630119_รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ผู้ไม่รู้นามรูปก็คือโจรปล้นศาสนาที่ฆ่าไม่ตาย
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/1kX-drhcc1L_MDW3_72KEVzRJ5lbUnXvGyONdOu2n4x0/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก วันนี้รายการจะจัดเพียง 1 ชั่วโมง 30 นาทีเป็นการลดเวลาเทศน์เพิ่มเวลาอายุ กิจกรรมร่มโพธิ์ร่มไทรวันนี้ก็พอเป็นไปได้ มีเด็กมาร่วมพอสมควร มีกลุ่มครูพุทธธรรมมาจัดกิจกรรมให้ นักเรียนสมุนพระรามจะสนุกสนานมาก
SMSวันที่17ม.ค.2563(พุทธศาสนาตามภูมิ)
-คอยใคร :กราบเคารพพ่อครูครับ ดีใจที่ได้เห็นและได้ฟังพ่อครูกลับมาเทศ์นให้ฟังอีกครับ
พ่อครูว่า… คนที่เห็นว่าธรรมะเป็นสิ่งมีค่าเป็นสาระของชีวิตก็เป็นคนที่มีปัญญา คนทั่วไปเห็นว่าลาภยศสรรเสริญได้บำเรอกิเลส ทำมาหากินหาอยู่แบบโลกๆเขา ได้เป็นคนเด่นคนดังได้เสพสุขทางกามเสพสุขทางอัตตา หรือชาวเทวนิยมก็ตามเขาจะทำให้รู้สึกว่ามันดี
ดีคืออะไร ดีคือไม่ทุจริตก็ถูกต้อง แล้วก็พอเข้าใจเหมือนกันว่าดีคือผู้ต้องเผื่อแผ่เจือจานแก่ผู้อื่น เขาก็ทำได้ ทำให้โลกอยู่ได้ แต่ของพุทธเจ้าก็รู้การทำดีเหมือนเขาแต่เติมเพิ่มไปอีกคือมีนิพพาน เขาวนเวียนชาติแล้วชาติเล่า เป็นคนดีแล้วก็เป็นคนเลวมีทุกข์ก็มีสุขมีสุขก็มีทุกข์ ไม่เที่ยง แต่ว่าเขาระลึกถึงไม่ได้
ความสุขความทุกข์เป็นภาวะคู่ ภาวะวิญญาณคือภาวะรูปนาม คนที่ไม่ศึกษาวิญญาณ คือคนที่เป็นโจรชั่วจากสัจธรรม เหมือนกับคนไม่ได้ศึกษาสัจธรรมโลกุตระที่เหมือนกับคนที่พระราชาบอกให้ออกไปฆ่าด้วยหอกร้อยเล่ม โจรชั่วจากสัจธรรมของพระพุทธเจ้าที่เป็นโลกุตระ ฆ่าด้วยหอกร้อยเล่ม เช้า กลางวัน เย็นก็ยังไม่ตาย นอกจากไม่ตายแล้วหนังเหนียวกว่าเก่าอีก
-จักรพล พุทธพัฒนา: ทำไมไม่เดาว่าพ่อครูเป็นพระอรหันต์บ้างล่ะ?!..น่าจะเป็นกุศลกว่านะครับ.
พ่อครูว่า… ที่จริงอาตมาบอกด้วยซ้ำไปว่าอาตมาเป็นพระอรหันต์ ทุกวันนี้ศาสนาพุทธผ่านมา 2500 กว่าปีมันเสื่อมไปแล้วไม่รู้ว่าพระอรหันต์คืออะไร ก็เลยมีแต่พระอรหันต์เดา เข้าใจอรหันต์เก๊ว่าเป็นอรหันต์ ก็เดากันไปเมื่อพระอรหันต์จริงมาบอกว่านี่แหละคือพระอรหันต์เขาก็ส่ายหน้า เหมือนกับอเจลกะ ที่เจอพระพุทธเจ้าเป็นคนแรกก็แลบลิ้นใส่พระพุทธเจ้าเลย
-จิตรา อัศวิน:กราบ_/\_นมสก พ่อครู ที่เคารพยิ่ง วันนี้..วันรำลึกพระคุณของพ่อขุนรามฯที่ทรงประดิษฐ์ “ลายสือไทย” ที่พัฒนาเป็นอักษรไทยในปัจจุบัน..มีพ่อครูกรุณาไขรหัสลับตัวอักษรไทย..อันสื่อถึงสภาวะธรรมได้อย่างน่าอัศจรรย์
-สาคร เทียนชนะไชยา: เจอพ่อครูแสดงธรรม ที่วัดนรนารถ ตรงเทเวศ ตอนนั้นผมขายของอยู่ ตลาดเทเวศอายุผม 14 ปี แต่ตอนนี้ แก่แล้ว ในภาพแสดงที่วัดธาตุทอง ท่านยืนยันแสดงสัจจะ ธรรม ตามจริง ตลอด จนทุกวันนี้ พ.ศ.2563 อดีตไปแล้วดับแล้ว หมดไปแล้ว เหลือ แต่ ทบทวนจากความจำ ขอบคุณมากๆๆครับ(ความเห็น)
