังไม่ตาย เอาไปฆ่าด้วยหอก 100 เล่มตอนกลางวันก็ไม่ตาย เอาไปฆ่าด้วยหอก 100 เล่มตอนเย็นก็ยังไม่ตาย แล้วฆ่าไม่ตายดีไม่ดีอาตมาจะตายเอา หนังเหนียวจริงๆ
อาหารรูป ก็ไม่รู้จักแม้วิญญาณ ปริเฉทรูป หมายถึงอะไร
ช. ปริเฉทรูป 1 = 15.อากาสธาตุ=รูปที่กำหนดจะให้ว่าง
ปริเฉทรูปต้องมีการกำหนดบริบทของการปฏิบัติออกเป็นส่วนๆกรอบๆ เช่นศีล 5 หรือศีล 8 เป็นต้น ก็ต้องเรียนรู้ปฏิบัติจนจิตของตนถึงขั้นว่าง อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ อรูปฌาน เป็นการตรวจสอบ
อากาสานัญจายตนะเป็นตัวรูป วิญญาณัญจายตนะเป็นธาตุวิญญาณเป็นตัวรู้ ก็อยู่ในที่ว่างในอากาศ แล้วตรวจอีกว่ามีไหม ส่วนที่มันเหลือเศษนิดนึงน้อยนึง ที่มันยังหลงเหลือ ตรวจอีก ในอรูปฌาน 4 ตรวจสอบความละเอียด ของฌาน
ซ้ำอีกตรวจสอบด้วยธาตุรู้ เนวสัญญานาสัญญายตนะ ต้องไม่มีอะไรที่ไม่รู้ไม่ได้ ต้องรู้ทั้งหมด กำหนดนานัตตสัญญา ให้ครบถ้วน ไม่มีอะไรที่จะหลงเหลือ หลุด ที่จะไม่รู้ รู้ครบ เป็นสัญญาเวทยิตนิโรธ เอาสัญญาเป็นตัวกำหนดรู้ตรวจสอบสมบูรณ์ด้วยนิโรธ
นิโรธจะรู้ได้ด้วยการตรวจสอบเวทนา
เวทยิตตังแปลว่า เคล้าเคลียอารมณ์ นิโรธหรือไม่ ตรวจสอบแทงทะลุสมบูรณ์ด้วยอดีต 36 ปัจจุบัน 36 อนาคต 36 นี่คือเวทนา ตัวสุดท้ายในเวทนา 108
อดีต 36 คือ สามารถปฏิบัติธรรมในปัจจุบัน เวทนาเกิดมาในปัจจุบันสัมผัสเป็นปัจจัยเกิดเวทนารู้จักกิเลสมากกระทบก็ทำให้กิเลสนี้เป็นศูนย์ กิเลสหมด จิตเป็น 0 กิเลสก็ 000 จิตไม่มีกิเลส กิเลสก็ 0 กิเลสไม่มี ทำทุกปัจจุบันกระทบสัมผัสมีเวทนาก็ทำได้ ทุกเวทนาที่ทำในทุกปัจจุบัน ก็จะเป็นอดีตที่เป็น 0 ตลอด อดีตที่แข็งแรงปัจจุบันแข็งแรง อนาคตที่จะมาสัมผัสอีกเท่าไหร่ๆก็มาเลย มาทุกปัจจุบันทำได้ 0 อย่างเรียกว่า มีวสวัตตี มีอำนาจเหนือจิต เป็นผู้ที่สามารถทำอุเบกขาได้เก่งชำนาญ เป็น ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา
เป็นอุเบกขาที่มีความชำนาญอย่างเต็มรูป อเนญชาภิสังขาร
อาตมาเอาสภาวะมาขยายความด้วยพยัญชนะภาษาของพระพุทธเจ้า ผู้ที่ศึกษาให้ดีจะฟังแล้วเข้าใจ อาตมาอธิบายไม่ได้มั่วอย่างมีหลักฐานหลักธรรม ชัดเจน สมบูรณ์แบบเลย
ซ. วิญญัติรูป 2 = 16.กายวิญญัติ 17.วจีวิญญัติ ไหวให้รู้ เมื่อสามารถทำจิตได้เก่งก็ทำให้การเคลื่อนไหวของกาย วจี สามารถควบคุมได้ จะรู้เท่าทันการเคลื่อนไหวของเราที่แสดงกายวิญญัติ ที่เราแสดงวจีวิญญัติอย่างรู้ๆเท่าทันว่าเราแสดงออกไปมีกิเลสหรือไม่
อย่างอาตมาหยิบเลือกเอานัจจะ คีตะ วาทิตะ มาพูด อาตมาเลือกนะไม่ใช่ไม่เลือก แต่เลือกคำอธิบายออกไป
วจีวิญญัติคือ วาทิตะ กับคีตะ มีสุ้มเสียงสำเนียงกับคำพูด
กาย วจี คล่องแคล่วด้วยหมวดแห่งจิตเจตสิกคือ เวทนา สัญญา สังขารคล่องแคล่ว
_สู่แดนธรรมว่า…กายวิญญัติ วจีวิญญัติแสดงถึงศิลปะโลกุตระได้หรือไม่
