630203_รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 88
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/1fE4jIFQQPQjtQjJ3FQkWdB2lsdCkyzg3eHCRX5S6lJQ/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1Yiv87ZXg800MuXyoQJf6gqcH5NvzRno8
พ่อครูว่า… วันนี้วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 ที่บวรราชธานีอโศก
SMS วันที่ 2 ก.พ. 2563 (วิถีอาริยธรรม พ่อครู : บ้านราช)
_คอยใคร : กราบเคารพพ่อครูครับ เมื่อวานฟังท่านเดินดินพูดเรื่องคนใส่ฟันปลอมว่า ใส่แล้วมันเลื่อนไปเลื่อนมาไม่มีตอม่อ เดี๋ยวนี้มีวิวัฒนาการใหม่มาแล้วครับ เป็นกาวทาฟันปลอมยึดติดแน่นนาน 24 ชม ไม่ต้องมีตอม่อ ถอดล้างได้ตามปรกติครับ
พระโสดาบันไม่ยากเลย
_จักรพล พุทธพัฒนา : กราบนมัสการสำราญจิต แด่ผู้พิชิตมารชาญวิสัย พ่อครูผู้ชนะทุกทิศไร้พิษภัย ด้วยจิตใจคารวะพระอรหันต์ / ผมเคยเรียนอภิธรรมมาหลายชั้นได้ภาษามามาก..พึ่งมาได้ยินพ่อครูขยายภาษาเป็นสภาวะได้ชัดเจนมากครับ./ ชาตินี้ผมไม่อยากได้เป็นพระอรหันต์เลย..เอาแค่โสดาปัตติผลก็พอแล้วครับ
พ่อครูว่า…ที่จริงโสดาบันนี่ ตั้งใจศึกษาให้ดี รู้จักรูปนาม ศึกษาสักกายทิฏฐิ เข้าใจมรรควิธีดี เข้าใจดีนี้ คุณก็จะสามารถที่จะเข้าไปสู่โสดาปัตติมรรคได้แล้ว ถ้าเข้าใจทางปฏิบัติได้ดี เข้าใจคำว่ากายได้ดี แยกจับสักกายะของตนได้ สักกายะคือรูปนาม คือวิญญาณ แยกรูปนามได้เท่านี้ คุณสามารถแยกสภาวะสอง รูปนาม แยกกาย แยกเวทนา เข้าใจเวทนาเก๊ ตามหาเหตุเวทนาเก๊คือตัณหาให้เจอ แล้วก็ข่มมันก็ลดลงได้แล้ว แต่ถ้าข่มนี้ไม่ถาวร
พระพุทธเจ้าก็พยายามให้พิจารณาเห็นไตรลักษณ์ของมัน ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เป็นอัตตา ไม่ใช่ตัวตนแท้เป็นมายา โดยเฉพาะเป็นความสุขความอร่อย ความชื่นชมรื่นรมย์ของโลก อ่านอาการให้ชัด รู้อาการลิงคนิมิต ตามที่อาตมาอุเทส แต่เห็นของจริงชัดเจนได้ ทำได้พิจารณาได้คุณจะเห็นเอง อ๋อ กิเลสตัณหามัน บางลง จางลง หรือแรงมันบางเบาลงจนดับ คุณจะเห็นเองเป็นปัจจัตตังของตัวเองรู้เองเห็นเองเลย