พ่อครูว่า…ดีแล้วใครจะแสดงตัวก็ดีจะได้ระลึกถึงกัน
-วาส ทองจันทร์ · กราบนมัสการพ่อครูครับ ผมได้ยินท่านคึกฤทธิ์ตอบปัญหาว่าคนทุศีลก็เป็นพระสกิทาคามีและพระอนาคามีได้ เพราะการทำจิตและการหมั่นมีความเพียรในการจำคำสอนของพระพุทธองค์ได้มากนั้นเอง ผมจึงอยากจะขอฟังพ่อครูว่ามีความเห็นอย่างไรครับ อีกอย่างผมเห็นเขาแสดงภูมิธรรมกันทางเฟสธรรมกันว่า โดยปรมัตถ์ บาป บุญ ไม่มีจริง…โดยสมมุติ บาปบุญเป็นกิเลส…กรรมจึงเป็นของแท้ ใช่ตามที่เขาว่าไหมครับ กราบนมัสการด้วยความเคารพยิ่งครับ
พ่อครูว่า…ก็เป็นความเห็นของใครก็ของใคร ส่วนใครจะเห็นว่าความเห็นของใครจะผิดจะถูกต้องนั้นก็แล้วแต่ มันเป็นนานาสังวาส ก็ไปฟังทั้งสองฝ่าย แล้วตัดสินกันเองว่าอันไหนเป็นธรรมวาที คุณนั่นแหละเป็นคนตัดสินเอง คนอื่นเขาก็ว่ากันไป อาตมาก็พูดตามพระพุทธเจ้าตรัสไว้ก็แล้วกัน
-สาครเทียน:ติดตามอยู่ครับ ช่อง240psi กราบพ่อครู สมณะ ชัดดีทั้งดาวเทียม และมือถือ ครับ
-จุ๋มสุมาลี:กราบนมัสการพ่อครูด้วยความเครารพอย่างสูง ขอให้พ่อครูหายป่วยและร่างกายแข็งแรงขึ้นโดยเร็วเจ้าค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
พ่อครูว่า…ก็ตอบอย่างสนุกหน่อยก็คือ ที่ไม่สบายคือวิบากอาตมา ก็อย่าคิดมาก เป็นเรื่องจริงแต่เป็นอจินไตย ที่บอกว่าเป็นกรรมวิบากได้เพราะอาตมาไม่ได้ไปหาโรคมาใส่ตัว ไม่ได้ตะลอนไปกินใช้ไปเที่ยวติดเชื้อจากข้างนอกมา อาตมาไม่ได้เป็นคนไปท่องเที่ยวสัมผัส ผู้ดูแลป้องกันดี แล้วอาตมาไม่ได้ดิ้นรนแสวงหาเชื้อโรคใส่ตัว ไม่พยายามเข้าไปในที่มีเชื้อ อาตมาจึงไม่มีโรคภัยที่เกิดจากการได้เชื้อในปัจจุบัน มันป่วยเพราะวิบากขันธ์ที่มันมา ซึ่งเป็นอจินไตย บรรยายยาก ของอาตมาไม่มีใครเหมือนได้ง่ายๆ เป็นโรคที่หมอสั่นหัวเลย หมอขนาดเป็น specialist เจ้าของโรงพยาบาลวิชัยยุทธ เชี่ยวชาญด้านหูคอจมูก ไปรักษาอยู่เป็นปี สุดท้ายท่านก็บอกว่าคงได้แค่นี้แหละครับท่าน ถือว่าเป็นโรค Aging ตามวัยก็แล้วกัน ที่จริงคือบอกให้อาตมาเลิกรักษาเสียทีคือมันทรงอยู่อย่างนั้นเอง หมอก็ไม่รู้จะทำให้ดีขึ้นอย่างไร ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้มันก็ยังทรงๆ แม้แต่หมอที่เก่งๆ ได้แต่ดูๆกับชะลอรักษาตามอาการไป เท่านั้นเอง เหตุไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร เรียกว่ารักษาแบบ symptomatic treatment แค่นั้นเอง ไม่รู้เหตุต้นทาง มันรู้ แต่ไม่รู้จะแก้อย่างไร ก็ได้แต่รักษาตามอาการชลอให้มันบรรเทาเท่านั้นเอง นี่คือรายละเอียดที่บอกว่าเป็นโรควิบาก