พ่อครูว่า..ใช่ คนที่แสดงศิลปะอันเป็นมงคลอันอุดมได้แน่นอนในกายวิญญัติวจีวิญญัติ
ฌ. วิการรูป = 18.ลหุตา 19.มุทุตา 20.กัมมัญญา
วิการรูป มี 5 อย่าง ลหุตา แปลว่าเบา มุทุแปลว่าอ่อน ซึ่งอธิบายยาก อาตมาแปลว่าจิตหัวอ่อนคือจิตทางเจโตปรับง่าย ให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ตามที่ควรเป็นได้ง่าย และมีปัญญาที่จะรู้ทันได้เร็ว
ส่วน กัมมัญญาคือ ความรู้มาควบคุมกรรมให้เป็นกรรมการกระทำที่เหมาะควรประเสริฐ ลหุ แปลว่าเบา คือ ผู้ที่สามารถจัดการกับรูปได้
วิ แปลว่าประเสริฐอย่างยิ่ง ไม่ให้มายุ่งการกรรมการงานต่างๆคือกิเลส เราต้องทำให้มันออกให้หมด ที่จะต้องใช้คือญาณปัญญาเป็นจิตที่สะอาด เป็นความรู้โลกุตระ ก็คงต้องทำให้ดี อะไรที่ทำออกไปควรทำให้เบาอย่าให้มันหนัก อาตมาแสดงธรรม ท่านสมเด็จพระเทพฯท่านแปลคำว่า มุทุ ว่าจิตนิ่มหรือจิตอ่อนนุ่ม
มุทุภูตธาตุคือจิตที่ไว จิตดีมีสภาพเร็ว เบาของอาตมาใครฟังบางที่ว่าแรง เพราะฆ่าด้วยหอกร้อยเล่มเช้ากลางวันเย็นมันก็ยังเหนียว แล้วจะไปทำเบาขนาดนี้ ขนาดใช้ขวานฟันแล้วมันก็ยังจามไม่เข้าเป็นอย่างนี้ยังไม่ตาย ฟังให้ดีว่านี่คือ ลหุอย่างยิ่งแล้ว
อาตมาเป็นจอมยุทธที่มีวรยุทธ ยิ่งกว่าลี้คิมฮวง เขาไม่รู้ว่าแสดงอะไรออกไปมีดบาดคอแล้ว เป็นจอมยุทธ์ที่ใช้อาวุธได้อย่างลหุตา และเหมาะสม กัมมัญญตาได้ดีที่สุด จึงทำกายวิญญัติวจีวิญญัติได้เหมาะสมที่สุด ยอดวิการรูป 5
อาตมาอธิบายไปด้วยการเอาตัวเองเป็นหลัก เชื่อที่อาตมาพูดไหม? คนอื่นเขาไม่เชื่อหรอก
มุทุ คือจิตเล็กแววไวปรับได้มีคุณวิเศษ ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา
หากไม่มีสภาวะอธิบายไม่ออกหรอก แต่จิตใจอาตมามีคุณสมบัติ 5 อย่างนี้ คุณสมบัติของใสเบิกบานร่าเริงผ่องใสไม่ได้หมองมัวเลย พูดความจริงสู่ฟัง เอาตัวเองมายืนยัน ยกตัวอย่างว่า ธรรมะพระพุทธเจ้าเป็นธรรมะที่ อกาลิโก ถ้ามีการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบได้ โลกไม่ว่างจากพระอรหันต์ อาตมาเป็น สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง ในโลกนี้ มีอยู่ (อัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ)
อาตมาทำอย่างนั้นจริงๆ โดยมั่นใจว่าอาตมาไม่ได้พูดออกนอกรีตนอกรอยจากที่พระพุทธเจ้าตรัส พูดโดยมีหลักฐานอ้างอิง คุณก็ฟังเอาว่าตรงไหม จับผิดเอา ใครที่ไม่มีอคติฟังดูจะเข้าใจได้
ญ. ลักขณรูป 4 = 21.อุปจยะ ความเกิดอยู่เจริญขึ้นไป
22.สันตติ ความเชื่อมต่อสืบเนื่อง
23.ชรตา เคลื่อนไปสู่ความเสื่อม
24.อนิจจตา เคลื่อนไปเสื่อม>เจริญ