ปฏิบัติอย่างมีสติเต็ม อย่าไปนั่งหลับตา หลักการปฏิบัติไม่เจอเวทนาตัวจริงมีแต่ของปลอม ลืมตาปฏิบัติเห็นของจริง หลัดๆ ที่มันกำลังเกิด พิจารณาทันทีเดี๋ยวนี้ จะเห็นมันกำลังลดละจางคลายเลย วิราคานุปัสสี จะเห็นเลยว่ามันไม่เที่ยงเพราะมันลดได้ มันไม่เที่ยง ถ้ามันเพิ่มขึ้นได้มันเป็น ราคะโทสะโมหะ เป็นความเจริญของกิเลส แต่ถ้าทำให้มันลดได้มันก็ไม่เที่ยง แต่มันไม่เที่ยงเพราะจางคลายแล้วก็ดับไป เห็นอาการอย่างที่อาตมาว่า
ไม่มีผัสสะก็เหมือนวัวไม่มีหนัง
_ปองแสงพุทธ ทองสุขนอก : น้อมกราบนมัสการเจ้าคะพ่อครู ลูกไม่ค่อยเข้าใจเรื่องวัวหนังกลับ (พ่อครูว่า…วัวไม่มีหนังไม่ใช่วัวหนังกลับ) พยายามลงนรกแม้มีคนคอยช่วยหิ้วปีกขึ้นจากนรกก็ยังไม่ยอม มองไม่ออกเลยว่าอะไรคือสวรรค์หรือนรกเพราะอยู่บนสวรรค์ก็ทรมาณ ลงนรกตาย ๆ ไปซะความทรมาณในนรกมันอาจไม่มากเท่าการอยู่ในสวรรค์แบบทุกข์ทรมาณทั้งกายทั้งใจ อย่างน้อยในนรกก็น่าจะมีพวกเดียวกัน ลูกมีความเห็นดังนี้ หรือว่าถ้าสมมุติว่าพ่อครูเป็นวัวตัวนั้นพ่อครูจะมีมุมมองอย่างไรเจ้าคะ ที่กล่าวมาข้างต้นลูกพูดในพื้นฐานของลูกโง่ ๆ ที่ยังงงงว่าที่ถูกต้องยังไงเจ้าคะ. น้อมขอโอกาส แล้วแต่พ่อครูจะเมตตา
พ่อครูว่า…วัวไม่มีหนัง อุทธาหรณ์ของพระพุทธเจ้าสุดยอดเลย เปรียบเทียบให้เห็นสภาวะที่สลับซับซ้อนหลายชั้น แต่จริงที่สุดชัดที่สุด ถ้าใครมีตัวปัญญาเกิดเลย จะปล่อยวางจะกลัวจะเห็นว่าเป็นของไม่น่าได้ไม่น่ามีไม่น่าเป็น ถ้าเกิดสภาวะจริงอย่างนั้นไม่ใช่ใครมาบันดาลใจ คุณต้องรู้สึกเองละอายก็ดี กลัวก็ดี หิริโอตัปปะ เช่น กามฉันทะ ยินดีในการเสพกามรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส หรือหยาบๆ คืออบายมุข ยินดีเสพรสอบายมุข สิ่งเสพติดการพนันทุจริตขี้โกง รสชาติจัดจ้านของละคร ไม่ถึงพริกถึงขิงก็ไม่สนุก สรุปก็คือ กามรุนแรงขั้นต้น เป็นเบื้องต้นของกามฉันทะ เลิกกามฉันทะได้ พ้นอบายก็เป็นพระโสดาบัน
กามต่อมาก็ลดละได้เหมือนอบายมุข เรื่องเพศเรื่องผู้หญิงผู้ชาย มันจะหมดรสชาติจริงๆจนเฉยๆ ก็จะเห็นแต่ เสียเวลาเสียแรงงาน ไม่เห็นจะเกิดอะไร มันจะเห็นจริงเป็นจริงเลยจะลดลงๆ ก็จะลดกาม