-รุจิรา วงศ์ปาลี : ลูกอดฟังเทศน์ พ่อครูไม่ค่อยสบายเรื่องอะไรคะ? ไม่ได้ฟังพ่อเทศ เสมือนขาดฝิ่น ๆมาก ธรรมะช่วงเช้าของท่านสมณะแสนดินเป็นประโยชน์มาก เพราะได้เห็นได้ยินธรรมะลึกซึ้งสั้นสั้นทุกวัน พร้อมกันทั้งได้ทราบความเป็นไปของชาวอโศก
-SMS วันที่ 18 ม.ค. 2563 (พุทธศาสนาคามภูมิภาคทบทวน สมณะ สิกขมาตุ : บ้านราช)
-เกียรติขจร พลเดช : กราบนมสการขอรับ ขอขอบคุณท่านที่มาเทศนาขอรับ ขอนอบน้อมคำเทศนามาฝึกและปฏิบัติตามขอรับ ไม่มีใครไปเอาความทุกข์และไม่มีใครไปเอากรรมใครมาทำให้มีขึ้นมาได้ ห้ามไปเอากรรมห้ามไปเอาความทุกข์ใครมาทำให้มีขึ้น ขอรับอย่างยอมรับว่าเป็นความจริง ไม่มีใครอยากตกอยู่ในความทุกข์และไม่มีใครอยากตกอยู่ในกรรมอยู่อย่างนี้
พ่อครูว่า…ศาสนาพุทธสอนเรื่องกรรมสอนเรื่องทุกข์ นี่จับประเด็นได้ดี คำว่ากรรมของศาสนาพุทธนี้ยิ่งใหญ่ อย่าว่าแต่เทียบเท่าเลย เหนือกว่า GOD ด้วย ขออภัยที่พูดไม่ได้ข่มเบ่งGOD เพราะ God สลายตัวเองไม่ได้ แต่ศาสนาพุทธทำกรรมสลายตัวเองให้สูญได้ ไม่ต้องให้พระเจ้าเป็นเจ้าของชีวิต
-นาตยา วัฒนเสรีกุล : กราบนมัสการค่ะ สมณะมือมั่นและท่านด่วนดีและสมณะแสนดิน ฟังทางทีวีทุกวันค่ะ ไปวัดทุกงานค่ะ ไปงานเลิกก็อยู่ต่อ อีก 5 วันค่ะ
-7230 คิดจะพาครอบครัวมาอยู่ แต่อโศกมีงานมาก ไม่ไหว
พ่อครูว่า…ทำไมคิดสั้นจังเลย น่าจะคิดยาวๆคิดใหญ่ๆกว่านั้น คิดยาวๆคิดให้มันใหญ่ๆมโหฬารยิ่งใหญ่บ้างสิ ในอโศกมีงานมากไม่ไหว? คนตกงานเป็นคนซวย มาที่นี่ไม่ตกงาน ที่นี่ก็ไม่ใช่ว่างานมากต้องแบกงานจนไม่ไหว คุณก็ทำสมควรแก่ธรรมเท่าที่ไหว ที่นี่เขาก็ไม่ได้ไปจู้จี้จุกจิกเกินการ มาอยู่ได้มาทดสอบอย่าเพิ่งท้อถอย
-ชินภัทร : สวัสดีค่ะ ขอขอบพระคุณพ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ สมณะ สิกขมาตุ และชาวอโศกทุกๆท่านนะคะ สำหรับธรรมโลกุตระ พุทธแท้ ติดตามดูบุญนิยมทีวีทางหน้าจออยทาน(บริจาคเงิน) สามารถโอนทางบัญชีไหนได้บ้างค่ะ อยากตอบแทนบุญคุณให้กลับพวกท่านทั้งหลายบ้าง (ดูหลายครั้ง ติดตามมาตั้งแต่ ตุลา 2559)
พ่อครูว่า…ก็คงหลายครั้งแล้วที่ดู ก็คงพอบริจาคเงินได้ อาตมาไม่ได้เอาภาระเรื่องโอนเงินบัญชีเลย ชีวิตนี้ตอนเป็นฆราวาสก็มีบัญชีเงินฝากธนาคารออมสิน ธนาคารอื่นไม่รู้เรื่องเลย ยิ่งมาเป็นสมณะแล้วไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องเงินเรื่องทอง ไม่รู้เรื่องบัญชี ใครมีความรู้บอกกันหน่อย
ที่จริงชาวอโศกก็ได้รับเงินบริจาคโดยผู้ที่จะมาบริจาคต้องอยู่ในเกณฑ์ที่จะมีสิทธิ์บริจาคได้ ต้องเข้าใจชาวอโศกจริงๆไม่ใช่คนทั่วไปจะบริจาคได้ แล้วเราก็อยู่ได้ด้วยเงินบริจาคยังไม่ได้เรี่ยไร คนจะบริจาคต้องมีจิตวิญญาณจะทำทานอย่างแท้จริง มาทำทานกับอโศกจะต้องมีภูมิปัญญา ก็จะมีอานิสงส์สูง
-กราบขอโอกาสรบกวนท่านถวายประเด็นอีกเช่นเคยค่ะ กราบขอบพระคุณค่ะ
จากญาติธรรมกทม.