คือสุดท้ายจบก็จะเป็นสัจจะ 4 ตัวที่จะเหลือสุดท้าย ผู้ที่มีชีวิตอยู่ก็จะอยู่กับ อุปจยะ กับ สันตติ เราจะให้เกิดหรือไม่ให้เกิด ถ้าจะให้เกิดก็มีแต่สิ่งที่ดีที่เจริญขึ้นไปตลอดเวลา เราจะไม่มีบาปทั้งปวงที่จะออกจากกรรมของเรามีแต่ดีอยู่ตลอดเกิดอยู่มีกรรมกิริยาก็มีแต่กุศล หากไม่เกิดก็อยู่เฉยๆ จะสันตติหรือไม่ จะต่อหรือไม่ต่อ
หากว่าไม่รู้สันตติ ก็ชรตาก็เสื่อมก็อยู่กับชรตา อนิจจตา เป็นลักษณะธรรมของไตรลักษณ์สุดท้ายเกิดขึ้นตั้งอยู่เสื่อมไปไม่เที่ยง ชรตา=เสื่อม อนิจจตา=ไม่เที่ยง
คนที่ไม่สามารถควบคุมไตรลักษณ์ก็จะจมอยู่กับความเสื่อม จมอยู่กับความอนิจจตา จมอยู่กับความเสื่อมตลอดเวลา ผู้ที่สามารถรู้จักลักษณะ 4 และสามารถควบคุมทุกอย่างได้หมด จะอธิบายเป็นภาษาที่ สิริมหามายา อนิจจตา ก็เป็นความไม่เที่ยงที่ดีไม่สันโดษในกุศลมีแต่ความเจริญอย่างเดียวเคลื่อนไปเลื่อนไป
เพราะฉะนั้นเคลื่อนไปสู่ความเสื่อมไม่มี ถ้ายังอยู่ก็มีแต่เกิดความเจริญอยู่ตลอดเวลา อุปจยะ สันตติ จะต่อหรือไม่ต่อก็เป็นผู้ที่ควบคุมสันตติเอง จะต่อไปก็มีแต่ความเจริญไม่มีความเสื่อมเพราะมีความรู้แจ้งในลักษณะของ อุปจยะ สันตติ รู้แจ้งชรตา รู้แจ้งอนิจจตา จึงจัดการสิ่งที่เป็นรูปนาม (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
กำหนดรูปนามให้เป็นสิ่งที่ดีอย่างเดียวไม่มีความเสื่อมเลย เป็นพระเจ้าตัวเองเป็นผู้กำหนดจิตวิญญาณเองเป็นอมตบุคคล ในมูลสูตรข้อที่ 9 (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
สมณะฟ้าไท…ในรูป 24 เราต้องมีผัสสะ มีประสาทครบ ตาหูจมูกลิ้นกาย ใจ เปิดตาดู กระทบผัสสะก็รู้กิเลสได้ กิเลสเกิดจะรู้มันได้อย่างไร ชีวิตมันเกิดที่ไหน ก็อยู่ที่ใจนั่นแหละ เราก็ดูว่าชีวิตของกิเลสมันเกิดอยู่ตรงไหนมีอะไรเป็นปัจจัย
ควบคุมอาการเคลื่อนไหวของกายของวจี โดยอยู่ในฐานของลักขณรูป 4
ผู้ที่รู้จักรูปรู้จักนามตามที่พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า รูปนามนี่แหละเป็นตัวชี้บ่งของจิตวิญญาณ เพราะฉะนั้นผู้ที่รู้จักรูป 28 และรู้นามอีก 5 คือเวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ
ผู้รู้รูป 28 นาม 5 คือ ผู้ที่พระราชาไม่สั่งไปฆ่าเป็นผู้ที่มีความประเสริฐแล้ว แต่ถ้าไม่ใช่แล้วไม่รู้รูปนามไม่รู้จิตวิญญาณ แล้วยังรู้ผิดๆอีก พระราชาก็เอาไปฆ่าไม่ตาย เป็นอมตะที่ดื้อด้านดึงดัน
-
มีฉันทะ เป็นมูล-รากเหง้า (มูลกา) . .
-
มีมนสิการ เป็นแดนเกิด (สัมภวะ) . . . .
-
มีผัสสะ เป็นเหตุเกิด (สมุทัย) . . .
-
มีเวทนา เป็นที่ประชุมลง (สโมสรณา) .
-
มีสมาธิ เป็นประมุข (ปมุขะ) . . .
-
มีสติ เป็นใหญ่ (อธิปไตย = พลังอำนาจ) . . . .
-
มีปัญญา เป็นยิ่ง (อุตระ = เหนือ) . กัปตันรู้ยิ่งยอด
-
มีวิมุติ เป็นแก่น (สาระ) . หลุดพ้นสุดยอดที่จะรู้ยิ่ง
-
มีอมตะ เป็นที่หยั่งลง (โอคธา). = สอุปาทิเสสนิพพาน.
-
มีนิพพาน เป็นที่สุด (ปริโยสาน) = อนุปาทิเสสนิพพาน