เรื่องตา อร่อยทางรูป สีสวยเสียงไพเราะ จมูกได้กลิ่นหอม รสอร่อยสัมผัสเสียดสี เป็นเรื่องรวมของโผฏฐัพพะ จะเข้าใจถึงสภาพที่เกิดจากผัสสะสัมผัสเสียดสี แล้วเกิดรสชาติ มันเป็นเรื่องมายาเป็นอนัตตาไม่ใช่ตัวตน เป็นเรื่องปลอม ถ้าไม่ใช่ของปลอมหมดไม่ได้ มันของปลอมจริงๆจึงหมดได้ ผู้ที่ทำได้เห็นจริงๆเชื่อว่า พระพุทธเจ้าสอนสิ่งประสบผลสำเร็จจริง
ถ้าคุณเองยังไม่จริงก็ไม่เชื่อสิ่งที่เป็นจริงที่พระพุทธเจ้าท่าน คุณจะได้มาก่อนแล้วคุณก็จะไม่เชื่อหรอกว่าพระพุทธเจ้าหลอก คุณว่าพระพุทธเจ้าหลอกหรือว่าคุณโง่ ? …โง่
เรายังไม่ถึงก็ว่าพระพุทธเจ้าหลอก เท่าไหร่ถึงแล้วก็จะรู้ว่าพระพุทธเจ้าไม่หลอกหรอกเราโง่เป็นอวิชชาเอง จิตใจยังไม่บรรลุจิตใจยังไม่เจริญถึงขั้น แม้หมดกามแล้วจะต้องเหลือข้างใน ข้างนอกไม่แล้ว อาจจะนิดๆหน่อยๆมันไม่มีแรงอะไรยึกๆยักๆ จนกระทั่งมันไม่ยึกยักแล้ว เห็นเป็นเรื่องที่ดีไม่ดี จะไปชังเขาว่าเขาข่มเขาดูถูกเขา แต่ใจตัวเองยังไม่หมด นี่เป็นรูปราคะ อรูปราคะ หมดรูปราคะ อรูปราะคะ ก็เหลือเศษเป็นมานะ หมดมานะ เหลือเศษธุลีละอองก็เก็บเล็กน้อยอีก จนหมดสิ้นอาสวะ หมดอุทธัจจะ หมดอวิชชา จนกระทั่งมันไม่เกิดอีก
นานๆมากระทบอีกก็ไม่ป๊อกอีกๆ พิจารณาแน่นอนไม่มีอาการอารมณ์สัมผัสแตะต้องอย่างไม่หนี ดีไม่ดีท้าทายด้วย มาแรงๆก็ไม่เป็นไร ทีเผลอก็ไม่เป็นไรมายั่วยวนก็ไม่เป็นไร
วัวที่ไม่มีหนัง คิดดู เนื้อแดงๆน้ำเหลืองเยิ้มๆแดงๆ จะแสบร้อนขนาดไหน นึกถึง พันตำรวจโทรุ่งโรจน์ เรืองฤทธิ์ ไปเสียสละผิวหนังที่หน้าขาให้เขาคนไฟไหม้ คนที่แก๊สระเบิด สละหนังออกจะแสบขนาดไหน
เพราะฉะนั้นคนที่เป็นทุกข์เพราะความแสบเผ็ด ที่เมื่อถูกกระทบสัมผัสคือผัสสะนั่นเอง อย่างนี้เป็นความทุกข์อยู่แต่ไม่รู้ตัว ไม่เปลี่ยนแปลงก็สลบแล้วสลบอีกตายไปเพราะพิษบาดแผล ก็เกิดมาอีกตายไปอีก 5 ตลบ10 ตลบเป็นวัวไม่มีหนังจะไหวหรือ
มันเป็นทุกข์แต่ไปหลงว่าเป็นสุข ไม่รู้จักความทุกข์ ความสุขกับความทุกข์เป็นตัวเดียวกันแต่มันเป็นมายาหรอก แล้วก็ติดอยู่อย่างนี้ ไม่มีเวทนาไม่มีผัสสะก็ไม่รู้สภาวะทั้งของความสุขความทุกข์ ทั้งที่มีความหลงว่าเป็นสุขแท้จริงมันเป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าทรงบอกว่ามันเหมือนวัวไม่มีหนัง แสบเผ็ดทุกข์แต่ก็หลงว่าสุข ก็เลยเฉย อุปาทานจะหลอกให้คนเห็นว่าเจ็บแต่ไม่เจ็บแสบคันไม่แสบ มันจะเป็นอย่างนั้น เฉยๆ หน้าตาเฉย เสพทุกข์ก็หลงว่าเสพสุข เฉย มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