ดิฉันชอบแต่งตัวเป็นผู้ชายตั้งแต่จำความได้คงจะประมาณ ป.1 เพราะไม่ชอบความรุนแรงของพ่อที่ปฏิบัติกับลูกคือดิฉัน เลยพาลเกลียดผู้ชายทั้งหมดแล้วหันไปคบหาสมาคมกับเพื่อนผู้หญิง และนี่คือจุดเริ่มต้นของการมีแฟนเป็นผู้หญิง ซึ่งน่าจะอยู่ในช่วงป.5 (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย) ส.ฟ้าไทแทรกว่า มีคนบอกว่าไม่มีเวลาปฏิบัติธรรม แม้จะทุกข์ก็ตาม
พ่อครูว่า…คนที่หาเหตุผลมาแก้ตัว ว่าไม่มีเวลาปฏิบัติธรรมนั้นเป็นคนน่าสังเวช เป็นคนที่น่าเศร้าใจอย่างมากเลย เป็นคนที่หลงอยู่ในโลกโลกีย์ อย่างหน้ามืดตาบอด ไม่รู้ว่าสาระสำคัญของมนุษยชาตินั้นอย่างน้อยแม้ ในทางโลกีย์ ผู้มาศึกษาปฏิบัติธรรม ทางโลกีย์ก็คือคนมาเจริญมาดี ยิ่งศาสนาพุทธอย่าว่าแต่ดีเลย รู้จักทางลดกิเลส รู้จักทางนิพพาน เกิดเป็นคนแล้วนี่นะ ได้เรียนรู้ลดกิเลส แล้วก็ได้นิพพาน มันสุดยอดแล้ว ในการเกิดมาเป็นคนๆหนึ่งในโลกตั้งแต่เริ่มเป็นสัตว์เซลล์เดียว จนพัฒนามาเป็นสัตว์เดรัจฉาน สะสมวิบากกว่าจะได้เกิดมาเป็นคนผ่านมาไม่รู้กี่ล้านชาติ สะสมอวิชชามา
เกิดมาเป็นคนแล้วคนก็สะสมทุกข์ สัตว์มันก็ทุกข์ แต่มันไม่โง่เหมือนคน มันไม่ต้องมาสนใจเรื่องลาภยศสรรเสริญโลกียสุข สัตว์เดรัจฉานไม่มีความสุขเท่าคนเพราะไม่โง่เท่าคน คนที่อวิชชาที่ว่านี้ พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ก็บัญญัติคำศัพท์ว่าอวิชชาคือโง่บรมมหาโง่
ส.ฟ้าไทว่า…เลยถามเขาว่าไม่มีเวลามาปฏิบัติธรรมแต่ให้เงินหนึ่งล้านให้มาตอนเที่ยงคืนจะมาไหม เขาก็ว่ามา เพ-ราะอยากได้เงินถามต่ออีกว่าถ้าได้เงิน 1 ล้านจะมีความทุกข์ไหมเขาก็บอกว่ามีความทุกข์
พ่อครูว่า…แสดงว่ามีภาระ ได้เงินล้านคงจัดสรรแย่เลย
ที่อาตมาแวะอธิบายสัจธรรมไป อาตมาเองอาตมาเกิดมาชาตินี้แล้วก็มารู้ตัวว่าเราต้องมาทำงานนี้อย่างแท้จริง เห็นภาระที่ต้องมาแสดงธรรม มาแก้ไขสิ่งที่บกพร่องไปจากของพระพุทธเจ้า หนัก แต่ก็ไม่เคยท้อ ไม่เคยที่จะถอยไปไหนเลย มันยิ่งเห็นว่าเป็นความจำเป็น จำเป็นที่จะต้องมากอบกู้ธรรมะพระพุทธเจ้า ที่จะต้องมาต่อเชื้อ ความผิดเพี้ยนความเสื่อม มันไปใหญ่กันเลย แล้วอาตมาก็ภูมิใจตัวเอง ที่ได้มาทำงาน 50 ปี เข้าไปยังไม่เต็มดี อาตมาบวช 2513 ปีนี้ 2563 ก็ย่างเข้า 50 ปีถ้าไปชนวันที่ 7 พ.ย. 2563 ก็ครบเต็ม 50 ปีที่ทำงานศาสนามา
ทำแล้วก็หนักจริงๆแต่ภูมิใจสบายใจที่ไม่สูญเปล่า ทำแล้วมีคนรับฟังโลกุตระธรรมได้เข้าใจได้ จนกระทั่งมาเปลี่ยนแปลงชีวิตมีโลกุตรธรรมแก่ตัวเองมีอาริยธรรมที่แท้ของพระพุทธเจ้า รู้จักมาเรียนรู้เ พื่อลดกิเลส รู้จักอ่านจิตในจิต เพื่อสังวรตน สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยค
อาตมาแค่สามอันนี้นะมาเผยแพร่ประกาศธรรมะพระพุทธเจ้า ธรรมะที่อาตมาพูดไม่ใช่ธรรมะตื้นๆ พวกคุณนั่งฟังนี่นะ ประชาชนนั่งฟังธรรมะอาตมา ถ้าไม่ใช่พวกคุณป่านนี้ ตอดเงา คือนั่งสัปหงกกันหมดแล้ว แน่นอนแต่พวกคุณอาตมาไม่เห็นใครง่วงเลย หลบอยู่ข้างหลังไม่เห็นนะ
อาตมาภูมิใจสบายใจที่เอาธรรมะพระพุทธเจ้าที่รู้กันได้ยากเอามาเปิดเผยแล้วให้ปฏิบัติจนเกิดมรรคผล จนกระทั่งเอาชีวิตเข้ามาอยู่ในสังคมนี้ เข้ามามีชีวิต มีพฤติกรรมมีการเป็นไปมีการยังชีพ หลายคนก็คิดว่าไม่ไปไหนก็มาอยู่นี่จนตาย เพราะที่นี่มีกองฟอนเผาอยู่แล้ว ใครจะอยู่ทางนี้ไม่ไปทางโลกีย์จะอยู่จนตาย ยกมือ…ยกกันเกือบหมด คนขี้เกียจหรือคนฟังไม่รู้เรื่องเท่านั้นที่ไม่ยกมือ
แบบนี้เปอร์เซ็นต์แบบนี้ถือว่าพอใจ คนฟังธรรมะแล้วพอใจยินดีรื่นเริงในธรรมหากง่วงก็ไม่รื่นเริงในธรรมะ ธรรมะที่อาตมาแสดงนั้นมันยากมันหนักแต่ไม่ง่วงเลยแล้วรู้ด้วย ไม่สูญเปล่าเลย ไม่อย่างนั้นอาตมาไม่มีคนรับฟัง ที่จริงคนมานั่งฟังทุกวันนี้ก็ไม่น้อยเลยนะ มาฟังขนาดนี้ก็ดีแล้ว
ถ้าอาตมามาชาตินี้ไม่ได้มาทำอันนี้อาตมาคงจะเป็นคนที่เกิดมาสูญเปล่าเสียชาติเกิด แต่แล้วมาทำอ้นนี้แล้วถึงรู้สึกตัวว่าไม่สูญเปล่าใครจะหาว่าอาตมาหลงตัวก็ตาม อาตมาว่าชีวิตอาตมามีค่า เพราะตีราคาธรรมะโลกุตระของพระพุทธเจ้าไม่ได้ และมีผู้มารับได้ไม่สูญเปล่า เดี๋ยวนี้มีผู้รับทางเทคโนโลยีก็ไม่น้อย ถ้าเป็นอย่างนี้ตลอดไปอาตมาคงตายไม่ลงง่ายๆ พยายามที่จะอยู่ จริงๆมันมีผลนะ คนเราที่ยังไม่อยากตายมีทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์สรีระ ก็ช่วยชูชีวิตให้ยืนยาวด้วย มันจริง อาตมาถึงบอกว่า ที่พูดไปแล้วก็ไม่ได้เจตนาตั้งใจมีเลขจะต้องอายุยาว 151 ปีนะ ก็เป็นเรื่องพูดกันเล่นๆ แม้ความเป็นจริง หากสังขารร่างกายชีวิตยืนยาวไปได้ถึง 100 ปีก็ไม่ใช่เรื่องเล่นนะ ไม่ใช่ 100 ปีแต่นอนติดเตียงนะ แต่100 ปีก็ยังแสดงธรรมอยู่อย่างนี้ อาจจะลดไปบ้างไม่แข็งแรงกระปรี้กระเปร่าดีดดิ้นเหมือนดช.ภูมิ
ขณะนี้ดิฉันอายุ 34 ปี
ปัญหาคือเวลาที่ดิฉันอยู่ใกล้ผู้ชายคนใดก็ตาม ก็จะคิดวนเวียนอยู่แต่เรื่องพฤติกรรมของการเสพกาม ดิฉันรู้สึกเป็นทุกข์มาก
จึงพยายามทำพฤติกรรมให้ดูเหมือนเด็กผู้ชาย ช่วยให้ดิฉันไม่เห็นจิตสกปรกนี้
ในอดีตดิฉันเคยทำผิดศีลมาแล้วกับเพื่อนผู้หญิงหลายคน
ดิฉันคิดอยากบวชในบั้นปลายของชีวิต โดยปีนี้ตั้งใจจะเดินเส้นทางพรหมจรรย์จะต้องทำอย่างไร และดิฉัันจะแก้ความรู้สึกที่มีกามได้อย่างไร
นมัสการขอบพระคุณ
พ่อครูว่า…ดีแล้วล่ะรู้ตัว มันก็เป็นอาการที่มาปฏิบัติธรรมะจะรู้อาการตามจริงเรื่องกามเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นเรื่องกิเลส ธรรมะไม่ใช่ธรรมชาตินะ แม้แต่พยัญชนะคำว่าธรรมะ กับธรรมชาติก็ไม่เท่ากันแล้ว ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นธรรมะที่ไม่มีชาติ รู้จักชาติแล้วดับชาติได้ด้วย จนกระทั่งมีนิพพาน อย่างนี้เป็นต้น
ดับภพชาติตั้งแต่เป็นสัตว์เซลล์เดียว หากคุณรักจะมีชีวิตอยู่เป็นมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ที่ดี ไม่ทำบาปทั้งปวงมีแต่กุศลจิตสะอาดบริสุทธิ์ผ่องแผ้วหมดแล้วเป็นผู้ที่มีวรรณะ 9 มีสาราณียธรรม 6 จะเกิดมาอีกเมื่อไหร่ก็มีแต่ประโยชน์กับมนุษยชาติไม่มีโทษเลย มีแต่คุณถ่ายเดียว