เมื่อไม่มีผัสสะ จึงหมดประตูที่จะปฏิบัติ มีผัสสะมีเวทนาให้ศึกษา เวทนาจึงเป็นการให้ศึกษาศาสนาพุทธ ก็มีเวทนา ก็ตามหาเจตนาในเวทนาได้ หากว่าปิดประตูไม่มีเวทนาไม่มีผัสสะก็โมฆะจากศาสนาพุทธ มีผัสสะแล้วก็เจาะลึกไปถึงเวทนา ถึงตัณหา
ตั้งแต่อบายมุขคือกามหยาบ หมดอบายมุุขก็กามอยู่นั่นแหละ กามคุณ 5 ไม่มีกามคุณ 6 ไปนั่งหลับตาเป็นภายในเป็นทวารที่ 6 แต่ 5 ทวารนอกนี้ไม่มีเลย ไม่มีลำดับอันน่าอัศจรรย์ เบื้องต้นเบื้องกลางไม่มี ไปเอาตัวที่ 6 แล้วไปสร้างภพชาติ อย่างอาจารย์มั่น เล่นลิเกไปเจอพญายมมากราบอีก หรืออย่างธัมมชโยมีวิมาน เฟส 2 3 4 จูงใจให้คนมีจินตนาการหลงเชื่อตามปั้นตาม แม้ปั้นไม่เห็นรูปเอง ก็เชื่อว่าตายไปแล้วจะเจอ นี่ไม่ตายก็ยังหลงเชื่อจริง ถูกเขาครอบงำทางความคิดถูกเขาหลอกสนิท ก็ต้องพยายามศึกษาให้ดี
เมื่อไม่มีเวทนา ก็ไม่มีทางที่จะเกิด ตัณหา เมื่อเกิดตัณหา ตัณหานี้มี 3 กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา
กามตัณหาเป็นเหตุก็ล้างกาม เหลือรูป อรูปภายใน หมดกามภายนอก รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส จิตก็เฉยเมื่อกระทบสัมผัส มีของจริง หากยังไม่ได้ก็ต้องพยายามลด แม้กดข่มก็มีอาการสัมผัสได้ แต่ถ้าเป็นปัญญาไม่กดข่มจะเห็นจริง ถาวรด้วย คือปัญญาที่ลดละได้ถาวรด้วย ก็จะเหลือรูปราคะ อรูปราคะ คือรูปภพ อรูปภพ ก็ทำให้หมดอีกเป็นลำดับ ภาษาเท่านั้นว่าอรูป ที่จริงก็คือรูปที่ละเอียด จนไม่มีภาษาจะเรียกแล้ว หรือสุข ไม่มีภาษา พระพุทธเจ้าก็อนุโลมใช้เป็นคำว่าสุข ที่จริงคำว่า สุ คือ ดี ข คือว่าง ที่จริงว่างได้แล้ว หมดภพชาติอรูปภพได้ก็มีวิภวตัณหา
ก็มีความประสงค์ต้องการที่จะทำงาน เป็นเจตนาที่จะเรียกว่าอยากก็ได้ แต่อยากเสพบำเรอตัวเองเลย บำเรออัตตา รูปภพ อรูปภพ รวมๆเรียกอัตตา โอฬาริกอัตตา คือกามหยาบ มโนมยอัตตาเหลือภายในคือรูปที่สำเร็จด้วยจิต เหลืออรูปอัตตา ทำให้หมดอีก อัตตา แต่ก็ยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็เหลือเป็นอัตตาที่อาศัยเวทนาจะว่าไม่มีก็มี จะมีคือไว้อาศัย