เป็นผู้หมดทุกข์ หมดสุข ศาสนาพุทธนี้หมดทุกข์หมดสุข สุขกับทุกข์เป็นอารมณ์เดียวกัน จิตมีฌาน 4 อุเบกขาเป็นฌานฝถาวรคืออรหันต์ ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา
บริสุทธิ์แม้จะสัมผัสเกี่ยวข้องกับสังขารโลกที่ปรุงแต่งจิตก็ยังบริสุทธิ์ขาวผ่อง ยังคงสะอาดอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
มุทุจิต จึงเป็นจิตหัวอ่อน เป็นความเร็ว ความไวของจิต มันเร็วไว ทั้งทางด้านปัญญา แล้วทางด้านเจโต มีสองสภาพ พวกเราจะเข้าใจสภาวะ จิตจะเร็วไว จนคนจับความเร็วไวของจิตผู้มุทุภูตธาตุไม่ทัน คือผู้ที่มีสมาธิที่เก่งกล้า สมาธิไม่ใช่แข็งทื่อ แต่มีสติเต็มร้อยเลย เต็มทั้งนอกและในเป็นความแข็งแรง มีพลังงานสมบูรณ์แบบมีสมาธิมีฌาน
มีจิตชาคริยา ไม่ใช่ฌานแบบตกในภพ แต่ฌานแบบตื่นเต็มแจ่มใสผ่องแผ้ว นอนหลับก็แจ่มใส ไม่มีง่วงไม่มีซึมเซา ตื่นก็คือตื่นหลับก็หลับ หลับคือเข้าในภพไม่รับรู้ภายนอก อยู่กับสัญญา
อาตมานอนหลับอาตมาไม่ใช่สายสมถะที่หลับปี๋ ไม่รู้เรื่องแต่นอนหลับก็มีการปรุงธรรมะ บางทีปรุงจนร้อนหัวเลย มันสนุก ไม่ได้ควบคุมอะไรมากมายก็ยิ่งเต้นดีด กระโดดเมื่อยเลย
พ่อครูว่า…คุณคนนี้ก็เรียนรู้ลดกิเลสจากการสัมผัส เรียนรู้กามเป็นเบื้องต้น การปฏิบัตินั่งหลับตาไม่เรียนรู้กามเลย อย่างมหาบัว ติดกินหมากเสพติดรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ไม่ขาดปากก็เลยไม่รู้ว่าอะไรคือ กาม อะไรคือความติดยึดในกามคุณ 5 รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสอยู่ในนั้นเต็มเลยเป็นสิ่งเสพติดแต่โบราณ เดี๋ยวนี้มาแปรรูปเป็นเฮโรอีนเป็นยาบ้าอะไรของมันเยอะแยะ นี่ก็เหมือนกันเป็นธรรมชาติเป็นหมากพลู ก็ไม่ได้เรียนรู้แล้วมาบอกว่าตัวเองเป็นอรหันต์ อาตมาจึงบอกว่าให้ศึกษาให้ดีๆท่านทั้งหลายอย่างไปหลงอรหันต์เก๊ มันติดหนักเลย อบายภูมิเหมือนสุรา หากเข้าใจผิด เข้าใจสิ่งที่ไม่ใช่อรหันต์ว่าเป็นอรหันต์มันก็หมดท่าไม่ได้เรื่องอะไร ไม่ได้พูดลบหลู่แต่พูดสัจธรรมยกตัวอย่างให้เข้าใจได้ง่ายๆ โดยอาตมายอมเสียรังวัด เพราะคนเคารพนับถือมหาบัวไม่ใช่น้อย เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์เยอะเลยนะ อาตมามาบอกว่าไม่ถูก ผิด แล้วตรงกันข้ามกับคนยกย่องด้วย เหมือนอาตมาลบหลู่ตรงกันข้ามเลย อาตมาก็ได้รับความต่อต้าน หากอาตมาต้องการความยกย่องชมเชยก็จะไปแตะทำไม แตะทำไมไม่เกี่ยว พูดสัจธรรม
ไม่ได้ทำเพื่อจะให้คนมาชอบมาให้คนนับถือให้คนมายอมรับ อาตมาพูดสัจธรรมที่มันผิดก็บอกว่าผิดชัดๆ ผิดมากจนเป็นพิษภัยต่อศาสนาก็พูดชัดเจน พูดจริงชัดเจนก็ไปตำหนิเขาอย่างแรง
ศีล 5
ศีลข้อที่ 1 เกี่ยวข้องกับสัตว์ศีลข้อที่ 2 เกี่ยวข้องกับของกับพืช
ศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับโทสะเรื่องของจิตใจที่เกื้อกูลเอ็นดู ศีลข้อที่ 2 เกี่ยวกับความโลภ ความเห็นแก่ได้ ความจะต้อง ตะกละตะกราม
ส่วนศีล ข้อที่ 3 เกี่ยวข้องกับรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส กาเมสุมิจฉาจาร ก็จะต้องมีศีล จะลบอย่างไรก็ต้องเรียนรู้ปฏิบัติศีลแล้วอ่านจิตใจเมื่อมีผัสสะ คุณจะเน้นเรื่องกามก็ต้องรู้อาการกามคืออย่างไรเมื่อใดมีอาการกามต้องพิจารณาเห็นอาการ มันเป็น อนัตตา กามมันไม่มีความจริง หากกามไม่มีความจริงพระอรหันต์ก็เกิดไม่ได้ อย่าว่าแต่พระอรหันต์เลยแค่พระอนาคามีก็ไม่มี กาม มีแต่รูปราคะอรูปราคะ พระอนาคามีไม่หลับตาปฏิบัติได้ ลืมตามีตาหูจมูกลิ้นกายสัมผัสแต่กิเลสกามของท่านดับ กิเลสกามของท่านไม่มีแล้วอาการกามที่จะเป็นความใคร่อยาก หยาบๆโลกียะกามคุณไม่มี เหลือเศษภายใน กระทบสัมผัสด้วยตาหูจมูกลิ้นกายอยู่นะแต่อาการอารมณ์ที่จะปรุงแต่ง ลดลง ลดกามรส ไม่มี มีแต่รูปรส อรูปรส เป็นกิเลสภายใน แม้กระทบสัมผัสนี่แหละก็มีแต่กิเลสภายใน มีผัสสะเป็นปัจจัยฆ่ากิเลส เหลืออุทธัจจะ ก็ลดในสังโยชน์เบื้องสูงต่อ
ปฏิบัติหลับตาไม่มีการสัมผัส เป็นภาษาก็ผิดตั้งแต่ต้นเลยอันนี้เป็นเรื่องหนักหนาสาหัสกลายเป็นเรื่องของการปฏิบัติแบบเดียรถีย์ อย่างในยุคพระพุทธเจ้าออกป่าก็ไม่ใช่ หลับตาปฏิบัติก็ไม่ใช่ มันจมสู่ความหลงอย่างสนิทเลย
ก็ปฏิบัติศีลข้อ 1-5 ส่วนศีลข้อ 4, 5 ก็คือ วจีกับมโน
ก็อ่านอาการ ลิงค นิมิต ต้องทำเครื่องหมายรู้ตัวเองว่าอาการใจอย่างนี้เป็นกาม แล้วพิจารณาให้เห็นไตรลักษณ์ มันเป็นทุกข์ เรียนรู้ให้เห็นความจริง หากกิเลสกามลดลงก็เกิดปัญญา แสดงว่าความเข้าใจ ความรู้ความฉลาดของคุณเพิ่มขึ้นเป็นพลัง เรียกว่าพลังงานฌาน ไประงับ ไฟราคะโทสะโมหะ ลดลงฝได้จริงๆ
คุณปฏิบัติเห็นอาการนี้จริงนั่นคือได้เรียนรู้ปฏิบัติจริงอย่างที่อาตมาพาทำ
-พิทักษณ์…..กราบนมัสการครับ
เรื่อง วิโมกข์ ๘ ในพระไตรปิฎก เล่ม 10 เฉพาะ วิโมกข์ ข้อที่ 2
ในข้อ 66 กับ ข้อ 101 แปลเป็นไทยต่างกัน
ใน พตปฎ. เล่ม 10 ข้อ 66 วิโมกข์ ข้อที่ 2 ความว่า
๒. ผู้ไม่มีความสำคัญในรูปในภายใน ย่อมเห็นรูปในภายนอก นี้เป็น วิโมกข์ข้อที่ ๒
ใน พตปฎ.เล่ม 10 / ข้อ 101 เฉพาะวิโมกข์ข้อที่ 2 ความว่า ภิกษุมีความสำคัญในอรูปภายใน เห็นรูปภายนอก อันนี้เป็นวิโมกข์ข้อที่สอง ฯ
ข้อหลังนี้ ตรงกับที่พ่อครูอธิบายครับ
พ่อครูว่า…คำว่ามีความสำคัญหรือไม่มีความสำคัญในบาลีของวิโมกข์ข้อที่ 2 บอกว่า อัชฌัตตัง อรูปสัญญี พหิทารูปานิปัสสติ มีข้อความเท่านี้
ผู้ไม่มีความสำคัญในรูปภายใน (10/66) ย่อมเห็น รูปทั้งหลายในภายนอก (อัชฌัตตัง อรูปสัญญี . เอโก พหิทธา รูปานิ ปัสสติ)
อัชฌัตตังคือภายใน ที่มีทั้งรูปและอรูป แต่เขียนแต่อรูปคือละไว้ในฐานที่เข้าใจ อาตมารู้จักสภาวะ และเข้าใจความหมาย มั่นใจว่าไม่ได้พูดผิด แล้วคุณจะได้ปฏิบัติครบ ในภายใน หากคุณหมดกามภายนอกแล้วก็เหลือแต่ภายใน ก็มีภวะ ก็จะเป็นรูปกับอรูป คุณก็ต้องกำหนดรู้ เรียกว่าสัญญี คือผู้กำหนดรู้