_ปองแสงพุทธ…เรื่องของอาจารย์มั่น ลูกพอจะเข้าใจมุมมองที่พ่อครูเมตตาว่าอย่าไปยึด มั่น แต่สงสัยเจ้าคะ ฟุ้งซ่าน กับการอวดตนถือศีลแปด ลูกพยายามมองตัวเองว่าเป็นเช่นนั้นมั๊ย เหมือนการปฏิบัติธรรมทุกวันนี้ลูกกำลังสร้างภาพ ตั้งแต่ลูกเริ่มเข้าค่ายศีลแปด จนปัจจุบัน 50 กว่าครั้งเข้าค่ายมากกว่าครึ่ง และเพียรฝึกจะกินมื้อเดียวแต่ก็ยังไม่ได้ 100%. ในความคิดของลูกแค่ได้ทำก็ดีใจ และทำได้อย่างไม่ทรมาณก็พอ ลูกเลยชักงงว่า แล้วลูกควรจะทำต่อหรือเลิกทำเพราะคิดว่าชาตินี้ลูกก็คงแค่ได้สร้างภาพและชาตินี้คงเป็นได้แค่คนโลกีย์ หรือยังงัย พ่อครูเข้าใจความรู้สึกลูกมั๊ยเจ้าคะ ปฏิบัติธรรมเหมือนไม่เจริญ นิพพานเหรอฝันเอานะจ๊ะ น้อมกราบนมัสการเจ้าคะ
พ่อครูว่า…แล้วแต่ใครจะยึดปั้นอุปาทานเอาเองแต่ไม่มีใครตรงกันหมด แต่คล้ายกันได้ ผู้ศึกษาศีล 8 ก็ลองดู แต่ดีคุณเป็นคนไม่มักมาก พากเพียรไปจะพัฒนาเอง ก็ต้องทำต่อ จริงๆคุณก็รู้ว่ายังไม่หมด คุณได้ขนาดนี้เข้ากระแสโสดาบันมาแล้ว อย่างนี้ถือว่าเข้ากระแสรู้ทิศทางเห็นความจางคลายได้ต้องรู้จุดอบายมุข หมดอบายมุขก็เป็นโสดาบัน สกิทาคามีก็ลดกาม หมดกามเป็นอนาคามี ทำรูปราคะอรูปราคะให้หมดไป มีการถือดีถือตัวมานะ หมดมานะ อติมานะ เศษๆก็ทำ มทะ ปมาทะ
ลดมานะ จนไม่เมาแล้ว มานะ อติมานะ มทะ คือเมา ก็เลิกเมา ใน สุรา เมรยะ มัชชะ มทะ ปมาทะ
ทำทุกปัจจุบันเวทนา 36 สั่งสมเป็นอดีต 36 อนาคตอีก 36 มาอีกเมื่อไหร่ทุกปัจจุบันก็หมดอีก จนแน่ใจว่าทุกปัจจุบันกิเลสไม่เกิดอีก เพราะฐานของอดีตแข็งแรงพอและปัจจุบันก็แข็งแรงพอ ในสามเส้าสองเส้าแรกสมบูรณ์แบบ ส่วนอนาคตจะมาเมื่อไหร่ จึงเป็นผู้รู้จักส่วนอดีต ส่วนอนาคต เพราะได้ทำทุกปัจจุบันให้หมด
ทั้งส่วนอดีต ส่วนอนาคต เป็นข้อ 7 ในอวิชชา 8
- ไม่รู้..ทุกข์ (ทุกฺเข อญฺญาณํ)
- ไม่รู้..ทุกขสมุทัย (ทุกฺขสมุทเย อญฺญาณํ)
- ไม่รู้..ทุกขนิโรธ (ทุกฺขนิโรเธ อญฺญาณํ)
- ไม่รู้..ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา (มรรคมีองค์ 8)
- ไม่รู้ในส่วนอดีต (ที่ไม่เที่ยง) ปุพพันเต อัญญาณัง
- ไม่รู้ในส่วนอนาคต (ที่ไม่เที่ยง) อปรันเต อัญญาณัง
- ไม่รู้ทั้งส่วนอดีต-ส่วนอนาคต (ไม่รู้สิ่งที่เที่ยงแท้เท่ากันหมดแล้ว) (ปุพพันตาปรันเต อัญญาณัง) .
- ไม่รู้ในธรรมทั้งหลาย ที่อาศัยกันเกิดขึ้นเป็นห่วงโซ่แห่ง การเกิดทุกข์ หรือดับทุกข์ ตามหลักปฏิจจสมุปบาท (หรืออิทัปปัจจยตา)
(พตปฎ. ล.34 ข.691 ว่าด้วย อกุศลเหตุของโมหะ)
_นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
_ตุ๊ก รอยทราย…รายงานรายการร่มโพธิ์ร่มไทร มีชาวชุมชนร่วมมือร่วมใจดีมาก ไม่ว่าจะเป็นแผนกอาหาร สาธิตการแยกขยะ ทุกอย่างเป็นไปอย่างดีมากเกินคาด ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 มีสมณะไปเทศน์คนก็มาฟังแม้คนข้างนอกก็มาฟัง ตอบคำถามธรรมะก็ตอบกันดี มีรางวัลให้ จะมีปัญหาคือฝุ่นเยอะ
พ่อครูว่า…มันจริงๆใจแล้วมีปฏิภาณปัญญารู้ว่าจะมารับเอาอะไร เป็นสิ่งน่าจะเชิดชูบูชายกย่องหรือไม่ควรเชิดชูบูชายกย่อง มันจะมีปฏิภาณของแต่ละคน คนที่มีปฏิภาณจะรู้ว่าสิ่งที่เรามาเอานี้ไม่ใช่เรื่องสามัญทางโลก มันจะแยกความดีแบบโลกีย์ กับอันนี้ไม่ใช่ความดีแบบแค่โลกีย์จะรู้ค่าว่าเหนือกว่าโลกีย์เป็นโลกุตระ ปัญญาความเฉลียวฉลาดจะค่อยๆเพิ่มขึ้นจนกระทั่งเต็มความเป็นโลกุตระ
รอยทรายว่า…การแสดงก็มีของชาวบ้านมากขึ้นพวกเราก็เป็นตัวประกอบ ก็อยากให้คิดว่าเหมือนเราพาเด็กเล่นขายของ(พ่อครูว่าระวังพวกเราจะตกไปด้วย) เร่ิมดึงคนภายนอกมา ได้พิธีกรบ้านกุดระงุมมา1 คน เขาดูมีแววและก็ศรัทธาพวกเรา เขาจะให้ลูกมาเรียนรร.พุทธธรรมวันอาทิตย์
_สิริ…รายละเอียดที่มีคนตอบคำถามคือครูตุ๊กเข้าใจตั้งคำถาม…เช่นถามว่าโจรปล้นทองผิดศีลข้อไหนบ้าง มีชาวบ้านตอบถูกด้วย
ครั้งแรกมีคน 60 คน ครั้งที่ 2 มี 320 คน คราวนี้ครั้งที่ 3 มี 360 คน ผู้ใหญ่ 200 คนเด็กก็ 160 คน
_สุภารัตน์ จันทร์ดอน : กราบนมัสการเจ้าค่ะ ทุกวันนี้รู้ตัวมีสติอยู่กับปัจจุบันรู้ตามความเป็นจริงแล้วหมดทุกข์ไร้ความกังวลเจ้าค่ะสาธุ
พ่อครูว่า…ก็ดีแล้วนี่แหละจะได้รู้ตัวมีสติอยู่กับปัจจุบัน รู้ตัวความเป็นจริงหรือตามความเป็นจริง คำว่า ศัพท์คำว่า รู้ตามความเป็นจริงนี้ลึกซึ้งซับซ้อนมาก มันรู้ตามความเป็นจริงแล้ว แล้วมันก็ไม่เกิดความสุขความสุข หรือรู้ตามความจริงนั้นหมายความว่าอะไรที่เรารู้นั้นมันเป็นอย่างไร จบในตัวมันเองอย่างเดียวมันไม่เป็นสภาพ 2 ไม่มีสภาพ 2 ซ้อนขึ้นมา เป็นอาการชอบหรือไม่ชอบ ผลักหรือดูด สุขหรือทุกข์ พยัญชนะคู่ อย่างหยาบๆทำได้ แล้วจะค่อยๆมีปฏิภาณปัญญารู้รายละเอียดสัมผัสอีกแล้วมันไม่มีสภาพคู่ มันมีแต่สภาพเดี่ยว จนกระทั่งเฉยๆ 0 กลางๆ ก็เข้าไปสู่ความไม่ทุกข์ไม่สุข พยัญชนะก็สื่อได้ประมาณนี้ สภาวะไปทำเอาเอง
_พันธุ์ พอเพียง : พอเข้ากระแสแล้ว ก็จะต้องสัมโพธิปรายานอยู่ดีแหละครับท่าน มิเช่นนั้น จะช้าเหมือนวิสาขาหนะครับ ผมจำชื่อไม่ได้หนะครับ ภิรตะโสดา อะไรประมาณนี้หนะครับ เจริญธรรมครับ