ผู้มีรูป ย่อมเห็นรูปทั้งหลาย (รูปี รูปานิ ปัสสติ) คนที่ตาบอดก็รับรูปเห็นรูปไม่ได้ ต้องมีประสาทสัมผัสครบ แล้วต้องสัมผัสอย่างเห็นๆ เรียกว่าปัสสติ รูปก็เห็นด้วยตา หูก็ได้ยิน จมูกก็ได้กลิ่น ลิ้นรับรสสัมผัส
วิโมกข์ 8
-
ผู้มีรูป ย่อมเห็นรูปทั้งหลาย (รูปี รูปานิ ปัสสติ)
-
*ผู้ไม่มีความสำคัญในรูปภายใน (10/66) ย่อมเห็น รูปทั้งหลายในภายนอก (อัชฌัตตัง อรูปสัญญี . เอโก พหิทธา รูปานิ ปัสสติ) . (*พ่อท.แปลว่ามีสัญญาใส่ใจในอรูป)
-
ผู้ที่น้อมใจเห็นว่าเป็นของงาม (สุภันเตวะ อธิมุตโต . โหติ, หรือ อธิโมกโข โหติ (พ่อครูแปลว่า เป็นโชคอันดีงามที่ผู้นั้นโน้มไปเจริญ สู่การบรรลุหลุดพ้นได้ยิ่งขึ้น)
พตปฎ. ล.10 ข.66 / ล.23 ข.163
4.ผู้ล่วงพ้นรูปสัญญา(พ้นรูปฌาน) เพราะดับปฏิฆสัญญา เพราะ ไม่ใส่ใจถึงนานัตตสัญญาโดยประการทั้งปวง จึงบรรลุอากาสานัญจายตนะ ด้วยมนสิการว่าอากาศหาที่สุดมิได้ (สัพพโส รูปสัญญานัง สมติกกัมมะ ปฏิฆสัญญานัง อัตถังคมา นานัตตสัญญานัง อมนสิการา อนันโต อากาโสติ อากาสานัญจายตนัง อุปสัมปัชชะ วิหรติ)
-
ผู้ที่ล่วงพ้นอากาสานัญจายตนะโดยประการทั้งปวง จึงบรรลุวิญญาณัญจายตนะ ด้วยมนสิการว่า วิญญาณ หาที่สุดมิได้ (สัพพโส อากาสานัญจายตนัง สมติกกัมมะ อนันตัง วิญญาณันติ วิญญาณัญจายตนัง อุปสัมปัชชะ วิหรติ ฯ)
-
ผู้ที่ล่วงวิญญาณัญจายตนะ โดยประการทั้งปวงจึงบรรลุอากิญจัญญายตนะ ด้วยมนสิการว่า ไม่มีอะไร (สัพพโส วิญญาณัญจายตนัง สมติกกัมมะ นัตถิ กิญจีติ อากิญจัญญายตนัง อุปสัมปัชชะ วิหรติ)
-
ผู้ที่ล่วงพ้น อากิญจัญญายตนะ โดยประการทั้งปวง จึงบรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนะ (สัพพโส อากิญ-จัญญายตนัง สมติกกัมมะ เนวสัญญานาสัญญายตนัง อุปสัมปัชชะ วิหรติ ฯ) หรือจิตวิญญาณต้องพ้นสิ่งที่ไม่รู้ และไม่มีที่จะไม่รู้ . . . .
8 .ผู้ที่บรรลุสัญญาเวทยิตนิโรธ เพราะล่วงเนวสัญญา-นาสัญญายตนะ โดยประการทั้งปวง (สัพพโส เนวสัญญานาสัญญายตนัง สมติกกัมมะ สัญญาเวทยิตัง นิโรธัง อุปสัมปัชชะ วิหรติ) หรือพ้นอวิชชาสังโยชน์
อันผู้เข้าถึงแล้ว พึงทบทวนตรวจสอบอย่างอนุโลมบ้าง อย่างปฏิโลมบ้าง ทั้งอนุโลมและปฏิโลมบ้าง หรือบางขณะก็อยู่ในอารมณ์บางขณะก็ไม่อยู่ในอารมณ์แห่งวิโมกข์ 8 อยู่บ้าง-ไม่อยู่บ้างตามคราวที่ต้องการ ตามที่ปรารถนาและตามกำหนดที่ประสงค์ จึงบรรลุเจโตวิมุติ – ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะสิ้นไป เพราะทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน นี้เรียกว่า อุภโตภาควิมุติ
พตปฎ. เล่ม 10 ข.66 (มหานิทานสูตร)
แต่เขาเข้าใจวิโมกข์ได้จากการทำฌานหลับตา ไปนั่งหลับตาปิดหู ผิดตั้งแต่ต้นทางเลย ก็เหมือนพระพุทธเจ้าตรัสถามพราหมณ์ว่าอาจารย์ท่านสอนอย่างไร
-
อินทริยภาวนาสูตร (152)