พ่อครูว่า…โสตาปันนะ คือ แปลว่าจิตเข้ากระแส คนที่เข้าใจเป็นแบบภาษาทฤษฎีแล้ว พระพุทธเจ้าแบ่งไว้ 4 คน ถ้าพูดอย่างง่ายๆคนคนนี้ก็จะประมาท เข้ากระแสแล้ว เดี๋ยวมันก็จะไปเอง เข้ากระแสแล้วก็จะต้อง สัมโพธิปรายนะ คือไปสู่ที่สุดที่สูง (สู่แดนธรรมว่า หากไม่เที่ยงแท้ก็ไม่ได้) ต้องเข้าไปอีกขั้นหนึ่ง คือ อวินิปาตธรรม เข้ากระแสแล้วไม่วูบวาบ แข็งแรงจนกระทั่งเป็น นิยตะ แปลว่าเที่ยงไม่ถอยกลับแล้ว แล้วมั่นคงไปขั้นที่ 4 จึงเป็นสัมโพธิปรายนะ
คำว่า ไม่ประมาท เป็นอุปกิเลสตัวปลายสุด
มานะ อติมานะ มทะ ปมาทะ ตัวปมาทะสูงสุดเป็นตัวสุดท้ายเลย ระมัดระวังให้ดีๆ
_ตรีกาย : มีแต่องค์ตถาคตเท่านั้นคือธรรมกาย เพราะแสดงทั้งกายธรรม และพระสัทธรรมแท้
พ่อครูว่า…ก็ใช้ได้ ธรรมกายเต็มๆเจ้าของพุทธธรรมก็คือพระพุทธเจ้ามีรูปนามเต็มๆ เราก็เอาตั้งแต่ กายน้อยๆ ค่อยๆเรียนรู้กายนี่แหละ คำว่า กายคำนี้ จึงต้องเข้าใจให้ดีๆให้ได้ ถ้าเข้าใจคำว่ากายไม่สมบูรณ์แบบไม่มีสิทธิ์เป็นอรหันต์
แยกกายได้ แยกจิตแยกพีชะ อุตุได้ มันอยู่กับเราขั้นนี้เป็นอุตุ พีชะ หรือจิต แล้วก็เป็นกรรมกับธรรมะ เป็นสภาวะ สอง กรรมเป็น Dynamic ธรรมะเป็น Static ที่จะให้เกิดสภาวะเป็นจิตสมบูรณ์แบบ ก็จะทำให้เป็น พีชะได้ อุตุได้ แล้วเราก็อาศัยพีชะในฐานะเป็นชีวิต สิ่งที่ไม่เป็นชีวิตก็ทิ้งไปเป็นอุตุ อบายมุข เป็นอุตุไปเลย กามเป็นอุตุไปเลย รูปราคะก็ทำให้เป็นอุตุเลย สุดท้ายทำได้หมดเลย ไม่มีแล้วขั้นพีชะก็ไม่เหลือ คุณก็อาศัยพีชะโดยธรรม คือไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่บาปไม่บุญ แต่อยู่ฐานเป็นอุตุไปแล้วแต่มีจิตเป็นตัวประธานเป็นตัวรู้ครอบงำสิ่งนี้ทั้งหมด ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้ นี่คือสัจจะที่อาตมาอธิบายภาษาสู่ฟังใช้สำนวนภาษาไทย อีกหน่อยไม่ถึงร้อยปี ที่อาตมาพูดไว้เขาจะเอาไปแปลเป็นภาษาอื่น เพราะไม่มีคนอื่นพูดได้อย่างอาตมา ไม่กลัวใครแย่งด้วย ต่อไปคนที่มีปฏิภาณปัญญาจะค้นคว้าขึ้นมาแล้วจะเห็นความสำคัญ อีกกี่ปีชาติไหนก็ไม่รู้ล่ะ อีก 10 ปี 20 ปี 30 ปี ก็ ไม่ต้องไปดูไบ ดูไปก็แล้วกัน
_ดาว : กราบนมัสการท่านพระครูและนักบวชทุกท่านที่เคารพเป็นอย่างยิ่งค่ะ ดูพ่อครูอยู่ประจำอยู่ฝรั่งเศสค่ะ
พ่อครูว่า…อาตมาเป็นพระครูไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่เรียกสมณะครูก็ยังได้ แล้วเขาก็มาเรียกพ่อซะเลย
_0015 คนหลงอัตตา เหมือนสิบตรีหลงแง่ง ขนาดรถชนตรงกลางลำรถยังฉีก(ภาพในอดีตที่พ่อท่านเคยเขียน) อัตตามันแกร่งขนาดนั้นหรือครับ
พ่อครูว่า…